ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ] [Y] Heavenly Love [Fanfic]

    ลำดับตอนที่ #10 : :: Learn ::

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 52


    ตอนนี้ ยาวที่สุดเท่าที่เคยมาเลย

    เม้น ๆ กัยบ้างเถอะนะคะ ไม่ได้บังคับเลยนะแต่ขอร้อง

    ไอ้แนวที่ว่า ไม่ถึง XX เม้นจะไม่ลงต่อ รับรองไม่มีแน่ค่ะ

    ========================================================================

    “ถึงห้องซะทีเนาะ~” ยูชอนเอ่ยเสียงยาวด้วยความเพลีย ก่อนจะจับทุกคนไปแยกย้ายกันทำความสะอาดตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วพากลับมาที่ห้องอีกครั้ง
     
    ^^??แต่ความเหนื่อยของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้รับรอยยิ้มปนงง จากคนตัวเล็กผมสีน้ำที่เดินตามมาต้อย ๆ ดวงตาที่ตี่นิดๆ อยู่แล้ว พอยิ้มเลยยิ่งตี่เข้าไปใหญ่จนใกล้จะปิด แต่ก็ยังร่าเริงพยามเดินตามเขาหยิบโน่นหยิบนี่ (ที่เหลืออยู่และพอจะกินได้ ?) ยูชอนมองอย่างชอบใจก่อนหยิบข้าวปั้นที่แวะซื้อระหว่างทางใส่เข้าปากไป ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ร่างเล็กเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่องน่าหยิก
     
    แตกต่างจากอีกคนหนึ่ง ที่แม้จะเดินมาด้วยกันเงียบ ๆ เหมือนกัน กลับแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้ดีใจเลยสักนิด เหมือนเป็นแค่ตุ๊กตาเดินตามไปตามมาเท่านั้น ดวงตากลมใสทอดมองไปยังประตูตลอดเวลาตั้งแน่นั่งลงที่พื้นห้องโดยไม่คิดจะขยับตัวไปไหนอีก ยูชอนหยิบยื่นข้าวปั้นไปให้บ้าง เจ้าตัวก็รับมาถือไว้อย่างไม่ใส่ใจ เอาแต่จ้องประตูนั้นไม่วางตา
     
    “แจจุง กินก่อนเลยก็ได้ กินน่ะ อ้ามมมม~” ยูชอนพยามชักชวนให้ร่างบางกินข้าวปั้น พร้อมทั้งย้ำคำว่า กิน แล้วทำท่าอ้าปากกว้างก่อนงับลมแล้วเคี้ยวหงับให้ดู แต่ร่างบางก็ยังเอาแต่เงียบ
     
    “กินนน อ้ามมมม~” จุนซูผู้ซึ่งตามยูชอนตลอดเวลา (จะเป็นปลิงแทนโลมาแล้วเหรอ?) เห็นดังนั้นก็อ้ามข้าวปั้นชิ้นที่เหลืออยู่ในมือยูชอนเข้าไปทั้งชิ้นแล้วทำตาใสปิ๊ง ๆ อย่างพอใจ ก็มันหิวนี่นา...
     
    “จุนซู กินหมดแล้วทีนี้จะยุนโฮจะกินอ่ะไรล่ะเนี่ย ซื้อมาพอดีแค่คนละชิ้นนะ!!ยูชอนดุร่างเล็กที่ได้แต่ทำหน้างงอย่างไรเดียงสาสุด ๆ เช่นเคย จนในที่สุดเขาเองนั่นแหละเป็นฝ่ายที่ต้องยอม ตามภาษิตที่ว่า คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด - -‘ (หรอออจ๊ะอิไก่ ?)
     
