คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ไม่ผิดใช่ไหม
มือเรียวลูบไล้จับแท่งร้อนแค่ชั่วครู่ก็ชูชันดีดเด้งขึ้นสู้ใหม่อีกรอบ ขาเรียววาดกว้างจนเห็นเนินเนื้ออย่างจงใจ
“พี่ไม่มีถุง” ถึงจะอยากแต่ก็ยังกังวล
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เชอร์รี่เอาออกทัน”
“ไม่ดีกว่า” ชายหนุ่มรั้งเอวบางไว้ในยามที่เธอพยายามจะกดตัวลง
“พี่กันต์ไม่อยากรึคะ”
อยากสิ ตอนนี้เขาอยากมากจนแทบจะเป็นฝ่ายเดินเกมเอง แต่ต้องไม่ใช่ทักษอร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ลงก่อน” ชายหนุ่มสั่ง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก
“อย่าไปสนใจคนอื่นเลยค่ะ สนใจแค่เชอร์รี่ก็พอ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังอีกครั้ง คราวนี้กันต์พิพัฒน์ยกทักษอรลงจากตักทั้งที่น้องชายเขายืนจ่ออยู่ปากถ้ำงามแล้ว
“แม่ง!เสียอารมณ์ชิบหาย” ทักษอรสบถคำหยาบเบา ๆ ก้มหยิบชั้นในที่นอนกองที่พื้นขึ้นมาสวมอย่างเร็ว หันมองอีกคนก็กำลังจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมใหม่ แต่เธอไม่ทำ เพราะอยากให้คนที่เข้ามาได้เห็น
“เธอออกไปก่อน” กันต์พิพัฒน์บอกหลังจากกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเรียบร้อย “เชิญครับ”
ภาคภูมิเปิดประตูเข้ามาหลังได้รับคำอนุญาตจากเจ้านาย เดินสวนกับหญิงสาวที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้
“สัญญาที่จะเซ็นกับจินหลงวันพรุ่งนี้ครับ”
“ขอบคุณครับ” กันต์พิพัฒน์รับมาอ่านตรวจทานทุกคำที่ปรากฎอยู่ในสัญญาฉบับนี้ แม้จะเสียเปรียบไปบ้างแต่ถ้านึกถึงอนาคต ถือว่าจินหลงจะเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่น่าคบหา
“ทางนั่นขอเปลี่ยนเวลาจากบ่ายโมงเป็นสิบโมงเช้าครับ”
“ผมติดอะไรไหม”
“พรุ่งนี้มีแค่เซ็นสัญญากับจินหลงอย่างเดียวครับ”
“น่าจะทันจะไปรับ”
“คุณกันต์ว่าอะไรนะครับ” ฟังไม่ถนัดเพราะเจ้านายพูดเบาเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า
“ปะ เปล่า งั้นเลื่อนเป็นสิบโมงครับ” เห็นเลขายืนหันหน้าหันหลังเหมือนต้องการจะพูดอะไร “คุณภูมิมีอะไรรึเปล่า”
“คือ …”
หลังได้ฟังภาคภูมิเล่าเรื่องราวที่เขาให้อีกคนไปสืบหาความจริงมา กันต์พิพัฒน์ก็ปวดหัวจนต้องร้องขอยาจากเลขา เรื่องนี้มันหนักหน่วงเกินไป
เริ่มต้นจากความผิดปกติในบัญชีของบริษัทจนต้องจ้างนักสืบเพื่อค้นหาความจริง กลายเป็นว่าตอนนี้กลับมีชื่อใครบ้างคนเข้ามาเกี่ยวข้อง คนที่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะคดโกงบริษัทได้
“พี่กันต์ไหวไหม ให้เชอร์รี่ขับรถให้ดีกว่านะคะ”
ก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็อยากพักเพื่อวันพรุ่งนี้กับจินหลงจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด
คุณกันต์กลับมาแล้วค่ะคุณหนู” บัวแก้วรีบวิ่งรายงานกานติมาที่กำลังช่วยนมนุ่มทำอาหารอยู่ในครัว
