คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 6th step: เด็กไทยทำอะไรในวัน Christmas Eve & Boxing Day
ช่วงใกล้คริสต์มาส ในตัวเมืองที่เราอยู่นั้น จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่าย และหาซื้อของขวัญมากมาย แต่พอเข้าถึงช่วงค่ำของวันที่24 ธันวา เลยไปยังวันที่ 25 ธันวา ทุกอย่างเงียบมากค่ะ เพราะทุกคนจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เพื่อรับประทานอาหารในช่วงคริสมาสต์ร่วมกัน เราโชคดีได้มีโอกาสร่วมบรรยากาศนี้ด้วยการไปโบสถ์ค่ะ คืนวันที่ 24 ตอนเที่ยงคืน ถือว่าเป็นคืน Christmas eve เป็นวันที่พระเยซูได้ถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ โบสถ์ที่เราไปเป็น Cathedral ประจำเมือง นิกายคาทอลิกค่ะ
source: http://ih1.redbubble.net/image.8734220.8752/flat,550x550,075,f.jpg
เค้าจะเปิดให้เข้าไปร่วมพืธีตอน 4ทุ่มครึ่ง แต่พิธีเริ่มจริงๆ 5 ทุ่มกว่าๆ วันที่เราไปนั้น คนมาร่วมงานเยอะมาก เต็มโบสถ์ จนที่นั่งไม่พอ บางคนที่มาช้าก็เลยพลาดโอกาสมาร่วมพิธีนี้ วันนั้นท่านหัวหน้าบาทหลวงดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะ จะมีการถ่ายทอดสดจาก BBC ออกอากาศไปทั่วประเทศ ทุกอย่างจึงมีการซักซ้อมหลายรอบ แม้กระทั่งเราๆท่านๆซึ่งเป็นผู้มาร่วมพิธี ก็ต้องซ้อมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ากันค่ะ (บางเพลงยากมาก เพราะเป็นภาษาละติน อ่านยังอ่านไม่ค่อยออกเลย ไม่ต้องคิดถึงเรื่องร้องให้ถูกคีย์) เรารู้จักจริงๆแค่ 2 เพลง คือ O come, all ye faithful และ Hark! The herald angels sing เพราะเคยร้องสมัยเป็นนักเรียนประถมที่โรงเรียน แต่โรงเรียนเราแปลเป็นภาษาไทยอะค่ะ เลยเพิ่งมารู้วันนี้ว่า แบบ original เป็นแบบนี้เอง
Source: http://www.dioceseofleeds.org.uk/img/news/main/455_2.jpg
พิธีนี้ดูศักดิ์สิทธิ์และมีมนตร์ขลัง เพราะนอกจากร้องเพลงแล้ว จะมีขบวนของนักบวชแกว่งกำยาน ,ถือพระคัมภีร์, ไม้กางเขน และแท่งเทียน เดินวนรอบโบสถ์ด้วย (เราว่าต้องมีนัยยะอะไรบางอย่าง แต่เราไม่ทราบเหตุผลเพราะเราไม่ได้เป็นคาทอลิกอะค่ะ….ใครทราบรบกวนบอกด้วยนะคะ) จากนั้นนักบวช และบรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองก็จะออกมากล่าวสรรเสริญพระเจ้าค่ะ แล้วระหว่างนั้นก็จะมีคณะนักร้องประสานเสียง ซึ่งเป็นเด็กๆอายุประมาณ5-12 ขวบ ออกมาร้องเพลง น่ารักมากๆเลยค่ะ ช่วงท้ายพิธี เค้าจะให้ผู้ร่วมงานที่เป็นคาทอลิก รับศีลครบถ้วนแล้ว มารับประทาน ขนมปัง กับน้ำในจอก (ไม่แน่ใจว่าน้ำเฉยๆ หรือเป็นเหล้าองุ่น) แต่สำหรับเรา เราไม่ได้เป็นคาทอลิก เค้าก็จะให้เราเดินเอามือไขว้กันบริเวณอก เพื่อบอกว่ายังไม่ได้เป็นคาทอลิกเต็มตัว ขอรับพรเฉยๆ ซึ่งบาทหลวงเค้าก็จะให้พร ในนามของพระบิดา พระบุตร และพระจิต (ถ้าเราแปลไม่ผิด จะประมาณนี้อะค่ะ) พิธีนีเสร็จประมาณตีหนึ่งกว่าๆค่ะ
สำหรับชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษนั้น คืนวันที่25 เราก็มีจัดปาตี้กันค่ะ อาหารที่ทำกันกินนอกจากไก่งวงแล้ว ก็มีพวกสปาเก็ตตี้ มันบด สลัด ปลาแซลมอนอบ ทำกันเองแบบง่ายๆ ฉลองกันเองค่ะ อ๋อ ลืมบอกไปว่า ช่วง 24-26 ธันวา ต้องซื้ออาหารมาตุนไว้เยอะๆหน่อยนะคะ เพราะ supermarket และร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดหมดค่ะ ถ้าไม่ซื้อเก็บไว้ก่อนอาจจะไม่มีอะไรกินนะคะ หลังจากปาตี้จบ เราก็มานั่งนัดวางแผนสำหรับเช้าวันพรุ่งนี้ค่ะ เพราะเป็นวันที่หลายๆคนตั้งตาตั้งตารอคอยมาทั้งปี วันนั้นก็คือ “Boxing day” นั่นเองค่ะ
