คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : : :It started with a kick: :
: :It started with a kick: :
“ซีวอนเย็นนี้ไปกินไอติมกันเถอะ>_< “
“ขอโทษนะทึกกี้แต่วันนี้ฉันมีนัดกับฮีนิมน่ะ“ อีทึกหน้ามุ่ยลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ ฝ่ายซีวอนเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่น่ารักของเขากำลังงอนจึงรีบยื่นข้อเสนอใหม่ทันที “ทึกกี้ไปกับฉันมั๊ยล่ะ? “
“จะบ้ารึไง..ใครเค้าจะไปเป็นก้างขวางคอนั่งมองคนเขาจู๋จี๋กันให้อิจฉาเล่า ชิส์“ อีทึกตอกกลับใส่เพื่อนรักอย่างประชดชัน เฮอะ เดี๋ยวนี้เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนมันน่าเจ็บใจนัก “ฉันไปเที่ยวกับสเตฟานี่ก็ได้ ไม่ง้อนายหรอก“ พูดจบก็สะบัดหน้าเชิ่ดเดินหนีไปทันที
“ไว้ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงไถ่โทษนะ“ ซีวอนตะโกนไล่หลังเพื่อนตัวเล็กไป
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แบร่“ อีทึกหันมาแลบลิ้นใส่ซีวอนแล้วก็วิ่งตรงไปหาเป้าหมายต่อไป
ซีวอนยิ้มน้อยๆให้กับความไม่รู้จักโตของเพื่อนรัก หลังจากเคลียร์เรื่องทั้งหมดกับฮีชอลเรียบร้อยแล้วอีทึกก็ไปขอโทษฮีชอลแล้วก็พยายามตื๊อที่จะเป็นเพื่อนด้วยให้ได้ ในตอนแรกฮีชอลก็ยังคงฟอร์มนิ่งทำเป็นไม่สนใจอีทึกแต่ในที่สุดก็ทนลูกตื๊อไม่ไหวยอมคุยด้วยและตอนนี้ก็กลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กันไปเรียบร้อยแล้ว ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องพากันไปเที่ยวเล่น ช็อปปิ้งเป็นประจำพ่วงด้วยสเตฟานี่อีกคน จนเขาแทบจะกลายเป็นคนที่ถูกลืม น่าแปลกทั้งๆที่คนแบบอีทึกเป็นคนประเภทที่ฮีชอลเกลียดที่สุด ประเภทที่ฮีชอลเรียกว่า “แอ๊บแบ๊ว“ แต่ไหงกลายมาเป็นเพื่อนรักกันได้...
: :It started with a kick: :
หงุดหงิด หงุดหงิด ปาร์คจองซูหงุดหงิดเป็นที่สุด!!!!
เมื่อห้านาทีที่แล้ว
“เอ่อ ขอโทษนะทึกกี้..วันนี้เดนนิสชวนฉันไปเดทน่ะ..พอดีเขาเพิ่งกลับมาจากอเมกาแล้ว....” สเตฟานี่พยายามอธิบายให้เพื่อนรักเข้าใจ
“ไม่เป็นไรๆ เธอเห็นฉันเป็นคนใจร้ายที่ไม่ยอมให้เพื่อนไปเดทกับแฟนรึไงฮึ” อีทึกแกล้งทำหน้างอนๆใส่อีกฝ่ายให้เลิกกังวลใจ
“ขอโทษนะ...” สเตฟานี่พูดเสียงอ่อย
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร...ไปเดทกับเดนนิสให้สนุกเหอะ” อีทึกขัดก่อนที่สเตฟานี่จะขอโทษไปมากกว่านี้
“งั้นฉันไปแล้วนะ..บ๊ายบาย” สเตฟานี่โบกมือให้กับอีทึกก่อนจะวิ่งไปหาเดนนิสที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ
ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เหอะแต่ปาร์คจองซูก็น้อยใจนะ!!!
เพื่อนๆก็พาแต่สนใจแฟนกันหมดปล่อยให้เค้าหง่าวอยู่คนเดียว..แย่ชะมัดเลย คอยดูนะเค้าจะหาแฟนมาควงให้ได้เลยคอยดู
นั่งคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ได้ซักพักเพื่อนร่วมห้องสามสี่คนที่กำลังจะเดินผ่านก็หยุดทักอีทึกเข้าจนเจ้าตัวหลุดจากภวังค์
“อีทึกทำไมถึงนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ ซีวอนหายไปไหน” เพื่อนคนแรกที่อีทึกจำได้ว่าเป็นหัวหน้าห้องเอ่ยทัก
อีทึกยิ้มแหยๆให้อีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงหงอยๆ
“ซีวอนมีเดทน่ะ...ฉันเลยถูกทิ้ง” เพื่อนๆมองอีทึกอย่างเห็นใจ จนเพื่อนอีกคนเสนอความคิดขึ้นมา
“เอาอย่างงี้ซิเรากำลังจะไปชมรมยูโดนายจะไปกับพวกเรารึเปล่า”
“ชมรมยูโด...มีอะไรหรอ?” อีทึกถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยก่อนจะสังเกตุเห็นว่าถุงในมือของเพื่อนๆนั้นใส่ของจำพวกบำรุงร่างกาย น้ำแร่แล้วก็ผ้าขนหนูสีหวาน
“วันนี้มีคัดตัวนักกีฬาน่ะ..เราก็เลยจะไปให้กำลังใจเขา” เพื่อนอีกคนนึงตอบ
“เขา?” อีทึกทวนอีกครั้งพลางทำหน้าสงสัย
“ถ้าอยากรู้ก็ตามเรามาซิ”
อีทึกลังเลนิดนึงแต่ก็ลุกตามเพื่อนในห้องไป ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วยังดีกว่าอยู่เฉยๆ
: :It started with a kick: :
ชมรมยูโด
อีทึกมองหน้าชมรมด้วยความแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมารอดูเยอะขนาดนี้คงจะเจ๋งจริงๆอย่างที่ว่าละมั้ง..ค่อยน่าสนใจหน่อยแฮะ
ร่างบางเดินตามเพื่อนๆเข้าไปในชมรม ที่นั่นทุกคนกำลังนั่งรอชมการคัดตัวอย่างเงียบๆ จากที่อีทึกสังเกตุส่วนมากจะมีแต่นักเรียนหญิงเป็นซะส่วนใหญ่แถมยังหิ้วของมากันเต็มมือเหมือนเพื่อนเขา อ๊ะ..บางคนมีป้ายเชียร์มาด้วย อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้น..ก็แค่คัดตัวนักกีฬาเอง อีทึกมองสำรวจรอบๆชมรมไปเรื่อยๆในขณะที่นั่งรอ จนในที่สุดสัญญาณการแข่งก็เริ่ม
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองคู่ การแข่งขันสนุกอย่างไม่น่าเชื่อขนาดแค่คัดตัวยังสนุกซะจนแทบลืมหายใจแล้วการแข่งจริงจะขนาดไหนเนี่ย อีทึกทั้งเชียร์ทั้งลุ้นไปได้ซักพักก็เกิดอยากเข้าห้องน้ำกระทันหัน สายตาสอดส่องไปรอบๆหาห้องน้ำแต่ก็หาไม่เจอจึงหันไปสะกิดเพื่อนข้างๆ
“มินอา ห้องน้ำอยู่ไหนอะ” เพื่อนสาวที่กำลังใจจดใจจ่อกับการแข่งขันหันมาตามแรงสะกิดของอีทึก
