คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : อิทธิพลต่อใจ
“คุณกันต์” ใจหนึ่งอยากเรียนรู้ต่อ แต่อีกใจก็กลัวว่าบทเรียนต่อไปจะเกินหัวใจรับไหว
“ฉันล้อเล่น วันนี้เธอทำได้ดีมาก ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ฉันไม่รีบ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดูราวกับภรรยาเป็นเด็กน้อยและตนนั้นเป็นครู
กันต์พิพัฒน์ลุกจากเตียงไปหยิบกระดาษชำระมาทำความสะอาดนิ้วมือตน และทำในสิ่งที่กานติมาคาดไม่ถึงว่าคนเป็นสามีจะอ่อนโยนกับเธอได้ถึงเพียงนี้
มือหนาพับกระดาษแล้วแตะลงที่กลีบกุหลาบ บรรจงเช็ดน้ำใสที่ไหลเปรอะทั้งด้านในและนอกขาอ่อนโดยไม่มีท่าทีว่ารังเกียจ เช็ดไปยิ้มไปจนกลายเป็นฝ่ายกานติมาเองที่ต้องเบื่อนหน้าหนีหันมองทางอื่น เพราะเขินอายจนหน้าเห่อร้อนแทบระเบิด
“เรียบร้อยแล้ว นอนซะนะเด็กดี” ตบท้ายด้วยการดึงผ้าขึ้นมาห่มให้จนถึงอก
จุ๊บ!
“ฝันดีนะครับ”
ค่ำคืนนี้กานติมาคงไม่ได้ฝันดีตามคำอวยพรของสามี เพราะตอนนี้เธอยังข่มตาให้หลับไม่ได้เลย ทุกสัมผัสยังติดตรึงไปทั่วร่าง ทุกตารางนิ้วของกายที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ และหน้าผากนวลซึ่งเป็นที่สุดท้าย
“ถ้ายังไม่นอน ฉันจะสอนบทต่อไปนะ” เห็นภรรยาขยับตัวยุกยิกไม่ยอมนอน กันต์พิพัฒน์วาดแขนพาดเอวบางรั้งให้ขยับเข้าใกล้ตน ใบหน้าหล่อเหลาวางซุกอยู่ที่ไหล่มนจนหลับไป
“ว้าย…คุณหนู ทำไมสภาพเหมือนซอมบี้แบบนั้นล่ะคะ” บัวแก้วร้องตกใจหลังเห็นสภาพคุณหนูกานต์ที่เดินสะโหลสะเหลกลับมาที่ห้อง
“กานต์นอนไม่หลับเลยทั้งคืน”
“อุ้ย นี่คุณกันต์เธอใช้งานคุณหนูหนักขนาดนั้นเลยรึคะ”
พูดเหมือนสงสารแต่ทำไมพี่บัวแก้วกลับหัวเราะชอบใจแบบนั้นล่ะ แล้วยังจะมาทำวิบวับกรุ้มกริ่มอีก
“เปล่าค่ะ กานต์นอนไม่หลับเอง”
“แหม ก็นอนด้วยกันหลายครั้งแล้ว ยังไม่ชินอีกรึคะ”
ใครจะไปชิน นอนกับคุณกันต์แต่ละครั้งก็มีอะไรแปลกใหม่ให้ได้เรียนรู้และตื่นเต้นตลอด กว่าจะข่มตาหลับได้แต่ละทีก็ปาไปตี 3 ตี 4 โน้น
“พี่บัว กานต์มีเรื่องอยากปรึกษา”
หลังคิดสะระตะอยู่นานว่าเพราะเหตุใดสามีถึงกระทำแบบนั้นกับตน กานติมาผู้อ่อนต่อโลกเลยต้องหาผู้ช่วย เพราะครุ่นคิดมาหลายคืนก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
หญิงสาวตัดสินใจเล่าเรื่องราวระหว่างเธอและผู้เป็นสามี ตั้งแต่เหตุการณ์ในคืนเข้าหอ จนมาบทเรียนแรก และล่าสุดกับบทเรียนเมื่อคืนนี้
