ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. (end)

    ลำดับตอนที่ #9 : 07 - you are the reason, the reason i sing.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 57.71K
      5.1K
      5 ส.ค. 62

         

    07
    "send me kisses when it's grey skies
    it has been so long, 
    look how time flies
    if you love me won't you let me know
    i've been trying to learn let you go."



    .
    .





                “พี่โปรด”

     

                ชิโร่มองพี่ชายคนเดียวของเขาที่ลอยตัวอยู่ในสระน้ำ ผมสีดำเปียกปอนลู่ไปด้านหลังในขณะที่ใบหน้าดุดันนั้นโผล่พ้นผิวน้ำเพื่อใช้ดวงตาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าตรงที่ที่เขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรอยู่นอกจากความมืด

                ไม่มีดาว

                ไม่มีใดอื่น

     

                what’s wrong with you?”

     

                เสียงการเคลื่อนตัวของบางคนในสระน้ำดังขึ้นพร้อมกับการพาตัวเองจมดิ่งลงไป ชิโร่ถอนหายใจ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวข้างสระ เขาหยิบเบียร์กระป๋องที่ยังไม่ได้เปิดของพี่ชายมากระดก .. ซองบุหรี่กลวงเปล่าบ่งบอกว่าคนตรงหน้าสูบอย่างหนักก่อนจะลงไปที่สระน้ำเพราะเถ้าของมันกองพะเนินอยู่ไม่ไกล

                นิสัยเสีย

                พี่โปรดน่ะ

     

                ปลื้ม”

                พี่เป็นผีหรือไง” คนอายุน้อยกว่าบ่นอย่างหัวเสียเมื่อพี่ชายตัวดีผุดขึ้นมาจากผิวน้ำโดยไม่บอกไม่กล่าว หยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าและแผ่นอกที่โผล่พ้นขอบน้ำประดับไปด้วยรอยสัก ที่จริงพี่ชายของเขาน่ะสักเยอะมากๆ .. เพียงแต่มันไม่ได้เลอะเทอะอะไรเพราะมันมักจะเป็นเพียงแค่รอยสักเล็กๆเท่านั้น

               

                “อะไรของพี่วะพี่โปรด มาเรียกปลื้มแล้วก็เงียบ”

                he is taken.” (เขามีแฟนแล้ว)

     

                โปรดกับปลื้ม ชินตะกับชิโร่ .. พี่น้องที่อายุห่างกันไม่เท่าไหร่แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว เราแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่เรารู้จักกันดีอย่างกับอะไร ไม่มีเหตุผลใดอื่นนอกจากเราทั้งคู่เติบโตขึ้นมาโดยที่มีแม่พูดกรอกหูเช้าเย็น

     

                ‘เป็นพี่น้องต้องรักกัน ดูแลกันนะครับลูก’

     

                และแม้จะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเคยแสดงออกมาตรงๆ

                แต่ชิโร่ก็ห่วงใยพี่ชายคนเดียวคนนี้เสมอ

     

                is he the one?” (แล้วเขาเป็นคนเดียวของพี่มั้ย)

                … ”

                alright, he is taken. but is he the one for you?” (เขามีแฟนแล้วก็จริง แต่เขาเป็นคนเดียวที่พี่ชอบใช่มั้ย?)

     

                ชินตะไม่มีอะไรต้องปิดบัง

                เขาพบคำตอบนั้น มันเรียบง่าย เฝ้ารออยู่ตรงนั้น เพียงแค่เขาค้นลงไปก็จะเจอ

     

                  there’s no one else.”

                (มันก็ไม่เคยเป็นคนอื่นอยู่แล้ว)

     

                เขาชอบเอย

                เขาชอบเจ้าของฤดูหมอก

                เขาชอบ .. คนที่ทำให้ท้องฟ้าของเขาเป็นสีฟ้าแม้ว่าเขาจะเกลียดสีสันสดใส

               

                พี่โปรด มันผิด”

                รู้”

                ตบมือข้างเดียวไม่ดัง .. และพี่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”

     

                ชินตะตอบกลับประโยคนั้นไปด้วยภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า นั่นเขาก็รู้อีกเหมือนกัน

     

                ปล่อยได้มั้ย”

                … ”

                ชอบคนอื่นได้มั้ย ปลื้มรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่กลับตัวตอนนี้ยังทัน”

                ไม่ทัน”

     

                คนเป็นน้องสบตากับดวงตานั้น ตาคู่เดียวกันกับที่สะกดเขาไว้ไม่ให้ปริปากพูดเวลาเจ้าตัวทำอะไรแสบๆตอนเด็กๆ .. แม่มักจะพูดว่าเขาเข้าข้างพี่ไปทุกอย่าง แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อน้องชายก็ต้องมีพี่ชายเป็นฮีโร่อยู่แล้ว

                เขาจะทำอะไรได้

     

