คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เธอเป็นภรรยาฉัน
“ทำไมไม่ให้พวกแม่บ้านมาช่วยยก” ชายหนุ่มกอดอกถามเสียงเข้ม ใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ
“พอดีคุณกานต์เธออาสามาช่วยค่ะ” เชอร์รี่ตอบไม่เต็มเสียง ยามคุณกันต์โมโหน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่
“แล้วทำไมเธอไม่ยกเอง”
“อากาศมันร้อน แล้วเชอร์รี่เองก็ไม่ค่อยสบายด้วย” หญิงสาวแสร้งทำหน้าสลดให้คนพี่สงสาร อย่างไรมารยาหญิงที่เธอมีก็คงพอทำให้กันต์พิพัฒน์หลงเสน่ห์ได้ไม่ยาก
“ส่งมา” แต่กันต์พิพัฒน์ไม่สนใจ กลับหันไปทางภรรยาที่ยืนก้มหน้าอยู่ใกล้ ๆ “ส่งกระเป๋าสองใบนั่นมาให้ฉัน” เขาชี้กระเป๋าที่กานติมากำลังถืออยู่
เห็นภรรยายืนนิ่งเลยคิดว่าคงไม่เข้าใจประโยคที่เขาเพิ่งสื่อสารไป เลยขยับเข้าใกล้คว้ากระเป๋าในมือมาถือเสียเอง
“ส่วนใบนี้เธอคงถือเองได้นะเชอร์รี่” กันต์พิพัฒน์โบ้ยหน้าไปที่กระเป๋าบนคอของกานติมา
เห็นชายหนุ่มท่าทางเอาจริงบวกกับน้ำเสียงเข้มดุ ทักษอรไม่กล้าขัด เธอเดินไปรับกระเป๋าที่กานติมาปลดออกจากคอ
“ส่วนเธอเดินตามฉันมา” กันต์พิพัฒน์หันบอกภรรยาก่อนเดินนำเข้าบ้านไป
“แม่! ไหนบอกว่าพี่กันต์ไม่เต็มใจแต่งงานกับมันไงล่ะ”
“แม่ก็ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ตากันต์โมโหเป็นฟืนเป็นไฟที่ต้องแต่งงานกับนังนั่น แต่ทำไมตอนนี้กลับมาปกป้องมันล่ะ”
“หรือเขาจะได้มันเป็นเมียแล้ว” ทักษอรตั้งข้อสงสัย ถึงกานติมาจะบ้าใบเสียสติ แต่หล่อนก็เป็นคนสวย ทั้งรูปร่างหน้าตา เมื่อมองข้ามความเป็นคนบ้าไป ใครก็อยากเอาทำเมีย
“ว้าย!...ส่งมาค่ะคุณกันต์” กำลังจะเดินขึ้นชั้นสอง แต่ไหมกับฝ้ายที่ทำความสะอาดห้องเสร็จ และกำลังจะเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาเก็บเห็นเข้าพอดี
กันต์พิพัฒน์วางกระเป๋าสองใบลงกับพื้นไม่ได้แรงนัก แต่ก็ไม่ได้ทะนุถนอมให้เท่าที่ควร เล่นเอาทักษอรหน้าเสียกลัวกระเป๋าจะราคาตกตอนเอาไปขาย
“ตามฉันมา” ชายหนุ่มบอกภรรยาที่เดินตามมาห่าง ๆ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ทันฟังว่าสามีพูดอะไร เลยยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จนกันต์พิพัฒน์ต้องหันกลับมาคว้ามือจับพาเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเขา
“นั่งลง” พอปิดประตูห้องเรียบร้อย เจ้าของห้องก็บอกให้กานติมานั่งลงบนเตียง
กานติมานั่งก้มหน้ากุมมือแน่น ไม่อยากเงยขึ้นมาสบตากับสามี เพราะต่อให้บ้ายังไงก็ดูออกว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านเสียขนาดนั้น
“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะอะไร” กานติมาไม่ตอบ เพราะรู้ดีว่าตนอยู่ในฐานะผู้อาศัยที่ไม่ได้มีความเกี่ยวอันใดกับคนในบ้านนี้เลย ในขณะที่คุณอิงอรกับลูกสาวมีฐานะสูงกว่าตน
