ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] ALEATORY LOVE┃Ft.DONGHAE

    ลำดับตอนที่ #8 : ►Lesson 7 :: เขาปลอบ

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 58


    .


    Lesson 7

    :: เขาปลอบ

     

        We should love, not fall in love, because everything that falls, gets broken.

              เราควรรักไม่ใช่ตกหลุมรัก เพราะทุกอย่างที่ตก...มันจะแตก

                -Taylor Swift-

     

     

                เมื่อสายลมแห่งความสุขได้พัดผ่านไปแล้ว...

     

                มรสุมแห่งความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่

     

                01: 21 a.m.

     

                แต่ก ๆ  ๆ

     

                เสียงแป้นคีย์บอร์ดยังคงดังระรัวตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนมาถึงตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กนักเรียนควรจะเข้านอนกันได้แล้ว จริง ๆ เวลาที่หัวควรจะไปซุกหมอนและปิดไฟหลับตานอนมันควรเป็นช่วงหัวค่ำต่างหาก แต่พอรู้ตัวอีกมีมันก็เข้าเวลาของวันถัดไปซะแล้ว

     

                นมอุ่น ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้มันคงเย็นชืดเพราะแอร์ในห้องไปซะแล้ว จริง ๆ มันถูกเอามาตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงสี่ทุ่มโดยคุณชายพ่อ พร้อมกับโพสอิทที่แปะไว้ที่ข้างแก้วว่า ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายพ่อไม่ไปส่งนะ แบร่ แหมะ... เห็นแล้วนึกถึงนางทำสีหน้าแบ๊ว ๆ แล้วมันช่างน่ารักซะเหลือเกิล

     

                แล้ว... ทำไมดึกขนาดนี้คยูฮยอนถึงยังไม่นอนหรอครับ ?

     

                ไม่เห็นจะยากเลย

     

                ทันทีที่ถามไปในแชทไลน์กลุ่มว่าไอที่เขาแจกให้ไปทำ ๆ กันน่ะส่งมาให้ด้วยเพราะคยูฮยอนต้องมานั่งพรูฟและรวมรวบงานอีกที แต่รู้ไหมสิ่งที่ได้คืออะไร ส่งพรุ่งนี้หรอ ?’ ‘ยังไม่ได้ทำเลยอ่ะ!’ ‘ชิบหายแล้ว ทำยังไงอ่ะคยู’ ‘นายส่งมาให้เราตอนไหนหรอ’ ‘เราปิดคอมไปแล้วอ่าคยู T-T’ และอีกมากมายของการคร่ำครวญ

     

                ไอพวกเวร

     

                บอกเลยว่าวินาทีนั่นหงุดหงิดจนแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง (เขาเกือบทำแบบนั้นแล้วนะจริง ) คยูฮยอนสงบสติอารมณ์ก่อนจะชี้แจงรายละเอียดให้ฟังอีกทีว่ามันต้องทำยังไงใครทำอะไรบ้าง แต่รู้อะไรมั้ย แม่งขึ้นอ่านครบทั้งสี่คนแต่มีแค่ ซองมิน เท่านั้นที่ขานรับพร้อมบอกว่าเดี๋ยวตรวจอีกทีแล้วจะส่งให้ แสดงว่าน่าจะทำเสร็จสักพักแล้ว

     

                แล้วอีกสามตัวนี่อะไรของพวกมึง

     

                ส่วนของคยูฮยอนเขาทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ใช่พวกขยันที่จะทำเสร็จตั้งแต่เนิ่น ๆ ยอมรับว่าก็เพิ่งนั่งปั่นเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนกันและก็เพิ่งฟินิชเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เลยลองถามไปในกลุ่มว่าเสร็จกันบ้างหรือยัง แต่ผลคือมันมาตอบกันดึก ๆ พร้อมกับข้อความคร่ำครวญว่ายังไม่ได้แตะ

     

                ซั๊ซ

     

                บางคนก็บอกว่าปิดคอมแล้วพ่อไม่ให้เปิดแล้ว บางคนก็ถามมาจนน่าหงุดหงิดว่ามันทำยังไงจนน่ารำคาญคยูฮยอนไม่ใช่พวกคร้านจะอธิบาย แต่ความไม่เข้าใจนี่มันน่าจะถามออกมาแบบคนไม่รู้ส้นตีนอะไรทั้งนั้นอ่ะ คือน่าหงุดหงิดน่ารำคาญ มีสมองมาเรียนกันได้ยังไง แม่งเอ๊ย

     

                คิดแล้วก็หงุดหงิด ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม คยูฮยอนจำไม่ได้ว่าถอนหายใจสงบสติอารมณ์ไปรอบที่เท่าไหร่ เขาตัดสินใจโทรหารายคนก่อนจะชี้แจงงานให้ฟังอีกรอบนึง และเขาก็ได้รับงานอีกทีตอนเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่ง ซึ่งพอเปิดงานขึ้นมาแล้วมันทุเรศจนคยูฮยอนอยากจุดไฟเผาทิ้ง

     

                ( อื้อ... อย่าหงุดหงิดสิ )

     

                “ง่วงก็ไปนอน”

     

                ( ไม่เอา )

     

                “งอแง”

     

                ( อย่าดุเราสิ หาว... ) คยูฮยอนละลายตาจากแป้นพิมพ์ไปมองคนในจอที่เขาขยับมันไว้อีกมุมของหน้าจอเพื่อไม่ให้เกะกะเวลาทำงาน ใบหน้าที่นอนซุกหมอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยพร้อมตั้งโทรศัพท์ไว้ในมุมที่สามารถมองเห็นหน้าได้ ตอนนี้ดวงตาที่มองมาที่เขาแบบปรือ ๆ นั่นมันทำให้คยูฮยอนรู้สึกเหมือนรังแกลูกหมาตัวโตอยู่เลย

     

                “พรุ่งนี้นายต้องไปโรงเรียนนะ”

     

                ( นายก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกัน )

     

                “แต่เรามีงาน”

     

                ( แต่เรามีนาย )

     

                “...”

     

                คยูฮยอนละสายตาจากอีกคนที่ตอนนี้สภาพดูไม่ไหวแล้ว ชเวซีวอนในชุดนอนลายทางเหมือนกล้วยหอมจอมซนมันก็ดูน่ารักอยู่หรอกนะ แต่สภาพตาปรือแบบนั้นคยูฮยอนเชื่อว่าแค่ให้ชเวซีวอนหลับตาไปสักสามวิก็คงไปเฝ้าพระอินทร์ได้โดยง่ายเลยล่ะ

     

                โอเค... ยอมรับว่าแอบใจสั่นไปกับประโยคสั้น ๆ ของซีวอนเมื่อกี้เหมือนกัน แต่แค่นิดเดียวนะ... นิดเดียวจริง ๆ

     

                เชื่อดิ

     

                ( ยังไม่กินนมที่คุณพ่อเอามาให้อีกหรอ ) เพราะเห็นว่าคยูฮยอนเริ่มเงียบล่ะมั้งชเวซีวอนเลยหาวิธีทำให้ตัวเองไม่ง่วงด้วยการชวนคุย

     

                “มันเย็นหมดแล้ว”

     

                ( นายชอบกินอะไรเย็น ๆ ไม่ใช่หรือไง )

     

                “เวลาแบบนี้กินอะไรไม่ลงแล้ว งานยังไม่เสร็จเลย” เบ้ปากใส่กล้องพร้อมกับรัวนิ้วอีกครั้ง

     

