คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ►Lesson 7 :: เขาปลอบ
.
►Lesson 7
:: เขาปลอบ
‘We should love, not fall in love, because everything that falls, gets broken.’
‘เราควรรักไม่ใช่ตกหลุมรัก เพราะทุกอย่างที่ตก...มันจะแตก’
-Taylor Swift-
เมื่อสายลมแห่งความสุขได้พัดผ่านไปแล้ว...
มรสุมแห่งความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่
01: 21 a.m.
แต่ก ๆ ๆ
เสียงแป้นคีย์บอร์ดยังคงดังระรัวตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนมาถึงตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กนักเรียนควรจะเข้านอนกันได้แล้ว จริง ๆ เวลาที่หัวควรจะไปซุกหมอนและปิดไฟหลับตานอนมันควรเป็นช่วงหัวค่ำต่างหาก แต่พอรู้ตัวอีกมีมันก็เข้าเวลาของวันถัดไปซะแล้ว
นมอุ่น ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้มันคงเย็นชืดเพราะแอร์ในห้องไปซะแล้ว จริง ๆ มันถูกเอามาตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงสี่ทุ่มโดยคุณชายพ่อ พร้อมกับโพสอิทที่แปะไว้ที่ข้างแก้วว่า ‘ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายพ่อไม่ไปส่งนะ แบร่’ แหมะ... เห็นแล้วนึกถึงนางทำสีหน้าแบ๊ว ๆ แล้วมันช่างน่ารักซะเหลือเกิล
แล้ว... ทำไมดึกขนาดนี้คยูฮยอนถึงยังไม่นอนหรอครับ ?
ไม่เห็นจะยากเลย
ทันทีที่ถามไปในแชทไลน์กลุ่มว่าไอที่เขาแจกให้ไปทำ ๆ กันน่ะส่งมาให้ด้วยเพราะคยูฮยอนต้องมานั่งพรูฟและรวมรวบงานอีกที แต่รู้ไหมสิ่งที่ได้คืออะไร ‘ส่งพรุ่งนี้หรอ ?’ ‘ยังไม่ได้ทำเลยอ่ะ!’ ‘ชิบหายแล้ว ทำยังไงอ่ะคยู’ ‘นายส่งมาให้เราตอนไหนหรอ’ ‘เราปิดคอมไปแล้วอ่าคยู T-T’ และอีกมากมายของการคร่ำครวญ
ไอพวกเวร
บอกเลยว่าวินาทีนั่นหงุดหงิดจนแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง (เขาเกือบทำแบบนั้นแล้วนะจริง ) คยูฮยอนสงบสติอารมณ์ก่อนจะชี้แจงรายละเอียดให้ฟังอีกทีว่ามันต้องทำยังไงใครทำอะไรบ้าง แต่รู้อะไรมั้ย แม่งขึ้นอ่านครบทั้งสี่คนแต่มีแค่ ซองมิน เท่านั้นที่ขานรับพร้อมบอกว่าเดี๋ยวตรวจอีกทีแล้วจะส่งให้ แสดงว่าน่าจะทำเสร็จสักพักแล้ว
แล้วอีกสามตัวนี่อะไรของพวกมึง
ส่วนของคยูฮยอนเขาทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ใช่พวกขยันที่จะทำเสร็จตั้งแต่เนิ่น ๆ ยอมรับว่าก็เพิ่งนั่งปั่นเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนกันและก็เพิ่งฟินิชเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เลยลองถามไปในกลุ่มว่าเสร็จกันบ้างหรือยัง แต่ผลคือมันมาตอบกันดึก ๆ พร้อมกับข้อความคร่ำครวญว่ายังไม่ได้แตะ
ซั๊ซ
บางคนก็บอกว่าปิดคอมแล้วพ่อไม่ให้เปิดแล้ว บางคนก็ถามมาจนน่าหงุดหงิดว่ามันทำยังไงจนน่ารำคาญคยูฮยอนไม่ใช่พวกคร้านจะอธิบาย แต่ความไม่เข้าใจนี่มันน่าจะถามออกมาแบบคนไม่รู้ส้นตีนอะไรทั้งนั้นอ่ะ คือน่าหงุดหงิดน่ารำคาญ มีสมองมาเรียนกันได้ยังไง แม่งเอ๊ย
คิดแล้วก็หงุดหงิด ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม คยูฮยอนจำไม่ได้ว่าถอนหายใจสงบสติอารมณ์ไปรอบที่เท่าไหร่ เขาตัดสินใจโทรหารายคนก่อนจะชี้แจงงานให้ฟังอีกรอบนึง และเขาก็ได้รับงานอีกทีตอนเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่ง ซึ่งพอเปิดงานขึ้นมาแล้วมันทุเรศจนคยูฮยอนอยากจุดไฟเผาทิ้ง
( อื้อ... อย่าหงุดหงิดสิ )
“ง่วงก็ไปนอน”
( ไม่เอา )
“งอแง”
( อย่าดุเราสิ หาว... ) คยูฮยอนละลายตาจากแป้นพิมพ์ไปมองคนในจอที่เขาขยับมันไว้อีกมุมของหน้าจอเพื่อไม่ให้เกะกะเวลาทำงาน ใบหน้าที่นอนซุกหมอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยพร้อมตั้งโทรศัพท์ไว้ในมุมที่สามารถมองเห็นหน้าได้ ตอนนี้ดวงตาที่มองมาที่เขาแบบปรือ ๆ นั่นมันทำให้คยูฮยอนรู้สึกเหมือนรังแกลูกหมาตัวโตอยู่เลย
“พรุ่งนี้นายต้องไปโรงเรียนนะ”
( นายก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกัน )
“แต่เรามีงาน”
( แต่เรามีนาย )
“...”
