NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาบ้าของคุณกันต์

    ลำดับตอนที่ #17 : ไม่ใช่คนบ้า

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 67


              “ไปสิคะคุณกานต์ คุณจินหลงอุตส่าห์ให้เกียรติขนาดนี้” ทักษอรเห็นอีกคนยังนั่งนิ่งยิ่งสะใจ คนบ้าแบบนั้นจะมาเต้นรำอะไรเป็น แค่พูดจาให้รู้เรื่องยังทำไม่ได้เลย

              “อย่าไปบังคับเธอเลยครับ” เสี่ยวจินหลงเห็นหญิงสาวสีหน้าไม่สู้ดี ก็ไม่อยากบังคับฝืนใจกัน

              “ถ้าเธอไม่ไป งานนี้คนที่เสียหน้าคือคุณกันต์ เธอยอมให้บริษัทสามีตัวเองเสียชื่อเหรอ” ทักษอรไม่รู้หรอกว่าการที่ตนพูดกับคนบ้าไปอย่างนั้น อีกคนจะรับรู้และเข้าใจความหมายที่เธอสื่อหรือเปล่า 

              แต่ต่อให้ไม่เข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาคิดอะไร เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว

              ทว่าคนที่ใครคิดว่าบ้ากลับเข้าใจในสิ่งที่ทักษอรพูดเป็นอย่างดี เมื่อครุ่นตามก็ยิ่งให้กดดัน ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนก็ล้วนแต่มีผลเสียตามมา แต่ทางใดเล่าที่จะเสียหายน้อยที่สุด และเป็นทางที่ดีต่อสามีมากที่สุด

              “ได้ค่ะ ดิฉันยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” กานติมาตอบยาวเป็นภาษาจีน ทำเอาเสี่ยวจินหลงยิ้มกว้าง อดทึ่งในกิริยามารยาทและความสามารถของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้

              งดงามราวกับภาพในเทพนิยาย หญิงสาวสวยร่างระหงในชุดเดรสสีน้ำเงินกับชายหนุ่มวัย 50 ที่ยังดูหล่อเหลาภูมิฐานกำลังเต้นรำด้วยท่วงท่าที่สง่างามราวกับเจ้าหญิงและเจ้าชายจากเมืองใดสักแห่ง

              ในขณะที่ผู้คนในงานต่างพากันชื่นชม ทักษอรกลับเคียดแค้นหญิงสาวมากกว่าเดิม ตั้งใจจะฉีกหน้าหล่อนกลางงาน แต่กลับเป็นคนเปิดสปอร์ตไลท์ฉายแสงให้หล่อนได้เกิดเต็มตัว

              แต่คิดว่าคนอย่างเธอจะยอมอย่างนั้นรึ…

              “ช่างเป็นภาพที่งดงามมากเลยนะคะ” ทักษอรขึ้นไปบนเวทีแล้วแย่งไมค์มาจากนักร้อง “หลายท่านทราบอยู่แล้วว่าผู้เปิดฟลอร์เต้นรำเมื่อครู่นี้คือท่านประธานเสี่ยวจินหลงแห่งจินหลงกรุ๊ป ส่วนคุณผู้หญิงสุดสวยในชุดเดรสสีน้ำเงินนี่สิ ที่หลายท่านยังไม่รู้จัก”

              กานติมากระวนกระวายพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้ว่าทักษอรจงใจจะฉีกหน้าเธอต่อหน้าทุกคน ทว่าครั้งนี้คงเอาตัวรอดไม่ได้เหมือนเมื่อครู่

              “ดิฉันขอเชิญคุณกานติมา กิตติวรเดช ภรรยาของคุณกันต์พิพัฒน์ขึ้นมาบนเวทีด้วยค่ะ”

              เสียงปรบมือดังก้องห้องบอลรูมโรงแรมดัง กานติมากระสับกระส่าย มองหาสามี ในหัวเธอตอนนี้คิดไม่ตกกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ เพราะต่อจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนก็ตาม 

              ภาคภูมิที่ได้รับคำสั่งให้กลับมาดูแลภรรยาของเจ้านายเข้ามาทันเหตุการณ์พอดี ชายหนุ่มรีบตรงไปยังเวทีเพื่อห้ามทักษอรและพาเธอลงมา แต่…

              “ขอให้คุณกานต์แนะนำตัวกับแขกผู้มีเกียรติในที่นี้ด้วยนะคะ”

              “ดิฉัน…” หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนผลักประตูเข้ามา

              “ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ พอดีคุณกานต์เธอไม่ค่อยปกติเท่าไหร่คะ”

              สิ้นประโยคเสียงอื้ออึงดังมาจากทั่วสารทิศจนแยกไม่ออกว่าใครพูดว่าอะไร กันต์พิพัฒน์รีบสาวเท้าเข้ามาในห้อง

              “ใช่ค่ะ ดิฉันไม่ปกติสักเท่าไหร่”

