NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาบ้าของคุณกันต์

    ลำดับตอนที่ #6 : เปลี่ยนสถานะเป็นคนรับใช้

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 67


    “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะคุณกานต์”

    บัวแก้วหน้าระรื่นถามเจ้านายสาวหลังลุงชุ่มไปรับกลับมาจากโรงแรมที่ใช้เป็นห้องหอชั่วคราว

    “ก็ดีค่ะ” กานติมาตอบเสียงเบา

    “แน่ะ มีพิรุธนะคะ” บัวแก้วทำสุ้มเสียงล้อเลียน มองอย่างไรก็มีความผิดปกติชัดเจน

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราสองคนเหนื่อยแล้วก็ง่วงมาก อาบน้ำเสร็จก็นอนเลย”

    กานติมาพูดความจริงทุกอย่าง เพียงแค่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าในห้องน้ำเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้บัวแก้วฟัง

    “ค่ะ ไม่มีก็ไม่มี ว่าแต่ คุณหนูกับคุณกันต์จะแยกห้องนอนกันจริง ๆ รึคะ” บัวแก้วไม่เห็นด้วย อย่างน้อยก็เป็นผัวเมียกัน และที่สำคัญคุณกันต์มีคุณกานต์ไปอยู่ด้วยจะได้กันพวกสาว ๆ ออกไป เห็นนมอุ่นเป็นลมทุกครั้งที่คุณกันต์พาสาวเข้าบ้านแล้วให้สงสารคุณนม

    “ก็เขาไม่ให้กานต์ไปอยู่ด้วยนี่คะ”

    “หมายความว่า ถ้าคุณกันต์ชวน คุณหนูก็จะไปอยู่กับเธอรึคะ” แบบนี้ยิ่งไม่ปกติขึ้นไปอีก

    “เปล่า กานต์ไม่ได้หมายความแบบนั้น

    “แล้วหมายความแบบไหนคะ”

    “ไม่พูดด้วยแล้ว”

    บัวแก้วหัวเราะชอบใจที่ได้แหย่เจ้านายสาว นานทีจะได้เห็นคุณกานต์ทำกิริยาแบบนี้ 

    เขินและอาย…

     

    วันนี้กันต์พิพัฒน์แทบไม่เป็นอันทำงาน เพราะมัวแต่คิดถึงรสจูบแสนหวานที่ได้จากภรรยาบ้าเมื่อคืนนี้ พยายามสลัดภาพเธอออกจากหัวเท่าไหร่ แต่ไม่นานภาพนั้นก็กลับมาฉายวนซ้ำอยู่เรื่อย

    “วันนี้ดูคุณกันต์เหนื่อย ๆ รับชาสักถ้วยไหมครับ” ภาคภูมิ ผู้ช่วยเลขาของคุณพิพัฒน์ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นเลขาให้กันต์พิพัฒน์แปลอาการถอนหายใจบ่อยครั้งชอองเจ้านายหนุ่มว่าเหนื่อยจากงาน

    “ขอบคุณครับ แล้ววันนี้ยังเหลืองานอะไรอีกไหม”

    “มีครับ แต่ไม่ใช่งานด่วน ผมว่าคุณกันต์กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า เมื่อวานก็เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานมา” ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้านายจะไม่มาทำงานด้วยซ้ำ ว่าในสมัยรุ่นพ่อ คุณพิพัฒน์ขยันทำงานแล้ว มาในยุคของลูกชายก็ดูเอาการเอางานไม่แพ้กัน อาจจะมากกว่ารุ่นพ่อด้วยซ้ำ ดูได้จากการที่ไม่ยอมหยุดทำงานแม้จะเพิ่งผ่านงานสำคัญของตนมา

    “ไม่เป็นไรครับ ผมขอพักสักครึ่งชั่วโมง แล้วคุณภูมิเอางานที่เหลือมาได้เลย”

    “ได้ครับ เดี๋ยวผมให้แม่บ้านเอาชามาให้นะครับ ดื่มแล้วหลับสักพักน่าจะดีขึ้น”

    “ขอบคุณครับ”

    คล้อยหลังเลขา กันต์พิพัฒน์หลับตาเอนกายพิงเก้าอี้ได้ไม่เท่าไหร่ ภาพของกานติมาก็ฉายขึ้นมาจากความทรงจำเมื่อเช้านี้ 