“ว้าว ไม่คิดมาก่อนเลยนะคะว่าคุณกันต์จะแซ่บขนาดนี้” แค่ฟังใจบัวก็สั่นแล้ว ไม่อยากคิดเลยว่าคุณหนูที่เจอของจริงจะฟินขนาดไหน
“พี่บัวก็”
“ขอโทษค่ะ บัวก็แค่พูดตามที่ได้ฟัง” ปากขอโทษแต่หน้าพี่บัวนี้ยิ้มจนชวนหมั่นไส้
“แล้วพี่บัวคิดว่ายังไงคะ”
“อืม ถ้าเป็นพี่บัวก็คงคิดว่า คุณกันต์เธอมีใจให้คุณหนูแล้ว”
“จริงหรือคะ ไม่ใช่ว่าเขาเห็นกานต์เป็นที่ระบายอารมณ์นะ”
“ไม่หรอกค่ะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคุณกันต์เธอไม่หยุดแค่นั้นหรอกค่ะ ป่านนี้คุณหนูเป็นภรรยาเธอโดยสมบูรณ์ไปแล้ว”
ดวงหน้าหวานเห่อร้อนเมื่อนึกตามที่พี่บัวพูด ถึงจะไร้เดียงสาหรืออ่อนต่อโลกอย่างไร กานติมาก็รู้ว่าการเป็นภรรยาโดยสมบูรณ์ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งตอนนี้เธอก็ผ่านมาหมดแล้ว ก็จะเหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ
ร่วมรัก…
“พี่บัวคิดแบบนั้นจริงหรือคะ”
“จริงค่ะ ถ้าลองได้ทะนุถนอมขนาดนั้น ถ้าไม่รักไม่ชอบเธอคงไม่ทำ”
“แล้วกานต์ควรทำยังไงต่อ”
“อันนี้คุณหนูคงต้องถามตัวเองแล้วค่ะ แต่บัวขออนุญาตบอกอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ” รอคุณหนูอนุญาตบัวก็พูดประโยคต่อมา “คุณหนูทั้งคู่เป็นสามีภรรยาถูกต้องทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องบนเตียง หรือการดูแลเอาใจใส่ มันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของชีวิตคู่นะคะ ต่อให้ก่อนหน้านี้พวกคุณหนูจะแต่งงานกันเพราะเงื่อนไขอะไรก็ตาม แต่เวลานี้คุณหนูทั้งสองกำลังมีใจให้กัน ในเมื่อมันแบบนี้แล้วทำไมไม่ลองเปิดใจพูดคุยกันดี ๆ ล่ะคะ” บัวเตือนสติเจ้านายสาว
“แต่กานต์เป็นคนบ้านะ กานต์จะไปพูดเปิดอกกับคุณกันต์ได้ยังไง”
นั่นสิ…บัวแก้วลืมข้อนี้ไปเลย
“กานต์ยังไม่อยากให้คุณกันต์รู้” แม้จะเชื่อใจและไว้ใจสามีมากขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอจะปลอดภัยถ้าพูดความจริงออกไป
“ถ้าคุณหนูยังไม่สบายใจ เราเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไปก็ได้ค่ะ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เราค่อยมาคิดเรื่องนี้กัน ไม่แน่นะคะ พอถึงตอนนั้น คนที่เราจะไว้ใจและเชื่อใจได้มากที่สุด อาจเป็นคุณกันต์ก็ได้ค่ะ”
“กานต์ก็หวังให้เป็นแบบนั้น”
เธอคาดหวังอยากที่ปากพูดจริง ถ้าสามีเป็นคนที่ไว้ใจและเชื่อใจได้มากที่สุด เธอก็ไม่ต้องกลัวอะไรหรือใครแล้ว
“เดี๋ยวฉันจะโทรหาเป็นระยะนะ”
