NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาบ้าของคุณกันต์

    ลำดับตอนที่ #1 : เมียพ่อ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 67


    เมียพ่อ

              ‘นี่พ่อหน้ามืดถึงขนาดคว้าไม่เลือกแบบนี้เลยหรือครับ’

              ‘ไอ้กันต์! แกเป็นลูกฉันนะ’

              ‘ก็เพราะเป็นลูกไงครับ ผมถึงได้อายที่มีพ่อมักมากแบบนี้’

              ‘มันจะมากไปแล้วนะ แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน!’

              ‘ถ้าคนเป็นเป็นลูกอย่างผมไม่มีสิทธิ์ แล้วใครกันล่ะครับ ที่มีสิทธิ์ ก็ในเมื่อสิ่งที่พ่อทำมันผิด จะให้ผมทนดูได้ยังไง’

              ‘การที่ฉันจะมีเมียสักคนมันผิดมากหรือไง’

              ‘ใช่ครับ มันจะไม่ผิดเลย ถ้าศพแม่ยังไม่ตั้งอยู่ตรงโน้น แล้วมันก็จะไม่ผิดเลยถ้าเมียใหม่พ่อจะอายุมากกว่านี้ ไม่ใช่เด็กอายุ 17 ที่เป็นบ้า’

              ‘จะวันนี้หรือวันไหนมันต่างกันด้วยเหรอ ในเมื่อแม่แกก็ตายไปแล้ว’

              ‘ผมไม่อยากเชื่อเลย ว่าคำพูดพวกนี้จะมาจากปากคุณพิพัฒน์คนที่มีภาพลักษณ์สวยหรูว่ารักครอบครัว’

              ‘แล้ววันนึงแกจะเข้าใจ’

              ‘ไม่ครับ! ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ผมก็ไม่มีทางเข้าใจกับสิ่งที่พ่อทำ’

     

              “คุณกันต์ครับ”

              เสียงเรียกของลุงชุ่ม คนงานเก่าแก่ของบ้านกิตติวรเดชปลุกชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักให้หวนกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน

              กันต์พิพัฒน์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง หลังเหตุการณ์นั้นผ่านไป 5 ปี ถ้าไม่เพราะเหตุว่าผู้เป็นพ่อเสียชีวิตกะทันหันจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เขาผู้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวคงไม่คิดหวนคืน

              นอกจากมรดกมากมายมหาศาลที่พ่อทิ้งไว้ให้แล้ว ยังมีข่าวฉาวโฉให้ได้อับอายขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์และสื่อโซเชียลเป็นสัปดาห์ว่า

              ‘นายพิพัฒน์นักธุรกิจชื่อดังหัวใจวายคาอกเมียสาว’

              กันต์พิพัฒน์อดแปลกใจเสียมิได้ที่ญาติทางฝั่งพ่อไม่คิดจะปิดข่าวคาวนี่เลย แถมยังทำราวกับว่าอยากให้คนในสังคมพิพากษาว่าพ่อเขานั้นมักมากจนตายคาอกภรรยาสาวผู้เป็นบ้าใบ้สติไม่สมประกอบ

              “ไปที่วัดเลย” เขาไม่คิดจะกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้น จัดการเรื่องงานศพและพินัยกรรมเสร็จเมื่อไหร่ เขาจะขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วกลับไปอยู่ที่ต่างประเทศตลอดชีวิต

              รถหรูราคาหลักสิบล้านเลี้ยวเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าศาลา บรรยากาศภายในงานเศร้าโศกสลดหดหู่ ทว่านั่นไม่ใช่กับกันต์พิพัฒน์ ใช่ว่าตนไม่เสียใจที่เสียบิดาบังเกิดเกล้าไป แต่เพราะหัวใจเขามันด้านชาจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปนานแล้ว และยิ่งนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเคยกระทำไว้ก่อนหน้า มันยิ่งทำให้เขาเศร้าใจไม่ลง

              ‘ไม่ได้โกรธเกลียด ไม่ได้โศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้ยินดีกับความตายนี้’ นั้นคงเป็นสภาวะที่กันต์พิพัฒน์กำลังเป็นอยู่

