NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาบ้าของคุณกันต์

    ลำดับตอนที่ #5 : น้องชายคุณกันต์ 🔞🔥

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 67


     

    ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว คิ้วขมวดแน่นด้วยความไม่เข้าใจและสับสนกับการกระทำของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งแสดงออกว่าเกลียดชังเธอมาตลอด

    “ไม่” หญิงสาวตาโตปฏิเสธความช่วยเหลือพัลวัน 

    “อาบมันด้วยกันนี่แหล่ะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ ฉันง่วงจนจะยืนหลับได้อยู่แล้ว” 

    “ไม่เอา”

    “ก็ไม่ได้ให้เอา” สีหน้าของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์จนกานติมานึกกลัว

    “พี่บัว” กานติมาร้องหาพี่เลี้ยง เธอไม่รู้จะปฏิเสธเขาในรูปคนบ้าได้อย่างไร นอกจากทำตัวเอะอะโวยวายสติแตกให้อีกคนรำคาญ

    กันต์พิพัฒน์เอ็นดูดวงหน้าหวานที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ่งเห็นแล้วยิ่งรู้สึกอยากจะแกล้งเพิ่มขึ้น เลยทำในสิ่งที่ตนไม่เคยคิดจะทำมาก่อน

    “ว้าย!” กานติมาร้องลั่นตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด อยู่ ๆ ชายหนุ่มตรงหน้ารูดซิปกางเกงแล้วดึงพรวดเดียวจนถึงเข่า เผยให้เห็นส่วนกลางกายชัดเจน

    อาศัยช่วงจังหวะที่อีกคนกำลังตกใจจนสติหาย ชายหนุ่มปลดชุดแต่งงานสีขาวออกจากร่างเผยให้เห็นเนื้อนวลเต็มชัดสองตา

    “จะมาเขินอะไร ทำเป็นไม่เคย” อยู่กินในฐานะเมียพ่อเขามาตั้ง 5  ปี ยังจะมาทำเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ได้

    พอได้สติกลับคืน หญิงสาวรีบใช้สองมือปิดของสงวนทั้งบนและล่าง แต่ฝ่ามือแค่นั้นจะไปปิดอะไรได้หมด โดยเฉพาะส่วนบนที่มีเพียงแผ่นปิดจุกอกเท่านั้น

    “ซ่อนรูปเหมือนกันนี่” ยิ่งเขินอายยิ่งแกล้ง

    “พี่บัว อึก” เกิดมาจนอายุ 22 ปี กานติมาไม่เคยโดนล่วงเกินจนเสียเกียรติถึงเพียงนี้ ต่อให้กันต์พิพัฒน์จะเกลียดเธอหรือมองว่าเธอเป็นคนบ้า อย่างไรเสียเธอก็ยังเป็นผู้หญิง ยังเป็นคนเหมือนกันกับเขา

    “เห้ย! ร้องไห้ทำไม ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”

    จากที่แกล้งเขาอยู่ดี ๆ คราวนี้ต้องหาทางปลอบคนร้องไห้เป็นเผาเต่าเสียอย่างนั้น

    “โอ๋ ๆ ไม่ร้อง ฉันแค่แหย่เธอเล่น ไม่คิดจะทำอะไรหรอก ไปอาบน้ำกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนพอดี อยากนอนไม่ใช่เหรอ”

    อยากจะบอกเหลือเกินว่า ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยสักอย่าง เพราะการกระทำมันสวนทางกับคำพูดไปหมด

    “สัญญา แค่อาบเฉย ๆ “

    “อาบเอง กานต์อาบเอง” ยังพยายามปฏิเสธ

    “เห้อ…” 

    กันต์พิพัฒน์ถอนหายใจยาว พูดกับคนบ้ามันเหนื่อยจริง ๆ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้ยืนแก้ผ้าเถียงกันทั้งคืนก็ไม่จบ เลยตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นแนบอกแล้วพาตรงเข้าห้องน้ำไป แม้อีกคนจะพยายามขัดขืนด้วยการดิ้นรนเอาตัวรอด

    “ปล่อยนะ”