คยูฮยอนละสายตาจากอีกคนที่ตอนนี้สภาพดูไม่ไหวแล้ว ชเวซีวอนในชุดนอนลายทางเหมือนกล้วยหอมจอมซนมันก็ดูน่ารักอยู่หรอกนะ แต่สภาพตาปรือแบบนั้นคยูฮยอนเชื่อว่าแค่ให้ชเวซีวอนหลับตาไปสักสามวิก็คงไปเฝ้าพระอินทร์ได้โดยง่ายเลยล่ะ
โอเค... ยอมรับว่าแอบใจสั่นไปกับประโยคสั้น ๆ ของซีวอนเมื่อกี้เหมือนกัน แต่แค่นิดเดียวนะ... นิดเดียวจริง ๆ
เชื่อดิ
( ยังไม่กินนมที่คุณพ่อเอามาให้อีกหรอ ) เพราะเห็นว่าคยูฮยอนเริ่มเงียบล่ะมั้งชเวซีวอนเลยหาวิธีทำให้ตัวเองไม่ง่วงด้วยการชวนคุย
“มันเย็นหมดแล้ว”
( นายชอบกินอะไรเย็น ๆ ไม่ใช่หรือไง )
“เวลาแบบนี้กินอะไรไม่ลงแล้ว งานยังไม่เสร็จเลย” เบ้ปากใส่กล้องพร้อมกับรัวนิ้วอีกครั้ง
น่าหมั่นไส้ชเวซีวอนก็ยังคงความหล่อของตัวเองไว้ได้อย่างเข้มข้นแม้จะอยู่ในหน้าสดที่ง่วงปรือพร้อมจะหลับเต็มแก่ คยูฮยอนเบ้หน้าใส่กล้องของโทรศัพท์ที่ถูกตั้งไว้ที่มุมโต๊ะเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นหน้า จริง ๆ ก็จะหงายมันขึ้นอยู่หรอก แต่ซีวอนก็โวยวายว่าถ้าไม่เห็นหน้ากันแล้วจะเฟซไทม์ไว้หาพระแสงอะไร
พอไล่ไปนอนก็โดนตอบมาว่า ‘จะอยู่เป็นเพื่อน’ จนคยูฮยอนเพลียใจจะไล่แล้ว
เป็นเวลาสักห้าทุ่มได้ล่ะมั้งที่ซีวอนเฟซไทม์มาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ออกจะดึกไปสักหน่อยคงเพราะวันนี้แขกที่ร้านเยอะซีวอนเลยปิดร้านดึกหน่อย คยูฮยอนแอบเห็นตอนออกไปซ้ำกับข้าวน่ะ ซีวอนอยู่ในชุดเหมือนพวกปาติชิเย่เลย และกำลังแนะนำขนมให้ลูกค้าอยู่อย่างขยันขันแข็ง
ตอนแรกก็เหมือนจะคุยแปปเดียวเพราะเห็นซีวอนล้มตัวลงเตียงเตรียมจะนอนแล้ว คงกะจะนอนพร้อมเขาอีกนั่นแหละ แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่คยูฮยอนรับสายทั้งหน้าเครียดคิ้วขมวดจนซีวอนตกใจไปเลย แถมยังมากวนตีนอีกว่ายักษ์ที่ไหนมารับโทรศัพท์ เหอะ ๆ -_-
นั่งทำงานไปก็บ่นให้อีกฝ่ายฟังไป ซีวอนก็ดีนะ ยอมนั่งฟังเขาบ่นพร้อมตาปรือ ๆ นั่นด้วย จะหลับก็ไม่ยอมหลับ คยูฮยอนแอบเห็นซีวอนซุกหมอบหลับตาพริ้มไปช่วงนึงแต่สักพักก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาแถมยังมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่กล้องพร้อมพุดว่า ‘เผลอหลับไปซะแล้ว’
โหยยย น่ารักตายห่าละ
คยูยอนแคปไว้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง -_- v
“เราพูดจริงนะ นายควรไปนอนได้แล้ว”
( ทำไมชอบไล่เราจัง ที่นายดึงดันจะทำแผลให้เรา เรายังไม่ไล่นายเลย )
“มันไม่เหมือนกัน นายทำให้เรารู้สึกกำลังทรมานเด็กอ่ะ”
( เราโตแล้ว )
“หน้านายตอนนี้ยิ่งกว่าเด็กสามขวบงอแงอยากจะเข้านอน”
( หน้านายตอนนี้ก็เหมือนมนุษย์นักเรียนอดนอนที่กำลังกลายร่างเป็นมนุษย์ป้าในไม่ช้าถ้ายังขี้บ่นไม่เลิก บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไง ) ชเวซีวอนก็เป็นซะแบบนี้
มันเป็นอย่างนี้มาหนึ่งอาทิตย์แล้วหรือเปล่านะ ตั้งแต่ก่อนวันงานเปิดโลกกิจกรรมจนมาถึงวันนี้ที่พวกเขาเฟซไทม์หากันทุกวันไม่ว่าจะแปปเดียวหรือนานจนหลับคาโทรศัพท์ พอมารู้สึกตัวอีกทีเวลาตกดึกก็จะมีชื่อของ คุณชายรักยิ้ม โทรเข้ามาหาเขาซะแล้ว
ตั้งแต่วันที่ซีวอนมาดูเขาร้องเพลงทั้งที่ตอแหลไว้ว่าจะไม่มา ซึ่งคยูฮยอนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ แต่เจ้าตัวกลับไปซุ่มอยู่หลังเสาและเป็นฝ่ายเรียกกำลังใจเขากลับมาซะงั้น แถมพองานเลิกยังอยู่รอกลับบ้านด้วยกันอีกต่างหาก นั่นเป็นเหตุให้คยูฮยอนได้นั่งไอเวสป้าสีดำของซีวอนอีกครั้ง
“งั้นก็รอให้ตลอดรึกัน ถ้าพรุ่งนี้ไปโรงเรียนสาย ตอนสอบเราจะไม่ติวเคมีให้”
( เราไม่ยอมให้ตัวเองไปสายหรอกน่า )
แหม... รีบตอบเชียว สงสัยกลัวสอบตกแหง ๆ
คยูฮยอนกลับไปมีสมาธิกับการพิมพ์งานอีกครั้งจริง ๆ มันก็เหลือไม่เยอะแล้วล่ะ แค่ปรุงแต่งรูปประโยคที่ไอพวกเพื่อนเวรมันก็อปมาจากเน็ตทั้งดุ้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรทั้งนั้น คยูฮยอนคิดว่าถ้าไอพวกนี้มันทำงานเดี่ยวไม่น่าจะรอดอ่ะ
เซ้นซ์การทำงานค่อนข้างจะติดลบ
“ตรงนี้ขนาด16... วรรคตรงนี้...เว้นตรงนี้มา 2 เซนต์... โอเค.. เสร็จแล้วเว่ยยยย” เมื่อตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะรีบกดเซฟย้ำ ๆ ทันที ภารกิจในค่ำคืนนี้ของเขามันได้สำเร็จแล้ว ก็อยากจะลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกบ้านเพื่อจุดพลุฉลอง ถ้าไม่เกรงใจข้างบ้านคยูฮยอนคงทำแบบนั้น
จัดการไรท์งานลงแผ่นซีดีและปิดคอมให้เรียบร้อยและเช็คแผ่นงานอีกรอบนึง ในระหว่างนั้นก็ส่งเสียงไปหาอีกฝ่ายที่ดูจะเงียบไปเสียนาน
“นี่.. เราทำงานเสร็จแล้วนะ นายไปนอน... อ่าว”
( .... )
โถ่... พ่อคุณ
ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนไงว่ะ
คยูฮยอนยิ้มกับภาพในจอโทรศัพท์ของเขา มันเป็นภาพที่ชเวซีวอนนอนหลับตาพริ้มกอดหมอนข้างไว้แน่นทั้งที่หน้ายังหันให้จออยู่เลย จินตนาการท่านอนของซีวอนตอนนี้คงเป็นท่าเอาขาก่ายหมอนข้างแน่ ๆ ไม่รอช้า คนนอนดึกเพราะติดงานรีบแคปภาพคนที่บอกจะอยู่เป็นเพื่อนรัว ๆ เอาไว้ส่งไลน์ให้ไปล้อเลียน
อืม... จะเรียกว่าล้อเลียนได้หรือเปล่า
ก็ภาพมันโคตรน่ารักเลยนี่หว่า
“ฝันดีนะ ขอบคุณมากคุณชายรักยิ้ม” บอกไปเบา ๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงและเสียบสายชาร์จโดยยังไม่ปิดแอพฯคุยแบบเห็นหน้าที่เรียกว่าเฟซไทม์ คยูฮยอนคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตไปแล้วที่อยากจะนอนโดยมองหน้าชเวซีวอนตอนหลับไปด้วย
อ่า... เขาคงบ้าไปแล้วจริง ๆ
ไม่นานนัก... เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสัญญาณบอกให้คนแกล้งหลับควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว ... ร่างสูงในจอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพื่อเช็คว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วหรือยังก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเพื่อนตัวขาวตอนนี้หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้าไปเสียแล้ว แถมยังลืมถอดแว่นออกอีกต่างหาก
( คุณชายรักยิ้มงั้นหรอ ... )
“....ฟี้....”