“ห้องน้ำหรอ...อยู่ข้างนอกน่ะ แต่รู้สึกว่าในชมรมนี้ก็มีนะนายเข้าไปใช้ก็ได้ตอนนี้นักกีฬาคงไม่ค่อยเยอะ” อีทึกขอบคุณมินอาแล้วรีบวิ่งไปตามทางที่หญิงสาวชี้
ห้องน้ำของชมรมยูโดอยู่ในห้องพักนักกีฬาอีกที ข้างในกว้างแล้วก็มีห้องน้ำห้องอาบน้ำหลายห้องสำหรับนักกีฬาไว้ใช้ชำระร่างกายหลังการฝึกซ้อม นักกีฬาแต่ละคนมีล็อกเกอร์ส่วนตัวเพื่อใช้เก็บของใช้และเสื้อผ้า ที่สำคัญห้องนี้ยังติดแอร์ซะเย็นเฉียบ..เป็นชมรมที่น่าอยู่จริงๆ
อีทึกยืนล้างมืออยู่ตรงอ่างพลันหูก็ได้ยินเสียงปลดล็อกประตูพร้อมกับผู้ชายคนนึงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ดูหมิ่นเหม่จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ร่างกายท่อนบนเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สวยงามหน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลูกๆจนอีทึกเห็นแล้วอายตัวเอง ร่างบางหันหน้ากลับจากภาพน่าหวาดเสียวทำเป็นไม่เห็นคนคนนั้นซึ่งอีกฝ่ายก็ดูท่าจะไม่เห็นเขาเหมือนกัน อีทึกเดินย่องออกมาเงียบๆไม่ให้ชายคนนั้นรู้สึกตัวจวนเจียนจะออกจากห้องไปได้แล้วแต่ก็มีคนเปิดประตูมาชนซะก่อน
“อ้าว..จะไปไหน นี่รอบนี้จะจบแล้วยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรอหา” ชายคนที่เข้ามาใหม่พูดรัวใส่อีทึกเป็นชุดจนอีทึกจับต้นชนปลายไม่ถูก
“แน่ะ จะทำหน้างงอีกมานี่เลยไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้” ร่างสูงกว่าจัดการลากแขนอีทึกที่ยืนเอ๋อไปทางที่อีทึกเพิ่งเดินออกมา
“อ..เอ่อ ผมไม่ใช่...” พูดยังไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ยัดชุดยูโดใส่มือพลางทำตาดุใส่
“เข้าไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”
“ผ..ผมไม่ได้”
“นายจะบอกว่านายเป็นสมาชิกใหม่ใช่มั๊ย โอเคฉันรู้แต่นายก็ไม่สามารถปฏิเสธการคัดตัวได้ ทุกคนต้องคัด!!!!” ชายหน้าโหดตะคอกใส่อีทึกเสียงดัง “หรือนายจะให้ฉันจับถอดตรงนี้หะ” พูดขู่ไม่เปล่าทำท่าขยับเข้ามาใกล้ๆอีกด้วย
อีทึกทำหน้าจะร้องไห้แต่ในที่สุดก็จำใจเดินเข้าห้องแต่งตัวโดยมีสายตาของคนน่ากลัวมองตามอย่างจับผิด
พระเจ้าช่วยลูกให้อยู่รอดด้วย TT^TT อาเมน
“เกิดอะไรขึ้นวะ” เสียงผู้ชายคนนึงดังขึ้น คงจะเป็นผู้ชายเอ็กซ์ๆคนนั้นแน่เลย
“เด็กใหม่น่ะ จะหนีแข่ง” พี่โหดตอบหนุ่มเอ็กซ์ - -;
“ฮึ” อีทึกได้ยินเสียงอีกฝ่ายทำเสียงในลำคอ
“ไงนายก็เบามือหน่อยละกัน...เจ้าเด็กนั่นดูบอบบางอย่างกะพวกคุณหนู”
“บอบบาง?”
“แถมน่ารักอีกด้วย..ไม่รู้คิดไงถึงเข้าชมรมนี้” อีทึกหน้าแดงกับคำชมของพี่โหด
“ไม่รับปากว่ะ”
“ไอ้...”
รอซักพักจนแน่ใจว่าคู่สนทนาของพี่โหดไปแล้วอีทึกจึงค่อยๆโผล่ออกมา
“แต่งตัวนานเป็นชาติเลยนะ” พี่โหดทักเมื่ออีทึกออกมาจากห้องแต่งตัว “ไปรีบๆเร็วเข้า คู่ของนายออกไปรอตั้งนานแล้ว” พี่โหดว่าพลางดันหลังอีทึกที่ยืนช็อกไปเรียบร้อยแล้วให้เดิน
ย..อย่าบอกนะว่าหนุ่มเอ็กซ์นั่นเป็นคู่เขา น..นรกแล้ว ฮือ ซีว๊อนนนน TT[]TT
: :It started with a kick: :
กรี๊ด...กรี๊ด...สู้ๆๆ...
เสียงบรรดานักเรียนหญิงส่งเสียงเชียร์นักกีฬากระทบเข้าหูอีทึกดังอื้ออึงหลังจากที่ถูกพี่โหดลากออกมาจากห้องพักนักกีฬาอย่างทุลักทุเลมายืนรายงานตัวกับกรรมการ อีทึกสติหลุดลอยไปไกลถึงขนาดที่ว่ากรรมการถามว่าเขาชื่ออีฮยอกแจใช่มั๊ยเขาก็พยักหน้ารับกลับไป ร่างบางเหลือบไปเห็นว่ามินอาและเพื่อนๆมองที่เขาอย่างตกใจว่าเขามายืนตรงนี้ได้อย่างไรแถมยังใส่ชุดยูโดอีกด้วย เขาก็อยากจะบอกกลับไปเหลือเกินว่า..ตรูก็ไม่รู้TT_TT
เมื่อทุกอย่างพร้อมอีทึกก็ถูกพี่โหดพลักออกไปยืนตรงกลางสนามประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อีทึกแทบจะไม่อยากเห็นหน้า เสียงพี่โหดตะโกนให้กำลังใจผ่านเข้าหูขวาทะลุออกหูซ้ายไปอย่างไม่ช่วยอะไร กรรมการกดสัญญาณเริ่มการแข่งขันแล้วแต่เขาก็ยังยืนก้มหน้าอยู่...
ฮือๆๆ ปาร์คจองซูอยากกรี๊ดดด
ทำไงดีๆๆๆ เขาจะต้องเละไม่มีชิ้นดีแน่ๆ..แกล้งเป็นลมดีมั๊ย..หวาๆๆน่าขายหน้าจะตาย..หรือจะวิ่งหนีไปเลย..โอ๊ยยย แย่แล้ววว
ระหว่างที่อีทึกกำลังสับสนกับความคิดของตัวเอง หนุ่มคู่ต่อสู้ของอีทึกก็มองร่างบางด้วยความหงุดหงิดที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ
“เฮ้..นายน่ะจะยืนมองเท้าอีกนานไหมหา”
“......” น..หนุ่มเอ็กซ์โกรธเขาแล้ว ฮือออโดนจับทุ่มแน่เลยปาร์คจองซู...
“ฉันรู้ว่านายมันขี้ขลาด แต่นายก็แค่เดินเข้ามา ฉันจะได้รีบทำให้มันจบๆรับรองว่านายไม่เจ็บหรอก...ไอ้ลูกหมา” น้ำเสียงดูหมิ่นดังเข้าหูอีทึกเต็มๆเล่นเอาเจ้าตัวฉุนกึก
น..หนอย..ว่าฉันเป็นไอ้ลูกหมาเรอะ..ตายเป็นตายว้อยยย
คำดูถูกของอีกฝ่ายกลายเป็นแรงฮึดสู้ให้กับอีทึกได้เป็นอย่างดี อีทึกเงยหน้าขึ้นหมายมั่นจะมองหน้าของคู่แข่งให้เต็มๆตา เท้าสองข้างวิ่งเข้าหาหนุ่มเอ็กซ์ที่เขาแขยงในตอนแรกอย่างไม่เกรงกลัว
คังอินมองคู่ต่อสู้ของตนที่จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาแถมยังทำท่าจะพุ่งชนเข้าใส่อย่างตกใจแต่สัญชาตญาณของนักยูโดที่มีอยู่เปี่ยมล้นก็สั่งการให้เขายกขาขึ้นและ...