    “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็ตกลงไป ฉันสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรเธอ บอกแล้ว ฉันไม่เอาคนบ้าทำเมียหรอก”

    “สัญญา”

    “อืม ฉันสัญญา”

    ไม่ใช่ว่าอยากจะเชื่อใจหรือไว้ใจอะไรในตัวกันต์พิพัฒน์ แต่เพราะตัวเองไม่มีทางให้เลือกมากกว่า ครั้นจะเลือกพูดความจริงไปว่าตนสติสมบูรณ์ดี หาใช่คนบ้าใบ้แบบที่แสดงออกมาตลอด ก็เกรงว่าชีวิตนี้อาจไม่ปลอดภัย

    “ถอดชุดชั้นในเองได้ใช่ไหม” 

    กานติมาไม่ตอบแต่เลือกพยักหน้าแทน เรื่องง่ายขนาดนี้ทำไม่ได้ให้รู้ไป แต่พอเอาเข้าจริงก็ยากอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ยากที่ถอด แต่ยากเพราะโดนสายตาคมจับจ้องอยู่ตลอดเวลา

    กันต์พิพัฒน์มองร่างบางที่ไร้อาภรณ์ไม่วางตา เห็นแต่งตัวมิดชิดปิดจนถึงคอ ไม่คิดว่าภายในจะซ่อนรูปสมส่วนน่ามองขนาดนี้

    “อะ อาบน้ำ” คนถูกมองเขินจนไปไม่เป็น พูดไม่ถูก แต่ขืนยังยืนนิ่งเป็นเป้าให้มองอยู่แบบนี้ เห็นทีจะไม่ปลอดภัย 

    “อ่อ อืม”

    กันต์พิพัฒน์จับมือจูงภรรยาพาไปอาบน้ำด้วยกัน กานติมายืนตัวแข็งทื่อในยามที่สายน้ำอุ่นไหลรดผ่านตัว โดยมีสามีทำหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็น จับเธอสระผม อาบน้ำ ลูบไล้ฟองสบู่ไปทั่วทุกซอกมุมของเรือนกาย

    “อื้อ…” ยามฝ่ามือร้อนลากผ่านเนินอกอิ่ม หญิงสาวเผลอครางออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ ทำเอาน้องชายคนโตของกันต์พิพัฒน์ที่สะลึมสะลือใกล้ตื่นถึงกับดีดเด้ง

    กานติมาหน้าแดงกล่ำยามเผลอมองต่ำส่วนที่กำลังดุนดันอยู่ที่เอวด้วยความไม่ตั้งใจ อยากจะกลั้นใจตายหรือหายตัวไปจากตรงนี้เสียจริง

    ส่วนคนที่กำลังโดนอารมณ์ไคร่เข้าครอบงำก็พยายามอย่างยิ่งที่จะกดมันไว้ แม้ว่าหญิงสาวที่น้องชายเขากำลังทักทายทำความคุ้นเคยอยู่ในตอนนี้จะมีสถานะเป็นภรรยาของตนก็ตาม เขาเองก็ไม่นิยมบังคับฝืนใจใคร โดยเฉพาะคนที่สติไม่สมประกอบแบบนี้

    “เธออาบให้ฉันบ้างสิ” ได้คืบก็อยากได้ศอกตามมาด้วย ว่าจบก็ยืนหันหลังให้อีกคนถูสบู่ให้บ้าง

    กานติมาถูฟองสบู่ทั่วแผ่นหลังกว้าง มือบางสั่นระริกจนอีกคนสัมผัสได้ยกยิ้มด้วยความขัน

    “ข้างหน้าด้วย” 

    “ไม่” คราวนี้กานติมาจะไม่ทน

    “ได้ไง ทีฉันยังถูกสบู่ให้เธอทุกซอก ทุกมุม” กันต์พิพัฒน์เว้นวรรคตาเจ้าเล่ห์มองปราดไปทั่งร่างระหง ยังผลให้คนถูกมองหน้าเห่อร้อนอีกครั้ง

    “เสร็จแล้ว กานต์อาบเสร็จแล้ว” ทำท่าจะหนีทั้งที่ตามเนื้อตัวยังมีฟองสบู่อยู่ กันต์พิพัฒน์รีบรั้งไว้

