ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] ALEATORY LOVE┃Ft.DONGHAE

    ลำดับตอนที่ #7 : ►Lesson 6 :: เขาอยู่ตรงนั้น

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 58


    .


    Lesson 6

    :: เขาอยู่ตรงนั้น

     



                มันจะมีสักกี่คนกันนะ...

                ...ที่ทำให้เรารู้สึกดีได้เพียงแค่ได้ยินเสียงลมหายใจของเขา

     

     

                ( แล้ว...เขาแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ? )

     

                “มากมากกกกกกกก”

     

                ( ก็ถอนตัวออกมาสิ จะอยู่ให้เขาอารมณ์เสียใส่ทำไม )

     

                “ถ้าทำแบบนั้นได้เราไม่มาบ่นให้นายฟังหรอก”

     

                ( รู้ตัวด้วยหรอว่าตัวเองขี้บ่น )

     

                “ย่าห์ !!

     

                คยูฮยอนส่งเสียงดังใส่คนในจอโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะขอองอีกฝ่ายกลับมาพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มจนน่าหมั่นไส้ ร่างโปร่งหยิบโทรศัพท์ที่ตอนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคนอยู่เต็มจอ เหมือนว่าทางนั้นจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

     

                วันนี้คยูฮยอนไปซ้อมกับวงดนตรีของโรงเรียนมา ซึ่งเขาคิดว่าแค่ไปร้อง ๆ ให้พวกเขาพอรู้โทนเสียงของคยูฮยอนแค่นั้น แต่มันกลับแย่อ่ะ จังหวะของพวกนั้นกับการร้องของเขาค่อนข้างเข้ากันไม่ได้สักเท่าไหร่ แถมปากเสียงกันนิดหน่อยด้วย โชคดีที่เขามีปัญหาแค่คนเดียวคือมือกลองนอกนั้นก็เหมือนจะเข้าใจกันว่าคยูฮยอนไม่ใช่มืออาชีพแค่วันเดียวจะไปเข้ากับวงที่เขาเล่นด้วยกันมาเป็นปี ๆ ได้ไง

     

                คยูฮยอนไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ วันนี้เขาลองไปร้องเพลงให้ครูฟังแล้วเพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าควรจะให้ผ่านไปแหกปากให้คนทั้งโรงเรียนฟังหรือเปล่า ซึ่งมันแย่ตรงที่ดันเข้าหูครูและโดนไล่ให้ไปซ้อมกับวงของโรงเรียน

     

                ( เอาน่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่ อย่าอารมณ์เสียไปเลย เดี๋ยวแก่เร็วนะ )

     

                “คนอย่างชเวซีวอนผู้โดนแฟนชาวบ้านเขาซ้อมรอบที่สองจนหน้าเละจะไปเข้าใจอะไร”

     

                ( รู้ไหมถ้านายอยู่ใกล้ ๆ เราจะดีดหน้าผากนายแบบนี้ ) คยูฮยอนเผลอหลับตาเมื่อเห็นมือของอีกฝ่ายดีดเข้ามาที่กล้องก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ หึ๋ย หมั่นไส้จริงเว่ย หัวเปียก ๆ แบบนั้นกับใบหน้าใสของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จมันดูดีจนน่าหมั่นไส้

     

                ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ซึ่งคยูฮยอนได้ทำการอาบน้ำและย้ายสารรูปตัวเองมาแหมะอยู่ในห้องนอนได้แล้ว มือกำลังจะเอื้อมไปจิ้มคอมกลับต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ โทรศัพท์ตัวเองก็แหกปากลั่นห้องซึ่งพอหยิบมาดูก็พบว่าชเวซีวอนได้เฟซไทม์มาหาเขาตามที่เราตกลงกันไว้เมื่อวาน

     

                เอ่อ...ก็นั่นแหละ

     

                เมื่อวานคยูฮยอนได้ทำการโดดเรียนเป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าจะให้กลับบ้านก่อนเวลาแล้วแจ็กพ็อตไปเจอคุณนายหรือคุณชายอยู่บ้านนี่ชิบหายแน่นอน คนโดนตีนเลยเสนอว่าสนใจไปนั่ง ๆ นอน ๆ บ้านเขาก่อนไหม เพราะยังไงพี่จีวอนก็อยู่ร้านยันดึก และถึงจะรู้ว่าโดดยังไงก็ไม่โดนว่าหรอก

     

                ซึ่งนั่นให้คยูฮยอนได้ไปแหมะอยู่ในห้องนอนซีวอนร่วมชั่วโมง

     

                ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายแค่นั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือการ์ตูนข้ามเวลา ก่อนจะกลับบ้านตอนสี่ทุ่มโดยมีซีวอนมาส่งซึ่งก็มีโอกาสได้เจอคุณนายให้นางกรี๊ด ๆ ที่เห็นแผลลูกชายคนที่สามของบ้านพอสังเขปก่อนจะโดนปล่อยตัวกลับบ้านไป แต่ไม่นานพอคยูฮยอนอาบน้ำเสร็จจู่ ๆ คนตัวสูงก็เฟสไทม์มาหาด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้ดูแผลให้หน่อย... และนั่นแหละเป็นเหตุให้เมื่อคืนพวกเขาจะคุยกันทั้งคืนด้วยเรื่องอะไรไม่รู้เยอะแยะจนคยูฮยอนหลับใส่กล้องไปตอนไหนก็ไม่รู้

     

                นั่นเป็นเหตุให้วันนี้เขาไม่มีแบตฯโทรศัพท์ไปโรงเรียนจนต้องข้ามห้องไปยืมแบตสำรองของฮยอกแจ

     

                “จัดห้องนอนบ้างเถอะ”

     

                ( จัดแล้วเดี๋ยวก็รกอีก )

     

                “อย่างน้อยก็ไม่ให้มันเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกแมลงสาบไง”

     

                ( นายก็มาจัดให้เราสิ ) หน่ะ

     

                เราสนิทกันแล้วสินะชเวซีวอน

     

                เมื่อวานคยูฮยอนก็กะจะจัดให้อยู่แล้วล่ะ แต่จิตใต้สำนึกมันดันบอกว่า 'กูจะทำไปเพื่ออะไรว่ะ ? ' เขาก็เลยได้แต่นั่งมองเจ้าแมลงสาบที่วิ่งเข้าใต้ตู้ในห้องซีวอนไปโดยที่ตัวเองกระโดดหนีขึ้นเตียงเพื่อความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

     

                “เรื่องสิ ห้องของนาย นายก็จัดเองสิ”

     

                ( ไม่น่ารักเลย )

     

                “เราไม่ใช่ไอรีนนี่ อีกอย่างเราเป็นผู้ชายจะไปน่ารักได้ยังไง รุ่นนี่แล้วมีแต่หล่อครับ” ไม่ว่าเปล่าคนที่บอกว่าตัวเองหล่อก็ตั้งโทรศัพท์ให้มั่นคงไว้ที่โต๊ะหนังสือก่อนจะชูนิ้วเป็นเครื่องหมายถูกที่ใต้คางและเก๊กโดยทำตาโตใส่กล้อง โอโห หล่อตายห่า

     

                ( ขี้ประชดจังเลยน้า )

     

                “ไม่ได้ประชด”

     

                ( ว่าแต่งานเปิดโลกกิจกรรมอะไรนั่นมีวันไหนหรอ ? ) พอเริ่มเข้าอีรอบนี้ซีวอนเดาได้เลยว่าอีกไม่นานต้องมีการฟาดฝีปากกันเป็นแน่ เขาเลยเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วมองอีกคนที่ตอนนี้ย้ายตัวแหน่งของตัวเองไปที่เตียงเรียบร้อยแล้ว

     

                “วันศุกร์นี้น่ะ”

     

                ( กี่โมง ? )

     

                “ช่วงเช้าจะเป็นกินกรรมภายในโรงเรียน ช่วงบ่ายจะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าน่ะ เผื่อโรงเรียนอื่นจะเข้ามาสนุกกัน ถามทำไม ?”