พลั่ก...
ภาพสุดท้ายที่อีทึกเห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มเอ็กซ์ที่กำลังทำท่าตกใจและ...ฝ่าเท้าไม่ได้รับเชิญที่ยันมาโดนหน้าเขาเต็มๆ ก่อนที่สติของปาร์คจองซูจะดับวูบไปพร้อมกับความคิดสุดท้ายที่ว่า...หล่อจัง >/////<..คร่อก
: :It started with a kick: :
“ทึกกี้เป็นไงบ้าง” ซีวอนเอ่ยถามพลางมองรอยช้ำตรงแก้มของเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง
“ฉันยังอ..โอ๊ย..โอเคอยู่” อีทึกขยับปากพูดเบาๆเพื่อไม่ให้หน้าส่วนตรงแก้มเคลื่อนไหวมาก
“สมน้ำหน้า..ใครใช้ให้เล่นอะไรไม่เข้าท่า” ฮีชอลนอกจากจะไม่เห็นใจแล้วยังพูดจาเหน็บแนมใส่อีก ถึงจะสนิทกันแล้วแต่ไอ้นิสัยให้พูดจาดีๆคงจะทำยาก
“ฮีชอลอ่า..ทึกกี้ไม่ได้เล่นนะ..ทึกกี้แค่..”
“โง่?..ปากก็มีทำไมไม่บอกเล่าว่าไม่ใช่อีฮยอกแจอะไรนั่น” คำพูดโหดร้ายยังคงถูกปล่อยออกมาจากปากของฮีชอลอยู่เรื่อยๆ
“ไม่เอาน่าฮีนิม...ตอนนั้นทึกกี้คงตกใจอยู่ใช่มั๊ย” ซีวอนพยายามห้ามทัพอย่างใจเย็น อีทึกเผลอพองลมในปากแบบที่ทำเป็นประจำเวลางอนอย่างลืมตัวส่งผลให้ความปวดที่มีอยู่แล้วยิ่งมากกว่าเดิม
“โอ๊ย ฮือออ ซีวอนอ่า..ทึกกี้เจ็บจัง” อีทึกทำตาปรอยๆใส่ซีวอนอย่างน่าสงสาร ร่างสูงจึงกอดเพื่อนรักลูบหัวเบาๆแล้วโยกตัวไปมาเหมือนคุณพ่อปลอบลูก
ชิส์ ฮีชอลมองภาพตรงหน้าอย่างขัดใจ โอ๋..กันเข้าไป ไม่สงสัยเลยว่าทำไมอีทึกถึงได้ไม่รู้จักโตจนถึงตอนนี้...
ที่ฮีชอลพูดจาว่าอีทึกต่างๆนานาใช่ว่าเขาเกลียดอีทึกแต่ต้องการให้อีทึกรู้จักเข้มแข็ง เลิกทำตัวอ้อนคนอื่นเป็นเด็กๆแต่การที่ซีวอนยังคงโอ๋อีทึกต่อไปแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เฮ้อ..ก็เจ้าตัวเล่นน่ารักเกินที่จะโกรธลงนะซิ
“เลิกงอแงได้แล้วน่าอีทึก..เอาเป็นว่า...ฉันขอโทษละกัน” ฮีชอลถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับกล่าวคำขอโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ผิด
พรึ่บ
“จริงๆนะ” อีทึกผละออกจากอ้อมกอดของซีวอนมองหน้าฮีชอลตาแป๋ว
“อือ” ฮีชอลตอบพึมพำพลางเสหน้ามองไปทางอื่นไม่สบตาอีทึกกลัวว่าถ้ามองตาแป๋วๆนั้นนานเกินไปจะใจอ่อนไปมากกว่านี้
“จะไม่ด่าฉันแล้วใช่มั๊ย” เสียงหวานยังคาดคั้นต่อไป
“อื้อ”
หมับ อีทึกกระโจนเข้ากอดฮีชอลอย่างเต็มแรงพร้อมประทับริมฝีปากบนแก้มนิ่ม
“ฮีชอลใจดีที่สุดเลย ทึกกี้รักฮีชอลน๊า....รักมากกว่าซีวอนด้วย” ประโยคสุดท้ายกระซิบเบาๆข้างหูคนสวยให้ได้ยินกันแค่สองคนเพราะขืนอีกคนได้ยินมีหวังถูกงอนตายชัวร์
ฮีชอลมองอีทึกที่ยิ้มแป้นให้กับตัวเองอย่างอ่อนใจก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายกลับเร็วๆทีนึงเพื่อเอาใจเด็กขี้อ้อน ซีวอนที่เห็นคนรักและเพื่อนรักของตัวเองแสดงความรักกันแค่สองคนก็ไม่ยอมรีบเสนอหน้าตัวเองเข้าไปหอมแก้มฮีชอลกับอีทึกคนละทีบ้าง...ช่างเป็นภาพที่หวานแหววซะเหลือเกิน
ใครว่าคิมฮีชอลเป็นแม่มดขี้หงุดหงิดสุดแสนจะเย็นชาเห็นทีจะคิดผิดซะแล้วล่ะ...อย่างน้อยปาร์คจองซูคนนี้ก็ปราบแม่มดฮีชอลซะอยู่หมัด คิกๆๆๆ
: :It started with a kick: :
“อีทึกเป็นไงบ้าง” มินอาและเพื่อนๆรีบวิ่งเข้ามาหาอีทึกทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้าห้องเรียน
“ไม่เป็นไรมากหรอก มีแค่รอยช้ำตรงแก้มเดี๋ยวก็หาย” พูดจบก็ยิ้มสดใสให้เพื่อนๆเป็นการยืนยัน
“เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานทำไมนายถึงไปแข่งกับคังอินได้ รู้มั๊ยว่าเค้าเป็นถึงแชมป์เยาวชนเลยนะ นายอาจจะคอหักไม่รู้ตัวก็ได้” มินอาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
ช..ช..แชมป์เยาวชน แม่เจ้า..ปาร์คจองซูรอดมาได้มีเพียงแค่รอยช้ำตรงแก้มนี่ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์สุดๆ
“แฮ่ๆๆ พอดีเกิดการเข้าใจผิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่เป็นไรแล้วนิ..เลิกกังวลเถอะ”
“เฮ้อออ แล้วไป” มินอาถอนหายใจเบาๆ “เย็นนี้พวกฉันจะไปกินไอติมนายจะไปด้วยกันรึเปล่า” หญิงสาวชวนเพื่อนต่อ
“อืมมม ก็ดีเหมือนกัน” เมื่อวานก็ไม่ได้ไปกับซีวอนวันนี้ไปกับพวกมินอาดีกว่า อีกอย่างเขาก็ต้องรู้จักมีเพื่อนใหม่บ้างอยู่ติดกับซีวอนไปทั้งชีวิตไม่ได้หรอก
ครืดดด
“ขอโทษนะครับปาร์คจองซูอยู่ห้องนี้รึเปล่า” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกหาชื่อเขาทำให้อีทึกที่กำลังคุยอยู่กับกลุ่มมินอาต้องหันไปมอง
อ๊ะ พี่โหด..แล้วนั่นหนุ่มเอ็กซ์นี่นา กรี๊ดดดอย่าบอกนะว่าหนุ่มเอ็กซ์พาพี่โหดมาสู่ขอ >////<
มินอาหันมามองอีทึกอย่างงๆพลางขยับปากถามเบาๆ
“นายไปก่อเรื่องอะไรอีก” หญิงสาวมองอีทึกด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ป..ป่าวนะ ฉันไม่ได้ทำอะไร” ว่าพลางส่ายหัวยิก
“อ้าว นั่นไง” พี่โหดที่กวาดสายตามองหาอีทึกไปทั่วห้องก็เหลือบไปเจออีทึกที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ตรงมุมห้องพอดี ขายาวก้าวเร็วเข้ามาหาอีทึกโดยที่อีกมือก็ลากคังอินตามมาด้วย