เห็นภรรยาเอาแต่ก้มหน้า ก็นึกได้ว่าตนกำลังพูดคุยอยู่กับคนบ้าใบ้ สิ่งที่ตนถามไปเธออาจไม่เข้าใจ หรือต่อให้เข้าใจก็คงคิดหาคำตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“เธอเป็นภรรยาฉัน”
กานติมาเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าตนอยู่ในฐานะใดกับคุณกันต์ แต่ก็สลดลงอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“ถึงจะเป็นภรรยาที่ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะรับไว้หรือแต่งงานด้วย”
ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำกานติมาก็เข้าใจ ว่าตนไม่ได้เป็นที่ต้องการของใคร แม้แต่ยมทูตยังไม่ต้องการตัวเธอเลย
“แต่เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของฉันแล้ว เป็นคนของตระกูลกิตติวรเดชโดยสมบูรณ์”
หัวใจดวงน้อยวันนี้ช่างทำงานหนักเสียเหลือเกิน เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ สลับสับเปลี่ยนจนเจ้าของยังตามไม่ทัน
“ต่อไปเธอคือนายหญิงของบ้านนี้ อย่าให้ใครมาใช้งานเธอเหมือนเป็นคนงาน คนรับใช้ ฉันไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนั้นกับเธอ”
“คุณกันต์” ดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำอยู่ร่อมร่อ กานติมาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ยินประโยคเหล่านี้จากปากกันต์พิพัฒน์
“แล้วถ้าวันหลังมีคนใช้เธออีก ปฏิเสธเขาไป เธอทำได้ใช่ไหม”
กานติมาพยักหน้าแทนคำตอบ
“เวลาผู้ใหญ่พูดด้วยห้ามพยักหน้า”
“ค่ะ”
“ดี ออกไปได้แล้ว”
คล้อยหลังกานติมา ชายหนุ่มนั่งลงแทนที่ ยกมือเรียวเสยผมขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องยื่นหน้าเข้าไปปกป้องหญิงสาวด้วย เขาควรดีใจที่ได้เห็นเธอลำบาก ได้เห็นเธอถูกใช้แรงงาน ถูกด่าว่า
แต่ทำไมเขากลับทนมองสิ่งเหล่านั้นไม่ได้อย่างใจคิด
“มีสลัดไหม ช่วงนี้เชอร์รี่กำลังควบคุมน้ำหนัก”
“อาหารมีแต่รสจืดชืดทั้งนั้นเลย เห็นทีอาต้องให้พวกคนใช้เปลี่ยนรายการบ้างล่ะ ทานแบบนี้มันจะไปอร่อยได้ยังไง” อย่างอิงอรต้องอาหารรสแซ่บไฟออกปากเท่านั้น
กันต์พิพัฒน์ที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำ รวบช้อนก่อนดื่มน้ำตาม อาหารวันนี้รสดีเหมือนเดิม อร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะผัดบล็อกโคลี่ใส่กุ้งเมนูโปรดของเขาที่วันนี้นมนุ่มทำได้อร่อยถูกใจมากกว่าทุกครั้ง
แต่ที่ทำให้ทานต่อไม่ลงก็คงเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะที่เพิ่มขึ้นมา พูดจาไม่น่าฟังจนลดทอนรสชาติอาหารไปหมด
“ก่อนอื่นนะครับ ที่บ้านนี้ไม่มีใครเป็นคนใช้หรือคนรับใช้ กรุณาเข้าใจเสียใหม่ด้วย ถ้าคุณอากับเชอร์รี่ยังอยากจะอยู่บ้านนี้ต่อไป เพราะผมมองทุกคนเหมือนคนในครอบครัว ไม่มีใครสูงหรือต่ำกว่าใคร”