              “ฉันนึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว”

              “ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมไม่มาคงมีคนแถวนี้ดีใจเก้อ ผมขอตัว”

              อิงอรข่มความโกรธไว้ภายใต้ใบหน้าสวยสง่า ก่อนแสร้งปั้นหน้าเศร้าเข้าไปต้อนรับแขกที่มีร่วมงานสวดพระอภิธรรมในคืนนี้

              “พวกเราดีใจนะคะที่คุณหนูกลับมา” ไหม ลูกสาวคนโตของป้านุ่ม แม่นมที่เลี้ยงดูกล่าวทักทายก่อนส่งก้านธูปที่จุดไฟแดงฉานให้ เธอพูดด้วยความสัตย์จริง ครอบครัวเธอเฝ้ารอมาเสมอว่าสักวัน คุณหนูของบ้านกิตติวรเดชจะกลับมา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะกลับมาเพราะสถานการณ์แบบนี้

              “ทุกคนสบายดีนะครับ” กันต์พิพัฒน์ถามหลังปักธูปลงกระถาง

              “สบายดีค่ะ จะมีก็แต่คุณกานต์ รายนั้นตั้งแต่คุณท่านเสีย เธอก็เอาแต่ร้องไห้ข้าวปลาไม่ยอมทาน”

              “คนบ้าแบบนั้นรู้เรื่องด้วยหรือครับ”

              “ว้าย!...ทำไมคุณกันต์ว่าเธอแบบนั้นล่ะคะ”

              ไหมรู้ดีว่าคุณหนูทั้งโกรธและเกลียดคุณกานติมาขนาดไหน คิดว่าเวลาที่ล่วงเลยนานข้ามผ่านหลายปีจะทำให้จิตใจที่แข็งกร้าวดวงนี้อ่อนโยนลงบ้าง แต่เท่าที่เห็น ณ ตอนนี้…

              “แล้วนี่…” ชายหนุ่มกวาดตามองหาใครบางคน “เขาอยู่ไหนรึครับ”

              “ใครรึคะ”

              “ก็แม่เลี้ยงบ้าของผมไงครับ”

              ‘คุณกันต์ช่างปากคอเราะร้ายนัก’

              “คุณกานต์เธอกำลังช่วยงานอยู่ในครัวค่ะ”

              “คนบ้าทำงานเป็นด้วยรึครับ” เขานึกขัน ช่วยงานหรือทำตัวเป็นภาระกันแน่

              “เห็นเธอเป็นแบบนั้น บทจะรู้เรื่องเธอก็น่ารักไม่เบานะคะ” 

              ‘หึ…’ กันต์พิพัฒน์หัวเราะเบา ๆ ก่อนขอตัวลุกไป

     

              “เสร็จแล้ว” 

              “สวยจังเลยค่ะคุณกานต์”

              “สวย ๆ ”

              กานติมาปรบมือเปาะแปะตาวาวมองดอกบัวงามที่ตนพับกลีบสวยแซมต้นเตยหนูกลิ่นหอมด้วยความภาคภูมิใจ อย่างน้อยนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่เธอพอจะทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณอาพิพัฒน์ได้

              “คุณกานต์ไปล้างมือก่อนนะคะ เดี๋ยวพระจะลงสวดแล้ว” บัวแก้วบอกกานติมา ก่อนยกถาดใส่ดอกไม้ออกไปที่หน้าศาลา

              “ล้างมือ ๆ “ เรื่องเล็กแค่นี้บัวแก้วไว้ใจ ว่าคุณหนูของเธอทำได้ 

              ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองยามต้องอยู่ลำพัง เธอรู้ดีว่าวันนี้ไม่มีคุณอาพิพัฒน์ผู้แสนจะใจดีอีกแล้ว คุณอาผู้ชายไปอยู่บนสวรรค์กับคุณอาผู้หญิงแล้ว บัวแก้วบอกเธอแบบนั้น

              ‘ทำไมคุณอาไม่พาหนูไปด้วย’ กานติมาพูดกับตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนเดินตามมาและได้ยินประโยคที่เธอเพิ่งเอ่ยไป