                น่าหมั่นไส้ชเวซีวอนก็ยังคงความหล่อของตัวเองไว้ได้อย่างเข้มข้นแม้จะอยู่ในหน้าสดที่ง่วงปรือพร้อมจะหลับเต็มแก่ คยูฮยอนเบ้หน้าใส่กล้องของโทรศัพท์ที่ถูกตั้งไว้ที่มุมโต๊ะเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นหน้า จริง ๆ ก็จะหงายมันขึ้นอยู่หรอก แต่ซีวอนก็โวยวายว่าถ้าไม่เห็นหน้ากันแล้วจะเฟซไทม์ไว้หาพระแสงอะไร

     

                พอไล่ไปนอนก็โดนตอบมาว่า จะอยู่เป็นเพื่อนจนคยูฮยอนเพลียใจจะไล่แล้ว

     

                เป็นเวลาสักห้าทุ่มได้ล่ะมั้งที่ซีวอนเฟซไทม์มาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ออกจะดึกไปสักหน่อยคงเพราะวันนี้แขกที่ร้านเยอะซีวอนเลยปิดร้านดึกหน่อย คยูฮยอนแอบเห็นตอนออกไปซ้ำกับข้าวน่ะ ซีวอนอยู่ในชุดเหมือนพวกปาติชิเย่เลย และกำลังแนะนำขนมให้ลูกค้าอยู่อย่างขยันขันแข็ง

     

                ตอนแรกก็เหมือนจะคุยแปปเดียวเพราะเห็นซีวอนล้มตัวลงเตียงเตรียมจะนอนแล้ว คงกะจะนอนพร้อมเขาอีกนั่นแหละ แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่คยูฮยอนรับสายทั้งหน้าเครียดคิ้วขมวดจนซีวอนตกใจไปเลย แถมยังมากวนตีนอีกว่ายักษ์ที่ไหนมารับโทรศัพท์ เหอะ ๆ -_-

     

                นั่งทำงานไปก็บ่นให้อีกฝ่ายฟังไป ซีวอนก็ดีนะ ยอมนั่งฟังเขาบ่นพร้อมตาปรือ ๆ นั่นด้วย จะหลับก็ไม่ยอมหลับ คยูฮยอนแอบเห็นซีวอนซุกหมอบหลับตาพริ้มไปช่วงนึงแต่สักพักก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาแถมยังมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่กล้องพร้อมพุดว่า เผลอหลับไปซะแล้ว

     

                โหยยย น่ารักตายห่าละ

     

                คยูยอนแคปไว้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง -_- v

     

                “เราพูดจริงนะ นายควรไปนอนได้แล้ว”

     

                ( ทำไมชอบไล่เราจัง ที่นายดึงดันจะทำแผลให้เรา เรายังไม่ไล่นายเลย )

     

                “มันไม่เหมือนกัน นายทำให้เรารู้สึกกำลังทรมานเด็กอ่ะ”

     

                ( เราโตแล้ว )

     

                “หน้านายตอนนี้ยิ่งกว่าเด็กสามขวบงอแงอยากจะเข้านอน”

     

                ( หน้านายตอนนี้ก็เหมือนมนุษย์นักเรียนอดนอนที่กำลังกลายร่างเป็นมนุษย์ป้าในไม่ช้าถ้ายังขี้บ่นไม่เลิก บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไง ) ชเวซีวอนก็เป็นซะแบบนี้

     

                มันเป็นอย่างนี้มาหนึ่งอาทิตย์แล้วหรือเปล่านะ ตั้งแต่ก่อนวันงานเปิดโลกกิจกรรมจนมาถึงวันนี้ที่พวกเขาเฟซไทม์หากันทุกวันไม่ว่าจะแปปเดียวหรือนานจนหลับคาโทรศัพท์ พอมารู้สึกตัวอีกทีเวลาตกดึกก็จะมีชื่อของ คุณชายรักยิ้ม โทรเข้ามาหาเขาซะแล้ว

     

                ตั้งแต่วันที่ซีวอนมาดูเขาร้องเพลงทั้งที่ตอแหลไว้ว่าจะไม่มา ซึ่งคยูฮยอนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ แต่เจ้าตัวกลับไปซุ่มอยู่หลังเสาและเป็นฝ่ายเรียกกำลังใจเขากลับมาซะงั้น แถมพองานเลิกยังอยู่รอกลับบ้านด้วยกันอีกต่างหาก นั่นเป็นเหตุให้คยูฮยอนได้นั่งไอเวสป้าสีดำของซีวอนอีกครั้ง

     

                “งั้นก็รอให้ตลอดรึกัน ถ้าพรุ่งนี้ไปโรงเรียนสาย ตอนสอบเราจะไม่ติวเคมีให้”

     

                ( เราไม่ยอมให้ตัวเองไปสายหรอกน่า )

     

                แหม... รีบตอบเชียว สงสัยกลัวสอบตกแหง ๆ

     

                คยูฮยอนกลับไปมีสมาธิกับการพิมพ์งานอีกครั้งจริง ๆ มันก็เหลือไม่เยอะแล้วล่ะ แค่ปรุงแต่งรูปประโยคที่ไอพวกเพื่อนเวรมันก็อปมาจากเน็ตทั้งดุ้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรทั้งนั้น คยูฮยอนคิดว่าถ้าไอพวกนี้มันทำงานเดี่ยวไม่น่าจะรอดอ่ะ

     

                เซ้นซ์การทำงานค่อนข้างจะติดลบ

     

                “ตรงนี้ขนาด16... วรรคตรงนี้...เว้นตรงนี้มา 2 เซนต์... โอเค.. เสร็จแล้วเว่ยยยย” เมื่อตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะรีบกดเซฟย้ำ ๆ ทันที ภารกิจในค่ำคืนนี้ของเขามันได้สำเร็จแล้ว ก็อยากจะลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกบ้านเพื่อจุดพลุฉลอง ถ้าไม่เกรงใจข้างบ้านคยูฮยอนคงทำแบบนั้น

     

                จัดการไรท์งานลงแผ่นซีดีและปิดคอมให้เรียบร้อยและเช็คแผ่นงานอีกรอบนึง ในระหว่างนั้นก็ส่งเสียงไปหาอีกฝ่ายที่ดูจะเงียบไปเสียนาน

     

                “นี่.. เราทำงานเสร็จแล้วนะ นายไปนอน... อ่าว”

     

                ( .... )

     

                โถ่... พ่อคุณ

     

                ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนไงว่ะ

     

                คยูฮยอนยิ้มกับภาพในจอโทรศัพท์ของเขา มันเป็นภาพที่ชเวซีวอนนอนหลับตาพริ้มกอดหมอนข้างไว้แน่นทั้งที่หน้ายังหันให้จออยู่เลย จินตนาการท่านอนของซีวอนตอนนี้คงเป็นท่าเอาขาก่ายหมอนข้างแน่ ๆ ไม่รอช้า คนนอนดึกเพราะติดงานรีบแคปภาพคนที่บอกจะอยู่เป็นเพื่อนรัว ๆ เอาไว้ส่งไลน์ให้ไปล้อเลียน

     

                อืม... จะเรียกว่าล้อเลียนได้หรือเปล่า

     

                ก็ภาพมันโคตรน่ารักเลยนี่หว่า

     

                “ฝันดีนะ ขอบคุณมากคุณชายรักยิ้ม” บอกไปเบา ๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงและเสียบสายชาร์จโดยยังไม่ปิดแอพฯคุยแบบเห็นหน้าที่เรียกว่าเฟซไทม์ คยูฮยอนคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตไปแล้วที่อยากจะนอนโดยมองหน้าชเวซีวอนตอนหลับไปด้วย

     

                อ่า... เขาคงบ้าไปแล้วจริง ๆ

     

                ไม่นานนัก... เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสัญญาณบอกให้คนแกล้งหลับควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว ... ร่างสูงในจอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพื่อเช็คว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วหรือยังก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเพื่อนตัวขาวตอนนี้หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้าไปเสียแล้ว แถมยังลืมถอดแว่นออกอีกต่างหาก

     

                ( คุณชายรักยิ้มงั้นหรอ ... )

     

                “....ฟี้....”