    “ยุน...” เสียงของร่างบางที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่นานดังขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นร่างกายกำยำสีแทนเปียกปอนไปด้วยเหงื่อและคราบสกปรกมอมแมมเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนทิ้งตัวลงนอนบนพื้นเปลือยเปล่าของห้องอย่างรวดเร็ว
     
    “โทรมอย่างงี้แปลว่าได้งานแล้วดิพี่”
     
    “แม่นแล้วไอ้น้อง”
     
    “เป็นงานยังไงเนี่ย รับแค่วันนี้วันเดียวหรือทำทุกวัน”
     
    “ก็ทำงานที่ร้านเหล้าน่ะ พอดีเขารับสมัครเด็กเสิร์ฟ ยังไงก็ได้ทำตั้งอาทิตย์ละสี่วันก็สบายเลยล่ะน่า รับเงินรายวันด้วย”
     
    “ดีจัง แต่ว่าพี่ จะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวผมไปซื้อให้ พอดีของพี่โดยจุนซูงาบไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” ยูชอนไม่พูดเปล่า พยามตอบแทนพี่ (สุดที่รัก) อย่างเต็มที่ แต่ไม่วายแบมือขอเงินทันทีที่ได้ยินว่ารับเงินรายวัน
     
    “เออช่างเถอะไม่ต้องไปหรอก เหนื่อย... ว่าจะนอนเลย” ยุนโฮว่าก่อนพลิกตัวหันหลังซ่อนอาการหิวสุด ๆ ของตัวเองไว้ ก็เงินของวันนี้น่ะยังไม่ได้รับมาเพราะว่าเขาให้เริ่มงานพรุ่งนี้ แต่ดันเจอลูกสวยเจ้าของร้านตื้อไว้ให้ช่วยซะได้
     
    “แน่เหรอ กินอะไรรองท้องหน่อยน่า”
     
    “ก็มันหมดแล้วไม่ใช่รึไง” ยุนโวยวายกลบเสียงท้องร้อง
     
    “ก็กะลังจะไปซื้อให้อยู่เนี่ย”
     
    “ก็บอกไม่ต้อง มีก็กินไม่มีก็ไม่กิน” ยุนโฮชักจะโมโหใหญ่ โมโหหิวน่ะ เคยเป็นมั๊ยว้ะ ยังจะกวนกันอยู่ได้ น้องหอก
     
    “ยุน... กิน...” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นมาขัดการทะเลาะของสองพี่น้องที่กำลังจะเข้าขั้นแตกหักเรียกความตกใจปนช็อคได้ไม่น้อย ร่างบางเจ้าของเสียงก็คือแจจุงที่นั่งกำข้าวปั้นจนข้อมือขาวซีดอยู่นานแล้วนั่นเอง
     
    “กิน...” ร่างเล็กยังไม่ยอมลดละ ก่อนชะโงกหน้าข้ามตัวยุนโฮมายังอีกฝั่งพร้อมดวงตากลมโตกับใบหน้าหวานที่ขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย ผมสั้นสีดำชี้ไปชี้มาตกลงมาระแก้มสีชมพูทั้งสองข้างที่ขยับเมื่อเข้าพูดซ้ำอีกครั้ง มือที่ถือข้าวปั้นสั่นเล็กน้อยก่อนยื่นไปที่ปากของร่างหนาที่นอนตกใจไม่แพ้กัน
     
    แจจุงพูดได้แล้ว!?!?
     
    กว่าเขาจะคิดได้ว่าประเด็นของเรื่องมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็เล่นเอาร่างบางที่ลงทุนชะโงกมาขมวดคิ้วจนติดกันเป็นปมไปเรียบร้อย สุดท้ายเขาก็เลยยื่นมือไปรับข้าวปั้นนั้นมากัดไปคำหนึ่ง
     
    “”อิ่มแล้ว แจจุงกินที่เหลือเหอะ” ยุนโฮบอกปัด ๆ ขณะส่งข้าวปั้นคืน แต่ร่างบางก็ยังไม่วายสั่นหัวดิก
     
    ถึงแจจุงจะไม่รู้เรื่องแค่ไหนแต่ก็รู้ว่าหมีทั้งตัวกินแค่นี้มันไม่อิ่มเฟ้ย!!!
     
