ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] ALEATORY LOVE┃Ft.DONGHAE

    ลำดับตอนที่ #4 : ►Lesson 3 :: เขาน่าหมั่นไส้

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 58


    .


    Lesson 3

    :: เขาน่าหมั่นไส้

     

     
               10:46 a.m.

     

                นาฬิกาดิจิตอลที่ติดผนังอันเท่าฝาบ้านอยู่ปลายเตียงบ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาใกล้เที่ยงในอีกไม่ถึงสองชั่วโมง แต่หากร่างโปร่งของนักเรียนม.ปลายยังคงนอนซุกผ้าห่มอย่างสบายใจ

     

                ความสมเหตุสมผลในการปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของโลกค่อนข้างดี เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองลุกขึ้นไปเปิดแอร์ 20 องศาเพราะอากาศร้อนส้นตีนขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็กลับมานอนห่มผ้าเพราะความหนาวที่เตียงเสียแล้ว

     

                เออ...แล้วก็จะเปิดแอร์ส้นตึกอะไร งง

     

                แต่ช่างมันเถอะ... วันนี้วันหยุด คยูฮยอนจะนอนจะนอนนนนนน

     

                ในขณะที่วันนี้คงเป็นวันที่เด็กหลายคนตะบี้ตะบันตื่นประหนึ่งวันไปโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษแต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่คยูฮยอน ร่างโปร่งไม่ติดจะฆ่าตัวตายด้วยการไปเรียนเพิ่มในวันหยุดที่มีแค่สองวันในสัปดาห์แต่แม่งกลับผ่านไปรวดเร็วประหนึ่งสองนาที

     

                ใช่.. ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

     

                ครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

                ปึง !!!

     

                “ตื่นได้แล้วครับไอตูดบาน เฮลโหล๋ววววว” เสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาทดังมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหลมปรี๊ดแต่กลับแตกซ่านของผู้บุกรุก

     

                คยูฮยอนที่ถูกรบกวนเวลาอันแสนสุขได้แต่ขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตาก่อนจะพลิกตัวหนีแล้วเอาหมอนมาอุดหู

     

                หนวกหู

     

                “ไม่ตื่นหรอครับ ได้ครับได้...” เสียงมันเงียบไม่สักพักจนคนนอนรู้สึกดีที่อีกฝ่ายเหมือนจะยอมล้มเลิกการปลุกตัวเองไปแล้ว ไม่ได้หรอกคยูฮยอนจะไม่ยอมตื่นเด็ดขาด เสาร์อาทิตย์ที่แสนมีค่าคยูฮยอนจะไม่ยอมละทิ้งเวลานอนไปแม้แต่วินาทีเดียว

     

                “ย่าห์!!!

     

                ตุ๊บ !!!!

     

                “เหี้ยยยย!!!” คนนอนคลุมโปร่งอุทานออกมาด้วยความจุก เมื่อจู่ ๆ สิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่ามิลลิกรัมก็ทับลงมาบนตัวเขาเต็มรัก คยูฮยอนรู้สึกจุกจนหน้าเขียว ไอเชี่ยนี่มึงจะเอาใช่มั้ยห้ะ !

     

                “จุ๊ ๆ ครับสัดบาน อย่าเผลอลั่นวาจาสมัยพม่ารามันออกมาเชียว”

     

                “ปลุกดีดีเป็นบ้างมั้ยว่ะฮีชอล”          

     

                ร่างโปร่งสะบัดผ้าออกเพราะเริ่มรู้สึกว่าเหงื่อออกตามร่างกาย พอมองไปที่เครื่องทำความเย็นประจำห้องก็พนว่าไฟเขียว ๆ แม่งหายไปแล้ว -___- ไอห่านี่ ปิดแอร์เขาหรอ มันร้อนนะเว่ยยย

     

                “อย่ามองค้อนพี่ชายแบบนั้นน้องรัก เดี๋ยวตีนพี่ลั่น” คนเป็นพี่กอดอกยิ้มเหี้ยมอย่างน่าขนลุก คยูฮยอนเบ้ปากใส่ กลัวตายละห่าตัวก็ผอมจะตายโดนคยูฮยอนกลิ้งใส่ก็แบนแล้ว เอออแล้วคยูฮยอนจะมานั่งทำร้ายตัวเองแต่เช้าทำไม ไอบ้า

     

                “ปลุกทำไมแต่เช้า กูง่วง”

     

                คำว่าพี่น้องไม่ใช่เพียงแค่ในนาม มนุษย์จอมป่าเถื่อนนามว่า ฮีชอลเป็นพี่แท้ ๆ ที่เขาคลานตามก้นมันออกมาหลังจากสามปีที่มันได้ออกมาโลดแล่นสร้างความวุ่นวายให้โลกใบนี้ คยูฮยอนมันโดนแม่งทำร้ายร่างกายแบบนี้ประจำ ใช่สิคนเป็นน้องมันก็เสียเปรียบแบบนี้แหละ

     

                แน่นอนความรุนแรงของสองพี่น้องที่มีให้กันมันมากเกินกว่าจะใช้คำพูดคำจาน่ารักสวยหรูเหมือนพี่น้องคู่อื่นที่ต้องเรียกคนเกิดก่อนด้วยคำว่า พี่ระดับนี้แล้วคยูฮยอนและฮีชอลเลือกที่จะตัดปัญหาการอ้วกใส่กันถ้าใช้คำพูดแบบนั้นด้วยการใช้คำไทยเดิมที่เราใช้กันมาแต่ช้านาน