     

                คิดไปถึงตารางงานของวันศุกร์แล้วคยูฮยอนก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที เขานึกว่าตัวเองจะว่างเสียแล้ว แต่เพื่อนในห้องเขาดันเล่นพิเรนทร์เสนอร้านขายลูกชิ้นไปจนได้เพราะมันอยากหารายได้ไว้เผื่อมีงานฉลองในห้อง นั่นเป็นเหตุผลให้คยูฮยอนต้องไปทำหน้าที่เป็นพ่อค้าจำเป็นอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้

     

                ส่วนใหญ่พี่ม.6จะเป็นคนจัดการในงานก็จริง แต่จะเป็นพวกชมรมหรือซุ้มให้ความรู้ พวกเด็กระดับชั้นอื่นก็มีสิทธิ์มีส่วนร่วมเช่นเปิดร้านขายของกินหรือขายอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ขอแค่ไม่สร้างความวุ่นวายก็พอ

     

                ( เปล่า แล้วนั่น...จะนอนแล้วหรอ ? ) ซีวอนถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มตาปรือ ๆ จะว่าไปวันนี้คยูฮยอนก็มาเรียนสายนะ เห็นทุกทีถ้าซีวอนมาจะเห็นคยูฮยอนนั่งสัปหงกอยู่ที่ที่นั่ง B3 ของเจ้าตัวแล้ว แต่วันนี้มันสักครึ่งชั่งโมงได้มั้งถึงจะเป็นเจ้าตัวโผล่มาคงจะเรื่องซ้อมร้องเพลงแบบที่เจ้าตัวเอามาบ่นล่ะมั้ง

     

                “ปกติเรานอนเกินเที่ยงคืนนะ แต่วันนี้นายเป็นคนขัดขวางมัน”

     

                ( กำลังจะเปิดคอมเล่นเกมล่ะสิ )

     

                “อือ แต่วันนี้นายคอลมาเราเลยต้องมาแหมะอยู่ที่เตียง และตอนนี้ก็รู้สึกหนักตาสุด ๆ เลย” ว่าแล้วก็ซบลงหมอนอย่างไม่สนใจกล้องอีกต่อไป ก่อนจะลืมตาข้างนึงมองอีกฝ่ายที่คงนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือล่ะมั้ง ? มองมายิ้ม ๆ ไม่นานซีวอนเปลี่ยนตำแหน่งไปที่เตียงบ้าง

     

                ( นอนเร็ว ๆ น่ะดีแล้ว จะได้สูง ๆ ไง )

     

                “คนสูงอยู่แล้วก็พูดได้หนิ”

     

                ( คนเตี้ยอยู่แล้วก็หัดฟังคนสูงเขาบ้างสิ )

     

                “ง่ะ เราเตี้ยกว่านายไม่กี่เซ็นต์เองนะ” คิ้วขมวดใส่อีกฝ่ายไปทั้งตาปรือ เห็นอีกฝ่ายนอนหงายลงหมอนและชูกล้องขึ้นสูงโชว์ใบหน้าหล่อเหลาของตัวเอง บางทีคยูฮยอนก็คิดว่าการทำแบบนั้นมันควรจะมีเหนียงออกบ้างมั้ยอ่ะ ? ทำไมมันทำอะไรก็ดูดีไปหมด

     

                ( เราว่านายไม่ไหวแล้วล่ะ นอนเถอะ )

     

                “อือ... พรุ่งนี้จะคอลมามั้ย ?”

     

                ( น่าจะ แต่ถ้านายง่วงจะไม่รับก็ได้นะเดี๋ยวนายจะละเมอเหมือนเมื่อวานอีก )

     

                “หา ? เราเนี่ยนะละเมอ ? ” ชิบหาย... เกิดมาไม่เคยมีคนมาฟังตัวเองเพ้อตอนหลับ คยูฮยอนพลาดไปแล้วสินะ ไม่น่าหลับใส่กล้องเมื่อวานเลย พับผ่า

     

                ( อื้อ...นายละเมอว่า ทงเฮอ่า~ อีทงเฮซารังแฮฮฮฮฮ ) อีกฝ่ายว่าพลางจีบปากจีบคอออกเสียงล้อเลียนอย่างน่าหมั่นไส้ ซึ่งคยูฮยอนมั่นใจว่ามันแค่ซุงแหลออกมาเพราะเมื่อคืนคยูฮยอนไม่ได้ฝันถึงอีทงเฮเลยนะเขาจะละเมอออกไปแบบนั้นได้ยังไง ในฝันเขาเมื่อวานมีแต่หน้าเละ ๆ ของซีวอนโดนตีนอีกรอบจนเขาต้องไปทำแผลให้นั่นแหละ

     

                ...แล้ว เขาไปฝันถึงซีวอนแทนทงเฮได้ยังไงว่ะ

     

                .....

     

                ...

     

                ...เอ๊ะ

     

                ( ดูดิ หน้าแดงเลย รักเขามากกกกก ) เสียงล้อเลียนถูกพูดออกมา แต่หารู้ไม่มันใช่เพราะเรื่องนั้นซะที่ไหนกัน !

     

                “หะ..หา ไหนอะไรใครหน้าแดงป๊าว” คนง่วงตื่นขึ้นมาทันทีแต่หัวก็ยังซุกหมอนอยู่อย่างนั้นพลางกรอกตาไปมาเมื่อสีหน้าอีกฝ่ายจากในจอมองมาอย่างจับผิด

     

                ( อ่าหะ... นอนเถอะ )

     

                “เฮ้ เราไม่ได้หน้าดะ..”

     

                ( ฝันดีนะ... ขอบคุณมากที่ยังอยู่ข้างเรา )

     

                “....”

     

                เอออดี มันทำดี

     

                ใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมคำบอกฝันดีหายไปจากจอก่อนจะแทนด้วยจอสีดำมืด คยูฮยอนยู่ปากก่อนจะส่งโทรศัพท์ไปเสียบสายชาร์จและวางที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่หัวเตียง ก่อนจะกดปิดไฟก่อนจะเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองจนถึงจมูก

     

                บ้าเอ๊ย...

     

                คยูฮยอนว่าเขาชักบ้าขึ้นทุกวันแล้วที่ปล่อยให้คนอื่นนอกจากอีทงเฮมามีผลกับอารมณ์ของตัวเอง

     

                ... บอกฝันดีด้วยสีหน้าแบบนั้น....

     

                แล้วนี่ใครมาตีกลองแถวนี้  นอนไม่หลับเว่ยยยยย

     

    .

    .

     

     

              สองวันต่อมา...

     

                เปิดโลกกิจกรรม โรงเรียน xxx ปี 20xx ’ 

     

                ป้ายถูกยกขึ้นแขวนที่หน้าโรงเรียนด้วยฝีมือของเด็กนักเรียนที่ช่วย ๆ กันละเลงมันมาหลายวัน คยูฮยอนเป็นแค่เพียงผู้เฝ้ามองห่าง ๆ เพราะด้านฝ่ายศิลป์เขาไม่ขอข้องเกี่ยว แค่ไปซ้อมร้องเพลงกับเถียงกับเพื่อนเรื่องขายลูกชิ้นก็ปวดหัวจะตายห่าอยู่แล้ว

     

                “ยังไม่กลับอีกหรอ ? ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้คยูฮยอนหันไปมอง ก็พบว่าเป็นบุคคลที่เขาเพิ่งเอ่ยลามาได้ไม่นาน

     

                “อ่า... แวะดูอะไรนิดหน่อยนะ นายปิดห้องชมรมเรียบร้อยแล้วหรอ”

     

                “อื้อ พรุ่งนี้มาพยายามด้วยกันนะ” มือกีต้าของวงดนตรีของโรงเรียนที่ชื่อ ยงฮวา ยิ้มมาให้คยูฮยอนเหมือนทุกที คนคนนี้อาจจะเป็นคนเดียวในวงก็ได้ที่มนุษย์สัมพันธ์ดีกับเขาที่สุด

     

                “เหอะ ไหนบอกจะไปเรียนไง” ...ไม่เหมือนไอเถิกมือกลองที่แม่งชอบหาเรื่องเขาอยู่เรื่อยเลย !

