คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3
เมื่อมาถึงมหาลัยฮีชอลก็บอกให้คิบอมนั่งรออยู่แถวๆสวนหย่อมตรงหน้าตึกอำนวยการส่วนตัวเองก็จะไปจัดการเรื่องเรียนต่อให้ เวลาที่มหาลัยตอนนี้เป็นเวลาบ่ายๆนักศึกษาจึงมีไม่ค่อยมากคิบอมนั่งมองบรรยากาศรอบๆมหาลัยอย่างสนใจ มหาลัยนี้เป็นมหาลัยเอกชนอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงคนที่เรียนที่นี่นอกจากจะฉลาดแล้วส่วนมากยังเป็นพวกลูกคุณหนู คุณชายพ่อแม่ธุรกิจพันล้าน ขับรถคันหรูมามหาลัยแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังต้องตัดเย็บจากห้องเสื้อชั้นนำ คิบอมกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้นานขนาดไหน...
ฟิ้วว กระดาษเอสี่สีขาวปลิวตกมาอยู่ใต้เท้าเขา คิบอมก้มตัวลงมาหยิบกระดาษแผ่นนั้นแล้วพลิกดู
“เอ่อ ขอโทษฮะกระดาษผมเอง” เด็กหนุ่มคนนึงวิ่งกระหืดกระหอบมาที่เขา
“อ๊ะ นี่ครับ” คิบอมยื่นกระดาษคืนให้
“ขอบคุณนะฮะ พอดีผมซุ่มซ่ามไปหน่อยกระดาษเลยปลิวหมดเลย” คนซุ่มซ่ามส่งรอยยิ้มน่ารักให้เขาก่อนจะชวนคุย “คุณเรียนคณะไหนหรอฮะ” มองคิบอมที่ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแล้วถามอย่างสงสัย
“ผมมาสมัครเรียนนะครับ” คิบอมตอบ ในใจรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้าดูเป็นกันเองดีแฮะ บางทีที่นี่อาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้
“โห..อย่างนี้นายก็ต้องเส้นใหญ่น่าดูซิเข้ากลางคันอย่างนี้ นายชื่ออะไรหรอ” อีกฝ่ายทำตาโตใส่เขา สรรพนามนามที่ใช้เรียกก็เปลี่ยนไปเรียกอย่างสนิทสนมทั้งๆที่คุยกันไม่ถึงห้านาที คิบอมกำลังจะอ้าปากบอกชื่อแต่ก็มีเสียงนึงมาขัดเสียก่อน
“คิมคิบอม” เป็นฮีชอลนั่นเองที่เรียกเขา “ไปได้แล้ว”
“เอ่อ..” คิบอมหันไปมองหน้าคนที่เขาคุยด้วยอยู่ก่อนแล้วหันไปมองหน้าฮีชอลที่กำลังเริ่มอารมณ์เสีย “ผมไปก่อนนะ” พูดจบก็รีบลุกเดินตามฮีชอลไปทันทีปล่อยให้คนที่เพิ่งรู้จักนั่งมองตามอย่างงงๆ
นั่นมันพี่ฮีชอลนี่นา นอกจากพี่ฮันเกิงแล้วก็ไม่เห็นพี่ฮีชอลใกล้ชิดกับใครเลย..อืมม..คิมคิบอมงั้นหรอ น่าสนใจดี
.
.
.
.
.
.
“รู้จักเด็กนั่นด้วยหรอ” ฮีชอลเอ่ยปากถามคิบอมหลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว
“เอ่อ..พอดีเขาทำกระดาษตกผมเลยเก็บให้แล้วเขาก็ชวนคุยด้วยเฉยๆ” คิบอมอธิบาย
“......”
“ทำไมฮีชอลถึงเรียกผมว่าคิมคิบอม ตัวผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมสกุลอะไร” คิบอมสงสัยตั้งแต่ตอนที่ฮีชอลเรียกเขาแล้วแต่ไม่กล้าถาม ตอนนี้ฮีชอลดูสงบขึ้นเยอะเขาเลยลองถามดู
“เพราะนายเป็นคนของตระกูลคิม เป็นคนของฉัน” คำตอบของฮีชอลไม่ได้ช่วยทำให้คิบอมหายสงสัยแม้แต่น้อย แต่จากการอยู่กับฮีชอลมาได้เกือบวันเต็มๆก็สอนให้เขารู้ว่า อย่าถามมาก
“สิ่งหนึ่งที่นายควรรู้ไว้คิบอม” ฮีชอลจอดรถเข้าข้างทางกระทันหันแล้วหันมามองหน้าคิบอมด้วยสายตามั่นคง “ถ้านายเลือกที่จะมาเป็นคนของฉันแล้ว..สัญญาซิว่าจะเชื่อฟังแต่ฉันแล้วก็มองแค่ฉัน..คนเดียว” ราวกับแววตาของฮีชอลมีแรงดึงดูด ดูดให้สติของคิบอมค่อยๆหายไป..หายไป ริมฝีปากหนาเข้าครอบครองกลีบปากบางอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อยๆเน้นย้ำอย่างหนักแน่นราวกับจะตอกย้ำเข้าไปในคำสัญญา...ตลอดไป
.