     

                ( ฝันดีเหมือนกันนะ คยูฮยอนนา )

     

     

    .

    .

     

     

                คยูฮยอนรู้สึกตัวเองกำลังกลายเป็นซอมบี้

     

                ใกล้แล้วครับ ใกล้แล้ว...

     

                แฮ่ก ๆ  ๆ

     

                วิ่งดิเอ๋วิ่งงงงงงง

     

                คยูฮยอนใส่เกียร์หมาทันทีที่ลงจากรถของคุณชายพ่อที่มาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน ซึ่งมันบัดซบตรงที่โรงเรียนเขาต้องข้ามถึงสองสะพานลอยกว่าจะถึง เพราะฉะนั้นตอนนี้ในหัวไม่มีอารมณ์จะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียนไปกินในวิชาชีวะคาบแรกหรืออะไรทั้งนั้น แค่ไปให้ทันก็เพียงพอ

     

                จริง ๆ คยูฮยอนเลิกไปนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียนกับพวกทงเฮและฮยอกแจได้ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายแล้วล่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณนายแม่ตัดขาดเรื่องการให้เงินเพิ่มสำหรับค่ารถตอนเช้าไปแล้วและให้บริหารเงินที่จะได้เป็นรายอาทิตย์เอาเอง คยูฮยอนเลยต้องเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับอีทงเฮในตอนเช้าไปโดยปริยายโดยที่ให้คุณชายพ่อมาส่งที่โรงเรียนแทนโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าจะอาสาดูแลต้นบอนไซสุดที่รักให้เอง(ตอแหลไปก่อน) เพราะฉะนั้นตอนทงเฮมาชวนเรียนพิเศษเลิกสามทุ่มคยูฮยอนเลยไม่ปฏิเสธยังไงล่ะ

     

                แล้วนี่อะไรอ่ะ ไม่ได้เจออีทงเฮมาหลายวันและนะ เศร้าแรง

     

                “โอ๊ะ...”

     

                ...ซวยชิบหาย รีบวิ่งเกินไป สะดุดอากาศอีกแล้ววววว

     

                หมับ

     

                “ซุ่มซ่าม” สัมผัสเจ็บ ๆ ที่แขนทำให้คนเกือบล้มเบ้ปาก คยูฮยอนถูกพยุงให้ยืนขึ้นดีดีก่อนจะหันหน้าไปมองเจ้าของมือที่จับที่ต้นแขนเขาอยู่ คยูฮยอนอ้าปากค้างทันทีเมื่อเขาได้เจอยักษ์ตัวจริงตั้งแต่เช้า

     

                “ขอบใจ”

     

                “กองไว้ตรงนั้นแหละ”

     

                หงิก

     

                กัดปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น คยูฮยอนอยากปากระเป๋าใส่ฮันคยองจริง ๆ เลย ถ้าจะตอบแบบนี้ก็อย่ามาช่วยสิว่ะ ปล่อยให้เขาสะดุดบันไดสะพานลอยหน้าทิ่มไปเลย มาช่วยทำไม กร๊าซซซซซ

     

                มองแผ่นหลังอีกคนที่เดินล้วงกระเป๋าเดินลิ่ว ๆ ไปแล้ว คยูฮยอนละสายตาจากฮันคยองก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่า ต่อให้เขาวิ่งสี่คูณร้อยเข้าโรงเรียนยังไงแม่งก็คงไม่ทันเสียแล้ว

     

                07:38 a.m.

     

                ดีออก...

     

                คยูฮยอนต้องเดินตามฮันคยองเข้าโรงเรียนไปอย่างช่วยไม่ได้ จะให้เขาวิ่งแซงเข้าโรงเรียนไปยังไงก็โดนกรรมการนักเรียนดักจดชื่อให้เข้าแถวสายอยู่ดี ดีไม่ดีโดนสายตาล้อเลียนของไอเถิกนี่อีกแน่นอน เพราฉะนั้นคยูฮยอนจะไม่ทำให้ตัวหน้าเสียซ้ำสองแน่นอน

     

                “นี่ครับ” เมื่อก้าวเท้าพ้นหน้าโรงเรียนมาก็ได้ยินเสียงของกรรมการนักเรียนพร้อมกับยื่นใบมรณะมาให้ คยูฮยอนรับมาด้วยสีหน้าพะอืดพะอมพร้อมสาบแช่งในใจ ฟังเสียงลำโพงตอนนี้ก็พบว่าเขากำลังสวดมนต์กันอยู่แหละ ว๊าย

     

                “อะไร” เลิกคิ้วใส่ทันทีเมื่อจู่ ๆ ไอเถิกที่เข้าแถวยืนอยู่ข้าง ๆ กัน จู่ ๆ ก็แบมือมาหาเขาพร้อมส่งสายตาไปที่ใบสายที่อยู่ในมือคยูฮยอน อะไรว่ะ มีใบสายใบเดียวไม่พออยากได้เพิ่มหรอ จะเอาไปห่อผ้าอนามัยหรือไง

     

                “เอามา”

     

                “ห้ะ ?”

     

                “ใบสายของนาย เอามาสิจะเขียนให้” โอ้โห มีอะไรเข้ากระแทกเถิกมันหรือเปล่าว่ะ คยูฮยอนมองอย่างเอ่อ ๆ และไม่นานใบสายก็โดนฉกไปซะแล้ว -_-

     

                เคยเนียน ๆ เดินเข้าโรงเรียนไปทั้งที่สายชิบหายเหมือนกันครับ โชคดีว่าตอนนั้นเขาปล่อยแถวพอดีเด็กเลยชุมเดินเนียน ๆ ไปกับเขาได้ครับ เพราะฉะนั้นมันเป็นเคล็ดลับที่เราจะเข้าโรงเรียนได้โดยไม่โดนจดชื่อนะ  -w- b  ถ้าสายต้องสายให้สุด จำคำนี้เอาไว้

     

                แต่วันนี้คยูฮยอนพลาดไปหน่อย เซ็ง

     

                โป๊ก

     

                “ทำไมชอบเหม่อ บอกชื่อที่อยู่มาสิ”

     

                “เราเขียนเองได้” กุมหัวตัวเองที่โดนสับมาเต็มกลางกะบาล อะไรกันนักหนาว่ะไอเถิกนี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ !

     

                “บอกมา”

     

                “เราเขียนเอง...”

     

                “อย่าพูดมาก บอกจะเขียนให้ไงว่ะ”

     

                “...”

     

                “เร็ว ๆ ”

     

                น่ากลัวอ่ะ T-----T

     

                คยูฮยอนตะเบะปากน้อย ๆ เมื่อโดนตะคอกใส่ จะเขียนให้ก็ช่วยอ่อนโยนเหมือนจุดซ่อนเร้นหน่อยไม่ได้หรอว่ะ แม่งเอ๊ย ถ้าฮึบไว้ไม่ทันนี่น้ำตาไหลแล้วนะ ทำไมชอบทำเสียงดุเหมือนครูฝึกทหารด้วยอ่ะ นิสัยไม่ดี

     

                “โจว คยูฮยอน... 5/6 เลขที่ 13...เอ่อ..ที่อยู่ก็...” คยูฮยอนเริ่มร่ายของตัวเองให้ไอเถิกมันเขียน จะว่าไปก็เขียนเร็วเหมือนกันแหะ คงจะเป็นสกิลที่ได้มาจากการแต่งเพลง(วงนี่มันแต่งเพลงกันด้วยนะคุณ)

     

                “เบอร์ล่ะ”

     

                “เห... ในใบมีให้เขียนด้วยหรอ ?”

