คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Third Confession
คำสารภาพที่ 3
“คิดไรอยู่วะ
นั่งทำหน้าคิ้วชนกันมาตั้งแต่ในงานละ” เมื่อทั้งคู่เดินออกมา
คิบอมก็หันไปถามคนที่เดินมาข้างกัน
“เปล่าหรอก ช่างเหอะ ไม่เป็นไร กูคงเหนื่อยมั้ง”
จุนฮงตอบปัด
“เออๆ งั้นมึงก็กลับเหอะ เดี๋ยวเดินไปส่ง
ป่านนี้รถเมล์น่าจะยังมีอยู่” คิบอมพูดตอบ ไม่อยากเซ้าซี้อีกคนเท่าไหร่
เพราะรู้ว่าอีกคนคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้เขาฟังเท่าไหร่นัก
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงป้ายรอรถ
คิบอมก็ยืนพิงป้ายรถเมล์มองหน้าไอคนตัวขาวที่ยังทำหน้ามุ่ยไม่หาย
“จุนฮง” เสียงทุ้มต่ำ เรียกอีกคน
ทำให้จุนฮงต้องเงยหน้าจากพื้นดินมามองคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“ห้ะ? ทำไม?”
มือหนาแตะที่คิ้วที่ขมวดกันเป็นปมของอีกฝ่ายแล้วนวดเบาๆ
ทำให้คนตัวขาวชะงักไปเล็กน้อย
“กูแค่ไม่อยากเห็นมึงเครียด
กูอยากเห็นหน้าทะเล้นๆ สดใสๆของมึงมากกว่าหน้าคิดมากคิ้วผูกกันเป็นโบว์ขนาดนี้”
ร่างสูงเว้นวรรคคำพูดไปสักพักแล้วพูดต่อ
“กูเป็นห่วงมึงนะ”
“...”
จุนฮงนิ่งไป จนอีกคนต้องเอ่ยออกมาอีกรอบ
พร้อมสัมผัสจากมือหนาที่จับมาที่ไหล่ของตัวเอง แล้วออกแรงจับให้หันไปทางถนนเบื้องหน้า
ก่อนจะออกแรกผลักเบาๆ
พร้อมกระซิบข้างหูคนที่สติยังเข้าร่างไม่เต็มร้อย
“รถมาแล้ว กลับบ้านดีๆนะ”
.
.
.
.
รถเมล์เคลื่อนตัวออกมานานแล้ว
แต่บทสนทนาเมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวชเวจุนฮง
‘กูเป็นห่วงมึงนะ’
ไหนจะลมหายใจเมื่อตอนที่อีกคนมากระซิบข้างหูนั่นอีก
นึกแล้วก็อดใจเต้นไม่ได้ แต่ว่าใจเต้นกับเพื่อนเนี่ยนะ บ้าไปแล้วชเวจุนฮง
คิดพลางส่ายหัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่วยทำให้เขาไม่คิดมากเรื่องโจทก์เก่าอีก
จุนฮงหยิบหูฟังขึ้นมาใส่
พลางมองไปยังอาคารต่างๆข้างทางที่เริ่มปิดไฟ
เพราะเริ่มดึกแล้วพนักงานต่างๆก็กลับกันหมด
นั่งฟังเพลงและคิดอะไรเพลินๆ ไม่นาน
ร่างสูงก็มาหยุดยืนอยู่ที่ประตูหอพักของตัวเอง
ขายาวก้าวเข้ามาในบ้านที่สมาชิกกำลังรวมตัวกันบริเวณห้องนั่งเล่น
“กลับมาแล้วหรอ
จุนฮงมานั่งดูรีรันงานแฟชั่นวันนี้สิ มีแต่แฟชั่นเก๋ๆ นายน่าจะชอบนะ”
พี่รองของวงเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในบ้าน
“ไม่หละครับ ผมพึ่งไปดูมา ขอตัวนะครับ
เหนื่อยมากเลย” จุนฮงพูดโดยไม่ได้สนใจสีหน้าคนฟังทั้งห้าคนที่ตอนนี้มองหน้ากันตาปริบๆ
พร้อมกับความสงสัยว่า
‘มันไปมาตอนไหน และไปกับใคร’
“เฮ้อออ”
ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงบนเตียงทันที ใบหน้าแนบไปกับหมอนสีขาวนุ่มนิ่ม
เจ้าตัวเอาหน้าถูไปมากับหมอนแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
‘กูถึงบ้านแล้วนะ
ขอบคุณที่พาไปเที่ยว วันหลังเลี้ยงข้าวกูอีกนะ’ พิมพ์ข้อความในโปรแกรมแชทแล้วกดส่งออกไปหาอีกคนที่วันนี้อยู่กับเขาทั้งวัน
‘เออๆ ถึงบ้านก็ดีแล้ว
ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะมึง แต่ความจริงเลี้ยงมึงทั้งชีวิตกูก็โอเค…’
อีกคนตอบกลับมาทันที
“หึหึ มึงพูดแล้วนะ” ร่างสูงพึมพำ
พร้อมกับแคปหน้าจอไว้ แล้วส่งข้อความตอบกลับไปว่า
‘มึงพูดแล้วนะ
กูแคปไว้เป็นหลักฐานแล้วด้วย’
ร่างสูงของอีกคนส่ายหัวเบาๆกับความกวนประสาทและนิสัยเด็กๆของอีกคน
เขาอุตส่าห์แอบหยอดไป ไม่เขินบ้างหรือไงนะ
คิบอมเก็บโทรศัพท์หลังจากที่อีกคนบอกจะไปอาบน้ำ
คืนนี้ของเขายังอีกยาวไกล งานเลี้ยงนายแบบกำลังรอเขาอยู่
.
.
.
.
.
ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำในสภาพหัวเปียกมีหยดน้ำเกาะตามใบหน้าและเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีดำที่ตัดกับผิวขาวผ่อง
ครีมต่างๆถูกหยิบมาใช้บำรุงผิวหน้า
การเป็นนักร้องนี่ทำให้เขาหันมาสนใจผิวพรรณขึ้นเยอะมาก
และเพราะว่าเขายังอยู่ในวัยที่เป็นสิว เขาจึงต้องใช้เวลากับเรื่องนี้เยอะสักหน่อย
หลังจากใช้เวลากับครีมหลายขวดบนโต๊ะ
ชเวจุนฮงก็กลับมานอนเล่นบนเตียง ร่างสูงนอนคิดอะไรไปเรื่อย
จนได้ยินเสียงแจ้งเตือนแอพลิเคชั่นจากโทรศัพท์นั่นแหละ เขาจึงได้หยิบมันขึ้นมาดู
รูปถ่ายของเขาในวันนี้ถูกส่งมาจากชื่อที่คุ้นเคย
พร้อมกับคำทักทาย
‘ไม่คิดว่าจะได้เจอนายวันนี้นะ’
“หึ” ร่างสูงมองข้อความที่ถูกส่งมาพร้อมกับ
แสยะยิ้ม แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
‘พูดแบบนี้มันต่างอะไรกับการบอกผมว่ายังไม่ตายอีกหรอครับ’
‘ชเวจุนฮง
ฉันไม่ได้อยากชวนนายทะเลาะนะ อย่ามาหาเรื่องกัน’
‘ปล่อยมันผ่านไปไม่ได้หรอ
อย่ามายุ่งกับชีวิตผมอีกไม่ได้หรอครับ’ ขอบตาของร่างสูงเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาดื้อๆ
‘หึหึ เด็กน้อย
นายหนีฉันไม่ไหนไม่รอดหรอก แล้วเจอกันนะเด็กน้อยของฉัน’
จบข้อความนั้นจุนฮงก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง
ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเมื่อยามนึกถึงความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจากคนคนนั้น
คนใจร้ายที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเขาสักนิด
เขานี่มันโง่จริงๆรักคนแบบนั้นไปได้อย่างไรกันนะ
.
