ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามเบ็คแฮมมาเรียนอังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #14 : 10 th step: Easter holiday กับประสบการณ์ขอ VISA อเมริกา ที่ประเทศอังกฤษ

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 56


              หลังจากการเรียนเทอม 2 อันหนักหน่วง ( หนักจริงไรจริงค่ะ เพราะงานที่สั่งเยอะสิ่งและ ต้องประชุมกลุ่มหลังเลิกเรียน หรือบางครั้งก็ช่วงพักกินช้าวทุกวัน เห็นหน้ากันประหนึ่งญาติสนิท ) ช่วงกลางเดือนมีนา ถึงกลางเมษา เป็นอีกช่วงหนึ่งที่เด็กนักเรียนที่นี่รอคอยค่ะ เพราะเป็น Easter holiday ของคนยุโรปเค้า

              ตอนนี้เราเองก็ตั้งหน้าตา นับวันรอเมื่อไหร่จะถึงซักที ( พร้อมกับอีกมือ นั่งปั่นรายงาน 55) ตอนแรก เรากะเพื่อนคนจีนตั้งใจจะไปยุโรปกัน แต่คุยไปคุยมา ความต้องการไม่ตรงกัน ทริปเลยล่มไปตามระเบียบ ต่อมาเพื่อนอีกกลุ่มจะไปอเมริกากัน แล้วเรายังไม่เคยไป ก็เลยเปลี่ยนใจมาเที่ยวเมกาซะเลย

              ทริปนี้มีเรื่องแซ่บตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทาง เพราะเราต้องไปลุ้นกับการข้อวีซ่าว่าจะผ่านม้าย เพราะเห็นคนที่เมืองไทยบอกว่าอเมริกาให้วีซ่ายาก ดังนั้นเราเลยพยายามเตรียมเอกสารให้พร้อมที่สุด ขั้นตอนคร่าวๆของการขอวีซ่าคือ

    -เข้าไปกรอกเอกสารเวป พร้อมทั้ง scan รูปถ่ายตามที่เค้ากำหนดไปด้วย ( ขั้นตอนนี้ทำเอาเราต้องเสียค่าถ่ายรูปใหม่ 4 ครั้ง แบบถ่ายจากตู้อัตโนมัติ แล้วหน้าใหญ่บ้าง หน้าเล็กไปบ้าง T_T)

    - จากนั้นเราก็ต้องโทรไปนัดวันและเวลาสัมภาษณ์กับสถาณฑูตอเมริกา ที่ลอนดอน ( ค่าสมัครเกือบร้อยปอนด์ ไม่รวมค่าโทรศัพท์ที่ยังต้องเสียอีก นาทีละปอนด์กว่าๆอย่างแพง)

    - พอได้วันเวลาที่แน่นอนแล้วก็เตรียมตัวไปสัมภาษณ์ โดยเราเองพยายามเอาเอกสารไปให้เยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองของมหาวิทยาลัย, ใบรับรองที่อยู่ในUK, Bank Statement, etc. เพื่อให้เค้ามั่นใจว่าเราจะไม่ไปเป็น โรบิ้นฮู้ดที่นั่น แบบไปแล้วไปอยู่ถาวร

    ทีนี้ก็มาถึงวันสัมภาษณ์จริง เราไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงค่ะ ที่ไม่ไปก่อนนานๆเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีที่ให้นั่งรอ ต้องต่อแถวอยู่ด้านนอกอาคาร เมื่อไปถึงเราก็ต้องไปต่อแถวด้านนอก ( เห็นเพื่อนบอกว่าที่เมืองไทยแถวยาวกว่านี้) จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจใบนัดหมาย ( เราต้องปริ้นออกมาจากEmail ที่เค้าส่งมาให้เราเอง) แล้วก็เดินเข้าไปScan ตรวจว่าเรามีพกอาวุธอะไรรึป่าว จากนั้นถึงเดินเข้าไปในอาคารได้

    เมื่อมาถึง ก็ต้องมารับบัตรคิวก่อน รอบแรกเป็นการตรวจเอกสารสำคัญ ได้แก่ ใบนัดหมาย และเอกสารที่เค้าบอกให้ปริ้นออกมาเอง , Passport และ UK Visa จากนั้นเค้าก็จะให้บัตรคิวเรามาอีกใบ เพื่อให้รอคิวสัมภาษณ์รอบต่อไป

