คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้
ธนาธิปมาส่งกานติมากับบัวแก้วก่อนอาหารมื้อค่ำพอดี คุณนมเลยชักชวนชายหนุ่มให้อยู่ทานข้าวก่อน เพื่อเป็นการขอบคุณที่วันนี้เขาอาสาพาคุณหนูกานติมาไปหาหมอ
“คุณธนาใจดีจังเลยนะคะ” ทักษอรแสร้งชม
“พอดีผมเอาเอกสารมาให้คุณกันต์น่ะครับ เห็นว่าคุณกานต์กำลังจะออกไปเลยอาสา”
“อิจฉาคุณกานต์จัง ที่มีหนุ่มหล่อมาคอยดูแลบริการแบบนี้” ทักษอรพูดจากใจริง รอบกายกานติมามีแต่หนุ่มหล่อหุ่นแซ่บทั้งนั้น เห็นแล้วให้อิจฉา ไม่ว่าจะเป็นกันต์พิพัฒน์ หรือนายธนาธิปนี่ ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงมีแต่คนหล่อมารุมล้อม
“ผมก็ดูแลคุณกานต์แบบนี้มานานแล้ว” เป็นหน้าที่ ๆ เขาทำมาตลอด 5 ปี ตั้งแต่กานติมาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้
“แหม ในที่นี้คงไม่มีใครมีความสุขเท่าคุณกานต์แล้วนะคะ มีทั้งสามีรูปหล่อ แถมยังมีคนดูแลที่หล่อไม่แพ้กันอีก”
“ยัยเชอร์รี่ ไปพูดแบบนั้นได้ไงคะลูก เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้าจะพากันเข้าใจผิดได้นะคะ” อิงอรจีบปากจีบคอผสมโรงเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เห็นหลานชายหน้าตึงก็เดาทางได้แล้ว
“คงมีแต่คนใจแคบเท่านั้นแหล่ะครับ ที่จะคิดอกุศลแบบนั้น” ธนาธิปว่า
“เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้หรอกครับ ของแบบนี้มันต้องระวังที่ตัวเราเอง” กันต์พิพัฒน์ที่นั่งเงียบมานานเอ่ยปากพูด
“ก็อย่างที่ผมบอกแหล่ะครับ ต่อให้เราทำดีแค่ไหน ระวังตัวแทบตาย แต่ถ้าคนมองมีใจที่ไม่บริสุทธิ์ ก็เท่านั้นครับ”
บรรยากาศบนโต๊ะรับประทานอาหารมาคุจนทุกคนรอบข้างสังเกตได้ ว่าระหว่างสองหนุ่มมีความบาดหมางเกิดขึ้นแล้ว
“กินข้าว” กานติมารีบตักผัดบล็อกโคลี่ใส่จานคุณธนาเพราะเขานั่งใกล้เธอ
กันต์พิพัฒน์มองกิริยานั้นด้วยความไม่พอใจ นั่นคือของโปรดของเขา แต่คนที่เป็นภรรยากลับตักให้คนอื่นทาน แล้วแบบนี้จะให้หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่
กานติมารู้สึกพิเศษกับธนาธิป
“ผมอิ่มแล้ว” พูดจบก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ ท่ามกลางความสงสัยของทุกคน โดยเฉพาะภรรยาสาวที่กำลังจะตักของโปรดให้สามี
“เห้อ น่าสงสารคุณกันต์นะ เป็นฉันเจอแบบนี้ก็คงกินไม่ลง” อิงอรได้ทีเหน็บทั้งคู่
“ทำไมหรือครับ ผมว่าอาหารวันนี้ก็รสชาติอร่อยดี” ชายหนุ่มรู้ดีว่าที่อิงอรพูดไม่ได้หมายถึงอาหาร
“ก็อร่อยค่ะ แต่เหม็นคาวไปหน่อย”
ไหมแน่ใจว่าปลาทับทิมนึ่งมะนาวที่แม่เธอทำนั้นไร้กลิ่นคาวแน่นอน ส่วนอาหารอย่างอื่นก็ไม่มีเมนูไหนที่จะส่งกลิ่นอย่างที่คุณอิงอรพูดเลยสักอย่าง
“จริงค่ะแม่ เชอร์รี่ได้กลิ่นแล้วกินไม่ลง สงสัยพี่กันต์คงได้กลิ่นเหมือนกัน”
“งั้นลูกก็ไปดูพี่เขาหน่อยสิ ชวนพี่เขาไปหาอะไรทานนอกบ้านก็ได้ ดูท่าตากันต์น่าจะหิว”
หัวใจดวงน้อยวูบไหว หน้าที่นี้มันควรจะเป็นของเธอ แต่เวลานี้ทักษอรกลับรับไปทำแทน
“งั้นฉันก็คงต้องขอตัวเหมือนกัน มันเหม็นคาวจนชวนอ้วกล่ะ ขอให้คุณธนาอร่อยกับอาหารมื้อนี้นะคะ”
ไหมกับบัวแก้วอยากจะสวนกลับเหลือเกินว่า ถึงอาหารบนโต๊ะนี้จะคาว แต่ก็คงไม่คาวคลุ้งเท่ากับที่ 2 แม่ลูกนี้กระทำอยู่หรอก