    “เดี๋ยว อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” เขาจับมือเธอวางแมะไว้ที่อกตัวเอง ก่อนยืนหลับตานิ่ง

    ‘เอาเถอะ มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว’ กานติมาปลอบใจตัวเอง 

    สองมือลูบไล้ฟองสบู่ไปทั่วแผ่นอกตึง ไล่ลงมาส่วนกล้ามเนื้อท้อง แม้จะไม่ได้ขึ้นลอนชัดเจนอย่างพวกเล่นกล้าม แต่ก็สวยงามน่ามองในแบบคนออกกำลังกายเป็นประจำ และต่ำลงมาเป็นส่วนนั้น

    ที่กำลังชูชันโด่เด่…

    กานติมากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อได้เห็นชัดเต็มสองตา เธอไม่รู้หรอกว่าน้องชายคุณกันต์สูงใหญ่แค่ไหน แต่เท่าที่ตาเห็นก็ใหญ่โตพอสมควร

    “ถูตรงนั้นด้วย” สัมผัสที่ลูบไล้เรือนกายหายไปครู่ใหญ่ กันต์พิพัฒน์ลืมตามองเห็นภรรยากำลังยืนก้มหน้ามองต่ำอยู่

    “ไม่”

    “เลือกเอา ว่าเราจะนอนในนี้ทั้งคืน หรือจะรีบอาบให้เสร็จแล้วออกไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ข้างนอกนั่น”

    ถ้ากันต์พิพัฒน์เป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ เธอจะไม่อิออดเลยที่จะอาบน้ำปะแป้งให้ แต่ในความเป็นจริง เขาคือชายหนุ่มวัย 32 ที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เรือนกายสูงโปร่งร่วม 185 เซนติเมตร ในขณะที่เธอสูงเพียงแค่จมูกเขาเท่านั้น

    “อืม…” กานติมาชักมือกลับทันทีที่กันต์พิพัฒน์ทำเสียงแปลกประหลาดยามที่มือเธอแตะลงตรงส่วนนั้น “ทำต่อสิ ฉันหนาวแล้วนะ”

    หญิงสาวหลับตาสูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนใช้ฟองสบู่ลูบไล้ตรงส่วนนั้นต่อทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะน้องชายตัวใหญ่ของเขาที่ดีดเด้งสู้มือตลอด ไหนจะเสียงครางกระเส่าของคนพี่

    กานติมาอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

    กันต์พิพัฒน์ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมสัมผัสแผ่วเบาแสนจะเงอะงะไม่เป็นงานของภรรยา ถึงทำให้เขารู้สึกได้มากมายขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาที่ดื่มเข้าไปเมื่อช่วงค่ำ

    และก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มแตะที่มือของหญิงสาวเพื่อให้หยุดการกระทำที่ตนเป็นฝ่ายเริ่ม

    “อาบให้เสร็จ จะได้ไปนอน” บอกพร้อมเปิดฟักบัวรดไปทั่วร่างที่เริ่มสั่นเพราะความหนาวของกานติมา และของตัวเอง

    “แสบตา” ยาสระผมที่ล้างออกไม่หมดไหลลงมา กานติมาหลับตาปี๋

    “ลืมตา ล้างน้ำจะได้หาย” 

    กานติมาค่อย ๆ เปิดเปลือกตา ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจนเลยขยับเข้าหาหมายจะคว้าฟักบัวมาล้างด้วยตัวเอง จนพาหน้าและตัวไปชนกับกันต์พิพัฒน์

    “อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันทำให้”

    หญิงสาวยืนนิ่งปล่อยให้สามีทำหน้าที่ดูแลเธอ กันต์พิพัฒน์ปรับความแรงน้ำจนเบาแล้วค่อย ๆ ให้น้ำไหลผ่านดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้เริ่มแดงเพราะพิษสารเคมี 

    “กลอกตาไปมา เธอทำได้ไหม”

    กานติมาไม่ตอบแต่ทำตามที่อีกคนบอก เล่นเอาคุณสามีป้ายแดงนึกทึ่งไม่น้อยที่ภรรยาตัวเองไม่ได้บ้าใบ้ถึงขั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