( ฝันดีเหมือนกันนะ คยูฮยอนนา )
.
.
คยูฮยอนรู้สึกตัวเองกำลังกลายเป็นซอมบี้
ใกล้แล้วครับ ใกล้แล้ว...
แฮ่ก ๆ ๆ
วิ่งดิเอ๋วิ่งงงงงงง
คยูฮยอนใส่เกียร์หมาทันทีที่ลงจากรถของคุณชายพ่อที่มาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน ซึ่งมันบัดซบตรงที่โรงเรียนเขาต้องข้ามถึงสองสะพานลอยกว่าจะถึง เพราะฉะนั้นตอนนี้ในหัวไม่มีอารมณ์จะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียนไปกินในวิชาชีวะคาบแรกหรืออะไรทั้งนั้น แค่ไปให้ทันก็เพียงพอ
จริง ๆ คยูฮยอนเลิกไปนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียนกับพวกทงเฮและฮยอกแจได้ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายแล้วล่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณนายแม่ตัดขาดเรื่องการให้เงินเพิ่มสำหรับค่ารถตอนเช้าไปแล้วและให้บริหารเงินที่จะได้เป็นรายอาทิตย์เอาเอง คยูฮยอนเลยต้องเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับอีทงเฮในตอนเช้าไปโดยปริยายโดยที่ให้คุณชายพ่อมาส่งที่โรงเรียนแทนโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าจะอาสาดูแลต้นบอนไซสุดที่รักให้เอง(ตอแหลไปก่อน) เพราะฉะนั้นตอนทงเฮมาชวนเรียนพิเศษเลิกสามทุ่มคยูฮยอนเลยไม่ปฏิเสธยังไงล่ะ
แล้วนี่อะไรอ่ะ ไม่ได้เจออีทงเฮมาหลายวันและนะ เศร้าแรง
“โอ๊ะ...”
...ซวยชิบหาย รีบวิ่งเกินไป สะดุดอากาศอีกแล้ววววว
หมับ
“ซุ่มซ่าม” สัมผัสเจ็บ ๆ ที่แขนทำให้คนเกือบล้มเบ้ปาก คยูฮยอนถูกพยุงให้ยืนขึ้นดีดีก่อนจะหันหน้าไปมองเจ้าของมือที่จับที่ต้นแขนเขาอยู่ คยูฮยอนอ้าปากค้างทันทีเมื่อเขาได้เจอยักษ์ตัวจริงตั้งแต่เช้า
“ขอบใจ”
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
หงิก
กัดปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น คยูฮยอนอยากปากระเป๋าใส่ฮันคยองจริง ๆ เลย ถ้าจะตอบแบบนี้ก็อย่ามาช่วยสิว่ะ ปล่อยให้เขาสะดุดบันไดสะพานลอยหน้าทิ่มไปเลย มาช่วยทำไม กร๊าซซซซซ
มองแผ่นหลังอีกคนที่เดินล้วงกระเป๋าเดินลิ่ว ๆ ไปแล้ว คยูฮยอนละสายตาจากฮันคยองก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่า ต่อให้เขาวิ่งสี่คูณร้อยเข้าโรงเรียนยังไงแม่งก็คงไม่ทันเสียแล้ว
07:38 a.m.
ดีออก...
คยูฮยอนต้องเดินตามฮันคยองเข้าโรงเรียนไปอย่างช่วยไม่ได้ จะให้เขาวิ่งแซงเข้าโรงเรียนไปยังไงก็โดนกรรมการนักเรียนดักจดชื่อให้เข้าแถวสายอยู่ดี ดีไม่ดีโดนสายตาล้อเลียนของไอเถิกนี่อีกแน่นอน เพราฉะนั้นคยูฮยอนจะไม่ทำให้ตัวหน้าเสียซ้ำสองแน่นอน
“นี่ครับ” เมื่อก้าวเท้าพ้นหน้าโรงเรียนมาก็ได้ยินเสียงของกรรมการนักเรียนพร้อมกับยื่นใบมรณะมาให้ คยูฮยอนรับมาด้วยสีหน้าพะอืดพะอมพร้อมสาบแช่งในใจ ฟังเสียงลำโพงตอนนี้ก็พบว่าเขากำลังสวดมนต์กันอยู่แหละ ว๊าย
“อะไร” เลิกคิ้วใส่ทันทีเมื่อจู่ ๆ ไอเถิกที่เข้าแถวยืนอยู่ข้าง ๆ กัน จู่ ๆ ก็แบมือมาหาเขาพร้อมส่งสายตาไปที่ใบสายที่อยู่ในมือคยูฮยอน อะไรว่ะ มีใบสายใบเดียวไม่พออยากได้เพิ่มหรอ จะเอาไปห่อผ้าอนามัยหรือไง
“เอามา”
“ห้ะ ?”
“ใบสายของนาย เอามาสิจะเขียนให้” โอ้โห มีอะไรเข้ากระแทกเถิกมันหรือเปล่าว่ะ คยูฮยอนมองอย่างเอ่อ ๆ และไม่นานใบสายก็โดนฉกไปซะแล้ว -_-
เคยเนียน ๆ เดินเข้าโรงเรียนไปทั้งที่สายชิบหายเหมือนกันครับ โชคดีว่าตอนนั้นเขาปล่อยแถวพอดีเด็กเลยชุมเดินเนียน ๆ ไปกับเขาได้ครับ เพราะฉะนั้นมันเป็นเคล็ดลับที่เราจะเข้าโรงเรียนได้โดยไม่โดนจดชื่อนะ -w- b ถ้าสายต้องสายให้สุด จำคำนี้เอาไว้
แต่วันนี้คยูฮยอนพลาดไปหน่อย เซ็ง
โป๊ก
“ทำไมชอบเหม่อ บอกชื่อที่อยู่มาสิ”
“เราเขียนเองได้” กุมหัวตัวเองที่โดนสับมาเต็มกลางกะบาล อะไรกันนักหนาว่ะไอเถิกนี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ !
“บอกมา”
“เราเขียนเอง...”
“อย่าพูดมาก บอกจะเขียนให้ไงว่ะ”
“...”
“เร็ว ๆ ”
น่ากลัวอ่ะ T-----T
คยูฮยอนตะเบะปากน้อย ๆ เมื่อโดนตะคอกใส่ จะเขียนให้ก็ช่วยอ่อนโยนเหมือนจุดซ่อนเร้นหน่อยไม่ได้หรอว่ะ แม่งเอ๊ย ถ้าฮึบไว้ไม่ทันนี่น้ำตาไหลแล้วนะ ทำไมชอบทำเสียงดุเหมือนครูฝึกทหารด้วยอ่ะ นิสัยไม่ดี
“โจว คยูฮยอน... 5/6 เลขที่ 13...เอ่อ..ที่อยู่ก็...” คยูฮยอนเริ่มร่ายของตัวเองให้ไอเถิกมันเขียน จะว่าไปก็เขียนเร็วเหมือนกันแหะ คงจะเป็นสกิลที่ได้มาจากการแต่งเพลง(วงนี่มันแต่งเพลงกันด้วยนะคุณ)
“เบอร์ล่ะ”
“เห... ในใบมีให้เขียนด้วยหรอ ?”