                  แล้วยอมรับได้มั้ย ถ้าจะไม่มีวันได้นั่งในใจเขาเลย”

     

                ชินตะขึ้นจากน้ำด้วยการยันขอบสระแล้วพาตัวเองขึ้นมาดื่มเบียร์อีกกระป๋อง เขาชอบเอาชนะ เขาไม่เคยเป็นที่สอง เขาไม่เคยต้องร้องขอสิ่งที่เรียกว่าความรักจากใคร

                แต่ถ้าเป็นเอย

     

     

                ปลื้มรู้นะว่าพี่ตอบตัวเองว่าได้ .. แต่สักวัน ถ้าชอบมันกลายเป็นรัก แค่พี่ต้องทนเห็นเขาอยู่กับคนอื่นวินาทีเดียว มันก็ทำไม่ได้แล้ว”

                … ”

                “ถ้าเป็นคนที่เขารักไม่ได้ ก็เป็นคนที่เขาสบายใจจะอยู่ด้วยเถอะ”

                เป็นเพื่อนกันทำอะไรได้บ้าง .. หมายถึงเพื่อนที่ชอบเพื่อน” คนเป็นน้องหัวเราะเบาๆกับคำถาม ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้พี่ชายเขาน่ะไม่เก่งเอาซะเลย

                และเพราะว่าไม่เก่ง จึงเป็นหัวใจที่เพิ่งจะหัดรัก มันจึงเปราะบาง คล้อยตามความรู้สึกไปง่ายดายโดยไม่ฟังสมอง เขารู้กับตัวเองในวินาทีนั้นว่าครั้งแรกของชินตะจะเจ็บปวด .. เพราะมันเป็นรักที่สมหวังได้ยากเหลือเกินในความคิดเขา

     

                ก็ทำได้ทุกอย่างที่เพื่อนเขาทำกัน ปลื้มหมายถึงเพื่อนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อนนอน”

                น่าเบื่อแย่”

                แล้วจะทนมั้ย”

                ไม่รู้”

                ไม่ได้หรอกโปรด ยังไงก็ต้องทน .. ทนได้อยู่แล้ว เพราะถ้าคนแบบพี่ชอบใครขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะมากกว่าคนปกติหลายเท่าในทุกๆอย่าง”

     

                เสียงไฟแช็กดังขึ้นจากการกระทำของคนที่ไม่สูบบุหรี่  .. ชิโร่มองเปลวไฟที่เคลื่อนไหวเพราะต้องลม มันเต้นระบำอยู่บนนั้น บนที่ที่ไม่มีอะไรมั่นคงและถาวร

     

                รักมากกว่าคนอื่น เจ็บมากกว่าคนอื่น”

                … ”

                รู้สึกมากกว่าคนอื่น”

                ก็แค่ชอบ” ชินตะพูดขึ้น

                ก็ใช่ .. แค่ชอบ แต่เดี๋ยวก็รัก”

     

                ไม่มีอะไรที่เขาจะมั่นใจไปกว่านี้ ชิโร่สบตากับพี่ชาย วางมือลงบนผมเปียกๆก่อนจะขยี้เบาๆเหมือนกับที่เขาชอบทำและรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้ใครมาเล่นผม

                แต่ทุกชีวิต

     

                ขนาดทำให้คนที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครรู้สึกขึ้นมาได้จนยอมรับว่าชอบด้วยเวลาแค่นี้”

     

                ย่อมมีข้อยกเว้น

     

                กับรักก็ไม่ยากหรอกพี่โปรด”

     

                จริงๆแล้วเขาดีใจ

                ดีใจที่พี่ชายตัวเองจะโอนอ่อนกับตัวเองบ้าง .. ไม่โหดร้ายกับตัวเองเกินไปจนคิดว่าไม่มีสิ่งนั้นอยู่ในแผ่นอกกว้าง เพราะทุกๆคนล้วนมีหัวใจ

                ทุกคนมีความรู้สึก

     

                  เดี๋ยวยังไงก็รักเขานั่นแหละ”

     

                ทุกคนสมควรถูกรักจากใครสักคนบนโลกเสมอ

                ไม่ว่าจะเป็นปีศาจในโลกของใคร .. แต่พี่ชายก็คือฮีโร่ของน้องชายเสมอ

     

                ปลื้มอยู่นี่นะ”

                “เลี่ยน”

                บอกเฉยๆ เผื่อคิดว่าไม่มีใครรักพี่โปรดเลย”

                ไม่มีใครรักก็อยู่ได้”

                ไม่จริงหรอก” ชิโร่หัวเราะเบาๆก่อนจะยิ้ม

     

                รักไม่ใช่บทเรียนสำเร็จรูป เราเรียนรู้มันในแต่ละช่วงอายุด้วยใจตัวเอง ทำผิดพลาด ล้มลุกคลุกคลานและบอบช้ำ สุดท้ายในวันที่เรายืนขึ้นได้อีกครั้ง มันคงไม่ใช่เพราะใครเลยนอกจากตัวเราเอง

