ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บอดี้การ์ดสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #1 : ความฝันและแรงบันดาลใจ

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 49


    "เอ ทำไมนะแต่งไปตั้งนานไม่เห็นมีใครติดต่อมาสักที" หญิงสาวบ่นงึมงำให้กับตัวเองที่ก่อนหน้านี้เธอแต่งไปเสร็จสมบูรณ์ แต่ไม่มีสำนักหนังสือพิมพ์ติดต่อกลับมาบ้างเลย เฮ้อว่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับตัวเอง




    กริ๊ง กริ๊งๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรื่อยๆ การคิดอะไรไปต่างๆนาๆก็คงต้องหยุดเอาไว้ก่อน






    "ฮัลโล" เธอตอบออกไปด้วยความเบื่อหน่าย"







    นี่ยายป่านทำไรอยู่จ๊ะ มีสำนักพิมพ์เค้าติดต่อมาบ้างรึยัง" รินลนีถามด้วยความอาการขันๆ






    นิชดาหรือป่านเป็นหญิงสาวผู้ที่มีความฝันอยากจะป็นนักเขียนมืออาชีพ แต่ด้วยความที่ว่าเธอเองเพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นนักเขียนครั้งแรกมันอาจจะดูมืดมนหากเธอไม่พยายามอย่างเต็มที่







    "อะไรกันย่ะยายนี จะซ้ำเติมกันรึไง" เดี๋ยวเถอะตัวเองไม่เป็นแบบฉันก็ให้มันรู้ไป







    "เออๆ ฉันก็แหย่แกไปงั้นแหละว่าแต่นี่ก็นานแล้วน่า แกน่าจะตัดใจจากการเป็นนักขงนักเขียนนั่นซะที อีกอย่างแกก็จบบริหารมานะน่าจะทำด้านที่แกถนัดมากกว่า"







    "ก็คิดอยู่เหมือนกันแต่ฉันกะว่าจะลองเป็นนักเขียนออนไลด์ไปด้วย แล้วก็หางานทำด้วยอ่ะ"






    "เฮ้ยอะไรกันแกจะทำไรให้มันยุ่งยากนักนะ" ฉันละเชื่อแกจริงๆยายป่าน






    "เอาน่างานเขียนมันเป็นสิ่งที่ฉันชอบส่วนตัว ฉันอยากให้คนที่อ่านมีความสุขกับมัน" หญิงสาวพูดด้วยความมุ่งมั่น







    "งั้นก็ตามใจแกแล้วกันฉันคงห้ามแกไม่ได้หรอก"






    หลังจากที่ทั้งสองตัดบทจากการสนทนาแล้วก็ต้องทำให้คิดหนักถึงเรื่องงานเขียนของเธอที่จะทำอย่างไรให้ถูกใจคนอ่าน หลายผลงานนักประพันธ์ชื่อดังที่เธอนำมาอ่านเพื่อจะดูว่านักเขียนเหล่านี้มีจุดดึงดูดผู้อ่านอย่างไร






    หญิงสาวลงมาจากชั้นบนกับกระเป๋าสะพายคู่เก๋ของเธอบ่งบอกถึงบุคลิกที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม






    "จะออกไปไหนละลูก" เสียงผู้เป็นมารดาคล้อยตามหลัง







    "อ๋อหนูว่าจะออกไปหาหนังสือมาอ่านเล่นนะค่ะคุณแม่ เผื่อจะได้ไอเดียใหม่ๆ"







    "ตามใจจ๊ะแล้วอย่าไปถเลไถลที่ไหนละ" ผู้เป็นมารดาพูดเหมือนออกคำสั่งแต่ก็แกมขี้เล่น






    ผู้คนมากมายเดินกวักไกว่ไปตามท้องถนน มันคงเป็นภาพชินตาไปแล้วละมั้ง สำหรับหญิงสาวที่เธอเป็นคนต่างจังหวัดแต่ด้วยความที่ว่าหน้าตาของเธอก็คล้ายกับคนกรุงมาก คงไม่แปลกอะไรที่คนส่วนมากจะไม่เชื่อว่าเธอเป็นคนต่างหวัด เฮ้อแล้วถ้ายิ่งบอกออกไปด้วยแล้วว่าเธอ?มาจากภาคไหน? เธอก็มักจะตอบว่า "อีสานจ้า"







    หญิงสาวผู้ที่ทุกคนมองว่าออกมาทางเหนือหรือไม่ก็คนกรุงนั้นหลายๆคนคงต้องแปลกใจอย่างมาก เมื่อเธอเป็นลูกข้าวเหนียวแท้แต่หน้าไม่ให้เอาเสียเลย จึงไม่แปลกอะไรที่เธอไปหาญาติของเธอที่ต่างจังหวัดหลายๆคนมักจะพูดภาษากลางกับเธอ