.
.
.
.
.
ก๊อกๆๆ
“คุณฮีชอลครับ..คุณฮีชอล”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นปลุกให้ฮีชอลตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ตาเรียวเหลือบมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่ายังไม่ตื่นจึงก้มลงไปจุมพิตที่ปลายคางสากเบาๆหนึ่งทีแล้วถึงลุกขึ้นจากเตียงหยิบเสื้อคลุมสีขาวมาสวมเดินไปเปิดประตูให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“มีอะไร” ฮีชอลถามเมื่อเห็นว่าเป็นฮันเกิงที่มาปลุกเขาแต่เช้า
“ท่านประธานโทรมาครับ” ตอบคำถามแล้วก็ยื่นโทรศัพท์สีดำให้อีกฝ่าย
“สวัสดีครับ” ฮีชอลกล่าวทักทายบิดาเสียงเรียบ
“กว่าจะรับได้นะ..” เสียงค่อนขอดถูกส่งเข้าโสตประสาทหูร่างบาง
“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ” ฮีชอลพูดขัดนิ่งๆ
“ฮึ แกนี่มันจองหองไม่เปลี่ยนเลยนะ ฉัน..” ยังคงพูดเรื่อยๆต่อไปไม่สนใจอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของลูกชาย
“ถ้าคุณยังไม่พูดธุระของคุณผมจะวางแล้วนะครับ” ร่างบางพยายามอย่างหนักที่จะไม่เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
ฮันเกิงมองเจ้านายหนุ่มที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเป็นห่วง เขารู้ว่าเจ้านายเขาไม่ลงรอยกับผู้เป็นบิดามาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ที่คุณผู้หญิงของบ้านเสีย..อะไรหลายๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้าน..คุณนายองก็มาด้วยแกทำตัวดีๆด้วยล่ะ” ผู้เป็นพ่อพูดถึงจุดประสงค์ของการโทรมา
“ฮึ ที่ต้องการจะบอกมีแค่นี้ใช่มั๊ย?” ที่แท้ก็เรื่องของผู้หญิงคนนั้น..หวังจะให้ฉันทำดีด้วยหรอ..ไม่มีทาง
“อย่าลืมที่ฉันสั่งละกัน..ส่งให้ฮันเกิงพูดต่อด้วย” บิดาเขากำชับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ฮันเกิง
“ครับนายท่าน” ฮันเกิงรับโทรศัพท์เจ้านายใหญ่อีกครั้ง แต่ตาคมก็มองตามฮีชอลที่หันหลังกลับเข้าห้อง..ถ้าเขามองไม่ผิดตรงคอนั่น...
“ฝากดูฮีชอลด้วย...มีอะไรก็เตือนๆมันบ้างตอนที่ฉันไม่อยู่” น้ำเสียงเหนื่อล้าถูกปล่อยออกมาจากปากของชายที่เพิ่งปะทะฝีปากกับลูกชายมา
“ครับ” ฮันเกิงรับคำอย่างหนักแน่น เขารู้ว่านายท่านรักคุณฮีชอลมากที่สุด..มีเพียงแต่คุณฮีชอลเท่านั้นที่คิดว่านายท่านเกลียด
“ฉันไว้ใจนายนะ..ฮันเกิง”
.
.
.
.
.
.