    สุดท้าย ยันโฮจึงต้องจัดการป้อนข้าวปั้นที่เหลือใส่เข้าปากแจจุงนั่นเสียก่อนจะกลับไปนอนต่อ ทิ้งให้แจจุงนั่งตัวตัวค้างอยู่ที่เดิมคนเดียว เพราะเจ้ายูชอนมันได้เริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือไม่สนใจเขา แล้วเริ่มคว้าหนังสือที่ได้มาจากชางมินออกมาอ่านบนที่นอนของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีจุนซูมองอย่างสนใจอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้ว่าจะอ่านไม่ออกก็เถอะ
     
    ในที่สุดยุนโฮก็ทนไม่ได้กับภาพหน้าตาน่ารัก ๆ ของแจจุงขณะที่ก้มลงมามองเขาพร้อมข้าวปั้นในมือสั่น ๆ นั้นไม่ไหว ไม่ว่ายังไงก็ปัดภาพในหัวนี่ออกไปไม่ได้สักที สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจลุกพรวดขึ้นมา
     
    “พี่ไปอาบน้ำหน่อยนะยูชอน” เขาพูดอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วไม่แพ้กันหลังจากลุกมาแล้วยิ่งทำให้เห็นหน้าแจจุงที่ยังนั่งค้างอยู่ที่เดิมใกล้เข้าไปอีก
     
    “เออ อ้าว ผ้าเช็ดตัวก็ไม่เอาไป หลอนแระ - - ” ยูชอนส่ายหน้าอย่างเซ็ง ๆ ก่อนเปิดดิกชันนารีค้นหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เขาไม่เข้าใจต่อไป แล้วมันก็จริงที่ว่า ยุนโฮเดินกลับเข้ามาที่ห้องด้วยเสื้อผ้าแฉะเหงื่อตัวเดิม ก่อนทิ้งตัวลงเบาะอีกครั้งแล้วคลุมโปงหันหลังไป
     
    “นอนล่ะ” ยุนโฮกระชากเสียงแล้วแกล้งหลับอย่างรวดเร็ว ทิ้งไปแจจุงที่ยังนั่งค้างอยู่ข้างที่นอน (แจจ๋าจะค้างไปถึงมะไหร่วะ ?) ทำท่างก ๆ เงิ่น ๆ ก่อนจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยค
     
    “นอนล่ะ” ร่างบางเอ่ยก่อนเบียดตัวเข้าใกล้ยุนโฮเหมือนคืนก่อนโดยไม่ได้ใส่ใจเสื้อผ้าเหม็นโฉ่ (ซกมก) ของยุนโฮเลยแม้แต่น้อย
     
    “จุนซูก็นอนบ้างสิ” ยูชอนเอ่ยเมื่อเห็นจุนสูหาวจนตาปิดพร้อมกับน้ำตาใสเอ่อที่ขอบตา แต่จุนซูก็ส่ายหัวดิก ๆ แล้วทำแก้มป่องเป็นเชิงให้รู้
     
    “ฝันดีนะจุนซู” ยูชอนนึกถึงประโยคแรกที่จุนซูพูดก่อนกดจมูกลงที่แก้มใสอย่างรวดเร็ว
    (แม่เจ้า ต่างจากแจจ๋าสุดโต่ง “นอนล่ะ” ? อิหมีแย่จริง สู้อิไก่ไม่ได้รุยยย === แกเปนไรวร๊ะแต่งเองด่าเอง )
     
    แต่งร่างเล็กก็ยังคงทำแก้มป่องอยู่อย่างนั้น แถมเพิ่มขมวดคิ้วกันจนเป็นโบว์อีกตะหาก ซึ่งก็เรียกร้องความสนใจยูชอนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
     
    สุดท้าย พ่อไก่ของเราก็เลยนึกได้ ว่าแล้วก็ก้มลงใกล้ผิวหน้าใสที่เคยมีสีขาวอมชมพูที่ขึ้นสีเข้มไปถึงหูเรียบร้อย ก่อนประทับริมฝีปากลงไปที่ปากบางแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว เขาจึงได้เห็นรอยยิ้มน่ารัก ๆ ก่อนนอนอีกหนึ่งทีก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดไฟ
     
