NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาบ้าของคุณกันต์

    ลำดับตอนที่ #14 : เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 67


                ธนาธิปมาส่งกานติมากับบัวแก้วก่อนอาหารมื้อค่ำพอดี คุณนมเลยชักชวนชายหนุ่มให้อยู่ทานข้าวก่อน เพื่อเป็นการขอบคุณที่วันนี้เขาอาสาพาคุณหนูกานติมาไปหาหมอ

                “คุณธนาใจดีจังเลยนะคะ” ทักษอรแสร้งชม

                “พอดีผมเอาเอกสารมาให้คุณกันต์น่ะครับ เห็นว่าคุณกานต์กำลังจะออกไปเลยอาสา” 

                “อิจฉาคุณกานต์จัง ที่มีหนุ่มหล่อมาคอยดูแลบริการแบบนี้” ทักษอรพูดจากใจริง รอบกายกานติมามีแต่หนุ่มหล่อหุ่นแซ่บทั้งนั้น เห็นแล้วให้อิจฉา ไม่ว่าจะเป็นกันต์พิพัฒน์ หรือนายธนาธิปนี่ ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงมีแต่คนหล่อมารุมล้อม

                “ผมก็ดูแลคุณกานต์แบบนี้มานานแล้ว” เป็นหน้าที่ ๆ เขาทำมาตลอด 5 ปี ตั้งแต่กานติมาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้

                “แหม ในที่นี้คงไม่มีใครมีความสุขเท่าคุณกานต์แล้วนะคะ มีทั้งสามีรูปหล่อ แถมยังมีคนดูแลที่หล่อไม่แพ้กันอีก”

                “ยัยเชอร์รี่ ไปพูดแบบนั้นได้ไงคะลูก เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้าจะพากันเข้าใจผิดได้นะคะ” อิงอรจีบปากจีบคอผสมโรงเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เห็นหลานชายหน้าตึงก็เดาทางได้แล้ว

                “คงมีแต่คนใจแคบเท่านั้นแหล่ะครับ ที่จะคิดอกุศลแบบนั้น” ธนาธิปว่า

                “เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้หรอกครับ ของแบบนี้มันต้องระวังที่ตัวเราเอง” กันต์พิพัฒน์ที่นั่งเงียบมานานเอ่ยปากพูด 

                “ก็อย่างที่ผมบอกแหล่ะครับ ต่อให้เราทำดีแค่ไหน ระวังตัวแทบตาย แต่ถ้าคนมองมีใจที่ไม่บริสุทธิ์ ก็เท่านั้นครับ”

                บรรยากาศบนโต๊ะรับประทานอาหารมาคุจนทุกคนรอบข้างสังเกตได้ ว่าระหว่างสองหนุ่มมีความบาดหมางเกิดขึ้นแล้ว 

                “กินข้าว” กานติมารีบตักผัดบล็อกโคลี่ใส่จานคุณธนาเพราะเขานั่งใกล้เธอ 

                กันต์พิพัฒน์มองกิริยานั้นด้วยความไม่พอใจ นั่นคือของโปรดของเขา แต่คนที่เป็นภรรยากลับตักให้คนอื่นทาน แล้วแบบนี้จะให้หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่

                กานติมารู้สึกพิเศษกับธนาธิป

                “ผมอิ่มแล้ว” พูดจบก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ ท่ามกลางความสงสัยของทุกคน โดยเฉพาะภรรยาสาวที่กำลังจะตักของโปรดให้สามี

                “เห้อ น่าสงสารคุณกันต์นะ เป็นฉันเจอแบบนี้ก็คงกินไม่ลง” อิงอรได้ทีเหน็บทั้งคู่

                “ทำไมหรือครับ ผมว่าอาหารวันนี้ก็รสชาติอร่อยดี” ชายหนุ่มรู้ดีว่าที่อิงอรพูดไม่ได้หมายถึงอาหาร

