คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 00 - 新太
“แผลแค่นี้เองสัด ไกลหัวใจ” มือหนึ่งบีบลงบนบ่ากว้างเบาๆคล้ายกับจะบอกว่าแข็งใจไว้
“โธ่ไอ้ควาย
มึงดูแผลเพื่อนมึงด้วยเหอะว่าจะติดเชื้อมั้ย สนับมือเลยนะเว่ย”
“มึงเจ็บปะเนี่ย?” คนถูกถามส่ายหน้า ที่จริงเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับแผลที่คิ้วนอกจากรำคาญเพราะช่วงแรกๆเลือดมันไหลเข้าตา
กลิ่นคาวยังคลุ้งเพราะเขามีแผลที่มุมปาก คิ้วเหวอะหวะและมือที่สภาพเหมือนไปออกรบมา
คงจะเป็นแบบนั้น .. แต่ช่างมันเถอะ
“บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเป็นชู้”
“รสนิยมเพื่อนไง
ไม่เสือกได้ปะไอ้จิม”
“มึงก็ดีแต่เข้าข้างมัน
ยังต้องใช้หน้าตาหาแดกอยู่นะเพื่อนมึงคนนี้อะ”
หนวกหูชะมัด
..
เขาคิดกับตัวเอง
“เดี๋ยวๆๆ!
มึงจะไปไหน?”
“ดูดบุหรี่”
“หนุ่ม ใจเย็นดิ
นี่จะถึงคิวมึงแล้ว”
“จะพากูมาทำไม
เสียเวลา”
“เออ กูบอกละ
เพื่อนเรามันนักรบนินจา แผลแค่นี้ ขี้ปะติ๋ว ใช่ปะชิน?” เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบ
กลอกตาใส่เพื่อนในกลุ่มที่แทบจะมัดมือมัดเท้าเขามาเย็บแผล
สารภาพตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมา เขามาโรงพยาบาลจริงจังแค่สองสามครั้ง
กับอีแค่ต่อยกันจนคิ้วแตก
มันน่าพามาโรงพยาบาลตรงไหน ไอ้เวรนั่นต่างหากที่ควรมาแอดมิด .. เพราะเขายังจำเลือดกองโตที่มันไอออกมาโขลกใหญ่หลังจากเขาเตะกลางตัวมันด้วยแรงทั้งหมดที่มีได้อยู่เลย
“คุณซาซาคิ
เชิญทางนี้เลยค่ะ”
เสียงโหวกเหวกเงียบลงเพราะพยาบาลสาวเดินเข้ามาพร้อมกับผายมือบอกทิศทางของการไปห้องตรวจ
บางคนเสยผมยุ่งๆไปด้านหลังแต่สุดท้ายมันก็ตกลงมาปรกตาอยู่ดี
“สู้เขาไอ้ชิน
ถ้าเจ็บก็ร้องไห้ออกมา!”
“bullsh-it.”
ไร้สาระ เขาด่าเพื่อนไปแบบนั้นเพราะเขาไม่ได้เจ็บ
.. ไม่ได้รู้สึกอะไรมานานมากๆแล้ว ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม
“มึงมันปีศาจ”
จิมพูดติดตลก มองแผ่นหลังกว้างกับขายาวๆที่พาเจ้าตัวไปจนถึงหน้าห้องตรวจ
ที่จริงไม่ใช่แค่พวกเขาหรอกที่เรียกชินตะอย่างติดตลกว่าปีศาจ
แต่เป็นทุกๆคนเลยต่างหากที่ได้รู้จักและสัมผัสตัวตนของมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ตกหลุมรักคนไร้หัวใจแบบมันยังไงล่ะ
“รอคุณหมอสักครู่นะคะ”
เขาไม่ได้ตอบ
คิดในใจว่าน่ารำคาญ ..