“สวัสดีครับน้องจองซู” พี่โหดทักเขาเสียงหวานซึ่งไม่เข้ากับหน้าโหดๆเลยซักนิด
“ส..สวัสดีครับ” อีทึกตอบกลับเสียงสั่นๆยังไงพี่โหดก็คือพี่โหด
“น้องจองซูเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” พี่โหดถามพลางยื่นมือมาจะจับตรงแก้มที่ช้ำแต่อีทึกก็เบี่ยงตัวออกแล้วตบมือดังป๊าบตรงหน้า
“อุ๊ย..ยุงบิน” ร่างบางทำหน้าแอ็บแบ๊วไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจพี่โหดที่ยืนทำหน้าเจื่อน ส่วนอีกคนที่มาด้วยก็เผลอหลุดขำเบาๆแต่พอหันไปเจอสายตาพี่โหดก็กลับมาเก็กนิ่งขรึมเหมือนเดิม “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับแค่แก้มช้ำ”
“โถ่..หน้าสวยๆของน้องจองซูต้องมามีมลทิน พี่เห็นแล้วรู้สึกแย่จัง...แก คังอินขอโทษน้องเขาซะ” พี่โหดพูดด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจในประโยคแรกแต่พอประโยคถัดมาก็กลับไปพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเหมือนเดิม
“อ้าว พี่” คำสั่งของรุ่นพี่เล่นเอาคังอินหน้าเหวอทันที ตอนแรกแค่บอกว่าให้มาเป็นเพื่อนขอโทษเฉยๆไหงตอนนี้โบ้ยให้เขามาขอโทษแทนล่ะ ตัวเองนั่นแหละที่มั่วซั่วไปจับอีกฝ่ายมาลงแข่ง เขาก็แค่แข่งไปตามหน้าที่เฉยๆไม่ผิดซักหน่อย
“ไม่ต้องพูดมาก แกมันผิดเต็มประตูเห็นๆ ขอโทษน้องเขาซะ” พี่โหดมองคังอินอย่างกดดันจนอีกฝ่ายต้องจำยอม
“....ขอโทษ” คังอินกัดฟันพูด
“ไม่เป็นไรหรอก..คังอินไม่ได้ผิดซักหน่อย ฉันต่างหากที่ผิด” อีทึกพูดเสียงหวานพลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้กับคังอิน
“ก็ดี..งั้นฉันกลับแล้วนะ” พูดจบก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องทันที พี่โหดที่เห็นรุ่นน้องของตนบอกลาคนน่ารักก็ทำท่าละล้าละลังมองหน้าอีทึกทีคังอินทีแต่เมื่อรุ่นน้องดึงดันจะกลับเขาก็คงต้องกลับตามเพราะไม่เหลือข้ออ้างที่จะอยู่ต่อแล้ว
“ง..งั้นพี่ไปแล้วนะ เฮ้ยคังอินรอด้วย” ไม่เป็นไรวะ..ไว้ค่อยมาจีบต่อ
อีทึกถึงกับงงในความรวดเร็วของสองคนนี้อยู่ๆก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วพอนึกจะไปก็ไปเลย แต่นี่คังอินที่เขานึกปิ๊งกำลังจะไปแล้ว โอกาสที่จะได้คุยกันอีกก็คงไม่มี...ทำไงดีๆๆๆ
“ด..เดี๋ยวก่อนครับ” รู้ตัวอีกทีปากเจ้ากรรมก็ดันขยับไปก่อนแล้ว
“น้องจองซูเรียกพี่หรอครับ” พี่โหดที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องหันขวับทันทีที่อีทึกเรียกพร้อมกับสายตาวิ้งวับอย่างมีความหวัง
“อ..เอ่อ คือ..” เสียงหวานเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
“...........” พี่โหดจ้องหน้าอีทึกด้วยสายตาที่มีความหวังเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า
“ผมอยากเข้าชมรมยูโดครับ” สิ้นเสียงของอีทึกคนทั้งห้องก็พร้อมใจกันมามองที่เจ้าตัวพร้อมกับร้องเสียงหลง
“ว่าไงนะ!!!!!”
: :It started with a kick: :
หลังจากวันนั้นที่อีทึกเอ่ยปากขอพี่โหดเข้าชมรม ทุกๆวันหลังเลิกเรียนที่ชมรมยูโดทุกคนก็จะเห็นใบหน้าหวานของอีทึกคอยนั่งเช็คชื่อนักกีฬา แจกน้ำ ส่งเสียงเชียร์หรือแม้แต่กระทั่งซับเหงื่อให้นักกีฬาเจ้าตัวก็มิวายทำให้..แน่นอนอีทึกมาเป็นผู้จัดการให้ชมรมไม่ใช่นักกีฬาอย่างที่ใครๆคาด ขืนเป็นนักกีฬาจริงๆมีหวังน็อกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
“ทึกกี้คร้าบบบบ ผมขอน้ำหน่อยคร้าบบ” เสียงนักกีฬาหนุ่มที่เพิ่งซ้อมเสร็จใหม่ๆตะโกนขอน้ำจากผู้จัดการหน้าหวาน
“แป็ปนะ” เสียงใสตะโกนกลับมาอย่างแข็งขัน
พลั่กก/อุกก
เสียงขวดน้ำพลาสติกลอยหวือไปกระแทกเต็มๆท้องนักกีฬาที่เพิ่งขอน้ำไปเมื่อกี๊
“เดินมาหยิบเองไม่เป็นหรือไงวะ” พี่โหดส่งเสียงกวนตีนไปให้รุ่นน้องในชมรมที่กำลังยืนกุมท้องหน้าบิดเบี้ยวอยู่
“โด่ รุ่นพี่อะ ก็น้ำที่มาจากมือของทึกกี้มันหวานชื่นใจกว่ากันเยอะ...ใช่มั๊ยพวกเรา” ประโยคหลังหันไปถามความเห็นจากพวกในชมรม
“วู้ววว ใช่ๆๆๆ” บรรดาหนุ่มกลัดมันพากันโห่ร้องกลับเป็นเสียงเดียวกัน เล่นเอาผู้จัดการคนสวยถึงกับหน้าขึ้นสี
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก...” >//////<
“น้องทึกกี้ไม่รู้อะไร...ตั้งแต่น้องทึกกี้มาเป็นผู้จัดการชมรมนะ ไอ้พวกนี้มันก็ขยันฟิตซ้อมกันขึ้นเยอะไม่โดดซ้อมกันเหมือนแต่ก่อน พี่ต้องขอบใจน้องทึกกี้จริงๆ” พี่โหดหันมาสบตาอีทึกอย่างมีความหมาย
“อ๊ะ คังอิน” คนสวยที่หันไปเห็นร่างสูงซะก่อนรีบร้องทักอีกฝ่าย “วันนี้ฉันทำข้าวกล่องมาให้ด้วย..ทานด้วยกันนะ” พูดจบก็รีบกระวีกระวาดไปหยิบข้าวกล่องสีสวยจากกระเป๋าทิ้งให้พี่โหดมองตามตาละห้อย
ป้าบบ
“ทำใจเหอะพี่ นางฟ้าดันไปชอบหมีบ้าพลังซะแล้ว” พวกรุ่นน้องเดินมาตบไหล่รุ่นพี่เบาๆอย่างเห็นใจ
“เออ กูโอเคเว้ย...แค่เจ็บ...นิดนึง” TT^TT
: :It started with a kick: :
“คังอิน..แฮ่กๆ..ร.รอฉันด้วยซิ” อีทึกรีบวิ่งตามร่างสูงที่เอาแต่เดินจ้ำเอาๆไม่พูดไม่จาจนเหนื่อย
“.....”
