คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
เพี้ยะ!!! แกมันไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉัน
แกไอ้ตัวกาลกิณี แกทำให้แม่ของแกต้องตาย
ฮึ มีแกเป็นลูกทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าคนอื่นว่ามีลูกผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
เฮือก ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมือเรียวสวยทาบลงกับอกด้านซ้ายที่หัวใจกำลังเต้นอย่างรัวเร็วก่อนจะค่อยๆช้าลงจนเป็นปกติ แค่ฝัน เขาหลับตาลงช้าๆราวกับต้องการจะลืมเรื่องที่ฝันไปให้หมด ก่อนจะลุกลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปมหาลัยอย่างทุกวัน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปส่องกระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อย ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาสวยหวานดั่งผู้หญิง เรือนผมสีดำสนิทที่ตัดกับผิวขาวๆราวกับหิมะ ใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับปากเรียวเล็กสีกุหลาบตามธรรมชาติทำให้คิมฮีชอลดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องแก้วที่มีชีวิตแต่เพราะดวงตากลมโตที่มีนัยน์ตากระด้างบวกกับบุคลิกและสีหน้าที่เย็นชาทำให้คนที่อยู่ใกล้ต่างพากันเกรงกลัว
ห้องอาหาร
“ท่านประธานล่ะ” ฮีชอลเอ่ยถามแม่บ้านที่ยืนตักข้าวอยู่ข้างๆ
“นายท่านออกไปแต่เช้าแล้วคะ เห็นว่าจะไปดูสาขาที่จีนประมาณเดือนนึง” แม่บ้านตอบคำถามเสร็จก็ถอยมายืนห่างๆเผื่อว่าคุณหนูเรียกใช้ด้วยเป็นที่รู้กันว่าคุณหนูฮีชอลอารมณ์ร้อนและไม่ชอบรอ หากทำให้ไม่พอใจแล้วมีสิทธิ์โดนตะคอกใส่หรือไม่ก็ทำร้ายร่างกายเอาได้ ทานไปได้ไม่กี่คำร่างบางก็รวบช้อน
“ฉันอิ่มแล้ว ไปบอกให้ฮันเกิงเตรียมรถรอด้วย” มือเรียวยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มช้าๆ
“ค่ะ” แม่บ้านรับคำแล้วรีบออกไปทำตามที่คุณหนูสั่ง
.
.
.
.
.
.
มหาลัยเอกชนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
“อ...เอ่อ พี่ฮีชอลครับ”เสียงเรียกจากคนตรงหน้าทำให้ฮีชอลละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่มาจ้องหน้าคนที่เรียกแทน ใบหน้าสวยเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีธุระอะไรกับตน คนที่เป็นฝ่ายเรียกในตอนแรกกลับเงียบเสียเองด้วยที่ว่าเผลอจ้องใบหน้ารุ่นพี่คนสวยอย่างลืมตัว
ว้าว พี่ฮีชอลสวยจังเลยถึงจะดูหยิ่งๆไปหน่อยแต่พอมองใกล้ๆแล้วสวยมากๆ เผลอๆอาจจะสวยกว่าพี่จองซูอีกก็ได้... ไม่ซิสวยกว่าด้วยซ้ำ
ฮีชอลเริ่มขมวดคิ้วไม่พอใจเมื่อคนตรงหน้าไม่พูดเสียที ฝ่ายรุ่นน้องเมื่อเห็นฮีชอลชักสีหน้าก็รีบปริปากพูดอย่างรวดเร็ว
“คือว่า มีคนฝากบอกว่าต้องการพบพี่ฮีชอลฮะ ตอนนี้เขารออยู่ที่ศาลาริมน้ำ” โดยไม่รอให้ฮีชอลพูดอะไรรุ่นน้องคนนั้นก็วิ่งหนีหายเข้าตึกไปเลย