ให้รอด้านนอกแล้วยังให้เข้ามารอด้านในห้องตรวจอีก
ชินตะนั่งประสานมือ
พักแผ่นหลังกับพนักพิงเก้าอี้ที่นั่งไม่สบายนัก
ตาคมสอดส่องไปทั่วตามประสาคนที่ไม่รู้จะฆ่าเวลากับอะไร
เขาพบว่าห้องตรวจของหมอที่ประเทศไทยกว้างกว่าที่ญี่ปุ่น มิหนำซ้ำนายแพทย์คนนี้ที่มีชื่อแบบที่เขาสะกดไม่ออกตามประสาคนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติมาทั้งชีวิตยังเปิดเพลงคลอเบาๆออกมาจากลำโพงมาร์แชลสีครีมอีกต่างหาก
“
… ”
เคยได้ยินว่าเราสามารถรู้จักใครสักคนได้จาก playlist และเขาเชื่อว่านี่คงไม่ใช่ playlist
ที่มีอยู่แล้ว เหตุผลก็คงจะเป็นเพราะเมื่อกี้มันเป็นเพลงแนว
lofi hip hop แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็นแนว neo - soul ติด r&b
นิดๆได้อย่างนิ่มนวลเหมือนถูกคิดมาแล้ว
“สวัสดีครับ”
นานแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอนะครับคุณชินตะ”
ที่ไม่มีใครเรียกชื่อเขาถูกตั้งแต่ต้น
หมายถึงคนไทยมักจะเรียกนามสกุลเขาแทนชื่อจริง แหงล่ะ
เพราะเขาเขียนชื่อตัวเองแบบที่เริ่มด้วยนามสกุลก่อน
Sasaki Shinta
“เท่าที่หมอดู
เลือดหยุดไหลแล้วนะครับ แต่ตอนเย็บแผลน่าจะเจ็บพอสมควร ถ้าต้องการจะฉีดยาชา
บอกได้เลยนะครับ”
ตาคมมองการขยับไหวของริมฝีปากสีสดบนผิวขาวละเอียดเหมือนคนไม่เคยโดนแสง
..
อาจจะเป็นแบบนั้น
เพราะคนเป็นหมอคงทำงานอยู่ในโรงพยาบาลทั้งวันแบบที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว
เขาได้กลิ่นน้ำหวานออกมาจากลมหายใจคนที่บอกให้เขาลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงเย็บแผลและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อสำรวจแผลที่คิ้ว
..
เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่คนตัวเตี้ยกว่าสวมไว้ในเสื้อกาวน์มีกลิ่นหอมจางของทะเลและฤดูร้อนที่ทำให้เขานึกถึงโอกินาว่าและฉลามวาฬสีน้ำเงินตัวยักษ์
“สงสัยต้องทำแผลตรงปากแล้วก็มือด้วยนะครับเนี่ย”
คนที่เขาอ่านชื่อจริงไม่ออกหัวเราะติดตลก
รอยยิ้มบางๆนั่นอยู่ในระยะสายตา เขาสังเกตเห็นขี้แมลงวันเล็กๆข้างแก้มซ้ายและนิ้วมือสวยที่กำลังปัดผ่านไอแพดก่อนจะเริ่มต้นเขียนรายละเอียดงานของตัวเองลงไปในนั้นพร้อมกับฮัมเนื้อเพลงตามเพลงที่เปิดอยู่
และมันเป็นหลักฐาน
“คุณชินตะต้องระวังตัวมากกว่านี้หน่อยนะครับเพราะดูแล้วเป็นแผลเป็นจากการชกต่อยแน่ๆ”
“ … ”
“ช่วงนี้งดดื่มแอลกอฮอล์แล้วก็ของแสลง แผลหายเมื่อไหร่จะได้หล่อเหมือนเดิมนะครับ”
ว่าคนตรงหน้าเลือกเพลงเพลงนั้นที่เขาชอบที่สุดในอัลบั้มนี้ใส่ลงไปใน playlist ของตัวเองจริงๆ
“สรุปยาชาสักเข็มมั้ยครับ?”
เขาส่ายหัว
..
มีความรู้สึกบางอย่างหมุนวนอยู่ในอกและมันไม่ยอมบอกให้ปริปากพูดออกไป
เขามองแผ่นหลังของคนที่หันไปสั่งสิ่งที่ต้องการกับพยาบาลเมื่อกดออดเล็กๆข้างโต๊ะเรียก
“คุณหมอเอยจะเย็บแบบสอยใช่มั้ยคะ?”
“ครับ
ฝากพี่แพตเตรียม Absorbable Sutures ให้เอยหน่อยนะครับ”
เอย
.. ชื่อเหมือนผู้หญิงชะมัด
“ไม่นอนได้มั้ยครับ”
“ครับ?”