“นี่ข้าวกล่องรับไว้ซิฉันตั้งใจทำเลยนะ..รับรองต้องติดใจ” ร่างบางฉีกยิ้มสดใสให้อีกฝ่ายเมื่อวิ่งตามทัน มือเรียวยื่นกล่องข้าวให้ร่างหนา
“.....”
“รับซิ” เสียงหวานเร่งเร้าเมื่อคังอินยังนิ่ง
“เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับฉันซักที” เสียงทุ้มถูกเปล่งออกมาในที่สุด แต่ก็ช่างเป็นคำพูดที่บาดใจเหลือเกิน
“..นี่ไก่ผัดซอสที่นายชอบไง ถูกใจมั๊ย” อีทึกยังพูดต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าคังอินจะเริ่มหน้าบูดแล้วก็ตาม มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คังอินพูดจาแรงๆแบบนี้
“มันน่ารำคาญเข้าใจมั๊ย”
“...ฉันขอสูตรมาจากคุณแม่เลยนะ ทำยากมากๆเลย..”
“..โถ่เว้ย!!!!” สิ้นเสียงคังอินก็ปัดข้าวกล่องที่อีทึกทำมากับมือลงพื้นอย่างไม่ไยดี “อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ร่างบางยืนก้มหน้านิ่งมีเพียงไหล่บางที่สั่นสะท้านที่ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้ มือบางยกขึ้นมาปิดปากไว้อย่างพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นใบหน้าหวานที่อาบไปด้วยน้ำตา
“..ใจร้ายจังนะ ฮึกก” ดวงตาหวานส่งสายตาตัดพ้อมาจนคังอินนึกไหววูบ
“......”
“......”
“ทึกกี้!!!!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักของตนกำลังยืนร้องไห้ ซีวอนวิ่งเข้ามาหาอีทึกที่กำลังสะอึกสะอื้นจนตัวโยนอย่างรวดเร็ว อีทึกเมื่อเห็นหน้าซีวอนก็โผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่นใบหน้าหวานซุกเข้าที่อกแกร่งอย่างหาที่พึ่งพิง
คังอินมองภาพตรงหน้าโดยไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจ
: :It started with a kick: :
หลังจากวันนั้น
“คังอินฉันทำขนมมาให้ลอง...”
“..ไม่”
“คังอินฉันช่วงนี้หนาวฉันถักผ้าพันคอ...”
“..ไม่”
“คังอินซ้อมเสร็จเหนื่อยๆทานน้ำ...”
“...ไปให้พ้น”
“คังอิน.ฉ..”
“...ไล่ไม่ได้ยินหรอ”
“ฮึกกก “
“เลิกร้องไห้ซักทีได้มั๊ย..น่ารำคาญ” พูดจบร่างหนาก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่มองหน้าอีทึกเลย
“..อีกแล้วนะ นายเดินหนีฉันอีกแล้ว..ฉันมันน่ารังเกียจมากเลยหรอ” เสียงหวานเอ่ยท้วงขึ้นเบาๆ คังอินที่กำลังจะเดินออกไปชะงักเล็กน้อย
“....”
“ความรักของฉันมันไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรอ..”
ไร้คำพูดจากร่างสูงมีเพียงเสียงรองเท้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆเป็นคำตอบ ร่างบางทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้อย่างหนักจนได้ยินเสียงสะอื้นก้องไปทั่วระเบียงทางเดิน
ห้องน้ำชมรมยูโด
“นายทำเกินไปรึเปล่า” ร่างของรุ่นพี่ในชมรมที่กำลังยืนพิงเสาอยู่มุมห้องเอ่ยทักขึ้น
“พี่เห็น..” คังอินหันมามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“แค่บังเอิญผ่าน...” ไหวไหล่น้อยๆอย่างไม่ใส่ใจ “ตกลงว่าไง” รุกถามต่อพร้อมกับเขยิบเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายใกล้ๆ
“ก็ไม่ไง” หันกลับไปทำธุระของตัวเองต่อ กริยาเพิกเฉยของคังอินเรียกอารมณ์โกรธจากผู้มีศักดิ์มากกว่าได้เป็นอย่างดี
“จองซูเค้าชอบมึงมากนะ” มือแกร่งกระชากคอเสื้อรุ่นน้องคนโปรดแน่น คังอินรู้สึกได้ถึงแววตาจริงจังที่รุ่นพี่ส่งมา
“.....”
“เค้าดีกับมึงทุกอย่างมึงก็เห็น”
“ผมไม่ได้ชอบเค้า”
“..มึงแน่ใจ”
“.....” แววตาสับสนเกิดขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม
“จำคำมึงไว้..แล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเองละกัน” พูดจบก็เดินออกไป
: :It started with a kick: :
“น้องจองซูครับพี่ชอบน้อง...คบกับพี่นะครับ” ฮันกยองหนุ่มนักกีฬารูปหล่อฐานะดีพอๆกับซีวอนติดอันดับหนุ่มสุดฮอตลำดับต้นๆของโรงเรียนสารภาพรักกับอีทึกต่อหน้าผู้คนมากมายในโรงอาหาร ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีสาวๆมาชอบมากมายคบกับผู้หญิงสวยๆมาหลายคนแต่กับอีทึกเขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองสุดๆเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงนางฟ้าของโรงเรียน เป็นที่รักของทุกๆคนใครๆต่างก็หมายปองยิ่งรู้มาอีกว่าเจ้าตัวออกอาการชอบคิมยองอุนคู่แข่งทางด้านกีฬาของเขาอย่างออกนอกหน้าแล้ว ความมั่นใจที่ว่าน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงเข้าไปอีก
“ต.แต่ว่า” อีทึกทำสีหน้าลำบากใจเมื่อให้คำตอบ
“พี่รู้ครับว่าจองซูชอบคังอินแต่ได้โปรดให้โอกาสพี่ด้วย” สีหน้าของรุ่นพี่ช่างจริงจังเสียจนอีทึกไม่กล้าตัดความหวัง อันที่จริงฮันกยองก็คอยตามเทคแคร์อีทึกมาได้ซักพักแล้วตั้งแต่ที่เข้าชมรมใหม่ รุ่นพี่สุภาพและคอยช่วยเหลือเขามาตลอดไม่เคยทำให้เขาลำบากใจหรือเสียใจเลยซักครั้งผิดกับ...คนนั้น
“.......” อีทึกนิ่งไปซักพักก่อนจะพูดคำที่ฮันกยองหวังว่าจะได้ยินมาตลอด “ก็ได้” สีหน้าของฮันกยองดูมีความสุขขึ้นมาทันทีที่อีทึกพูดจบ
“แต่ผมมีข้อแม้...” เสียงหวานขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิด “พี่จะต้องชนะในการแข่งคัดเลือกตัวแทนของโรงเรียน..ถึงตอนนั้นผมถึงจะตกลง”
ทุกคนในโรงอาหารถึงกับเงียบกริบรอฟังคำตอบ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าตำแหน่งตรงนั้นมักจะเป็นของคิมยองอุนเสมอ ฮันกยองอาจจะเป็นที่หนึ่งในหลายๆด้านแต่ถ้าเป็นยูโดเขาเป็นรองแค่คังอินคนเดียว
“..ตกลง พี่จะเอาตำแหน่งนั้นมาให้ได้” ฮันกยองพูดอย่างมุ่งมั่น ยังไงความต้องการที่จะล้มคังอินก็เป็นเป้าหมายเขาอยู่แล้ว
หลังจากนั้นเรื่องที่ฮันกยองขอคบกับอีทึกก็แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน พวกนักเรียนพากันวิจารณ์เรื่องนี้อย่างสนุกปาก บางคนถึงกับพนันกันเลยว่าจะเป็นคังอินหรือฮันกยองที่ชนะในการแข่งขันคัดเลือกครั้งนี้
“แกได้ยินยัง...” พี่โหดทักคังอินระหว่างที่อีกฝ่ายเปลี่ยนชุดเตรียมซ้อมอย่างปกติ
“ได้ยินอะไร” คังอินหันมาถามทำหน้าสงสัย
“ก็เรื่องที่ไอ้ฮันมันขอคบกับจองซูไง” คังอินชะงักไปนิดนึงเมื่อได้ยินชื่ออีทึก “แต่จองซูตั้งเงื่อนไขไว้ว่าต้องล้มแกให้ได้ในการแข่งคัดเลือกตัวแทนโรงเรียน” พี่โหดพูดต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจฟัง
“...แล้วไง” ทำท่าไม่สนใจหันไปยุ่งกับของในล็อกเกอร์ของตัวเองต่อ
“เปล๊า ก็แค่บอกเผื่ออยากรู้” ชักเซ็งกับท่าทีของรุ่นน้องจึงเลี่ยงที่จะเดินออกไปแทนที่จะตอบโต้กลับเหมือนทุกที เฮอะ ต้องรอให้เจ็บก่อนซิถึงจะรู้ตัว ถึงวันนั้นเขานี่แหละจะเอาแอลกอฮอล์สาดหน้ามันซ้ำอีกที เอาให้แสบเลยคอยดู
พี่โหดเดินออกไปแล้วคังอินจึงเลิกแกล้งทำเป็นสนใจล็อกเกอร์ ตอนนี้ในหัวสมองทุกอย่างตีกันไปหมดไม่ว่าจะเรื่องแข่งหรือเรื่องของอีทึก ยืนนิ่งๆได้ซักพักตาคมก็เหลือบไปเห็นโพสต์อิทสีสดใสที่คนน่ารักเป็นคนติดไว้ให้
สู้ๆๆๆนะคังอิน ฉันเชียร์นายอยู่ >_<
วันนี้เหนื่อยมั๊ย? ฉันซื้อน้ำเกลือแร่มาให้ด้วย..ดื่มแล้วจะได้สดชื่นมีแรงซ้อมต่อ ไฟท์ติ้ง!!!
ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั๊ย? ฉันทำข้าวกล่องมาให้..ลายหมีด้วยล่ะ น่ารักใช่มั๊ย?
แย่จังวันนี้ฉันมาดูคังอินซ้อมไม่ได้ อดเจอกันเลย...คิดถึงนะ >//////<
ทุกข้อความล้วนเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยที่มีให้กับผู้รับ..เพียงแต่ว่าผู้รับจะรู้สึกถึงมันบ้างไหม
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเรียกให้คังอินหันไปมองทางต้นเสียง เป็นฮันกยองนั่นเองที่เปิดประตูเข้ามา ทั้งสองคนมองหน้ากันแวบนึงแล้วจึงหันไปทำเรื่องของตัวเองต่อ แต่เงียบไปได้ซักพักฮันกยองก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“ฉันคิดว่านายคงได้ยินแล้ว....” ฮันกยองหยุดพูดนิดนึงเพื่อรอดูปฏิกริยาจากคู่สนทนา “ยังไงก็ตามฉันก็มั่นใจว่าฉันจะต้องชนะในครั้งนี้”
ปังงง
คังอินปิดล็อกเกอร์เสียงดังแล้วจึงหันมามองหน้าฮันกยอง
“นายมั่นใจขนาดนั้น? อย่าลืมนะว่านายนะแพ้มาตลอด” คังอินพูดเน้นคำว่าแพ้ดังเป็นพิเศษจนฮันกยองถึงกับกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ
“ยังไงฉันก็จะต้องเป็นเจ้าของหัวใจของจองซูให้ได้” ฮันกยองยังยืนยันอย่างหนักแน่น
“ฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะได้เป็นแฟนหรือไม่ได้เป็นแฟนกับเขาคนนั้นของนาย ฉันรู้แต่ว่าครั้งนี้ฉันก็จะชนะนาย...ฮันกยอง” พูดจบก็เดินออกไปทันทีปล่อยให้ฮันกยองยังยืนอยู่ตรงนั้นกับความโกรธที่อัดแน่น
: :It started with a kick: :
“ยังไงฉันก็จะต้องเป็นเจ้าของหัวใจของจองซูให้ได้”
ฮึๆๆ น่าขำตัวเองจริง ทั้งๆที่บอกไปว่าไม่สนใจแท้ๆแต่คำพูดของฮันกยองก็ยังคงลอยวนไปมาอยู่ในหัวตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนซ้อมจนทำให้เขาแทบจะไม่มีสมาธิ
พลั่กก
ฝ่ามือของพี่โหดฟาดเข้าที่หัวของคังอินซะเต็มแรง ยิ่งไม่มีสมาธิอย่างงี้อย่าหวังเลยว่าเขาจะหลบทัน
“เฮ้ยย เป็นไรวะ กูเห็นมึงไม่มีสมาธิตั้งแต่เริ่มซ้อมแล้วนะ” เสียงดังๆของพี่โหดเรียกให้ทุกคนที่ซ้อมอยู่หยุดหันมามองได้ดีทีเดียว “นี่ก็ใกล้จะแข่งแล้ว มัวแต่เหม่ออย่างงี้มันจะไปชนะได้ไงวะ อย่าคิดว่าตัวเองจะชนะตลอดนะเว้ย ฮันกยองมันก็พัฒนาอยู่ตลอด..เผลอๆครั้งนี้มันอาจจะแซงมึงไปก็ได้” มันเป็นเรื่องน่าอายจริงๆที่ถูกด่าต่อหน้าคนอื่นหลายๆคน ยิ่งเขาเป็นที่หนึ่ง ยิ่งต่อหน้าคู่แข่งตัวเองด้วยแล้ว...
คังอินเหลือบไปมองเห็นฮันกยองมองตนด้วยสายตาเย้ยหยันเหมือนกับจะบอกกับเขาว่า เนี่ยนะที่นายบอกว่าจะชนะฉัน..ฮึๆๆ
เหมือนคำด่าเมื่อซักครู่จะเป็นแรงพลักดัน เพราะหลังจากนั้นคังอินก็ซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายจนคู่ซ้อมแต่ละคนถึงกับหมดสภาพต้องคลานออกจากสนาม พี่โหดลอบมองรุ่นน้องตัวเองแล้วยิ้ม ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้นี้ยุขึ้นเว้ย
วันต่อมา
“เฮ้ยยย คังอินแกไปโดนไรมาวะ!!!!” พี่โหดตะโกนลั่นเมื่อเห็นสภาพรุ่นน้องคนโปรด
สภาพของหนุ่มนักกีฬาช่างดูไม่ได้เสียจริงๆ หน้าตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำส่วนขาข้างซ้ายก็ถูกพันด้วยเฝือกอ่อนเข้าไปเสียครึ่งแข้ง แขนสองข้างก็มีไม้เท้าไว้คอยค้ำให้เดินได้สะดวก รอยยิ้มแหยๆถูกส่งไปให้รุ่นพี่เป็นการขอโทษ
“เอ่ออ พอดีเมื่อวานมีอุบัติเหตุนิดหน่อย...”