กันต์พิพัฒน์บอกภรรยาที่นั่งทานข้าวเช้าด้วยกัน ใจอยากจะทำหน้าที่พาไปหาหมอ เขาจะได้สอบถามอาการและแนวทางการรักษา เพราะเท่าที่ดู ภรรยาเขาอาการดีขึ้นมาก จนหลายครั้งที่ดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง
“โทรหาแล้วจะคุยรู้เรื่องหรือคะ” เป็นทักษอรที่แทรกขึ้นมา เป็นบ้าใบ้แบบนั้นจะมารู้เรื่องอะไร
“บัวก็อยู่ด้วยค่ะ คุณเชอร์รี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” บัวแก้วสวนกลับอย่างสุภาพ
“ไปหาหมอเสร็จแล้ว จะไปที่ไหนต่อหรือเปล่า “กันต์พิพัฒน์หันไปถามบัวแก้ว
“บัวจะพาคุณหนูไปห้างหน่อยค่ะ ของใช้ส่วนตัวหลายอย่างหมดแล้ว”
“งั้นเอานี่ไป” กันต์พิพัฒน์ล้วงกระเป๋าสตางค์ในกางเกงออกมา หยิบแบล็คการ์ดยื่นส่งให้พี่เลี้ยง บัตรใบนี้เขาตั้งใจทำให้ภรรยา
“คุณกันต์ ให้เยอะขนาดนั้นมันจะดีเหรอคะ หนูกานต์เองก็ไม่น่าจะใช้จ่ายอะไรเป็น” อิงอรอิจฉาตาร้อนผ่าว รู้อยู่ว่าบัตรใบนี้มูลค่าสูงแค่ไหน ขนาดเธอในช่วงที่สามียังมีชีวิตอยู่ ยังไม่สามารถทำบัตรใบนี้ได้เพราะมีไม่พอ
“กานต์อาจใช้ไม่เป็น แต่…” กันต์พิพัฒน์หันมาอีกทาง “พี่บัวใช้เป็นใช่ไหมครับ” พร้อมส่งยิ้มให้พี่เลี้ยง
“เป็นค่ะ บัวใช้เป็น บัวจะใช้อย่างประหยัดและจำเป็นเท่านั้น” เธอจะไม่มีวันทำให้คุณหนูกานต์เสียชื่อเด็ดขาด
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ เอาเป็นว่ากานต์เขาอยากได้อะไร ผมฝากพี่บัวจัดการให้ด้วยนะครับ หรือถ้าพี่บัวกับคนในบ้านต้องการอะไรก็ใช้บัตรใบนี้ได้เลย ผมอนุญาต”
นมนุ่มและครอบครัวซาบซึ้งถึงความมีเมตตาของเจ้าหนุ่มเหลือเกิน ในตอนที่คุณพิพัฒน์เสียชีวิตใหม่ ๆ ในใจก็หวั่นกลัวว่าคุณหนูจะทิ้งทุกคนที่นี่แล้วกลับไปอยู่เมืองนอก แต่วันนี้ทุกอย่างประจักษ์ชัดแล้วว่า เธอได้เลือดพ่อมาเต็ม
“แต่เงินเดือนคนพวกนี้ก็มากกว่าบ้านอื่นแล้วนะคะ” ทักษอรแอบรู้มาว่าแต่ละคนในบ้านนี้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าคนรับใช้บ้านอื่นเกือบเท่าตัว แล้วไหนคุณกันต์ยังจะส่งลูกคนเล็กของบ้านอย่างยัยฝ้ายเรียนปริญญาตรีอีก
“ผมเคยบอกแล้วไง ว่าทุกคนที่นี่คือครอบครัวผม และผมคงไม่ปล่อยให้ครอบครัวตัวเองลำบาก”
“คุณกันต์” นมนุ่มน้ำตาไหลจนไหมต้องเข้ามาโอบกอดแม่ ทั้งที่ตัวเธอเองกับน้องสาวก็ตื้นตันไม่แพ้กัน
อิงอรแอบแตะมือดึงสติลูกสาวเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะอ้าปากพูด วันนี้คะแนนของเธอกับลูกเสียไปเยอะแล้ว เอาไว้เล่นงานคนพวกนี้ลับหลังคุณกันต์ก็ยังไม่สาย
