ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] ALEATORY LOVE┃Ft.DONGHAE

    ลำดับตอนที่ #6 : ►Lesson 5 :: เขามีผม

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 58


    .


    Lesson 5

    :: เขามีผม

     

     

               เขาว่ากันว่า...คนที่เจ็บแล้วจำคือคน ส่วนคนที่เจ็บแล้วทนคือควาย

                แน่นอน... มันจึงเป็นสาเหตุให้ประชากรควายในร่างคนมีมากมาย

                แต่ทำไม... เราไม่มองว่าพวกเขาน่าชื่นชมกันบ้างล่ะ

                ควายตัวนั้นผิดหรอ... ที่อยากจะเชื่อมั่นในรักของมัน...

     

     


                วันเสาร์สีม่วง

     

                แต่คยูฮยอนสีแดง...

     

                “ไออ้วนนนน ตื่นเว้ยยยย” นี่แหละครับ...

     

                มีพี่แบบนี้แม่งน่าทุกข์ใจ -_-

     

                เสียงดัง ๆ ของไอพี่เวรตะโกนมาจากชั้นล่างทำให้คยูฮยอนเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงนอนขนาดหกฟุตของตัวเองอย่างอารมณ์เสีย แอร์ที่เปิดไว้แม่งไม่ได้ช่วยให้สีแดงของอารมณ์ตอนนี้มันลดลงเลยอ่ะ ทำไมว่ะ ให้เขานอนสบาย ๆ บ้างไม่ได้ใช่มั้ย มึงจะกลับบ้านมาทำไมทุกข์อาทิตย์มึงกลัวบ้านหายหรอ

     

                “ออกไปซื้อกับข้าวให้กูแดกได้แล้ว คุณนายออกไปทำงานแล้ว กูหิว!

     

                แม่ง !

     

                อย่างงว่าทำไมอาทิตย์ที่แล้วคุณนายยังอยู่บ้านทำระเบิดในครัวอยู่เลย ก็ต้องบอกไว้ว่าเธอเปิดร้านตามใจฉันครับ วันไหนอยากหยุดก็หยุดไม่มีการบอกลูกค้าหรอก คนที่รอจะทำผมก็เซ็งกันเป็นแถว ๆ คยูฮยอนเคยลงความเห็นไปแล้วว่าถ้าคุณนายยังทำตัวแบบนี้สักวันได้อดตายกันแน่นอน แต่ก็ได้รับคำตอบมาว่า

     

                ถึงเวลานั้นแม่จะส่งคนเล็กกลับบ้านนอกไปทำนาหาเลี้ยงครอบครัวเองค่ะ ไม่ต้องห่วง

     

                #แม่รักผมมาก

     

                คยูฮยอนสไลด์ตัวเองลงมาจากเตียงด้วยขี้เกียจ ความเหี่ยวของตัวตอนนี้มีค่ามากมาย เขาเหมือนลูกโป่งที่ยังไม่ได้รับการเติมลม มันอ่อนระโหยโรยแรงไม่มีเรี่ยวแรงจะทำส้นตีนอะไรทั้งนั้น คยูง่วงคยูจะนอนทำไมคยูต้องไปซื้อข้าวให้ไอพี่เวรมันแดกด้วยทั้งที่แม่งก็มีมือมีตีนเหมือนกัน

     

                “อย่าลีลาอีอ้วน วันนี้ไม่มีอะไรกินอย่าปล่อยให้พี่มึงรอนาน”

     

                ซั๊ซ !

     

                คยูฮยอนยังอยู่ในชุดนอนตัวเองอย่างกางเกงนอนสีแสดกับเสื้อสีขาว ร่างโปร่งเดินง่วง ๆ เข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้ากับแปรงฟันเพื่อไม่ให้แม่ค้าเป็นลมไปซะก่อนหากต้องมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น

     

                “มึงจะแดกอะไร” ลงมาเอาตีนแตะกระเบื้องสีครีมที่ชั้นล่างของบ้านแล้วก็ทำเสียงคนหงิดระดับสิบใส่พี่ชายที่แม่งนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ

     

                “ซื้อมาเหอะกูแดกได้หมดไม่เรื่องมาก”

     

                “อื้อหือ ถ้ามึงเป็นอย่างนั้นจริงทั้งโลกแม่งสงบสุขไปนานแล้ว”

     

                “เดี๋ยวนี้เถียงพี่ชายหรอครับ รีบไสตูดมึงไปขี่ไอแป๊ะยิ้มแล้วซื้อกับข้าวมาแดกได้แล้ว ห้ามเผ็ดด้วยนะ” นั่นแหละครับ... คยูฮยอนมันก็แค่ทาสในเรือนเบี้ย

     

                ไอห่านี่มันกินเผ็ดไม่ได้ครับ เวลากินของเผ็ดแต่ละทีจ้องเอาน้ำเปล่ามาล้างก่อนถึงจะเอาเข้าปากได้ คุณคิดดูนะ คั่วกลิ้งอ่ะแม่งต้องมีเครื่องผัดกับหมูใช่มั้ย นี่เลยฮีชอลแม่งโซโลเอาหมูมาล้างน้ำอีกทีก่อนจะเอาเข้าปาก แต่ทำขนาดนั้นแม่งยังบอกว่าเผ็ดแดกน้ำไปอีกแกลอนกับหมูชิ้นนึง เห็นแล้วโคตรน่าเวทนา        

     

                กรุ๊ง กริ๊ง

     

                คยูฮยอนปั่นเจ้าแป๊ะยิ้มมาเรื่อย ๆ จนถึงตลาด วันนี้เขาขอไม่ใช้บริการร้านของสดพี่สวยเพราะเรื่องการทำกับข้าวบ้านนี้ง่อยมาก มีแต่พ่อเท่านั้นแหละที่ทำอาหารเป็นแต่จะไปออกแนวพวกพาสต้า สปาเก็ตตี้อะไรแบบนี้เสียมากกว่า ซึ่งวันนี้คุณชายไปทำงาน พับผ่า !

     

                “บะหมี่เกี๊ยวแห้งสองถุงคร้าบบบบ” ปั่นมาถึงหน้าหมู่บ้านก็สั่งร้านประจำทันที

     

                “รอแป๊ปน้าอาตี๋ เช้านี้คงเยอะจิง ๆ ”

     

                อาหารสิ้นคิดของหลายคนอาจจะเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว แต่อาหารสิ้นคิดของบ้านตระกูลโจวคือบะหมี่ครับ ไม่มีอะไรกินก็เจ้านี้แหละสั่งกินกันเช้าเย็นกินจนหัวแม่งหยิกหยอยจะเป็นฝอยขัดหม้ออยู่แล้ว

     

                ร่างโปร่งฟุบลงกับแฮนด์จักรยานรอบะหมี่อยู่ข้างทาง อยากจะปั่นไปซื้อเค้กร้านซีวอนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากเจอหน้าลูกคนเล็กของร้านเท่าไหร่

     

                อะไร ทำไมมองงั้น...