ใครกันนะ เขาคิด หวังว่าคงไม่ใช่.....ช่างเหอะ ไปเดี๋ยวก็รู้เองว่าใคร ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเก็บของลงกระเป๋า ฝ่ายฮันเกิงที่นั่งมองอยู่ห่างๆเมื่อเห็นฮีชอลเก็บของก็ลุกเดินเข้าไปหา
“คุณฮีชอลจะไปไหนครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย แล้วไม่ต้องตามฉันไปนะ เสร็จธุระแล้วฉันจะเข้าเรียนเลย” สั่งเสร็จก็เดินออกไป ฮันเกิงได้แต่นิ่งเงียบมองร่างบางที่เดินออกไปอย่างเป็นห่วง
ที่ศาลาริมน้ำ
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนรอใครซักคนด้วยความกระวนกระวายใจ
“หึย ให้ซองมินไปตามจะได้เรื่องมั๊ยวะ โอ๊ย เครียดๆๆๆๆโว้ย” ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่เดินวนไปมารอบศาลา
“อ๊ะ” เมื่อเห็นคนที่เขาต้องการเจอกำลังเดินตรงมาก็รีบเอามือเสยผมจัดแต่งเสื้อผ้าให้ดูดีทันทีหวังจะให้คนๆนั้นประทับใจมากที่สุด เมื่อร่างบางก้าวเท้ามายืนตรงหน้าก็รีบทักทันที
“สวัสดีครับ ฮีชอล”
ฮีชอลมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกร้อนๆหนาวๆในใจ
“ขอโทษนะรู้สึกว่าฉันจะไม่รู้จักคุณ” ฮีชอลตอบชายหนุ่มตรงหน้าด้วยเสียงเรียบๆ
เอาแล้วไงกู ตอนนี้ใจเขาเริ่มจะตกลงไปอยู่ตาตุ่มอยู่รอมร่อ เอาวะเป็นไงเป็นกัน
“แต่ผมรู้จักฮีชอลดีเลยครับ ผมชื่อฮยอกแจครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มที่เขาคิดว่าดูดีที่สุดไปให้คนตรงหน้า
“แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะ”
“ผมรักฮีชอลครับ ได้โปรดคบกับผมด้วย” เขาตัดสินใจบอกความในใจที่เขารู้สึกกับร่างบางในที่สุด
“.........”
“ถ้าฉันขอให้นายทำอะไรบางอย่าง นายจะทำเพื่อฉันได้มั๊ย” เมื่อได้ยินที่ฮีชอลพูดทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกองแล้วก็รีบละล่ำละลักตอบรับทันที
“ด...ได้ครับ เพื่อฮีชอลแล้วผมทำได้ทุกอย่าง” ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เขาคิดในใจอย่างลิงโลด
ฮีชอลยิ้มออกมานิดนึงก่อนจะพูดเสียงหวานว่า
“ตายให้ฉันดูหน่อยซิ”
“ต...ตาย” ชายหนุ่มย้ำอีกทีให้แน่ใจว่าตนไม่ได้หูฝาด
“ใช่ ฉันอยากให้นายตาย... เพื่อฉัน...ไม่ได้หรือไง”
“อ...เอ่อ”
“ไหนใครๆเขาก็พูดกันว่า‘เพื่อคนที่รักแล้วแม้แต่ชีวิตก็ให้ได้’ไงละ”
“............”
“นายไม่รักฉันหรอ” เสียงหวานเอ่ยยั่ว
“...........”
“เอาไว้นายพร้อมที่จะตายเพื่อฉันได้เมื่อไหร่ก็เรียกฉันด้วยนะ ฉันจะมาดู” พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป “อ้อ คราวหลังถ้าเจอช่วยเรียกฉันว่าพี่ด้วยนะเพราะฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนาย แต่ถ้าไม่มาเจอกันก็จะดีเป็นที่สุด” คราวนี้เดินออกไปเลยโดยไม่หันกลับมามอง
ฮึ รักงั้นหรอ ไร้สาระ
.
.
.
.
.
.