     

                “ป่าว ฉันถามเอง”

     

                “...”

     

                “เอาเบอร์มา”

     

                “-O-;;;” อึ้งแดกไปดิ...คยูฮยอนอ้าปากค้างมองฮันคยองที่หันมามองด้วยสายตาจริงจัง เฮ้ย ๆ เดี๋ยวดิเดี๋ยว เรื่องอะไรมาขอเบอร์คุณโจวว่ะครับ อย่าบอกนะว่ามันจะไปปล่อยตามบอร์ดเกย์ที่นัดเยกันอ่ะ

     

                ร้ายกาจ ! (ทำเสียงเหมือนรอนวิสลีย์)

     

                “ขอทำไม”

     

                “เอาไปเล่นหวยมั้ง”

     

                “อย่าเลยแม่เราเล่นเลขนี้มาหลายงวดแล้วโดนแดกทุกงวด”

     

                “ไม่เป็นไรฉันดวงดี” แหม่... รับมุกซะด้วย คยูฮยอนมองฮันคยองที่ตอนนี้ส่งใบสายให้คณะกรรมการนักเรียนไปแล้ว แถมยังส่งสายตาดุ ๆ มาใส่พวกเขาด้วยอ่ะ คงเป็นเพราะคุยเสียงดังกันเกินไปล่ะมั้ง คยูฮยอนไม่ได้อยากจะคุยกับไอบ้านี่สักหน่อย  -O-

     

                “ไม่ให้”

     

                “-_-

     

                “อย่ามาทำหน้าดุใส่เรานะ เรารู้สึกได้ว่านายต้องเอาไปทำอะไรชั่วร้ายแน่ ๆ อ่ะอย่าคิดว่าเราจะไม่รู้ทันนายนะ ไม่ได้แดกหรอกบอกเลย”

     

                “ไร้สาระ...”

     

                “คยู!!!” คยูฮยอนหูตั้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างโปร่งหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับทงเฮที่กำลังแบกลังเอกสารอะไรสักอย่างเดินมาทางนี้ ถ้าเห่าได้พร้อมกับลิ้นห้อยนี่คงทำไปแล้ว... อีทงเฮส่งสายตาแซว ๆ ว่ามาสายอีกแล้วหรอ จนคนถูกมองได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ใส่ไป

     

                “นั่นอะไรอ่ะ”

     

                “กล่องเอกสารของครูเพชรอ่ะ โดนวานมาให้เอาไปให้ครูเขา”

     

                “อ่า... นายสนิทกับครูเขานี่นะ”

     

                “มันก็ไม่ดีตรงสนิทนั่นแหละ ไปด้วยกันมั้ย ? กว่าแถวจะปล่อยน่าจะอีกนานไปนั่งตากแอร์ในห้องพักครูกับเราดีกว่า”

     

                “ได้หรอ” รู้สึกเหมือนมีหางงอกจากก้นคยูฮยอนและกระดิกส่ายไปส่ายมา ทงเฮพยักหน้าก่อนจะเดินไปคุยอะไรบางอย่างกันกรรมการนักเรียนให้ก่อนจะกวักมือเรียกให้คยูฮยอนเดินตามไป

     

                ลืมไปได้ยังไงว่าอีทงเฮมันคนของประชาชน -.-

     

                “จะไปไหน” พอหยิบกระเป๋ามาสะพายหลังได้และกำลังเดินไปหาทงเฮ เสียงของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้นอย่างหากเรื่อง คยูฮยอนยักคิ้วใส่ฮันคยองพร้อมกับกระชับกระเป๋าที่ไหล่และแลบลิ้นใส่

     

                “ไปจากนายไง แบร่”

     

                น่ารักตายห่าเลย... กล้าทำไปได้ไงว่ะคยูฮยอน  ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ รู้แค่ว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างใส่ฮันคยองก่อนจากไปอย่างผู้มีชัยชนะ(?)เท่านั้นเอง

     

                ว่าแต่... ทำไมเขาได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาว่ะ

     

                สงสัยหูฟาด

     

     

    .

    .

     

     

                คยูฮยอนกำลังเป็นบ้า

     

                ใช่... เขาอาจจะเป็นบ้า หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม อาจจะยังไม่ตื่นจากคาบสังคมที่เสียงครูเป็นตัวกล่อมชั้นดี หรืออาจจะเผลอลื่นตกบันไดโรงเรียนที่โคตรจะชันตายห่าไปแล้วก็ได้

     

              [-DONGHAE-]

              :: เย็นนี้ก่อนไปเรียนมาหาเราที่หลังโรงเรียนหน่อยสิ

    [-KYUHYUN-]

    มีอะไรหรอ ? ::

    [-DONGHAE-]

    :: จำที่คุยกันที่บ้านคยูเมื่อคราวก่อนได้ไหม ?

    [-KYUHYUN-]

    อ่า... จำได้ ::

    [-DONGHAE-]

    :: เราจะไปทำให้มันชัดเจนต่อจากเมื่อตอนนั้น

    :: เลิกเรียนแล้วมาเลยนะ วันนี้เราเลิกเร็วเราจะรอ

    :: แล้วค่อยไปเรียนด้วยกัน :)

     



                แม่โจ้ววววววววววว....

     

                คยูฮยอนอ่านไลน์วนไปวนมารอบที่ล้านแปด เมื่อเช้าทงเฮไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากชวนคุยเรื่องงานเรื่อยเปื่อย แถมพอเข้าไปนั่งในห้องพักครูก็ยิ่งไม่ได้คุยอะไรกันเข้าไปใหญ่เพราะพวกเขาทั้งคู่โดนครูใช้ให้ช่วยเย็บเอกสารให้ แถมยังเสียงดังไม่ได้ด้วย เลยเกิดเป็นเดดแอร์ระหว่างนั้นก่อนจะแยกย้ายไปเรียน

     

                และไอข้อความชวนหน้าระเบิดนี่... คยูฮยอนเพิ่งได้รับเมื่อตอนกลางวัน

     

                ข้าวพุ่งใส่หน้าซองมินจนเจ้าอ้วนมันแทบร้องไห้เลยล่ะ

     

                เกิดอาการคิดมากจนช่วงบ่ายคยูฮยอนไม่มีสมาธิเรียนหรือทำส้นตีนอะไรทั้งนั้น คยูฮยอนเคยด่าไอพวกเรียนแล้วเหม่อในใจอยู่เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นซะเอง ในวิชาศิลปะที่ห้องมันกระดานดำที่ใช้ช็อกคยูฮยอนได้สัมผัสความรู้สึกตอนพวกตัวเอกการ์ตูนญี่ปุ่นมันโดนปาช็อกใส่หน้าผากแล้วครับ เจ็บระบมระทมทุกข์

     

                ต่อมาคาบพละต้องเรียนยูโดคยูฮยอนจับคู่กับซองมินเพราะอีเพื่อนในกลุ่มแม่งจับคู่กันเองกันหมดแล้ว -_- ปกติตอนจับทุ่มเขาจับซองมินทุ่มได้นะถึงน้ำหนักจะมากกว่า แต่ถ้ารู้จักใช้เทคนิกนิดหน่อยการจับทุ่มมันเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ เลยล่ะ... ใช่ อาทิตย์ที่แล้วมันก็เป็นแบบนั้น แต่ตั้งแต่อีทงเฮหาเรื่องมาให้เขาคิดมากเท่านั้นแหละ วันนี้เขาโดนซองมินจับทุ่มชนิดไม่ได้ผุดได้เกิด