    “ดีขึ้นไหม”

    กานติมาพยายามเพ่งมองไปข้างหน้า ภาพที่เคยเบลอเริ่มชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ และสุดท้าย เธอเห็นชัดว่าใครที่กำลังยืนจ้องหน้าอยู่ เมื่อมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เหมือนมีบางอย่างแปลกไป หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง ความร้อนพวยพุ่งจากปลายเท้าขึ้นสู่ใบหน้าจนเห่อร้อนไปหมด

    ในขณะที่คนมองเองก็รู้สึกว่าหัวใจของตนมันเริ่มเต้นผิดจังหวะ ดวงตาคู่สวยนั้นมีบางอย่างที่สะกดเขาไว้ไม่ให้ถอยห่าง และดึงดูดให้ยิ่งเข้าใกล้

    ใกล้จนลมหายใจรวยรินรดกัน ใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน และสุดท้าย ใกล้จนริมฝีปากของทั้งคู่แตะกันเบา ๆ ราวกับสัมผัสของกลีบดอกไม้ หอม หวาน จนอยากจะลิ้มชิมรสให้มากกว่านี้

    กานติมาเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออก ก่อนกันต์พิพัฒน์ที่เป็นฝ่ายต้านทานความต้องการไว้ไม่ไหวยกมือประคองใบหน้าหวานให้เข้ามาใกล้ ประทับริมฝีปากลงบนกลีบกุหลาบงามสีสดอีกครั้งอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากุหลาบงามนั้นจะช้ำและเป็นรอย

    โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ภายในดังขัดจังหวะเสียก่อน

    มันส่งเสียงร้องดังอยู่หลายนาที จนกันต์พิพัฒน์ต้องยอมแพ้ ออกมารับโทรศัพท์โดยมีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างที่ยังไม่สงบ

    “เห้อ เกือบไปแล้วยัยกานต์” กานติมาลูบอกถอนหายใจโล่งที่เหตุการณ์ทุกอย่างไม่เลยเถิดไปกว่านี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ปฏิเสธการกระทำของอีกฝ่าย

    หญิงสาวใช้โอกาสนี้หยิบฟักบัวที่นอนตายอยู่ที่พื้นขึ้นมารดตัวเองเพื่อดับไฟในใจและล้างสัมผัสในส่วนที่อีกคนทิ้งไว้ ก่อนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมทับและออกจากห้องน้ำมา

    “ขอเวลาสิบนาที เดี๋ยวผมลงไป /ไม่เป็นไร จีน่าไม่ต้องขึ้นมาหรอก ขอเวลาแปป”

    กานติมาหยุดชะงัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าประโยคธรรมดาที่ได้ยินอีกคนพูด ทำไมถึงทำให้ตนรู้สึกแย่

    “อ้าว เสร็จแล้วเหรอ” วางสายเสร็จก็หันมาเห็นภรรยากำลังยืนนิ่งอยู่ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะกลับไปอาบให้

    “เสร็จแล้ว” กานติมาตอบ เดินมาหยิบชุดนอนที่พี่บัวแก้วจัดเตรียมไว้ให้ในกระเป๋าพร้อมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้วกลับเข้าไปใส่ในห้องน้ำ

    ฝ่ายกันต์พิพัฒน์เห็นกานติมาอาบน้ำเรียบร้อยสะอาดสะอ้านก็หายห่วง หันมาจัดการหยิบชุดนอนที่ไหมจัดใส่กระเป๋าให้มาสวมแล้วลงไปหาจีน่าที่ชั้นล่าง

     

    ‘เขาคงไปหาผู้หญิงคนนั้น’

    เดินหน้าเศร้ามานั่งลงบนเตียง หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วพบแต่ความว่างเปล่าในห้องหอ แค่คืนแรกเขาก็ทิ้งเธอให้อยู่ตามลำพังแล้ว คงไม่ต้องเดาว่าตลอดระยะเวลา 3 ปี เธอคงเป็นภรรยาบ้าที่คุณกันต์ไม่รัก ไม่เมตตา