              “นั่นสิ ฉันเองก็นึกแปลกใจที่ทำไมคนที่ตายไม่ใช่เธอ”

              กานติมาขนลุกซู่ แค่ได้ยินเสียงความกลัวก็เกาะกินหัวใจดวงน้อยจนมันแทบเต้นไม่ไหว ร่างบางสั่นเทิ้มจนคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังสังเกตเห็น

              “หึ…ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่คิดจะฆ่าเธอเหมือนเมื่อก่อนหรอก”

              “คะ…คุณกันต์”

              “เก่งนี่ ขนาดเป็นบ้ายังจำฉันได้ ว่าแต่…จะยืนหันหลังให้กันอีกนานไหม ไม่มีใครสอนหรือไงว่ามันเสียมารยาท อ่อ…ฉันลืมไป ว่าคนอย่างเธอมันเป็นบ้า ต่อให้สอนยังไงก็คงไม่จำ”

              กานติมาเม้มปากแน่น สองมือกำจนเส้นเลือดปูดโปน ไอ้คนปากหมานี่กล้าดียังไงมาหาว่าเธอเป็นบ้า

              “กานต์ไม่ได้บ้านะ” 

              กันต์พิพัฒน์ถอยหลังไปก้าวนึง มองกานติมาที่ยอมหันมาเผชิญหน้ากับตน ดวงหน้าสวยหวานกำลังจ้องเขาเขม็ง ดวงตากลมโตนั่นไร้แววความกลัวเยี่ยงก่อน จมูกสวยได้รูปรั้นเชิดจนน่าบีบให้หักคามือ ยิ่งได้ปากบางกระจับรับเข้ารูปยิ่งส่งให้เจ้าของเรือนร่างระหงดูสวยผุดผ่องเป็นเท่าทวีคูณ

              กันต์พิพัฒน์ไม่เคยเห็นคนบ้าที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน…

              “อ่ะ…อืม…คนบ้าที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองบ้าล่ะ” แต่เพราะความอยากเอาชนะ กันต์พิพัฒน์เลยลืมตัวมายืนเถียงกับคนที่ตนบอกว่าบ้า

              “งั้นคุณกันต์บ้า”

              “ฉันไม่ได้บ้า…เห้ย!” ชายหนุ่มหัวเสีย เมื่อนึกได้ว่าโดนคนบ้าย้อนศรเข้าให้

              กานติมาไม่อยากอยู่ใกล้คนใจร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบฆ่าเธอด้วยมือของเขาเอง เลยรีบเปิดก๊อกน้ำล้างมือเพื่อจะได้ออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้

              “ล้างแค่นั้นมันไม่สะอาดหรอก อย่างเธอมันต้องล้างทั้งตัว”

              เพราะความอยากเอาชนะและอยากเอาคืนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นบ้าจากคนที่เป็นบ้าตัวจริง กันต์พิพัฒน์หยิบสายยางที่อยู่ตรงพื้นขึ้นมาเปิดน้ำฉีดใส่ร่างบางที่กำลังยืนหันหลังให้ตน

              “ว้าย!...อย่านะ” กานติมาพยายามยื้อยุดสายยางจากมือคนใจร้าย ทว่าความสูงที่ต่างกันโข เธอเลยทำได้เพียงแค่ไขว่คว้าอากาศ

              เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ กานติมาเปลี่ยนเป้าหมายมาใช้หม้อที่รองน้ำอยู่ยกสาดโครมใส่กันต์พิพัฒน์จนเปียกโชกไปทั้งตัว

              “เห้ย!...ยายบ้านี่ ทำอะไรของเธอห่ะ” 

              แค่นี้ยังไม่หนำใจกานติมาหรอก อยากมาว่าเธอดีนักเปียกแค่นี้ยังน้อยไป หม้อที่อยู่ในมือเปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายเขกโปกลงบนหัวชายหนุ่มอย่างแรง 

              “เจ็บนะโว้ย!...” กันต์พิพัฒน์วางสายยางในมือ กุมหัวที่เริ่มปูดโปนเป็นลูกมะนาว

              กานติมาเห็นช่องทางเอาตัวรอดรีบถลาหมายวิ่งออกจากตรงนี้ ขืนอยู่ต่อเธอได้โดนคุณชายตระกูลกิตติวรเดชบีบคอตายแน่

