ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] THE ZAUBERER

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 :: RED MAN

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 58



    CHAPTER 5

    :: red man

     
     

                ย่าห์ ชเวซีวอน ต้องให้ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนว่าให้เก็บที่นอนด้วยน่ะ หา?!’

     

                อ่า...เสียงแม่เขานี่นา คงเป็นเสียงบ่นตอนเขารีบลุกจากที่นอนไปหาคยูฮยอนแน่ ๆ เลย

     

                กินอะไรอุ่น ๆ หน่อย ถ้าได้เอฟเพราะงานไม่เสร็จล่ะก็ ฉันจะให้แกลาออกมาช่วยทำงาน

     

                นี่ก็คงเป็นตอนเขานั่งทำงานยันตีหนึ่งก็ยังไม่เสร็จสักที คุณนายก็เอานมมาให้แถมยังนั่งอยู่เป็นเพื่อนยันงานเสร็จอีก

     

                นี่แกเป็นลูกฉันนะ ทำไมยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แบบนี้ล่ะห้ะ

     

                อ่า...นี่เป็นตอนประถมที่เขาร้องไห้เพราะแข่งบอลแพ้ แม่เขาน่ะไม่ปลอบแถมยังซ้ำเติมอีกต่างหาก

     

                พยายามให้ถึงที่สุด สุดท้ายผลจะออกมาเป็นยังไง แกก็ทำเต็มที่แล้วไม่ใช่หรือไง! ’

     

     

                “...!!!

     

                เสียงของคุณนายแม่ที่คอยใช้น้ำเสียงประชดประชันสั่งสอนเขาตั้งแต่เล็กยันโตขนาดนี้ ค่อย ๆ ไหลเข้ามาในหัวไม่รู้จบ ชเวซีวอนที่หลับตาทำใจกับคำพิพากษาของคนที่ถือดาบในมือเตรียมพร้อมไว้แล้วลืมตาขึ้นมาทันที ใจของคนที่หมดหวังไปแล้วกลับมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบหันขวับไปมองคนที่กำลังมุ่งวิถีดาบเข้ามาที่เขาก่อนจะรีบมองหาที่หนีโดยรอบทันที

     

                มันมักจะเป็นแบบนี้ตลอด ทุกครั้งที่ยอมแพ้กับอะไรสักอย่าง คำพูดของแม่ชอบไหลเข้ามาเตือนซีวอนไว้อยู่หลายครั้ง

     

                จริง ๆ ซีวอนก็ไม่ใช่ลูกที่เชื่อฟังคำแม่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่อยู่ ๆ มันก็คิดได้ว่าแม่เขาไม่ได้เสียเงินมาตลอดเกือบยี่สิบปี เลี้ยงควายตัวนึงขึ้นมาเพื่อให้มันตาย

     

                ตามนั้นแหละครับ

     

                “เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน”

     

                เปรี้ยง !!!

     

                “ชิ!

     

                ชิพ่อชิแม่แกสิ... ซีวอนที่เรียกแรงตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง รีบอุ้มร่างไร้สติของคยูฮยอนขึ้นมาแนบกายแล้วหลบวิถีเวทสีน่าขนลุกที่ออกมาจากดาบสีดำทมิฬนั่นได้อย่างหวุดหวิด มองดูอีกฝ่ายที่มองเขามาด้วยแววตาที่ลุกโชตช่วงมากกว่าเดิม ให้ตายเถอะ... การฆ่ากันไม่ใช่ทางจบปัญหาของทุกอย่างนะเว่ย

     

                “ใจเย็นสิคร้าบบบ ค่อย ๆ คุยกันก็ได้เนอะ”

     

                “เจ้าที่ทำให้ข้าบาดเจ็บจากพลังเวทนั่นแล้วยังจะมาบอกให้คุยกันอีกหรือไง ! ” อ่าวกรรม... สรุปชเวผิดสินะครับ เรื่องมันเศร้าขอกะละมังรองน้ำตาให้ชเวที... ร่างสูงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ใส่ทงเฮไปอย่างนั่น ก่อนจะหายไปราวกับตัดฉับเมื่ออีกฝ่ายเล็งดาบมาทางนี้อีกแล้ว

     

                “เห้ย ของมีคมเขาไม่ให้หันใส่กันแบบนี้นะ ที่บ้านไม่สั่งสอนหรือไง”

     

                “หึ... จะหนีไปได้สักกี่ครั้งกันเชียว”

     

                “ฟังกันบ้างสิเว่ยยยยย” เมื่อการยื้อเวลาโดยการกล่าวตำหนิถึงทางบ้านที่ไม่สั่งไม่สอนลูกชายจอมโหดที่เอะอะก็หันคมดาบใส่กันไม่เป็นผล ชเวโวยวายอออกไปได้ประมาณศูนย์จุดสามวิก็ต่างหลบวิถีเวทอีกครั้ง บอกเลยว่าสกิลหนีนี่ชเวแอบเซียนนะครับ สมัยเป็นพี่ซีวอนอยู่โรงเรียนไฮสคูลชื่อดังที่แม่เบี้ยวไม่จ่ายค่าเทอมเขาบ่อย ๆ จนเกือบโดนไล่ออกนี่บอกได้เลยว่าเซียนเรื่องปีนป่ายครับ

     

                ครับ ปีนขึ้นไปซ่อมพัดลมบนเพดานผ่อนค่าเทอมจนชินแล้ว

     

                ถุย ไม่เกี่ยวและ

     

                “จะหลบแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ?! ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะสู้ การหลบแบบนี้มันก็แค่ยื้อเวลาตาย!

     

                “เพราะฉันเชื่อไงล่ะ”

     

                “หึ เชื่อว่าฮยอกแจจะมาช่วยเจ้าหรือไง” ซีวอนได้ยินแบบนั้นก็กระตุกยิ้มก่อนจะทำหน้าหล่อแล้วมองอีกฝ่ายอย่างยียวน แน่นอนว่าท่าทางมั่นใจแบบนั้นทำให้ทงเฮมั่นใจขึ้นมาเลยว่าเจ้าตัวเล็กของเขาต้องมาช่วยมันแน่ ๆ ...

     

                “ไอไลค์ที่เซเว่นบอกว่าดวงเดือนนี้ดีแบบดับเบิ้ลถึง โดนมันหลอกมารอบที่ล้าน แต่ครั้งนี้จะลองเชื่อดูก็ได้”

     

                “...” เกิดความเงียบเข้าคราบงำเกือบนาที ทงเฮถึงกับเกือบทำดาบหลุดมือกับประโยคของไอคนที่เขาหมายจะเอาชีวิตตรงหน้า สรุปไอความสามารถของพลังเวทรุนแรงเมื่อกี้ของมันคืออะไรว่ะในเมื่อสมองมันป่วงขนาดนี้ ?! หรือเมื่อกี้เขาร่ายเวทจนมันสะท้อนกับเข้าตัวเอง ? แล้วเขาจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ? เดี๋ยวก่อน นี่เขาเริ่มบ้าตามมันแล้วใช่มั้ย...

