คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมียพ่อ
เมียพ่อ
‘นี่พ่อหน้ามืดถึงขนาดคว้าไม่เลือกแบบนี้เลยหรือครับ’
‘ไอ้กันต์! แกเป็นลูกฉันนะ’
‘ก็เพราะเป็นลูกไงครับ ผมถึงได้อายที่มีพ่อมักมากแบบนี้’
‘มันจะมากไปแล้วนะ แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน!’
‘ถ้าคนเป็นเป็นลูกอย่างผมไม่มีสิทธิ์ แล้วใครกันล่ะครับ ที่มีสิทธิ์ ก็ในเมื่อสิ่งที่พ่อทำมันผิด จะให้ผมทนดูได้ยังไง’
‘การที่ฉันจะมีเมียสักคนมันผิดมากหรือไง’
‘ใช่ครับ มันจะไม่ผิดเลย ถ้าศพแม่ยังไม่ตั้งอยู่ตรงโน้น แล้วมันก็จะไม่ผิดเลยถ้าเมียใหม่พ่อจะอายุมากกว่านี้ ไม่ใช่เด็กอายุ 17 ที่เป็นบ้า’
‘จะวันนี้หรือวันไหนมันต่างกันด้วยเหรอ ในเมื่อแม่แกก็ตายไปแล้ว’
‘ผมไม่อยากเชื่อเลย ว่าคำพูดพวกนี้จะมาจากปากคุณพิพัฒน์คนที่มีภาพลักษณ์สวยหรูว่ารักครอบครัว’
‘แล้ววันนึงแกจะเข้าใจ’
‘ไม่ครับ! ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ผมก็ไม่มีทางเข้าใจกับสิ่งที่พ่อทำ’
“คุณกันต์ครับ”
เสียงเรียกของลุงชุ่ม คนงานเก่าแก่ของบ้านกิตติวรเดชปลุกชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักให้หวนกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
กันต์พิพัฒน์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง หลังเหตุการณ์นั้นผ่านไป 5 ปี ถ้าไม่เพราะเหตุว่าผู้เป็นพ่อเสียชีวิตกะทันหันจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เขาผู้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวคงไม่คิดหวนคืน
นอกจากมรดกมากมายมหาศาลที่พ่อทิ้งไว้ให้แล้ว ยังมีข่าวฉาวโฉให้ได้อับอายขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์และสื่อโซเชียลเป็นสัปดาห์ว่า
‘นายพิพัฒน์นักธุรกิจชื่อดังหัวใจวายคาอกเมียสาว’
กันต์พิพัฒน์อดแปลกใจเสียมิได้ที่ญาติทางฝั่งพ่อไม่คิดจะปิดข่าวคาวนี่เลย แถมยังทำราวกับว่าอยากให้คนในสังคมพิพากษาว่าพ่อเขานั้นมักมากจนตายคาอกภรรยาสาวผู้เป็นบ้าใบ้สติไม่สมประกอบ
“ไปที่วัดเลย” เขาไม่คิดจะกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้น จัดการเรื่องงานศพและพินัยกรรมเสร็จเมื่อไหร่ เขาจะขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วกลับไปอยู่ที่ต่างประเทศตลอดชีวิต
รถหรูราคาหลักสิบล้านเลี้ยวเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าศาลา บรรยากาศภายในงานเศร้าโศกสลดหดหู่ ทว่านั่นไม่ใช่กับกันต์พิพัฒน์ ใช่ว่าตนไม่เสียใจที่เสียบิดาบังเกิดเกล้าไป แต่เพราะหัวใจเขามันด้านชาจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปนานแล้ว และยิ่งนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเคยกระทำไว้ก่อนหน้า มันยิ่งทำให้เขาเศร้าใจไม่ลง