“ป่าว ฉันถามเอง”
“...”
“เอาเบอร์มา”
“-O-;;;” อึ้งแดกไปดิ...คยูฮยอนอ้าปากค้างมองฮันคยองที่หันมามองด้วยสายตาจริงจัง เฮ้ย ๆ เดี๋ยวดิเดี๋ยว เรื่องอะไรมาขอเบอร์คุณโจวว่ะครับ อย่าบอกนะว่ามันจะไปปล่อยตามบอร์ดเกย์ที่นัดเยกันอ่ะ
ร้ายกาจ ! (ทำเสียงเหมือนรอนวิสลีย์)
“ขอทำไม”
“เอาไปเล่นหวยมั้ง”
“อย่าเลยแม่เราเล่นเลขนี้มาหลายงวดแล้วโดนแดกทุกงวด”
“ไม่เป็นไรฉันดวงดี” แหม่... รับมุกซะด้วย คยูฮยอนมองฮันคยองที่ตอนนี้ส่งใบสายให้คณะกรรมการนักเรียนไปแล้ว แถมยังส่งสายตาดุ ๆ มาใส่พวกเขาด้วยอ่ะ คงเป็นเพราะคุยเสียงดังกันเกินไปล่ะมั้ง คยูฮยอนไม่ได้อยากจะคุยกับไอบ้านี่สักหน่อย -O-
“ไม่ให้”
“-_-”
“อย่ามาทำหน้าดุใส่เรานะ เรารู้สึกได้ว่านายต้องเอาไปทำอะไรชั่วร้ายแน่ ๆ อ่ะอย่าคิดว่าเราจะไม่รู้ทันนายนะ ไม่ได้แดกหรอกบอกเลย”
“ไร้สาระ...”
“คยู!!!” คยูฮยอนหูตั้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างโปร่งหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับทงเฮที่กำลังแบกลังเอกสารอะไรสักอย่างเดินมาทางนี้ ถ้าเห่าได้พร้อมกับลิ้นห้อยนี่คงทำไปแล้ว... อีทงเฮส่งสายตาแซว ๆ ว่ามาสายอีกแล้วหรอ จนคนถูกมองได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ใส่ไป
“นั่นอะไรอ่ะ”
“กล่องเอกสารของครูเพชรอ่ะ โดนวานมาให้เอาไปให้ครูเขา”
“อ่า... นายสนิทกับครูเขานี่นะ”
“มันก็ไม่ดีตรงสนิทนั่นแหละ ไปด้วยกันมั้ย ? กว่าแถวจะปล่อยน่าจะอีกนานไปนั่งตากแอร์ในห้องพักครูกับเราดีกว่า”
“ได้หรอ” รู้สึกเหมือนมีหางงอกจากก้นคยูฮยอนและกระดิกส่ายไปส่ายมา ทงเฮพยักหน้าก่อนจะเดินไปคุยอะไรบางอย่างกันกรรมการนักเรียนให้ก่อนจะกวักมือเรียกให้คยูฮยอนเดินตามไป
ลืมไปได้ยังไงว่าอีทงเฮมันคนของประชาชน -.-
“จะไปไหน” พอหยิบกระเป๋ามาสะพายหลังได้และกำลังเดินไปหาทงเฮ เสียงของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้นอย่างหากเรื่อง คยูฮยอนยักคิ้วใส่ฮันคยองพร้อมกับกระชับกระเป๋าที่ไหล่และแลบลิ้นใส่
“ไปจากนายไง แบร่”
น่ารักตายห่าเลย... กล้าทำไปได้ไงว่ะคยูฮยอน ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ รู้แค่ว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างใส่ฮันคยองก่อนจากไปอย่างผู้มีชัยชนะ(?)เท่านั้นเอง
ว่าแต่... ทำไมเขาได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาว่ะ
สงสัยหูฟาด
.
.
คยูฮยอนกำลังเป็นบ้า
ใช่... เขาอาจจะเป็นบ้า หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม อาจจะยังไม่ตื่นจากคาบสังคมที่เสียงครูเป็นตัวกล่อมชั้นดี หรืออาจจะเผลอลื่นตกบันไดโรงเรียนที่โคตรจะชันตายห่าไปแล้วก็ได้
[-DONGHAE-]
:: เย็นนี้ก่อนไปเรียนมาหาเราที่หลังโรงเรียนหน่อยสิ
[-KYUHYUN-]
มีอะไรหรอ ? ::
[-DONGHAE-]
:: จำที่คุยกันที่บ้านคยูเมื่อคราวก่อนได้ไหม ?
[-KYUHYUN-]
อ่า... จำได้ ::
[-DONGHAE-]
:: เราจะไปทำให้มันชัดเจนต่อจากเมื่อตอนนั้น
:: เลิกเรียนแล้วมาเลยนะ วันนี้เราเลิกเร็วเราจะรอ
:: แล้วค่อยไปเรียนด้วยกัน :)
แม่โจ้ววววววววววว....