.
.
.
.
“ว่าไงพ่อนายแบบดีเจ”
เสียงทักทายจากคนในวงดังขึ้นเมื่อเขานั่งลงในวงสนทนา
“ก็ดี” เขาตอบพร้อมกับหยิบแก้วน้ำส้มมาดื่ม
“เตรียมฉลองสละโสดได้แล้วมั้งงงคุณนายแบบไฟแรง”
“ฮิ้ววววววว”
เรียกเสียงโห่แซวได้จากนายแบบทุกคนในโต๊ะ
“คงไม่เร็วๆนี้หรอก” ร่างสูงตอบ โดยใบหน้าไม่ได้ยิ้มแย้มเท่าไหร่นัก
“อ่าว ทำไมวะ” เป็นแจฮยอกที่เอ่ยถามออกมา
“ก็ไม่รู้สิ ช่างเหอะๆ กินต่อๆ”
คิบอมพูดโดยไม่ให้คนอื่นได้ถามอะไรอีก
เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์หรืออะไรทั้งนั้น
เขาก็ยังไม่มั่นใจนักหรอกว่าเขาชอบจุนฮงจริงๆหรือเปล่า
เพราะก็พึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ว่าไอเด็กนั่นมันมีอะไรบางที่ทำให้เขาอดห่วงไม่ได้
ความร่าเริง ความซน
ความดื้ออีกทั้งความขี้อ้อนของเด็กนั่นก็ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ อยากคอยดูแล
คิบอมคิดถึงตอนที่บอกอีกฝ่ายว่าเขาชอบรอยยิ้ม หน้าทะเล้นๆของอีกคนมากกว่าหน้าที่ดูไม่สดใสคิ้วขมวดนั่นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาชอบลักยิ้มน้อยๆของอีกคนมากจริงๆ เห็นแล้วอยากจะเอามือไปจิ้ม
แล้วหยิกแก้มขาวๆที่เหมือนซาลาเปานั่นสักที ถ้าเจอครั้งหน้า
เขาคงต้องแกล้งไอเด็กยักษ์นั่นซะหน่อยแล้วหละ
.
.
.
.
.
“ไอคุณโรมครับ มัวแชทกับสาวที่ไหนอยู่ครับ
กับคงกับข้าวนี่ไม่คิดจะทำให้กูกินเลยใช่ไหม กลับมาก็นั่งกดโทรศัพท์เลยนะ
กูนั่งมองมึงมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
“กูไม่ได้คุยกับสาว กูคุยกับแฟนเก่า”
เสียงของคนที่ถูกเรียกว่าโรมตอบกลับมา
“แฟนเก่าคนไหนของมึงอีกอ่ะ เด็กไอดอลนั่นอ่ะหรอ”
อีกคนถาม
“อืม”
“มึงไปแกล้งอะไรเค้าอีกหละ”
อีกฝ่ายที่คิดว่าการสนทนาครั้งนี้จะยาวทนไม่ไหวเลยเดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวมากินรองท้องไปก่อน
“เด็กมันน่าแกล้ง กูก็เลยทำอะไรนิดหน่อย” โรมตอบพร้อมกับเลื่อนดูรูปของอีกคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ตอนนี้ที่เขาถ่ายมาได้วันนี้
“แกล้งเค้ามาก ระวังมึงจะโดนเองบ้าง
ช่างเรื่องของมึงเถอะ รีบๆไปทำกับข้าวให้กูได้แล้วโว้ยไอโรมมม
หิวจนจะกินมึงเข้าไปได้แล้ว” คนพูดบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วเดินไปนั่งรอในครัว
ทิ้งให้อีกคนนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
พร้อมกับใบหน้าของคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ที่ลอยเข้ามาในหัว
.
.
.
.
.