คุณหมอหันไปสบตากับคนไข้
ประโยคแรกที่เจ้าตัวพูดกับเขาเลยนะนั่น .. ตอนแรกคิดว่าเมาจนไม่อยากจะพูดอะไรเพราะเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆผสมกับน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้
บอกตามตรงว่ามาตอนตีสองไม่เท่าไหร่ แต่มาด้วยสภาพที่เหมือนเพิ่งผ่านสนามรบมาแบบนี้ก็อดตกใจไม่ได้
คิดไม่ออกเลยแฮะว่าคนที่คุณคนไข้เขาไปมีเรื่องมาด้วยน่ะจะอ่วมขนาดไหน
เล่นต่อยซะมือแตกยับขนาดนั้นน่ะ
“ได้ครับ
นั่งแบบนี้หมอก็เย็บได้”
เขายิ้มบางๆให้คนไข้ที่ทำให้เขาประหม่าที่สุดตั้งแต่เป็นหมอมา
ไม่ใช่เพราะใบหน้าแบบคนญี่ปุ่นที่หล่อร้ายสุดๆเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนนั่นหรอก
..
แต่เป็นรอยคิสมาร์กตรงคอข้างขวาที่ชัดเจนซะจนเขาไม่ต้องเดาเลยว่ามันคงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเองนั่นแหละนะ
วัยรุ่นสมัยนี้นี่ใช้ชีวิตกันคุ้มดีจัง
“ขออนุญาตล้างแผลนะครับ”
พอคนไข้พยักหน้าให้เนือยๆเหมือนคนจะหลับ
เขาก็เริ่มต้นล้างแผลโดยไม่รอให้พยาบาลเป็นคนมาทำและให้ตายเหอะ
ต่อให้อีกคนนั่งอยู่บนเตียงแบบนี้ก็ดูตัวใหญ่กว่าเขามากๆซะจนเขาเคอะเขินกับความสูงและรูปร่างของตัวเอง
“คราวหน้าต้องมาโรง’บาลเพราะป่วยนะครับ
ไม่ใช่เพราะแผลแบบนี้”
มีใครเคยบอกหมอเขามั้ยนะว่าน้ำเสียงที่พยายามจะใช้ให้ดูดุน่ะ
มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวเลยสักนิด
ชินตะไม่ได้ตอบ
เขาจ้องมองทุกๆองค์ประกอบของใบหน้าคนที่กำลังยืนอยู่จนเกือบจะแนบชิดเพื่อทำความสะอาดแผลให้พร้อมเย็บ
สำลีชุ่มน้ำเกลือแตะลงบนมุมปากเขาเบาๆและเชื่องช้า
วิธีการแบบนั้นทำให้เขานึกถึงผีเสื้อที่บินโฉบมาขอน้ำหวานจากดอกไม้
อ่อนโยน
“ถ้าใช้มือต่อยไม่น่าทำให้แผลมันลึกได้ขนาดนี้
ลงไม้ลงมือกันแบบใช้อาวุธนี่ต้องแจ้งความด้วยนะครับ”
อ่อนโยนจนเกิดความรู้สึกสักสิ่งหมุนวนอยู่ในแผ่นอกของปีศาจอย่างเขา
“คุณชินตะได้ยินหมอมั้ยครับ?”
เหมือนแมวที่ชอบขู่ ชินตะคิดแบบนั้นพลางพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าได้ยิน
ปกติเขาไม่ใช่คนพูดมาก จะให้พูดกับคนตรงหน้าเยอะๆมันคงผิดปกติไปสักหน่อย
แต่ถ้าจะให้สารภาพตามตรง
นี่มันมากกว่าผิดปกติซะอีก .. เพราะเขาน่ะอยากคุยกับคนที่เขายังอ่านชื่อจริงอีกฝ่ายไม่ออกแม้จะพยายามคิดในหัวหลายครั้งว่าต้องสะกดยังไง
มันก็ไม่ได้ผล
อยากคุยด้วย
แต่ปากมันไม่ยอมขยับเลย
“ตกใจมากเลยเหรอครับที่ต้องมาโรงพยาบาล คุณเงียบไปแบบนี้ หมอใจเสียนะครับ”
ชินตะไม่อยากจะเดาว่าคนตรงหน้าอายุเท่าไหร่
แต่เชื่อเถอะ
คงไม่มากไปกว่าเขาหรอกเพราะการทำหน้างออย่างคนเผลอตัวอยู่ตรงหน้าเขานี่น่ะมันน่าจับมาบีบแก้มให้ร้องไห้
“เปล่า .. ครับ”
ไม่ชิน
ใช่
ไม่ชินเลย ..