คยูฮยอนอ่านไลน์วนไปวนมารอบที่ล้านแปด เมื่อเช้าทงเฮไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากชวนคุยเรื่องงานเรื่อยเปื่อย แถมพอเข้าไปนั่งในห้องพักครูก็ยิ่งไม่ได้คุยอะไรกันเข้าไปใหญ่เพราะพวกเขาทั้งคู่โดนครูใช้ให้ช่วยเย็บเอกสารให้ แถมยังเสียงดังไม่ได้ด้วย เลยเกิดเป็นเดดแอร์ระหว่างนั้นก่อนจะแยกย้ายไปเรียน
และไอข้อความชวนหน้าระเบิดนี่... คยูฮยอนเพิ่งได้รับเมื่อตอนกลางวัน
ข้าวพุ่งใส่หน้าซองมินจนเจ้าอ้วนมันแทบร้องไห้เลยล่ะ
เกิดอาการคิดมากจนช่วงบ่ายคยูฮยอนไม่มีสมาธิเรียนหรือทำส้นตีนอะไรทั้งนั้น คยูฮยอนเคยด่าไอพวกเรียนแล้วเหม่อในใจอยู่เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นซะเอง ในวิชาศิลปะที่ห้องมันกระดานดำที่ใช้ช็อกคยูฮยอนได้สัมผัสความรู้สึกตอนพวกตัวเอกการ์ตูนญี่ปุ่นมันโดนปาช็อกใส่หน้าผากแล้วครับ เจ็บระบมระทมทุกข์
ต่อมาคาบพละต้องเรียนยูโดคยูฮยอนจับคู่กับซองมินเพราะอีเพื่อนในกลุ่มแม่งจับคู่กันเองกันหมดแล้ว -_- ปกติตอนจับทุ่มเขาจับซองมินทุ่มได้นะถึงน้ำหนักจะมากกว่า แต่ถ้ารู้จักใช้เทคนิกนิดหน่อยการจับทุ่มมันเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ เลยล่ะ... ใช่ อาทิตย์ที่แล้วมันก็เป็นแบบนั้น แต่ตั้งแต่อีทงเฮหาเรื่องมาให้เขาคิดมากเท่านั้นแหละ วันนี้เขาโดนซองมินจับทุ่มชนิดไม่ได้ผุดได้เกิด
‘คยูเป็นอะไรรึเปล่า เหม่อตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ’
จนซองมินต้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แหม่... อยากจะเปิดไลน์ของอีทงเฮให้คนทั้งโรงเรียนดูเพื่อระบายความจุกอกครั้งนี้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวเขารู้ว่าเราชอบ
แอร๊ย
ไม่นานนักเวลาโกเด้นไทม์ของคยูฮยอนก็มาถึง เสียงกริ่งดังขึ้นดังแข่งกับเสียงใจคยูฮยอนที่เต้นแรงหลายริกเตอร์ ร่างโปร่งหันไปบอกลาเพื่อนร่วมห้องที่ทยอยเดินออกจากห้องไปทีละคนหลายคนก็ถามว่าทำไมยังนั่งอยู่ในห้องทั้ง ๆ ที่ทุกทีคยูฮยอนจะรีบออกจากห้องเพราะรีบไปเรียน
เอาล่ะ ได้เวลาแล้ววววว
Rrrrr
พอเก็บกระเตรียมจะลุกจากที่นั่งเพื่อเตรียมจะตามนัดของอีทงเฮ เสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็แผดเสียงลั่น คยูฮยอนมองรายชื่อคนที่โทรมาก็อมยิ้มก่อนจะกดรับพร้อมทั้งเดินออกมาจากห้องเรียน
‘คุณชายรักยิ้ม’
“ว่าไงงงง”
( มีเรื่องอะไรดีดีหรอ ? ) คยูฮยอนคิดว่าน้ำเสียงตัวเองมันอาจจะร่าเริงผิดปกติสักหน่อย ร่างโปร่งกระแอมเบา ๆ เพื่อเรียกความขรึมตัวเองกลับมา(เคยมีด้วยหรอ)
“ป๊าว”
( เสียงสูง )
“แล้วมีอะไร เลิกเรียนปุ๊บก็โทรมาปั๊บเลยนะ รู้งี้ไม่น่าให้ตารางเรียนไปเลยอ่ะ”
( ช่ายยยย รู้ตัวไว้ด้วยว่าตัวเองพลาดแล้ว ) เสียงที่ตอบกลับมาด้วยความร่าเริงกว่าทำให้คยูฮยอนเบ้หน้า บอกเลยว่ามันเป็นความพลาดที่มีอยู่วันหนึ่งจู่ ๆ ชเวซีวอนก็มาเนียน ๆ ถามคยูฮยอนว่าวันนี้วันนั้นเลิกกี่โมง เรียนคาบนี้กี่โมง พักตอนไหน คยูฮยอนรำคาญจะตอบเลยถ่ายตารางเรียนตัวเองส่งไลน์ไปเพื่อลดคำถามของอีกฝ่าย
“นิสัยไม่ดี นี่...เดี๋ยวโทรกลับได้มั้ยมีธุระอ่ะ”
( จะมาเรียนสายหรอ ? )
“ไม่น่าสายนะ จริง ๆ ก็ธุระกับทงเฮนั่นแหละ”
( งั้นหรอ... ) ซีวอนตอบกลับมาเสียงแผ่วลงจนคยูฮยอนต้องขมวดคิ้ว
“ทำไมต้องตอบเสียงแผ่วด้วย ด้วยคุยเสร็จจะโทรกลับเลยโอเคมั้ย ?”
( คุยอะไรกันหรอ ? )
“ไม่รู้สิ เจ้าตัวเขานัดมาคุยน่ะ ต่อจากตอนที่ทงเฮมาบ้านเราคราวที่นายเอาเค้กส้มมาให้เราอ่ะ” คยูฮยอนพูดเสียงร่าเริงระหว่างทางเดินไปยังหลังโรงเรียน เรื่องวันนั้นคยูฮยอนก็เล่าให้ซีวอนฟังไปแล้วด้วยเพราะคนที่รู้เรื่องที่เขาชอบทงเฮก็มีแค่ซีวอน ยังไงเขาก็อยากหาคนที่พูดด้วยได้บ้างเลยตัดสินใจจะคุยเรื่องอีทงเฮกับซีวอนทุกเรื่อง ซึ่งคนฟังก็ไม่เคยบ่นอิดออดอะไรกลับเป็นผู้ฟังที่ดีซะอีก
( อ่า... โชคดีรึกันนะ )
“นายว่าเราจะมีสิทธิ์บ้างไหม ?” เสียงที่ถามออกไปดูมีความหวัง ซีวอนเงียบไปสักพักระหว่างนั้นคยูฮยอนก็มองท้องฟ้าซึ่งวันนี้มันดูสดใสเป็นลางดีสำหรับคยูฮยอนล่ะนะ
( ต้องมีสิ เขาก็ดูจะใจตรงกับนายนะ )
“งั้นหรอ...”
( นี่... ไหน ๆ นายก็จะสมหวังแล้ว ขออะไรอย่างสิ ) เสียงจากปลายสายดูจริงจังกว่าปกติ
“ว่ามาสิ” ทำไมคยูฮยอนถึงรู้สึกโหวง ๆ กับเสียงของซีวอนกัน จากที่เสียงโดยรอบของปลายสายเอะอะเสียงดังคงเป็นเพราะซีวอนยังอยู่ในห้องเรียน ตอนนี้มันเริ่มเงียบลงจนคยูฮยอนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย และไม่นานคยูฮยอนก็เกือบลืมหายใจไปเมื่อซีวอนเอ่ยคำขอออกมา
( ขอให้เราได้อยู่ข้าง ๆ นายได้ไหม ? )
.
.
17:30 p.m.
อืม... ไหนอีทงเฮบอกว่าจะรอเขาไงว่ะ ?
แล้วนี่... ทำไมคยูฮยอนไม่เห็นอะไรสักอย่างนอกจากเศษใบไม้ปลิวเพราะลมที่เริ่มแรงขึ้นล่ะเนี่ย
บรรยากาศสดใสเมื่อกี้หายไปลิบ ตอนนี้มันแทนที่ด้วยลมแรง ๆ กับท้องฟ้าที่เริ่มครึ้ม ถ้าบรรยากาศแบบนี้ปกติแล้วคยูฮยอนจะไม่อยู่หรอกครับหลังโรงเรียนที่ไม่มีคนแบบนี้ คยูฮยอนจะรีบใส่เกียร์หมาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนทันที คยูฮยอนไม่ยอมอยู่ในบรรยากาศชวนหลอนแบบนี้เด็ดขาด
แต่เพื่ออีทงเฮคยูฮยอนรอดั้ยเค่อะ
“คยู!!!” และแล้ว... การรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลง
คยูฮยอนหันไปยิ้มตามเสียงเรียกของทงเฮ เขาเห็นร่างของคนที่เขาชอบวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบแล้วก็รู้สึกโกรธไม่ลง ต่อให้จะรู้สึกแย่นิดหน่อยที่อีทงเฮไม่มาสักที แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย ความหงุดหงิดมันก็หายวับไปเลย
อ่า... เขาคงชอบอีทงเฮมากจริง ๆ
“ขอโทษทีนะ เราโดนอาจารย์เรียนไปคุยเรื่องงานอ่ะ กว่าจะปล่อยออกมาแทบแย่แหนะ”
“แล้ว...ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ย”
“อื้อ...งานที่คยูตรวจให้เชียวนะ ยังไงก็ไม่มีทางมีปัญหาหรอก”
อ่า... เขินแหะ
“ว่าแต่... มีอะไรหรอ ? เดี๋ยวก็จะได้เวลาเรียนแล้วนะ ไม่อยากไปสายอ่ะ” จริง ๆ ต่อให้อีทงเฮจะร่ายอารัมภบทยาวถึงเช้าวันพรุ่งนี้คยูฮยอนก็ไม่ว่าอะไรหรอก ที่เร่งเวลาไปเขาแค่ตื่นเต้นก็เท่านั้น ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาแล้วเนี่ย
“คยู...จำที่เราคุยกันคราวที่แล้วได้ไหม ?”