    “อึก” อยู่ ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลยาวเป็นสาย เพียงแค่คิดถึงอนาคตว่าตนต้องพบเจออะไรต่อจากนี้ โดยเฉพาะกับคุณกันต์ แค่เฉพาะสิ่งที่เขาทำวันนี้กับเธอมันก็หนักหนาสาหัสแล้ว จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ถูกสามีทิ้งในวันแต่งงาน 

    แม้ในตอนแรกไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเข้าหอด้วย แต่เอาเข้าจริง เมื่อโดนเขาทิ้งให้นอนคนเดียว ทำไมถึงไม่ดีใจ

    ปึก!

    “เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” 

    คนที่ถูกกล่าวหารีบก้าวเท้ายาวเข้ามาหาคุณภรรยาที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นบนเตียง ตามองสำรวจหาสิ่งผิดปกติเพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเป็นคนบ้าใบ้ สิ่งที่ถามไปเธออาจให้คำตอบเขาไม่ได้

    “ปวดหัวเหรอ”

    “…………..” กานติมาส่ายทั้งน้ำตา

    “ปวดท้อง”

    “………….” เธอยังคงแสดงกิริยาเดิม

    กันต์พิพัฒน์ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมเอื้อมฝ่ามือไปแตะที่หน้าผากนวล

    “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

    กานติมาเริ่มสะอื้นน้อยลง ไม่รู้ว่าดีใจอะไรที่เห็นหน้าเขาอีกครั้ง หญิงสาวปาดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากแก้ม ในหัวก็นึกถึงคำโกหกเพื่อจะบอกสามี

    “คิดถึงแม่”

    ชายหนุ่มโล่งอกที่อย่างน้อยเธอไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่ก็อดสงสารหญิงสาวไม่ได้ เพราะตนก็นึกถึงแม่เหมือนกันในพิธีแต่งงานเมื่อช่วงเช้า ถ้าแม่เขายังมีชีวิตอยู่ แม่คงดีใจที่เขาแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที

    ในส่วนของกานติมา เขาทราบมานานแล้วว่าเธอเสียทั้งพ่อแม่และพี่ชายไปพร้อมอุบัติเหตุครั้งนั้น เป็นผลให้เธอกลายเป็นคนเสียสติวิกลจริตมาจนถึงทุกวันนี้

    สงสารและเมตตานั่นคือสิ่งที่เขารับรู้ในครั้งแรกถึงปูมหลังชีวิตแสนรันทดของหญิงสาว แต่ทุกอย่างก็มลายหายสูญ เมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมสถานะเมียของพ่อ

    “พ่อแม่แล้วก็พี่เธอเขาอยู่บนสวรรค์แล้ว อย่าร้อง เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วง” นั่นคือคำปลอบโยนที่ดีที่สุดที่เขาจะคิดได้ เพราะเขาเองก็เคยได้ฟังประโยคนี้มาก่อนในตอนที่เสียแม่ไป

    กานติมาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าคนอย่างกันต์พิพัฒน์จะพูดดีกับเธอก็เป็น ที่ผ่านมามีแต่คำพูดจาร้าย ๆ ให้กัน ชนิดที่ว่าเกลียดจนเข้าไส้

    “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันมีประชุมแต่เช้า” เขาบอกก่อนเอี้ยวตัววางแฟ้มไว้ข้างเตียง หยิบขึ้นมาด้วยเพราะคิดว่าเช้าจะนั่งอ่านระหว่างอาหารเช้าที่โรงแรมจะนำมาบริการ

    หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ รู้สึกผิดที่คิดไปว่าเขาจะทิ้งเธอไปกับผู้หญิงอื่น ทั้งที่เขาลงไปเพราะเรื่องงาน

    กันต์พิพัฒน์ปิดไฟตรงหัวเตียงแล้วเอนกายลงนอน แต่พอชำเลืองมองไปด้านข้าง อีกคนยังนั่งนิ่งไม่ยอมนอนเสียที เลยต้องงัดไม้ตายมาขู่

    “ถ้าไม่นอน ฉันจะชวนเธอทำอย่างอื่นนะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×