“อย่าบอกนะว่านายไปต่อยกะไอ้ฮันมา” พี่โหดแทรกขึ้นมาก่อนที่คังอินจะพูดจบ โอ้โหแหะ ลูกยุเรานี่แรงใช่ย่อย รู้งี้ยุมันตั้งนานแล้ว
“ไม่ใช่”
“อ้าว แล้วแกไปโดนไรมา” ไม่ได้ต่อยกะไอ้ฮันแล้วไปทำไรมาวะ? เอ๊ะ หรือว่าน้องจองซูหมั่นไส้มันเลยจ้างคนมาตื๊บ บรึ๋ยย คนสวยโหดจัง
“ตกบันได” ตอบเสียงพึมพำเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน แม่งเสียฟอร์มชะมัด
“หะ อะไรนะอีกทีดิ๊” พี่โหดถาม เมื่อกี๊หูเฝื่อนป่าววะได้ยินอะไรตก ตก ตบ ตบ..หรือว่าโดนน้องจองซูตบ!!! บ้าน่า น้องจองซูตัวนิดเดียวคงไม่ตบทีเยินขนาดนี้ม๊างงง
“ตกบันได”
“ตกบันได?” พี่โหดทวนซ้ำเสียงสูง
“อือ”
“มึงเนี่ยนะตกบันได?”
“เออ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ารำคาญ
“ไอ้ควายเอ๊ย เป็นเห้-ไรไม่เป็นเสือกตกบันได โอ๊ยยย กรูอยากตาย” พี่โหดถึงกับเอามือกุมขมับ “มึงช่วยตอบอะไรที่อุบาทว์น้อยกว่านี้ได้มะ ถ้ามึงไปต่อยกะไอ้ฮันมากูจะไม่ว่ามึงเล๊ยย แต่นี่ตกบันได..เฮ้อออ” รัวคำพูดจบก็เอามือมากุมขมับเหมือนเดิม
เฮอะ ทำยังกะเขาไม่อายงั้นแหละ คังอินผู้เก่งกาจไม่เคยถูกใครล้มแต่ดันมาตกบันไดก่อนหน้าวันแข่งไม่กี่วัน...รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
“แล้วมึงจะเอาไงวะ? นี่ก็ใกล้จะแข่งแล้ว สภาพแบบนี้..” มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัวเบาๆ “ผ่านรอบแรกก็มหัศจรรย์แล้ว”
“พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ต๊ายยย มีหน้ามาบอกว่าไม่ต้องห่วง เดินด้วยตัวเองยังแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว...
“เออๆๆๆ จะเอายังไงก็เรื่องของมึงละกัน แต่อย่าลืมนะว่าเดิมพันครั้งนี้มีจองซูอยู่ด้วย” ตบไหล่ให้กำลังใจรุ่นน้องเบาๆก่อนจะเดินแยกไปดูคนอื่นๆอีกทาง
แน่นอน..เขาไม่ลืมหรอกว่าการแข่งครั้งนี้ต้องแลกกับอะไร
: :It started with a kick: :
หลังจากที่นั่งแกร่วไม่มีอะไรทำอยู่ในชมรมมาถึงครึ่งค่อนวัน คังอินจึงตัดสินใจที่จะออกมาซื้อของกินเล่นให้ตัวเองและเพื่อนๆฆ่าเวลาแทน ความจริงเขาก็ไม่ได้ถึงกับเดินด้วยขาตัวเองไม่ได้เพียงแต่ไม่อยากจะใช้กำลังขามากๆในตอนนี้เผื่อว่าจะได้หายเร็วขึ้น คิดไปก็นึกถึงสาเหตุของการตกบันได คนๆนั้น..ปาร์คจองซู ถ้าไม่ใช่เขามัวแต่นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาในครั้งนั้น..ใบหน้าที่สวยงามแม้กระทั่งเวลาร้องไห้ เขายังจำได้ถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นยามที่ได้เห็นน้ำตาของคนที่เขาเคยนึกรำคาญมากที่สุด..เจ็บแปลบตรงหัวใจ
กึกก
สองเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินมา..ใครคนที่ทำให้เขาสับสน...อีทึก
ราวกับทุกสิ่งรอบๆตัวหยุดอยู่กับที่เมื่อสองสายตาประสานกัน แววตาของร่างบางไหววูบลงเล็กน้อยเมื่อได้บังเอิญพบกับคนที่เอาแต่ผลักไสไล่ส่งมาตลอดในช่วงเวลาที่น่ากระอักอ่วนแบบนี้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นเมินเฉยก้าวเดินต่อไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา
ช่วงเวลาที่เดินสวนกันนั้นคังอินแทบจะลืมวิธีหายใจ ปากอยากจะขยับพูดแต่มันก็ไม่ยอมขยับ ร่างหนาหวังเหลือเกินว่าอีทึกจะพูดอะไรซักอย่างกับเขา...แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น อีทึกเดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่มองแม้กระทั่งหางตา เขาเข้าใจแล้ว..เข้าใจแล้วจริงๆว่าการถูกเมินมันเป็นยังไง
ชมรมยูโด
หลังจากซื้อขนมมาฝากเพื่อนๆเสร็จคังอินก็เลี่ยงออกมาหลบอยู่ที่ห้องแต่งตัวคนเดียว ร่างหนาเปิดก๊อกน้ำวักน้ำเย็นๆล้างหน้าเสียจนเปียกโชกเผื่อว่าสมองมันจะโล่งขึ้นบ้าง ขายาวก้าวไปทางล็อกเกอร์เพื่อที่จะหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาแต่ตาก็เหลือบไปเห็นโพสต์อิทสีฟ้าแปะอยู่ซะก่อน
เอ๊ะ..อันใหม่นี่นา มือหนารีบดึงโพสต์อิทออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นกับข้อความที่กำลังจะอ่าน
หายไวๆนะ
เนื้อหาในนั้นมีแค่นี้จริงๆแต่เขาก็ยังอ่านซ้ำไปซ้ำมาสิบกว่ารอบ ไม่ต้องลงชื่อเขาก็รู้ดีว่าใครเป็นคนเขียน...คังอินคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหน
อย่างน้อยอีทึกก็ยังคงเป็นห่วงเขา
กึงงง เสียงของกระทบกันดังๆทำให้คังอินหลุดจากภวังค์
เมื่อเห็นหน้าคนที่ทำเสียงคังอินก็ต้องยิ่งตกใจมากกว่าเดิม...แม่มดคิมฮีชอล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีเรื่องกับคิมฮีชอลแต่เขาก็พอจะรู้กิตติศัพท์ของคนตรงหน้ามามากและรู้ด้วยว่ารอยยิ้มที่ฮีชอลส่งมาให้นั้นไม่น่าไว้ใจมากที่สุด
“สวัสดี..นายคงเป็นคิมยองอุน..ฉันคิมฮีชอล” ฮีชอลเอ่ยทักเขาก่อน
“นายมีอะไรกับฉัน” คังอินถามตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม เขามั่นใจว่าไม่เคยหาเรื่องหรือยุ่งเกี่ยวกับฮีชอล การที่อีกฝ่ายมาหาเขาอย่างนี้คงต้อองมีเรื่องแน่ๆ
“..อีทึก” ฮีชอลพูดแค่นั้น
“หะ..อีทึก?” คังอินทำหน้างง ซึ่งนั่นก็ทำให้ฮีชอลยิ่งยัวะเข้าไปใหญ่
“นายทำให้เพื่อนรักฉันต้องเสียใจ...”
“....”
“นายคงไม่รู้..”
“...”
“อีทึกใจดีกับทุกคนแต่เขาใจดีกับนายมากเป็นพิเศษ
อีทึกยิ้มให้กับทุกคนแต่อีทึกยิ้มให้นายกว้างกว่าใครๆ
อีทึกเอาใจใส่เพื่อนทุกคนแต่อีทึกก็เอาใจใส่นายมากกว่าคนอื่น
อีทึกทำอาหารอร่อยเป็นที่หนึ่งแต่สำหรับนายอีทึกใส่ความรักเข้าไปด้วย..ดังนั้นมันจึงอร่อยกว่าร้านไหนๆยังไงล่ะเจ้าโง่!!!”
ฮีชอลหน้าแดงก่ำเนื่องจากพูดรัวเป็นชุดโดยไม่หยุดหายใจ
“...”