“ผมขอโทษนะคุณกานต์” ธนาธิปว่า เหตุการณ์วันนี้ต้นเหตุมันมากจากเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเริ่มก็ตาม
“ไม่เป็นไร” หญิงสาวฝืนยิ้มตอบกลับไป
ธนาธิปแค่ไม่ชอบที่ 3 คนนั่นมารุมว่าคุณกานต์ โดยเฉพาะกับคุณกันต์ที่เป็นสามี ทำไมไม่ให้เกียรติหรือปกป้องภรรยาตัวเองเลยสักนิด ปล่อยให้ 2 แม่ลูกนั่นมาเหน็บแนมค่อนขอดคุณกานต์อยู่ได้
เขาให้สัญญากับตัวเองเลยว่า หลังจากที่ทั้งคู่หย่าขาดจากกันเขาจะรักและดูแลกานติมาให้ดีกว่ากันต์พิพัฒน์ร้อยเท่าพันเท่า เพื่อชดเชยเวลาที่หญิงสาวต้องเสียไปถึง 3 ปี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้” กันต์พิพัฒน์ที่กำลังหงุดหงิดร้องบอก
“เชอร์รี่เป็นห่วงพี่กันต์ค่ะ เห็นพี่กันต์ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ชายหนุ่มนึกขันในใจที่หวังไปไกลว่าคนที่มาเคาะประตูจะเป็นใครบางคน
“พี่ไม่เป็นไร”
“ได้ไงคะ ไม่ทานอะไรแบบนี้เกิดปวดท้องขึ้นมาจะทำยังไง” ทักษอรถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาข้างกันต์พิพัฒน์
“งั้นพี่ขอนมอุ่นสักแก้วล่ะกัน”
“นมอุ่น ๆ หรือจะสู้นมจากเต้าค่ะ”
สื่อความนัยชัดเจนว่าต้องการอะไร ไม่ต้องมีการเนียมอายอะไรเพราะไปไกลกว่าจะมาอายกันแล้ว
ทักษอรลุกยืนตรงหน้า วาดขาเรียวนั่งคร่อมตักชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าเบื่อโลก แต่เธอเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะสนุกจนลืมโลกไปเลย
“วันนี้พี่เหนื่อย เธอกลับไปก่อนเถอะ” ไม่ใช่กับครั้งนี้
“เดี๋ยวเชอร์รี่ทำเองก็ได้ พี่กันต์แค่นั่งเฉย ๆ “ ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวแกล้งกรีดยาวจากอกจนถึง…กำลังจะควักออกมาแต่โดนกันต์พิพัฒน์รั้งมือไว้ก่อน
“พี่ไม่อยาก” ชายหนุ่มบอกออกไปตรง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเชอร์รี่ทำให้พี่อยากเอง”
“อึก” ชายหนุ่มร้องเบาในตอนที่ทักษอรร่อนสะโพกบดเบียดแท่งร้อนที่นอนขดอยู่ในกางเกง
“ชอบไหมคะ” หญิงสาวโน้มตัวกระซิบ ขบเม้มใบหูด้วยความกระสัน
กันต์พิพัฒน์ไม่ตอบสองมือยกลูบคลึงสะโพกสวยที่กำลังร่อนไปมาบนตักเขา
“เชอร์รี่เอานี่มาด้วยค่ะ” หญิงสาวล้วงเข้าไปในอก หยิบซองพลาสติกสีดำออกมาถือในมือ 3 ซอง
กันต์พิพัฒน์มองดูสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาว 56 คือขนาดที่เขาใช้อยู่
“อืม” ชายหนุ่มเงยหน้าร้องครางทักษอรจงใจทิ้งตัวลงบนตักเขาจนแท่งร้อนประจำตัวลุกชูชันดีดเด้งขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“บ้าเอ้ย!” ทักษอรสบถว่า อีกไม่กี่นาทีกันต์พิพัฒน์ก็จะเสร็จเธอแล้ว ถ้าไม่มีมารขวางคอมาเคาะประตู
“เชิญครับ” จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่ออนุญาตให้คนหน้าห้องเข้ามา
“นม” กานติมามือสั่นค่อย ๆ ประคองแก้วนมวางลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา
“อย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มสั่ง “รอเอาแก้วกลับไปด้วย”
กานติมาขยับไปยืนตัวลีบอยู่ตรงประตู ไม่อยากทนดูสองคนจู๋จี๋กัน เมื่อเช้าพี่บัวแก้วยังพูดอยู่เลยว่าคุณกันต์มีใจให้เธอ แต่เท่าที่เห็นการกระทำของเขาตอนนี้ คนที่เขามีใจคงไม่ใช่เธอ