ครอบครัวนมนุ่มยิ้มปลื้มปริ่ม นายน้อยที่เมื่อก่อนเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนคนนั้นได้จากไป กลับกลายมาเป็นนายใหญ่ของบ้านที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวทั้งร่างกาย อารมณ์และความคิด
“ส่วนเรื่องรสชาติอาหาร ปกติผมกับภรรยาชอบทานอาหารรสจืดอยู่แล้ว คุณอาไม่จำเป็นต้องมาปรับเปลี่ยนอะไรตรงส่วนนี้ แต่ถ้าคุณอาหารอยากทานอาหารแบบอื่น บอกทางพี่ไหมหรือนมก็ได้ครับ”
ด่าว่าเสือก อิงอรยังเจ็บไม่เท่านี้ นี่สินะที่เขาพูดกันว่า
‘ด่าแบบผู้ดี’
“อะ เออ...อาไม่ได้มีเจตตนาอื่นเลยนะคะ อาก็แค่หวังดีกับคุณกันต์แล้วก็..กับคุณกานต์” อิงอรกระดากปากที่จะเรียกคนบ้าด้วยคำว่า คุณ นำหน้า
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ ผมขอตัว” กันต์พิพัฒน์บอกกับ 2 แม่ลูก แล้วหันมาบอกกับคุณนม “คุณนมครับ ก่อนนอนผมขอนมอุ่น ๆ สักแก้วนะครับ” ได้นมก่อนนอนน่าจะช่วยให้เขาหลับสบายขึ้นหลังเจอเรื่องชวนปวดหัวมาทั้งวัน
“คุณกานต์ทานอีกนิดสิคะ เพิ่งทานไปไม่กี่คำเอง” บัวแก้วเห็นนะ ว่าคุณหนูของบัวแก้วเพิ่งทานไปได้แค่ 3 คำเอง แต่ทำท่าจะลุกตามสามีเสียแล้ว
“อิ่มแล้ว”
“ทานอีกหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวกลางคืนจะปวดท้องนะคะ”
กานติมานั่งลงแล้วตักบล็อกโคลี่ขึ้นมาทานเป็นคำแรก เธออุตส่าห์ตั้งใจทำสุดฝีมือ แต่คุณกันต์กลับทานไปแค่คำสองคำเอง รสชาติของมันคงไม่ถูกปากเขา
พอคิดแบบนั้นตัวเองก็ไม่อยากทานต่อ แต่เพราะโดนพี่เลี้ยงคะยั้นคะยอบวกกับพี่ไหมพี่ฝ้ายที่ยืนให้กำลังใจอยู่ตรงข้าม หญิงสาวจำต้องนั่งลงทานอาหารต่อ
“ได้ข่าวว่าเธอนอนแยกห้องกับคุณกันต์เหรอ” ลับหลังกันต์พิพัฒน์อิงอรไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนบ้า
“แม่ก็ ไปถามแบบนั้นเขาจะรู้เรื่องได้ไง เขาเป็นคนบ้านะแม่” ทักษอรหัวเราะชอบใจ เมื่อครู่เธอกับแม่โดนกันต์พิพัฒน์ว่าจนหน้าชา อย่างน้อยก็ขอเอาคืนด้วยการว่าเมียบ้าของเขาแทน
“ขอโทษที ฉันลืมไปว่าเธอสติไม่สมประกอบ”
“แฮ่ม!” บัวแก้วแกล้งกระแอมเสียงดัง
“เป็นอะไรจ๊ะ มีอะไรติดคองั้นรึ” อิงอรหันมาถามด้วยความไม่พอใจ เธอกับลูกกำลังรุมทึ้งภรรยาบ้าของคุณกันต์อย่างสนุกสนาน แต่มีมารมาขวางทางเสียก่อน
“ก้างค่ะ เมื่อกลางวันบัวกินข้าวคลุกปลาทูเข้าไป ก้างมันติดคอ ทำยังไงก็ไม่ยอมออกค่ะ ติดแน่นเกาะหนึบเชียว”
กานติมาแอบเห็นไหมยกนิ้วโป้ให้บัวแก้วส่วนฝ้ายก็แอบยิ้มเบา ๆ
“ติดนานขนาดนั้นไปหาหมอนะจ๊ะ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นอย่างอื่น ร้ายแรงขึ้นมา เธออาจตายไม่รู้ตัวก็ได้นะ ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
วูบหนึ่งที่กานติมารู้สึกขนลุกและกลัวอิงอรขึ้นมาจับใจ ไม่ต่างกับอีก 3 สาว ที่มองหน้ากันเลิกลั่ก มีบางอย่างในตัวหญิงวัยกลางคนผู้นี้ ที่บอกว่าเธอไม่ใช่คนที่ใครจะมาเล่นด้วยได้