     

                “ไม่อ้าปากก็ไม่มีใครว่าอะไรนายนะ” คยูฮยอนหันไปค้อนใส่ไอเถิกมือกลองที่ชื่อว่า ฮันคยอง ที่เดินล้วงกระเป๋ามาโดยในปากมีอมยิ้มรสเลม่อน(คยูฮยอนเห็นเปลือกมันทิ้งอยู่ที่พื้นห้องเต็มไปหมด)แถมยังยักคิ้วกวนตีนคยูฮยอนอีกต่างหาก

     

                อย่างน้อยมันก็อาจจะดีกว่าวันแรกนิดหน่อยที่ไอบ้านี่ไม่ยอมรับเขาด้วยซ้ำ จ้องจะเปลี่ยนนักร้องอย่างเดียว คิดว่าเขาอยากมากดิ ถ้าอาจารย์ไม่ขอร้องไว้และนักร้องของวงพวกเอ็งไม่มีธุระเขาก็ไม่มาแหกปากให้คนทั้งโรงเรียนฟังหรอกเว้ย

     

                “มึงก็อย่าไปแขวะเขามากสิว่ะ ทำให้คยูฮยอนหงุดหงิดพรุ่งนี้เขาทำวงเสียหน้าล่ะกูจะโทษมึง” คยูฮยอนรู้สึกไปเองหรือเปล่าแต่คำพูดมันแปลก ๆ นะ

     

                คยูฮยอนหันไปมองอีกคนที่เดินตามหลังมาซึ่งคือมือเบสของวงชื่อ กวางมิน เป็นคนที่ทำให้คยูฮยอนรู้สึกหงุดหงิดรองลงมาจากไอเถิกมือกลองเลยล่ะ เพราะคำพูดคำจาของนางเหมือนจะดีแต่แม่งก็แค่เกือบอ่ะ เออ งง

     

                “พอเถอะน่า คยูฮยอนจะไปเรียนสินะ ไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันนะ” เป็นยงฮวาพ่อพระประจำวงที่แสนดีกับเขาเสมอ คยูฮยอนอยากจะน้ำตาไหลพรากเข้าไปกระโดดกอดเสียจริง ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่ไอเถิกที่เดินทำหน้ากวนตีนเขาอยู่ ก่อนจะเดินหนีไปอีกทางเพื่อหาที่ยืนรอ

     

                ก็จะใครซะอีกล่ะ อีทงเฮไง -_-

     

                แต่นี่มันก็จะชั่วโมงนึงแล้วน่ะ เขาซ้อมเลทเวลาเรียนมาครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ เห็นทงเฮบอกว่าจะออกมาแล้วนี่หว่า นี่เขาออกจากห้องซ้อมมาก่อนนานพอสมควรแล้ว ทำไมอีทงเฮยังไม่ออกมาอีก คิดแล้วคยูฮยอนก็หยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาเพื่อจะโทรหา

               

                [-คุณชายรักยิ้ม-]       

              :: เลทมาชั่งโมงนึงแล้วนะ

              :: วันนี้จะมาเรียนหรือเปล่า ?

              :: ซ้อมดึกหรอ ?

              :: ให้เรารอไหม ?

              :: วันนี้อีทงเฮมาเรียนด้วยรึเปล่า ?

              :: วันนี้น่าเบื่อมากเลย

              :: ง่วง

              :: *สติ๊กเกอร์หมีนอน*

     

              ข้อความทางไลน์ที่ปรากฏรัว ๆ ขึ้นมาบนหน้าจอทำให้คยูฮยอนขำ แทนที่จะโทรตามอีทงเฮมือเขากลับสไลด์ไปอ่านมันเสียแล้ว แน่นอน... ชื่อไลน์ของซีวอนถูกเปลี่ยนและเมมโดยคยูฮยอนเองซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนเมมไปแบบนั้น ขนาดคนเมมยังงงตัวเองเลยว่านิ้วมันพิมพ์ไปอย่างนั้นได้ไง

     

                จะให้ซีวอนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาจงใจเขียนคำว่า ลักยิ้ม เป็น รักยิ้ม

     

                ไม่รู้เพราะอะไรถึงทำแบบนั้น แต่คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับอีกคนมากกว่า

               

              [-คุณชายรักยิ้ม-]

              :: อ่านแต่ไม่ตอบ

              :: *สติ๊กเกอร์หมีเข่าใส่กระต่าย*

     

              หลุดขำออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าของอีกคน ตอนนี้มันควรจะตั้งใจจดที่คนในจอสอนไม่ใช่หรือไง แล้วเจ้านั่นเอาเวลาเรียนมาตอบไลน์แบบนี้ ไม่เรียนอีกแล้วล่ะสิ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีวอนถึงได้อ่อนเคมีนัก

     

                จะว่าไปเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้สวมบทครูเคมีเลยแหะ ช่วงนี้ยุ่ง ๆ ซะด้วย ซีวอนก็ไม่ได้สอนเขาทำเค้กต่อเหมือนกัน

               

    [-KYUHYUN-]

    ซ้อมเสร็จแล้วกำลังไป รอทงเฮอยู่ ::

    เล่นไลน์แบบนี้ไม่ดีนะ นายควรจดแทนเราที่ไปเรียนสาย ::

    *สติ๊กเกอร์กระต่ายกอดอก* ::

     

                น่าแปลกที่มันถูกอ่านเร็วเกินคาด -_- อ่า... ชเวซีวอนคงละทิ้งจากการสนใจเรียนโดยสมบูรณ์สินะ จริง ๆ เขาไม่ควรจะเข้าไปกดให้มันขึ้น read ด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำรู้ตัวอีกทีมือมันก็สไลด์หน้าจอเข้าแอพฯไลน์ไปตอบซะแล้ว คยูฮยอนรู้ว่ามันไม่มีที่ทำให้เพื่อเสียการเรียน เขาควรจะรู้สึกผิด

     

                ..แต่เปล่าเลย คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองยิ้มแฉ่งขนาดนี้ตอนนี้ส่งไปแล้วอีกคนอ่านทันที

     

                บ้าไปแล้ว

               

                [-คุณชายรักยิ้ม-]

              :: อ๋ออออ รอว่าที่แฟนอยู่นี่เอง

              :: ไม่ต้องรีบก็ได้ เดี๋ยวเราจดให้

              :: *สติ๊กเกอร์หมีบิด*

    [-KYUHYUN-]

              ตอบไลน์เวลาเรียนแบบนี้เราคงไว้ใจได้อยู่หรอก ::

              ช่างเถอะ ไว้เราไปเรียนชดเชยทีหลังก็ได้ ::

              เรียนได้แล้ว ทงเฮมาแล้วล่ะ ::

     

              [-คุณชายรักยิ้ม-]

              :: ไม่เห็นเป็นไร...

     

                ไม่รออ่านให้จบ คยูฮยอนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงนักเรียนทักทีที่อีกคนเรียกชื่อเขาพร้อมวิ่งมาแต่ไกลดูจากเหงื่อพราวบนหน้าก็รู้ว่ามันไม่ใช่เพราะวิ่งมาหาเขาหรอก มันคงเป็นเพราะทงเฮเป็นคนของประชาชน ช่วยคนโน้นคนนี้จนเหงื่อออกเต็มไปหมด

     

                “รอนานมั้ย ขอโทษทีนะ พวกรุ่นพี่ดึงตัวไว้น่ะ ถ้าไม่บอกว่ามีเรียนคงโดนดึงอีกนาน งานมันพรุ่งนี้แล้วนี่นะ” รอยยิ้มสดใสนั่นมันยังทำให้คยูฮยอนรู้สึกสดชื่นเสมอ อีทงเฮนี่มันพระอาทิตย์ของเขาจริง ๆ

     

                “ไม่เป็นไร วันนี้เราก็ซ้อมนานเหมือนกัน”

     

                “หรอ... เข้ากับวงได้หรือยังล่ะ หรือยังโดนฮันคยองเขม่นอยู่”

     

                “ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้ญาติดีกันหรอก” บ่นออกมาพร้อมถอนหายใจ ตอนอยู่ด้วยกันเวลาไปเรียนพิเศษก็มีบ้างที่ต้องหาเรื่องคุยอย่างการเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาในวันนี้ แน่นอนมันเป็นหัวข้อสนทนาที่ดี เพราะดูอีทงเฮจะชอบใจเสียเหลือเกิน

     