    “ฝันดีนะมิคกี้ ยูชอน” เสียงหวานสูงเอ่ยเบา ๆ จากความมืด
     
    “อือ...” เสียงหวานครางอย่างไม่พอใจก่อนลุกขึ้นคลำเปะปะไปยังอะไรไม่รู้แข็ง ๆ ที่ชนกับหัวเขาอย่างแรงจนเขาตื่นขึ้นจนพบกับวัตถุสี่เหลี่ยมที่สามารถคลี่ออกเป็นชั้นได้
     
    เขาจำได้ อันนี้ยูชอนเอามาจากคนนั้น คนที่เขาตามยูชอนไปเมื่อกลางวัน แล้วยูชอนก็คุยด้วยตั้งนาน ก่อนที่จะหยิบมันมาแล้วก็กลับมาที่นี่อีก แล้วก็ กิน แล้วยูชอนก็มัวแต่จ้องมันอยู่ตั้งนาน (เริ่มฉลาดนะเนี่ยโลมาน้อย)
     
    แล้วมันคืออะไรล่ะ ??? ทำไมยูชอนต้องจ้องมันด้วยล่ะ ???
     
    คิดไม่คิดเปล่า เจ้าโลมาน้อยคว้าวุตถุชิ้นนั้นแล้วกระเถิบไปทางหน้าต่างที่มีอยู่บานเดียวของห้อง แสงสว่างเลือนรางจากหลอดไปของถนนสาดส่องเข้ามาทำให้พอมองเห็นได้เล็กน้อย เจ้าโลมาจึงมัวแต่สนใจกับเส้นสีดำขยึกขยักในนั้น
     
    “อ๊ะ จุนซู -*- แง่งงงง ” เจ้าของเสียงใสที่ตอนนี้นิ้วอยู่ใต้เข่าของเจ้าโลมาร้องโอดโอยก่อนตั้งท่าจะทำร้ายปลาโลมาน้อย (ของเรา ?) ในทันที
     
    แต่โลมาน้อยก็ยังเป็นโลมาอยู่ดี เมื่อโดนเพื่อนรักโมโหเข้าให้ ไม่รุ้จะทำยังไง จึงได้ส่งเสียงโลมาออกไปงี๊ด ๆ เพื่อเป็นการขอโทด(?) แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจ้องสิ่งของในมืดต่อไปด้วยความสนใจ หน้าหวานที่ถูกปลุกขึ้นมาหมาด ๆ จึงลุกขึ้นมาดูบ้างด้วยความสงสัย จุนซูเห็นดังนั้นจึงคว้าวัตถุสี่เหลี่ยมชนิดเดียวกันที่วางอยู่ข้าง ๆ ยื่นให้ไปทันที
     
    แจจุงรับของสิ่งนั้นมาเปิดด้วยความสนใจก่อนจะติดใจกับภาพสีด้วยในนั้น เปิดไปเปิดมาจนพอใจ จุนซูก็เช่นกัน ถึงแม้สิ่งที่เขาถืออยู่มันจะไม่ค่อยมีภาพสักเท่าไหร่ก็ตามที แสงรอบตัวสว่างขึ้นจนไม่ต้องเพ่งมองอีกต่อไป
     
    โดยที่ทั้งสองไม่ได้สังเกตเลยว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปมากจนชายหนุ่มสองคนที่อยู่ในห้องงัวเงียตื่นขึ้นมาพบกับแสงสว่างสีทองอร่าม
     
    “เช้าแล้วเหรอยุน...โฮ...” ยูชอนขยี้ตาให้ปรับกับแสงสว่างจ้าสีทองที่คิดว่าเป็นแสงอาทิตย์ตอนสายที่จ้ากว่าปกตินิดหน่อย
     