     

                ก็ไม่อยากเจอ

     

                เมื่อวานหลังจากกลับมาบ้านก็โดนคุณนายบ่นใหญ่ที่ไม่ยอมเก็บผ้า แหงล่ะ คยูฮยอนเล่นเดินห้างต่อจนเย็นย่ำกลับมาบ้านก็เจอทั้งคุณชายพ่อและคุณนายแม่พ่วงมาด้วยฮีชอลที่ช่วงนี้กลับบ้านบ่อยเหลือเกินทั้งบ้านนั่งดูปริศนาสายฟ้าฟาดอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

     

                คยูฮยอนไม่ได้ตอบไลน์ที่ซีวอนถามกลับมาว่าจะติวเคมีกันวันอาทิตย์มั้ย เข้าข่ายพวกอ่านแต่ไม่ตอบนั้นแหละ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรของตัวเองเหมือนกัน แต่รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

     

                “เฮียครับ...เอาบะหมี่สิบห่อครับ”

     

                “รอหน่อยนะ วังนี้ลุกค้าเยอะจิง ๆ ” เสียงคุ้นเคยที่เอ่ยสั่งบะหมี่ไม่ได้ทำให้คยูฮยอนหันไปสนใจ ร่างโปร่งยังฟุบหน้าลงกับแฮนด์รถแบบนั้น ถ้าหลับคาแฮนด์รถได้นี่คยูฮยอนจะทำไปแล้ว

     

              หมับ

     

                “!!!..อะไรอ่ะ!” ฟุบอยู่ดีดีก็มีมือใหญ่ ๆ มาจับผมตัวเองที่กระเซอะกระเซิงเพราะเพิ่งตื่นแถมไม่ได้หวีก่อนออกจากบ้านด้วย ไม่นานนักมือนั้นก็จัดการยีจนมันฟ่องฟูกว่าเดิม

     

                “ไม่ทักกันไง หยิ่งหรอ” อีกฝ่ายยังคงยีผมคยูฮยอนอย่างสนุก ร่างโปร่งยกมือขึ้นไปจับมือนั้นไว้ให้หยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่ามันคือไอสูงที่เขายังไม่ได้ตอนไลน์มันตั้งแต่เมื่อวาน

     

                “อะไรอ่ะ ไม่เห็นได้ป่ะล่ะ”

     

                “มานอนอะไรตรงนี้ ไม่มีบ้านหรอ ?” คำถามกวนส้นตีนถูกเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ชเวซีวอนแม่งก็แบบนี้มีรอยยิ้มสดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์แม่งทำลายล้างผู้หญิงได้ทั้งโรงเรียนคยูฮยอนมั่นใจ

     

                อ้อ...ยกเว้นไอรีนไว้คนนึงสินะ (แซะในใจ)

     

                “ทำหน้าแบบนั้นนินทาเราในใจอยู่แน่ ๆ” น่าน...เสือกรู้ทัน

     

                “เปล่าสักหน่อย”         

     

                “อ้อเหรอออ”

     

                “อื้อ หยุดได้แล้วผมเรายุ่งหมดแล้ว !

     

                “ไม่ใช่ว่ามันยุ่งอยู่แล้วหรอ ให้เราเดานายปั่นออกจากบ้านมาทั้งตาปิดแน่ ๆ ” คยูฮยอนเห็นซีวอนใช้สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหยุดอยู่ที่กางเกงสีแสดที่แม่งเด่นสะดุดตามองเห็นไกลในระยะสามร้อยเมตร

     

                “ยุ่งอ่ะ”

     

                “ทำไมวันนี้อารมณ์เสีย แม่ไม่ให้กินขนมหรอ”

     

                “เพื่อนเล่นหรอ ?”

     

                “อ่าว แล้วนี่เราไม่ใช่เพื่อนกันหรอ ?” ฮึ๋ย... หงุดหงิด

     

                คยูฮยอนได้แต่ส่งคิ้วขมวดกลับไปอย่างอารมณ์เสีย กอดอกและเชิ่ดหน้าไปทางอื่นหลังจากโดนอีกฝ่ายถามกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันอย่างกวน ๆ ให้ตายสิ วันนี้ทำไมซีวอนดูอารมณ์ดีจนน่าหงุดหงิด

     

                อ้อ... ลืมไปเมื่อวานเขาไปควงแฟนชาวบ้านมาเดินห้างนี่นา เหอะ -_-

     

                “แล้วนี่มาทำอะไร ? ไม่อยู่ร้านช่วยพี่จีวอนหรือไง” ต้องห้ามปากเอาไว้ไม่ให้หลุดประชดออกไป คยูฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

     

                “เราเอาผ้ามาซัก”

     

                “ไหนผ้า”

     

                “นี่ไง เราใส่อยู่”

     

                “เออดี ไม่ต้องแบกให้หนัก” การรับส่งมุขไร้สาระปนกวนส้นตีนยังเหมือนเดิมไม่ผิด ซีวอนขำออกมาหน่อย ๆ เมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของคยูฮยอน ก่อนจะหาที่นั่งด้วยการไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของคยูฮยอน

     

                “ลงไปเลย ยางแบนแล้ว”

     

                “เราเห็นมันแบนตั้งแต่นายนั่งแล้ว”

     

                “หาว่าเราอ้วนหรอ”

     

                “เปล่านะ” ปฏิเสธหน้าตายก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างอารมณ์ดี ขัดกับเจ้าของแป๊ะยิ้มที่ตอนนี้หงิดระดับแม็กซิมั่ม

     

                “อาตี๋แว่งของลื้อสองห่อได้และน้า เจ็ดสิบบาก” สำเนียงจีน ๆ เรียกให้คยูฮยอนหันไปสนใจ คยูฮยอนลุกจากจักรยานและเดินไปจ่ายเงิน เห็นแบงค์ร้อยที่แตกไปแล้วก็ระเหี่ยใจ ทำไมอะไร ๆ ก็แพงไปหมด

     

                “ลุกไปเลยเราจะกลับบ้านแล้ว”

     

                “ไม่รอหน่อยหรอ จะติดไปลงบ้านอ่ะ”

     

                “ถ้านายรู้ระดับความงี่เง่าของฮีชอลเวลาหิวว่ามันเป็นยังไงนายจะไม่พูดแบบนี้” คยูฮยอนจัดการเอาถุงบะหมี่แขวนไว้ที่แฮนด์ให้เรียบร้อยแล้วขึ้นคร่อมเตรียมออกตัว “ไปละ ลุกเลย ลุก ๆ ๆ ๆ”

     

                “ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีอ่ะ เมื่อวานก็ไม่ตอบไลน์ เราไปทำอะไรให้หรือเปล่า” คนจะออกตัวหยุดชะงักเมื่อเจอจี้ใจดำเข้าให้ เออ... นั่นดิ ทำไมวันนี้เขาทำตัวงี่เง่าแบบนี้ว่ะ

     

                “เปล่า”

     

                “ถ้าเปล่าก็รอเราดิ ทีเมื่อวันนั้นยังวิ่งมาทำแผลให้เราได้เลย”

     

                “ว่าไปนั่น ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันไหม”

     

                “นั่นแหละเป็นสิ่งที่บอกว่านายเปลี่ยนไป นายกำลังรู้สึกไม่พอใจอะไรเราสักอย่าง” จ้องครับ...มันจ้อง...

     

                คยูฮยอนเบี่ยงตัวหลบสายตาของคนที่จ้องมา อะไรว่ะ ทำไมต้องจ้องมาอย่างจับผิดแบบนั้นด้วย เขาไม่ใช่หรอที่ควรเป็นฝ่ายจ้องแบบนั้นไม่ใช่ชเวซีวอน แล้วทำไมวันนี้อารมณ์มันขุ่นมัวแบบนี้ว่ะ คยูไม่เข้าใจอ่ะ ทำไมวันนี้ทุกอย่างแม่งน่าหงุดหงิด

     

                เป็นเพราะไอสูงที่นั่งซ้อนจักรยานเขานี่น่ะหรอ... ?

     

                ไม่ใช่หรอกไม่มีทางอ่ะ คยูฮยอนไม่ยอมให้ใครมามีผลกับอารมณ์ของเขานอกจากอีทงเฮเด็ดขาด

     

                ใช่อีทงเฮ ! อาจจะเป็นเพราะคยูฮยอนไม่ได้เจอทงเฮมาหลายวันแล้วเขาเลยหงุดหงิด(ได้ข่าวว่าแค่เมื่อวาน)

     

                คิดได้ดังนั้น คิ้วที่ขมวดอยู่ก็เริ่มคลายก่อนที่สีหน้าเอ๋อ ๆ ปกติของเจ้าตัวจะกลับมา ตอนนี้กลับกลายเป็นซีวอนแทนที่ขมวดคิ้วงงกับคยูฮยอน  ร่างโปร่งหันมายิ้มอ่อนให้ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ

     

                “เอาสิ รอก็ได้เดี๋ยวเราไปส่ง”

     

                ไม่เห็นต้องไปหงุดหงิดอะไรชเวซีวอนเลย

     

                จริง ๆ นะ... (กัดฟัน)

     

    .