     

                “เจ้าใช่ผู้ครอบครองพลังแห่งราชันแน่หรอ”

     

                “ยังไม่แน่ใจนะ แต่แนะนำว่าเรียกซีวอนจะดูหล่อกว่า”

     

                “เจ้ามันน่ารำคาญจริง ๆ เลย!!!

     

                เปรี้ยง !!!

     

                เป็นอีกครั้งที่หลบวิถีเวทได้อย่างหวุดหวิด กรุณาลบภาพพี่ซีวอนตอนที่แล้วออกไปครับ บอกเลยว่าจู่ ๆ สมองก็โดนควบคุมฉับพลันให้ตัวตัดใจอะไรโง่ ๆ อย่างการยอมตายดีกว่าอะไรอย่างนี้ ไม่ครับ ชเวซีวอนกลับมาแล้วเขาไม่ยอมตายกับเรื่องแบบนี้หรอก เขาต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าตัวเป็นเป็นตัวอะไรกันแน่ และในเมื่อเขาใช้พลังได้แล้ว

     

                อืม... น่าจะมีโอกาสรอดล่ะมั้ง...

     

                แต่แรงเขาจะหมดแล้วเนี่ยสิ !!

     

                เนื้อตัวที่มอมแมมเพราะกลิ้งหลบวิถีเวทของอีกฝ่ายจนคลุกฝุ่นไปหมด แถมยังต้องอุ้มคยูฮยอนด้วยแบบนี้เนี่ยสิ เลือดสีสดที่อยู่ที่ตัวคยูฮยอนดูเหมือนมันจะเริ่มหยุดไหลเป็นน้ำตกแล้วแต่หากสีแดงเข้มที่หัวนั่นก็ยังดูน่ากลัวสำหรับซีวอนอยู่ดี เขาพยายามป้องกันเอาไว้ไม่ให้แผลโดนสิ่งสกปรก แน่นอนว่าทุกครั้งที่ต้องกระโดดหลบจนล้มกลิ้งเขาจะเป็นฝ่ายโอบอุ้มคยูฮยอนไว้ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม เป็นสาเหตุที่เนื้อตัวมอมแมมเป็นลูกหมาขนาดนี้บอกได้เลยว่าเสื้อนักศึกษาสีขาวนี่กลายเป็นเสื้อสีดำได้ทันใด ใช้ไฮเตอร์สักสิบขวดก็คงไม่หลายเห็นทีคงต้องทิ้งมันไปถ้ารอดไปได้

     

                ใช่ ถ้ารอด...

     

                ฝ่ายทงเฮที่โกรธจัดเพราะอีกฝ่ายมัวแต่หนีได้อย่างหวุดหวิด ยิ่งเห็นซีวอนยังมีแรงหลบหนีตนเองได้มากเท่าไหร่ ความโกรธก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แสงเวทแต่ละครั้งที่ถูกอีกฝ่ายไล่ต้อนดูมีสีที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ซีวอนรีบคิดหาโอกาส...

     

                โอกาสที่จะทำให้พอจะทำอะไรอีกฝ่ายได้

     

                ซีวอนไม่คิดหรอกว่าในตอนนี้เขาจะสามารถเอาชนะทงเฮได้ โอเค...ถึงจะยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าแสงเวทสีเหลืองที่ทำให้มือทงเฮเป็นรูโหว่จนน่ากลัวนั้นมาจากตัวเอง แต่ก็ต้องเชื่อนั่นแหละเพราะไม่อย่างนั้นมันจะมาจากใครกันล่ะ อย่างน้อยก็ขอให้สร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้แค่ชั่วคราว... ชั่วคราวก็ยังดี

     

                นัยน์ตาคมกวาดสายตาไปมองโดยรอบ ทดลองฉลาดขึ้นมาสักนาทีคงไม่กัดลิ้นตายกันใช่มั้ยครับ... ซีวอนอุ้มคยูฮยอนขึ้นอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เดินไปหลบในซอกในขณะที่ฝุ่นยังฟุ้งกระจายเพราะการโจมตีของทงเฮ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะหนีอีกแล้ว แต่จะพาคยูฮยอนไปหลบไว้ในที่ปลอดภัยก่อนต่างหาก

     

                เอาล่ะนะ เป็นไงเป็นกัน

     

                “เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ” วางร่างของคยูฮยอนไว้ที่พื้นเบา ๆ โดยถอดเอาเสื้อนักศึกษาเปื้อน ๆ ของตัวเองมารองที่หัวเอาไว้ ถึงมันจกสกปรกเหมือนกันแต่ก็ดีกว่าให้หัวโดนฝุ่นโดยตรงล่ะนะ ซีวอนลูบแก้มมอมแมมของคยูฮยอนเล็กน้อยเรียกกำลังใจก่อนจะควักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป่ากางเกงแล้วจ้องมันอย่างแน่วแน่ ตอนนี้เขามีเสื้อกล้ามแค่ตัวเดียวเป็นเกราะกำลังกาย แต่ถึงมีเสื้อนักศึกษาอยู่ก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรเขาได้ล่ะนะ

     

                “อย่าดื้อนะเว่ย เอาให้ได้ เอาให้โดน โอเค้ ? ” สมมติในใจว่ามันตอบตกลงก่อนจะค่อย ๆ คลายออกมาจากจากซอกตรงนั้นแล้วหลบอยู่หลังลังไม้

     

                ตู้ม !!

     

                “จะเล่นซ่อนแอบอีกแล้วหรือไง ?! ออกมาได้แล้ว ข้าปล่อยให้เจ้ามีชีวิตนานเกินไปแล้ว” เสียงทงเฮตะโกนอย่างเกรียวกราด

     

                “ออกไปให้โง่สิ” พึมพำกับตัวเองเสียงเบา สายตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ ก็ไปสะดุดกับแท่งเหล็กที่อยู่ทางด้านหลังทงโดยเจ้าตัวหันหลังให้พวกมันอยู่ อย่างน้อยถ้าใช้มันทำให้ทงเฮหยุดชะงักไปสักพักได้แล้วเขารีบวิ่งออกห่างจากตรงนี้ได้ล่ะก็คงจะทำอะไรได้ง่ายขึ้น

     

                เพราะคยูฮยอนยังนอนสลบอยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากให้เพื่อนเขาบาดเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว

     

                “เอาล่ะนะ” ซีวอนหลับตานิ่งสักพักก่อนจะชี้ปลายไม้ไปที่แท่งเหล็กที่อยู่หลังทงเฮที่มองกราดหาตัวเขาไปทั่ว เขานึกถึงคำของฮยอกแจที่บอกเขาว่าให้ตั้งสมาธิไว้ให้มั่น การจะใช้เวทมนต์ได้ขึ้นอยู่กับสมาธิและความสามารถของผู้ใช้ แน่นอนว่าตอนนี้ความสามารถของชเวเข้าขั้นติดลบแถมสมาธิตอนนี้กำลังกระเจิดกระเจิงไม่เป็นท่า

     

                แต่ยังไงเขาก็ต้องพยายามให้มากที่สุด

     

                เพื่อจะไม่เสียใจที่หลัง

     

                “เยส...” ซีวอนพึมพำออกมาเบา ๆ ความความตั้งใจของเขาสำเร็จผล แท่งเหล็กที่เขาเล็งไปขยับเล็กน้อยโดนทงเฮไม่ทันได้สังเกต แต่นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขาสามารถบังคับมันได้แล้ว เพียงรอให้ทงเฮเผลอเท่านั้น

     

                ปั่ก !!!