    ชายหนุ่มตื่นนอนก่อนผู้เป็นภรรยา เมื่อคืนเขาสังเกตเห็นว่ากานติมาหลับไม่สนิท คอยแต่จะระวังว่าจะโดนตัวเขา จนหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดคืน คงเพราะต้องมานอนร่วมเตียงเดียวกัน หรือไม่ก็คนที่นอนข้างกายไม่ใช่พ่อเขาอีกแล้ว 

    ในยามที่ตื่นนอนขึ้นมา ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดวาดภาพในหัวมาก่อนเลยว่า เขาจะรู้สึกอย่างไรที่พบว่า มีอีกคนนอนอยู่ข้างกัน จนได้เห็นหน้ากานติมาที่เข้ามาซุกอยู่ที่อกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ ดวงหน้าหวานที่ไร้เครื่องสำอางแต่กลับน่ามองอย่างประหลาด ดึงดูดให้เขาเผลอไผลลืมตัวโน้มหน้าจุมพิตที่หน้าผากนวลอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมาเจอ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    กันต์พิพัฒน์ขยับกายลุกขึ้นนั่ง  ถ้าได้ชาถ้วยนี้คงทำให้สมองเขาโล่งขึ้นและผ่อนคลาย พร้อมที่จะทำงานที่เหลือให้เสร็จภายในวันนี้

    “คุณอาเข้ามาได้ยังไงครับ” แต่คนที่ถือถ้วยชากับขนมเข้ามากลับเป็นอิงอรกับลูกสาว

    ทักษอร…

    “พอดีอามีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย เลยอาสาเลขาของหลานยกเข้ามาในคราวเดียวเลย”

    แม้จะยังไม่รู้ว่าอิงอรมาหาตนด้วยเรื่องใด แต่สิ่งหนึ่งที่กันต์พิพัฒน์สามารถบอกได้ มันต้องไม่ใช่เรื่องดี

    “เชิญนั่งครับ ผมมีเวลาให้ห้านาที” แค่นั้นก็มากเกินพอที่จะกินเวลาพักผ่อนเขาไปหลายนาทีแล้ว

    อิงอรขยับเก้าอี้เข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามกับกันต์พิพัฒน์ โดยมีทักษอรลูกสาวคนสวยที่วันนี้มาในชุดวาบวิวเน้นหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ราวคัพอี

    “อาไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี”

    “งั้น ไว้เมื่อไหร่คุณอาคิดได้ค่อยมาหาผมแล้วกัน” ตั้งใจมาหาขนาดนี้ ยังจะมาทำเป็นเกรงอกเกรงใจเพื่อรักษามารยาทไปทำไม

    “คือว่าอามีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณกันต์” อิงอรพูดรัว กลัวอีกคนจะไม่อยู่ฟังกัน “ตอนนี้บ้านของอาถูกธนาคารยึดไปแล้ว อากับยัยเชอรี่เราสองคนไม่มีที่อยู่ เลยอยากจะขอความกรุณาจากหลาน ขอไปอาศัยที่บ้านด้วยสักระยะ ไว้อากับน้องตั้งตัวได้ เราสองคนจะออกไปหาที่อยู่ใหม่”

    “ได้ข่าวว่าเงินประกันชีวิตที่คุณอาพิศาลทิ้งไว้ให้ก็หลายสิบล้านนี่ครับ”

    “โธ่ เงินแค่ห้าสิบหกสิบล้านมันไม่พอชดใช้หนี้สินที่อาผู้ชายทิ้งไว้หรอก ขนาดอาจ่ายจนหมดตัวยังไม่พอเลย”

    “ช่วยพวกเราด้วยนะคะ พี่กันต์” ทักษอรเห็นท่าไม่ดี ดูแล้วกันต์พิพัฒน์คงไม่ช่วยพวกเธอแน่ เลยงัดไม้ตายมารยาหญิงมาใช้กับคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ

    ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี ถึงเขาจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่ก็ไม่ได้เที่ยวเอาไปทั่ว โดยเฉพาะกับคนที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง แม้ว่าทักษอรจะเป็นเพียงลูกติดคุณอาอิงอร นั่นเท่าว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดทางสายเลือดเลย

    “แล้วญาติคนอื่นของคุณอาล่ะครับ ผมว่าพวกเขาน่าจะช่วยได้” เพราะรู้นิสัยของอาสาวเป็นอย่างดี กันต์พิพัฒน์ไม่อยากชักศึกเข้าบ้าน

    “อาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว นอกจากคุณกันต์” อิงอรอ้อนวอนขอความเห็นใจ แม้สิ่งที่พูดไปจะไม่ใช่เรื่องจริง

    “เชอร์รี่กับแม่สัญญานะคะ ว่าเราจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พี่กันต์” ทักษอรเดินอ้อมโต๊ะทำงานมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างชายหนุ่ม 

    “เมตตาเราสองคนด้วยนะคุณกันต์” อิงอรอ้อนวอนอีกครั้ง 

    กันต์พิพัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะช่วยเพราะรับรู้มาตลอดว่าคุณอาทั้งสองของตนเป็นผีพนันตัวยง คงเพราะเหตุนี้เลยทำให้มีหนี้สินมากมายจนถึงขั้นถูกยึดบ้าน

    แต่อีกใจก็ให้นึกสงสาร อย่างน้อยอิงอรก็ได้เชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณอาพิศาล ซึ่งเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ คุณอาก็ดีกับเขามาตลอด

    คิดใคร่ครวญทั้งเหตุและผลอยู่ร่วมนาที กันต์พิพัฒน์ตัดสินใจให้สองแม่ลูกเข้าไปอาศัยในบ้านกิตติวรเดชได้ 

    “ขอบคุณมากนะคะคุณกันต์ อาไม่รู้จะตอบแทนคุณกันต์ยังไงดี”

    “แค่คุณอาไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผมก็พอครับ”

    “เชอร์รี่กับแม่จะช่วยพี่กันต์ดูแลบ้านนะคะ”

    “ไม่เป็นไร นมนุ่มทำเรื่องนี้ได้ดีอยู่แล้ว”

    ทักษอรหน้าเสีย กันต์พิพัฒน์เล่นปิดประตูใส่หน้าแบบไม่ต้องรักษามารยาทกันเลย แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะกลัวหรือถอย เพราะตอนนี้หลังเธอมันพิงกำแพงไปแล้ว หมดหนทางที่จะถอย ต้องเดินหน้าอย่างเดียว

     

    “พี่ไหมครับ ผมรบกวนช่วยตามทุกคนมาที่ห้องรับแขก เออ…คุณกานต์กับบัวด้วยนะครับ”

    “ค่ะ คุณกันต์” ไหมรับคำสั่ง ชำเลืองมองสองแม่ลูกที่เดินยิ้มกว้างตามหลังคุณกันต์มาติด ๆ 

    ไม่นานทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านกิตติวรเดชก็มารวมตัวกันที่ห้องรับแขกตามคำสั่งของนายน้อยว่าที่เจ้าของบ้านคนใหม่

    “ที่ผมให้ทุกมา เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก ต่อไปคุณอาอิงอรกับน้องเชอร์รี่จะมาอยู่ที่บ้านนี้สักระยะหนึ่ง” กันต์พิพัฒน์บอกล่าวสั้น ๆ

    “แล้วคุณหนูจะให้คุณทั้งสองพักที่ห้องไหนคะ” นมอุ่นถาม

    “เอาห้องที่อาเคยอยู่ก็ได้นะ” อิงอรรีบเสนอ โดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจอะไรใรบ้านนี้ เพราะสิทธิ์ขาดยังเป็นของกันต์พิพัฒน์

    “คงไม่ได้ครับ เพราะห้องนั้นเป็นของแม่ผม” ต่อให้แม่จะจากเขาไปแล้ว เขาก็ไม่อยากให้ใครเข้าไปรุ่มร่ามในพื้นที่ส่วนตัวของแม่ “เดี๋ยวให้คุณอาอยู่ห้องรับแขกก็ได้ครับ” ชายหนุ่มหันมาพูดคุยกับนมนุ่มอีกครั้ง

    “ก็ได้ค่ะ” รับคำเสร็จคุณนมก็หันมาบอกกล่าวลูกสาวทั้งสองของตัวเองให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องที่ว่า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของคุณกันต์

    “เดี๋ยวบัวไปช่วยอีกคนจ๊ะ” บัวแก้วรีบอาสา แม้ว่างานของตนคือการดูแลกานติมา แต่เธอก็มักจะช่วยเหลืองานอื่น ๆ ในบ้านกิตติวรเดชด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของทุกคน

    “ครับ งั้นก็ตามนี้ ผมขอตัว” กันต์พิพัฒน์ลุกเดินขึ้นไปยังห้องนอนตนที่อยู่บนชั้นสอง

    นมนุ่มกำลังจะลุกขึ้นยืน กานติมารีบเข้ามาประคองอย่างเร็ว คุณนมอายุมากแล้ว เวลาลุกนั่งก็ลำบาก ทุกครั้งจะมีพี่ไหมกับพี่ฝ้ายลูกสาวทั้งสองคอยช่วยจับช่วยประคอง แต่ตอนนี้พี่ ๆ ไปช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนให้คุณอิงอรกับลูกสาว กานติมาเลยขันอาสาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

    “ขอบคุณนะคะ คุณหนู”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานประคองคนอายุมากกว่าไปยังครัวหลังบ้านเพื่อจัดเตรียมอาหารมือเย็นสำหรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น

    “มันบ้าจริงหรือแม่” เมื่ออยู่กันตามลำพัง ทักษอรที่ทนเก็บปากเก็บคำไว้นานสองนานก็เริ่มเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา

    “เห็นเขาว่าจริงนะ”

    “แต่หนูว่า มันดูเหมือนคนปกติเลย”

    “มันก็คงได้กินยงกินยาแหล่ะ อาการถึงดีไม่กำเริบแสดงความบ้าออกมา”

    “แต่แบบนี้ก็ดี หนูจะได้รับมือง่ายหน่อย”

    “ครั้งนี้อย่าให้พลาด เพราะมันหมายถึงอนาคตแกกับฉัน ไอ้เสี่ยกู้นั่นมันขีดเส้นตายให้เราแค่สามเดือนนะ”

    “หนูจะจับพี่กันต์ให้ได้”

    “แม่เชื่อว่าหนูทำได้”

    เรื่องอื่นลูกสาวของเธออาจไม่ฉลาดนัก แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ชาย อิงอรบอกได้เลยว่า ทักษอรได้เลือดแม่มาเต็ม ๆ

     

    “เราผัดผักเพิ่มอีกสักอย่างไหมคะคุณนม”

    “คุณหนูอยากทานรึคะ”

    “เปล่าค่ะแต่กานต์เห็นมีบล็อกโคลี่กับกุ้งอยู่ในตู้เย็น”

    “อ่อ จะผัดให้คุณหนูกันต์ทานรึคะ” คนอายุมากกว่าแอบยิ้ม รายการอาหารที่ว่า ของโปรดของคุณกันต์พิพัฒน์เขา 

    “ปะ เปล่าค่ะ คือว่า คือกานต์อยากทานเอง”

    คนแก่หัวเราะร่วน เมื่อครู่ยังบอกอยู่เลยว่าตัวเองไม่ได้อยากทาน แต่พอโดนคนอายุมากกว่ารู้ทันก็ทำเป็นโกหกกลบเกลือน นมนุ่มยิ่งเอ็นดูคุณกานต์คนบ้าที่ไม่ได้บ้าจริงเพิ่มขึ้น

    พาให้นึกย้อนกลับไปในวันที่คุณพิพัฒน์พาเธอมา เด็กสาวที่อายุเพียง 17 ปี ต้องสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องโศกเศร้าทุกข์ระทมเพียงใดคงไม่ต้องบอกให้ใครฟัง

    และเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นเลยทำให้เกิดละครเรื่องใหม่ในบ้านกิตติวรเดช ละครที่ดำเนินเรื่องมาถึง 5 ปีเต็ม แต่ก็ยังฉายไม่จบเสียที ตนก็ได้แต่ภาวนาขอให้จับคนร้ายตัวจริงได้ในเร็ววัน คุณหนูกานติมาจะได้กลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติ ไม่ต้องแสร้งแกล้งทำเป็นคนบ้าใบ้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองอย่างทุกวันนี้

    “มีใครพอจะช่วยฉันกับลูกสาวยกกระเป๋าหน่อยไหม” อิงอรโผล่หน้าถามเข้ามาในครัว ทั้งที่เธอก็เห็นอยู่ว่ามีเพียงแค่หญิงชราที่แทบจะเดินเหินไม่ไหว กับคนบ้าใบ้เสียสติ