“ไปรับสามีเถอะค่ะ” นมนุ่มยิ้มกริ่ม
“กานต์อยู่ช่วยคุณนมดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวบัวช่วยเอง คุณหนูไปรับคุณกันต์เถอะ”
“ติดน้ำดื่มกับผ้าเย็นไปสักผืนนะคะ” ถึงจะกลับมาบ้านร่วม 2 เดือน แต่คุณกันต์ยังปรับตัวให้เข้ากับอากาศไม่ค่อยได้ ยิ่งวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวราวกับจะมีฝนตกด้วย แต่เล็กจนโตคุณกันต์ของนมมักจะปวดหัวเวลาอากาศร้อนแบบนี้
กานติมายิ้มกว้างเปิดตู้เย็นหยิบผ้าหันมารับแก้วน้ำจากพี่บัวแล้วเดินออกมาหาสามีที่ปกติจะนั่งอยู่ห้องรับแขกหลังกลับจากทำงาน
แต่มันไม่ปกติเหมือนทุกวัน เพราะสามีของเธอไม่ได้อยู่ตามลำพัง และกำลังโดนทักษอรทำการบางอย่างที่ดูเหมือนกำลังจูบ
อาการวูบไหวในอกเหมือนตกจากที่สูงเมื่อได้เห็นภาพนั้น กานติมาหันกลับวางแก้วน้ำกับผ้าเย็นไว้ที่โต๊ะทานข้าวก่อนขึ้นห้องนอนไป
“อ้าว ทำไมมาอยู่นี่” บัวแก้วที่ตามมาหมายจะแอบดูคุณหนูเขินแต่ก็เจอผ้าเย็นกับน้ำวางอยู่
พอลอบเดินย่องเงียบเข้าไปแอบดูก็เห็นว่าคุณกันต์กำลังนอนหลับตาโดยมีทักษอรกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้อยู่
‘คุณหนูไปไหน’
เดินตามหาจนทั่วบ้านจนแน่ใจว่าไม่มี บัวแก้วเลยขึ้นไปหาบนห้องนอน
“ทำไมมานอนอยู่นี่ล่ะคะ” เห็นคุณหนูนอนคว่ำหน้ากับหมอนเลยนั่งลงบนเตียงข้างกัน
“อึก พะ พี่บัว”
“คุณหนู!ไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนบอกพี่บัวสิคะ” เห็นคุณหนูร้องไห้สะอึกสะอื้นบัวแก้วตกใจ เมื่อครู่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติเลย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน
กานติมาไม่ตอบโผเข้ากอดพี่เลี้ยงแน่น บัวแก้วไม่เซ้าซี้ยกแขนโอบกอดพร้อมลูบแผ่นหลังบางอย่างเบามือ ปล่อยให้คุณหนูร้องจนพอใจแล้วเราค่อยมาคุยกัน
หลายนาทีผ่านไปจนกานติมาหยุดร้องบัวแก้วถามคำถามที่ตนยังไม่ได้คำตอบอีกครั้ง แต่คุณหนูไม่ยอมตอบเอาแต่ส่ายหน้า สำรวจร่างกายไม่บาดแผลภายนอกให้เจ็บ คงจะเหลือบาดแผลภายในที่เธอไม่สามารถเห็นได้
“คุณหนูไม่ไว้ใจพี่บัวแล้วรึคะ” ถามเท่าไร่คุณหนูก็เอาแต่ส่ายหน้า แล้วแบบนี้เธอจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” พี่บัวเป็นคนที่เธอไว้ใจเสมอ
“แล้วมันแบบไหนคะ”
“คือ กานต์ไม่รู้จะบอกพี่บัวยังไง” เพราะตัวเธอเองยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เพราะอะไร
“ปวดหัวหรือปวดท้องคะ” คุณหนูมักเจ็บป่วยบ่อย ร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ตั้งแต่อุบัติครั้งนั้น
“กานต์สบายดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรค่ะ”
“อ้าว” บัวแก้วจนปัญญา ถ้าไม่ใช่ร่างกายก็คงเป็นจิตใจแล้วล่ะ
“คุณหนูไปเจออะไรมาค่ะ” บัวแก้วเริ่มตงิดในใจ เพราะก่อนหน้าคุณหนูกำลังไปหาคุณกันต์
“…………..” กานติมาไม่ตอบ
“คุณกันต์ใช่ไหมคะ”
“พี่บัวรู้?”