“..รู้มั๊ยว่าฉันอิจฉานายมากแค่ไหน..” น้ำเสียงของฮีชอลแผ่วลง “ฉันกับซีวอนหวงอีทึกมากที่สุดแต่เราก็ยอมให้อีทึกรักนาย แล้วนายก็มาทำให้เขาร้องไห้เนี่ยนะ!!!” ประโยคสุดท้ายตะโกนใส่หน้าคังอินอย่างไม่อดกลั้น “ฟังนะ...ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้อีทึกมายุ่งกับนายอีก..ถึงแม้ว่านาย..จะไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นก็ตาม..” ฮีชอลหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ เขาไม่อยากจะอยู่มองหน้าคนที่ทำให้อีทึกร้องไห้นานๆไม่งั้นคงจะอดใจไม่ให้ตบมันซักฉาดไม่ได้
“..เดี๋ยวก่อน” คังอินเรียกฮีชอลเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูออกไป
: :It started with a kick: :
วันแข่งขันคัดเลือกตัวนักกีฬายูโด
วันนี้ผู้คนต่างก็คึกคักกันมากเป็นพิเศษเพราะเป็นวันที่ตัดสินว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นเจ้าของหัวใจอีทึก การแข่งขันดำเนินมาจนถึงช่วงไคลแมกซ์..และก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาด ฮันกยองกับคังอินต้องมาชิงกันในรอบสุดท้าย
“อ่า..มาถึงคู่สุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับ แหมสองคนนี้ต้องมาเจอกันอีกแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮันกยองและคังอิน!!!!” เสียงโฆษกที่พากย์การแข่งขันกล่าวเปิดตัวสองผู้เข้ารอบสุดท้าย
กรี๊ดดดด อ๊ายยย ฮันกยองงงง!!!! คังอินนนนน!!!!
บรรดานักเรียนสาวพากันส่งเสียงเชียร์คนที่ตนเองชื่นชอบดังลั่น บางคนก็เตรียมป้ายไฟมา บางคนก็ถือพัดรูปหน้าคนนั้นโบกไปมา มองอย่างนี้แล้วให้ความรู้เหมือนมาดูคอนเสิร์ตยังไงยังงั้น
“อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการแข่งขันรอบนี้จะเป็นการตัดสินว่าใครจะได้เป็นแฟนกับน้องจองซู..เอ๊ย ฮ่าๆๆๆพูดผิดครับพูดผิด อะแฮ่ม ใครจะได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งชิงแชมป์ยูโดเยาวชน!!!”
กรี๊ดดดดดดด
หัวใจของอีทึกเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เขายอมรับเลยว่าลุ้นมากๆถึงแม้ว่าวันนั้นเขาจะทำตัวเย็นชากับคังอินแต่มันก็ทรมานเหลือเกินที่จะฝืนตัวเองไม่ให้มองหน้าคนที่รักได้ สุดท้ายก็ใจอ่อนเอาโพสต์อิทไปแปะไว้ให้กำลังใจ ถึงจะไม่ลงชื่อแต่คังอินก็คงรู้
คังอินเดินลงสนามไปด้วยความมุ่งมั่น ตอนนี้เฝือกที่ขาเขาเอาออกไปแล้วและก็หายดีตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน ถึงแม้ว่าจะดูกระชั้นชิดไปหน่อยแต่สองวันที่ผ่านมานั้นเขาก็ตั้งใจซ้อมเต็มที่แถมยังมั่นใจกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาซะด้วยซ้ำ ตามคมกวาดมองรอบๆอัฒจรรย์หาคนน่ารักของเขา ในใจหวังเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะมาเชียร์เขาเหมือนทุกๆครั้ง...
แล้วริมฝีปากหนาก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด ตรงหน้าสุดของอัฒจรรย์กลาง..ใบหน้าหวานของคนที่เขาคิดถึงอยู่ตรงนั้น..กำลังมองตรงมาที่เขาโดยไม่หลบสายตา ปากเรียวขยับพูดเบาๆอ่านออกได้ว่า..สู้ๆนะ แล้วก็ยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เขาเคยได้รับมาให้แถมอีกเพิ่มกำลังใจได้เป็นอย่างดี
จู่ๆคังอินก็เดินตรงไปที่โต๊ะกรรมการคว้าไมค์ที่โฆษกกำลังถือไว้มาถือไว้เอง คนทั้งสนามมองมาที่คังอินเป็นสายตาเดียวกันแปลกใจว่าร่างหนาจะทำเรื่องอะไรอีก อีทึกจิกมือแน่นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะน้ำตาปริ่มๆจะไหลอยู่รอมร่อ
ฮึกก สุดท้ายแล้วนายก็ไม่ได้รักฉันจริงซินะ ที่ฮีชอลบอกก็คงจะโกหกทั้งเพ..
อีทึกเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อออกไปจากสนาม ให้เขาอยู่ทนมองต่อไปคงไม่ไหว..มองคนใจร้ายที่จะถอนตัวไม่ยอมแข่งให้เขาตกไปเป็นของคนอื่น เขาคงหายใจไม่ออก..
“ปาร์คจองซู!!!!!” เสียงทุ้มตะโกนก้องผ่านไมค์ อีทึกหยุดชะงักหันไปมองคนพูดทันที “ผมขอโทษ..ให้โอกาสผมอีกครั้งนะ”
คงไม่มีใครเคยเห็นว่าหน้าคิมยองอุนตอนเขินนั้นแดงขนาดไหน
“ผมมันโง่เอง มัวแต่งี่เง่า....”
“...”
“..รอก่อนนะ..ผมจะชนะให้ดู” พูดจบก็ยัดไมค์กลับคืนใส่มือโฆษกที่มองอ้าปากค้างแล้วเดินกลับไปประจำที่ของตนเองยืนเผชิญหน้ากับฮันกยอง ผู้คนทั้งสนามพากันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่อึ้งไปซักพัก ส่งเสียงเชียร์คังอินกันอย่างพร้อมเพรียง
“การแข่งขันรอบสุดท้าย...เริ่มได้” เสียงกรรมการให้สัญญาณพร้อมกับเป่านกหวีดดังขึ้นพร้อมๆกับที่น้ำตาของอีทึกไหลออกมาด้วยความตื้นตัน
Talk:
ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบซักที ฮู้วววว กว่าจะจบ...อาจจะจบแบบรีบๆไปหน่อย(ก็เพราะรีบจริงๆนั่นแหละ=..=) สุดท้ายพี่โหดก็ยังคงไม่มีชื่อต่อไป ประเด็นคือไม่รู้ว่าจะเอาใครดีก็เลยเรียกพี่โหดจนจบเรื่อง ฮ่าๆๆ แล้วคนอ่านคิดว่าน่าจะเป็นใครดี? ตอนแรกจะเลือกคังตะแล้วนะแต่แบบ..อย่าเล๊ย - -; จบอันนี้แล้วก็จะไปต่อKing vs Queen ต่อ ยังมีใครอ่านจะอยู่มั๊ยอ่ะ? ส่วน Loveless กะว่าจะพักยาววววว รอให้KVQดำเนินไปซักครึ่งเรื่องก่อนดีมะ ไปๆมาๆชอบแต่งชอทฟิคมากกว่าอีกนะ จบเร็ว(?) แต่งเรื่องใหม่เร็ว(?) ความจริงมีโครงการจะแต่งดงบังเรื่องนึง..แต่คิดไปคิดมา พอเห๊อะแค่นี้แกก็ยังขี้เกียจเลย ถ้าขืนขึ้นเรื่องใหม่คงไม่มีเรื่องไหนจบซักเรื่อง ฮ่าๆๆ อ่านให้สนุกละกัน คิดเห็นยังไงก็บอกกันบ้างนะจะได้แก้ไขปรับปรุง เจอกันใน King vs Queen ^_^
แถมรูปคังอิน
ขอบคุณเครดิตในรูป
t em
ความคิดเห็น