     

    .

     

     

                “ช้าว่ะ”

     

                “ไม่เสือกได้มั้ยล่ะ”

     

                “อย่ามาทำปากคอเราะร้ายกับพี่ชายคือสิ่งที่ควรจะจำไว้นะครับไอน้องเวร” น่ะ...

     

                ไม่มีหรอก กับฮีชอลที่จะพูดกันปกติน่ะ -_-

     

                หลังจากไปส่งซีวอนที่บ้านพร้อมกับบะหมี่สิบห่อของเจ้าตัว ก็เผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมซื้อไปเยอะขนาดนั้น ซีวอนก็บอกมาว่าเผื่อพวกในครัว(คนทำขนมร้านซีวอนมีเกือบโหลนะบอกเลย สงสัยอยู่ว่าสิบห่อพอกินหรอว่ะ)

     

                “แล้วนั่นจะไปไหน ?” คยูฮยอนที่จัดการเอาบะหมี่แห้งกับน้ำซุปใส่ถ้วยเตรียมจะเขมือบเพราะน้ำย่อยเริ่มทำหน้าที่ของมันแล้วเหมือนกัน แต่หากฮีชอลก็ได้เดินออกไปนอกบ้านพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ

     

                ดูก็รู้ว่าแม่งกำลังจะออกไปไหนสักแห่ง

     

                “นัดเพื่อนไว้”

     

                “แล้วไหนบอกหิว”

     

                “กูแดกตั้งแต่มึงนอนโก่งตูดอยู่ในห้องแล้ว”

     

                “อ้าวแล้ว...”

     

                “ไม่อ้าวไม่ร้อนอะไรทั้งนั้น ส่วนของกูมึงก็เก็บไว้กินกลางวัน หน้าอย่างมึงไม่มีทางฝ่าแดดตอนเที่ยงออกไปซื้ออะไรกินแน่นอน เพราะฉะนั้นขอบคุณพี่มึงซะ รีบแดกซะตื่นสายขนาดนี้เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหาอีกกูไม่แบกมึงไปโรงบาลเหมือนคราวที่แล้วแน่ จะปล่อยให้ไส้ทะลุอยู่ตรงนั้นแหละ” ฮีชอลพูดแบบนั้นพร้อมใส่รองเท้าไนกี้คู่งามของมันไปด้วยก่อนจะเงยหน้ามาพูดประโยคสุดท้าย “รู้สึกดีอ่ะ ได้ทำบุญทำทานให้สัตว์ยากไร้”

     

                “ซั้ซ”

     

                ปัง !

     

                ประตูที่ปิดลงพร้อมกับคำด่าส่งท้ายของน้องชาย คยูฮยอนมองประตูที่ปิดลงแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถึงจะไม่ได้แสดงออกชัดเจนแต่คยูฮยอนก็รู้ดีว่าไอพี่ปากหมาแม่งเป็นห่วงเขา

     

                ไอห่าเอ๊ย พูดดีดีไม่เป็นหรือไง

     

                คยูฮยอนจัดการเทบะหมี่ใส่จานส่วนอีกห่อหนึ่งก็เอาเข้าตู้กับข้าวไป คยูฮยอนมีความเชื่อมั่นว่าตราบใดที่ยังมีคนอยู่บ้านกับข้าวแม่งไม่มีทางเสียแน่นอน

     

                เป็นบ่อยนะกับการที่เวลาไหนที่เราไม่อยู่บ้านเนี่ย ลืมเอากับข้าวเข้าตู้เย็นใช่ม่ะ แล้วกลับมาแล้วแม่งเสียอ่ะ โดนแม่ด่าไปแปดชาติ แต่วันไหนคยูฮยอนอยู่บ้านนะปล่อยแม่งไว้บนโต๊ะอย่างนั้นทั้งวันยังไม่เสียเลยอ่ะ มันเป็นฟิลลิ่งนึงที่ทุกวันนี้ก็ไม่เข้าใจเคสนี้จริง ๆ

     

                เอาล่ะคยูฮยอนจะกินละนะ

     

                หิวโว้ยยยยยย

     

                ปิ้งป่อง~

     

                “ห่ารากกกกกกกกกกกกกกก” คนโมโหหิวด่าลั่นบ้านก่อนจะวางตะเกียบลงที่จานอย่างเซ็ง ๆ

     

                มีเรื่องจะอวดกริ่งบ้านเขากลับมาดังแล้วนะ

     

                ครั้งนั้นที่ซีวอนมาแล้วบอกว่ากดกริ่งเป็นล้านรอบ(เวอร์)แล้วก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตูเลยเป็นเหตุให้ต้องโดนคยูฮยอนสาดซัลไลต์ใส่ก็เพราะกริ่งแม่งเสีย ซึ่งคุณนายตามช่างมาซ่อมเรียบร้อย ตอนนี้แม่งกลับมาดังกว่าเดิมอีกอ่ะ ฮ้อย

     

                ปิ้งป่อง

     

                “คร้าบบบบ มาละคร้าบบบบบ” คยูฮยอนวิ่งออกมาหน้าบ้านทั้งเส้นบะหมี่คาปาก ขอเอาเข้าปากสักคำก็ยังดี คยูฮยอนคิดแบบนั้น

     

                ว่าแต่...

     

                “หวัดดีคยู”

     

                คยูฮยอนเมาแดดหรือเปล่า

     

                ทำไมมีอีทงเฮมายืนอยู่หน้าบ้านได้ล่ะ !!!

     

                คนเคี้ยวบะหมี่คาปากหยุดเคี้ยวทันทีก่อนจะอ้าปากค้างโชว์เส้นบะหมี่ละเอียดที่อยู่ในปากอย่างน่าเกลียด(อี๋) อีทงเฮในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงสามส่วนสีอ่อนมันช่างรู้สึกฮ็อตซัมเมอร์เหลือเกิล

     

                แต่เดี๋ยวนะ...

     

                “ไอชิบหาย...” แล้วสภาพคยูฮยอนละครับบบบบ

     

                นึกถึงสารรูปตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพเสื้อสีขาวกางเกงบอลสีแสดแล้วคยูฮยอนรู้สึกได้ถึงความชิบหายอย่างมหาศาล ไอห่าเอ้ย ทำไมอีทงเฮต้องมาเห็นเขาสภาพนี้ด้วยยย ทำไม เววววว

     

                “อะ..เอ่อ..”

     

                “เคี้ยวก่อนมั้ย หรือจะให้ช่วยเคี้ยว” น่านนนนน

     

                แต่เช้าเลยนะเอ็ง

     

                ไม่รอให้เกิดกระบวนการย่อยโดนใช้ปากหรือเกิดการเคี้ยวแทนหรือส้นตีนอะไรทั้งนั้น คยูฮยอนกลืนแม่งทั้งอย่างนั้นแหละ ไม่ค้งไม่เคี้ยวแม่งแล้ว กลืนไปเลย ถ้าคยูฮยอนติดคอตายก็จะโทษไปเลยว่าอีทงเฮมันเป็นฆาตกร

     

                “มาทำไมหรอ ?” พอตั้งสติได้ก็เดินไปถามพลางเปิดรั้วให้อีกฝ่าย

     

                แหมะ ปากก็ว่าอย่างนั้นแต่มือไปเปิดประตูให้เขาเสียแล้ว

     

                “เราไลน์มาแล้วนะ แต่คยูไม่ตอบเราเลยมาหาเลยน่ะ”

     

                อืม... ไอโฟนของคยูฮยอนนอนตายที่ห้องตั้งแต่แม่งแผดเสียงปลุกแล้วและคยูฮยอนปามันไปไว้ที่ใต้หมอนแล้ว(ไม่แกร่งพอจะปาทิ้งเหมือนในหนัง) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมวันเสาร์แล้วแม่งต้องปลุกด้วย ? จะเป็นใครซะอีกนอกจากไอพี่เวรที่ตั้งปลุกแกล้งเขาแต่ขอโทษมันใช้ปลุกคยูฮยอนไม่ได้หรอกครับ -_- v

     

                “แล้ว... มาหาเราทำไมหรอ ?” ทั้งสองคนเดินขนานกันเข้ามาในบ้าน คยูฮยอนให้ทงเฮนั่งที่โซฟาก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าครัวไปรินน้ำมาให้พร้อมตั้งคำถาม

     

                “ก็...เปล่า แค่อยากเจอ”

     

                “... เอาความจริง”

     

                “เรามีเรื่องจะขอให้คยูช่วยหน่อยอ่ะ”

     

                นั่นไง

     

                เป็นเรื่องปกติล่ะนะ ที่คยูฮยอนจะไม่เคยปฏิเสธเวลาทงเฮขอให้ช่วยอะไร ตอนม.ต้นงานหลายอย่างของอีทงเฮผ่านมือคยูฮยอนมาแล้วก็หลาย คยูฮยอนไม่ถึงกับทำให้ทั้งหมด แค่ช่วยให้คำแนะนำกับแก้ให้นิด ๆ หน่อย ๆ

     

                “อะไรล่ะ ? งานฟิสิกส์หรอ ?”