              เสียงอื้ออึงซุบซิบดังก้องห้องจัดเลี้ยง แต่ทุกอย่างก็เงียบสงบลงเมื่อกานติมาเอ่ยประโยคต่อไป

              “เป็นครั้งแรกค่ะ ที่ได้ขึ้นบนเวทีแล้วจับไมค์แบบนี้ เลยประหม่าไปหน่อย”หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ทุกคนภายในงาน และหยุดนานที่สุดที่คน ๆ หนึ่ง

              “ดิฉันกานติมา กิตติวรเดช เป็นภรรยาของคุณกันต์พิพัฒน์ค่ะ” กานติมายกไมค์ขึ้นมาพูดแนะนำตัว สายตาจับจ้องไปที่สามีที่กำลังทำสิ่งเดียวกับเธอ

              ทักษอรหันขวับ เธอระแคะระคายมาตลอดว่ากานติมาเป็นคนบ้าจริงหรือเปล่า ในวันนี้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่า

              กานติมาไม่ใช่คนบ้า…

              เช่นเดียวกับกันต์พิพัฒน์ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างแน่ใจว่ากานติมาไม่ได้บ้าจริงอย่างที่แสดงออก แต่พอมาได้ฟังด้วยหูเห็นกับตาของตัวเองแบบนี้ก็อดน้อยใจและเสียใจไม่ได้

              เสียใจที่ภรรยาไม่เคยเชื่อใจและไว้ใจเขาเลย…

              “แหม สวยหล่อสมกันเลยนะครับ” เป็นภาคภูมิที่คว้าไมค์มาจากมือ
    ทักษอร และส่งสัญญาณให้แฟนหนุ่มของตนมาลากเธอออกไป “เรารู้จักคุณกานติมาพอหอมปากหอมคอแล้วนะครับ ต่อไปก็ขอให้ทุกท่านร่วมกันดื่มเพื่อฉลองความสำเร็จระหว่างเคทีกรุ๊ปกับจินหลงกรุ๊ปนะครับ”

              บรรดาผู้มาร่วมงานและประธานบริษัททั้งสองต่างยกแก้วขึ้นมาดื่มเพื่อฉลองความสำเร็จในความร่วมมือของบริษัทสองยักษ์ใหญ่

     

              “คุณดื่มเยอะแล้วนะ” เห็นสามีดื่มไปหลายแก้วก็เป็นห่วง ตาคมปรือฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ขนาดนั้น กลัวว่ากันต์พิพัฒน์จะขับรถกลับบ้านไม่ไหว และเธอเองก็ขับรถไม่เป็นด้วย

              “เป็นห่วงผมเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงยานคาง 

              “เดี๋ยวกานต์ให้ลุงชุ่มมารับนะคะ”

              “คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ” เมาขนาดนี้เป็นใครก็ไม่ไหวใจทั้งนั้นแหล่ะ เห็นท่าจะมีก็แต่คนเมาที่มั่นใจในตัวเอง

              “มันอันตราย ถ้าคุณจะขับรถเอง” กานติมาให้เหตุผล

              “พอไม่ต้องโกหกผม คุณก็เถียงไม่หยุดเลยนะ”

              “กานต์ไม่ได้เถียง” ป่วยการจะพูดกับคนเมา ยิ่งเป็นคุณกันต์พิพัฒน์ในเวอร์ชั่นนี้ที่กานติมาไม่เคยเจอด้วยแล้วล่ะก็ ไม่รู้จะรับเขาอย่างไรดี

              “ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน” เสี่ยวจินหลงเดินมาลา

              “ค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ” กานติมาพูดภาษาจีนออกมา เล่นเอาสามีตาโตเบิกกว้างมองด้วยความทึ่งแกมแปลกใจ

              “เหอะ นอกจากจะไม่บ้าแล้ว คุณยังเก่งด้วย”

              “คุณอาให้คุณครูมาสอนกานต์ที่บ้านค่ะ”

              “แล้วคุณเรียนจบชั้นอะไร”

              “ปริญญาตรีบริหารธุรกิจค่ะ”

              วันนี้มีเรื่องให้กันต์พิพัฒน์แปลกประหลาดใจไปกี่ครั้งแล้ว ทั้งกานติมาไม่ใช่คนบ้า เธอเต้นรำเก่ง พูดภาษาจีนได้ แล้วยังจะเรียนจนจบปริญญาอีก 

              “แล้วทำไมต้องแกล้งบ้า”

              “กานต์ว่าเรื่องนั้นเอาไว้คุยที่บ้านดีกว่าค่ะ” แค่นี้ชีวิตของเธอก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว

              ท่ามกลางผู้คนที่ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน มีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่กานติมาอย่างประสงค์ร้าย หญิงสาวนั่นไม่ได้บ้าอย่างที่ตนเข้าใจมาตลอด ความลับที่เคยคิดไว้ว่าจะเป็นความลับตลอดไป มันอาจไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว

            ‘ทำไมแกไม่ตายไปกับพ่อแม่ตั้งแต่วันนั้น ปล่อยให้ฉันต้องมาหาทางฆ่าแกซ้ำสอง’