     

                การกระทำไปเร็วความความคิดมากนักเมื่อเขาหันไปเห็นหินข้างตัวแล้วจัดการหยิบมันขึ้นมาปาออกไปอย่างไม่รีรอ ทงเฮหันหลังให้แท่งเหล็กพวกนั้นแล้วและหันมาสนใจตรงที่เขากำลังนั่งบังคับพวกมันอยู่แทน

     

                “หึ.. อยู่ตรงนั้นงั้นหรือ” กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก... เอาล่ะ เขาต้องหาจังหวะที่จะพังเจ้าพวกแท่งเหล็กพวกนั้นลงมา

                ......

                ....

               

                ตอนนี้แหละ!!!

     

                พรึ่บ

     

                เคร้ง ๆ ๆ !!!

     

                เสียงแท่งเหล็กหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับฝุ่นที่ตลบฟุ้งไปทั่ว ซีวอนรีบอาศัยจังหวะนั้นวิ่งออกมาจากจุดที่ตนซ่อนตัวอยู่ให้ห่างออกมามากที่สุด อย่างน้อยก็ระยะหนึ่งเพื่อไม่ให้คยูฮยอนโดนลูกหลง เขามั่นใจว่าแท่งเหล็กพวกนั้นไม่ได้ทำให้ทงเฮปาดเจ็บหรอกเพราะเขาไม่ได้บินแม้แต่เสียงมันกระทบเนื้อหรือแม้แต่เสียงร้องสักแอะ และแน่นอนว่าฝีมือร้ายกาจแบบทงเฮถ้ามาโดนวิธีดักควายแบบนี้เล่นงานเอาก็เสียชื่อหมด

     

                ซีวอนทำไปเพื่อซื้อเวลาในการเตรียมตัวต่างหาก

     

                เขาจะลองทำแสงเวทนั่นอีกครั้งนึง !!!

     

                ฝุ่นที่ยังฟุ้งตลบอยู่ทำให้ซีวอนยังมองไม่เห็นตัวทงเฮ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทงเฮยังอยู่ในนั้น คงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งล่ะมั้งเขาถึงได้มั่นใจขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ซีวอนต้องทำสมาธิให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ สายตาแน่วแน่จ้องเขม็งไปที่กลุ่มม่านควันที่เกิดจากฝุ่น กำไม้กายสิทธิ์ไว้มั่นในหัวคิดไว้แค่ว่าทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

                เวลานี้เขาจำคาถาที่ฮยอกแจพร่ำสอนไม่ได้หรอก ก็แค่ปล่อยมันให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนเอง

     

                พรึ่บ

     

                มาแล้ว !!!

     

                แสงสะท้อนในม่ายควันนั่นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นแสงสะท้อนของดาบนั่น ความคมของมันนี่สะท้อนเข้าที่หน้ามากครับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ซีวอนจะมากลัวกับความตายที่กำลังจะเข้ามาใกล้ถ้าเขาพลาดไปเพียงนิดเดียว ก็แค่อย่าทำให้พลาดก็จบใช่มั้ยล่ะ เหนาะ..หล่อมั้ยล่ะครับ

     

                เปรี้ยง !!!!

     

                “คิดจะใช้แผนโง่ ๆ กับข้าอีกแล้วหรือไง!!!” ร่างสูงกลิ้งตัวหลบวิถีเวทที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วตามมาด้วยคมดาบที่ยกขึ้นฟันตามลงมาอย่างแรง ถ้าเขาหลบช้าไปกว่านี้สักจุดห้าวินี่คงไม่รอดแน่ ๆ ซีวอนหอบหายใจเหนื่อยหลังจากทรงตัวได้แล้วเขารีบอาศัยจังหวะที่ทงเฮกำลังงัดดาบออกจากพื้นที่เจ้าตัวฟันลงอกอย่างแรงจนมันติดและรีบชี้ปลายไม้การสิทธิ์ไปทันที

     

                ขอร้องเถอะ สำเร็จที...

     

                เปรี๊ยะ !!!

     

                “ชิ” คราวนี้เป็นเสียงซีวอนที่สบถออกมาอย่างเสียดาย เขารู้ความรู้สึกของทงเฮที่ร่ายเวทมาแล้วเขาหลบได้แล้วล่ะมันรู้สึกรำคาญอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่มากกว่าคงเป็นความรู้สึกเสียดายเนี่ยแหละ ถึงฮยอกแจจะบอกว่าการร่ายเวทโดยมีตัวกลางอย่างพวกไม้กายสิทธิ์มาช่วยเสริมไม่ให้ใช้พลังตัวเองไปมาก แต่สำหรับมือใหม่อย่างเขามันบั่นทอนกำลังไปเยอะเลย

     

                เหนื่อยชิบหาย

     

                “หึ... เหมือนจะเริ่มดิ้นรนบ้างแล้วสินะ.. ดี!! ค่อยสนุกหน่อย !

     

                “เฮ้ บอกแล้วไงว่าอย่าหันคมดาบใส่คนที่เพิ่งเจอกัน”

     

                ตู้ม !!!

     

                เป็นอีกครั้งที่หลบได้อย่างหวุดหวิด ซีวอนรีบอาศัยจังหวะนั้นตวัดไม้ไปหาสิ่งที่อยู่ใกล้ทงเฮมากที่สุดให้มันหลบใส่ทงเฮเหมือนที่เคยทำ ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้างความรำคาญให้ทงเฮไม่ใช่น้อย แต่ใครสนวิธีการกันล่ะ ตอนนี้ขอแค่รอดจากเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ไปได้ก็พอ

     

                เอาล่ะนะ

     

                เปรี๊ยะ !!!