              ตอนนี้แอบระทึกมาก เพราะเพื่อนที่เข้าไปสัมภาษณ์ก่อนเราเค้าโดย reject วีซ่า โดยให้เหตุผลว่า มีแนวโน้มจะไปอยู่อเมริกาถาวร ( เนื่องจากเค้าถามว่าจะไปอเมริกาเพื่อจุดประสงค์อะไร แล้วเพื่อนตอบไปว่าไปเที่ยวและไปเยี่ยมพี่ชาย แบบเธอมีพี่ชายอยู่ที่นั่น1คน) พวกเราเลยเดาว่าเพราะไปตอบว่ามีพี่ชายแน่เลย แต่เราก็ปลอบๆกันไปว่าไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้ามาสมัครใหม่ ไว้ตอบใหม่ว่า หลักๆคือมาเที่ยว และเลี่ยงคำว่ามีพี่ชายเอาไว้  ( ซึ่งสุดท้าย พอมาสมัครใหม่ ตอบคำถามใหม่ เพื่อนเราคนนี้ก็ได้วีซ่าอเมริกา10 ปี มากอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)

              ทีนี้มาถึงคิวเราโดนเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง ของเราโชคดีมาก เพราะเค้าถามไม่กี่คำถาม และจบภายในไม่ถึง 5 นาที คือ

    - จะไปทำอะไรที่อเมริกาเราก็ตอบตรงๆว่า ไปเที่ยว แล้วเค้าก็ถามต่อว่าเที่ยวที่ไหนก็ บลา บลา  บลา แล้วก็ถามว่าไปกับใคร ก็บอกว่าไปกะเพื่อน

    - จากนั้นเค้าก็ถามว่า ใครจ่ายเงิน เราตอบไปเลยค่ะ ว่าพ่อ 555 จากนั้นก็ถามว่าพ่อแม่ทำงานอะไร

    - แล้วสุดท้ายถามว่ามีญาติที่นั่นมั้ย….อันนี้ ก็ไม่มี ค่ะ

              แล้วเค้าก็บอกว่าเที่ยวให้สนุกนะครับ แล้วก็ยื่นเอกสารให้เรา ประมาณว่าคุณได้วีซ่าแล้ว จากนั้นเราก็เอาเอกสารนี้ไปอีกแผนก เพื่อเลือกว่า จะมารับวีซ่าด้วยตัวเอง หรือว่าให้ส่งให้ทางไปรษณีย์  

              หลังจากออกจากแผนกสัมภาษณ์ เราก็เพิ่งมาระลึกได้ว่า เค้าไม่ได้เรียกดูเอกสารเพิ่มเติมอะไรเลย ตัดสินจากการสัมภาษณ์อย่างเดียว แล้วในที่สุดเราก็ได้วีซ่ามา บทจะได้ก็ได้มาง่ายๆ บทจะไม่ได้ก็ไม่ได้ง่ายๆ  เช่น กรณีเพื่อนที่เข้าไปคนแรก เราเลยได้บทสรุปว่า การได้วีซ่า ขึ้นอยู่กับดวงด้วย เพราะ ถ้าเจอคนสัมภาษณ์ที่เข้มงวด และตัวเราดันไปตอบคำถามเข้า criteria ว่าจะไปเป็น Robin hood  ก็อาจจะถูก reject ได้

              จากนั้น 3 วันให้หลัง เราก็ได้ passport กับ Visa  USA…………10 ปี ….คือเปิดมาดูแทบกรี๊ด แบบให้หนูมาเยอะมากค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะได้วีซ่านานขนาดนี้

              เมื่อรู้ว่าเราได้วีซ่ามาแน่นอนแล้ว ขั้นตอนถัดไปที่เราต้องรีบทำคือ จองตั๋วเครื่องบินค่ะ จะบอกว่าตั๋วถูกกว่ามาจากเมืองไทยมากอ่าค่ะ ยิ่งจองล่วงหน้านาน ยิ่งถูก London-New York ไปกลับ ประมาณ 380 ปอนด์เท่านั้น ( แต่ตอนที่เราจอง มันขึ้นเป็น 400 กว่าๆ ละ แต่ก็ยังถูกอยู่ดีอ่าค่ะ)

              มาเรียนที่นี่ ทำให้เรารู้ว่า คนไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่นและ เกาหลี เป็น 4 ชาติในเอเชียที่ไม่ต้องขอวีซ่าอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เชงเก้นวีซ่าเพื่อเข้ายุโรป หรือ วีซ่าอเมริกาก็ตาม ช่างน่าอิจฉาสุดๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×