    “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวนมให้ลูก ๆ ไปยกให้ค่ะ”

    “ไม่ได้! กระเป๋าฉันแบรนด์เนมทั้งนั้นแล้วไหนจะยังน้ำหอมอีกตั้งหลายขวด ขืนให้ตากแดดอยู่ในรถก็พังพอดี” ทักษอรแทรกขึ้นมา 

    “ถ้ามันขนาดนั้น ทำไมคุณ ๆ ไม่ยกเองล่ะคะ” แม้จะเป็นภรรยาของคุณพิศาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาใหญ่ในบ้านหลังนี้ได้ 

    “แก!...”

    “กานต์ยกเอง กานต์ยกได้”

    กานติมารีบขวางทักษอรที่กำลังพุ่งเข้ามาหานมนุ่มด้วยความโกรธ

    “คุณหนู”

    “กานต์ทำได้” กานติมาขยิบตาให้นมนุ่ม จนคนแก่ใจอ่อนยอมให้คุณหนูเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนรับใช้ของสองแม่ลูกนั้นชั่วคราว

    “ยกให้มันดี ๆ หน่อย กระเป๋าฉันใบเป็นแสนนะ” ทักษอรว่า จริง ๆ อีกคนก็ยกดี แถมระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย แต่เธอแค่อยากหาเรื่องว่าก็เท่านั้น

    “ค่ะ” กานติมารับ บรรจงยกกระเป๋าใบโตออกจากท้ายรถลงวางบนพื้น

    “วางแรงแบบนั้นกระเป๋าฉันพังพอดี” 

    “แล้วเอาไปทีละใบเมื่อไหร่จะเสร็จ เอาไปอีกสิ” อิงอรผสมโรง

    กานติมายกกระเป๋าออกมาอีกใบ สองแขนสั่นจนแทบยกมันขึ้นไม่ไหวทำให้ใบหนึ่งร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง

    “นังบ้านี่! ของฉันพังพอดี” ทักษอรตวาดลั่น ลืมตัวว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านตน

    “ขอโทษ” กานติมายกมือไหว้ขอโทษ 

    เธอไม่อยากให้คุณ ๆ โกรธ เพราะคิดว่าอิงอรกับคุณทักษอรเป็นภรรยาและลูกสาวของคุณพิศาลซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณอาพิพัฒน์ผู้มีพระคุณของเธอ 

    “ขอโทษแล้วกระเป๋าฉันมันจะกลับมาเหมือนเดิมไหมล่ะ” ทักษอรเสียงดังกว่าเดิม เรียกให้คนที่กำลังเดินไปหาน้ำดื่มในครัวได้ยินจนต้องออกมายืนดู

    “แม่บอกแล้วว่าอย่าไปใช้งานคุณกานต์เขา คนบ้าที่ไหนจะรู้เรื่อง” อิงอรยิ้มเยาะได้ทีโหมไฟเข้าไปอีก

    “ยกขึ้นมาสิ ฉันร้อนแล้วนะ” ทักษอรชี้นิ้วสั่ง กานติมาปาดเหงื่อที่ไหลตามไรผม ก้มลงหยิบกระเป๋าใบโตขึ้นมาถืออีกรอบ

    “เอานี่ไปด้วย” ยังแกล้งไม่หนำใจ ทักษอรเอากระเป๋าสะพายใบโตคล้องคอนายหญิงบ้านกิตติวรเดช “ค่อยดูเหมือนคนบ้าหน่อย” ว่าจบก็หัวเราะร่วนสะใจที่ได้แกล้ง จนคนที่ยืนมองดูเหตุการณ์มาพักใหญ่ ทนไม่ไหวจนต้องออกมา

    “เชอร์รี่!”

    “พี่กันต์!”

    กันต์พิพัฒน์ที่ยืนดูภรรยาตัวเองกำลังช่วยขนกระเป๋าในคราวแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอยืนดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มเห็นความผิดปกติ ราวกับว่าอาอิงอรกับลูกสาวกำลังกลั่นแกล้งเมียเขาอยู่

    แม้จะไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่อยากให้ใครมากลั่นแกล้งหรือทำร้าย เพราะคนที่จะทำกับกานติมาได้

    มีเพียงเขาเท่านั้น…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×