เขาแทบจะไม่พูดสุภาพๆกับใคร อาจจะเพราะภาษาอังกฤษมันไม่จำเป็นต้องใส่คำลงท้ายว่าครับหรือค่ะให้สุภาพ
แถมเขายังใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ ไอ้คำว่าครับน่ะลืมไปเลยว่าต้องใช้
“เราคุยกันก็ได้นะครับ
ระหว่างเย็บแผล จะได้ไม่เจ็บมากแต่ห้ามขยับคิ้วนะครับ”
“ครับ”
“มีอะไรอยากถามหมอรึเปล่าครับ?”
ถ้าเป็นคนอื่น
เขาคงเดินหนีหรือไม่ก็กลอกตาใส่
มันน่ารำคาญจะตายไปเวลาต้องพาตัวเองมาถามอะไรใครแบบนี้ แต่แปลกไป .. ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะรอยยิ้มใจดีเหมือนลูกหมาที่เฝ้ารอฝ่ามือเจ้าของยื่นไปหาแล้วลูบหัวกลมๆนั่นพร้อมกับป้อนคำถามให้เหมือนขนม
“ผมอ่านชื่อจริงหมอไม่ออก”
“อ๋อ .. ครับ อ่านยากใช่มั้ยครับ
ผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เหมือนชื่อผู้หญิงเลย”
เขาหัวเราะ
หันไปผงกหัวขอบคุณพยาบาลที่เอาอุปกรณ์เย็บแผลมาวางไว้ให้บนถาดสแตนเลสทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ
ชินตะมองมือสวยๆนั่นวุ่นวายกับการหยิบเครื่องมือ
“อ่านว่า สิสิร
ครับ”
มันอาจเป็นการลดรูปหรือทอนเสียงหรืออะไรสักอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่ไอ้คำที่มองเห็นด้วยตาเป็นตัวอักษรว่า
สิสิร มันดันอ่านว่า
สิ-สิ-ระ
“แล้ว
คุณชินตะเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆเลยหรือลูกครึ่งครับ?”
“เป็นคนญี่ปุ่นครับ”
“แบบนี้เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ไทยเหรอครับ
แต่พูดไทยเก่งมากเลยนะครับ” บอกแบบนั้นพลางกระซิบบอกเสียงเบาว่าจะเริ่มเย็บแผลแล้ว
วินาทีแรกมันเหมือนมีอะไรบาดลงมาในผิว จมลึกและผุดขึ้น เป็นเช่นนั้นซ้ำๆ
ละเมียดละไมแต่กลับรวดเร็วราวกับไม่ต้องการให้เขารู้สึกเจ็บนานกว่านี้
ใช่ว่าจะไม่เคยเป็นแผล
เด็กผู้ชายกับการชกต่อยเป็นเรื่องธรรมดา พ่อของเขาเคยบอกไว้แบบนั้น
แต่การเย็บแผลโดยปราศจากยาชาทำให้เขารู้สึกอะไรขึ้นมานิดหน่อย
มันเป็นความเจ็บ
“ย้ายมาตอนเกรดเจ็ด
.. ครับ”
“เจ็บใช่มั้ยครับ
ขอโทษนะครับ”
ที่เขาเต็มใจให้เกิดในตอนนี้
“เรียบร้อยแล้วครับ
แผลไม่ใหญ่เลยแต่ค่อนข้างลึก .. ” ชินตะมองคนที่กำลังอธิบายวิธีการดูแลแผล
มันเข้าหูเขาบ้าง ไม่เข้าบ้าง เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจฟังมันเลยสักนิด
เหมือนกับความสนใจทั้งหมดถูกเทไปที่ริมฝีปากสวยๆนั่น
จมูกรั้นและกลิ่นน้ำหอมของคนตรงหน้า
“คุณชินตะครับ?”