‘ไม่ได้โกรธเกลียด ไม่ได้โศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้ยินดีกับความตายนี้’ นั้นคงเป็นสภาวะที่กันต์พิพัฒน์กำลังเป็นอยู่
“ฉันนึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว”
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมไม่มาคงมีคนแถวนี้ดีใจเก้อ ผมขอตัว”
อิงอรข่มความโกรธไว้ภายใต้ใบหน้าสวยสง่า ก่อนแสร้งปั้นหน้าเศร้าเข้าไปต้อนรับแขกที่มีร่วมงานสวดพระอภิธรรมในคืนนี้
“พวกเราดีใจนะคะที่คุณหนูกลับมา” ไหม ลูกสาวคนโตของป้านุ่ม แม่นมที่เลี้ยงดูกล่าวทักทายก่อนส่งก้านธูปที่จุดไฟแดงฉานให้ เธอพูดด้วยความสัตย์จริง ครอบครัวเธอเฝ้ารอมาเสมอว่าสักวัน คุณหนูของบ้านกิตติวรเดชจะกลับมา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะกลับมาเพราะสถานการณ์แบบนี้
“ทุกคนสบายดีนะครับ” กันต์พิพัฒน์ถามหลังปักธูปลงกระถาง
“สบายดีค่ะ จะมีก็แต่คุณกานต์ รายนั้นตั้งแต่คุณท่านเสีย เธอก็เอาแต่ร้องไห้ข้าวปลาไม่ยอมทาน”
“คนบ้าแบบนั้นรู้เรื่องด้วยหรือครับ”
“ว้าย!...ทำไมคุณกันต์ว่าเธอแบบนั้นล่ะคะ”
ไหมรู้ดีว่าคุณหนูทั้งโกรธและเกลียดคุณกานติมาขนาดไหน คิดว่าเวลาที่ล่วงเลยนานข้ามผ่านหลายปีจะทำให้จิตใจที่แข็งกร้าวดวงนี้อ่อนโยนลงบ้าง แต่เท่าที่เห็น ณ ตอนนี้…
“แล้วนี่…” ชายหนุ่มกวาดตามองหาใครบางคน “เขาอยู่ไหนรึครับ”
“ใครรึคะ”
“ก็แม่เลี้ยงบ้าของผมไงครับ”
‘คุณกันต์ช่างปากคอเราะร้ายนัก’
“คุณกานต์เธอกำลังช่วยงานอยู่ในครัวค่ะ”
“คนบ้าทำงานเป็นด้วยรึครับ” เขานึกขัน ช่วยงานหรือทำตัวเป็นภาระกันแน่
“เห็นเธอเป็นแบบนั้น บทจะรู้เรื่องเธอก็น่ารักไม่เบานะคะ”
‘หึ…’ กันต์พิพัฒน์หัวเราะเบา ๆ ก่อนขอตัวลุกไป
“เสร็จแล้ว”
“สวยจังเลยค่ะคุณกานต์”
“สวย ๆ ”
กานติมาปรบมือเปาะแปะตาวาวมองดอกบัวงามที่ตนพับกลีบสวยแซมต้นเตยหนูกลิ่นหอมด้วยความภาคภูมิใจ อย่างน้อยนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่เธอพอจะทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณอาพิพัฒน์ได้
“คุณกานต์ไปล้างมือก่อนนะคะ เดี๋ยวพระจะลงสวดแล้ว” บัวแก้วบอกกานติมา ก่อนยกถาดใส่ดอกไม้ออกไปที่หน้าศาลา
“ล้างมือ ๆ “ เรื่องเล็กแค่นี้บัวแก้วไว้ใจ ว่าคุณหนูของเธอทำได้
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองยามต้องอยู่ลำพัง เธอรู้ดีว่าวันนี้ไม่มีคุณอาพิพัฒน์ผู้แสนจะใจดีอีกแล้ว คุณอาผู้ชายไปอยู่บนสวรรค์กับคุณอาผู้หญิงแล้ว บัวแก้วบอกเธอแบบนั้น
‘ทำไมคุณอาไม่พาหนูไปด้วย’ กานติมาพูดกับตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนเดินตามมาและได้ยินประโยคที่เธอเพิ่งเอ่ยไป
“นั่นสิ ฉันเองก็นึกแปลกใจที่ทำไมคนที่ตายไม่ใช่เธอ”
กานติมาขนลุกซู่ แค่ได้ยินเสียงความกลัวก็เกาะกินหัวใจดวงน้อยจนมันแทบเต้นไม่ไหว ร่างบางสั่นเทิ้มจนคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังสังเกตเห็น