แปะๆๆ เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากมุมตึก
“ช่างเป็นคำพูดที่เท่จริงๆเลยนะ น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้อัดเสียงเอาไว้” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆ
“แก” ฮีชอลกัดฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูด
“หึ คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง”
“งั้นมั้ง” ฮีชอลยักไหล่กวนๆ
“เหอะ คนอย่างนายไม่มีค่าพอที่จะให้ใครซักคนต้องมาตายหรอก เพราะคนอย่างนายหนะมันเลือดเย็นไม่สมควรได้รับความรักจากใคร”
ไม่สมควรได้รับความรักจากใครงั้นหรอ ฮีชอลคิดอย่างขมขื่น
“ใช่ ฉันมันเลือดเย็น...ก็แหม...ใครจะเหมือนนายละมีแต่คนรัก หึ น่าเสียดายนะที่คราวนั้นนายแค่ขาหักแต่ครั้งต่อไป....” ฮีชอลทำท่าปาดคอช้าๆ
หมับ มือแกร่งบีบแขนร่างบางแน่นราวกับจะให้แหลกคามือ
“นายคิดจะทำอะไร” ร่างสูงถามเสียงต่ำ
“ไม่รู้ซิ...แต่รับรองว่าสนุกแน่” ฮีชอลแค่นยิ้มใส่คนตรงหน้าก่อนจะผลักอกร่างสูงออกแล้วเดินขึ้นตึกไป
“ฉันไม่ปล่อยให้นายทำตามใจหรอก ฮีชอล” ชายหนุ่มมองตามร่างบางที่เดินไปด้วยสายตาเคียดแค้น
เลิกเรียน
“แวะไปหาแม่ก่อน” ฮีชอลสั่งเสียงเรียบแต่ในใจกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ครับ” ฮันเกิงรับคำ
ที่สุสาน ฮีชอลนั่งคุกเข่าตรงหน้าป้ายหลุมศพหนึ่ง มือเรียวปัดเศษใบไม้แถวนั้นออกก่อนจะวางช่อลิลลี่สีขาวที่แวะซื้อมาลง ตาคู่สวยมองรูปที่ติดอยู่ที่ป้าย...ในรูปเป็นภาพของหญิงสาวที่ดูขี้โรคเห็นได้จากใบหน้าที่ค่อนข้างซูบแต่กระนั้นก็ยังมีเค้าของความสวยอยู่ ปากบางยิ้มกว้างอย่างสดใสราวกับยิ้มให้คนตรงหน้า ฮีชอลใช้มือไล้ไปที่รูปเบาๆเหมือนจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไป ไม่มีใครรู้ว่าฮีชอลรู้สึกอย่างไรนอกจากตัวฮีชอลเอง ฮันเกิงนึกห่วงร่างบางตรงหน้าอยู่ในใจ
แปลก ฮีชอลดูเงียบๆตั้งแต่แยกกับเขาเมื่อเช้า ปกติฮีชอลเงียบอยู่ก็จริงแต่เขารู้สึกได้ว่ามันผิดปกติ เหมือนฮีชอลกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง แววตาแบบนั้น....แถมยังมาที่นี่อีก ฮีชอลมักจะมาที่นี่เวลามีเรื่องไม่สบายใจ เฮ้อ...ทั้งที่เขารู้จักฮีชอลมาเป็นเวลานานแต่ในเวลานี้เขาเหมือนจะไม่รู้จักฮีชอลเลย
.
.
.
.
.
.
พยากรณ์อากาศวันนี้ โซลและพื้นที่ใกล้เคียงมีฝนฟ้าคะนองอย่างหนักทำให้การจราจรในช่วงนี้ติดขัด คาดว่าจะตกหนักต่อเนื่อง..........
ปิ๊ด มือเรียวกดปุ่มปิดทีวีอย่างรำคาญแล้วโยนรีโมทลงเบาะข้างตัว
น่าเบื่อ ฮีชอลคิดในใจพลางเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถดูวิวยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสายฝนปรายโปรยก่อนที่นัยน์ตาสวยจะหยุดอยู่กับภาพๆหนึ่ง
“จอดรถ!!”
ฮันเกิงเบนรถมาจอกข้างทางอย่างรวดเร็วแล้วเปิดไฟกระพริบเอาไว้ โชคดีที่ซอยนี้รถไม่เยอะไม่เช่นนั้นเขาอาจจะโดนรถคันอื่นที่ตามมาบีบแตรไล่เอาได้ ชายหนุ่มหันไปมองฮีชอลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามแต่ฮีชอลก็ไม่ได้สนใจเขาเพราะสายตากำลังจับจ้องไปที่สิ่งๆหนึ่ง
มองอะไรของเขานะ