                และเพราะรักไม่ใช่บทเรียนสำเร็จรูป เขาจึงอยากให้พี่ชายได้เรียนรู้มันอย่างใจอยาก

     

                  เดี๋ยวสักวันพี่จะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นเลยล่ะตอนที่เขาบอกว่าไม่รัก”

     

                แม้มันจะสาหัส

                แต่สักวัน

                สักวันที่ทุกอย่างจบลงและได้ทิ้งหัวหนักๆลงบนหมอน

     

                ตอนที่ได้ยินมันจากปากเขาชัดๆ .. สักวันหนึ่งนั่นแหละ”

     

                เราจะขอบคุณตัวเองที่ได้รักไปอย่างสุดความสามารถแล้ว       

     

     








     

                เอยอยากฝันถึงพ่อ แต่เพราะไม่เคยได้เจอพ่อเลยในชีวิตจริง ต่อให้นั่งมองรูปยังไงก็ไม่มีวันฝันถึง .. เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิท จมดิ่งกับลมหายใจที่เข้าและออกอย่างเป็นจังหวะ แพขนตายาวที่ทาบทับผิวเนียนละเอียดทำให้คนมองใจกระตุก

                นิ้วแกร่งไล้แก้มใส กดจูบลงบนหน้าผากก่อนจะกระซิบบางคนที่ผล็อยหลับไปตั้งแต่รถขึ้นทางด่วน

     

                น้องเอย .. ตื่นได้แล้วครับ”

     

                ซือกระซิบ

                ซือที่แปลว่าความสุข

     

                พี่ซือ”

     

                และซือที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงของบางคนนั้นเป็นมากซะยิ่งกว่าความสุข

                เอยตื่นแล้วและเผลอขยี้ตาเป็นเด็กๆ สุดท้ายมือน้อยๆนั้นก็ถูกดึงไจูบ กลิ่นหอมจางจากเสื้อผ้าและร่างกายของคนที่เอยเรียกว่า ‘แฟน’ มาตลอดสองปี

               

                ผอมลงเยอะ ต้องให้พี่ดุใช่มั้ย”

                เอยกินข้าวแล้ววว”

                แต่ไม่ครบทุกมื้อ ถูกมั้ย?” คนตัวเล็กหัวเราะแหะๆก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วกวาดข้าวของตัวเองลงจากรถ รถที่พี่ซือเอาเข้ามาจอดในบ้านเพราะแน่นอนล่ะ อีกคนจะค้างที่นี่

                คนที่ไปๆมาๆระหว่างจีนกับไทยและทำงานหนักพอๆกับเขานั่นแหละนะ

     

                แม่นอนแล้วแน่เลย ไว้พี่ซือค่อยไปไหว้แม่ตอนเช้า”

                พี่แวะเข้ามาบ้านเราตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้วครับเอย”

                อ้าว ลูกรักแม่ก็งี้แหละ” เอยที่ไขประตูเข้าบ้านย่นจมูกและถูกบิดอวัยวะนั้นเบาๆอย่างรักใคร่ คนตัวสูงในชุดสูทปลดกระดุมเสื้อหนักๆออกราวกับกำลังปลดเปลื้องภาระที่หนักอึ้งลง มือใหญ่คว้าข้อมือคนที่ผอมและดูอิดโรยกว่าครั้งก่อนที่เจอเข้าหาตัว

     

                เหวออ”

     

                บางคนเสียหลักจากการจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม .. จมหายเข้าไปในอ้อมแขนที่อบอุ่นและคุ้นเคย จากพี่ข้างบ้านมาจนถึงวันนี้ มันไม่ง่ายเลย

                มันไม่มีอะไรง่ายเลย

     

                คิดถึงครับ”

                คิดถึงเหมือนกันครับ” เอยยิ้มตาหยี กอดอีกคนกลับเหมือนกับที่เคยกอดมาตลอด เขาโตมากับการมีแม่และเพิ่มเข้าไปอีกคือพี่ซือ คนที่ทำให้แม่ดีขึ้นจากอาการป่วยและคอยดูแลแม่ในวันที่เขาต้องอยู่หอใกล้มหาวิทยาลัยเพื่อเรียนหนังสือ

                เอยรู้สึกว่ามันล้นพ้น

                .. ระหว่างเรานั้น มันมากมายเกินกว่าคำว่าคนรัก

     

                ปล่อยเอยได้แล้วหน่า”

                อาบน้ำด้วยกันดีมั้ย”

                พะ พี่เป็นบ้าหรือไง” หน้าดำหน้าแดงบอกพลางต่อยอีกคนไปที ซือหัวเราะเบาๆมองคนที่แก้มขึ้นสี เขาผลักสะโพกอีกคนเบาๆเหมือนจะบอกว่าไปอาบน้ำได้แล้ว

                จริงๆเราเป็นคู่รักที่แปลก .. และเอยไม่ได้พูดถึงเรื่องราวแง่นี้กับใคร

                มันเป็นความจริงที่ว่าระหว่างเขากับพี่ซือไม่มีอะไรเกินเลยกันมากไปกว่าการจูบ จูบที่เอยให้มันเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เราคบกันมาและมันเป็นเพียงแค่การแตะปากกันเบาๆเท่านั้น

                เอยไม่มีความกล้าขนาดนั้น

     

                อย่าล็อประตูล่ะ เผื่อลื่นล้ม”

                ฝันไปเหอะ เอยจะล็อ!”