“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกันนะครับ” สองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยกับจีนจับมือแสดงความยินดีหลังจรดปากกาเซ็นสัญญาค้าขายระหว่างกันสำเร็จ
“ผมจะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ เป็นการภายใน เพื่อฉลองความสำเร็จของเรา เชิญคุณกันต์กับภรรยาด้วยนะครับ” ประธานบริษัทจินหลงบอกผ่านล่าม
“ขอบคุณครับ ผมกับภรรยาไปร่วมงานแน่นอน”
ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กันต์พิพัฒน์ยกเครดิตครั้งนี้ให้ภาคภูมิ ชายหนุ่มดูแลเรื่องเอกสารไม่มีขาดตกบกพร่อง ถึงจะเสียเปรียบไปบ้าง แต่ละระยะยาวจะเป็นบริษัทเขามากกว่าที่ได้เปรียบ
“วันนี้ผมขอกลับบ้านเร็วหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มบอกเลขาคู่ใจระหว่างทานมื้อเที่ยงร่วมกัน
“งั้นเชอร์รี่ขอกลับด้วยนะคะ”
“แต่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานครับ” ภาคภูมิปราม รู้ว่าอีกฝ่ายมีสัมผัสลึกซึ้งกับเจ้านาย แต่เขาก็มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทเหมือนกัน
“แล้วเชอร์รี่จะกลับยังไงละคะ”
“BTS MRT แท็กซี่ หรือไม่ก็รถเมล์ เลือกเอาสักอย่างสิครับ”
หญิงสาวรู้อยู่ว่าเลขาคุณกันต์เป็นพวกเก้งกวาง แต่ก็ไม่คิดว่าจะปากจัดขนาดนี้ จิกกัดเธอได้ตลอด ไว้เมื่อไหร่เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นภรรยาคุณกันต์แทนกานติมา เธอจะไล่นายภาคภูมินี่ออกเป็นคนแรก
“หรือจะให้ผมไปส่งก็ได้นะ”
“ไม่ต้องค่ะ เชอร์รี่กลับเองได้”
หลังทานอาหารเสร็จกันต์พิพัฒน์แยกตัวออกมากดโทรหาบัวแก้วจนได้รู้ว่ากานติมาได้พบคุณหมอและออกจากโรงพยาบาลแล้ว และตอนนี้พวกเธอกำลังอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
ชายหนุ่มตรงไปยังห้างที่ว่า ไม่ได้ไปส่งได้ไปรับกลับบ้านก็ยังดี และถ้าไปโดยไม่บอกกล่าว คงจะสร้างความประทับให้กับภรรยาไม่มากก็น้อย
“ผมว่าสีนี้เหมาะกับคุณกานต์มากกว่านะ”
“ไม่สวย”
“สวยครับ คนใส่สวย ใส่อะไรก็สวยอยู่แล้ว”
กันต์พิพัฒน์มองธนาธิปที่กำลังหยิบชุดสวยทาบร่างภรรยาเขาแล้วให้คันหัวใจยุบยิบ
ไม่พอใจ…
นั่นคือความรู้สึกที่ตีความออกมาได้ แต่ทำไมถึงไม่พอใจ นั่นแหล่ะปัญหา เพราะชายหนุ่มไม่สามารถหาคำตอบตรงนี้ได้
ทำไมอะไรที่เป็นเรื่องของกานติมาถึงได้มีอิทธิพลต่อหัวใจเขานัก
ความคิดเห็น