     

              คยูเป็นอะไรรึเปล่า เหม่อตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ

     

                จนซองมินต้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แหม่... อยากจะเปิดไลน์ของอีทงเฮให้คนทั้งโรงเรียนดูเพื่อระบายความจุกอกครั้งนี้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวเขารู้ว่าเราชอบ

     

                แอร๊ย

     

                ไม่นานนักเวลาโกเด้นไทม์ของคยูฮยอนก็มาถึง เสียงกริ่งดังขึ้นดังแข่งกับเสียงใจคยูฮยอนที่เต้นแรงหลายริกเตอร์ ร่างโปร่งหันไปบอกลาเพื่อนร่วมห้องที่ทยอยเดินออกจากห้องไปทีละคนหลายคนก็ถามว่าทำไมยังนั่งอยู่ในห้องทั้ง ๆ ที่ทุกทีคยูฮยอนจะรีบออกจากห้องเพราะรีบไปเรียน

     

                เอาล่ะ ได้เวลาแล้ววววว

     

                Rrrrr

     

                พอเก็บกระเตรียมจะลุกจากที่นั่งเพื่อเตรียมจะตามนัดของอีทงเฮ เสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็แผดเสียงลั่น คยูฮยอนมองรายชื่อคนที่โทรมาก็อมยิ้มก่อนจะกดรับพร้อมทั้งเดินออกมาจากห้องเรียน

     

                คุณชายรักยิ้ม

     

                “ว่าไงงงง”

     

                ( มีเรื่องอะไรดีดีหรอ ? ) คยูฮยอนคิดว่าน้ำเสียงตัวเองมันอาจจะร่าเริงผิดปกติสักหน่อย ร่างโปร่งกระแอมเบา ๆ เพื่อเรียกความขรึมตัวเองกลับมา(เคยมีด้วยหรอ)

     

                “ป๊าว”

     

                ( เสียงสูง )

     

                “แล้วมีอะไร เลิกเรียนปุ๊บก็โทรมาปั๊บเลยนะ รู้งี้ไม่น่าให้ตารางเรียนไปเลยอ่ะ”

     

                ( ช่ายยยย รู้ตัวไว้ด้วยว่าตัวเองพลาดแล้ว ) เสียงที่ตอบกลับมาด้วยความร่าเริงกว่าทำให้คยูฮยอนเบ้หน้า บอกเลยว่ามันเป็นความพลาดที่มีอยู่วันหนึ่งจู่ ๆ ชเวซีวอนก็มาเนียน ๆ ถามคยูฮยอนว่าวันนี้วันนั้นเลิกกี่โมง เรียนคาบนี้กี่โมง พักตอนไหน คยูฮยอนรำคาญจะตอบเลยถ่ายตารางเรียนตัวเองส่งไลน์ไปเพื่อลดคำถามของอีกฝ่าย

     

                “นิสัยไม่ดี นี่...เดี๋ยวโทรกลับได้มั้ยมีธุระอ่ะ”

     

                ( จะมาเรียนสายหรอ ? )

     

                “ไม่น่าสายนะ จริง ๆ ก็ธุระกับทงเฮนั่นแหละ”

     

                ( งั้นหรอ... ) ซีวอนตอบกลับมาเสียงแผ่วลงจนคยูฮยอนต้องขมวดคิ้ว

     

                “ทำไมต้องตอบเสียงแผ่วด้วย ด้วยคุยเสร็จจะโทรกลับเลยโอเคมั้ย ?”

     

                ( คุยอะไรกันหรอ ? )

     

                “ไม่รู้สิ เจ้าตัวเขานัดมาคุยน่ะ ต่อจากตอนที่ทงเฮมาบ้านเราคราวที่นายเอาเค้กส้มมาให้เราอ่ะ” คยูฮยอนพูดเสียงร่าเริงระหว่างทางเดินไปยังหลังโรงเรียน เรื่องวันนั้นคยูฮยอนก็เล่าให้ซีวอนฟังไปแล้วด้วยเพราะคนที่รู้เรื่องที่เขาชอบทงเฮก็มีแค่ซีวอน ยังไงเขาก็อยากหาคนที่พูดด้วยได้บ้างเลยตัดสินใจจะคุยเรื่องอีทงเฮกับซีวอนทุกเรื่อง ซึ่งคนฟังก็ไม่เคยบ่นอิดออดอะไรกลับเป็นผู้ฟังที่ดีซะอีก

     

                ( อ่า... โชคดีรึกันนะ )

     

                “นายว่าเราจะมีสิทธิ์บ้างไหม ?” เสียงที่ถามออกไปดูมีความหวัง ซีวอนเงียบไปสักพักระหว่างนั้นคยูฮยอนก็มองท้องฟ้าซึ่งวันนี้มันดูสดใสเป็นลางดีสำหรับคยูฮยอนล่ะนะ

     

                ( ต้องมีสิ เขาก็ดูจะใจตรงกับนายนะ )

     

                “งั้นหรอ...”

     

                ( นี่... ไหน ๆ นายก็จะสมหวังแล้ว ขออะไรอย่างสิ ) เสียงจากปลายสายดูจริงจังกว่าปกติ

     

                “ว่ามาสิ” ทำไมคยูฮยอนถึงรู้สึกโหวง ๆ กับเสียงของซีวอนกัน จากที่เสียงโดยรอบของปลายสายเอะอะเสียงดังคงเป็นเพราะซีวอนยังอยู่ในห้องเรียน ตอนนี้มันเริ่มเงียบลงจนคยูฮยอนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย และไม่นานคยูฮยอนก็เกือบลืมหายใจไปเมื่อซีวอนเอ่ยคำขอออกมา

     

                ( ขอให้เราได้อยู่ข้าง ๆ นายได้ไหม ? )

     

     

    .

    .

     

     

               

                17:30 p.m.

     

                อืม... ไหนอีทงเฮบอกว่าจะรอเขาไงว่ะ ?

     

                แล้วนี่... ทำไมคยูฮยอนไม่เห็นอะไรสักอย่างนอกจากเศษใบไม้ปลิวเพราะลมที่เริ่มแรงขึ้นล่ะเนี่ย

     

                บรรยากาศสดใสเมื่อกี้หายไปลิบ ตอนนี้มันแทนที่ด้วยลมแรง ๆ กับท้องฟ้าที่เริ่มครึ้ม ถ้าบรรยากาศแบบนี้ปกติแล้วคยูฮยอนจะไม่อยู่หรอกครับหลังโรงเรียนที่ไม่มีคนแบบนี้ คยูฮยอนจะรีบใส่เกียร์หมาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนทันที คยูฮยอนไม่ยอมอยู่ในบรรยากาศชวนหลอนแบบนี้เด็ดขาด

     

                แต่เพื่ออีทงเฮคยูฮยอนรอดั้ยเค่อะ

     

                “คยู!!!” และแล้ว... การรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลง

     

                คยูฮยอนหันไปยิ้มตามเสียงเรียกของทงเฮ เขาเห็นร่างของคนที่เขาชอบวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบแล้วก็รู้สึกโกรธไม่ลง ต่อให้จะรู้สึกแย่นิดหน่อยที่อีทงเฮไม่มาสักที แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย ความหงุดหงิดมันก็หายวับไปเลย

     

                อ่า... เขาคงชอบอีทงเฮมากจริง ๆ

     

                “ขอโทษทีนะ เราโดนอาจารย์เรียนไปคุยเรื่องงานอ่ะ กว่าจะปล่อยออกมาแทบแย่แหนะ”

     

                “แล้ว...ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ย”

     

                “อื้อ...งานที่คยูตรวจให้เชียวนะ ยังไงก็ไม่มีทางมีปัญหาหรอก”

     

                อ่า... เขินแหะ

     

                “ว่าแต่... มีอะไรหรอ ? เดี๋ยวก็จะได้เวลาเรียนแล้วนะ ไม่อยากไปสายอ่ะ” จริง ๆ ต่อให้อีทงเฮจะร่ายอารัมภบทยาวถึงเช้าวันพรุ่งนี้คยูฮยอนก็ไม่ว่าอะไรหรอก  ที่เร่งเวลาไปเขาแค่ตื่นเต้นก็เท่านั้น ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาแล้วเนี่ย

     

                “คยู...จำที่เราคุยกันคราวที่แล้วได้ไหม ?”