                “ฮ่าๆ”

     

                แต่ก็ให้ไปแล้วนะ

                จูบแรกกับแฟนคนแรกน่ะ

     

                … ”

     

                แผ่นหลังบางแนบกับประตูห้องน้ำ เอยถอนหายใจกับตัวเองเบาๆเมื่อวูบหนึ่งเขานึกถึงแววตาของบางคนที่มองมาในบาร์ที่ไปดื่มกันกับเพื่อนๆและพี่ซือวันนี้ .. เราไม่ได้คุยกันอีกและเขาไม่ได้บอกลาอีกฝ่าย เพราะพอหันไปมองอีกที อีกคนก็เดินออกจากร้านไปแล้ว

                ตากลมมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก เอามือทาบลงไปบนอวัยวะที่เรียกว่าหัวใจก่อนที่ริมฝีปากจะเม้มเป็นเส้นตรงเมื่อพบว่ามันเต้นแรงขึ้น

     

                เอย พี่อุ่นนมร้อนไว้ให้ดื่มนะครับ รีบอาบรีบออกมาดื่มนะ”

     

                เพียงแค่เพราะนึกถึงใครบางคนเท่านั้น

     

                ครับพี่ซือ”

     

     

     


     


     



     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    .



     

     

     

                บทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษยาวๆของผู้ชายข้างๆตัวเขาที่กำลังออดอ้อนแฟนตัวเองอยู่ทำให้รู้สึกปวดหัว มันเป็นแบบนั้นจริงๆสำหรับชินตะ .. ตาคมเหลือบมององศา เอกอนันต์ที่วันนี้มีโอกาสถ่ายแบบด้วยกันอีกครั้ง พอได้เจอกันอีกก็เริ่มคุยกันมากขึ้นและเริ่มถูกคอเพราะเทสต์หลายๆอย่างใกล้เคียงกันอย่างไม่น่าเชื่อ

     

                i miss you so much, tiny.”

     

                ถ้าสนิทกันกว่านี้ เขาคงบอกอีกฝ่ายตรงๆว่ามันน่าขนลุกชะมัดการเรียกแฟนตัวเองว่าตัวเล็กแถมยังทำหน้างอๆแบบนั้นน่ะ ความรักมันลดอายุสมองคนหรือไงกัน ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่เพื่อนในกลุ่มมีแฟนนักหรอก

                เลี่ยนฉิบหาย

     

                เมื่อกี้คุยถึงไหนแล้วนะ”

                คอนเสิร์ตแดเนียล”

                ยูได้ตั๋วรึยัง”

                ไปกันยกวงเลย ยูล่ะ”

                ไปกับแฟนแล้วก็เพื่อนสนิทแฟน อื้ม .. ไอ้เจน่ะ รู้จักมั้ย” ชินตะส่ายหัว ขอไม่รู้จักไว้ก่อนเพราะในชีวิตเขามีเจไม่รู้ตั้งกี่คน

     

                จำได้ว่ากินอเมริกาโน่เย็น ฝากกอดซื้อมาให้แล้ว”

                who’s him?” (ใครคือกอด?)

                my life maybe :)” (ชีวิตไอล่ะมั้ง)

                that sounds so gross.” (จะอ้วก)

                damn.” (ยูเนี่ยน้า) องศาหัวเราะเบาๆ มองสีหน้าที่เหมือนกับขยาดซะเต็มประดากับเรื่องหวานๆ พอได้ยินชื่อเสียงมาบ้างว่าเสือผู้หญิง แต่ไม่ใช่แนวคุยหลายๆคนแล้วก็ทิ้ง .. เป็นแนวที่เจอกันแค่บนเตียง จบตรงนั้นแล้วอีกฝ่ายจะเอาไปพูดยังไงก็ช่างแม่ง

                เขารักความไม่ใส่ใจพวกนี้ของเด็กข้างตัวเป็นบ้า

     

                ไม่เคยมีแฟนหรือไง” ส่ายหัวตอนที่หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาจิบระหว่างรอทีมงานเซ็ตฉากพลางปลดกระดุมที่ข้อมือเพราะอึดอัดกับชุดสูทเต็มยศแบบนี้เป็นบ้า

                “คนที่ชอบก็ไม่มี?”