“ … ”
เพลงเพลงเดิมวนกลับมา
เพลงที่จบไปแล้วและเป็นเพลงโปรดของเขา ชินตะเดาว่าเจ้าของ playlist บรรจุเพลงลงไปเพียงสามเพลงเท่านั้น
มันถึงเล่นซ้ำแบบนี้
เล่นซ้ำๆอยู่เช่นนี้
“อ่า
หมอลืมทำแผลที่มือให้นี่เอง”
บ่นกับตัวเองราวกับรู้เหตุผลว่าทำไมคนตัวโตกว่าถึงไม่ลุกขึ้นจากเตียงทั้งๆที่เย็บแผลเสร็จแล้ว
เสียงขออนุญาตดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงเบาๆที่คลอในห้องเย็นเฉียบ .. การสัมผัสกันของฝ่ามือที่ไม่เคยแตะต้องกันมาก่อนพาก้อนเนื้อภายใต้แผ่นอกซ้ายของใครบางคนกระตุก
เบตาดีนถูกป้ายลงรอบๆแผลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตาคมมองมือที่เล็กกว่ากอบกุมมือเขาไว้
ค่อยๆทำแผลราวกับจะกลัวเขาเจ็บและการกระทำเช่นนั้นละเลียดเวลาเชื่องช้าจนเขาสามารถอาศัยมันจ้องมองแพขนตากับปลายจมูกอีกคนได้อย่างถนัดตา
“เอย”
“
..
ครับ?”
“คุณชื่อเอยใช่มั้ยครับ”
“ครับ ชื่อเล่น
.. ได้ยินพี่พยาบาลเรียกใช่มั้ยครับ” ยิ้มใจดีให้อีกครั้งราวกับซานตาคลอสที่แจกจ่ายขนมหวานให้เด็กน้อยไม่อั้นในวันคริสต์มาส
“หมอเอย”
“ครับ”
น่ารัก
“คุณชอบท่อนไหนในเพลงที่กำลังเล่นอยู่เหรอครับ”
“ถ้าเพลงนี้
ก็คงจะเป็น .. ”
มันผุดขึ้นมาในใจเขาเหมือนกับรากแรกของเมล็ดพันธุ์
มันคงอยู่แบบนั้น
ฝังตัวลงไปในพื้นที่ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะสามารถใส่อะไรไว้ได้บ้าง
ว่ากันว่าหัวใจเป็นสิ่งสมมติ
เราระบุว่าหัวใจเราแตกสลายเมื่อเราตกลงไปในหลุมรักแต่ไม่มีโอกาสได้รักกลับคืน .. แต่เมื่อเวลาพ้นผ่าน
สิ่งที่สลายไปแล้วนั้นกลับมาเต้นได้อีกครั้งและเริ่มต้นความรักใหม่
เป็นเช่นนั้นซ้ำๆจนเขารู้สึกว่าทั้งหมดนั่น
ไม่ต่างจากวงจรอะไรที่ไร้ค่า
“i'm me, i'm
god.”
มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ
..
ที่หัวใจจะแตกสลายเพียงครั้งเดียวด้วยการรักใครอย่างดีที่สุดแล้วไม่เห็นความจำเป็นของการรักใครเพิ่มอีกเลย
“i'm everything .. i'm my own reason why i sing.”
หากแต่ชินตะไม่ได้หาคำตอบให้กับเรื่องเหล่านี้เพราะเขาเชื่อว่าเขาไม่เคยมีหัวใจสมมติเช่นนั้น
ใจของเขาไม่ได้เต้นแรงเพื่อจะตกหลุมรัก
ใจของเขาไม่ได้แหลกสลายเมื่อพบว่าเขาไม่เคยเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นๆของผู้ใด
เพราะเขาเป็นปีศาจ
“and so are you,
are you understanding?”
และปีศาจไม่มีหัวใจ
tbc.
อยากมีมานานแร้ว พระเอกชาวญี่ปุ่น!
อินมากจากการไปญี่ปุ่นมาและอินม๊ากกับเพลงของ indigo la end
เนี่ย เวลาบอกว่าไม่เส้า ชอบหาว่าน้องโกหก
งั้นเรื่องนี้ขอจั่วไปเลยว่า "เศร้าแต่ไม่ bad end"
โอเคนะะะะะ ไม่ได้เศร้าขมอะ
burnt caramel อะไรแบบนั้นคับพี่ๆ (・ε・`)
เขียนจบตั้งกะเดือนที่แล้วแล้วแต่เพิ่งว่างมาลง
จะมั่ยทำให้ใครผิดหวังในส่วนของการรออัพ
ขอกะลังจัยและคิดถึงทุกคนมากๆเรยนะ
เจอกันได้ที่แท็กนี้ #จนมีหัวใจ
รักเสมอเลย
มะเหมี่ยวเอง ♡´・ᴗ・`♡
ความคิดเห็น