“หึ…ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่คิดจะฆ่าเธอเหมือนเมื่อก่อนหรอก”
“คะ…คุณกันต์”
“เก่งนี่ ขนาดเป็นบ้ายังจำฉันได้ ว่าแต่…จะยืนหันหลังให้กันอีกนานไหม ไม่มีใครสอนหรือไงว่ามันเสียมารยาท อ่อ…ฉันลืมไป ว่าคนอย่างเธอมันเป็นบ้า ต่อให้สอนยังไงก็คงไม่จำ”
กานติมาเม้มปากแน่น สองมือกำจนเส้นเลือดปูดโปน ไอ้คนปากหมานี่กล้าดียังไงมาหาว่าเธอเป็นบ้า
“กานต์ไม่ได้บ้านะ”
กันต์พิพัฒน์ถอยหลังไปก้าวนึง มองกานติมาที่ยอมหันมาเผชิญหน้ากับตน ดวงหน้าสวยหวานกำลังจ้องเขาเขม็ง ดวงตากลมโตนั่นไร้แววความกลัวเยี่ยงก่อน จมูกสวยได้รูปรั้นเชิดจนน่าบีบให้หักคามือ ยิ่งได้ปากบางกระจับรับเข้ารูปยิ่งส่งให้เจ้าของเรือนร่างระหงดูสวยผุดผ่องเป็นเท่าทวีคูณ
กันต์พิพัฒน์ไม่เคยเห็นคนบ้าที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน…
“อ่ะ…อืม…คนบ้าที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองบ้าล่ะ” แต่เพราะความอยากเอาชนะ กันต์พิพัฒน์เลยลืมตัวมายืนเถียงกับคนที่ตนบอกว่าบ้า
“งั้นคุณกันต์บ้า”
“ฉันไม่ได้บ้า…เห้ย!” ชายหนุ่มหัวเสีย เมื่อนึกได้ว่าโดนคนบ้าย้อนศรเข้าให้
กานติมาไม่อยากอยู่ใกล้คนใจร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบฆ่าเธอด้วยมือของเขาเอง เลยรีบเปิดก๊อกน้ำล้างมือเพื่อจะได้ออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้
“ล้างแค่นั้นมันไม่สะอาดหรอก อย่างเธอมันต้องล้างทั้งตัว”
เพราะความอยากเอาชนะและอยากเอาคืนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นบ้าจากคนที่เป็นบ้าตัวจริง กันต์พิพัฒน์หยิบสายยางที่อยู่ตรงพื้นขึ้นมาเปิดน้ำฉีดใส่ร่างบางที่กำลังยืนหันหลังให้ตน
“ว้าย!...อย่านะ” กานติมาพยายามยื้อยุดสายยางจากมือคนใจร้าย ทว่าความสูงที่ต่างกันโข เธอเลยทำได้เพียงแค่ไขว่คว้าอากาศ
เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ กานติมาเปลี่ยนเป้าหมายมาใช้หม้อที่รองน้ำอยู่ยกสาดโครมใส่กันต์พิพัฒน์จนเปียกโชกไปทั้งตัว
“เห้ย!...ยายบ้านี่ ทำอะไรของเธอห่ะ”
แค่นี้ยังไม่หนำใจกานติมาหรอก อยากมาว่าเธอดีนักเปียกแค่นี้ยังน้อยไป หม้อที่อยู่ในมือเปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายเขกโปกลงบนหัวชายหนุ่มอย่างแรง
“เจ็บนะโว้ย!...” กันต์พิพัฒน์วางสายยางในมือ กุมหัวที่เริ่มปูดโปนเป็นลูกมะนาว
กานติมาเห็นช่องทางเอาตัวรอดรีบถลาหมายวิ่งออกจากตรงนี้ ขืนอยู่ต่อเธอได้โดนคุณชายตระกูลกิตติวรเดชบีบคอตายแน่
อนิจจา…ช่วงขาที่สั้นรวมกับชุดกระโปรงยาวสวยที่เปียกจนแนบเนื้อทำให้กานติมาหนีไม่พ้น โดนกันต์พิพัฒน์กระโจนรวบตัวไว้ในอ้อมแขน
“ปล่อย!...” หญิงสาวตะโกนร้องขออิสรภาพ
“ทำกันขนาดนี้ คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรือไง” กันต์พิพัฒน์เพิ่มแรงรัดวงแขนให้แน่นขึ้น จนกานติมาเริ่มหายใจไม่ออก
“ชะ…ช่วยด้วย!”