     

                งั้นแสดงว่ายังไม่ได้อ่านไลน์ งั้น... เราขอพูดตรง ๆ ต่อหน้าเลยรึกัน

     

                จริง ๆ เราก็คิดว่ามันก็นานพอสมควรแล้วที่เรารู้จักกันมา

     

              ‘ตั้งแต่ม.ต้นหรือเปล่าที่นายคอยอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ช่วยเรามาตลอด

     

              เราว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วล่ะ คือเรามีอะไรจะบอกคยู

     

              ‘คือเราชะ...

     

                จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ คยูฮยอนจำได้ทุกคำพูดของอีทงเฮนั่นแหละ และยิ่งเป็นบทสนทนาที่ทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองอีกสามสิบเปอร์เซ็นนี่มันไม่มีทางลืมหรอก

     

                “จำได้สิ”

     

                “คือว่า...” ดูทงเฮจะตื่นเต้นไปไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย คยูฮยอนเห็นสีหน้าของทงเฮเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาด้วย แถมมือของคนที่ตัวเองแอบขอบยังกำ ๆ แบ ๆ อย่างพยายามทำให้ตัวเองหยุดสั่น ท่าทางแบบนั้นมันทำให้คยูฮยอนอดหน้าแดงตามไม่ได้

     

                ให้ตายเหอะ... นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย

     

                ใจเต้นแรงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

     

                “เราก็รู้จักกันมาสักพักนึงแล้วนะ ถ้าไม่มีฮยอกแจเราว่าเราไม่ได้เจอกันแน่ ๆ เลย”

     

                “อ่า...ใช่ ก็คงแบบนั้นแหละ” นั่นสินะ ถ้าวันนั้นฮยอกแจไม่หาคนแชร์ค่าแท็กซี่เขาคงไม่ต้องมารู้สึกชอบใครบางคนมากขนาดนี้

     

                “คยูก็รู้จักเราดีใช่มั้ย เราเป็นคนที่ดีคนนึงเลยนะ”

     

                “หลงตัวเองอ่ะ”

     

                “สนใจมาหลงเราแทนมั้ยล่ะ~

     

                “...”

     

                “โอเคโทษ จะจริงจังแล้ว” ทงเฮหัวเราะแหะ ๆ เมื่อเห็นคยูฮยอนนิ่งไปเมื่อโดนมุขเสี่ยวสัดกากมะพร้าวราวตากผ้าของตัวเองเข้าไป อยากจะบอก ที่เงียบไปเพราะถ้าพูดล่ะก็ทงเฮต้องรู้แน่ ๆ ว่าเสียงคยูฮยอนกำลังสั่นเพราะเขินแรง

     

                “เรา...รอมาตลอด รอให้คยูไว้ใจเราในฐานะผู้ชายคนนึง”

     

                “...”

     

                “ตอนนี้เราโตพอจะดูแลใครสักคนได้แล้วนะ”

     

                “...”

     

                “คยูไม่ได้รู้สึกแย่ใช่มั้ยถ้าเราจะบอกว่า...เราชอบผู้ชาย”

     

                “มะ..ไม่...” ใจเต้นแรงแบบไม่ไหวแล้วคยูฮยอนคิดว่าลมที่พัดแรงพร้อมกับเมฆที่เริ่มตั้งเค้าฝนนี่ไม่ได้ช่วยขจัดความร้อนบนใบหน้าคยูฮยอนตอนนี้ได้เลย คยูฮยอนกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไว้แน่นเพื่อกลั้นอารมณ์เขินของตัวเอง

     

                คยูฮยอนจะไม่ต้องหวัง ไม่ต้องแอบชอบอีกต่อไปแล้วใช่ไหม ?

     

                คยูฮยอน... ก็อยากจะบอกความในใจตัวเองออกไปเหมือนกัน

     

                “เรา...”

     

                “...” น้ำเสียงที่พูดกับเขาด้วยความตื่นเต้น

     

                “เราชอบ...”

     

                “...” อีทงเฮก็คิดเหมือนเขาใช่ไหม ?

     

                ชอบคยูฮยอน...เหมือนกันใช่ไหม...

     

              นาย...ก็ชอบเรา เหมือนกันใช่ไหม อีทงเฮ...

     

              ……

     

              ….

     

              …

     

     

     

                “เราชอบฮยอกแจ!!!

     

                “...”

     

                “คยู...จะช่วยเราจีบหน่อยได้ไหม ?”

     

              เปรี้ยง !!!

     

                ซ่า....

     

                เสียงฟ้าผ่าดังไปทั่วฟ้าก่อนที่จะตามลงมาด้วยฝนห่าใหญ่ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะไปผ่าที่ที่มีตัวล่อฟ้าที่ไหนสักแห่ง แต่... ทำไมคยูฮยอนถึงรู้สึกเหมือนมันมาผ่าเข้าที่กลางหัวของเขาเลยล่ะ...

     

                อะไรหรอ ?... เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรอ ?...

     

                “คยู.. ช่วยเราหน่อยได้ไหม ?” อาจจะเป็นโชคดีที่ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ในร่มทำให้ไม่เปียกฝนที่จู่ ๆ ก็ตงลงมา คยูฮยอนกำโทรศัพท์ในมือแน่น ตอนนี้มันแผดเสียงลั่นเรียกร้องให้เขากดรับมันอยู่หลายนาที

     

                คยูฮยอนไม่รู้ว่ามันผ่านไปกี่นาทีแล้ว... กี่นาทีแล้วที่เขายืนนิ่งให้อีทงเฮมองมาด้วยสายตาคาดหวังให้เขาตอบรับมัน

     

                ช่วย... ช่วยงั้นหรอ ?

     

              ถามบ้าอะไรของนายว่ะอีทงเฮ

     

              ช่วยบ้าอะไรในเมื่อเราชอบนาย...

     

              เหอะ

     

                “ได้สิ” หลายนาทีที่ก้มหน้าเพื่อหาเสียงของตัวเอง คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มรับคำขอร้อง ทงเฮยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้ามากอดเขาอย่างดีใจ... ฮ่ะ ๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คยูฮยอนได้กอดอีทงเฮ แถมเจ้าตัวยังกระโดดเข้ามากอดเขาอีกต่างหาก

     

                ดีใจจัง...

     

                แต่ทำไมเจ็บ...