‘งั้นแสดงว่ายังไม่ได้อ่านไลน์ งั้น... เราขอพูดตรง ๆ ต่อหน้าเลยรึกัน’
‘จริง ๆ เราก็คิดว่ามันก็นานพอสมควรแล้วที่เรารู้จักกันมา’
‘ตั้งแต่ม.ต้นหรือเปล่าที่นายคอยอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ช่วยเรามาตลอด’
‘เราว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วล่ะ คือเรามีอะไรจะบอกคยู’
‘คือเราชะ...’
จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ คยูฮยอนจำได้ทุกคำพูดของอีทงเฮนั่นแหละ และยิ่งเป็นบทสนทนาที่ทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองอีกสามสิบเปอร์เซ็นนี่มันไม่มีทางลืมหรอก
“จำได้สิ”
“คือว่า...” ดูทงเฮจะตื่นเต้นไปไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย คยูฮยอนเห็นสีหน้าของทงเฮเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาด้วย แถมมือของคนที่ตัวเองแอบขอบยังกำ ๆ แบ ๆ อย่างพยายามทำให้ตัวเองหยุดสั่น ท่าทางแบบนั้นมันทำให้คยูฮยอนอดหน้าแดงตามไม่ได้
ให้ตายเหอะ... นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย
ใจเต้นแรงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
“เราก็รู้จักกันมาสักพักนึงแล้วนะ ถ้าไม่มีฮยอกแจเราว่าเราไม่ได้เจอกันแน่ ๆ เลย”
“อ่า...ใช่ ก็คงแบบนั้นแหละ” นั่นสินะ ถ้าวันนั้นฮยอกแจไม่หาคนแชร์ค่าแท็กซี่เขาคงไม่ต้องมารู้สึกชอบใครบางคนมากขนาดนี้
“คยูก็รู้จักเราดีใช่มั้ย เราเป็นคนที่ดีคนนึงเลยนะ”
“หลงตัวเองอ่ะ”
“สนใจมาหลงเราแทนมั้ยล่ะ~”
“...”
“โอเคโทษ จะจริงจังแล้ว” ทงเฮหัวเราะแหะ ๆ เมื่อเห็นคยูฮยอนนิ่งไปเมื่อโดนมุขเสี่ยวสัดกากมะพร้าวราวตากผ้าของตัวเองเข้าไป อยากจะบอก ที่เงียบไปเพราะถ้าพูดล่ะก็ทงเฮต้องรู้แน่ ๆ ว่าเสียงคยูฮยอนกำลังสั่นเพราะเขินแรง
“เรา...รอมาตลอด รอให้คยูไว้ใจเราในฐานะผู้ชายคนนึง”
“...”
“ตอนนี้เราโตพอจะดูแลใครสักคนได้แล้วนะ”
“...”
“คยูไม่ได้รู้สึกแย่ใช่มั้ยถ้าเราจะบอกว่า...เราชอบผู้ชาย”
“มะ..ไม่...” ใจเต้นแรงแบบไม่ไหวแล้วคยูฮยอนคิดว่าลมที่พัดแรงพร้อมกับเมฆที่เริ่มตั้งเค้าฝนนี่ไม่ได้ช่วยขจัดความร้อนบนใบหน้าคยูฮยอนตอนนี้ได้เลย คยูฮยอนกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไว้แน่นเพื่อกลั้นอารมณ์เขินของตัวเอง
คยูฮยอนจะไม่ต้องหวัง ไม่ต้องแอบชอบอีกต่อไปแล้วใช่ไหม ?
คยูฮยอน... ก็อยากจะบอกความในใจตัวเองออกไปเหมือนกัน
“เรา...”
“...” น้ำเสียงที่พูดกับเขาด้วยความตื่นเต้น
“เราชอบ...”
“...” อีทงเฮก็คิดเหมือนเขาใช่ไหม ?
ชอบคยูฮยอน...เหมือนกันใช่ไหม...
นาย...ก็ชอบเรา เหมือนกันใช่ไหม อีทงเฮ...
……
….
…
“เราชอบฮยอกแจ!!!”
“...”
“คยู...จะช่วยเราจีบหน่อยได้ไหม ?”
เปรี้ยง !!!
ซ่า....
เสียงฟ้าผ่าดังไปทั่วฟ้าก่อนที่จะตามลงมาด้วยฝนห่าใหญ่ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะไปผ่าที่ที่มีตัวล่อฟ้าที่ไหนสักแห่ง แต่... ทำไมคยูฮยอนถึงรู้สึกเหมือนมันมาผ่าเข้าที่กลางหัวของเขาเลยล่ะ...
อะไรหรอ ?... เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรอ ?...
“คยู.. ช่วยเราหน่อยได้ไหม ?” อาจจะเป็นโชคดีที่ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ในร่มทำให้ไม่เปียกฝนที่จู่ ๆ ก็ตงลงมา คยูฮยอนกำโทรศัพท์ในมือแน่น ตอนนี้มันแผดเสียงลั่นเรียกร้องให้เขากดรับมันอยู่หลายนาที
คยูฮยอนไม่รู้ว่ามันผ่านไปกี่นาทีแล้ว... กี่นาทีแล้วที่เขายืนนิ่งให้อีทงเฮมองมาด้วยสายตาคาดหวังให้เขาตอบรับมัน
ช่วย... ช่วยงั้นหรอ ?
ถามบ้าอะไรของนายว่ะอีทงเฮ
ช่วยบ้าอะไรในเมื่อเราชอบนาย...
เหอะ…
“ได้สิ” หลายนาทีที่ก้มหน้าเพื่อหาเสียงของตัวเอง คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มรับคำขอร้อง ทงเฮยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้ามากอดเขาอย่างดีใจ... ฮ่ะ ๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คยูฮยอนได้กอดอีทงเฮ แถมเจ้าตัวยังกระโดดเข้ามากอดเขาอีกต่างหาก
ดีใจจัง...
แต่ทำไมเจ็บ...
