ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Super Junior] Loveless

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 52



    เมื่อมาถึงมหาลัยฮีชอลก็บอกให้คิบอมนั่งรออยู่แถวๆสวนหย่อมตรงหน้าตึกอำนวยการส่วนตัวเองก็จะไปจัดการเรื่องเรียนต่อให้ เวลาที่มหาลัยตอนนี้เป็นเวลาบ่ายๆนักศึกษาจึงมีไม่ค่อยมากคิบอมนั่งมองบรรยากาศรอบๆมหาลัยอย่างสนใจ มหาลัยนี้เป็นมหาลัยเอกชนอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงคนที่เรียนที่นี่นอกจากจะฉลาดแล้วส่วนมากยังเป็นพวกลูกคุณหนู คุณชายพ่อแม่ธุรกิจพันล้าน ขับรถคันหรูมามหาลัยแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังต้องตัดเย็บจากห้องเสื้อชั้นนำ คิบอมกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้นานขนาดไหน...

     

     

    ฟิ้วว กระดาษเอสี่สีขาวปลิวตกมาอยู่ใต้เท้าเขา คิบอมก้มตัวลงมาหยิบกระดาษแผ่นนั้นแล้วพลิกดู

     

     

    เอ่อ ขอโทษฮะกระดาษผมเอง เด็กหนุ่มคนนึงวิ่งกระหืดกระหอบมาที่เขา

     

     

    อ๊ะ นี่ครับ คิบอมยื่นกระดาษคืนให้

     

     

    ขอบคุณนะฮะ พอดีผมซุ่มซ่ามไปหน่อยกระดาษเลยปลิวหมดเลย คนซุ่มซ่ามส่งรอยยิ้มน่ารักให้เขาก่อนจะชวนคุย คุณเรียนคณะไหนหรอฮะ มองคิบอมที่ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแล้วถามอย่างสงสัย

     

     

    ผมมาสมัครเรียนนะครับ คิบอมตอบ ในใจรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้าดูเป็นกันเองดีแฮะ บางทีที่นี่อาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้

     

     

    โห..อย่างนี้นายก็ต้องเส้นใหญ่น่าดูซิเข้ากลางคันอย่างนี้ นายชื่ออะไรหรอ อีกฝ่ายทำตาโตใส่เขา สรรพนามนามที่ใช้เรียกก็เปลี่ยนไปเรียกอย่างสนิทสนมทั้งๆที่คุยกันไม่ถึงห้านาที คิบอมกำลังจะอ้าปากบอกชื่อแต่ก็มีเสียงนึงมาขัดเสียก่อน

     

     

    คิมคิบอม เป็นฮีชอลนั่นเองที่เรียกเขา ไปได้แล้ว

     

     

    เอ่อ.. คิบอมหันไปมองหน้าคนที่เขาคุยด้วยอยู่ก่อนแล้วหันไปมองหน้าฮีชอลที่กำลังเริ่มอารมณ์เสีย ผมไปก่อนนะ พูดจบก็รีบลุกเดินตามฮีชอลไปทันทีปล่อยให้คนที่เพิ่งรู้จักนั่งมองตามอย่างงงๆ

     

     

    นั่นมันพี่ฮีชอลนี่นา นอกจากพี่ฮันเกิงแล้วก็ไม่เห็นพี่ฮีชอลใกล้ชิดกับใครเลย..อืมม..คิมคิบอมงั้นหรอ น่าสนใจดี

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    รู้จักเด็กนั่นด้วยหรอ ฮีชอลเอ่ยปากถามคิบอมหลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว

     

     

    เอ่อ..พอดีเขาทำกระดาษตกผมเลยเก็บให้แล้วเขาก็ชวนคุยด้วยเฉยๆ คิบอมอธิบาย

     

     

    ......

     

     

    ทำไมฮีชอลถึงเรียกผมว่าคิมคิบอม ตัวผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมสกุลอะไร คิบอมสงสัยตั้งแต่ตอนที่ฮีชอลเรียกเขาแล้วแต่ไม่กล้าถาม ตอนนี้ฮีชอลดูสงบขึ้นเยอะเขาเลยลองถามดู

     

     

    เพราะนายเป็นคนของตระกูลคิม เป็นคนของฉัน คำตอบของฮีชอลไม่ได้ช่วยทำให้คิบอมหายสงสัยแม้แต่น้อย แต่จากการอยู่กับฮีชอลมาได้เกือบวันเต็มๆก็สอนให้เขารู้ว่า อย่าถามมาก

     

     