     

                “เปล่าหรอก”

     

                “งั้น... เลข ?”

     

                “เปล่า ไม่เกี่ยวกับการบ้านหรอก เราพัฒนาแล้ว เพื่อนเราช่วยได้” อืม... จ้ะทำดี

     

                “งั้นอะไร” คยูฮยอนไม่ได้มานั่งจ้องกดดันอีทงเฮที่ตอนนี้นั่งทำหน้าลำบากใจจะพูดหรอกนะ ตอนนี้ในตักของคยูฮยอนมีบะหมี่ที่ตนเองย้ายมานั่งกินที่โซฟาเพื่อคุยกับทงเฮเรียบร้อยแล้ว แม้ในใจจะตื่นเต้นตูมตามกับท่าทางเหนียมอายของอีทงเฮก็เถอะ แต่คยูฮยอนต้องเก๊กไว้ก่อนเดี๋ยวเขารู้ว่าเราชอบ

     

                “แสดงว่ายังไม่ได้อ่านไลน์ งั้น... เราขอพูดตรง ๆ ต่อหน้าเลยรึกัน”

     

                ซู้ดดดดดด (เสียงสูดบะหมี่เข้าปาก)

     

                “จริง ๆ เราก็คิดว่ามันก็นานพอสมควรแล้วที่เรารู้จักกันมา”

     

                ซู้ดดดดด

     

                “ตั้งแต่ม.ต้นหรือเปล่าที่นายคอยอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ช่วยเรามาตลอด”

     

                ซู๊ดดด

     

                “เราว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วล่ะ คือเรามีอะไรจะบอกคยู”

     

                “....”

     

                เดี๋ยวนะ...

     

                สถานการณ์กับคำพูดแบบนี้มันมันยังไงกันหรอ ฮัลโหล๋ววววววว

     

                หัวใจที่เต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอกซ้ายของคยูฮยอน มันดังพอที่ทงเฮได้ยินหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนี้คยูฮยอนตื่นเต้นยิ้มกว่ามีคนมาตีกลองในใจ ให้ตายเถอะ อีทงเฮจะรู้หรือเปล่าว่าการที่อีทงเฮสร้างสถานการณ์และคำพูดแบบนี้มันทำให้คยูฮยอนคิดไปไกลลล

     

                อะไรอะ นี่มันอะไรอะไรรรรรร (กรีดร้องในใจ)

     

                “คือเราชะ...”

     

                “แค่ก ๆ ๆ”

     

                เจดแม่ม !

     

                .ช้างกับสระอะเกือบจะออและไม่แน่มันอาจจะตามมาด้วยบ.ใบไม้  มันทำให้คยูฮยอนทำลักบะหมี่ที่สูดเข้าปากแก้เขินตอนนี้กลายเป็นแม่งติดคอไปซะแล้ว ไอห่า ทำไมต้องมาโชว์กากตอนนี้ว่ะคยูฮยอน นี่มันช่วงเวลาสำคัญของชีวิตเลยนะเว่ย(โอเน็ต แกะแพะ วัวควายอะไรทั้งหลายมันเป็นเรื่องของอนาคตครับยังไม่สำคัญคยูฮยอนยังไม่เครียด)

     

                “กินน้ำ ๆ ” ทงเฮยื่นแก้วน้ำที่ยังดื่มไม่หมดในมือตัวเองให้คยูฮยอนดื่ม คนแอบชอบแอบยิ้มกรุ่มกริ่มว่าได้กินน้ำแก้วเดียวกับอีทงเฮ แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลามาฟิน ติดคอจะตายห่าแล้ว

     

                “ขอบใจ”

     

                “ระวังหน่อยสิ” เขาห่วงเค้าด้วยอ่ะ ฮื่ออออ

     

                “วะ...ว่าต่อสิ” เด็กขี้เพ้อที่ตอนนี้ไม่สนใจบะหมี่เส้นเหลืองอีกต่อไป คยูฮยอนจัดการเนรเทศจานบะหมี่ไปวางไว้อยู่ที่โต๊ะ ก่อนจะตั้งใจฟังอีทงเฮโดยไม่มีบะหมี่มาเป็นข้ออ้างในการเลี่ยงสบตาอีกทงเฮอีกต่อไป

     

                คุณนายยยยย คยูเขิน ทำไงดี  ฮื่ออออ

     

                คยูฮยอนสังเกตเห็นอีทงเฮกำมือแน่นที่กางเกงสีอ่อนของตัวเอง เหมือนว่าอีกฝ่ายก็ตื่นเต้นกับเรื่องที่จะพูดด้วยเหมือนกัน ให้ตายเถอะ คยูฮยอนไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่สถานการณ์แบบนี้มันใช่อ่ะ คยูฮยอนคงไม่คิดว่าอีทงเฮจะบอกว่า ช่วยอะไรเราหน่อยสิ ช่วยไปไกล ๆ หรืออย่าแอบมองเราเวลาเข้าแถวได้ไหมเรารำคาญ

     

                แน่นอนถ้าเป็นอย่างนั้นคยูฮยอนจะไปลาออก

     

                ล้อเล่น

     

                “คือเราชะ...”

     

                ปิ้งป่อง

     

                “...”

     

                “...”

     

              แสร๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!

     

                คยูฮยอนถอนหายใจออกอย่างสะกดอารมณ์  ไอห่า ใครมาขัดเวลาสีชมพูโดยมีบะหมี่เป็นพยานรักของอีกแล้ว ตอนกินผัดไทยก็ทีนึงแล้ว ถ้าป้าท้ายซอยมาเรียกไปให้ช่วยซ่อมทีวีเหมือนเดือนที่แล้วคยูฮยอนจะทุบให้แม่งพังแล้วบอกว่ากูไม่ใช่ช่าง !

     

                “เหมือนวันนี้จะไปเป็นใจแหะ นายไปเปิดประตูเหอะ”

     

                “แต่...”

     

                “โอ๊ะ นายมีนิตยสารเล่มนี้หรอ ”

     

                เปลี่ยน – เรื่อง !!

     

                ร่างโปร่งยอมใจทงเฮอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินทำหน้าหงุดหงิดออกมาจากบ้านเพื่อเปิดประตูอีกครั้ง ไหนขอดูหนังหน้าหน่อยดิว่าใครมันบังอาจมาขัดขวางช่วงเวลาสำคัญของคยูฮยอน ถ้าเป็นไอเวรฮีชอลคยูฮยอนจะถอดฮิปโป(รองเท้าแตะ)ฟาดใส่หน้ามัน

     

                “หน้าบูดมาเชียว แม่ไม่ให้กินขนมอีกแล้วหรอแว่น”

     

                มีไม่กี่คนหรอกที่ทักคยูฮยอนไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา

     

                “มาทำไมอ่ะ”

     

                ชเวซีวอนน่ะเอง

     

                “ก็... นิดหน่อย มีแขกหรอ ?” ร่างสูงในชุดเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อเช้า สงสัยอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว เสื้อฮู้แขนกุดสีเทากับทางเองผ้าเบา ๆ สีเข้มนั่นทำให้เหมือนพวกนายแบบหน้าร้อนชะมัดเลย ดูดีอ่ะ อิจ

     

                “อือ ทงเฮน่ะ”

     

                “อ่อววววว เดี๋ยวนี้มาจีบกันถึงบะ...อุ๊บ”

     

                “กลับบ้านนายไปซะ!