     

              “ลุงชุ่มช่วยเรียกพี่บัวให้หน่อยได้ไหมคะ” ชายชราอ้าปากหวอ เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของคุณหนูของบ้านที่ดูราวคนปกติทุกอย่าง

              “มายต้อง เอื้อก!...ปล่อยโผมนอนให้ยุงกัดตรงนี้แหล่ะ”

              “ได้ไงคะ” กานติมาแย้ง

              “ได้สิ ขนาดเมียยังไม่สนใจโผมเลย ก็ปล่อยให้โผมนอนตรงนี้แหล่ะ”

              “ไม่ต้องตามแล้วค่ะ เดี๋ยวกานต์พาคุณกันต์เข้าบ้านเอง”

              “ผมช่วยครับ” ลุงชุ่มรีบเข้ามาหมายจะช่วยหิ้วปีกคนเมา แต่โดนปิดมือทิ้งเสียก่อน

              “มายต้อง เมียโผมเขายังไม่อยากถูกตัวโผมเลย”

              กานติมาถอนหายใจยาวเหยียด นี่คุณกันต์เขาคิดว่าตัวเองเป็นเด็ก 5 ขวบหรือยังไง ถึงคิดว่าเธอจะอุ้มเอาเข้าเอวได้สบาย แต่ขืนปล่อยไว้คืนนี้คงไม่ต้องนอนกัน

              “คุณกันต์กอดคอกานต์ไว้นะคะ”

              ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย แถมเบียดกายเข้าหาจนแนบชิด คอที่เคยแข็งตั้งตรงก็อ่อนยวบซบซุกอยู่ที่ซอกคอขาว และซ่อนยิ้มร้ายในตอนภรรยาสาวโอบเอวเขาแน่น

              “ค่อย ๆ เดินนะคะ” ยังดีที่เขายังเดินเองได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องลากเขาไปตามพื้น

              “ฉันขอนอนห้องเธอได้ไหม” คนเมาเริ่มเอาแต่ใจ เพราะรู้ว่าตนกำลังได้เปรียบ 

              “เตียงของกานต์เล็กนิดเดียว คุณกันต์นอนไม่สบายหรอกค่ะ”

              “ก็เคยนอนแล้ว” กันต์พิพัฒน์สาบานว่าพรุ่งนี้เขาจะเอาเตียงนั่นทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นคิงไซส์ให้สิ้นเรื่อง

              “แต่นั่น…” หญิงสาวพูดไม่ออกเพราะเขินอาย จะให้พูดไปว่าตอนนั้นเธอสติไม่สมประกอบก็ดูจะเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่

              “หรือเธอรังเกียจพี่”

              หญิงสาวหันขวับ มองหน้าสามีที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ใกล้ขนาดนี้แน่นอนว่าเธอได้ยินชัดเจนทุกคำ แต่ที่ไม่แน่ใจก็ตรงสรรพนามที่อีกคนใช้เรียกตนนี่แหล่ะ

              “กานต์ไม่ได้รังเกียจ แต่กลัวว่าคุณกันต์จะนอนไม่สบายตัว”

              “พี่ยอม เพราะอยากคุยกับเธอ”

              “ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” เธอเองก็อยากจะพูดกับเขาในตอนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน

              “แต่พี่อยากรู้เรื่องทุกอย่างในคืนนี้ ถ้าไม่ได้รู้ เห็นทีคงจะนอนไม่หลับ”

              กานติมาอ่อนใจ สุดท้ายก็ต้องยอมให้ลูกตื้อของสามี พาเขาเข้าห้องนอนตัวเอง โดยวานให้พี่บัวแก้วไปเอาชุดนอนจากอีกห้องมาให้

              “เดี๋ยวพี่บัวไปนอนกับไหมนะคะ”

              “ได้ไง ต้องนอนเป็นเพื่อนกันสิคะ”

              “คุณหนูก็เคยนอนร่วมเตียงกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีกคะ”

              “แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานี่คะ” กานติมาว่า หันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยังนอนหลับสนิทบนเตียงของเธอ

              “ใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกับคุณกันต์นะคะ เธอคงอยากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากปากคุณหนูเอง”

              “เราไว้ใจเขาได้ใช่ไหมคะ”

              “ในตอนนี้ คุณกันต์คือคนที่คุณหนูเชื่อใจและไว้ใจได้ที่สุดค่ะ”

              กานติมาคิดตาม ในบ้านนี้ไม่มีใครคิดร้ายกับเธอเลยสักคน การที่เธอยังปิดบังความจริงก็เหมือนกับว่ากำลังหักหลังทุกคนอยู่

              “พี่ร้อน” อยู่ ๆ กันต์พิพัฒน์ก็ลืมตาแป๋วร้องบอกภรรยาที่ยังนั่งครุ่นคิดที่ขอบเตียง

              “งั้นอาบน้ำหน่อยไหมคะ กานต์ให้พี่บัวเอาชุดนอนมาให้แล้ว”

              “อาบด้วยกันนะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×