    “...” ยุนโฮไม่ตอบ ได้นั่งอ้าปากค้างจนยูชอนสงสัย
     
    “เฮ้ยไอ้ยุน... เป็นไรวะ สายแล้วรีบแต่งตัวเข้าเด้” น้องชายถามพี่อย่างรำคาญ
     
    “แจจุง !?!? ” ยุนโฮอุทานออกมาด้วยความตกใจ
     
    “จุนซู ?!?!ยูชอนที่เริ่มคิดได้ (ช้าไปมั๊ย) จึงหันไปทางทิศเดียวกันกับพี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์อีกครั้งในรอบสามวัน
     
    แสงสีทองสว่างจ้าอาบไล้ไปรอบห้องเล็ก ๆ เหมือนเมื่อวันแรกที่เขาพบสองคนนี้ไม่มีผิด... ยุนโฮคิด...
     
    เขายังจำได้ดีถึงแสงสีทองที่อบอุ่นและสายลมที่หมุนวนไปรอบ ๆ เหมือนจะช่วยปลอมประโลมและโอบอุ้มเขาในเวลาเดียวกัน และในเวลานี้ สายลมนั้นก็ได้พัดพาความน่าพิศวงให้เกิดขึ้นในห้องเล็กที่สุดแสนจะธรรมดานี้อีกครั้งหนึ่ง และต้นกำเนิดของแสงนั้นก็จะเป็นใครที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก ร่างเล็ก ๆ สองร่างที่เขาตัดสินใจแบกกลับมานั่นเอง
     
    มือเรียวบางยังถือหนังสือไว้แน่นก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะจับจ้องไปยังแผ่นกระดาษที่เปิดอย่างรวดเร็วตามแรงลม ชี้ชวนกันให้อ่านเนื้อหาด้านในก่อนจะหัวเราะคิกคักให้กันและกันอย่างมีความสุข ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
     
    แต่เดี๋ยว อะไรนะ...
     
    อ่าน ???
     
    อ่านหนังสือเหรอ... ก็แจจุงพูดไม่ได้ แล้วจะอ่านได้ยังไงล่ะ ?
     
    “พี่... ว่ามันแปลก ๆ มั้ย เนี่ยนสองครั้งแล้วนะ จำครั้งที่แล้วใช่ป่าวหละที่เจ้าตัวเล็กร้องไห้กันน่ะ ”ว่าแล้วเจ้าน้องชายตัวดีที่ท่าทางจะคิดเหมือนกันกับเขาอยู่จึงกระดึ๊บ ๆ เข้ามาจนใกล้แล้วสะกิดเขาเบา ๆ
     
    “จำได้ดิ- - ทำไม เริ่มรู้สึกไม่อยากให้ที่รักแกอยู่ที่นี่ด้วยแล้วรึไง”ยุนโฮตอบเคือง ๆ
     
    “ไม่มีทาง เอ้ย... ใช่ที่รักซะที่ไหนเล่า”
     
    “ก็เห็นแกสวีทกันออกซะขนาดนั้น ไม่ใช่ที่รักแกก็เปนสามีเค้าละหล่ะ”
     
    “เฮ้ยผมยังไม่ได้มีอะไรกับเค้าซักหน่อย”
     
    “ฮ่า ล้อเล่นว่ะ ไอ้ทะลึ่ง... แต่เออ สองคนนั้นเป็นอะไรไปอีกน่ะ”ยุนโฮถามเมื่อรู้สึกได้ว่างแสงสว่างหายไป และลมอุ่น ๆ ก็หายไปด้วย ยูชอนจึงกระดึ๊บ ๆ ไปดูใกล้ ๆ (แกเปี่ยนจากไก่เป็นหอยไปแล้วเหรอที่รักจ๋า)
     
    “สงสัยหลับไปแล้ว สนิทเลยเนี่ย” ยูชอนพยามเขย่า ๆ ตัวจุนซูแต่ก็ไม่ได้ผล จึงหันไปเขย่าตัวแจจุงบ้างอย่างหวาด ๆ (กลัวแรงหมีหึง) แต่ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน
     
    “เออช่างเหอะงั้นเรานอนต่อ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” หมีโหดส่ายหน้าแล้วมุดเข้าที่นอนไปเช่นเดิม
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×