เธอรวมพลังเฮือกสุดท้ายตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ คิดว่าใครสักคนที่อยู่ใกล้น่าจะได้ยิน
“ว้าย!...คุณกันต์ทำอะไรคุณกานต์คะ”
เป็นบัวแก้วที่เข้ามาได้ทันท่วงที เธอชะเง้อมองหาเจ้านายสาวอยู่นานสองนาน ก่อนตัดสินใจเดินกลับมาดู แล้วภาพที่เธอเห็นก็เล่นเอาใจหายวาบ
กันต์พิพัฒน์ยอมปล่อยกานติมาจากอ้อมแขน แม้จะนึกเสียดายสัมผัสนุ่มนิ่มนั้น แต่เขาก็ไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะมากอดคนบ้าต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะกับเด็กในบ้าน
“คุณกันต์ทำร้ายกานต์” กานติมารีบฟ้องพี่เลี้ยง ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำใส ถ้าพี่บัวแก้วมาช้ากว่านี้เธอคงตายด้วยน้ำมือของลูกชายผู้มีพระคุณไปแล้ว
“คุณกานต์ของพี่บัวก็ทำร้ายผมเหมือนกัน หัวผมเกือบแตก”
บัวแก้วนึกขันในใจ โตจนเป็นหนุ่มหล่อแล้ว แต่คุณกันต์ยังไม่ทิ้งนิสัยเด็กเลย แล้วอะไรคือการยืนฟ้องตนว่าโดนคุณกานต์ที่มีสติไม่สมประกอบทำร้ายร่างกายตน
“ก็แล้วคุณกันต์ไปทำอะไรเธอก่อนล่ะคะ ถึงได้โดนทำร้าย” บัวแก้วมั่นใจว่าคนอย่างคุณกานต์ไม่มีทางไปทำร้ายใครก่อนแน่
กันต์พิพัฒน์อ้ำอึ้ง จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าสิ่งที่พี่บัวแก้วพูดคือความจริง เป็นเขาเองที่เข้ามาหาเรื่องกานติมาก่อนแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายคือคนบ้า
“ว้าย!...คุณหนู ทำไมเปียกปอนกันแบบนั้นล่ะคะ” ไหมที่มาตามหากันต์พิพัฒน์ตามคำสั่งคุณอิงอรเข้ามาช่วยชีวิตเขาได้ทัน
“คุณกานต์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้านายหนุ่มของตนคือตัวต้นเหตุ ไหมรีบเข้ามาดูคุณหนูกานต์ที่กำลังยืนตัวสั่นงันงกเป็นลูกนกตกน้ำ
“ไม่ไหวจริง ๆ คุณกันต์เนี่ย จะจงเกลียดจงชังคุณกานต์ไปถึงไหน” ตั้งแต่อยู่รับใช้คุณหนูมา บัวแก้วก็เห็นมาตลอดว่าอีกฝ่ายใจร้ายใจดำกับเจ้านายตนขนาดไหน ทั้งที่คุณกานต์ไม่เคยทำอะไรคุณหนูกันต์เลย
หรือเพียงเพราะเธอเป็นเมียพ่อ
********************
ฝากนิยายเรื่องลาสุดของไร้ท์ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น