สิ่งที่เขาทำกับเธอก็แค่ต้องการระบายอารมณ์…
“คืนนี้ให้เชอร์รี่นอนเป็นเพื่อนพี่กันต์นะคะ” เห็นคนพี่ไม่ไล่ภรรยาไป
ทักษอรก็ขอสุ่มไฟไล่คนบ้าเอง
“ได้สิ” ปากพูดกับทักษอรแต่สายตากับจับจ้องไปที่ภรรยา
“แล้วแบบนี้เมียพี่กันต์จะไม่ว่าเชอร์รี่หรือคะ”
“เขาไม่มีสิทธิ์” กานติมาเซไปหนึ่งก้าว อยู่ ๆ แข้งขาเธอก็อ่อนแรงขึ้นมา หัวใจวูบไหวเหมือนตกลงสู่ห้วงเหวลึก
ความสุขที่เธอได้จากเขา มันหมดอายุเร็วจริง
“จะไปไหน” เธอทนอยู่ต่อไม่ไหวแต่พอจะไปก็โดนรั้งไว้อีก
“ง่วงแล้ว” พยายามที่จะไม่ให้เสียงสั่น
“ให้เขาไปเถอะค่ะ เราจะได้มีความสุขกันต่อ”
“อืม อยากไปก็ไป”
กานติมาไม่รอให้ใครมาไล่ซ้ำสอง เธอหอบหัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำกลับมาที่ห้อง ปล่อยโฮสุดตัวอย่างน่าสงสาร
“เธอกลับไปได้แล้ว”
“อ้าว เมื่อกี้…”
“พี่เหนื่อย อยากจะนอน”
น้ำเสียงเข้มดุดันเป็นสัญญาณเตือนให้ทักษอรรู้ว่าไม่ควรไปเซ้าซี้ให้ กันต์พิพัฒน์รำคาญ แม้นึกเสียดายที่ไม่ได้ครอบครองชายหนุ่มในค่ำคืนนี้ แต่เท่าที่เห็นคะแนนเธอเพิ่มสูงมากโข ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงไม่กล้าไล่ภรรยาต่อหน้าตน
คล้อยหลังทักษอรชายหนุ่มนั่งหน้าเครียด เมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเองแล้วให้นึกสมเพช กานติมาเป็นเพียงหญิงบ้าใบ้ สิ่งที่เขาทำไปอีกคนจะรับรู้ไหมว่าทำไปแบบนั้นเพราะอะไร เธอจะรู้สึกอะไรบ้างไหมกับสิ่งที่เขาทำ
คำถามมากมายอยู่ในหัว ถ้าไม่ได้คำตอบเขาคงนอนไม่หลับ
“อ้าวคุณกันต์ มาหาคุณหนูรึคะ” บัวแก้วปิดประตูห้อง หันมาก็เจ้านายใหญ่ของบ้านยืนอยู่หลังตน
“คุณกานต์นอนยัง”
“เธอเพิ่งทานยาไปค่ะ”
“ไม่สบายรึ”
“ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหนูไปติดหวัดจากใครมา เห็นเธอบ่นปวดหัวตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”
จะติดจากใครได้อีก ถ้าไม่ใช่จากคนที่ยืนหน้าเครียดพูดกับเธออยู่ตอนนี้
“โทรตามอาหมอยัง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ บัวให้ทานยาแล้ว เดี๋ยวเช็ดตัวอีกหน่อยก็น่าจะดีขึ้น”
“ผมขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ บัวฝากด้วยนะคะ เดี๋ยวขอลงไปเอาของที่ครัวแปปนึง”
กันต์พิพัฒน์ยิ้มรับก่อนเปิดประตูอย่างเบามือ เดินย่องมองคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
“พี่บัว กานต์ปวดหัวจังค่ะ”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ประโยคธรรมดาแต่ไม่มันธรรมดาเพราะหลุดออกมาจากปากคนบ้า นับวันเขายิ่งสงสัยในสิ่งที่กานติมาแสดงออก หลายครั้งที่การกระทำและคำพูดของเธอมันดูปกติเกินกว่าจะเป็นความคิดหรือคำพูดของคนบ้าเสียสติ
“ได้ยินจากพี่บัวว่าเธอไม่สบาย”
กานติมาดีดตัวลุกจากที่นอน เมื่อครู่คนที่เธอพูดด้วยคือคุณกันต์หรือ แบบนี้เขาจะจับพิรุจเธอได้ไหม
“ไม่สบาย กานต์เจ็บหัว”
“เหรอ ไหนขอฉันดูหน่อย” กันต์พิพัฒน์นั่งลงบนเตียงเอื้อมฝ่าไปแตะที่หน้าผาก ความร้อนที่ได้รับทำเอาแทบชักมือกลับทันที ที่คอก็ร้อนไม่แพ้กัน
“ไปหาหมอไหม”
“ไม่” ถ้าเธอตายไปทุกอย่างก็คงจบ
“ถ้าไม่ไปก็ต้องเช็ดตัว” กันต์พิพัฒน์เว้นวรรค ก่อนขยับกายเข้าหาพูดประโยคชวนใจสั่น “เดี๋ยวฉันเช็ดให้เอง”
ความคิดเห็น