“ขอบคุณมากนะ ขอบคุณมากเลยคยูฮยอน” อ้อมกอดที่ได้รับมันควรทำให้คยูฮยอนน่าจะดีใจมากกว่าการที่โดนอีกฝ่ายซบไหล่เวลาทงเฮจะนอนบนรถเมล์ หรือควรจะดีใจกว่าตอนที่คยูฮยอนเหม่อแล้วอีทงเฮดีดหน้าผากเขาเพื่อเรียกสติ แต่ไม่รู้ทำไม... พอนึงถึงช่วงเวลานั้นแล้วมันกลับรู้สึกดีกว่าตอนนี้หลายเท่า
“ไม่เป็นไร...” ใช่...ไม่เป็นอะไรเลย
“ขอบคุณมากนะ เรากังวลตั้งนานกลัวคยูจะไม่ไว้ใจให้เราจีบฮยอกแจ”
“ทำไม...คิดอย่างนั้นล่ะ”
“ก็คยูดูหวงฮยอกแจมากเลยนี่นา เวลาอยู่กันสามคนเห็นคยูชวนฮยอกคุยตลอดเลย”
เปล่าเลย...
เราหวงนายต่างหาก
เราหวงนาย อีทงเฮ
“อ่า... ก็ฮยอกแจเป็นเพื่อนรักเรานี่นา”
“ขอบคุณมากนะที่จะช่วยเรา ไปเรียนกันเถอะ” อีทงเฮผละออกก่อนจะจับมือคยูฮยอนไว้แล้วจูงเดินไปตามทางเพื่อไปหน้าโรงเรียน คยูฮยอนเดินตามไปอย่างไม่อิดออด สายตาภายใต้กรอบแว่นมองไปที่มืออบอุ่นที่กุมมือเขาไว้อยู่... อบอุ่น...ใช่มันเคยอบอุ่น
ตอนนี้คยูฮยอนรู้สึกหนาวจับใจ
“หืม... มีอะไร ลืมของหรอ ?” เมื่อคยูฮยอนหยุดเดิน ทงเฮก็หันกลับมาถามอย่างแปลกใจ ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ก่อนจะค่อย ๆ แกะมือของอีกฝ่ายที่กุมมือตัวเองไว้ออก
“วันนี้เราไม่ไปเรียนนะ”
“อ่าว ทำไม...”
“นึกได้ว่าลืมส่งแล็ปชีวะน่ะ ครูให้เดดไลน์วันนี้ด้วย”
“ให้เราช่วยมั้ย...”
“ไม่ต้อง!!!”
“...”
“นายไม่ต้องทำอะไรเลย”
“...”
“แค่หันหลัง...และเดินไปก็พอ”
ใช่...แค่หันหลังให้เราและเดินไปก็พอแล้ว...
เดินออกไปจากใจเราสักที อีทงเฮ
.
.
ทงเฮไปแล้ว...
คยูฮยอนยังอยู่ที่เดิม
ใช่... เขาก็แค่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่เคยไปไหนเลย
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่แผดลั่นทำให้คยูฮยอนที่นั่งตรงพื้นหลังโรงเรียนเหม่อมองสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาเหมือนรู้งาน คยูฮยอนไม่ได้มีน้ำตาเหมือนอย่างในหนักในละคร เขาแค่นั่งกอดเข่าและเหม่อมองออกไปยังสายฝนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาเท่านั้น
คยูฮยอนไม่ได้สนใจฝนที่สาดใส่จนเสื้อนักเรียนเขาเปียกแฉะ แต่เขาก็ไม่ได้ออกไปเดินตากฝนเหมือนพระเอกเอ็มวีเหมือนกัน เพราะโทรศัพท์เครื่องแพงยังอยู่ในกระเป๋า คยูฮยอนยังจำวินาทีที่เขาแทบน้ำตาตกวันที่ควักเงินที่ตัวเองสะสมมาเป็นเดือน ๆ เพื่อซื้อไอเครื่องมือสื่อสารแสนแพงเครื่องเดียว
เขาไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นหรอก
รอให้โทรศัพท์มันร้องไม่ได้นาน คยูฮยอนก็กดรับเพื่อหยุดเสียงเพลงที่คยูฮยอนตั้งมันเป็นเสียงเรียกเข้าเพราะอีทงเฮเคยบอกว่าชอบมัน ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเพราะของมันเลยสักนิด ไม่รอให้ปลายสายพูดมา คยูฮยอนชิงพูดก่อนทันที
“เราไม่ไหวแล้ว...”
( อย่าออกไปตากฝนนะ )
“อืม”
( ยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า ? ) เสียงอีกฝ่ายพูดมารัว ๆ จนคยูฮยอนนึกขำแอบได้ยินเสียงหอบด้วยเดาว่าคุณชายรักยิ้มของเขาคงกำลังวิ่งอยู่แน่ ๆ ร่างโปร่งยังคงเหม่อมองสายฝนตรงหน้ากับสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
“อืม น่าจะอยู่อีกนานเลยล่ะ”
( รอเราอยู่ตรงนั้นอีกห้านาที ห้ามไปไหนนะ ) ปลายสายบอกอย่างร้อนรน คยูฮยอนอดมองโทรศัพท์ไม่ได้หลังจากที่ชเวซีวอนวางไปแล้ว
‘ขอให้เราได้อยู่ข้าง ๆ นายได้ไหม ?’
ซีวอนอยู่ข้าง ๆ เขามาตลอด...
โทรศัพท์ที่เขากำไว้ในมือระหว่างที่รอฟังทงเฮสารภาพความในใจ มีชเวซีวอนที่ยังคงอยู่ในสายอยู่ด้วย ซีวอนขอให้เขาถือสายไว้เพราะอยากจะได้อยู่กับคยูฮยอนในช่วงที่คยูฮยอนสมหวังในขณะที่ตัวเองล้มเหลวเรื่องความรักมาแล้ว... แต่รู้ไหม ตอนนี้เขาก็ล้มเหลวกับมันไม่ต่างจากซีวอนเลยสักนิด
อ่า... ที่โทรมาอีกรอบ อาจจะเป็นเพราะซีวอนเรียกแล้วคยูฮยอนไม่ตอบเลยตัดสินใจโทรเข้ามาใหม่ให้เสียงโทรศัพท์มันเรียกสติเขาก็ได้ล่ะมั้ง..
“คยูฮยอน” เสียงเรียกจากอีกทางทำให้คยูฮยอนหันไปมอง ก่อนจะปรากฏร่างสูงของชุดเรียนของอีกโรงเรียนที่เปียกละมอกละแมก วิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าร้อนรน
“ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ นายหายตัวได้หรือไง ?”
“อย่ามาทำเป็นยิ้มได้มั้ย”
“...”
“นายมันบ้า!”
หมับ
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรไป คนที่คุกเข่าลงข้าง ๆ เขาก็รวบตัวคยูฮยอนเข้าไปกอดทันที มือใหญ่ที่คยูฮยอนเคยทาบเล่น ๆ ว่าทำไมมันถึงใหญ่กว่ามือเขานักนะ... ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันขนาดมือมันก็น่าจะใกล้เคียงกันสิ... แต่ใครจะรู้ตอนนี้ฝ่ามือที่ลูบหัวเขาของซีวอนกลับอบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใด
“อยากร้องไห้ก็ร้องสิ ไม่มีใครว่าสักหน่อย ร้องแล้วญาติใครจะตายงั้นหรอ”
“....”