“ตื่นแล้วหรอครับ” คิบอมทักฮีชอลที่เดินเข้ามา
“อืมม” ฮีชอลตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายคิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปมด้วยความเครียด คิบอมที่เห็นว่าร่างบางแปลกไปจึงเดินเข้าไปโอบทางด้านหลังกอดเบาๆเป็นการปลอบ
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” ฮีชอลไม่ตอบเขาแต่หมุนตัวกลับมาแล้วกอดเขาตอบแทน
“วันนี้ไปนอนคอนโดนะ พรุ่งนี้เขาจะมา” ปากเรียวพึมพำพูดหลังจากนิ่งไปซักพัก คิบอมรับรู้ได้ทันทีว่าเขาที่ฮีชอลพูดนั้นหมายถึงใคร
“ครับ”
“จูบฉันทีซิ” ฮีชอลโพล่งขึ้นมาในความเงียบ
ไม่ต้องถามถึงเหตุผลว่าทำไม..คิบอมก็เต็มใจพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เพื่อหนึ่งเดียวในชีวิตเขา
ริมฝีปากร้อนประทับลงบนกลีบปากบางอย่างอ่อนโยนก่อนจะขบเม้มเบาๆจนเป็นสีแดงช้ำแล้วจึงส่งลิ้นรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากเล็กเพื่อช่วงชิงความหอมหวานที่ไม่มีวันหมดสิ้น สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเร่าร้อนไม่มีใครยอมใครคิบอมจูบมาฮีชอลก็จูบตอบ ร่วมๆสองนาทีที่ทั้งสองเติมเต็มความรู้สึกให้แก่กัน..คิบอมก็ค่อยๆถอนจูบออกมาโดยที่ไม่มีการล่วงเกินไปมากกว่านั้น
“ไปอาบน้ำเถอะ” ฮีชอลพูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของคิบอมเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
.
.
.
.
.
.
รถยนต์สีดำสนิทแล่นเข้ามาจอดในที่ประจำที่ทางมหาลัยจัดให้ ฮีชอลปลดล็อกรถแล้วเดินลงมาโดยที่มีคิบอมเดินคู่มาข้างๆเช่นทุกวัน ทุกคนในมหาลัยเริ่มชินกับคิมคิบอมที่ตามติดกับฮีชอลไปทุกที่แทนฮันเกิง เป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วไม่มีใครรู้ว่าคิบอมเป็นใคร มาจากไหนแต่ที่แน่ๆความสัมพันธ์กับคิมฮีชอลนั้นต้องไม่ธรรมดา
“เลิกแล้วมารอที่หน้าตึกฉันด้วย” ฮีชอลกำชับคิบอมก่อนที่จะแยกกันไปเรียน ร่างบางเดินตามทางไปเรื่อยๆโดยที่ระหว่างทางก็มีรุ่นน้องหยุดโค้งให้ตลอด ฮีชอลนอกจากจะโด่งดังในเรื่องเป็นลูกผู้ถือหุ้นใหญ่ของมหาลัยและทายาทตระกูลดังของเกาหลีแล้วยังดังในเรื่องการเรียนอีกด้วย ฮีชอลจัดว่าเป็นนักศึกษาอันดับต้นๆที่เชิดหน้าชูตาให้กับมหาลัยด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมมาตลอด อาจเป็นเพราะสายเลือดนักธุรกิจของตระกูลที่ไหลเวียนทำให้ฮีชอลมองว่าการเรียนบริหารเป็นเรื่องง่าย
ขณะที่ฮีชอลกำลังเดินผ่านห้องเรียนห้องหนึ่งพลันหูก็แว่วได้ยินเสียงคุยกันลอดออกมา
“ย..อย่าทำแบบนี้ซิ” เสียงหวานของใครบางคนที่คุ้นหูพูดขึ้น “เดี๋ยวใครเขามาเห็นจะไม่ดี”
“ทำไม..ใครที่ว่านี่’มัน’ใช่มั๊ย?” อีกฝ่ายถามเสียงดุดัน
“ไม่ใช่นะ..นายอย่าพาลซิ เราเป็นเพื่อนกันนะ นายก็เพื่อนฉันเขาก็เพื่อนฉัน” เสียงสั่นๆพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“เฮอะ” ลมหายใจหนักๆถูกปล่อยออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไปมีเสียงกุกกักดังขึ้นเล็กน้อยซักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับที่ใครบางคนเดินออกมา อีกฝ่ายทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าฮีชอลยืนอยู่หน้าห้อง
“ไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอกนะแต่บังเอิญว่าได้ยิน” คนอย่างเขาไม่ใช่พวกที่สนใจเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว “อ้อ..” ฮีชอลเรียกไว้เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเดินไป “ปาร์คจองซู...จะทำอะไรก็ระวังๆหน่อยนะ” เหล่มองไปข้างในห้องอย่างรู้ทันแล้วก็เดินจากไป
TBC
nu eng
ความคิดเห็น