    หลายครั้งที่เธอไม่พอใจกับการดูถูกคนอิสาน "ลาว" คำคำนี้มันทิ่มแทงหัวใจของเธอมาก เธอไม่เข้าใจว่าการเสมอภาคหรือการเท่าเทียมกันมันยังมีไหมในสังคมเมืองกรุง








    "เฮ้อจะเอาเล่มไหนดีเนี่ย"







    "ตุบ" เสียงหนังสือที่หญิงสาวถืออยู่ดันไปหล่นลงที่เท้าของชายร่างสูงคนหนึ่ง








    "ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ตาบ้านี่เกะกะจริงๆ








    ชายหนุ่มมองมาที่หญิงสาวเล็กน้อย แล้วอาการเย็นชาที่ตอบไปเรียบๆว่า







    "ไม่เป็นไรครับ"







    การเดินออกไปโดยไม่ค่อยที่จะสนใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไหร่ก็คงเป็นปกติที่คนอย่างพีรพลทำอยู่บ่อยๆ
    ตาบ้านี่มารยาททรามจริงๆ โธ่เอ้ยทำเป็นหยิ่ง








    ความคิดของเจ้าหล่อนที่ไม่ค่อยชอบผู้ชายที่เย็นชามากนักรวมทั้งผู้ชายที่ขี้เก๊กสุดๆนั้นไม่จัดอยู่ในสเปคของเธอเลย หญิงสาวหากจะพูดถึงความสวยแล้ว ด้วยใบหน้าที่ดูคมมีเสน่ห์ เป็นที่สะดุดตาและจมุกที่รับได้รูป ขนตางอนอย่างธรรมชาติทำให้เธอไม่จัดอยู่ในสาวอิสานแม้แต่นิดเดียว








    "ว่าไง คุณจะรับงานนี้ไหม" ชายหนุ่มยื่นเอกสารพร้อมกับหน้ากากที่เย็นชาอีกตามเคย








    "ได้ครับเรื่องนั้นไม่มีปัญหา แต่เราจะไปหาบอดี้การ์ดดีๆได้ที่ไหนละครับ"







    "นี่ป็นเอกสารที่ผมติดต่อเค้ามา มีประวัติทุกคนอยู่ในนั้น ผมอยากได้ผู้ชายมากกว่าเพราะผมจะจ้างเค้ามาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว"





    "แล้วถ้าไม่ได้ละครับ" สุทธิชัยถามไปด้วยอาการติดขัด





    "ถ้าเป็นผู้หญิงผมก็ไม่ว่าไรหรอก แต่ต้องเป็นแบบทอมๆหน่อยผมไม่ชอบผู้หญิงที่อ่อนแอ"




    "ครับ" สุทธิชัยรับคำพร้อมเดินออกไปด้วยสีหน้าที่แบกโลกเอาไว้






    การเป็นคนสนิทมันก็ดีอยู่หรอก เขาอาจจะได้รับความไว้วางใจจากพีรพลเป็นอย่างมากแต่เพราะเขารู้ดีว่าการซื่อสัยต์เท่านั้นที่ทำให้เค้าอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้




    อ่านจนตาลายแล้วยังไม่มีคนไหนที่มีคุณสมบัติตรงประเด็นเล้ยย สุทธิชัยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่





    สุทธิชัยบ่นกับตัวเองงานนี้เป็นงานชิ้นใหญ่ต้องคิดให้รอบคอบเพราะนี่คือความปลอดภัยของพีรพล เจ้านายน้อยที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ หากไม่เพราะเด็กหนุ่มผู้ร่าเริง สนุกสนานเฮฮากับต้องมาสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักแล้วละก็ พีรพลคนนี้คงไม่ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ และด้วยสีหน้าที่ดูเย็นชาเข้าหน้าใครไม่ติดจึงทำให้หลายคนมองเค้าเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น




    ลั้น ลั่น ล่า เสียงดังมาแต่ไกลทำให้ผู้เป็นมารดานั้นต้องแปลกใจ





    "เป็นอะไรจ๊ะ อารมณ์ดีมาแต่ไกลเชียว"





    "ก็หนูติดหนึ่งในสิบจากเรื่องที่หนูเขียนนะสิค่ะ"




    "แล้วได้ทีเท่าไรจ๊ะ"




    "ที่ 10 ค่ะ แหะ ๆ" ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยปลื้มกับผลงานของตัวเองมากนักแต่นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเจ้าหล่อน




    "ได้แค่นี้ก็ดีแล้วละลูก คนเราหากมีความพยายามยังไงมันก็ต้องได้" ผู้เป็นมารดากล่าวกับลูกสาวอย่างเอ็นดู




    "ค่ะ หนูจะพยายามอย่างเต็มที่" ว่าแล้วมือขวาอันน้อยๆ ก็มาจรดกับหน้าผากเป็นรูปสี่สิบห้าองศาอย่างกับรับฟังคำบัญชาอย่างไงอย่างงั้น




    ผู้เป็นมารดาได้แต่ส่ายหัวไปมา "เมื่อไหร่จะรู้จักโตนะลูกคนนี้"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×