     

                ก่อนที่ซีวอนจะได้เอ่ยแซวจนจบประโยคก็โดนคยูฮยอนเปิดประตูรั้วด้วยความเร็วสูงและพุ่งเข้าปิดปากก่อนจะส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ แทนที่ซีวอนจะกลัวกลับขำออกมาอย่างอารมณ์ดี

     

                “อ่อย ๆ ไออูดแอ้ว (ปล่อย ๆ ไม่พูดแล้ว)”

     

                “แน่นะ”

     

                “อื้อ” พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย... คยูฮยอนค่อย ๆ คลายมือที่ปิดปากของร่างสูงออกก่อนจะตามมาด้วยแขนที่รัดคอจนแน่น เห็นรอยแดงที่คอเป็นแขนเขาเลยอ่ะ นี่คยูฮยอนรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอว่ะ         

     

                “แล้ว...มาทำไม”

     

                “เอานี่มาให้” ถุงสีคุ้นตาถูกยื่นมาให้ คยูฮยอนรับถุงนั่นมาก่อนจะแหวกมันดูก็พบกับเค้กส้มหน้าเนียนจำนวนหนึ่งปอนด์ แม่โจ้ววววว... นี่มันลาบปากคุณโจว

     

                “ให้จริงหรออออ”

     

                “น้ำลายไหลแล้ว” โดนแซวมามือคยูฮยอนก็ยกขึ้นเช็ดที่มุมปากทันที แต่เมื่อพบว่ามันไม่มีและซีวอนหัวเราะคยูฮยอนก็รู้ทันทีว่าโดนแกล้งอีกแล้ว

     

                “ทำไมชอบแกล้งเรา”

     

                “อยากหลอกง่ายทำไมล่ะ”

     

                “ฮื่อ!!!” พ่นลมออกมาอย่างหงุดหงิด ทำไมชเวซีวอนเป็นคนแบบนี้

     

                “เห็นพี่จีวอนบอกว่าเวลานายมาร้านเรานายชอบซื้อเค้กส้มไปกิน”

     

                “ใช่ แล้วก็โดนฮีชอลแย่งกินทุกที”

     

                “เราเลยทำมาให้”

     

                “ทำมาให้ ?”

     

                “อือ จะให้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่เห็นนายรีบ” โอ้ยยยยย แล้วไม่ยื้อไว้อ่ะ คยูฮยอนยอมโดนฮีลอลด่าเลยถ้าจะได้ของกินเป็นเค้กส้มของโปรดแบบนี้ “อารมณ์ดีแล้ว”

     

                “หืม ?”

     

                “ก็เห็นอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เมื่อเช้า หน้าบูดเป็นตูดเลย”

     

                “เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำนี่มาให้เราหรอ”

     

                “อื้ม” รัก...ยิ้ม...

     

                ไม่ช่ายยยยยย ลักยิ้มดิ ลัก – ยิ้ม !!

     

                ใจที่สั่นน้อย ๆ ทำให้คนชอบเค้กส้มรู้สึกแปลก ทำไมคยูฮยอนรู้สึกไม่มีแรงกับลักยิ้มของซีวอนจังเลยว่ะ ฮ้อยยย แพ้อ่ะ แพ้คนมีลักยิ้ม รักยิ้มมมมม

     

                โอ้ยยย บอกว่าลักยิ้มไง

     

                “ขอบจะ...”

     

                “คยู!!! ไอนี่มันกินได้หรือปะ... อ่าว คุยกันอยู่หรอ”

     

                ก่อนจะได้เอ่ยขอบคุณออกไปคยูฮยอนก็โดนขัดจังหวะรอบที่ล้านของวัน ทงเฮถือขนมอะไรบางอย่างในมืออยู่หน้าประตูของตัวบ้านพร้อมมองมาที่ซีวอนอย่างสงสัย เอาล่ะ เขาเจอกันแล้วล่ะ ทงเฮจะจำซีวอนได้ไหมเนี่ยว่าตอนนั้นเป็นไอพวกตีกันที่ทงเฮสาปแช่งไว้ตอนกินผัดไทย -_-

     

                “อื้อ อยากกินอะไรก็กินไปเถอะ ตามสบายเลย”

     

                “กินเจ้าของบ้านได้ป่ะ”

     

                “....หะ..ห้ะ...”

     

                “อึ้งเลยอ่ะดิ -.- เมื่อกี้เจอมุขเสี่ยวในทวิตมาอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” แล้วเขาก็เดินจากไป

     

                อยากสาปแช่งไอฮีชอลเหมือนกันที่บอกว่าไม่มีอะไรกินเมื่อเช้า หน่อยแหนะ ที่บอกแบบนั้นเพราะรู้ทันแน่ ๆ ว่าถ้ารู้ว่ามีขนมคยูฮยอนจะไม่กินข้าวแต่จะกินขนมทั้งวันและจะหมกอยู่แต่หน้าคอม -_- น่าหงุดหงิดนัก

     

                โอเค... คยูฮยอนหาเรื่องเบี่ยงประเด็นอีกแล้ว

     

                แอบเขินเหมือนกันที่โดนอีทงเฮเล่นมุขเสี่ยวที่เจ้าตัวเจอมาแล้วชอบมาทดลองใช้กับคนแอบชอบอย่างเขาทุกที แล้วนี่ต่อหน้าคนอื่นด้วยนะ โอ๊ยอายโอ๊ยเขิน

     

                “แดดเริ่มมาแล้ว นายเข้าบ้านไปหาว่าที่แฟนนายเถอะ จัดการกับหน้าและหูแดง ๆ ก่อนเข้าบ้านด้วยล่ะ -.-”

     

                “ไม่ต้องมาแซวเลยนะ”

     

                “ไปละแว่น” ซีวอนโบกมือก่อนจะเอื้อมมาหยิกแก้มแดง ๆ ของคยูฮยอนเร็ว ๆ ก่อนจะเดินไปทางตลาด คยูฮยอนมองตามไปอย่างคาดโทษแต่หากพอมองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วก็ต้องวิ่งตามออกไปจนพ้นรั้วหน้าบ้าน

     

                “ซีวอน!!!

     

                “?” เจ้าตัวหันมาทำหน้าสงสัย ก่อนจะส่งยิ้มจนหน้าบานกลับมาเมื่อคยูฮยอนพูดอีกประโยคออกไป

     

                “ขอบใจนะ..นายรักยิ้ม”

     

                เออ...แล้วลิ้นจะกระดกทำไม

     

                ลักยิ้มสิโว่ยยยยย

     

    .

    .

     

               

                เขาว่ากันว่า ในหนึ่งสัปดาห์มี 5 ปีกับอีก 2 ชั่วโมง...

               

                ซึ่งคยูฮยอนเชื่อแบบนั้นเหมือนกันครับ...