“แล้วตกลง เธอแยกห้องนอนกับพี่กันต์จริงป่ะ” ทักษอรย้ำคำถามเดิมที่แม่เธอถามไว้ แต่ยังไม่ได้คำตอบ
“จะแยกหรือไม่แยก คุณทั้งสองอยากจะรู้ไปทำไมคะ” เป็นนมนุ่มที่เข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ของฝั่งนี้ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ
“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่เชอร์รี่ได้ยินข่าวซุบซิบนินทาในวงสังคมเรื่องของพี่กันต์กับเมีย …เออ…ภรรยาเขามาเยอะ เลยอยากรู้ความจริง” ทักษอรรีบเปลี่ยนสรรพนามเมื่อนมนุ่มส่งสายตาไม่พอใจมองมา
“ก็น่าแปลกนะคะ สังคมที่ได้ชื่อว่าเป็นคนชั้นสูง แต่ทำไมกลับซุบซิบนินทาทำตัวไม่ต่างกับคนชั้นรากหญ้าอย่างพวกอิฉันเลย แบบนี้เราคงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่มั้งคะ”
ทักษอรหน้าเสีย ไม่คิดว่าคนรับใช้แก่ ๆ ของบ้านกิตติวรเดชจะปากคอเราะร้ายจิกกัดได้เจ็บแสบขนาดนี้ แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเธอกับแม่จะยอมให้ใครมาด่าได้ฟรี ๆ ไม่แน่จริงทั้งคู่คงไม่เดินมาไกลจากสลัมได้ขนาดนี้
“เชอร์รี่ก็แค่เป็นห่วงชื่อเสียงตระกูลของคุณพ่อค่ะ ใครก็รู้ว่าตระกูลเราร่ำรวยขนาดไหน ถ้าจะต้องมาเสียชื่อเพราะพี่กันต์ไปคว้าเอาคนบ้ามาเป็นเมีย จนทำให้คนอื่นเขาว่าร้ายนินทา คุณนมคิดว่ามันถูกต้องแล้วรึคะ เชอร์รี่ทนดูไม่ได้หรอกค่ะ ที่จะเห็นใครมาเหยียบย่ำตระกูลของเชอร์รี่” อิงอรลอบยิ้มให้กับความสามารถในด้านการแสดงของลูกสาว ไม่เสียแรงที่เธอพยายามผลักดัน ทักษอรให้ก้าวสู่วงการบันเทิง จนได้เล่นเป็นตัวประกอบอยู่ 2-3 เรื่อง
“น่าดีใจนะคะที่คุณเชอร์รี่ห่วงชื่อเสียงตระกูลของพ่อเลี้ยงขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าคุณเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นคนของตระกูลกิตติวรเดชจริง ตระกูลของคุณท่านจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน”
ทักษอรอยากจะพุ่งเข้าไปตบตีหญิงชราคนนี้เสียจริง คำพูดคำจาเสียดสีขยี้เธอจนจมดินแบบนี้ ก็หวังว่าหญิงแก่นี่จะมีอายุยืนยาวจนถึงวันที่เธอก้าวขึ้นมาเป็นนายหญิงของบ้านกิตติวรเดช
“จะลูกแท้ลูกเทียม เชอร์รี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของคุณอาพิศาลเหมือนกัน นมน่าจะนึกถึงข้อนี้ไว้นะ” เธออยากให้คุณนมฝีปากกล้าได้พึงระลึกไว้ว่า เธออยู่คนละชั้นกับนาง และควรให้เกียรตินางมากกว่านี้
“ค่ะ อิฉันระลึกเสมอว่าคุณ ๆ ที่อยู่ในบ้านนี้เป็นใครมีฐานะอะไร แล้วพวกอิฉันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับพวกคุณ ๆ พวกอิฉันไม่เคยลืม เราไม่เคยลืมกำพืดของตัวเองค่ะ อิฉันขอตัวไปดูแลคุณกันต์ก่อนนะคะ”
กานติมาสบช่องเอาตัวรอด หญิงสาวลุกเดินตามคุณนมนุ่มออกไป โดยมีบัวแก้วตามไปติด ๆ เหลือเพียง 2 พี่น้อง ไหมฝ้ายที่ยังอยู่ดูแลรับใช้ 2 แม่ลูกนี่