     

                ซีวอนเล็งไม้ไปที่ทงเฮอีกครั้งและปล่อยพลังเวทออกมา แม้จะรู้สึกว่าความรุนแรงมันไม่ได้มากมายอะไร แต่ตอนนี้เขาก็ทำให้ทงเฮต้องยกดาบขึ้นมาตั้งรับกระแสเวทของเขาไว้ได้แล้ว และต่อจากนั้นล่ะ... ถ้าเขาโดนดันกลับมาล่ะจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้พลังกายก็แทบไม่เหลือแล้ว

     

                คงต้องลุยอย่างเดียว เป็นไงเป็นกัน

     

                “คิดจะเอาพลังอันน้อยนิดแบบนี้มาสู้กับข้าหรือไง”

     

                “ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกเว่ย ไม่แน่นายอาจจะเกิดข้าศึกประชิดประตูเมืองกะทันหันก็ได้”

     

                “เจ้านี่มันชอบพูดอะไรไร้สาระจริง ๆ เลย!!!” น่าน... โชว์โง่ไม่พอยังโดนมันด่ามาอีก แล้วคิดว่าชเวอยากเป็นคนพูดอะไรไร้สาระแบบนี้มั้ยคร้าบบบบ ก็โดนยัดคาแรกเตอร์มาให้เป็นแบบนี้แล้วจะให้เขาทำยังไง บางทีซีวอนก็อยากได้รับบทพระเอกผู้หล่อทั้งกายใจและความสามารถ แต่เหมือนคนแต่งมันจะไม่เข้าใจเนี่ยสิ เห้อวว์

     

                นอกเรื่องและครับ กลับมา ๆ

     

                ซีวอนกัดฟันแน่นทนแรงดันที่ทงเฮดันมันกลับมาจากการใช้ดาบตั้งรับพลังโจมตีของเขา แน่นอนว่ามันดูรุนแรงกว่ามากเพราะทงเฮที่ตั้งรับพลังเขาอยู่ดูจะไม่รู้สึกเหมือนหรือเป็นทุกข์ร้อนอะไรเลย แถมยังดูสบาย ๆ อีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เขาเป็นฝ่ายเดียวที่เสียแรงหรือยังไงกันเนี่ย รู้อยู่หรอกว่ากาก แต่ช่วยทำท่าทางหมดแรงเป็นมารยาทให้ความตั้งใจของเขาบ้างไม่ได้หรือไง!!

     

                บอกแล้วไงครับว่าภาพลักษณ์และชีวิตของชเวแขวนอยู่บนแป้นพิมพ์

     

                 “รู้สึกว่าเจ้าจะเต็มที่ได้แค่นี้สินะ งั้นเตรียมตัวรึกัน เพราะข้าเสียเวลามามากแล้ว!!!” แสงเวทสีดำที่เพิ่มพลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนซีวอนรู้สึกได้ว่าตนเองที่พลังยื้อตัวเองไว้อยู่นั้นถอยมาเองอย่างอัตโนมัติโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ก้าวถอยสักก้าว แน่นอนเขาโดนพลังของทงเฮผลักมาจนต้านไว้ไม่อยู่แล้ว

     

                จบแค่นี้หรอ...

     

                อ่า... เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ได้ทำเต็มที่แล้ว...

     

                อย่างน้อยคยูฮยอนก็รอดล่ะนะ..

                ....

                ...

                “หมอบลง!!!

     

                ตู้ม!!!!!

     

                เสียงทรงพลังที่ดังลั่นมาจากทางไหนไม่รู้แต่รู้ว่าทำให้คนที่เตรียมรับความพ่ายแพ้อีกครั้งก้มลงได้อย่างอัตโนมัติ ชเวยังทึ่งกับการโต้ตอบโดยอัตโนมัติของร่างกายตนอย่างอยู่เลย... ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วแต่พอเอาเข้าจริง ตัวเขากลับไปไวกว่าที่สมองจะคิดได้เสียอีก

     

                แสงเวทสีแดงเพลิงที่เฉียดหัวเขาไปเพียงไม่กี่มิลเข้าปะทะกับเวทสีดำของทงเฮจนมันสลายหายไปพร้อมกับดาบที่ลอยหลุดจาดมือเจ้าของมันเพราะพลังของเวทสีเพลิงนั่น เจ้าของดาบสีดำทมิฬมองดาบของตัวเองแล้วหันขวับมามองทางซีวอนด้วยความพิโรธทำเอาซีวอนขนลุกชูชัน เห้ยยย ไม่ใช่ผมล่ะครับ ผมนั่งอยู่เนี่ย เห็นมั้ย เห็นมั้ยยย

     

                “ฮีชอล!!!

     

              นั่นไง กูโดน...อ่าวเห้ย ไม่ใช่ชื่อเขานี่หว่า... กว่าจะตั้งสติได้ซีวอนก็ได้ยินเสียงของฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นดินข้าง ๆ เขาเสียแล้ว ซีวอนรับหันไปมองบุคคลมาใหม่ทันที

     

                “สวัสดีน้องรัก” เสียงที่พูดออกมาประโยคแรกด้วยน้ำเสียงที่ดูทรงพลังมากเท่าที่เคยได้ยินมา ถึงแม้จะไม่ได้ตวาดจนน่ากลัวเหมือนทงเฮแต่ซีวอนสาบานได้เลยว่าคนคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจน้อยกว่าทงเฮเลยสักนิด เผลอ ๆ จะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เส้นผมสีแดงเข้มที่ยาวลงมาประบ่าถูกรวบไว้แค่ครึ่งเดียว รอยยิ้มแสยะที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้ายังทำให้ซีวอนรู้สึกขนลุกมากกว่าสายตาดุ ๆ ของทงเฮเสียอีก

     

                “ใครเป็นน้องเจ้า”

     

                “เจ้าคลานตามข้าออกมา ข้าเป็นคนอุ้มเจ้าเองกับมือ ทำไมยังถามแบบนี้อีกล่ะ หืม ?”

     

                “กับคนที่ทรยศเผ่าพันธุ์เราไปร่วมมือกับเจ้าพวกอ่อนแอนั่น ข้าเลิกนับเป็นพี่ไปนานแล้ว”

     

                “เมื่อไหร่เจ้าจะตาสว่างสักทีนะน้องข้า” คนที่ทงเฮเรียกว่าฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ทำไมกันนะซีวอนถึงรู้สึกว่ามันแฝงไปความน้ำเสียงติดหัวเราะยังไงไม่รู้... ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ ตัวของตนเองก็ลอยขึ้นมาจากพื้นเพราะโดนเจ้าของพลังเวทสีแดงเพลิงช่วยพยุงขึ้นมา “ข้าคงอุ้มเจ้าไม่ได้เพราะเจ้ามันตัวใหญ่เกินไป เพราะฉะนั้นจะช่วยพยุงแทนรึกัน พอไหวไหม ?”