     

                “บ๊ายบาย”

               

                “อือ บาย”

     

                บทสนทนาเดิม ๆ หลังเลิกเรียนถูกเอ่ยออกไปพร้อมกับคยูฮยอนที่เดินแยกออกมาจากเพื่อนของตัวเอง สภาพวันจันทร์เป็นอะไรที่ย่ำแย่กว่าทุก ๆ วันเพราะนอกจากกระเป๋าจะหนักแล้ววันนี้เป็นวันเรียนพละครับ เหนื่อยล้าเหลือเกิล

     

                “ไปกันเถอะ” แต่เหมือนคยูฮยอนจะได้รับการเยียวยาแล้วล่ะ

               

                “อื้อ”

     

                ร่างโปร่งกระชับสายคาดเอวของเสื้อยูโดที่ตอนนี้โดนคยูฮยอนจับมันมัดให้ได้รูปทรงให้สามารถสะพายได้มันจะได้สะดวกต่อการพกพาซึ่งนักเรียนหลายคนก็ทำแบบนั้น แต่ก็นะ... ถึงจะถือสะดวกยังไงมันก็ยังแกะกะอยู่ดีนั่นแหละ ขายาว ๆ ก้าวไปขนาบข้างอีทงเฮก่อนจะเดินไปด้วยกัน

     

                “ช่วงนี้เจอฮยอกแจบ้างหรือเปล่า ?” ทงเฮเอ่ยถามเพื่อชวนคุยไม่ใช้บรรยากาศมันเงียบเกินไป

               

                “ไม่นะ ช่วงนี้มันซ้อมหลีดเย็นทุกวันเลย”

     

                “นั่นสินะ งานกีฬาสีหลังวันเกิดโลกกิจกรรมไม่กี่วันเองนี่นา” จริงสิ.. งานเปิดโลกกิจกรรม

     

                พูดถึงเรื่องนี้แล้วคยูฮยอนก็อดหงุดหงิดไม่ได้

     

                “เห็นว่านายได้โดนดึงตัวไปร่วมวงกับเขาด้วยนี่นา ยินดีด้วยนะ”

     

                “ไม่ต้องมาแซวเลย” พูดแล้วก็นึกไปถึงเมื่อเช้าตอนเรียนคาบแนะแนวที่ต้องเรียนปนกับอีกสามห้องอย่างเซ็ง ๆ

     

                จู่ ๆ ครูก็ประกาศชื่อให้คยูฮยอนเป็นตัวแทนร้องเพลงบนเวทีวันเปิดโลกกิจกรรม คยูฮยอนที่นั่งหลับพิงเสาอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนหัวโขกจนทงเฮที่อยู่อีกห้องถึงกับกลั้นขำ สอบถามเพื่อนข้างกายว่าชื่อคยูฮยอนไปเสร่อให้ครูเลือกได้ยังไงเพราะตัวเองไม่ได้เด่นและเป็นที่รู้จักของครูแนะแนวแต่ก็ได้คำตอบมาว่า ครูเขาสุ่มชื่อเอาเพราะไม่มีใครอาสา

     

                และผู้โชคร้ายชื่อคยูฮยอนเอง เฮลโหล๋ววววว

     

                ถามว่าโรงเรียนก็ต้องมีนักร้องอยู่แล้วสิ ทำไมต้องสุ่มเด็ก ครับ...มีอยู่แล้ว แต่พวกนั้นเขาก็ไปโปรโมทชมรมของเขาและเห็นว่านักร้องอยู่ได้ไม่เต็มวันเพราะมีธุระ และอีกประการนึงคือเมื่อชื่อคยูฮยอนถูกเสนอไอกลุ่มเพื่อนเวรมันก็ส่งเสริมเต็มที่ด้วยการโปรโมทว่าคยูฮยอนร้องเพลงได้ไพเราะขนาดไหน

     

                แน่ละ คยูฮยอนไม่เคยแม้แต่จะร้องเพลงอะไรให้พวกมันฟังทั้งนั้น มันส่งเสริมเพราะไม่อยากโดนเลือก

     

                ป๊อก

     

                “อย่าขมวดคิ้วสิอย่าเครียดสิ แค่ร้องเพลงเอง... แล้วจะปิดหน้าผากทำไม ไม่ทันแล้วนะ เราดีดไปแล้ว ฮ่า ๆ ” หน้าผากเขาโดนประทุษร้ายโดยอีกทงเฮอีกครั้ง.... เออ เดี๋ยวนะ เขายกมือขึ้นปิดหน้าปากตัวเองหรอ ?

     

                การกระทำนี้มันต้องไว้ปฏิบัติกับชเวซีวอนไม่ใช่หรือไงงงง

     

                “รถมาแล้ว” หน้าเบ้พลางชี้ไปที่รถสีเหลืองที่แม่งวิ่งเลยป้ายเหมือนทุกวัน และก็เป็นอีกวันที่ทงเฮคว้ามือเขาไปจับไว้และวิ่งตามรถเมล์ไปด้วยกัน

     

                แต่...มันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนทุกที

     

                ซึ่งเป็นอะไรคยูฮยอนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน....

     

     

     

     

                (“ เอาล่ะค่ะ เปิดไปที่หน้า 83...”)

     

                คยูฮยอนมาถึงที่เรียนโดยสวัสดีภาพครับ

     

                โดนมีไหล่ที่ชาดิกเหมือนทุกทีเพราะให้อีทงเฮยืมเป็นหมอน

     

                คยูฮยอนหาวต้อนรับต้นชั่วโมงเหมือนทุกที นี่ขนาดเพิ่งเริ่มนะคยูฮยอนก็หาวเตรียมจะฟุบโต๊ะอีกแล้วอ่ะ สงสัยเป็นเพราะวันนี้เรียนพละคยูฮยอนเลยรู้สึกเพลียกว่าทุกวัน

     

                ร่างโปร่งจัดการฟุบหน้าตัวเองลงกับโต๊ะเลคเชอร์ทันทีเมื่อเข้าช่วงเฉลยแบบฝึกหัด ซึ่งมันมีเฉลยด้านหลังอยู่แล้วจึงเป็นช่วงฟรีไทม์ให้คยูฮยอนได้นอนให้เต็มอิ่ม รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ที่ไม่ฟังเขาเฉลย เพราะเราอาจจะได้วิธีคิดใหม่ ๆ หรือความรู้อะไรมาประดับสมองนอกจากในบทเรียน แต่คยูฮยอนไม่ไหวแล้วร่างกายอ่อนล้า...

     

                ฝันดีครับ คร่อ...

     

              ป๊อก

     

                “อย่าเป็นเด็กไม่ดีสิ”

     

                “..นาย..!!!...”

     

                แม่เจ้า...

     

              นี่มันอะไรรรรรร

     

                คยูฮยอนมองซีวอนที่ตอนนี้เดินยิ้มแย้มไปนั่งที่นั่งตัวเองหลังจากปลุกคยูฮยอนด้วยการดีดที่หลังท้ายทอย ซึ่งแม่งเจ็บจนต้องสะดุ้งตื่นเลยล่ะ แต่พอเงยหน้ามาเจอซีวอนคยูฮยอนกลับสะดุ้งเข้าไปใหญ่ ปนตกใจด้วยอย่างมหาศาล

     

                หน้าหล่อ ๆ ของซีวอน...ไม่สิ ตอนนี้มันเละ

     

                เละอ่ะบอกเลย

     

                คยูฮยอนไม่มีสมาธิเรียนอีกต่อไป (พูดเหมือนปกติเอ็งเรียน) ร่างโปร่งจ้องสายตาเขม็งไปที่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ปกปิดเหมือนตอนแรก ๆ ให้ตายเถอะคิ้วที่คยูฮยอนเพิ่งทำแผลให้ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนนี้มันมีเลือดไหลออกมาอีกแล้ว แถมมุมปากยังมีเลือดไหล่ซึมออกมาอีกซึ่งเจ้าตัวก็คงจัดการมันด้วยแขนเสื้อนักเรียนไปแล้ว

     

                เกิดอะไรขึ้นกัน ?

     

                ไม่ดิ ตอนนี้ต้องสนใจก่อนว่ามีแผลที่หน้าขนาดนั้นทำไมมันยังมานั่งหน้าสลอนเรียนอยู่แบบนี้

     

              ชเวซีวอนเป็นบุคคลที่หน้าหงุดหงิดจริง ๆ ด้วย !

     

              พรึ่บ !!

     

                ท่ามกลางทั้งห้องที่เงียบเพราะตั้งใจเรียนกันแต่คยูฮยอนกลับลุกขึ้นพรวด เขาไม่สนใจว่าจะบังคนข้างหลังหรือเปล่า คยูฮยอนจัดการยัดหนังสือเรียนและดินสอยางลบทั้งหมดลงกระเป๋าก่อนจะสะพายมันขึ้นและเดินไปหาคนเจ็บที่นั่งจดเนื้อหาลงหนังสือหน้าตาเฉย

     

                “... ทำอะไรน่ะ ไปนั่งเรียนสิ”

     

                “ไอบ้าเอ๊ย!