    สิ่งหนึ่งที่นายควรรู้ไว้คิบอม ฮีชอลจอดรถเข้าข้างทางกระทันหันแล้วหันมามองหน้าคิบอมด้วยสายตามั่นคง ถ้านายเลือกที่จะมาเป็นคนของฉันแล้ว..สัญญาซิว่าจะเชื่อฟังแต่ฉันแล้วก็มองแค่ฉัน..คนเดียว ราวกับแววตาของฮีชอลมีแรงดึงดูด ดูดให้สติของคิบอมค่อยๆหายไป..หายไป ริมฝีปากหนาเข้าครอบครองกลีบปากบางอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อยๆเน้นย้ำอย่างหนักแน่นราวกับจะตอกย้ำเข้าไปในคำสัญญา...ตลอดไป

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ก๊อกๆๆ

     

     

    “คุณฮีชอลครับ..คุณฮีชอล”

     

     

    เสียงเรียกที่ดังขึ้นปลุกให้ฮีชอลตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ตาเรียวเหลือบมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่ายังไม่ตื่นจึงก้มลงไปจุมพิตที่ปลายคางสากเบาๆหนึ่งทีแล้วถึงลุกขึ้นจากเตียงหยิบเสื้อคลุมสีขาวมาสวมเดินไปเปิดประตูให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง

     

     

    “มีอะไร” ฮีชอลถามเมื่อเห็นว่าเป็นฮันเกิงที่มาปลุกเขาแต่เช้า

     

     

    “ท่านประธานโทรมาครับ” ตอบคำถามแล้วก็ยื่นโทรศัพท์สีดำให้อีกฝ่าย

     

     

    “สวัสดีครับ” ฮีชอลกล่าวทักทายบิดาเสียงเรียบ

     

     

    “กว่าจะรับได้นะ..” เสียงค่อนขอดถูกส่งเข้าโสตประสาทหูร่างบาง

     

     

    “มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ” ฮีชอลพูดขัดนิ่งๆ

     

     

    “ฮึ แกนี่มันจองหองไม่เปลี่ยนเลยนะ ฉัน..” ยังคงพูดเรื่อยๆต่อไปไม่สนใจอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของลูกชาย

     

     

    “ถ้าคุณยังไม่พูดธุระของคุณผมจะวางแล้วนะครับ” ร่างบางพยายามอย่างหนักที่จะไม่เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง

     

     

    ฮันเกิงมองเจ้านายหนุ่มที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเป็นห่วง เขารู้ว่าเจ้านายเขาไม่ลงรอยกับผู้เป็นบิดามาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ที่คุณผู้หญิงของบ้านเสีย..อะไรหลายๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

     

     

    “พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้าน..คุณนายองก็มาด้วยแกทำตัวดีๆด้วยล่ะ” ผู้เป็นพ่อพูดถึงจุดประสงค์ของการโทรมา

     

     

    “ฮึ ที่ต้องการจะบอกมีแค่นี้ใช่มั๊ย?” ที่แท้ก็เรื่องของผู้หญิงคนนั้น..หวังจะให้ฉันทำดีด้วยหรอ..ไม่มีทาง

     

     

    “อย่าลืมที่ฉันสั่งละกัน..ส่งให้ฮันเกิงพูดต่อด้วย” บิดาเขากำชับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ฮันเกิง

     

     

    “ครับนายท่าน” ฮันเกิงรับโทรศัพท์เจ้านายใหญ่อีกครั้ง แต่ตาคมก็มองตามฮีชอลที่หันหลังกลับเข้าห้อง..ถ้าเขามองไม่ผิดตรงคอนั่น...

     

     

    “ฝากดูฮีชอลด้วย...มีอะไรก็เตือนๆมันบ้างตอนที่ฉันไม่อยู่” น้ำเสียงเหนื่อล้าถูกปล่อยออกมาจากปากของชายที่เพิ่งปะทะฝีปากกับลูกชายมา

     

     

    “ครับ” ฮันเกิงรับคำอย่างหนักแน่น เขารู้ว่านายท่านรักคุณฮีชอลมากที่สุด..มีเพียงแต่คุณฮีชอลเท่านั้นที่คิดว่านายท่านเกลียด

     

     

    “ฉันไว้ใจนายนะ..ฮันเกิง”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     “ตื่นแล้วหรอครับ” คิบอมทักฮีชอลที่เดินเข้ามา

     

     

    “อืมม” ฮีชอลตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายคิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปมด้วยความเครียด คิบอมที่เห็นว่าร่างบางแปลกไปจึงเดินเข้าไปโอบทางด้านหลังกอดเบาๆเป็นการปลอบ

     

     

    “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” ฮีชอลไม่ตอบเขาแต่หมุนตัวกลับมาแล้วกอดเขาตอบแทน