     

                “อะ..อื้ม”

     

                “ดี ถึงจะเพิ่งเจอกันแต่ก็ยินดีที่ได้รู้จัก และไม่ต้องกลัวเพราะข้ามาช่วยเจ้า” ถึงแม้จะอยากบอกว่าเดินเองได้ขนาดไหน แต่ในสถานการณ์แบบนี้อย่าเสียงเลยดีกว่า ไม่ใช่ไม่แน่ใจว่าสภาพตัวเองจะเดินได้มั้ย แต่หากไม่แน่ใจว่าจะทำให้คนที่พยุงเขาอยู่โกรธแทนหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเออออไปก่อนจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเองสืบต่อไป

     

                อืม... แต่ตอนนี้ก็สนใจบรรยากาศมาคุตรงหน้าก่อน

     

                ดูจากคำที่ใช้เรียกกันแล้ว คงเป็นพี่น้องกันล่ะมั้ง

     

                ชิบหาย.. ไม่ใช่ว่าเขาหนีเสือปะจระเข้หรอกนะครับ... ถึงจะบอกว่ามาช่วยแต่การเป็นพี่น้องกับทงเฮนี่มัน...

     

                อืม.. น่ากลัวทั้งพี่ทั้งน้อง

     

                “เจ้านั่นแหละฮีชอล เมื่อไหร่จะตาสว่างว่าพวกเราควรจะทำยังไงกับเจ้าพวกจอมเวทของคังยู!!! เจ้าทรยศพวกเรา เจ้าร่วมมือกับเจ้าพวกนั้นกำจัดพวกเรา เจ้ามันคนทรยศ!

     

                “ถึงว่า ผ่านไปกี่ปี ยังไงน้องชายข้าก็ยังไม่โตสักที”

     

                “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าข้า!!” ทงเฮตวาดลั่นใส่ผู้เป็นพี่ด้วยแววตาที่พิโรธมากกว่าตอนสู้กับซีวอนเสียอีก แต่ซีวอนกลับรู้สึกได้ว่าคนที่กำลังพยุงเขาอยู่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกถึงความโกรธของน้องชายเลยสักนิด ซ้ำกลับยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ อีกต่างหาก

     

                “หึ... ข้าจะไม่ขัดขวางกับเส้นทางที่เจ้าเลือกเดิน เพราะคนเราจะโตขึ้นได้ต้องเรียนรู้จากการกระทำของตนเอง และข้าอยากให้น้องข้าโตขึ้นด้วยตัวเอง ทำตามที่เจ้าต้องการซะทงเฮ เพราะข้าจะทำตามทางที่ข้าเลือกเดินเหมือนกัน ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับสายเลือดเดียวกันก็ตาม” ซีวอนได้ยินประโยคของคนข้างตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ภาพตรงหน้าจะหมุดติ้วแล้วและเขารู้เหมือนตัวเองตัวเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูก

     

                อ่า... หวังว่าคนคนนี้คงไม่พาเขาไปต้มยำทำแกงที่ไหนหรอกนะ...

     

    ....................................

     

     

                “ย่าห์ ท่านจะแย่งข้ากินอันนั้นไม่ได้นะ”

     

                “ข้าหยิบมันได้ก่อนเจ้านะเด็กน้อย”

     

                “แต่ข้าเป็นคนหยิบมันมาวางไว้ก่อนนะ”

     

                “จุ๊ ๆ ใครมาก่อนมาหลังไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ใครเร็วใครได้ต่างหาก”

     

                “หึ๋ย ข้าล่ะเกลียดท่านเสียจริง ๆ เลย!!!

     

                “โฮะ ๆ ๆ ”

     

                เสียงหัวเราะอย่างนางพญาที่คนนอนฟังมาได้สักพักได้ยินแล้วยังรู้สึกขนลุกชูชันไปทั้งตัว... เดี๋ยวนะครับ แต่เสียงที่ติดน้ำเสียงไม่พอใจนี่พอจะคุ้นอยู่บ้างนะ แต่เดี๋ยวก่อน...

     

                นี่เขาอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย !!

     

                “...!!!” สะดุ้งตัวขึ้นมาจนสุดแรงก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่รุมเร้าตั้งแต่ลำคอลามจนไปถึงแก้มก้น ความเจ็บปวดนี้มันคืออะไรกันว่ะเนี่ยยยยย ชเวได้แต่เบ้ปากเบะปากด้วยความเจ็บปวดระดับสิบ เดี๋ยวก่อนดิ เท่าที่จำได้ตัวเขาไม่ได้ไปเผชิญชะตากรรมอะไรหนักหนาสาหัสขนาดทำให้เจ็บตัวขนาดนี้นะ ถ้าเป็นคยูฮยอนล่ะว่าไปอย่าง...

     

                เห้ย...

     

                “คยูฮยอน!!!” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมใครเอาไว้ก็รีบตะโกนขึ้นเสียงดัง ส่งผลให้คนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาที่กำลังฉกชิงแย่งขนมห่อเล้กในมือกันอยู่รีบถึงกับหยุดชะงักและหันมองมาทางเขา ถัดไปอีกไม่มาก็เจอบุคคลที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด นั่งกอดอกสัปหงกอยู่ที่โซฟาขนฟ่องฟูสีน้ำตาล

     

                ปริบ ปริบ

     

                “....” กับดวงตากลม ๆ ที่เขาคุ้นเคยจ้องมาตาปริบ ๆ อยู่ไม่ไกล

     

                “คยูฮยอนนา...” เมื่อเห็นหน้าคนที่ตัวเองเป็นหัวอยู่ก็โผล่เข้ากอดทันทีโดยลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น ยิ่งเห็นผ้าพันแผลที่หัวคยูฮยอนความรู้สึกผิดก็ยิ่งถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกน้ำตาจะไหล ถ้าตอนนั้นเขามีความกล้ามากกว่านี้คยูฮยอนคงไม่เจ็บหนักขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวใจ กระซิก

     

                “หายใจไม่ออก”

     

                “ขอโทษนะคยูฮยอนนา...”

     

                “ขอโทษทำไม ?”

     

                “ก็ฉันทำให้คยูฮยอนเจ็บตัวขนาดนี้”

     

                “รอดมาด้วยกันแล้ว ต้องพูดว่าดีใจ ไม่ก็ตะโกนอะไรโง่ ๆ ออกมาเหมือนทุกทีสิ โง่อีกแล้ว” คนเพิ่งฟื้นโดนยัดเยียดความโง่ให้ก็ถึงกับสมองมึนไปชั่วขณะ แต่เพราะคนถูกกอดจนหายใจไม่ออกพูดเสียงติดตลกเขาเลยไม่ได้คิดมากอะไร จริงอยู่ที่ตอนนี้คยูฮยอนมีผ้าพันแผลเต็มตัวไปหมด แต่ทันทีที่รู้สึกตัวเขาก็รีบถามหาซีวอนทันทีและมานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงรอซีวอนฟื้นขึ้นมาเป็นชั่วโมง ถึงจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้มาได้ยังไง แต่ก็คงจะไม่ใช่คนเลวอะไรหรอก

     

                มั้ง

     