                ถ้าสนิทคงด่าว่าเสือก”

                ก็พูดออกมาแล้วนะ”

                มีมั้ง”

                มีมั้งก็คือมี”

     

                ชินตะกับดวงตาดุๆมองคนที่ยกยิ้มสนุก จริงๆเขาคิดว่าองศากับเขาไม่ต่างกัน ผู้ชายคนนี้ต้องร้ายลึกแหงๆ แต่เอาเหอะ .. สุดท้ายต่อให้รู้ว่าเขามีใครสักคนที่ชอบแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าแม่งเป็นใคร

     

                แล้วเวลายูชอบใครสักคน .. มันเป็นยังไง”

                ก็อยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเขาล่ะมั้ง” องศาตอบ

                … ”

                กับกอดมันเหมือนคนที่แค่ก็ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วเราก็ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อพบว่าทุกๆอย่างที่ตัวเองต้องการมาตลอดมันมีอยู่ในเขาทั้งหมดแล้ว ทุกๆวันที่ตื่นมาเจอเขาก็ได้แต่คิดว่าตัวเองเหมือนกับเพลงเพลงนั้นที่ร้องว่า who could've thought i'd get you.

     

                มันเป็นอีกครั้งที่ชินตะทำได้เพียงรับฟังแต่ยังไม่เข้าใจ

                เขาไม่เข้าใจ

     

                ถ้าชอบมันก็แค่ชอบ แต่ในความชอบที่มันต่อยอดไปเป็นรักได้ ยูจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวให้กับเรื่องไร้สาระระหว่างความสัมพันธ์”

     

                ว่าคนคนหนึ่งจะรักใครอีกคนขนาดนั้นได้ยังไง

     

                ยูจะแค่รักเขา ไม่มีที่มาที่ไป อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ แค่คิดว่าเพื่อเขา มันก็ทำจนสำเร็จจนได้ซะงั้น”

     

                รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่พูดถึงความรักและคนรักเหมือนกับเป็นเรื่องที่สวยงามที่สุดและมันกว้างขึ้น สว่างไสวขึ้นเมื่อพานพบกับบางคนที่มาพร้อมกับของพะรุงพะรัง

                ชินตะมองตามนายแบบข้างตัวที่ลุกขึ้นเพื่อไปช่วยคนที่ตัวเล็กและหน้าตาดื้อที่สุดที่เขาเคยเห็น พวกเขาสบตากัน เป็นองศาเองที่ลูบแก้มก่อนจะพูดคำเลี่ยนๆออกมาโดยไม่ต้องฝืน ร่องรอยของความรักแฝงอยู่ในสายตาและฝ่ามือที่ประคองใบหน้าแฟนตัวเองก่อนจะกดจูบไวๆลงบนริมฝีปาก

                ชินตะถอนหายใจเอือมๆก่อนจะได้ยินเสียงองศาร้องโอยอย่างออดอ้อนเมื่อโดนชกเข้าที่ไหล่

     

                อายบ้าง”

                โธ่ น้องกอด”

                นี่ที่สาธารณะ กอดไม่อนุญาตนะ”

                ก็พี่คิดถึงกอดนี่”

                อดทนบ้าง”

     

                นี่ก็กลัวเมียอีกคน

                ชินตะเซย์ไฮให้กับคนที่ทักเขาเรียบๆแล้วส่งแก้วอเมริกาโน่เย็นให้ .. ตากลมภายใต้แว่นสายตานั่นมองมาที่เขาก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบๆที่อาจจะฟังดูหยิ่งเมื่อบวกกับใบหน้าที่เหมือนกับแมวหวงตัวนั่น

     

                “you look like the bassist from no bad days.” (คุณหน้าเหมือนมือเบสวง no bad days เลย)

                i am.” (ก็ผมเอง)

     

                องศามองแฟนตัวเองที่ดูอึ้งๆไปนิดหน่อย มองหน้าเขาสลับกับชินตะ ที่ไม่ได้บอกคือกอดเป็นแฟนคลับลับๆของวงนี้และที่ให้มาวันนี้ก็เพราะรู้นั่นแหละว่าชอบมือเบสเป็นพิเศษน่ะ ถามว่าหึงมั้ย แรกๆก็นิดหน่อย แต่พอได้เจอและคุยกับชินตะก็รู้ว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดคุยกันเรื่องดนตรีหรอก

                แฟนเขาน่ะน่ารักจะแย่ ส่วนไอ้เด็กหน้าดุคนนั้นมันก็ดูไม่สนใจอะไรเท่าไหร่

               

                ผมกอด”

                ชินตะ”

                damn.” แฟนตัวเล็กสบถจนองศาต้องเดินไปลูบหัว ไม่ได้เห็นกอดตื่นเต้นแบบนี้ก็นานแล้ว เขาได้ยินคำชมสารพัดจากกอดที่มีให้ชินตะ อย่างแรกคือการจัดวางร่างกายตัวเองบนสเตจ กอดบอกเขาว่ามือเบสคนนี้เท่แบบไม่ต้องเก๊กและที่สำคัญคือเหมือนกับฮากุในการ์ตูนเรื่อง spirited away

     

                รู้มั้ย เวลามองคุณมันเหมือนมีเพลง the name of life ดังขึ้นมา”

                いのちの名前?”