                “อยากฟังคยูร้องเพลงแล้ว”

     

                “นายไม่ต้องไปช่วยรุ่นพี่หรือไง ? ซุ้มที่นายไปช่วย เขาจัดทั้งวันเลยไม่ใช่หรอ” เห็นเจ้าตัวมาบ่น ๆ อยู่ว่าคงไม่ได้ชมงานนักเพราะต้องช่วยรุ่นพี่ที่ซุ้มทั้งวัน คยูฮยอนก็อยากถามเหมือนกันว่าทำซุ้มอะไรกันทำไมต้องอยู่นานขนาดนั้น

     

                “เราจะฟังซะอย่างใครจะห้ามได้ล่ะ” น่าน โดนอีกแล้ว

     

                ใครจะไปคิดว่าแค่ประโยคธรรมดามันทำให้คยูฮยอนรู้สึกหน้าร้อนไปหมดขนาดนี้

     

                ฮ้อยยย /////

     

                “อย่าให้เราเห็นพวกนายรึกัน แค่ฮยอกแจมันบอกจะมาเกาะขอบเวทีเราว่าเราก็น่าจะร้องไม่ออกแล้วล่ะ”

     

                “ฮยอกแจไปดูด้วยหรอ ? งั้นเราจะไปเกาะขอบเวทีกับฮยอกแจรึกัน”

     

                “โหย... นายจะให้เราขายหน้าคนทั้งโรงเรียนหรือไง เราก็เกร็งตายสิ แค่คิดถึงหน้าฮยอกแจเวลาแซวเราก็น่าจะร้องไม่ออกแล้วล่ะ” เพื่อนสนิทที่บอกว่าถึงจะติดซ้อมลีดก็จะดูให้ได้ ดูพวกลีดเดอร์จะคึกคักกันเสียจริง ฟิตกันมากจนอาศัยวันเปิดโลกกิจกรรมเป็นวันซ้อมเลยล่ะ แต่ฮยอกแจก็พอรู้ว่าเขาได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลงก็รีบปากอย่างหนักแน่นว่าจะมาเกาะขอบเวทีเป็นหน้าหมา(ม้ามั้ย)เตรียมโห่(ไล่)

     

                #เพื่อนรักกูมาก

     

                “ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า คยูทำได้อยู่แล้ว”

     

                “ไม่เคยขึ้นเวทีร้องเพลงเลยนี่นา แถมช่วงเย็นคนเยอะด้วย เราต้องโดนฆ่าตายทางสายตาแน่ ๆ ” พูดพลางทำหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้ ถึงคยูฮยอนจะชอบทำหน้าตายเวลาอยู่คนเดียวแค่ไหน แต่มันก็ต้องเกร็งบ้างมั้ยถ้าไปอยู่บนเวทีท่ามกลางคนเป็นฝูงแบบนั้น

     

                ป๊อก

     

                “ขมวดคิ้วอีกแล้ว มั่นใจหน่อยสิ” ความเจ็บปวดที่หน้าผากทำให้คยูฮยอนเอื้อมมือไปกุมมัน แต่ไม่นานก็โดนมือของอีกคนฉวยไปกุมไว้ ความอุ่นที่มือที่คยูฮยอนรู้สึกได้ทำให้เขาหน้าร้อน ทงเฮจูงมือเขาไปขึ้นรถเหมือนทุกทีก่อนจะหาที่นั่งสำหรับสองคนแล้วจูงไปนั่ง

     

                “สู้ ๆ ” คนข้างกายเอ่ยเสียงแผ่วจนคยูฮยอนรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสหนัก ๆ ที่ไหล่อย่างทุกที คยูฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือที่กุมไว้ยังไม่ปล่อยแถมยังบีบแน่นเหมือนส่งกำลังใจมาให้ เขากัดริมฝีปากแน่นเมื่อความรู้สึกร้อนมันตีหน้าไปหมด

     

                มันชักจะมากเกินไปแล้ว

     

                ความรู้สึกที่มีต่ออีทงเฮมันมากเกินไปแล้วจริง ๆ

     

     

    .

    .

     

               

     

                วันนี้แล้ว...

     

                ที่โรงเรียนจะกลายเป็นตลาดนัด

     

                “เอ้า ยกมือดักกวักมือเรียกขนมจีบซาลาเปาร้อน ๆ ทางนี้เลยคร้าบบบบบ น้องม.4คนนั่นสนใจรีบจีบจากพี่หน่อยมั้ยคร้าบบบบ”

     

                “สนใจปาชายน้อยตกน้ำมั้ยคร้าบบบบบ ปาตกไม่ตกก็ไม่ได้ห่าอะไรเลยคร้าบบบกูไม่มีตังซื้อมาแจกอยากได้ไปซื้อเอง กร๊ากกกก”

     

                “โรตีมั้ยจ้ะนายจ๋า”

     

                นี่แหละครับโรงเรียนชายล้วนชื่อดังมั้ยไม่รู้ รู้ว่าสติสตางค์พวกแม่งเวลาได้ปล่อยผีเนี่ยไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่

     

                คยูฮยอนมองภาพบรรยากาศแบบนี้มาร่วม 5 ปีแล้ว ซึ่งเขาก็ชอบนะ ทุกคนเหมือนได้ปล่อยผีได้สนุกสนานกันหลักจากที่เรียนเครียด  ๆ เลิกเย็น ๆ กันมาหลายเดือน เวลามีงานรื่นเริงทีก็แบบนี้แหละครับ ไอเด็กที่ใส่แว่นหนาเตอะกลับกลายเป็นไอเจ๊กกวนส้นตีนได้ภายในชั่วพริบตา

     

                ตอนนี้สนามบอลและพื้นที่ใต้อาคารกลายเป็นร้านอะไรบ้างก็ไม่รู้ คยูฮยอนได้ยินเสียงแหกปากขายของเต็มไปหมด มีทั้งของคาวหวานของใช้ของมือสองมากมายตั้งแต่สากะเบือยันเรือรบ อยากถามเหมือนกันว่ามาเปิดซุ้มกันเยอะขนาดนี้แล้วใครมันจะเป็นคนซื้อว่ะ คนขายแม่งโคตรเยอะ

     

                “คยู! ทางนี้ !” ร่างโปร่งที่วันนี้อยู่ในเสื้อนักเรียนที่หลุดลุ่ยกว่าทุกวันหันไปตามเสียงเรียก ก็พบกับหนึ่งในเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง

     

                “เพื่อนเริ่มขายกันแล้วหรอ ซองมิน

     

                “อื้อ คนต่อแถวซื้อกันยาวเลย”

     

                “ลูกชิ้นขายดีมากี่ปีแล้วล่ะ ไม่มีคนซื้อสิแปลก” คยูฮยอนมอบเพื่อนตัวอวบของตัวเองที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ เหมือนจะเพิ่งผละออกมาจากร้านได้ล่ะมั้ง

     

                ซองมิน คือเพื่อนในกลุ่มเฮงซวยที่เขาอยู่ด้วยตอนนี้ แต่ออกจะแตกต่างมาซะหน่อย ยังไงดีล่ะ ซองมินเพิ่งเข้ามาในกลุ่มเขาเพราะสนิทกับเพื่อนในกลุ่มอีกคน ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยชอบหรอกเพราะคิดว่าก็คงเข้าอีหรอบเดียวกันคือไม่ค่อยสนใจงาน แต่มันกลับตรงข้าม ซองมินเข้ามาคุยเรื่องงานกับเขา

     

                มันก็เป็นเรื่องดีที่ชีวิตม.ปลายของเขาจะไม่เหนื่อยเกินไป คยูฮยอนคิดว่าอย่างน้อยมันก็ยังมีเรื่องดีดีอยู่บ้าง

     

                “แต่งตัวไม่สุภาพหักสิบคะแนน” เสียงคนข้างตัวเอ่ยขึ้นพร้อมทำเสียงเข้มเลียนแบบอาจารย์ฝ่ายปกครองทำให้คยูฮยอนขำ

     

                “วันเดียวเองครับจารย์” พูดพร้อมโค้งหัวให้เพื่อเล่นตามซองมินหัวเราะร่าก่อนทั้งคู่จะเดินขนานไปด้วยกันที่ซุ้มขายลูกชิ้นของห้องตัวเอง