                “อ่าว ๆ ตื่นมาก็สวีทกันเลยนะเจ้าพวกนี้ กับคนที่ช่วยน่ะขอบคุณเขาหรือยังล่ะหืม ?” คนหัวแดงที่ถ้าจำไม่ผิดซีวอนจะจำได้ว่าชื่อฮีชอล เดินท้าวสะเอวเข้ามาพร้อมกับในปากที่ยังกัดขนมอยู่ กับฮยอกแจที่เดินหน้ามุ่ยตามหลังมาเพราะถูกแย่งขนม ซีงอนผละออกจากคยูฮยอนก่อนจะเริ่มมองฮยอกแจด้วยสายตางงงวยทันที

     

                “อะ..เอ่อ.. ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้” ซีวอนไม่รอช้าที่จะขอบคุณคนตรงหน้า ถึงแม้จะดูท่าทางฝีมือร้ายกาจพอตัวและยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาดีแค่ไหน แต่ดูจากการเถียงแย่งขนมเป็นเด็ก ๆ กับฮยอกแจเมื่อกี้ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันมาพอสมควรแล้วล่ะ

     

                “จะว่าไปเจ้าก็ดวงแข็งจริง ๆ นะ เจอกับน้องข้าแล้วยังรอดดกลับมาได้แบบนี้ ที่เขาว่าเป็นผู้คุมกฎสงสัยจะจริง”

     

                “เออ... ตามตรงผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่ถ้าผู้คุมกฎอะไรนั่นเป็นอย่างที่ฮยอกแจพูดจริง ผมก็สาบานได้เลยว่าผมไม่เคยไปบู๊แหลกที่โลกยอดมนุษย์ของพวกคุณแบบนั้น“

     

                “โลกเวทมนต์”

     

                “นั่นแหละครับ”

     

                “อือ... แต่ดูโดยรวมแล้วเจ้าก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดานี่นะ ไม่น่าจะใช้พลังรุนแรงขนาดทำให้มือของทงเฮเป็นรูได้ขนาดนั้น” ซีวอนหันขวับทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น เดี๋ยวก่อนดิ ถ้ารู้ถึงขนาดนั้นก็แสดงว่าอยู่มาตั้งแต่แรกแล้วดิ แล้วเพิ่งเข้ามาช่วยเขาเนี่ยนะ โถว...ไม่รอให้เขาตายก่อนแล้วค่อยเข้ามาเก็บวิญญาณเขาล่ะครับ

     

                ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริง ๆ ...

     

                “มองอะไรแบบนั้น สงสัยสิว่าทำไมข้าไม่เข้าไปช่วยเจ้าตั้งแต่แรก”

     

                “เอ่อ... ก็..”

     

                “เพราะคนเราเวลาใกล้ถึงเส้นตายน่ะ ความสามารถของมันจะออกมายังไงล่ะ ข้าแค่อยากเห็นความสามารถของคนที่ครอบครองพลังแห่งราชันเท่านั้น แต่ก็นะ ดูจากความสามารถแล้ว... ถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวในโลกเวทมนต์ล่ะก็... อยู่ได้ไม่ถึงสามนาทีหรอก” เป็นอีกครั้งที่ผู้ชายคนนี้ยังคงพูดอะไรน่ากลัว ๆ ออกมาโดนไม่แคร์อะไรเลยสักนิด ซีวอนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นี่เขามาเจอบุคคลที่อันตรายมากกว่าทงเฮแล้วล่ะมั้งเนี่ย... อย่างว่าแหละ คนเป็นพี่มักแอดวานซ์กว่าเป็นน้องเสมอ

     

                ผมนี่เย็นเตร็กเลยครับ

     

                “พวกคุณเป็นใครกันแน่ ? ต้องการอะไร ?” แต่ดูเหมือนจะมีอีกคนที่พูดได้ตรงประเด็นพอ ๆ กับทงเฮคนพี่หลาย ซีวอนหันไปมองคยูฮยอนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างเขา เงยหน้าถึงถามฮีชอลอย่างไม่เกรงกลัว โดนการจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ เป็นการเค้นคำตอบ ซีวอนนี่ถึงกับอ้าปากค้างกับความกล้าของเพื่อนตัวเองจนอยากจะกราบกรานให้นั่งเงียบ ๆ เฉย ๆ แบบเมื่อกี้เสียยังจะดีกว่า

     

                หนูรู้มั้ยลูกว่าท่าทางของหนูจะทำให้หนูไม่ปลอดภัยน่ะ คยูฮยอนนนน

     

                “หึ... สายตาดีนี่” นั่นไง... สมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ เลย ฃเวแนะนำว่าถ้าจำไม่ได้ให้ย้อนกลับไปอ่านใหม่ตอนที่วิ่งหนีทงเฮหัวซุกหัวซุนลงจากรถเมล์แต่กลับโดนตามทันและคยูฮยอนได้ส่งสายตาท้าทายส้นตีนแบบนี้ใส่ทงเฮและเจ้าตัวก็ทักกลับมาแบบนี้เหมือนกันเดี๊ยะ ณ จุด ๆ นี้ชเวบอกเลยว่าอยากจะลากคยูฮยอนกลับไปเทศน์เรื่องการเอาชีวิตรอดและทำตามเนียน ๆ ลื่นไหลไปตามสถานการณ์แบบเขาเหลือเกิล (ปาดน้ำตาในความบ้าบิ่น)

     

                “ถ้าฮยอกแจเล่าให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียดล่ะก็... คนที่โลกเวทมนต์มักเรียกพวกข้าว่าจอมเวทระดับสูง”

     

                “..”

     

                “ฉายาของข้า จอมเวทแห่งการทำลายล้าง คิม ฮีชอล

     

                “...” การเปิดตัวที่ช็อคซินิม่าทำเอาซีวอนอ้าปากค้างจนรู้สึกได้ถึงยุงที่เข้าไปเจาะดูดเลือดที่เหงือกเขาได้สามลิตร(เว่อร์) เขามองฮีชอลตาค้างเมื่อรู้ถึงความสามารถอีกคนและฉายาที่ดูจะน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินว่าคนที่ชื่อสังฆัง(?)หรืออะไรคัง ๆ นั่นเป็นจอมเวทแห่งสงครามที่เผาปราสาทจนย่อยยับอะไรนั่นก็รู้สึกได้ว่าพวกจอมเวทระดับสูงเป็นอะไรที่เขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย

     

                แต่เดี๋ยวก่อน จอมเวทระดับสูงอย่างนั้นหรอ...

     

                “งั้นฮยอกแจก็เป็นจอมเวทระดับสูงด้วยอย่างนั้นหรอ ?” คำถามของซีวอนทำให้คนถูกพาดพิงถึงกับสำลักนมสตรอว์เบอร์นี่ที่กำลังสวาปามเข้าปากแก้ช้ำใจแทนขนมที่ถูกฮีชอลแย่งไปกิน ฮยอกแจไอไปทุบอกตัวเองไปจนทำให้คนที่นั่งสัปหงกอยู่ตื่นขึ้นมา ซึ่งซีวอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใครแต่คงมากับฮีชอลนั่นแหละ

     

                “ไอเด็กเหลืองเนี่ยนะจอมเวทระดับสูง นี่เจ้าใช้อะไรมองน่ะห้ะ?”