     

                “ขอบคุณมากนะ ขอบคุณมากเลยคยูฮยอน” อ้อมกอดที่ได้รับมันควรทำให้คยูฮยอนน่าจะดีใจมากกว่าการที่โดนอีกฝ่ายซบไหล่เวลาทงเฮจะนอนบนรถเมล์ หรือควรจะดีใจกว่าตอนที่คยูฮยอนเหม่อแล้วอีทงเฮดีดหน้าผากเขาเพื่อเรียกสติ แต่ไม่รู้ทำไม... พอนึงถึงช่วงเวลานั้นแล้วมันกลับรู้สึกดีกว่าตอนนี้หลายเท่า

     

                “ไม่เป็นไร...” ใช่...ไม่เป็นอะไรเลย

     

                “ขอบคุณมากนะ เรากังวลตั้งนานกลัวคยูจะไม่ไว้ใจให้เราจีบฮยอกแจ”

     

                “ทำไม...คิดอย่างนั้นล่ะ”

     

                “ก็คยูดูหวงฮยอกแจมากเลยนี่นา เวลาอยู่กันสามคนเห็นคยูชวนฮยอกคุยตลอดเลย”

     

                เปล่าเลย...

     

              เราหวงนายต่างหาก

     

              เราหวงนาย อีทงเฮ

     

                “อ่า... ก็ฮยอกแจเป็นเพื่อนรักเรานี่นา”

     

                “ขอบคุณมากนะที่จะช่วยเรา  ไปเรียนกันเถอะ” อีทงเฮผละออกก่อนจะจับมือคยูฮยอนไว้แล้วจูงเดินไปตามทางเพื่อไปหน้าโรงเรียน คยูฮยอนเดินตามไปอย่างไม่อิดออด สายตาภายใต้กรอบแว่นมองไปที่มืออบอุ่นที่กุมมือเขาไว้อยู่... อบอุ่น...ใช่มันเคยอบอุ่น

     

                ตอนนี้คยูฮยอนรู้สึกหนาวจับใจ

     

                “หืม... มีอะไร ลืมของหรอ ?” เมื่อคยูฮยอนหยุดเดิน ทงเฮก็หันกลับมาถามอย่างแปลกใจ ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ก่อนจะค่อย ๆ แกะมือของอีกฝ่ายที่กุมมือตัวเองไว้ออก

     

                “วันนี้เราไม่ไปเรียนนะ”

     

                “อ่าว ทำไม...”

     

                “นึกได้ว่าลืมส่งแล็ปชีวะน่ะ ครูให้เดดไลน์วันนี้ด้วย”

     

                “ให้เราช่วยมั้ย...”

     

                “ไม่ต้อง!!!

     

                “...”

     

                “นายไม่ต้องทำอะไรเลย”

     

                “...”

     

                “แค่หันหลัง...และเดินไปก็พอ”

     

                ใช่...แค่หันหลังให้เราและเดินไปก็พอแล้ว...

     

                เดินออกไปจากใจเราสักที อีทงเฮ

     

     

    .

    .

     

     

                ทงเฮไปแล้ว...

     

                คยูฮยอนยังอยู่ที่เดิม

     

                ใช่... เขาก็แค่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่เคยไปไหนเลย

     

                Rrrrr

     

                เสียงโทรศัพท์ที่แผดลั่นทำให้คยูฮยอนที่นั่งตรงพื้นหลังโรงเรียนเหม่อมองสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาเหมือนรู้งาน คยูฮยอนไม่ได้มีน้ำตาเหมือนอย่างในหนักในละคร เขาแค่นั่งกอดเข่าและเหม่อมองออกไปยังสายฝนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาเท่านั้น

     

                คยูฮยอนไม่ได้สนใจฝนที่สาดใส่จนเสื้อนักเรียนเขาเปียกแฉะ  แต่เขาก็ไม่ได้ออกไปเดินตากฝนเหมือนพระเอกเอ็มวีเหมือนกัน เพราะโทรศัพท์เครื่องแพงยังอยู่ในกระเป๋า คยูฮยอนยังจำวินาทีที่เขาแทบน้ำตาตกวันที่ควักเงินที่ตัวเองสะสมมาเป็นเดือน ๆ เพื่อซื้อไอเครื่องมือสื่อสารแสนแพงเครื่องเดียว

     

                เขาไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นหรอก

     

                รอให้โทรศัพท์มันร้องไม่ได้นาน คยูฮยอนก็กดรับเพื่อหยุดเสียงเพลงที่คยูฮยอนตั้งมันเป็นเสียงเรียกเข้าเพราะอีทงเฮเคยบอกว่าชอบมัน ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเพราะของมันเลยสักนิด ไม่รอให้ปลายสายพูดมา คยูฮยอนชิงพูดก่อนทันที

     

                “เราไม่ไหวแล้ว...”

     

                ( อย่าออกไปตากฝนนะ )

     

                “อืม”

     

                ( ยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า ? ) เสียงอีกฝ่ายพูดมารัว ๆ จนคยูฮยอนนึกขำแอบได้ยินเสียงหอบด้วยเดาว่าคุณชายรักยิ้มของเขาคงกำลังวิ่งอยู่แน่ ๆ  ร่างโปร่งยังคงเหม่อมองสายฝนตรงหน้ากับสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

     

                “อืม น่าจะอยู่อีกนานเลยล่ะ”

     

                ( รอเราอยู่ตรงนั้นอีกห้านาที ห้ามไปไหนนะ ) ปลายสายบอกอย่างร้อนรน คยูฮยอนอดมองโทรศัพท์ไม่ได้หลังจากที่ชเวซีวอนวางไปแล้ว

     

                ‘ขอให้เราได้อยู่ข้าง ๆ นายได้ไหม ?

     

                ซีวอนอยู่ข้าง ๆ เขามาตลอด...

     

                โทรศัพท์ที่เขากำไว้ในมือระหว่างที่รอฟังทงเฮสารภาพความในใจ มีชเวซีวอนที่ยังคงอยู่ในสายอยู่ด้วย ซีวอนขอให้เขาถือสายไว้เพราะอยากจะได้อยู่กับคยูฮยอนในช่วงที่คยูฮยอนสมหวังในขณะที่ตัวเองล้มเหลวเรื่องความรักมาแล้ว... แต่รู้ไหม ตอนนี้เขาก็ล้มเหลวกับมันไม่ต่างจากซีวอนเลยสักนิด

     

                อ่า... ที่โทรมาอีกรอบ อาจจะเป็นเพราะซีวอนเรียกแล้วคยูฮยอนไม่ตอบเลยตัดสินใจโทรเข้ามาใหม่ให้เสียงโทรศัพท์มันเรียกสติเขาก็ได้ล่ะมั้ง..

     

                “คยูฮยอน” เสียงเรียกจากอีกทางทำให้คยูฮยอนหันไปมอง ก่อนจะปรากฏร่างสูงของชุดเรียนของอีกโรงเรียนที่เปียกละมอกละแมก วิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าร้อนรน

     

                “ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ นายหายตัวได้หรือไง ?”

     

                “อย่ามาทำเป็นยิ้มได้มั้ย”

     

                “...”

     

                “นายมันบ้า!

     

              หมับ

     

                ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรไป คนที่คุกเข่าลงข้าง ๆ เขาก็รวบตัวคยูฮยอนเข้าไปกอดทันที มือใหญ่ที่คยูฮยอนเคยทาบเล่น ๆ ว่าทำไมมันถึงใหญ่กว่ามือเขานักนะ... ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันขนาดมือมันก็น่าจะใกล้เคียงกันสิ... แต่ใครจะรู้ตอนนี้ฝ่ามือที่ลูบหัวเขาของซีวอนกลับอบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใด

     

                “อยากร้องไห้ก็ร้องสิ ไม่มีใครว่าสักหน่อย ร้องแล้วญาติใครจะตายงั้นหรอ”

     

                “....”