              อนิจจา…ช่วงขาที่สั้นรวมกับชุดกระโปรงยาวสวยที่เปียกจนแนบเนื้อทำให้กานติมาหนีไม่พ้น โดนกันต์พิพัฒน์กระโจนรวบตัวไว้ในอ้อมแขน

              “ปล่อย!...” หญิงสาวตะโกนร้องขออิสรภาพ

              “ทำกันขนาดนี้ คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรือไง” กันต์พิพัฒน์เพิ่มแรงรัดวงแขนให้แน่นขึ้น จนกานติมาเริ่มหายใจไม่ออก

              “ชะ…ช่วยด้วย!”

              เธอรวมพลังเฮือกสุดท้ายตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ คิดว่าใครสักคนที่อยู่ใกล้น่าจะได้ยิน

              “ว้าย!...คุณกันต์ทำอะไรคุณกานต์คะ”

              เป็นบัวแก้วที่เข้ามาได้ทันท่วงที เธอชะเง้อมองหาเจ้านายสาวอยู่นานสองนาน ก่อนตัดสินใจเดินกลับมาดู แล้วภาพที่เธอเห็นก็เล่นเอาใจหายวาบ 

              กันต์พิพัฒน์ยอมปล่อยกานติมาจากอ้อมแขน แม้จะนึกเสียดายสัมผัสนุ่มนิ่มนั้น แต่เขาก็ไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะมากอดคนบ้าต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะกับเด็กในบ้าน

              “คุณกันต์ทำร้ายกานต์” กานติมารีบฟ้องพี่เลี้ยง ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำใส ถ้าพี่บัวแก้วมาช้ากว่านี้เธอคงตายด้วยน้ำมือของลูกชายผู้มีพระคุณไปแล้ว

              “คุณกานต์ของพี่บัวก็ทำร้ายผมเหมือนกัน หัวผมเกือบแตก” 

              บัวแก้วนึกขันในใจ โตจนเป็นหนุ่มหล่อแล้ว แต่คุณกันต์ยังไม่ทิ้งนิสัยเด็กเลย แล้วอะไรคือการยืนฟ้องตนว่าโดนคุณกานต์ที่มีสติไม่สมประกอบทำร้ายร่างกายตน

              “ก็แล้วคุณกันต์ไปทำอะไรเธอก่อนล่ะคะ ถึงได้โดนทำร้าย” บัวแก้วมั่นใจว่าคนอย่างคุณกานต์ไม่มีทางไปทำร้ายใครก่อนแน่

              กันต์พิพัฒน์อ้ำอึ้ง จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าสิ่งที่พี่บัวแก้วพูดคือความจริง เป็นเขาเองที่เข้ามาหาเรื่องกานติมาก่อนแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายคือคนบ้า

              “ว้าย!...คุณหนู ทำไมเปียกปอนกันแบบนั้นล่ะคะ” ไหมที่มาตามหากันต์พิพัฒน์ตามคำสั่งคุณอิงอรเข้ามาช่วยชีวิตเขาได้ทัน 

              “คุณกานต์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้านายหนุ่มของตนคือตัวต้นเหตุ ไหมรีบเข้ามาดูคุณหนูกานต์ที่กำลังยืนตัวสั่นงันงกเป็นลูกนกตกน้ำ

              “ไม่ไหวจริง ๆ คุณกันต์เนี่ย จะจงเกลียดจงชังคุณกานต์ไปถึงไหน” ตั้งแต่อยู่รับใช้คุณหนูมา บัวแก้วก็เห็นมาตลอดว่าอีกฝ่ายใจร้ายใจดำกับเจ้านายตนขนาดไหน ทั้งที่คุณกานต์ไม่เคยทำอะไรคุณหนูกันต์เลย

              หรือเพียงเพราะเธอเป็นเมียพ่อ

     

    ********************

    ฝากนิยายเรื่องลาสุดของไร้ท์ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×