     

                “คือเคยได้ยินคนเรียกแบบนั้นน่ะ เกือบตายแหนะตอนนั้น”

     

                “หา ? นี่เจ้าเคยเจอจอมเวทคนอื่นนอกจากทงเฮงั้นหรอ”

     

                “อ..อือ ครั้งแรกก็โดนฟ้าผ่าใส่เลย แล้วฮยอกแจก็มาช่วยน่ะ” ฮีชอลรีบหันขวับไปมองฮยอกแจที่สำลักตัวสั่นทันที จนคนที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่ง ๆ ต้องลุกขึ้นมาช่วยตบหลังดังปั่กจนฮยอกแจแทบทรุด เชิงบอกว่า มึงเลิกสำออยทำสำลักได้แล้วกูรำคาญ ซึ่งอีฮยอกแจเลยต้องนั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่อย่างเจี่ยมเจี้ยมที่พื้นจากสายตาของฮีชอล

     

                “งั้นหรอ... งั้นเจ้าเล่าได้มั้ยว่าตอนนั้นไอเปี๊ยกนี่ช่วยเจ้ายังไง” น้ำเสียงเยือกเย็นทำเอาซีวอนเสียวสันหลังวูบ กลับกันกับฮยอกแจที่ตอนนี้นั่งยิ้มแห้ง ๆ หน้าซีดไปแล้ว ซีวอนเอียงหน้ามองด้วยความสงสัยแต่หากก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในที่นี่กำลังตั้งคำถามกับเขา เขาควรรีบตอบก่อนชีวิตจะหาไม่

     

                ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจจจจ

     

                “ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร แต่ก็...ใช้เลือด”

     

                “หืม ?”

     

                “ใช้เลือดแล้วเปลี่ยนมันเป็นอาวุธที่เป็นผลึกคม ๆ น่ะ”

     

                “เห...เจ้าใช้เวทสายโลหิตได้ด้วยหรอฮยอกแจ” สายตาเย็น ๆ ถูกตวัดถามมาอีกครั้ง ฮยอกแจนั่งยิ้มหน้าซีดเหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงมาตามใบหน้าขาวซีดของเจ้าหัวทองทำให้ซีวอนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจแต่หากก็ต้องสะดุ้งตกใจกระโดดกอดคยูฮยอนทันทีเมื่อได้ยินเสียงพิพากษาของยมทูตผมแดง

     

              “ย่าห์!! มาคุยกับข้าเดี่ยวนี้เลยไอเด็กบ้า!!

     

              โชคเอนะแขร

     

     .
     .



     

                ชั่วโมงกว่า....ได้แล้วล่ะมั้งเนี่ย...

     

                “คุยอะไรกันนานขนาดนั้นนะ... นายคิดว่าไงคยูฮยอน พวกเขาคุยอะไรกัน ?” เป็นชั่วโมงแล้วที่ซีวอนนอนแห้งอยู่บนเตียงมองที่ประตูที่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้องที่มันปิดตายสนิทตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วไม่มีท่าทีจะเปิดออกมาสักนิด  ก่อนจะหันไปเบ้หน้าใส่คนน่ารักข้าง ๆ ที่ถอนหายใจให้ความอยากรู้อยากเห็นของเขา

     

                “จะรู้มั้ย อยากรู้ก็ไปเคาะประตูถามสิ”

     

                “เสียมารยาทนะแบบนั้น”

     

                “แล้วที่อยากรู้เรื่องที่คนอื่นเขาไม่อยากให้รู้แถวบ้านเรียกอะไร”

     

                “เสื-กไง”

     

                “ก็นั่นแหละ”

     

                “...” รู้สึกเจ็บปวดเข้าที่กลางใจ... ทำไมคยูฮยอนช่างสรรค์หาคำพูดทำร้ายจิตใจกันตลอดเลยนะ ชเวไม่เข้าใจจจจ เบ้หน้าไปแบบดับเบิ้ลให้รู้ว่างอน แต่คนที่มีผ้าพันแผลที่หัวก็ได้แต่ถอนหายแล้วใช้มือบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูที่แช่อยู่ในกะละมังหมาด ๆ ก่อนจะเช็ดตัวให้เขาต่อ

     

                “เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวก็ได้รู้เองนั่นแหละ คนอย่างฮยอกแจปิดปากได้ไม่นานหรอก”

     

                “สัมผัสที่แปดของฉันบอกว่าพวกเขาต้องคุยเรื่องคนที่มาช่วยฉันแน่ ๆ เป็นไปได้มั้ยว่าคนที่มาช่วยฉันจะไม่ใช่ฮยอกแจน่ะคยูฮยอน” ทำหน้าเครียดจริงจังแถมเอามือขึ้นมาจับคางอีก นี่เลยครับ ทดลองเป็นยอดนักสืบโคนันถึงตัวจะเป็นคนแต่สมองเป็นควายชื่อของเขาคือยอดนักสืบซีวอนนนนน

     

                “ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันอยู่กับนายที่ไหน”

     

                “แต่คยูฮยอนมานอนกับฉันนี่นา เห็นใครบ้างหรือเปล่า”

     

                “ใช้คำให้มันดีดีหน่อย” ว่าแล้วก็โดนใช้ผ้าตบมาที่ปากแรง ๆ หนึ่งที โห...ถ้าคนหล่อปากเบี้ยวเพราะแรงช้างสารของคยูฮยอนจะทำยังไงกันล่ะครับ ... แต่พูดก็พูดเถอะนะ คยูฮยอนโดนมาหนักกว่าซีวอนอีก แต่ทำไม๊ทำไมยังแลดูใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ในขณะที่ชเวนี่แทบจะเดี้ยงขยับตัวไม่ได้เพราะปวดตัวไปหมด ให้ตายเถอะโรบิ้นให้ดิ้นเถอะโรเบิร์ต คยูฮยอนจะแกร่งเกินไปแล้น

     

                “ก็มันจริงนี่นา ฉันกอดคยูฮยอนแบบนี้เลยนะ แบบนี้ ๆ ”

     

                “นี่!! ไม่ต้องสาทิตเลยนะ” ไม่ทันไรไอคนที่บ่นนักบ่นหนาว่าปวดเมื่อยตัวจนลุกไม่ขึ้นเดินไม่ไหวอึไม่ออกก็คว้าตัวคยูฮยอนที่นั่งอยู่บนเตียงข้าง ๆ ไม่นอนกกกอดอยู่ข้างกาย ไม่พอนะ มันยังเอายาขาว ๆ ของมันมาพาดตัวคยูฮยอนไว้แถมยังกอดแน่นอีก นี่ลืมไปหรือเปล่าว่าคยูฮยอนบาดเจ็บหนักกว่าน่ะ