“ว่าไงลูกชาย ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้หละ”
เสียงทุ้มของพี่ใหญ่ในวงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้อง พร้อมขยี้หัวจนผมฟูไม่เป็นทรง
“เป็นอะไรทำไมตาบวมด้วย
วันนี้อดไปเที่ยวแน่ๆไอหนู”
พี่ใหญ่ของวงพูดขึ้นโดยที่สายตายังจดจ่อกับข่าวในทีวีตรงหน้า
“พี่ครับ คนเราจะมีเหตุผลที่จะรักใครคนนึงกี่เหตุผลกันครับ”
ร่างสูงนั่งลงข้างๆคนเป็นพี่ก่อนจะหยิบหมอนอิงมากอด แล้วเหม่อสายตาไปอย่างไร้จุดหมาย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่ว่าบางทีอาจจะไม่มีเหตุผลเลยก็ได้นะ
แค่เคมีตรงกันมันก็สปาร์คได้แล้ว”
“ผมขออีกคำถามนึงนะครับ” เด็กหนุ่มพูดต่อ
และได้รับการตอบรับโดยการพยักหน้าตอบจากอีกฝ่าย
“ทำไมคนเรายังจำ
และยังรักอีกคนที่ทำไม่ดีกับเราหละครับ”
“นายต้องแยกคำว่ารัก กับคำว่าจำนะ
นายอาจจะแค่ยังจำความรู้สึกเหล่านั้น
จำภาพของช่วงเวลาดีๆเหล่านั้นที่เคยใช้ด้วยกันกับใครสักคนได้
แต่ไม่ได้แปลว่านายจะยังรักเค้าอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะสมองของเรายังคงเลือกจะจำส่วนที่ดีของเขาโดยไม่สนใจว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเราไปแล้วแค่ไหนก็ได้
หรืออาจจะเป็นความเคยชินที่เคยมีเค้าแต่พอไม่มีมันก็รู้สึกคิดถึงใช่มั้ยหละ”
“เฮ้อออ นั่นสินะครับ ขอบคุณนะพี่ ผมขอไปหาอะไรกินก่อน
ในตู้มีอะไรกินมั้ยพี่” ร่างสูงลุกขึ้นยืน พร้อมบิดขี้เกียจ
“รามยอนสองห่อ” เสียงทุ้มตอบกลับมาโดยไม่ลังเล
และเพราะเหตุผลนี้เขาเลยต้องมานั่งจิบกาแฟดูข่าวเช้าอยู่นี้ไง
รามยอนกับตอนเช้าดูจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นัก ถึงแม้เขาจะชอบรามยอนก็เถอะ
“หึหึ งั้นหรอครับ” ร่างสูงหัวเราะเบาๆแล้วเดินหายเข้าไปในครัว
ทิ้งบทสนทนาเมื่อสักครู่ให้จางไปพร้อมกับควันหอมกรุ่นของกาแฟในแก้ว
..............................................
“ Puppy’s
love always breaks someone’s heart and leaves us pain , when the time past it
will be just a memory. ”
สวัสดีค่ะ ลืมกันไปหรือยังง เรากลับมาแล้ว
กลับมาพร้อมโมเม้นต์ของคู่นี้ด้วย ฮี่ๆๆ เราคิดถึงคู่นี้มากๆเลย
ตอนนี้ก็มีหวานเศร้าซึ้งปนกันไป ถ้าใครลืมเราแนะนำให้กลับไปอ่านใหม่ ฮ่าๆ
ตอนนี้เรามีเวลาว่างแล้ว ว่างไปอีกนานเลย เราจะอัพให้จบนะคร้าบบบ ทุกคนโปรดอย่าสาปแช่งเรา
ยังไงก็ฝากฟิคคู่แปลกคู่นี้ด้วย สำหรับใครเมนจุนฮงหรือไม่เมนก็ได้
หรือใครชอบคู่นี้ก็อ่านได้ 555555 เหมือนเดิมครับผม พูดคุย/ทวงฟิค ได้ที่
Twitter
: @xT_rek หรือ #คิฮงนายแบบ #คิฮง
ความคิดเห็น