     

                “...เฮ้ ดะ..เดี๋ยว...”

     

                ไม่นานหนังสือซีวอนก็ถูกรวมเข้ามาในอ้อมแขนคยูฮยอนข้างหนังพร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปคว้าแขนซีวอนให้ลุกขึ้นก่อนจะลากออกมาจากห้องท่ามกลางสายตางุนงงของเพื่อนร่วมห้องทั้งหลาย แน่นอนหนึ่งในนั้นมีทงเฮด้วย

     

                [-DONGHAE-]

              :: มีเรื่องอะไรรึเปล่า ?

              :: ทำไมพรวดพราดออกไปแบบนั้นล่ะ

              :: แล้วนั่น... คนที่มาบ้านคยูวันนั้นใช่มั้ย ?

              [-KYUHYUN-]

    จดเผื่อเราด้วย ::

     

                เป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนตอบทงเฮห้วน ๆ แบบนี้ ถ้าย้อนมาอ่านทีหลังคยูฮยอนคงรู้สึกผิดจนวันตายเลยล่ะ แต่ช่างมันเถอะ คยูฮยอนจัดการยัดเจ้าไอโฟนคู่ใจลงกระเป๋ากางเกงไปแล้วแม้มันจะสั่นรัวเพราะทงเฮส่งไลน์มาอีกก็ตาม

     

                “โดดเรียนมันไม่ดีนะ”

     

                “พูดเหมือนนายไม่เคยโดด”

     

                “อ่า... นั่นสินะ”

     

              ให้ตายสิ

     

              ทำไมถึงยิ้มทั้งที่สายตามันโคตรเศร้าแบบนั้นได้ว่ะชเวซีวอน !!

     

                “จะทำแผลให้”

     

                “นายกลับไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะตามไม่ทัน”

     

                “ถ้าคิดได้แบบนั้นทำไมยังจะเข้าไปนั่งเรียนทั้งที่หน้าเละแบบนั้นล่ะ ความผิดนายที่ทำให้เราต้องโดดเรียนมาทำแผลให้ สำนึกไว้ซะและนั่งรออยู่ตรงนี้ โอเค้ ?” คยูฮยอนชี้สั่งให้ซีวอนนั่งลงที่ขอบปูนแถว ๆ หลังตึกก่อนจะวิ่งไปอีกทาง ซึ่งซีวอนก็เดาด่าคงไม่พ้นร้านขายยา

     

                ไม่นานคยูฮยอนก็กลับมาพร้อมกับถุงสีขาวเหมือนเมื่อวันนั้น แต่สีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนเมื่อวันนั้นมันกลับถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิดแทน ตอนนี้คยูฮยอนคิ้วขมวดจนมันแทบจะกลายเป็นโบว์ติดของขวัญเลยล่ะ

     

                คยูฮยอนยอมแหกกฎชีวิตตัวเองที่ตั้งไว้ว่าถึงจะไม่เรียนฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็ยังดีกว่าโดดเรียน ตอนนี้เขาออกมานั่งนอกห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่มีทีวีแขวนอยู่สี่เครื่องแล้วมานั่งอยู่หลังตึกที่ค่อนข้างปราศจากคนและกำลังทำแผลให้คนที่เพิ่งรู้จักกันสามอาทิตย์

     

                “จะไม่ถามหน่อยหรอ” เป็นซีวอนที่เปิดปากหลังจากบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเงียบมานานโดยมีคยูฮยอนทำแผลให้ทั้งที่หน้าหงุดหงิด

     

                “ถ้านายไม่อยากเล่าเราก็จะไม่ถามให้ตัวเองหงุดหงิดเวลานายไม่ตอบ”

     

                “อารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว เราไม่มีเค้กส้มให้นะ”

     

                “อย่าเอาของกินมาล่อไม่ใช่เด็ก” ดุจังเว่ยยยย

     

                ซีวอนมองหน้าอีกคนที่เวลายิ้มมันก็มองเพลิน ๆ อยู่หรอก(รับรู้ได้จากตอนสอนคยูฮยอนทำบราวน์นี่)แต่ตอนหงุดหงิดนี่คยูฮยอนดูดุและดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหลายเท่าเลยล่ะ ซีวอนแอบซี๊ดปากน้อย ๆ เมื่อสำลีชุบแอลกอฮอล์แตะลงที่หางคิ้วที่แตกซ้ำรอยแผลเดิม

     

                “ตอนนี้เราอยู่ในฐานะคุณหมอกับคนไข้อีกแล้วนะ”

     

                “เออ”

     

                “งั้นคนไข้จะเล่าที่มาของแผลให้ฟังนะครับ” เมื่อเห็นอีกคนหงุดหงิดอยู่ ซีวอนเลยใช้ความเย็นเข้าสู้ ร่างสูงเพียงแต่ยิ้มโง่ ๆ ให้คยูฮยอนส่งสายตาหงุดหงิดมากกว่าเดิมมาให้เท่านั้น

     

                “งั้นหมอขอเดาก่อนนะ” คยูฮยอนว่าพลางแตะสำลีชุบแอลกอฮอล์ไปที่บาดแผลเบา ๆ “ไอรีนอีกแล้วใช่มั้ย...?”

     

                “...เป็นหมอดูหรือหมอเดาเนี่ย”

     

                “ก็หลักฐานมันเห็นอยู่เต็มหน้า”

     

                “เราอาจจะไปมีเรื่องกับวัยรุ่นแถวนี้ก็ได้”

     

                “ถึงนายจะปากหมาแต่เราเชื่อว่านายฉลาดพอจะไม่หาเรื่องใส่ตัวเอง แต่...นายกลับไปโง่ให้ความรัก”

     

                “ฮ่ะ ๆ นั่นสินะ...” ยัง... ยังมาหัวเราะอีก

     

                “คราวนี้อะไรล่ะ เพราะพาแฟนเขาไปเดินห้างซื้อหนังสือหรือไง” คยูฮยอนว่าพลางจัดการหยอดยาใส่ให้สร้างเสียงซี๊ดซ๊าดให้ซีวอนไม่ใช่น้อย แต่คยูฮยอนไม่สนใจหรอก อยากหาเรื่องใส่ตัวเองช่วยไม่ได้ -_-

     

                “นายเป็นหมอดูแน่ ๆ เลย”

     

                “เพราะเห็นหรอก”

     

                “อ่าว แล้วทำไมไม่ทัก นี่ไง... นายหยิ่งจริง ๆ ด้วยเจอแล้วไม่ชอบทักกัน”

     

                “ก็เห็นกระหนุงกระหนิงกันขนาดนั้นใครจะไป... อื้อ เจ็บนะ!” ร้องลั่นจนวินมอไซค์ที่อยู่ไกลไปสิบเมตรหันมามอง ซีวอนดีดหน้าผากเขาอีกแล้วอ่ะ แต่ครั้งนี้มันต่างไปจากเมื่อก่อน

     

                ทำไมคยูฮยอนไม่ยกมือปกป้องเหมือนทุกทีว่ะ ?

     

                “ถ้านายทักเราก็ไม่โดนยำแบบนี้เพราะเราอยู่กับไอรีนสองคนหรอก”

     

                “อ่าวก็...”

     

                “เถียงหรอ”

     

                “อย่านะ” คยูฮยอนรีบยกมือขึ้นปิดหน้าผากทันทีดีใจเหมือนกันที่ปฏิกิริยาตอบรับของตัวเองกลับมาแล้ว แต่ซีวอนอัพเลเวลแล้วครับมันเปลี่ยนมาเป็นหยิกแก้มเขาแทน ไอบ้า!