     

                จริง ๆ วันนี้เขากะจะใส่ชุดไปรเวทมาแล้วด้วยซ้ำ ถ้าติดว่าตัวเองต้องขึ้นเวทีล่ะก็คยูฮยอนคงทำแบบนั้นเพราะวันนี้บอกแล้วว่าวันปล่อยผี พวกคุณครูไม่เข้ามายุ่งหรอกแต่ก็เห็นมาเดินซื้ออะไรกินจากที่เด็ก ๆ ขายรวมถึงเดินตรวจความเรียบร้อยเผื่อเด็กทำอะไรผิดกฎ

     

                อย่างเช่นแอบเอาน้ำเปลี่ยนนิสัยคน(เหล้า)เข้ามาขายหรือนั่งสุ่มหัวแดกกันเอง

     

                ซึ่งคยูฮยอนมั่นใจว่ามีแต่พวกนั้นมันมีแหล่งของมันครับ ครูจับไม่ได้หรอก(ห้ามเลียนแบบนะครับ)    

     

                พอพวกเขาเดินมาถึงซุ้มของห้องตัวเองก็พบว่ามันยุ่งพอสมควร ตอนนี้คนขายยืนกันเต็มโต๊ะไปหมดซึ่งคยูฮยอนคิดว่ามันคงไม่มีที่แทรกให้เขาเข้าไปช่วยขายแล้วล่ะ แค่ซองมินเดินเข้าไปที่ก็เต็มแล้ว(แซะ) ร่างโปร่งเดินไปหาที่วางกระเป๋าแล้วยืนเป็นฉากอยู่แถวนั้น

     

                จะให้เขาไปซ้อมร้องเพลงก็คงไม่ได้เพราะตอนนี้พวกวงดนตรีหลักกับนักร้องของพวกนั้นคงกำลังเปิดแท็กซ์ขนาดย่อมในห้องประชุมใหญ่ แน่นอนคยูฮยอนคิดว่าคนแม่งต้องอัดเป็นปลากระป๋อง เขาก็อยากไปดิ้นนะแต่ไม่ไหวอ่ะ คยูฮยอนอาจขาดอากาศหายใจตายห่ากลางดงตีนได้

     

                “เฮ้ย ใครว่างบ้างว่ะ เอาลูกชิ้นไปเดินขายดิ๊” ในที่สุดคยูฮยอนก็เห็นหนทาง

     

                “เดี๋ยวเราไปให้เอง” คยูฮยอนใส่ผ้ากันเปื้อน(เอาไว้ใส่ตัง)ก่อนจะรับถาดที่มีลูกชิ้นใส่ถุงราดน้ำจิ้มแล้วเรียบร้อยมาถือไว้เพื่อทำภารกิจที่เพิ่งได้รับมอบหมาย คยูฮยอนเป็นคนอะไรก็ได้อยู่แล้ว ดีซะอีกเขาจะได้ไม่ว่างเกินไป

     

                คยูฮยอนเลือกที่จะเดินไปทางห้องประชุมเพราะว่าให้เดามันห้องมีช่วงเบรกและคนที่ดิ้นแด่ว ๆ กันอยู่ด้านในแม่งต้องเดินออกมาด้วยสภาพเหมือนซอมบี้อดอยากแน่นอน ถ้าไปขายตรงนั้นอาจจะเป็นการดีที่มันจะหมดโดยเร็ว และคยูฮยอนก็จะชิ่งไปลั้ลลาครับ (เลว)

     

                เสียงกลองกับเบสหนัก ๆ ดังมาจากด้านในห้องประชุมทำให้คนที่รออยู่ด้านนอกนึกอยากดิ้นเหมือนกันแหะ... เพราะตอนซ้อมกับพวกฮันคยองคยูฮยอนได้ร้องแต่เพลงช้าเนิบ ๆ เพราะเสียงตัวเองมันไปทางร็อคไม่ได้ ถึงตอนเย็นมันจะเป็นคอนเสิร์ตลานกว้างแต่คยูฮยอนกลับร้องได้แต่เพลงช้า ๆ เบา ๆ เลยตกลงกันว่าช่วงเพลงมันส์ให้ยงฮวารับช่วงต่อส่วนคยูฮยอนก็ยืนเป็นตุ๊กตาประดับเวทีไปหรือจะโดดเวทีลงไปเลยก็ได้ แน่นอนคำแนะนำสุดท้ายมันเป็นของไอเถิกมือกลองที่เขาชิงชัง

     

                เข้าใจอยู่หรอกที่ตอนซ้อมมีปัญหากันเพราะวงพวกนี้เขาเล่นแต่เพลงเร็ว ๆ มันส์ ๆ กันสินะ -_- จริง ๆ คยูฮยอนก็เคยถามครูไปว่าทำไมต้องหาคนเพิ่มด้วยในเมื่อมือกีต้าก็ร้องได้เหมือนกัน แต่ครูก็บอกกลับมาว่ามีนักร้องนำแหละดีแล้ว ไว้คั่นเป็นเพลงช้า ๆ ไว้พักเหนื่อย แถมนักร้องหลักไม่ว่างช่วงเย็นต้องหาคนไปประดับไม่ให้เวทีว่างเกินไป เออ สุดท้ายกูก็มีประโยชน์แค่นี้แหละ -_-

     

                “เชี่ยเอ้ย มันส์สัด”

     

                “โชคดีมีพักไม่งั้นกูดิ้นลืมโลกแน่ไอห่า”

     

                “เดี๋ยวตอนเย็นมีคอนกลางแจ้งอีกมึง”

     

                “โอ้ยยยห่า หาอะไรเพิ่มเลือดตัวเองด่วนกูไม่ไหวแล้ว”

     

                ประตูห้องที่ถูกเปิดพร้อมกับฝูงซ้อมบี้กระหายที่ออกมาหาอะไรเข้าปากอย่างที่คยูฮยอนคิดไว้จริง ๆ แต่แม่งต่างไปนิดหน่อยตรงที่แม่งกรูเข้ามาอ่ะ แบบเห้ย ต่อแถวหน่อยมั้ย เข้ามารุมกูแบบนี้มึงคิดว่ากูเป็นพี่ตุ่นบอดี้สลัมหรือไง ซั๊ซ

     

                “ขอสองถุงคร้าบบบบบ”

     

                “ห้าถุงเลย หิวมาก”

     

                “เห้ย สามถุงครับๆๆ”

     

                “ถุงนึงด้วยนะ”

     

                โอ๊ยยยยย อย่ารุมกูวววว

     

                พ่อค้าขายลูกชิ้นตอนนี้เริ่มถูกรุมจนรู้สึกมึนงง ไม่รู้มือใครเป็นใครแล้วตอนยื่นมาหมายจะเอาลูกชิ้นในถาด คยูฮยอนคิดว่าการที่จำนวนถุงมันลดลงโดยที่เขายังไม่ได้เงินสักบาทแม่งมีประเด็นอ่ะ เฮลโหล๋วพวกเอ็ง คิดจะชักดาบช่วงชุลมุนหรอ

     

                ทนไม่ไหวละเว่ยยยยย

     

                “พวกนะ....”

     

                พรึ่บ

     

                “ต่อแถวซื้อกับดีดีดิ๊ อย่างนี้ชาตินี้จะได้แดกไหม” มีมือปริศนาอยู่ ๆ ก็ฉุดเขาออกมาจากวงล้อมได้ คยูฮยอนรู้สึกคุ้นเสียงมาก แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เบิกตาตกใจ

     

                “ฮันคยอง..?”

