ตอนที่ 1 : prologue - คาบคลื่น
สถานที่ เหตุการณ์และบุคคลเหล่านี้อาจไม่มีอยู่จริง
แต่ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างการอ่านนั้น .. สัมผัสได้ด้วยใจ
ขออภัยหากมีข้อผิดพลาดและขอขอบคุณที่คอยเติมเต็มซึ่งกันและกันค่ะ
/
จาก
คำกริยา
ออกไปให้พ้นจากที่ใดที่หนึ่ง.
เช่น "จากบ้าน จากครอบครัว"
/
“ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้”
รอยยิ้มซื่อๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนที่มีกระดาษร้อยปอนด์ยับมุมหน่อยๆไว้ในมือ ชุดนักเรียนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของปากกาหมึกซึมหลากสีไม่น่ามองนัก เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติเม้มปาก จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเดียวกันกับท้องฟ้าตอนพลบค่ำ
เมื่อคืนเขาเตรียมคำพูดมากมายใส่ไว้ในหัว บรรจุมันลงในสมอง ไตร่ตรองหลายต่อหลายครั้ง หวังให้มันออกมาดีและน่าจดจำที่สุด ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นเพียงแค่สีฝุ่นจางๆที่เปรอะอยู่ในความทรงจำอีกฝ่ายเท่านั้น
“เรา .. ”
“ … ”
“ชอบนาย”
คนฟังไม่แสดงสีหน้าใดๆเพราะเขามักถูกสารภาพรักแบบนี้เสมอ ตาคมไล่สายตามองถ้อยคำต่างๆที่อยู่บนชุดนักเรียน ที่จริงมันก็ไม่แปลกหรอก ถึงจะอยู่แค่ม.5 แต่ที่โรงเรียนเขาน่ะเขียนเสื้อให้กันทุกครั้งที่ปิดเทอมนั่นแหละนะ
‘อย่าลืมกูนะเหนือ! กลับมาเยี่ยมกันบ้าง’
‘ไม่มีมึงแล้วใครจะให้กูลอกการบ้านวะ TAKE CARE นะเว้ย จะไม่ลืมมึงเลย’
‘ต่อไปนี้ใครจะรับผิดชอบคัทเอาท์ให้สีเราล่ะเหนืออออ รักนะะ ดูแลตัวเองด้วย’
เพียงแต่
“เรารู้ว่านายไม่เคยเห็นหน้าเรามาก่อน”
ถ้อยคำบนเสื้อพวกนั้น .. มันเหมือนคำบอกลา
“เราไม่เคยคุยกันมาก่อน นายไม่รู้จักเรา”
“ … ”
“แต่เรารู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับนาย”
หยดน้ำที่อุ่นเกินกว่าจะเป็นฝนไหลผ่านแก้มบางคนไป ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายที่สูงน้อยกว่าเขาราวๆ 7 เซ็น .. มือที่สวยเกินกว่าจะเป็นของเด็กผู้ชายนั่นยื่นกระดาษร้อยปอนด์ที่ม้วนจนเป็นทรงกระบอกให้เขาสั่นๆ
“ขอบคุณสำหรับความเป็นไปไม่ได้ที่จะยิ้มแต่ก็ทำให้ยิ้มจนได้ในทุกวัน ขอบคุณนะคาบคลื่น”
บอกแบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาที่ทำให้คนฟังได้แต่ปล่อยให้ความเงียบทำงานของมันไปเหมือนเคย ลมที่แรงเกินไปแล้วในวันนี้พัดผ่านตัวพวกเขาทั้งคู่ไปและเมื่อเข็มยาวของนาฬิกาเดินต่อ คนบางคนก็ต้องเดินหน้า
ทุกๆคำสารภาพรักที่ฟังดูไม่น่าจดจำเลยซักนิดในความคิดคนพูดลอยไปกับลม คนที่ตัวเตี้ยกว่าใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาก่อนจะผงกหัวขอบคุณคนที่ยอมรับฟังแล้วจึงหันหลังเพื่อเดินกลับไปหาคนรถที่น่าจะรอลูกชายคนเดียวของตระกูลวัฒนาวัฒนโชติจนเป็นกังวลไปหมดแล้ว
“เดินทางปลอดภัยนะ”
ริมฝีปากเป็นกระจับสวยขยับบอก น้ำเสียงทุ้มต่ำติดเย็นชาแบบนั้นได้มาจากคนเป็นพ่อ ไม่ว่าเวลาที่จะพูดคุยกับใครก็ตามแม้กระทั่งคนเป็นแม่ พ่อของเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ .. และแน่นอน คาบคลื่นเลียนแบบมันได้ดีไม่มีที่ติ
คนที่เป็นทั้งคนฟังและคนสารภาพรักไม่ได้พูดอะไรตอบ ทำได้เพียงแค่เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นเพื่อสะอื้นอย่างสุดกลั้น
มนุษย์จำแนกประเภทของคลื่นไว้หลายชนิดด้วยกัน คลื่นอิสระคือคลื่นที่เกิดจากการกระทำของลม พายุหรือมรสุม คลื่นบางชนิดต้องคล้อยตามแรงดึงดูดหรือคล้อยตามระบบการหมุนของโลก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
หากแต่มีคลื่นอยู่หนึ่งชนิดที่แรงดึงดูดของโลกไม่มีอำนาจมากพอในการฉุดลากหรือทำลายลงได้
ยิ่งคาบของคลื่นยาวมากเท่าไหร่ เรายิ่งมองเห็นมันได้ไม่ชัดเจนมากเท่านั้น กว่าจะรู้ตัวมันก็กลายเป็นอะไรซักอย่างที่ซัดเข้าหาฝั่ง ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังที่ไม่น่ามองเอาไว้
“คุณดาวเหนือ ทำไมร้องไห้แบบนั้นล่ะครับ”
“ลุงยา เหนืออยากกลับบ้านครับ”
และคลื่นแบบนั้นแหละ
คลื่นที่ไม่มีชื่อเรียกแต่เกิดจากคาบคลื่นที่ยาวจนเกินไปแบบนั้น
.. มันปั่นป่วนอยู่ในใจเขาตลอดมา
และตลอดไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สวัสดีฉันกลับมาอีกแล้วววว5555
อ่านรอบที่ล้านแปด5555
เรากลับมาอ่านรอบสอง เพราะคิดถึงเรื่องนี้มากๆ