     

                “พอแล้ว ๆ  แก้มเราเหี่ยวหมดแล้ว”

     

                “ไม่ใช่ว่าเหี่ยวอยู่แล้วหรอกหรอ”

     

                “ย่าห์!!! เล่าต่อให้จบ ไม่งั้นได้อีกแผลแน่” ขู่ไปพร้อมกับแปะผ้าก็อตลงที่หางคิ้วกับเสียงขู่ฟ่อ ซีวอนหัวเราะออกมาอย่างเดียวแต่คยูฮยอนกลับรู้สึกเหมือนมันมีคำพูดตามเสียงหัวเราะนั่นมาด้วยว่า กลัวตายล่ะ

     

                “วันนั้นเราแค่พาไอรีนไปเดินห้างซื้อของในฐานะเพื่อน”

     

                “เพื่อนที่ไหนเดินควงขะ...”

     

                “...ครั้งสุดท้าย” ซีวอนยิ้ม... พอได้ยินว่าครั้งสุดท้ายแล้วทำให้คนช่างเถียงถึงกับนั่งเจียมฟังเงียบ ๆ ไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของซีวอนเลย มันรู้สึกโหวง ๆ ยังไงไม่รู้

     

                บรรยากาศมันเงียบไปสักพัก คยูฮยอนรู้สึกเดดแอร์เหมือนมีหลุมอากาศขนาดใหญ่แทรกกลางอยู่ในระหว่างเรายังไงไม่รู้ ซีวอนเงียบไปพักใหญ่เจ้าตัวเหม่อมองออกไปยังถนนใหญ่ที่อยู่เยื้องไปหน่อย ๆ เสียงรถที่วิ่งผ่านไปมามันช่วยกลบความเงียบระหว่างเราได้

     

                “ไอรีนโทรหาเราเพราะทะเลาะกับแฟน” หลังจากเงียบอยู่นานซีวอนก็พูดขึ้น

     

                “...”

     

                “แฟนไอรีนเป็นคนขี้หวงและเจ้าอารมณ์ เราไม่แปลกใจหรอกที่ได้แผลนี้มา” ซีวอนหัวเราะ “วันนั้นเธอโทรหาเราพร้อมร้องไห้ว่าแฟนเธอไปมีเรื่องอีกแล้ว เราเลยโดดเรียนคาบสุดท้ายมาหาเธอก่อนจะพาเธอเดินเล่นเพื่อให้เธอหยุดร้องไห้แล้วมันก็ได้ผล”

     

                “...”

     

                “ไอรีนเป็นคนชอบหนังสือ เราเลยพาเธอไปซื้อ...ขอโทษที่ไม่เห็นนายนะ” ซีวอนหันมายิ้มให้พร้อมสีหน้ารู้สึกผิด “เราบอกไอรีนว่าเราเคยชอบเธอมากแค่ไหนพร้อมกับบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน เพราะเราจะถอยออกมาแล้ว เรารักเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว”

     

                “...ถ้านายลำบากใจ..”

     

                “ไม่ ๆ ไม่เป็นไร เราโอเค” ปฏิเสธทั้งที่ไม่มองหน้าคยูฮยอนร่างสูงยังทอดสายตาไปข้างหน้าโดนที่ไม่มีจุดโฟกัสหรืออะไรทั้งนั้น แค่มองมันออกไปโดยไร้จุดหมาย “ไม่ใช่ว่าเราหมดรักเธอแล้ว แต่เราเหนื่อย...เหนื่อยที่จะรัก”

     

                “...”

     

                “ดูไอรีนก็รักเขามากนะแต่เธออาจจะต้องการที่พึ่งบางเวลาที่รู้สึกว่ามันไม่มั่นคงซึ่งตอนนั้นที่พึ่งนั่นก็คือเรา... แต่วันนั้นเราบอกให้เธอเข้มแข็งเพราะถ้าเขาไม่ถึงขนาดทำร้ายเธอเราคงไม่โผล่หน้าไปให้เธอกับแฟนเห็นอีก แล้ว ที่เธอไม่บอกเราว่ามีแฟนแล้วเธออาจจะยังต้องการที่พึ่งอยู่ก็ได้”

     

                “...”

     

                “แฟนเธอเป็นคนน่าชื่นชมสำหรับเรานะ เขามีสิทธิ์ที่จะหวงของรักของเขา โดยที่ก็แสดงออกชัดเจนดี... รู้ไหมวันนี้ตอนเขามาดักเจอเราหน้าโรงเรียนเพราะไปยุ่งกับไอรีนอีก เราทำวิธีเลว ๆ อย่างการพูดเสียดสีคนชอบใช้กำลังแบบนั้นด้วยนะว่าให้ปล่อยไอรีนไปเจอคนที่ดีกว่า แต่สุดท้ายก็กลับได้กลับมาเป็นหมัดหนัก ๆ พร้อมความหนักแน่นของสายตานั้นมันบอกว่ารักเธอมากแค่ไหน...ทำเอาเรายอมแพ้เลย”

     

                “...”

     

                “อ่า... เป็นผู้ชายที่น่าชื่นชมจริง ๆ” ซีวอนไม่มีความโกรธแค้นอยู่เลยนอกจากสายตาเศร้า ๆ คยูฮยอนเห็นแล้วก็อดรู้สึกโหวงไม่ได้

     

                ชื่นชมคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนั้น

     

                แต่กลับไม่ชื่นชมตัวเองที่ยอมถอยจนตัวเองเจ็บขนาดนี้เพื่อรักเลยหรอ

     

                “นายมันบ้า” พูดไปแบบนั้นแต่คยูฮยอนกลับเลือกทำวิธีโง่ ๆ เหมือนในหนังโดนการไปยืนอยู่ข้างหน้าอีกฝ่ายและ...ดึงอีกคนเข้ามากอด

     

                “จะปลอบหรอ ไม่ซึ้งหรอกนะ”

     

                “เปล่าสักหน่อย ไม่อยากให้ใครตกใจเพราะเห็นหน้าเละ ๆ ของนายต่างหาก”

     

                “งั้นหรอ” พูดแบบนั้นแค่ซีวอนก็ยอมพิงหัวไว้กับท้องของคยูฮยอนโดยดี

     

                ร่างโปร่งไม่ได้สนใจสายตาชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วมองมาเสียเท่าไหร่ว่าอีเด็กผู้ชายสองคนมันมากอดอะไรกันตรงนี้ คยูฮยอนสนเพียงแต่คนที่ตอนนี้เขาเป็นที่พึ่งให้ที่กำลังเริ่มตัวสั่นมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น...

     

                “ช่างมันเถอะ พอได้แล้วไม่ต้องไปนึกถึงมันแล้ว”

     

                “นั่นสิ...นั่น..สินะ...” เสียงสั่น ๆ มาพร้อมกับร่างที่สั่นขึ้นเรื่อย ๆ คยูฮยอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขารู้สึกถึงความชื้นที่บริเวณท้องของตัวเองที่ซีวอนซุกหน้าอยู่ ร่างโปร่งไม่ได้ว่าอะไรเขาแค่ลูบผมของอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม

     

                “คิดแค่เรื่องของเรา... เรื่องที่...นายต้องสอนเราทำเค้กก็พอแล้ว เพราะนักเรียนคนนี้ได้ทำครัวบ้านนายระเบิดแน่ ๆ เบเกอร์รี่เซ็นเซย์”

     

     

     

    TO BE CONTINUE…

    ทำไมชอบจบตอนดราม่าห้ะ เป็นโรคอัลไลหรอ ฮัลโหล๋วววว

    เรื่องไอรีนเคลียร์แล้ว เขาคงจะมีเวลาจีบกันมากขึ้น แอร้ย

    ว่าแต่พี่ทงจะมาพูดอะไรน้า ?????????

    อิ_____อิ

    เค้กส้มหน้าเนียนมันอร่อยจริง ๆ นะคุณ

    ไม่เชื่อไปโดนได้ของ amor เลยซื้อประจำเพราะมันถูก 55555

    /โครงการยัดเยียดนิสัยตะกระแดกให้ตัวละครและผู้อ่าน

     

               

                

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×