ฮันเกิงเลื่อนสายตาตามไปที่ฮีชอลกำลังมองก็พบกับภาพของชายกลุ่มหนึ่งกำลังมุงทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงซอกตึก ด้วยความที่ฝนกำลังตกอยู่จึงทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัดนักแต่เมื่อสายตาเริ่มปรับภาพได้ก็พบว่าชายกลุ่มนั้นกำลังรุมทำร้ายคนอยู่ จอดมองได้ซักพักฮีชอลก็เอ่ยปากพูด
“ไล่พวกมันไปซิ”
“ค...ครับ?” ให้เขาไปไล่ไอ้พวกนั้นเนี่ยนะ
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง”
“ครับ” เขารับคำแล้วเปิดประตูเดินลงไปจากรถโดยไม่ลืมที่จะหยิบปืนคู่ใจเหน็บไปด้วย
นี่มันอะไรกันวะ ฮีชอลคิดจะทำอะไร เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮีชอลถึงต้องการให้เขาไปช่วย”เหยื่อ”คนนั้น มันผิดวิสัยของฮีชอลที่ไม่ชอบยุ่งกับใครแล้วก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง
ขายาวก้าวมาหยุดมายืนหน้าพวกกลุ่มนักเลง ชายคนนึงที่นั่งอยู่บนลังไม้เก่าๆเหลือบมาเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาจึงสั่งให้พวกที่เหลือหยุด
“เฮ้ พวกเราดูซิมีแขกมาหา” พวกนักเลงหันมามองหน้าแขกไม่ได้รับเชิญก็พากันทิ้งอาวุธแล้วค่อยๆเดินมาล้อม
“มีธุระอะไรกับพวกเรารึป่าวไอ้น้อง” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าเดินแหวกออกมาจากกลุ่มพลางทำหน้ากวนๆใส่เขา
“ปล่อยเขาไปซะ” เมื่อฮันเกิงพูดจบไอ้นักเลงพวกนั้นก็พากันหัวเราะเหมือนเรื่องที่เขาพูดไปตลกเสียเต็มประดา
“เฮ้ย” ไอ้คนหัวหน้าหันไปตวาดใส่พวกลูกน้องให้หยุดหัวเราะก่อนจะหันมามองหน้าเขาอย่างดูถูกแล้วเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อผู้ชายคนที่โดนซ้อมที่นอนอยู่กับพื้นให้เงยหน้าขึ้นมา
“เฮ้ ไอ้หนูมีคนมาช่วยแกวะ สงสัยมันอยากจะเป็นพระเอก...แต่ท่าทางมันคงจะได้มานอนตายเป็นเพื่อนแกแทน วะ ฮ่าๆๆๆ”
ใครกันจะมาช่วยเขา ผมพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง ภาพตรงหน้าของผมคือผู้ชายคนนึงยืนอยู่ท่ามกลางไอ้พวกนั้นที่ซ้อมผม มาคนเดียวหรอ แล้วจะไหวมั๊ยเนี่ยขนาดเขาคนเดียวยังเอาตัวไม่รอดเลยแล้วผู้ชายคนนี้...จะเหลือหรอ
“ปล่อยเขาไปซะ” ชายคนนั้นพูดอีกครั้ง
“มึงคิดว่ามึงเป็นใครหะ ไอ้หน้าอ่อน” ไอ้คนพวกนั้นเริ่มทำท่าจะรุมเข้าหา
ผู้ชายคนนั้นแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า
“ใครที่ไม่ใช่บุพการีมึงไงละ...ไอ้กร๊วก” หน้าของคนที่จับคอเสื้อผมไว้กระตุกด้วยความโกรธจัด
“จัดการมัน” ไอ้เวรนั่นตะคอกสั่งลูกน้องเสียงดัง
กริ๊ก
“ถ้าขยับเข้ามาอีกก้าวเดียวสมองมึงกระจุยแน่”
“ชิ ฝากไว้ก่อนเหอะมึง เจอคราวหน้ามึงไม่รอดแน่...ไปเด็กๆ” ไอ้ตัวหัวหน้าชี้หน้าผู้ชายคนนั้นแล้วหันหลังพาพวกกลับไป
“อิโด่ ก็แค่พวกกุ๊ยกระจอกๆ ปืนยังแม่งไม่มีปัญญาซื้อใช้” ผู้ชายคนนั้นบ่นเบาๆแล้วเหน็บปืนเก็บไว้ที่เดิม
“นายเป็นอะไรมากรึเปล่า” เขาเดินเข้ามาถามผมพร้อมกับช่วยพยุงผมนั่งพิงกำแพง
“ข...ขอบคุณค...ครับ” ผมพยายามพูดแต่มันเจ็บปากชะมัดเลย
“อย่าพยายามพูดเลย เดี๋ยวจะเจ็บเปล่าๆ” เขาโบกมือห้ามไม่ให้ผมพูด
“ข...ขอบคุณจ...จริง” ถ้าไม่ได้คนตรงหน้าช่วยไว้ป่านนี้เขาคง....
“เอาน่าๆ แล้วนี่ไหวมั๊ย”
“พอไหวครับ”
“ฉันคงช่วยนายได้เท่านี้แหละ เพราะว่า...” เขาทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่อยู่ดีๆเขาก็หยุดพูด
“ค...คุณฮีชอล” ผู้ชายคนนั้นครางเบาๆ เมื่อใครอีกคนเดินเข้ามา
TBC
nu eng
ความคิดเห็น