                ถ้านั่นคือเพลงประกอบ spirited away ล่ะก็ใช่”

     

                องศาหัวเราะเพราะสีหน้าเหมือนกับไม่อยากจะคุยด้วยของชินตะที่มีให้กอดมันตลกเป็นบ้า คนหยิ่งๆสองคนที่จู่ๆก็ต้องมานั่งคุยกัน แถมเจ้าคนหยิ่งคนแรกของเขาน่ะก็ดันชอบอีกคนเอาซะมากๆด้วยน่ะสิ :)

     



     




     

     

                พี่ซือ เอยขอแวะร้านหนังสือได้มั้ยครับ”

                ได้อยู่แล้ว เราเดินเข้าไปก่อนเลย พี่เข้าห้องน้ำแล้วจะตามไปนะครับ”

                โอเคครับ” ผมยิ้มกว้างให้คนอายุมากกว่าก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าร้านหนังสือ หลังจากที่ต้องอ่านเปเปอร์วิชาการมาจนหัวฟูทั้งอาทิตย์ วันนี้ผมขอหาหนังสือสนุกๆจรรโลงใจอ่านบ้างเถอะนะ

                ผมหยุดยืนมองชั้นหนังสือที่สูงและกว้าง ไล่สายตามองทีละเล่มๆ ในใจลึกๆอยากอ่านหนังสือที่เขียนขึ้นมาแล้วได้ต่อยอดไปทำเป็นหนัง

     

                บอกแล้วให้กินนมเยอะๆ”

     

                น้ำเสียงคุ้เคยเอ่ยขึ้นด้านหลัง ยังไม่ทันที่จะได้หันไปมอง คนคนนั้นก็ช่วยหยิบหนังสือเล่มที่ผมเอื้อมหยิบไม่ถึงสักทีให้ .. ภาพเหตุการณ์คืนนั้นย้อนเข้ามา คืนที่เขาสอนผมเล่นกีตาร์และเรามี pillow talk ด้วยกันอย่างที่ผมไม่เคยมีกับใครมาก่อน

     

                ปะ โปรด”

                อ่านด้วยเหรอ”

                ก็เดี๋ยวลองดู”

                คิดว่าจะสนุกมั้ย?” เขาถามผมก่อนจะลิกหนังสือเล่มนั้นไปมาในมือตัวเอง

                “ถ้าเป็นหนังก็สนุก เราจะซื้อเพราะอยากรู้ว่ามีดีเทลอะไรบ้างที่ในหนังมันพลาดไป”

                call me by your name and i'll call you by mine.” ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนมันดังคับหูแม้ว่าคนตรงหน้าจะทำเพียงเปิดหนังสือผ่านๆแล้วอ่านสิ่งที่เจอเท่านั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนเบสกับดวงตาดุๆของเขาทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

                ผมยิ้มบางๆให้เขากลบเกลื่อนก่อนจะพูดขึ้น

     

                เคยดูมั้ย?”

                ไม่ดูหนังรัก”

                ขนาดนั้นได้ไง”

                แต่ถ้าบอกว่าสนุกก็จะซื้อไปอ่าน” ชินตะหยิบหนังสือแบบเดียวกันกับที่หยิบให้ผมมาอีกเล่มหนึ่ง เขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวและตัวหนังสือที่อยู่ภายใต้ปกสีน้ำเงินเฉดที่ผมชอบเอาซะมากๆจะเป็นไปแบบไหน

     

                แล้วนี่มากับใครเหรอ”

               

                ผมทำลายความเงียบระหว่างเราที่ยืนเบียดกันอยู่ในแถวแคบๆของชั้นหนังสือชั้นที่เจ็ดเอ เขาขยับตัวเชื่องช้า ผมได้กลิ่นหอมจางปราศจากบุหรี่ นั่นอาจแปลว่าเขาเริ่มวันด้วยการทานอาหารเช้าและยังไม่ได้สูบสิ่งที่ทำให้ชีวิตเขาสั้นลงในวันนี้

     

                จิมมี่”

                ตัวติดกันจัง”

                เดี๋ยวตอนเย็นต้องไปเดินแบบด้วยกัน”

                อ้าว ที่ไหนเนี่ย ให้ตาย เราคงไม่ได้ไปดู เราเข้าเวรเย็น” ผมทำหน้าสลด

                แล้ว .. เอยมากับใคร”

     

                ก่อนที่ผมจะบอกเขาไป ใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาซะก่อน

               

                เอย?”