“พี่บัวเห็นค่ะ” แบบนี้คงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่เธอคิดอยู่
“เขาจูบกัน”
“หา!…ตอนไหนคะ” เพราะที่บัวแก้วเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นนะ
“ที่ห้องรับแขก”
หรือเขาจะจูบกันเสร็จแล้วเธอถึงเข้าไปเห็น แต่คุณกันต์ไม่น่าจะทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้นนะ ถึงก่อนแต่งงานเธอจะพาผู้หญิงมานอนไม่ซ้ำหน้า แต่ก็ไม่เคยทำรุ่มร่ามให้ใครเห็น ถึงจะมีเสียงรอดมาบ้างก็เถอะ
“คุณหนูเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ เพราะที่พี่บัวเห็นคุณเชอร์รี่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้คุณกันต์อยู่ ดูเหมือนเธอจะไม่สบาย”
“แต่กานต์เห็น”
“เห็นชัดไหมคะ”
นั่นสิ ภาพที่เธอเห็นเหมือนทักษอรกำลังโน้มตัวเข้าหาคุณกันต์ มุมที่เธอยืนทำให้เห็นแค่นั้น
“มันอาจไม่ใช่อย่างที่คุณหนูคิดก็ได้นะคะ”
กานติมาก้มหน้าคิดตาม เธออาจเข้าใจผิดตามที่บัวแก้วพูดก็เป็นได้
“ว่าแต่…” บัวแก้วเว้นวรรคจนกานติมาต้องเงยหน้ามอง “ทำไมคุณหนูถึงร้องไห้ล่ะคะ” บัวแก้วยิ้มกริ่ม
“กะ ก็…” เอาแล้วสิ เพราะเธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกเสียใจเมื่อคิดไปว่า 2 คนนั่นจูบกัน
“คุณหนูรักคุณกันต์”
“ไม่ใช่นะ!” กานติมาปฏิเสธทันควัน
“คุณหนูคะ คุณหนูเป็นภรรยาของคุณกันต์แล้วนะคะ เป็นภรรยาที่ถูกต้องด้วย แล้วมันจะผิดอะไรล่ะคะถ้าภรรยาจะรักชอบสามีตัวเอง พี่บัวว่ามันจะผิดมากกว่าถ้าคุณหนูไม่รัก”
“มันคือความรักหรือคะ” หญิงสาววัย 22 ที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นคนบ้าตั้งแต่อายุ 17 ไม่เคยคบหาหรือมีแฟนมีคนรักเลย เธอไม่เข้าใจว่าความรักมันเป็นอย่างไร หน้าตาแบบไหน หรือความรู้สึกอะไรที่เรียกว่ารัก
“คนที่ตอบได้ก็คงมีแต่คุณหนูเท่านั้นค่ะ”
“แล้วกานต์ควรทำยังไง” เธอไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
“แต่อีกสามปีเราก็ต้องเลิกกัน”
“ยังเหลือเวลาอยู่นี่ค่ะ พี่บัวว่าคุณหนูใช้ชีวิตให้มีความสุขกับปัจจุบันจะดีกว่า เอาไว้ครบสามปีเมื่อไหร่เราค่อยมาดูกัน”
กานติมาคิดตามคำพี่เลี้ยง มันคงไม่ผิดใช่ไหมที่เธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสถานะภรรยาของคุณกันต์
“แล้วกานต์ต้องทำอะไรบ้างคะ”
บัวแก้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนส่งยิ้มให้คุณหนูคนซื่อ เห็นทีงานนี้เธอคงทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีทีมงาน
“วันนี้คุณกันต์ไม่ลงมาทานข้าวนะ แล้วก็ทำข้าวต้มให้ด้วย เดี๋ยวฉันจะเอาขึ้นไปให้เอง” เริ่มเวลาอาหารเย็น ทักษอรก็สั่งงานไหมทันที
“อ้าว ตากันต์เป็นอะไร” อิงอรถาม
“พี่กันต์ไม่ค่อยสบายน่ะคะ เชอร์รี่เลยต้องดูแล” ปลายประโยคชำเลืองมองเมียบ้าที่นั่งก้มหน้าแล้วให้ฮึกเหิม ทักษอรมั่นใจว่าอีกไม่นานที่นั่งตรงนั้นจะเป็นของเธอ
“นมว่าหน้าที่นี้ควรจะเป็นของคุณหนูกานต์นะคะ” นมนุ่มทนไม่ไหว
“ให้คนบ้าไปดูแลตากันต์มันจะดีหรือนม เกิดทำอะไรผิดพลาดไป จากเบามันจะกลายเป็นหนักนะ มันจะไม่คุ้มเอา”
“เรื่องแค่นี้คุณกานต์เธอทำได้ค่ะ” ไหมช่วยเสริม ถึงคุณกานต์จะไม่ปกติ แต่เรื่องนี้คุณกานต์ทำได้แน่นอน
“เอาอะไรมามั่นใจ คนบ้าก็คือคนบ้า เกิดคลุ้มคลั่งเสียสติขึ้นมาไม่ทำร้ายตากันต์เอารึ” ทักษอรยิ้มเยาะถูกใจคำพูดของแม่
“คุณกานต์เธอไม่ทำร้ายสามีตัวเองหรอกค่ะ” บัวแก้วสวนกลับ ใจอยากจะพูดให้แรงกว่านี้แต่ต้องยั้งปากไว้ อย่างไรทั้งคู่ก็มีศักดิ์เป็นญาติคุณกันต์
“เอาเป็นว่าเรื่องแบบนี้ให้คนเป็นภรรยาเขาทำกว่านะคะ พวกเราก็ถือว่าเป็นคนนอก อย่าเข้าไปยุ่งเลยค่ะ”
นิ่ง ๆ มานอน ๆ แต่นมนุ่มกวาดเรียบ ประโยคเดียวทำเอา 2 แม่ลูกหน้าเสีย ไม่กล้าเถียงต่อเพราะอย่างไรนมนุ่มก็เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ของบ้าน แถมเป็นผู้ใหญ่ที่กันต์พิพัฒน์ให้ความรักและเคารพมาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูอยู่หลายนาที แต่ภายในห้องกลับเงียบไม่ส่งเสียงตอบรับกลับมา เลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
เห็นเจ้าของห้องนอนคว่ำหน้า กานติมาวางถาดใส่ข้าวต้มหมู หันมาเขย่าแขนคนป่วยเบา ๆ
“คุณกันต์”
“อืม” กันต์พิพัฒน์ขยับตัวพลิกกลับมานอนหงาย จนเห็นว่าใครที่ปลุกตน “เธอเหรอ กานติมา”
“ค่ะ กินข้าวกินยา”
“ป้อนฉันหน่อยสิ” ชายหนุ่มยันกายลุกนั่ง กานติมารีบหยิบหมอนมาสอดรองแผ่นหลัง กันต์พิพัฒน์มองกิริยานั้นด้วยความแปลกใจ
มือเรียวคนข้าวต้มในชามระบายความร้อนลงให้พออุ่นจนทานได้ ข้าวต้มคำแล้วคำเล่าถูกตักป้อนให้คนป่วยทาน กันต์พิพัฒน์ไม่เคยรู้สึกว่าอาหารคนป่วยอร่อย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาทานเกือบหมดชามและตามด้วยน้ำกับยา
“นอนเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
ความคิดเห็น