“เศร้าก็ให้ร้องไห้ ไม่ใช่ยิ้ม เดี๋ยวก็โดนพี่ฮีชอลด่าว่าตอแหลหรอก”
“ฮึก...”
“นะ...”
เหมือนเป็นคำวิงวอน...กำแพงแห่งความเข้มแข็งพังทลายลงเมื่อความอบอุ่นของคนตรงหน้าทำลายมันอย่างย่อยยับ คยูฮยอนซุกหน้าลงที่บ่ากว้างที่เขาเคยคิดว่ามันน่าอิจฉา มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นมากำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น มือที่แสนอบอุ่นของซีวอนยังคงลูบหัวเขาอย่างปลอบโยน คยูฮยอนรู้สึกได้ว่าตัวของเขาสั่นมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อย ๆ ...
ไม่ไหวแล้ว... คยูฮยอนเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ฮึก..อึก..ฮือ...ทงเฮบอกว่า...อึก...อยากให้เรา..ช่วยให้เขาจีบฮยอกแจ ฮึก”
“ชู่ว...ไม่ต้องพูดแล้ว..”
“รู้ไหม...เรารู้สึกเหมือนโดนตีหัวแรง ๆ ฮึก...ได้สิ ถ้าเขาต้องการ... เราก็จะทำ ขอแต่เขาบอก ฮือ...”
คยูฮยอนหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ร่างโปร่งกำเสื้อซีวอนเอาไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาไหลแข่งกับสายฝนจากดวงตากลมทำให้ซีวอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แม้มันอาจจะทำให้คยูฮยอนรู้สึกไม่ดีเพราะเนื้อตัวที่เปียกชื้นของซีวอน แต่ตอนนี้ร่างสูงคิดเพียงว่าคนในอ้อมกอดช่างเปราะบาง เขาต้องประคับประคองไว้ไม่ให้คยูฮยอนแตกร้าวไปมากกว่านี้
ฝ่ามืออบอุ่นยังคงลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน ไม่ต้องรอให้สมองสั่งการ ซีวอนประทับริมฝีปากไปที่ขมับของคยูฮยอนอย่างปลอบประโลม เขาไม่ได้รู้สึกดีที่จะเห็นน้ำตาของคยูฮยอนเลยสักนิด
แต่ถ้าจะให้คยูฮยอนยิ้มออกมาทั้งที่นัยน์ตาเศร้าขนาดนั้น ซีวอนก็ทนดูไม่ได้เหมือนกัน
“คิดแค่เรื่องของเรา... เรื่องที่...นายต้องสอนเคมีเราก็พอแล้ว เพราะนักเรียนคนนี้ได้ทำหัวนายระเบิดแน่ ๆ เคมีเซ็นเซย์”
“เลียน..อึก..เลียนแบบเรานี่..” คยูฮยอนผละออกจากซีวอนมาจ้องอีกฝ่ายทั้งน้ำตาคลอเต็มเบ้า... ซีวอนขำออกมาน้อย ๆ และยิ้มส่งมือใบจับที่ใบหน้าของคยูฮยอนก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเอาหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าขาว
“คนใส่แว่นร้องไห้นี่หน้าเป็นอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย”
“อย่ามา...ฮึก..ล้อเรานะ”
“เปล่าล้อสักหน่อย”
“ฮึก...”
“จะบอกว่าน่ารักต่างหาก”
“ฮึก..น่ารักบ้าอะไร..อึก ..เล่า!” เถียงเสียงดังทั้งที่ยังสะอื้น ซีวอนขำออกมาก่อนจะยีผมคยูฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่นานก็หยุดและจัดการเปิดเหม่งคยูฮยอนที่มีผมปิดอยู่ เสยมันขึ้นจนคนที่ร้องไห้โยเยเหมือนเด็กขมวดคิ้ว
“หวงนักใช่มั้ยหน้าผากเนี่ย อีทงเฮเป็นเจ้าแกใช่มั้ยเจ้าหน้าผาก หืม ?”
“..เปล่า..ฮึก..เปล่าสักหน่อย...”
“งั้นดี”
“....”
คยูฮยอนแทบหยุดหายใจอีกครั้ง...
ทำบ้าอะไรของนายชเวซีวอน...
ความรู้สึกอุ่นที่หน้าผากทำให้คนร้องถึงกับหยุดสะอื้น คยูฮยอนตาโตแทบถลนเมื่อริมฝีปากของคนตัวสูงประทับลงมาที่หน้าผากมนของเขาโดนไม่มีผมมากั้น ซีวอนค้างแบบนั้นอยู่นานจนคยูฮยอนหยุดร้องไห้เพราะอึ้งกับการกระทำของอีกฝ่าย เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้...ริมฝีปากนุ่มผละออกมาจากหน้าผากของคยูฮยอนและเปลี่ยนมามองหน้าคยูฮยอนด้วยระยะที่ห่างกันเพียงหนึ่งผ่ามือ
“ตอนนี้หน้าผากนายมีเจ้าของใหม่แล้วนะ”
“...”
“และเขาก็เป็นคนขี้หวงมากด้วย”
“...”
“เพราะฉะนั้น ... ดูแลมันดีดีอย่าให้ใครมายุ่งนะรู้มั้ย เจ้าของคนใหม่มีสิทธิ์ได้คนเดียว”
คยูฮยอนถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของซีวอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จุดประสงค์มันอาจจะไม่ใช่เพื่อปลอบเพราะคยูฮยอนหยุดร้องไห้แล้ว ร่างโปร่งไม่ได้อิดออดจากออกแต่กลับเป็นคยูเชื่อง ๆ ให้ซีวอนใช้มือที่แสนอบอุ่นนั้นลูบหัวและกอดเขาไว้แน่นให้รู้ว่า...เขายังมีซีวอนอยู่ข้าง ๆ
แย่แล้ว... คยูฮยอนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงเกินไปของตัวเอง... มันเต้นแรงเกินไปจนแทบหลุดออกมา ถ้ามันเต้นแรงมากกว่านี้อีกคยูฮยอนจะตายหรือเปล่า รู้สึกแย่ที่เขาไม่ตั้งใจเรียนวิชาชีวะที่เป็นความรู้ตั้งแต่ม.4ตอนที่ครูสอนเรื่องของหัวใจคน
หน้าของคยูฮยอนแนบที่อกซ้ายของซีวอน เขาได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
และมัน...เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับคยูฮยอน
TO BE CONTINUE…
สาหัสอย่างรุนแรง... เป็นคนบิ้วไม่เก่งแรงอ่ะ
ไม่รู้จะทำให้คนอ่านซึ้งหม้อไหกระทะไปกับเราได้รึเปล่า ฮึก
งัดสารพัดคำบรรยายมาแล้ว ฝีมือหนูมาได้แค่นี้แหละค่ะ หนูขอโทษ
ชอบฉากหน้าผากที่สุดแล้ว คิดไว้ตั้งแต่อินโทรแล้วว่าหน้าผากที่นางหวงแหนสักวันจะต้องตกเป็นของพี่ซีวอนด้วยวิธีแบบนี้ ฮ่า ๆๆๆ (หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)
ค่อย ๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่าเนอะ
ขอกำลังใจแรงเชียร์ให้เขาได้กันดั่งใจปรารถนา(ของเรา)ด้วยนะคะ
#วอนคยูโอริโอ้
ความคิดเห็น