     

     

    “วันนี้ไปนอนคอนโดนะ พรุ่งนี้เขาจะมา” ปากเรียวพึมพำพูดหลังจากนิ่งไปซักพัก คิบอมรับรู้ได้ทันทีว่าเขาที่ฮีชอลพูดนั้นหมายถึงใคร

     

     

    “ครับ”

     

     

    “จูบฉันทีซิ” ฮีชอลโพล่งขึ้นมาในความเงียบ

     

     

    ไม่ต้องถามถึงเหตุผลว่าทำไม..คิบอมก็เต็มใจพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เพื่อหนึ่งเดียวในชีวิตเขา

     

     

    ริมฝีปากร้อนประทับลงบนกลีบปากบางอย่างอ่อนโยนก่อนจะขบเม้มเบาๆจนเป็นสีแดงช้ำแล้วจึงส่งลิ้นรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากเล็กเพื่อช่วงชิงความหอมหวานที่ไม่มีวันหมดสิ้น สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเร่าร้อนไม่มีใครยอมใครคิบอมจูบมาฮีชอลก็จูบตอบ ร่วมๆสองนาทีที่ทั้งสองเติมเต็มความรู้สึกให้แก่กัน..คิบอมก็ค่อยๆถอนจูบออกมาโดยที่ไม่มีการล่วงเกินไปมากกว่านั้น

     

     

    “ไปอาบน้ำเถอะ” ฮีชอลพูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของคิบอมเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    รถยนต์สีดำสนิทแล่นเข้ามาจอดในที่ประจำที่ทางมหาลัยจัดให้ ฮีชอลปลดล็อกรถแล้วเดินลงมาโดยที่มีคิบอมเดินคู่มาข้างๆเช่นทุกวัน ทุกคนในมหาลัยเริ่มชินกับคิมคิบอมที่ตามติดกับฮีชอลไปทุกที่แทนฮันเกิง เป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วไม่มีใครรู้ว่าคิบอมเป็นใคร มาจากไหนแต่ที่แน่ๆความสัมพันธ์กับคิมฮีชอลนั้นต้องไม่ธรรมดา

     

     

    “เลิกแล้วมารอที่หน้าตึกฉันด้วย” ฮีชอลกำชับคิบอมก่อนที่จะแยกกันไปเรียน ร่างบางเดินตามทางไปเรื่อยๆโดยที่ระหว่างทางก็มีรุ่นน้องหยุดโค้งให้ตลอด ฮีชอลนอกจากจะโด่งดังในเรื่องเป็นลูกผู้ถือหุ้นใหญ่ของมหาลัยและทายาทตระกูลดังของเกาหลีแล้วยังดังในเรื่องการเรียนอีกด้วย ฮีชอลจัดว่าเป็นนักศึกษาอันดับต้นๆที่เชิดหน้าชูตาให้กับมหาลัยด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมมาตลอด อาจเป็นเพราะสายเลือดนักธุรกิจของตระกูลที่ไหลเวียนทำให้ฮีชอลมองว่าการเรียนบริหารเป็นเรื่องง่าย

     

     

    ขณะที่ฮีชอลกำลังเดินผ่านห้องเรียนห้องหนึ่งพลันหูก็แว่วได้ยินเสียงคุยกันลอดออกมา

     

     

    “ย..อย่าทำแบบนี้ซิ” เสียงหวานของใครบางคนที่คุ้นหูพูดขึ้น “เดี๋ยวใครเขามาเห็นจะไม่ดี”

     

     

    “ทำไม..ใครที่ว่านี่มันใช่มั๊ย?” อีกฝ่ายถามเสียงดุดัน

     

     

    “ไม่ใช่นะ..นายอย่าพาลซิ เราเป็นเพื่อนกันนะ นายก็เพื่อนฉันเขาก็เพื่อนฉัน” เสียงสั่นๆพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

     

     

    “เฮอะ” ลมหายใจหนักๆถูกปล่อยออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไปมีเสียงกุกกักดังขึ้นเล็กน้อยซักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับที่ใครบางคนเดินออกมา อีกฝ่ายทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าฮีชอลยืนอยู่หน้าห้อง

     

     

    “ไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอกนะแต่บังเอิญว่าได้ยิน” คนอย่างเขาไม่ใช่พวกที่สนใจเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว “อ้อ..” ฮีชอลเรียกไว้เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเดินไป “ปาร์คจองซู...จะทำอะไรก็ระวังๆหน่อยนะ” เหล่มองไปข้างในห้องอย่างรู้ทันแล้วก็เดินจากไป


    TBC 


    nu eng 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×