     

                “ง่วงจังเลย” จมูกโด่ง ๆ สูดกลิ่นผมของคยูฮยอนเข้าเต็มปอด แต่ก็ต้องสำลักออกมาเมื่อมันไม่หอมฟรุ้งฟริ้งเหมือนทุกที แหง่ล่ะ นอนคลุกไปกับฝุ่นแบบนั้นแถมยังหัวแตกเลือดไหลเป็นลาบน้ำตก ผมใครยังหอมอยู่อีกก็นิยายแล้ว

     

                “ปล่อยเลย ยังเจ็บแผลอยู่นะ”

     

                “ไม่ปล่อยหรอก นอนกอดคยูฮยอนแบบนี้น่ะสบายที่สุดแล้ว” ยัง.. มันยังไม่ปล่อยอีก... คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบที่ล้านของวัน มองการเกี่ยวพันที่ดูจะผ่อนลงบ้างแล้วคงเป็นเพราะซีวอนกลัวเขาเจ็บแผลนั้นแหละ แต่ถ้าคิดแบบนั้นจริง ๆ ไอบ้านี่ก็คงจะปล่อยเขามากกว่านะ แต่เปล่าเลย มันยังคงกกกอดไว้เหมือนเป็นหมอนข้างเน่า ๆ ที่เจ้าตัวกกกอดนอนทุกวันอย่างขาดไม่ได้

     

                นี่แหละความซีวอน...

     

                “นี่ไม่อยากรู้แล้วหรือไงว่าเขาคุยอะไรกัน ? ”

     

                “ก็ถ้าทำแบบนั้นจะเป็นพวกขี้เสื-ก เค้าไม่อยากเป็นคนแบบที่คยูฮยอนไม่ชอบ เค้าไม่อยากรู้แล้ว” เสียงแทนตัวเองที่มุ้งมิ้งขึ้นทำให้คยูฮยอนรู้ว่าเจ้าคนที่หลับไปหลายชั่วโมงเริ่มจะง่วงอีกแล้ว คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่คยูฮยอนจับยัดใส่ปากเพราะไอคนตัวสูงเอาแต่งองแงไม่กินเพราะกลัวขมนี่แหละ ตัวอย่างกับควายยังทำตัวเป็นพระเอกติ่งอย่างการเกลียดยา อยากจะถุยใส่หน้าแล้วเทกรอกปากไปสักกระปุก

     

                แน่นอนนั่นเป็นเพียงความคิดหยาบ ๆ เสี้ยวหนึ่งในจิตใจเท่านั้น คยูฮยอนออกจะจิตใจดีเมตตาต่อสัตว์โลก

     

                “รู้ได้ไงว่าฉันไม่ชอบ”

     

                “ก็เวลาเดินไปไหนกับคยูฮยอนนะ คนที่เขาคิดว่าเราเป็นแฟนกันนินทาซุบซิบเต็มไปหมด บางคนก็เอาไปใส่่ไฟสารพัดคยูฮยอนก็ดูหงุดหงิดทุกทีเลยที่ได้ยินข่าวแย่ ๆ ของตัวเองใช่มั้ยล้า ~ ” ก็ถูก... เขาไม่คิดเหมือนกันว่าไอเพื่อนปัญญานิ่มมันจะสังเกตขนาดนี้ เพราะปกติคยูฮยอนเก็บอารมณ์เก่งจะตาย แต่เวลารู้สึกไม่ชอบใจอะไรนะ ซีวอนจะสังเกตเห็นได้เลยว่าคิ้วคยูฮยอนจะกระตุกเล็กน้อยประมาณสามมิล ก่อนจะกลับมาปั้นหน้านิ่งอีกครั้ง

     

                เป็นไงล่ะ ชเวซีวอนสังเกตทุกอย่างที่เป็นคยูฮยอนนั่นแหละ

     

                “ง่วงก็นอน ขนลุกกับคำพูดของนายเต็มทีแล้ว”

     

                “แหนะ เขินก็บอก”

     

                “นอนไปเลย”

     

                “นอนด้วยกันนะ”

     

                “เออ” เพื่อตัดปัญหาการเซ้าซี้และงอแงของคนที่หนังตาแทบจะปิดที่นอนกกคยูฮยอนไว้แบบนี้แล้วล่ะก็ ตอบรับส่ง ๆ ไปก่อนถึงจะเป็นการดี เพราะชเวซีวอนเป็นคนที่พอหลับลึกแล้วต่อให้โดยลากออกจากบ้านก็คงไม่รู้สึกตัวหรอก ถ้าวันใดวันหนึ่งมีโจรเข้าบ้านหมอนี่ต้องรู้ตัวตอนถูกแทงแหง ๆ คยูฮยอนฟันธงเลย พอคิดแบบนั้นแล้วก็คิดได้ว่าค่อยเอาตัวออกมาจากอ้อมแขนอุ่น ๆ นี่ทีหลังก็ยังไม่สาย นอกเสียจากเขาจะไม่อยากออกเสียเองเพราะไอเจ้าตัวสูงนี่นั่นแหละ

     

                “ฝันดีคับ”

     

                “เออ”

     

                เจ้าบ้าเอ้ย...

     


    TO BE CONTINUE…

    NEXT ; CHAPTER 6 :: -

    เฮลโล่ว หายไปนานเลยเนอะ คิดถึงเค้าป่ะ ถถถ

    วันนี้วันเกิดค่ะเลยฝืนสังขารมานั่งพิมพ์งก ๆ

    งกมากจริง ๆ นะแบบไม่ยาวเหมือนตอนที่ผ่านมาอ่ะ 555555555555

    ทุกทีจะหมื่นกว่าคำ นี่หกพันกว่าคำเองอ่ะ สมองล้ามากค่ะ คิดคำพูดไม่ออกเลย

    หายไปนานเพราะติดทำงานยักษ์อย่างแม็กกาซีนที่ดันดวงดีได้เพื่อนช่วยทำไปเพียงแค่สี่หน้า อยากจะสดุดีแด่ความโชคดีเสียจริง ๆ เลย ไม่ได้นอนไปสองวันเต็ม ๆ เลยค่ะ ล้าสุด ๆ สมองปิดตายมาก ๆ จะเดี๋ยวก็จะสอบแล้ว ยังไม่มีอะไรในหัวเลยค่ะ OTL…

    ถ้าคึก ๆ ตอนต่อไปก็คงอีกไม่นานแต่ถ้าไม่ไหวก็อีกสองอาทิตย์เลยค่ะ

    ขอบคุณสำหรับคนที่ยังไม่ทิ้งกันไปนะคะ ลาก่อย
    #ฟิคจอมเว

     

     

     

     

    © themy butter


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×