                “ก็อร่อยค่ะ แต่เหม็นคาวไปหน่อย” 

                ไหมแน่ใจว่าปลาทับทิมนึ่งมะนาวที่แม่เธอทำนั้นไร้กลิ่นคาวแน่นอน ส่วนอาหารอย่างอื่นก็ไม่มีเมนูไหนที่จะส่งกลิ่นอย่างที่คุณอิงอรพูดเลยสักอย่าง

                “จริงค่ะแม่ เชอร์รี่ได้กลิ่นแล้วกินไม่ลง สงสัยพี่กันต์คงได้กลิ่นเหมือนกัน”

                “งั้นลูกก็ไปดูพี่เขาหน่อยสิ ชวนพี่เขาไปหาอะไรทานนอกบ้านก็ได้ ดูท่าตากันต์น่าจะหิว”

                หัวใจดวงน้อยวูบไหว หน้าที่นี้มันควรจะเป็นของเธอ แต่เวลานี้ทักษอรกลับรับไปทำแทน

                “งั้นฉันก็คงต้องขอตัวเหมือนกัน มันเหม็นคาวจนชวนอ้วกล่ะ ขอให้คุณธนาอร่อยกับอาหารมื้อนี้นะคะ”

                ไหมกับบัวแก้วอยากจะสวนกลับเหลือเกินว่า ถึงอาหารบนโต๊ะนี้จะคาว แต่ก็คงไม่คาวคลุ้งเท่ากับที่ 2 แม่ลูกนี้กระทำอยู่หรอก

                “ผมขอโทษนะคุณกานต์” ธนาธิปว่า เหตุการณ์วันนี้ต้นเหตุมันมากจากเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเริ่มก็ตาม

                “ไม่เป็นไร” หญิงสาวฝืนยิ้มตอบกลับไป

                ธนาธิปแค่ไม่ชอบที่ 3 คนนั่นมารุมว่าคุณกานต์ โดยเฉพาะกับคุณกันต์ที่เป็นสามี ทำไมไม่ให้เกียรติหรือปกป้องภรรยาตัวเองเลยสักนิด ปล่อยให้ 2 แม่ลูกนั่นมาเหน็บแนมค่อนขอดคุณกานต์อยู่ได้

                เขาให้สัญญากับตัวเองเลยว่า หลังจากที่ทั้งคู่หย่าขาดจากกันเขาจะรักและดูแลกานติมาให้ดีกว่ากันต์พิพัฒน์ร้อยเท่าพันเท่า เพื่อชดเชยเวลาที่หญิงสาวต้องเสียไปถึง 3 ปี

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                “เข้ามาได้” กันต์พิพัฒน์ที่กำลังหงุดหงิดร้องบอก

                “เชอร์รี่เป็นห่วงพี่กันต์ค่ะ เห็นพี่กันต์ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ชายหนุ่มนึกขันในใจที่หวังไปไกลว่าคนที่มาเคาะประตูจะเป็นใครบางคน

                “พี่ไม่เป็นไร”

                “ได้ไงคะ ไม่ทานอะไรแบบนี้เกิดปวดท้องขึ้นมาจะทำยังไง” ทักษอรถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาข้างกันต์พิพัฒน์

                “งั้นพี่ขอนมอุ่นสักแก้วล่ะกัน”

                “นมอุ่น ๆ หรือจะสู้นมจากเต้าค่ะ”

                สื่อความนัยชัดเจนว่าต้องการอะไร ไม่ต้องมีการเนียมอายอะไรเพราะไปไกลกว่าจะมาอายกันแล้ว 

                ทักษอรลุกยืนตรงหน้า วาดขาเรียวนั่งคร่อมตักชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าเบื่อโลก แต่เธอเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะสนุกจนลืมโลกไปเลย

                “วันนี้พี่เหนื่อย เธอกลับไปก่อนเถอะ” ไม่ใช่กับครั้งนี้

                “เดี๋ยวเชอร์รี่ทำเองก็ได้ พี่กันต์แค่นั่งเฉย ๆ “ ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวแกล้งกรีดยาวจากอกจนถึง…กำลังจะควักออกมาแต่โดนกันต์พิพัฒน์รั้งมือไว้ก่อน

                “พี่ไม่อยาก” ชายหนุ่มบอกออกไปตรง ๆ

                “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเชอร์รี่ทำให้พี่อยากเอง”

                “อึก” ชายหนุ่มร้องเบาในตอนที่ทักษอรร่อนสะโพกบดเบียดแท่งร้อนที่นอนขดอยู่ในกางเกง

                “ชอบไหมคะ” หญิงสาวโน้มตัวกระซิบ ขบเม้มใบหูด้วยความกระสัน

                กันต์พิพัฒน์ไม่ตอบสองมือยกลูบคลึงสะโพกสวยที่กำลังร่อนไปมาบนตักเขา

                “เชอร์รี่เอานี่มาด้วยค่ะ” หญิงสาวล้วงเข้าไปในอก หยิบซองพลาสติกสีดำออกมาถือในมือ 3 ซอง 

                กันต์พิพัฒน์มองดูสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาว 56 คือขนาดที่เขาใช้อยู่

                “อืม” ชายหนุ่มเงยหน้าร้องครางทักษอรจงใจทิ้งตัวลงบนตักเขาจนแท่งร้อนประจำตัวลุกชูชันดีดเด้งขึ้นมา

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                “บ้าเอ้ย!” ทักษอรสบถว่า อีกไม่กี่นาทีกันต์พิพัฒน์ก็จะเสร็จเธอแล้ว ถ้าไม่มีมารขวางคอมาเคาะประตู

                “เชิญครับ” จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่ออนุญาตให้คนหน้าห้องเข้ามา

                “นม” กานติมามือสั่นค่อย ๆ ประคองแก้วนมวางลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา

                “อย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มสั่ง “รอเอาแก้วกลับไปด้วย”

                กานติมาขยับไปยืนตัวลีบอยู่ตรงประตู ไม่อยากทนดูสองคนจู๋จี๋กัน เมื่อเช้าพี่บัวแก้วยังพูดอยู่เลยว่าคุณกันต์มีใจให้เธอ แต่เท่าที่เห็นการกระทำของเขาตอนนี้ คนที่เขามีใจคงไม่ใช่เธอ 

                สิ่งที่เขาทำกับเธอก็แค่ต้องการระบายอารมณ์…

                “คืนนี้ให้เชอร์รี่นอนเป็นเพื่อนพี่กันต์นะคะ” เห็นคนพี่ไม่ไล่ภรรยาไป 
    ทักษอรก็ขอสุ่มไฟไล่คนบ้าเอง

                “ได้สิ” ปากพูดกับทักษอรแต่สายตากับจับจ้องไปที่ภรรยา

                “แล้วแบบนี้เมียพี่กันต์จะไม่ว่าเชอร์รี่หรือคะ”

                “เขาไม่มีสิทธิ์” กานติมาเซไปหนึ่งก้าว อยู่ ๆ แข้งขาเธอก็อ่อนแรงขึ้นมา หัวใจวูบไหวเหมือนตกลงสู่ห้วงเหวลึก

                ความสุขที่เธอได้จากเขา มันหมดอายุเร็วจริง

                “จะไปไหน” เธอทนอยู่ต่อไม่ไหวแต่พอจะไปก็โดนรั้งไว้อีก

                “ง่วงแล้ว” พยายามที่จะไม่ให้เสียงสั่น 

                “ให้เขาไปเถอะค่ะ เราจะได้มีความสุขกันต่อ”

                “อืม อยากไปก็ไป” 

                กานติมาไม่รอให้ใครมาไล่ซ้ำสอง เธอหอบหัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำกลับมาที่ห้อง ปล่อยโฮสุดตัวอย่างน่าสงสาร