     

                เขาเรียกชื่อผม ผมถอนสายตาตัวเองออกจากใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอมาราวๆหนึ่งอาทิตย์แล้ว มีเพียงข้อความสั้นๆจากเขาทุกวันหนึ่งข้อความที่แรนด้อมมา

                breakfast

                lunch

                dinner

     

     

                พี่ซือ .. นี่เพื่อนเอย ชินตะ”

                สวัสดีครับ”

                … ”

     

                เขาส่งมาแค่นั้นเหมือนกับที่เคยส่งมาตลอด มันย้ำเตือนบอกผมว่าอย่าลืมกินข้าวนะ ไม่ว่าจะข้าวเช้า กลางวันหรือมื้อเย็น รู้ตัวอีกทีผมถูกพี่ซือดึงเข้าไปหา เรายืนข้างกันในขณะที่ชินตะสบตากับผมแล้วค่อยๆเลื่อนไปสบตากับพี่ซือ

     

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

                ครับ”

     

                ผมมองนัยน์ตาคมกริบที่หยุดมองใบหน้าแฟนผมค้างอย่างผิดปกติ คิ้วเขาขมวดเข้าหากันและแววตาดุดันนั่นเปลี่ยนไปแบบที่ใครอาจไม่สังเกตเห็น .. แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจการเปลี่ยนไปในหัวเขา

                เขาดูขุ่นเคือง

     

     

                เอยได้หนังสือรึยังคะ”

                ดะ ได้แล้วครับ”

                งั้นเรารีบไปจ่ายเงินดีกว่า เดี๋ยวดูหนังไม่ทันนะ” ผมพยักหน้าและถูกเจ้าของมือที่ใหญ่และร้อนจูงไปจ่ายเงินด้วยกัน .. หากแต่ใครบางคนรั้งเราไว้

                หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นส่ำตอนที่ชินตะรั้งข้อมือคนอายุมากกว่าข้างตัวผมไว้

     

                  คุณ .. ”

     

                เขาพูดเท่านั้น สบตาผมสลับกับสบตาพี่ซือ

               

                ครับ?”

     

                พี่ซือไม่ใช่คนใจเย็น เขาเป็นคนใจร้อนในคราบคนที่วางตัวสุขุมและผมเดาว่าแรงบีบที่ข้อมือของแฟนตัวเองจากการกระทำของชินตะนั้นมันไม่น้อยเลยเขาถึงปล่อยมือผมเพื่อที่จะจับข้อมือชินตะแล้วบิดให้อีกคนปล่อยการเกาะกุมนั้นออก

     

                คุณมีอะไรรึเปล่าครับ”

                “ … ”

     

                เขามองมาที่ผม

                มีผมสะท้อนอยู่ในแก้วตาของเขา 

                .. ผมได้ยินเขาเรียกผมซ้ำๆแต่ปากเขาไม่ขยับ สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ปล่อยมือออกแล้วพี่ซือก็เอื้อมมาจับมือผมอีกครั้ง ผมหันหลังไปมองเขาอีกครั้ง เขาที่หยุดยืนอยู่ตรงนั้นและยังมองแต่ผม

               

                เพื่อนเอยคนนี้แปลกๆนะ”

                มะ ไม่หรอกครับ”

                … ”

                พี่ซืออย่าโกรธเลยนะครับ เอยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ”

     

                ผมยิ้มบางๆทั้งๆที่ในใจปั่นป่วน

                มันคืออะไรกันนะ

                มันคืออะไรกันที่เขาอยากบอกผม

     

     

     

     

     


     


     



     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    .





     

     

                ออกมั้ย?”

                ไม่”

                ถ้าจะแดกขนาดนี้ไปแดกที่ร้านดีกว่าว่ะ” จิมมี่ถอนหายใจแต่ก็เปิดเบียร์อีกขวดขึ้นมากระดก ตามองลูกกลมๆในจอที่นักฟุตบอลทีมชาติวิ่งไล่กันเป็นบ้าเป็นหลัง

                เดินแบบเสร็จอะไรเสร็จก็เกือบสี่ทุ่ม กว่าจะถึงคอนโดไอ้ชินตะก็ห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืนแล้ว แล้วนี่มันยังจะทรมานไม่ให้เขานอนพักด้วยการดื่มเบียร์อีกต่างหาก เหอะ เห็นแล้วไม่มาแดกด้วยก็แปลกแล้ว จิมมี่กับเบียร์น่ะมันของคู่กัน

     

                มึงเป็นอะไร บอกกูได้ทุกอย่าง”

                “that suc ks.”

                what’s wronggg?!” จิมมี่อยากจะบ้าตาย มันเอาแต่พูดคำนี้กับตัวเอง ไม่ว่าจะตอนขับรถ ตอนไปสูบบุหรี่หรือตอนนี้ก็ตาม

     

                มึงจะให้กูเดาใจมึงเหรอชิน? ไอ้เหี้ยเอ๊ย ให้กูไขปริศนาดาวินชียังง่ายกว่าเดาใจมึง”

     

                ชินตะมองออกไปข้างนอกระเบียง

                ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาจัดระเบียบความคิดตัวเองไม่ถูก

     

                หรือมึงจะให้กูเปิด?”