     

                “ไม่เรียกไอเถิกแล้วไงพ่อค้าขายลูกชิ้น แล้วไปยืนให้คนอื่นเขารุมทำไม โง่” กร๊าซซซซซซ

     

                คยูฮยอนหันไปมองฝูงซอมบี้ที่ตอนนี้ต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบทันทีที่ได้รับคำสั่ง  โอโห พวกมึงมันพวกสาวกใช่มั้ย คิดกันเองไม่ได้หรอกต้องให้ศาสดาเจ๊กหัวเถิกนี่มาสั่งสอนน่ะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้เมื่อกี้ฮันคยองเอ่ยออกมาอย่างกับครูฝึกทหารคยูฮยอนก็เกือบไปเข้าแถวแล้วเหมือนกันถ้าไม่ติดว่าไอมือที่จับไม้กลองจนมันด้านจับแขนเขาไว้อยู่

     

                “เอามาสิบถุงด้วย” เสียงที่เอ่ยเข้าข้างตัวทำให้คยูฮยอนหันขวับอีกรอบ นี่คือจุดประสงค์ของเอ็งใช่มั้ย เข้ามาทำตัวเป็นฮีโร่แล้วชิ่งแซงคิวน่ะ ไอนี่มันร้าย

     

                “ไปต่อแถวเหมือนคนอื่นสิ”

     

                “ไม่สำนึกบุญคุณกันเลยสินะ”

     

                “น้ำใจน่ะสะกดเป็นม่ะ จะเก็บไว้ให้ไปต่อแถวสิ ไม่อย่างนั้นมือกลองของโรงเรียนจะถูกมองไม่ดีนะ” คยูฮยอนว่าพลางพยักเพยิดไปทางหางแถวโดยมีสายตาของพวกสาวกทั้งหลายที่จ้องมองมาด้วยความมึนงงที่จู่ ๆ มือกลองบนเวทีเมื่อกี้มาโผล่นี่ได้ยังไง แต่เชื่อเถอะ คนขายก็งงเหมือนกันครับ

     

                “เหอะ วันนี้จะเร่งจะหวะให้ร้องไม่ทันเลย” อื้อหือ ดูคำพูดคำจาของพี่แก

     

                ฮันคยองจิ๊ปากก่อนจะเดินไปต่อแถวโดยดี คยูฮยอนยัดลูกชิ้นสิบถุงใส่ไว้ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนไว้ก่อนจะทำหน้าที่พ่อค้าต่อ ต้องขอบคุณฮันคยองเหมือนกันที่ช่วยไม่ให้เขาปล่อยระเบิดออกมา ไม่งั้นไอแว่นหน้าจืดที่มายืนขายลูกชิ้นในสายตาทุกคนคงกลายเป็นสัตว์ประหลาดแน่ ๆ

     

                ถึงฮันคยองจะดูเหมือนไม่ชอบเขาแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก

     

                เพราะตลอดเวลาที่ไปซ้อมที่ชมรมดนตรีเขามีแอแคลร์กินแก้หงุดหงิดเวลาโดนฮันคยองเสียดสีทุกทีเลยน่ะสิ พอถามถึงที่มาจากยงฮวาก็พบว่า ฮันคยองนั่นแหละเป็นคนซื้อมันมา

     

                นั่นแหละเป็นเหตุให้คยูฮยอนไม่เกลียดฮันคยองจริงจังสักเท่าไหร่

     

                ไม่นานลูกชิ้นในถาดเขาก็หมดพร้อมกับฮันคยองที่ต่อแถวอยู่เป็นคนสุดท้ายก่อนจะแบมือมาขอลูกชิ้นคยูฮยอนบอกจะเก็บไว้ให้ด้วยสีหน้าคนหงุดหงิดระดับสิบ แต่มันไม่ทำให้คยูฮยอนกลัวหลอกนะ เขาชินไปซะแล้วล่ะ

     

                “นายทำหน้าแบบนี้ขึ้นเวทีตลอดเลยหรือไง”

     

                “เรื่องของฉัน”

     

                “บอกว่า เสือกก็ได้”

     

                “เสือก”

     

                “เออให้มันชัดเจนแบบนี้ พี่ชอบ” คยูฮยอนว่าพลางแสยะยิ้มใส่อย่างเซ็ง ๆ เขาจัดการเอาลูกชิ้นใส่ถุงให้ฮันคยองก่อนจะรับตังค์มาและเก็บมันเข้ากระเป๋าผ้ากันเปื้อน

     

                “นายเถอะ วันนี้อย่าทำล่มรึกัน”

     

                “เราไม่ขุดหลุมฆ่าตัวเองหรอกน่า”

     

                “ไม่ใช่ว่าหลุมมันอยู่บนหน้านายอยู่แล้วหรือไง” กึก... คนกำลังนับตังค์เพลิน ๆ ชะงักกึกก่อนจะจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ไอส้นตีนนนนนนนน ด่าอะไรด่าได้แต่มาด่าปมด้อยเขานี่อยากซัดมันสักหมัด ต่อยกับพี่กูป่าววว

     

                “ไม่เสือกดิ” เก็บความแค้นไว้ในใจก่อนจะจับเงินยัดลงในกระเป๋าอีกรอบ คยูฮยอนควรกลับซุ้มไปสละตำแหน่งพ่อค้าเร่ขายได้แล้ว อีกอย่างอยู่กับฮันคยองนานคยูฮยอนคิดว่าตัวเองมีลั่นแน่นอน ตีนกูเนี่ยแหละมีลั่นไปโดนเถิกมือกลองของโรงเรียน

     

                “หึ ปากดี” ว่าแล้วคุณมือกลองก็ถือถุงลูกชิ้นแล้วเดินผ่านเขาไปโดยเอามือเสยผมคยูฮยอนไปด้วยจนมันเห็นเหม่งเขา เห้ย !! นี่อุตส่าห์ตัดม้าปิดบังแล้วนะ ไอบ้านี่มัน...

     

              ตื้อดึง

     

                ในขณะที่ในใจยังคงสาปแช่งไอเถิกที่บังอาจมาเล่นหัวเขาคยูฮยอนก็รู้สึกถึงแรงสั่นที่กระเป๋ากางเกง ร่างโปร่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาหาสาเหตุของการสั่นก่อนจะยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อคนส่งที่เมื่อวันก่อนเฟซไทม์มาบอกว่าวันนี้มาไม่ได้เพราะติดงานที่โรงเรียนตัวเองเหมือนกัน

     

                [-คุณชายรักยิ้ม-]

              :: สู้ ๆ นะ คุณนักร้อง :)

     

              ให้ตายเถอะ ฮันคยองตีกลองดังมาถึงนี่เลยหรอว่ะ ?

     

     

    .

    .

     

     
     

                “ผ่อนคลายหน่อยสิ”

     

                “นายไม่เห็นนั่นหรือไง ฝูงคนหรือฝูงลิงว่ะ ทำไมมากันเยอะขนาดนั้น ”

     

                “เอาน่าเดี๋ยวก็ชิน”

     

                “นี่มันครั้งแรกของเรานะ!

     

                “เหอะ พวกมือสมัครเล่น”

     

                “หุบปากกกกกกกก”

     

                คงไม่ต้องสงสัยว่าบทสนทนาช่วงแรกเป็นของใครถ้าไม่ใช่คยูฮยอนกับยงฮวาที่กำลังปลอบคนตัวขาวใส่แว่นอันโตที่ตอนนี้ถือไมค์ลนไปหมดอยู่หลังเวทีกับกับนักดนตรีอีกสามคน ส่วนบทสนทนาครึ่งหลังนี่ไม่ต้องสงสัย ก็ไอเจ๊กหัวเถิกนั่นแหละที่แทรกขึ้นมา ไอไร้มารยาททท

     

                ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงครึ่งแน่นอนมันเลทจากที่ประกาศไว้นิดหน่อยว่าจะมีคอนตอนสี่โมง วันนี้คยูฮยอนต้องโดดเรียนพิเศษอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะคอนเล็ก ๆ ที่จัดตอนเย็นนั้นยาวไปถึงสองทุ่ม คยูฮยอนเชื่อว่าเขาร้องจนเสียงแหบแน่นอนแต่ก็น่าจะไหวแหละเพราะกิจกรรมช่วงเช้าทุกคนต่างหมดแรงกับการขายของและเล่นเกมตามซุ้มต่าง ๆ ...