                

                “เธอกลับไปได้แล้ว”

                “อ้าว เมื่อกี้…”

                “พี่เหนื่อย อยากจะนอน”

                น้ำเสียงเข้มดุดันเป็นสัญญาณเตือนให้ทักษอรรู้ว่าไม่ควรไปเซ้าซี้ให้  กันต์พิพัฒน์รำคาญ แม้นึกเสียดายที่ไม่ได้ครอบครองชายหนุ่มในค่ำคืนนี้ แต่เท่าที่เห็นคะแนนเธอเพิ่มสูงมากโข ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงไม่กล้าไล่ภรรยาต่อหน้าตน

                คล้อยหลังทักษอรชายหนุ่มนั่งหน้าเครียด เมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเองแล้วให้นึกสมเพช กานติมาเป็นเพียงหญิงบ้าใบ้ สิ่งที่เขาทำไปอีกคนจะรับรู้ไหมว่าทำไปแบบนั้นเพราะอะไร เธอจะรู้สึกอะไรบ้างไหมกับสิ่งที่เขาทำ 

                คำถามมากมายอยู่ในหัว ถ้าไม่ได้คำตอบเขาคงนอนไม่หลับ

                “อ้าวคุณกันต์ มาหาคุณหนูรึคะ” บัวแก้วปิดประตูห้อง หันมาก็เจ้านายใหญ่ของบ้านยืนอยู่หลังตน

                “คุณกานต์นอนยัง”

                “เธอเพิ่งทานยาไปค่ะ”

                “ไม่สบายรึ”

                “ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหนูไปติดหวัดจากใครมา เห็นเธอบ่นปวดหัวตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”

                จะติดจากใครได้อีก ถ้าไม่ใช่จากคนที่ยืนหน้าเครียดพูดกับเธออยู่ตอนนี้

                “โทรตามอาหมอยัง” 

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ บัวให้ทานยาแล้ว เดี๋ยวเช็ดตัวอีกหน่อยก็น่าจะดีขึ้น”

                “ผมขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม”

                “ได้ค่ะ บัวฝากด้วยนะคะ เดี๋ยวขอลงไปเอาของที่ครัวแปปนึง”

                กันต์พิพัฒน์ยิ้มรับก่อนเปิดประตูอย่างเบามือ เดินย่องมองคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

                “พี่บัว กานต์ปวดหัวจังค่ะ”

                ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ประโยคธรรมดาแต่ไม่มันธรรมดาเพราะหลุดออกมาจากปากคนบ้า นับวันเขายิ่งสงสัยในสิ่งที่กานติมาแสดงออก หลายครั้งที่การกระทำและคำพูดของเธอมันดูปกติเกินกว่าจะเป็นความคิดหรือคำพูดของคนบ้าเสียสติ

                “ได้ยินจากพี่บัวว่าเธอไม่สบาย”

                กานติมาดีดตัวลุกจากที่นอน เมื่อครู่คนที่เธอพูดด้วยคือคุณกันต์หรือ แบบนี้เขาจะจับพิรุจเธอได้ไหม

                “ไม่สบาย กานต์เจ็บหัว”

                “เหรอ ไหนขอฉันดูหน่อย” กันต์พิพัฒน์นั่งลงบนเตียงเอื้อมฝ่าไปแตะที่หน้าผาก ความร้อนที่ได้รับทำเอาแทบชักมือกลับทันที ที่คอก็ร้อนไม่แพ้กัน

                “ไปหาหมอไหม”

                “ไม่” ถ้าเธอตายไปทุกอย่างก็คงจบ 

                “ถ้าไม่ไปก็ต้องเช็ดตัว” กันต์พิพัฒน์เว้นวรรค ก่อนขยับกายเข้าหาพูดประโยคชวนใจสั่น “เดี๋ยวฉันเช็ดให้เอง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×