                “ … ”

                หมอเอยเขามีแฟนแล้วแล้วไงวะ มึงก็เฟรนด์โซนดิ แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้” จิมมี่พูดติดตลก ใช่ว่าจะไม่รู้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปและเปลี่ยนไปอีกมากโขเมื่อพบว่าใครคนนั้นมีเจ้าของแล้ว

                มันต่างออกไป ถึงแม้พวกเขาจะชอบแซวเพื่อนว่าชอบเป็นชู้ แต่นั่นมันก็แค่เรื่องบนเตียง .. กับหมอเอยมันไม่ใช่ มันต่างออกไปและเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาซะงั้น

     

                ไม่ได้จะบอกให้มึงไปแย่ง คือแย่งไม่ได้อยู่แล้ว แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เอยเขาไม่ใช่คนแบบนั้น มึงดูนิสัยเขาดิ ต่อให้จริงๆเขาชอบมึงเหมือนกันแต่เขามีแฟนแล้ว เขาไม่เล่นกับมึงหรอกชินและกูก็รู้อีกเหมือนกันว่ามึงชอบเขาเกินกว่าที่จะแย่งเขามาและทำให้ความสัมพันธ์เขาแหลกละเอียดน่ะ”

     

                คนตัวสูงหยิบบุหรี่มาสูบ ไม่แม้แต่จะออกไปนอกระเบียงอีกแล้วเพราะบางสิ่งปั่นป่วนในใจเขา เขายังจดจำสายตาของเอยที่มองมาที่เขา เขายังจดจำท่าทีประหม่าของอีกคนได้และรอยยิ้มบางๆที่เอยส่งให้ในตอนที่เขาบอกว่าจะซื้อหนังสือเล่มนั้นเช่นกัน

     

                ทำกรรมไว้เยอะก็งี้ พอชอบใครทั้งทีก็ไม่มีสิทธิ์สมหวัง”

                ตอนแรก .. ก็คิดว่าเดี๋ยวคงเลิกชอบ”

                … ”

                แต่ตอนนี้กูอยากทำให้เขาชอบกูมากๆ ชอบจนเดินออกมาจากตรงนั้น”

                ชิน อย่างที่ไอ้จัสบอก พี่ซืออะไรนั่นเขาการงานมั่นคง ไอ้เหี้ย เขารู้จักเอยมาตั้งแต่เด็กๆ เขาดูแลของเขามาตลอด มึงจำได้มั้ยที่มันเล่า .. กว่าเอยจะตกลงคบกับพี่เขา แม่งมหา’ลัยปีสุดท้ายแล้วมึงก็รู้ว่าหมอเขาเรียหกปีอะชิน” จิมมี่บอกอย่างหมดความอดทน

                แค่ฟังก็รู้แล้วว่าหมอเอยไม่ง่ายเลย .. ขนาดตามจีบมาเกือบสิบปีก็เพิ่งได้ใจเขาไปไม่กี่ปีก่อน แล้วเพื่อนเขาล่ะ ถึงมันจะไม่ได้นิสัยแย่ แต่เขาก็รู้อีกเหมือนกันว่าพอกับเรื่องความรักที่มันยังไม่เคยเผชิญมาก่อน มันจะแย่หรือจะดีน่ะ

     

                มึงจำวันเกิดพีทได้มั้ย”

                ได้ดิวะ ที่มึงขับรถไปหาเขาอีกแล้วไง ชอบเขาอะไรขนาดนั้นวะเพื่อนกู”

                  กูเจอแฟนเอย”

     

                  จิมมี่ที่กำลังจะกระดกเบียร์ชะงัก

     

                เขาจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่”

                “ … ”

                กูเพิ่งได้เห็นเขาชัดๆอีกทีวันนี้ และไม่ต้องเดาเลยจิม”

     

                ควันบุหรี่สีขุ่นถูกพ่นออกมา มันพาภาพบางภาพฉายขึ้นในหัวเขา เสียงครางลุ่มหลงและดวงตาคู่นั้นที่มองเขากลับมาราวกับจะบอกว่าที่ตรงนี้เจ้าตัวกับผู้หญิงในอ้อมแขนจองแล้ว .. เขาจำได้แม้กระทั่งฝ่ามือที่ล้วงเข้าไปในกระโปรงของผู้หญิงคนนั้น

                และเรื่องราว

     

     

                  ไอ้เหี้ยนั่นนอกใจเอย”

     

                มันกลับยากขึ้นทุกที







    tbc.





















    ปาติหาน

    "มั่ยมีจิง"

    (´・_・`)

    #จนมีหัวใจ

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×