“พี่บัว กานต์สงสารคุณกันต์จัง” เมื่อยู่กันตามลำพังในห้องนอน กานติมาก็บอกในสิ่งที่เธอเป็นกังวล หลังได้ฟังคุณทักษอรพูดถึงวงสังคมไฮโซที่พากันซุบซิบนินทาเรื่องระหว่างเธอกับคุณกันต์เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา
“อย่าไปเชื่อสองแม่ลูกนั่นเลยค่ะ ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาดี” ถึงบัวแก้วจะเป็นคนบ้านนอก เรียบจบแค่ชั้นม.3 แต่บัวแก้วก็ไม่ได้โง่เง่าเต่าตุ่นจนมองคนไม่ออก ว่าใครคนดี ใครคนร้าย
ยิ่งร้ายชัดเจนอย่างกับละครหลังข่าวราวยุค 90 แบบนี้ด้วยแล้ว ดูออกไม่ยากเลย
“แต่เรื่องที่เราแต่งงานกัน ใคร ๆ ก็รู้นะคะ เขารู้ด้วยว่ากานต์เป็นบ้า แล้วแบบนี้บริษัทของคุณกันต์จะมีปัญหาไหม”
“เอ…ทำไมคุณกานต์ดูจะเป็นห่วงเป็นใยคุณกันต์จังเลยนะคะ ตกลงมันยังไงเอ่ย…” บัวแก้วล้อเจ้านายสาว มองจากนอกบ้านก็ยังเห็น ว่าคุณกานต์ของเธอมีความรู้สึกบางอย่างกับสามีตัวเอง
“กะ…ก็กานต์แค่กลัวว่าบริษัทที่คุณอาสร้างมาจะมีปัญหาเพราะข่าวลือพวกนั้น”
“จริงรึคะ”
“จริงค่ะ กานต์คิดแค่นั้น ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย” บัวแก้วยิ้มกว้างให้กับท่าทีลนลานของเจ้านาย
“แหม เป็นห่วงคุณกันต์ก็พูดเถอะค่ะ บัวไม่บอกใครหรอก”
“พี่บัวก็ ไม่พูดด้วยแล้ว”
กานติมาเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าพี่เลี้ยง เลยเลี่ยงลงมาที่ครัวเพื่อหานมอุ่น ๆ ดื่มสักแก้ว เมื่อช่วงค่ำเธอทานอาหารไปนิดเดียว พอมาตอนนี้ที่เกือบจะ 4 ทุ่ม ก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา
“อ้าว คุณกานต์ ลงมาทำอะไรคะ” ไหมเห็นก่อนเลยวางมือจากการอุ่นนม แล้วทักเจ้านายสาวที่โผล่หน้าเข้ามาในครัว
“นม” หญิงสาวแสร้งบ้าชี้มือไปที่แก้วนมตรงหน้าไหม เพราะครอบครัวนี้มีนมนุ่มกับลุงชุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าเธอสติสมประกอบทุกอย่าง
“อ่อ คุณกานต์จะดื่มนมใช่ไหมคะ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงฟังชัด คุณกันต์บอกไว้ พูดกับผู้ใหญ่ห้ามพยักหน้า กานติมาจำได้ดี
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวไหมทำให้ค่ะ”
กานติมาออกมานั่งรอที่โต๊ะทานข้าวเพื่อให้ไหมทำงานได้สะดวกขึ้น รอไม่นานน้ำอุ่น ๆ 2 แก้วก็ถูกยกมาวางตรงหน้าเธอ
“คุณกานต์ขา ไหมฝากนมอีกแก้วขึ้นไปให้คุณกันต์ได้ไหมคะ พอดีแฟนไหมมาหารออยู่ที่หน้าบ้านค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินจนตัวม้วน
“ได้ค่ะ” กานติมารับคำขอ แฟนพี่ไหมทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทคุณกันต์ ออกไซต์งานก่อสร้างตลอดจนแทบไม่มีเวลามาเจอพี่ไหม พอมีเวลาก็อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน กานติมาอยากให้พี่ไหมมีความสุข
เรื่องแค่นี้ กานติมาทำได้…สบายมาก
ความคิดเห็น