     

                “เศร้าก็ให้ร้องไห้ ไม่ใช่ยิ้ม เดี๋ยวก็โดนพี่ฮีชอลด่าว่าตอแหลหรอก”

     

                “ฮึก...”

     

                “นะ...”

     

                เหมือนเป็นคำวิงวอน...กำแพงแห่งความเข้มแข็งพังทลายลงเมื่อความอบอุ่นของคนตรงหน้าทำลายมันอย่างย่อยยับ คยูฮยอนซุกหน้าลงที่บ่ากว้างที่เขาเคยคิดว่ามันน่าอิจฉา มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นมากำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น มือที่แสนอบอุ่นของซีวอนยังคงลูบหัวเขาอย่างปลอบโยน คยูฮยอนรู้สึกได้ว่าตัวของเขาสั่นมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อย ๆ ...

     

                ไม่ไหวแล้ว... คยูฮยอนเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว

     

                “ฮึก..อึก..ฮือ...ทงเฮบอกว่า...อึก...อยากให้เรา..ช่วยให้เขาจีบฮยอกแจ ฮึก”

               

                “ชู่ว...ไม่ต้องพูดแล้ว..”

               

                “รู้ไหม...เรารู้สึกเหมือนโดนตีหัวแรง ๆ ฮึก...ได้สิ ถ้าเขาต้องการ... เราก็จะทำ ขอแต่เขาบอก ฮือ...”

     

                คยูฮยอนหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ร่างโปร่งกำเสื้อซีวอนเอาไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาไหลแข่งกับสายฝนจากดวงตากลมทำให้ซีวอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แม้มันอาจจะทำให้คยูฮยอนรู้สึกไม่ดีเพราะเนื้อตัวที่เปียกชื้นของซีวอน แต่ตอนนี้ร่างสูงคิดเพียงว่าคนในอ้อมกอดช่างเปราะบาง เขาต้องประคับประคองไว้ไม่ให้คยูฮยอนแตกร้าวไปมากกว่านี้

     

                ฝ่ามืออบอุ่นยังคงลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน ไม่ต้องรอให้สมองสั่งการ ซีวอนประทับริมฝีปากไปที่ขมับของคยูฮยอนอย่างปลอบประโลม เขาไม่ได้รู้สึกดีที่จะเห็นน้ำตาของคยูฮยอนเลยสักนิด

     

                แต่ถ้าจะให้คยูฮยอนยิ้มออกมาทั้งที่นัยน์ตาเศร้าขนาดนั้น ซีวอนก็ทนดูไม่ได้เหมือนกัน

     

                “คิดแค่เรื่องของเรา... เรื่องที่...นายต้องสอนเคมีเราก็พอแล้ว เพราะนักเรียนคนนี้ได้ทำหัวนายระเบิดแน่ ๆ เคมีเซ็นเซย์

     

                “เลียน..อึก..เลียนแบบเรานี่..” คยูฮยอนผละออกจากซีวอนมาจ้องอีกฝ่ายทั้งน้ำตาคลอเต็มเบ้า... ซีวอนขำออกมาน้อย ๆ และยิ้มส่งมือใบจับที่ใบหน้าของคยูฮยอนก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเอาหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าขาว

     

                “คนใส่แว่นร้องไห้นี่หน้าเป็นอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย”

     

                “อย่ามา...ฮึก..ล้อเรานะ”

     

                “เปล่าล้อสักหน่อย”

     

                “ฮึก...”

     

                “จะบอกว่าน่ารักต่างหาก”

     

                “ฮึก..น่ารักบ้าอะไร..อึก ..เล่า!” เถียงเสียงดังทั้งที่ยังสะอื้น ซีวอนขำออกมาก่อนจะยีผมคยูฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่นานก็หยุดและจัดการเปิดเหม่งคยูฮยอนที่มีผมปิดอยู่ เสยมันขึ้นจนคนที่ร้องไห้โยเยเหมือนเด็กขมวดคิ้ว

     

                “หวงนักใช่มั้ยหน้าผากเนี่ย อีทงเฮเป็นเจ้าแกใช่มั้ยเจ้าหน้าผาก หืม ?”

     

                “..เปล่า..ฮึก..เปล่าสักหน่อย...”

     

                “งั้นดี”

     

                “....”

     

                คยูฮยอนแทบหยุดหายใจอีกครั้ง...

     

                ทำบ้าอะไรของนายชเวซีวอน...

     

                ความรู้สึกอุ่นที่หน้าผากทำให้คนร้องถึงกับหยุดสะอื้น คยูฮยอนตาโตแทบถลนเมื่อริมฝีปากของคนตัวสูงประทับลงมาที่หน้าผากมนของเขาโดนไม่มีผมมากั้น ซีวอนค้างแบบนั้นอยู่นานจนคยูฮยอนหยุดร้องไห้เพราะอึ้งกับการกระทำของอีกฝ่าย เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้...ริมฝีปากนุ่มผละออกมาจากหน้าผากของคยูฮยอนและเปลี่ยนมามองหน้าคยูฮยอนด้วยระยะที่ห่างกันเพียงหนึ่งผ่ามือ

     

                “ตอนนี้หน้าผากนายมีเจ้าของใหม่แล้วนะ”

     

                “...”

     

                “และเขาก็เป็นคนขี้หวงมากด้วย”

     

                “...”

     

                “เพราะฉะนั้น ... ดูแลมันดีดีอย่าให้ใครมายุ่งนะรู้มั้ย เจ้าของคนใหม่มีสิทธิ์ได้คนเดียว”

     

                คยูฮยอนถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของซีวอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จุดประสงค์มันอาจจะไม่ใช่เพื่อปลอบเพราะคยูฮยอนหยุดร้องไห้แล้ว ร่างโปร่งไม่ได้อิดออดจากออกแต่กลับเป็นคยูเชื่อง ๆ ให้ซีวอนใช้มือที่แสนอบอุ่นนั้นลูบหัวและกอดเขาไว้แน่นให้รู้ว่า...เขายังมีซีวอนอยู่ข้าง ๆ

     

                แย่แล้ว... คยูฮยอนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงเกินไปของตัวเอง... มันเต้นแรงเกินไปจนแทบหลุดออกมา ถ้ามันเต้นแรงมากกว่านี้อีกคยูฮยอนจะตายหรือเปล่า รู้สึกแย่ที่เขาไม่ตั้งใจเรียนวิชาชีวะที่เป็นความรู้ตั้งแต่ม.4ตอนที่ครูสอนเรื่องของหัวใจคน

     

                หน้าของคยูฮยอนแนบที่อกซ้ายของซีวอน เขาได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

     

                และมัน...เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับคยูฮยอน

     

     

     

    TO BE CONTINUE…

    สาหัสอย่างรุนแรง... เป็นคนบิ้วไม่เก่งแรงอ่ะ

    ไม่รู้จะทำให้คนอ่านซึ้งหม้อไหกระทะไปกับเราได้รึเปล่า ฮึก

    งัดสารพัดคำบรรยายมาแล้ว ฝีมือหนูมาได้แค่นี้แหละค่ะ หนูขอโทษ

    ชอบฉากหน้าผากที่สุดแล้ว คิดไว้ตั้งแต่อินโทรแล้วว่าหน้าผากที่นางหวงแหนสักวันจะต้องตกเป็นของพี่ซีวอนด้วยวิธีแบบนี้ ฮ่า ๆๆๆ (หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)

    ค่อย ๆ เป็นค่อยๆ  ไปดีกว่าเนอะ

    ขอกำลังใจแรงเชียร์ให้เขาได้กันดั่งใจปรารถนา(ของเรา)ด้วยนะคะ

    #วอนคยูโอริโอ้

               

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×