     

                แต่เปล่าเลย

     

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

                คยูฮยอนลืมคิดไปได้ไงว่าช่วงบ่ายจะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามา

     

                ย๊ากกกกกกก

     

                ฝูงคนที่ปนไปหมดทั้งมนุษย์ชายหญิงด้านล่างทำให้คยูฮยอนลนระดับสิบ ยิ่งเสียงกรี๊ดบ่งบอกถึงความฮอตของวงของโรงเรียนด้วยแล้วคยูฮยอนยิ่งอยากวิ่งกลับบ้านเสียเหลือเกิน อยากนึกโทษอาจารย์เหลือเกินที่สุ่มเลือกมาไม่ถงไม่ถามสุขภาพกูสักคำ แต่ไม่ได้มันบาปคุณนายสอนมาดี แง้

     

                “เดี๋ยวพวกเราจะออกไปเปิดเวทีก่อนก็ได้ คยูก็ทำใจเย็น ๆ อยู่ตรงนี้ก่อนพวกเราจะเรียกนะ” ยงฮวาเอ่ยขึ้นก่อนจะวางมือลงบนไหล่ให้เขาผ่อนคลาย ร่างโปร่งพยักหน้ารับก่อนจะยกน้ำในขวดที่กำไว้แน่นขึ้นดื่มเพื่อหวังว่ามันจะช่วยลดความประหม่าได้บ้าง

     

                “ซ้อมกันมาตั้งหลายวันแล้ว มั่นใจหน่อยสิ” เป็นกวางมินที่พูดพร้อมสะพายสายเบสแล้วมองมาทางเขา คยูฮยอนพยักหน้ายิ้มกับไปด้วยสีหน้าดีขึ้น แต่มันก็ไม่หยุดตื่นเต้นหรอก คนเยอะขนาดนั้นถ้าเขาไปปล่อยไก่ขึ้นมาจะทำยังไง

     

                ทั้งสองคนทยอยออกไปจากห้องและส่งกำลังใจมาให้คยูฮยอน ตอนนี้เหลือเพียงฮันคยองที่นั่งอมอมยิ้มรสมะนาวแกร่งไม้กลองไปมาเหมือนคิดอะไรอยู่กับคยูฮยอนที่เดินลนลานไปมาเหมือนหนูติดจั่น

     

                “นี่..หยุดดะ...”

     

                “หุบปากกกก เราไม่อยากได้ยินเสียงนายอ่ะ”

     

                “เฮ้”

     

                “เงียบ!” เออ ดี

     

                ฮันคยองทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนคนตื่นเต้นคะคอกใส่หน้า ดูเหมือนคยูฮยอนจะตื่นเต้นมากจริง ๆ นั่นแหละ เพราะทุกทีเวลาเขาเสียดสีอะไรไอแว่นนี่มันจะไม่โต้ตอบและพร้อมกับสีหน้าหงิด ๆ คิ้วกระตุกรัว ๆ เหมือนพยายามข่มความหงุดหงิดซึ่งมันดูน่าตลกดีในสายตาฮันคยอง

     

                ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมถือไม้กลองไว้ด้วยเตรียมออกไปเปิดเวทีกับเพื่อนในวง เขาจงใจเดินผ่านไปทางคยูฮยอนก่อนจะตัดสินจะทำอะไรบางอย่างเพื่อคลายความตื่นเต้นของนักร้องมือใหม่

     

                “ใจเย็น ๆ สิ”

     

                “...”

     

                “นายทำได้อยู่แล้วพวกเราจะช่วยนายเอง”

     

                ฮันคยองเดินออกจากห้องไปแล้ว เหลือเพียงคยูฮยอนที่ยืนอึ้งแดกอยู่ตรงนั้น เขายกมือขึ้นจับผมตัวเองที่โดนฮันคยองเสยมันขึ้นอีกแล้วแต่ครั้งนี้ร่างสูงค้างนานไว้ขณะที่พูดด้วย

     

                อาจจะเพราะเป็นคนที่เขม่นเขามาตลอดมาพูดแบบนี้ก็ได้

     

                คยูฮยอนรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ

     

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ฮันคยองงงงง”

     

                อื้อหือ....

     

                เสียงกรี๊ดกระหึ่มขึ้นเมื่อฮันคยองออกไปปรากฏตัว คยูฮยอนแอบชะโงกหน้าออกไปผ่านม่านที่ยังหลังเวทีไว้ จำนวนคนที่เยอะจนเต็มสนามบอลของโรงเรียนมันทำให้ความประหม่ากลับมาอีกครั้ง นักดนตรีทั้งสามตอนนี้ประจำที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ยงฮวาจะพูดใส่ไมค์

     

                “พบกันอีกแล้วนะครับ”

     

                “กรี๊ดดดดดดดดดด” อือหืออออ ยิ่งกว่าเคป๊อป พวกเอ็งไปดังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ (ความคิดของคนที่ไม่เคยสนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากอีทงเฮ (-.-))

     

                “วันนี้นักร้องของเราไม่ว่างแต่เราก็ได้นักร้องจำเป็นมาช่วยครับ บอกเลยว่าเสียงของเขานี่ทำทุกคนละลายได้เหมือนผมเลยล่ะ”

     

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด” กรี๊ดดดดด  -O-;;;

     

                คยูฮยอนรู้สึกมึนงง ยงฮวาที่แสนดีเป็นคนชอบหยอดแบบนี้สินะ อาจจะด้วยความที่เป็นวงของโรงเรียนชายล้วนด้วยและเสือกหน้าตาดียกวงเลยทำให้เป็นที่นิยมให้หมู่หญิงสาว แน่นอนว่ายิ่งเปิดโรงเรียนให้เข้ากันแบบนี้ สาวกนอกคอกไม่พลาดแน่นอน

     

                “งั้นไปพบกับเขาเลยครับ คยูฮยอนคร้าบบบบบ”

     

                หะ..เห้ย...

     

                ตอนนี้เลยหรอออออ

     

                คยูฮยอนส่งสายตางง ๆ ไปหายงฮวาจากหลังม่าน แต่มือกีต้าก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มสดใสมาให้ โอ้ยยย ตูไม่ใช่แฟนคลับเอ็งไม่ต้องยิ้ม ไม่หลงกล แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะมันเอ่ยเรียกชื่อเขาออกไปแล้ว กร๊าซซซซซ

     

                ร่างโปร่งเดินเก้ ๆ กัง  ๆ เหมือนโรบ็อตออกมาจากหลังม่านและไปยืนอยู่ตรงกลางเวทีซึ่งเป็นตำแหน่งของนักร้องคยูฮยอนรู้สึกตื่นเต้นรู้สึกเหมือนหัวใจมันจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว ทำไมต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ด้วย คยูฮยอนอยากกลับบ้านแง้

     

                เหมือนพวกข้างล่างจะเริ่มเม้าส์มอยเมื่อเห็นนักร้องจำเป็นปรากฏกาย แน่ล่ะคยูฮยอนไม่ได้หล่อเหลาเหมือนไอสี่หน่อนี่หนิ แถมยังสวมแว่นตาอันโตไว้บนใบหน้าอีก ยอมรับว่าเมื่อเช้ากะจะใส่คอนแท็กเลนส์แต่รีบไง ลืมไปสนิท พลาดไปแล้ว

     

                “อะ..เออ... คยูฮยอนครับ มาเป็นนักร้องชั่วคราว..ฝะ..ฝากตัวด้วยนะครับ” เอ่ยไปด้วยเสียงสั่น ๆ อย่างไม่มั่นใจ คำพูดเชย ๆ แบบนั้นทำให้คนข้างล่างหัวเราะลั่นซึ่งคยูฮยอนนี่อายไปเลย เออ ตูรู้มันเชยขอโทษที ไม่มาเป็นตูพวกเอ็งไม่เข้าใจหรอก

     

                อยากหาจุดโฟกัสจัง ขอหน่อยได้ไหม ไม่อยากเจอสายตานับร้อยของคนข้างล่างจริง ๆ ไหนไอฮยอกแจบอกว่ามันจะมาเกาะขอบเวทีเลยไงว่ะ ไหนล่ะมัน ไหนล่ะอีทงเฮ ไหนล่ะเพื่อนนน

     

                คงโดนกระแสคนกลบไปหมดแล้วสินะ คยูฮยอนไม่เห็นใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาสักคน T____T

     

                “ครับ อย่าเสียเวลาเลย มามันส์กันเถอะ !!!