จากการสอบถามเพื่อนชาวอังกฤษ เราก็เลยได้ทราบว่า วันที่26 ธันวา ที่เค้าเรียกว่าวัน Boxing day ก็เพราะมันเป็นวันแกะกล่องของขวัญนั่นเองค่ะ แต่อีกความหมายนึงมันก็คือ วันแรกของการเริ่มต้นการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ทั่วเกาะอังกฤษเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใครอยู่เมืองใหญ่ๆเช่น ลอนดอน หรือ แมนเชสเตอร์ จะรับรู้ถึงบรรยากาศนี้ดีมากๆ เพราะผู้คนจะไปรอเข้าคิวหน้าร้านเพื่อซื้อของตั้งแต่เที่ยงคืนของอีกวัน หรืออย่างช้าก็ตีห้า ของวันที่26 สำหรับตัวเราเองนั้น ขี้เกียจไปต่อคิว เพราะปีนี้ก็ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ เลยขออยู่รอBoxing day ที่เมืองเราดีกว่า เพราะเมืองที่เราอยู่ก็เป็นเมืองที่ใหญ่เหมือนกัน ร้านbrand name ก็มีหลายร้าน ถึงแม้จะไม่เท่ากับ London หรือ Manchester ก็ตามที
Source: http://news.bbcimg.co.uk/media/images/64941000/jpg/_64941885_64940936.jpg
แต่พอถึงวันจริง เมืองเราก็ใช่ย่อยค่ะ ห้างเปิด 7 โมงเช้า เพื่อนเราไปรอตั้งแต่ 6โมงครึ่ง นึกว่าเช้าแล้ว และน่าจะได้คิวแรกๆ แต่ไม่ค่ะ ฝรั่งคนอื่นไปเช้ากว่าเราตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ดังนั้นเมื่อห้างเปิดจริง Prada เอย Gucci และกระเป๋า Brand nameทั้งหลายเลยหมดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า …ช่างเหลือเชื่อสำหรับเรามาก (คือเราไปประมาณสิบโมง กระเป๋าbrand พวกนี้ก็หมดแล้วอะค่ะ) เพื่อนบอกว่า เธอซื้อได้แค่อย่างละใบ เพราะเข้าไปแย่งคนอื่นไม่ทัน คือแบบว่ามันถูกกว่าราคาปกติ 40-70% เลยอ่ะค่ะ ทุกคนเลยต้องฝ่าฟันมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ …จริงๆก็แอบมีทริกนิดนึง สำหรับคนที่อุตส่าห์มาเข้าแถวตั้งแต่เช้าและไม่อยากพลาดโอกาสในการซื้อกระเป๋าใบโปรดไป คือ ต้องมาshop ล่วงหน้า 1วัน เพื่อมาเล็งดูว่ากระเป๋าใบที่เราอยากได้วางอยู่ตรงไหน เพราะเวลาที่เค้าเปิดให้เข้ามาซื้อนั้นเราจะได้รีบไปคว้าใบนั้นมากอดไว้ก่อนที่คนอื่นจะแย่งไปอะค่ะ
Source:http://news.bbcimg.co.uk/media/images/64940000/jpg/_64940174_sue_lindenberg_kingstonuponthames.jpg
แต่สำหรับแบรนด์อื่นๆ ก็อาจจะไม่ถึงกับต้องแย่งกันขนาดนั้น อย่างเช่นพวกเสื้อผ้า Zara, Top Shop, Gap, H&M หรือพวกรองเท้า Dr.Martens, Dune, UGG ,Clack หรือกระเป๋า Ted backer, Radley, Mosshino, Cath Kidston พวกนี้ ไม่ต้องต่อคิว แต่คนก็เยอะมากมายมหาศาล เพราะมันลดมากจริงๆ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50% วันนั้นทั้งวัน เรากะเพื่อนได้แต่เดิน เดินและก็เดินจนลืมกินข้าวเช้ากะข้าวเที่ยงไปเลย มารู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้ว เพราะว่าตั้งใจในการช๊อปปิ้งมาก เพราะถ้าช้า ของดีๆ ถูกๆ ก็จะหมดไปก่อนอะค่ะ
ส่วนใครที่ชอบหนังสือ ก็พลาดไม่ได้เช่นกันค่ะ ลดกระหน่ำมาก คือเราได้หนังสือชุดที่อยากได้มานาน ลดราคาจาก 99 ปอนด์เหลือแค่ 20 ปอนด์ เห็นแล้ว อดใจไม่ไหวค่า พวกนิทานสำหรับเด็กของ Disney ก็ลดเยอะมาก 50-70% เห็นแล้วอยากซื้อกลับไทยไปให้น้องมากๆ
งานนี้ก็ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์นึงในชีวิต ที่ได้มีโอกาสมาเห็นคนแย่งกันซื้อของขนาดนี้อะค่ะ…ทำเอาเราจนไปเลย ซึ่งมันก็ทำให้เราคิดว่า ได้โอกาสไปทำงาน Part-time แล้ว แล้วไว้จะเล่าให้ฟังนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง^_^
ความคิดเห็น