     

                โอ้ยยยย แม่งตื่นเต้นเว่ย

     

                ทำนองเพลงที่เริ่มขึ้นมาทำให้คยูฮยอนรู้ทันทีว่ามันเป็นเพลงอะไร ขอบคุณที่ฮันคยองไม่คิดจะแกล้งเขาด้วยกระประเดิมเพลงเร็วมาให้ ไม่อย่างนั้นคยูฮยอนม่องเท่งเพราะสายตาคนดูแน่ ๆ

     

                มือเรียวกำไมค์แน่น ความสั่นของมันไม่ได้ลดลงเลย เมื่ออินโทรจบเตรียมขึ้นท่อนแรก คยูฮยอนเอาไมค์จ่อปากก่อนจะเปล่งเสียงออกไป...

     

                “อยา....” ไม่ออก

     

                คยูฮยอนตื่นเต้นจนร้องไม่ออก T_____T

     

                ประสบการณ์ช้างเย็ดเกิดขึ้นแล้ว ณ จุดนี้ คยูฮยอนตาโตทันทีเมื่อเสียงตัวเองมันไม่ออก หันไปหายงฮวาอย่างต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งมือกีต้าก็พยักหน้ารับทั้งหน้าเครียดก่อนจะร้องใส่ไมค์ที่จ่อปากตัวเองอยู่

     

                “กรี๊ดดดดดดด”

     

                เสียงกรี๊ดกระหึ่มเมื่อยงฮวาร้องแทนเขาก่อนจะทำตาวิ๊งใส่แฟนคลับ คยูฮยอนยืนถือไมค์ค้างอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เสียงก็เอ่ยไม่ออกเพราะมันมีคนดูบางกลุ่มที่เริ่มส่งสายตาทิ่มแทงแปลก ๆ มาให้เขาแล้ว

     

                “อะไรของเขาเนี่ย”

     

                “มาเป็นนักร้องแต่ให้มือกีต้าร้องแทนเนี่ยนะ”

     

                “เอาใครมาร้องเนี่ย”

     

                ...

     

                เสียงบ่นเริ่มมาแล้วครับ คยูฮยอนเริ่มถอดสีหน้าแต่ก็ยังไม่สายขยับปากตามเนื้อเพลงที่จำได้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ แต่เสียงมันไม่ออก บัดซบ !

     

                คยูฮยอนไม่ไหวแล้ว อยากทิ้งไมค์ ดูเหมือนพวกนักดนตรีจะสนุกแต่เขาไม่อ่ะ พวกคนที่ดิ้น ๆ อยู่ข้างล่างเริ่มหยุดดิ้นกันแล้วแถมยังมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ อีก คยูฮยอนได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างแต่เชื่อเหอะ ประสบการณ์ขึ้นเวทีครั้งแรกแล้วเจอแบบนี้คยูฮยอนไม่เอาแล้ว เสียงนี่ก็ไม่ออกสักทีแล้วตัวยังสั่นกว่าเดิม

     

                 คยูฮยอนหงุดหงิดตัวเองแล้ว

     

                วิบวับ

     

                อะไรบางอย่างสะท้อนเข้าตาให้ให้คยูฮยอนหรี่ตามองมัน เขาเห็นแสงอะไรบางอย่างไกล ๆ ทางด้านซ้ายมือ ก่อนจะเพ่งมองมันดีดีก็พบว่ามันคือหน้าจอของไอแพต ปากเขายังขยับตามเนื้อร้องที่อยู่ในหัวเหมือนเดิมทั้งที่เสียงไม่ออก ส่วนคนข้างล่างก็เริ่มโวยวายกันแล้ว

     

                ‘LOOK AT ME. YOU CAN DO IT’ (มองมาที่ฉันสิ นายต้องทำได้)         

     

                ตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นบนจอทำให้คยูฮยอนขมวดคิ้วสงสัย แต่หากเขากลับรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเมื่อยังมีคนให้กำลังใจนอกจากด่า นักร้องจำเป็นกำไมค์แน่นและยกมันขึ้นมาจ่อปากอีกครั้ง

     

                ไม่ว่าคนในมุมมืดนั่นจะเป็นใครแต่คยูฮยอนรู้สึกขอบคุณ

     

                คยูฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ใจชื้น ก่อนจะเริ่มขยับปากเมื่อทำนองเริ่มเข้าท่อนฮุก

     

              “...ขยับเข้ามาได้ไหม...ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ

     

                สะ...เสียงออกแล้ว

     

                คยูฮยอนแสดงสีหน้าดีใจออกไปอย่างชัดเจน เขาหันไปมองยงฮวาที่ยิ้มยินดีมาให้เขาก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกจากไมค์และเดินรอบเวทีเหมือนกวางมิน คยูฮยอนมองไปที่เจ้าของไอแพตที่ส่องแสงอยู่ไกล ๆ อีกครั้งเมื่อมีตัวอักษรกระพริบส่งมาอีกรอบ

     

                ‘FIGHTING Mr.SINGER :)’ (สู้ ๆ คุณนักร้อง :) )

     

                อ่า... ให้ตายสิ

     

                ลองคบลองดูกันไหม... เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน...เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ”

     

                ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เสียงของคยูฮยอนกลับมาแล้วทำให้คนฟังแปลกใจ แถมมันยังเพราะสุด ๆ อีกต่างหาก คยูฮยอนเริ่มยกมือขึ้นโบกให้คนฟังเอ็นจอยไปกับเขา ก่อนจะเริ่มเดินไปซ้ายขวาเพื่อเล่นกับคนฟัง ซึ่งก็ยังงง ๆ อยู่ว่าทำไมจู่ ๆ นักร้องคนนี้ถึงได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์เป็นอีกคนขึ้นมาแต่หากก็เลิกมองด้วยสายตาแปลก ๆ และโบกไม้โบกมือตามเขาบ้างแล้ว

     

                คนดูเริ่มร้องตามไปกับเขาแล้ว คยูฮยอนรู้สึกว่าตัวเองไม่เกร็งอีกต่อไป กลับกันเขากลับรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ ยงฮวายิ้มให้เขาประมาณว่า สุดยอดกับสีหน้าของกวางมินและฮันคยองที่ดูเหมือนเสียดายที่คยูฮยอนเรียกเสียงกลับไปได้เร็วเกินไป(สนุกสินะพวกเอ็ง)แต่ก็ยิ้มยินดีที่คยูฮยอนไม่ตื่นเวทีแล้ว

     

              “ลองคิดดู หากเธอยังว่างอยู่ เชิญเธอลองพิสูจน์ เธอจะรักฉันรับรองก็ตัวฉันเป็นคนตรงๆ ไม่รวนเร ก็จะไม่เขวไม่มองใครนอกจากเธอ”

     

                มือที่โบกไปมาตามเขามันทำให้คยูฮยอนรู้สึกสนุก สายตาเขายังโฟกัสไปที่คนที่ยืนอยู่ข้างเสาใต้อาคารเรียนทางฝั่งซ้ายมันไม่ได้ไกลจนทำให้คยูฮยอนมองไม่เห็นว่าร่างสูงนั่นยิ้มแล้วยกนิ้วให้เขาอย่างชื่นชม

     

              “เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัวเธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง...”

     

                มันทำให้คยูฮยอนหยุดยิ้มไม่ได้แล้ว

     

                ไหนบอกว่าจะไม่มาไง

     

                ขยับเข้ามาได้ไหม...ขยับมาใกล้กัน  ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ

     

                คุณชายรักยิ้ม  

     

     

    TO BE CONTINUE…

    นังเด็กขี้เพ้อ เขาไม่ได้มองแกย่ะ

     เขามองเจ๊ที่เป็นช่างไฟอยู่หลังเวทีต่างหากกกก

     

    เปิดฉากพระเอกคนใหม่ค่ะ

    บักเถิกจะเข้ามาสร้างสีสันอะไรในเรื่องนี้โปรดติดตาม

    / ตัดฉากไปหญิงสาวที่นั่งขีดรายชื่อวงดนตรีของโรงเรียนทิ้งอย่างเลือดเย็น
    #วอนคยูโอริโอ้
    ป.ล. ขอบคุณเพลงที่รัก(เธอ) - เอก สุระเชษฐ์ ที่เราเลือกมาให้น้องร้องด้วยค่ะ ชอบแรง
    จริง ๆ จะเอา slot machine แล้ว แต่ดูจะหนักหน่วงเกินไป 555555

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×