     

                ภาษาพ่อขุนรามฯที่คยูฮยอนมักโดนแม่ดีดปากเวลาเผลอเรียกมันเวลาแม่งอ้อนมืออ้อนตีนนั่นเอง

     

                “กูไม่อยากให้มึงเหน็บแดกเพราะเอาแต่นอนอืดอยู่บนเตียง ไสหัวออกจากบ้านไปออกกำลังกล้ามเนื้อขามึงซะ” ไม่พูดเปล่าแม่งปาเศษกระดาษก้อนกลม ๆ ที่ถูกขยำจนแม่งปาหัวหมาไม่แตกแต่ปาหัวกูแล้วเจ็บครับไอห่า

     

                “อะไร ?”

     

                “กูสงสารแม่จัง”

     

                “อะไรของมึงฮีชอล”

     

                “แม่ส่งให้มึงเรียนตั้งสายวิทย์แต่มึงกลับถามว่ากระดาษโง่ ๆ ที่กูปาไปมันคืออะไร เฮ้อ อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นน้องกู” ฮีชอลกุมขมับพลางส่ายหัวอย่างน่าหมั่นไส้

     

                คยูฮยอนค่อย ๆ คลี่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนออกมาจนมันยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้ากระดาษที่เคยเรียบกริบสักเท่าไหร่ ลายมือหวัด ๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตาคนเป็นน้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลายมือไก่เขี่ยที่เขาสืบทอดมาโดยตรงคือลายมือของใคร

     

                “คุณนายจะเผาครัวด้วยวิธีไหนล่ะวันนี้”

     

                “ต้มยำทะเลน้ำข้น”

     

                “สงสารชาวประมงจัง อุตส่าห์จับปลามาด้วยความยากลำบาก”

     

                “เออ กูเห็นด้วย”

     

                “เฮ้อ / เฮ้อ” สองพี่น้องถอนหายใจออกมาพร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย คงเป็นแค่เวลานี้เวลาเดียวที่เขาสามัคคีกัน

     

                ทำไมต้องถอนหายใจ ? ไม่อยากจะเล่าขานตำนานการทำอาหารของคุณนายแม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวของบ้านตระกูลโจวที่มีดีแต่หน้าตาที่ดูอ่อนกว่าวัยได้เพราะการดึงหน้าและการพึ่งมือหมอล้วน ๆ

     

                ขายแม่ตัวเองซะแล้ว

     

                เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาเพิ่งจะถกแขนเสื้อนักเรียนของตัวเองเพื่อลงมือขัดครัวที่คุณนายเขาได้สร้างขีปนาวุธขนาดย่อมไว้ระหว่างที่เขาอยู่โรงเรียน กลับมานี่แทบกรี๊ดเป็นตุ๊ดเด็กเมื่อเห็นสภาพห้องเลี้ยงปากท้องของตัวเองมืดดำเหมือนจิตใจของเขาตอนนี้ #ความรักก็เช่นกัน

     

                “นั่นแหละมึง ไปทำตามหน้าที่ซะ”

     

                “แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง”

     

                “กูไม่ว่าง”

     

                “แล้วทำไมมึงไม่ว่าง”

     

                “กูหายใจอยู่”

     

                “...”

     

                ไอซั๊ซ !!!

     

                คยูฮยอนคว้าหมอนริลัคคุมะโยนไล่หลังฮีชอลที่เดินลั้ลลาออกจากห้องไปจนพี่ริลัคลงไปนอนตายในหน้าที่ตรงพื้นห้องเรียบร้อย

     

                สุดท้ายคยูฮยอนก็ต้องออกไปตลาดเองสินะ -_-

     

                ใครบอกว่าเป็นลูกคนเล็กจะดีหรอ เฮลโหล๋วววว บอกเลยว่าระบบนี้มันใช้ไม่ได้กับบ้านหลังนี้ครับ สังคมของตระกูลโจวอายุน้อยสุดคือเบ้ มนุษย์แม่คือคุณหญิงประจำบ้านโดยมีลิ่วล้อเป็นลูกชายคนโตอย่างฮีชอล ส่วนคนขับรถและคนสวนคือคุณชายพ่อน่ะเอง

     

                ฮ้อย

     

                คยูฮยอนไม่คิดจะชำระล้างร่างกายหรือแปลงร่างอะไรทั้งนั้น ร่างโปร่งเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันล้างหน้านิดหน่อยก่อนจะสาวท้าวก้าวออกมาจากห้องด้วยสภาพเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลสีแดงแปร๊นที่ได้รับสืบทอดมาจากพี่ชาย

     

                กรุ๊ง กริ๊ง

     

                คยูฮยอนลากยานพาหนะบริหารกล้ามเนื้อขาออกมาจากโรงรถ นึกไปถึงภาพของคุณนายที่นั่งตะไบเล็บดูรายการสมาคมผัวจ๋าแล้วก็อยากจะเหอะใส่ดัง ๆ บ้านอื่นอาจจะเป็นภาพคุณแม่ตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดมาทำอาหารให้ครอบครัวทาน แต่บ้านนี้ไม่ใช่

     

                ภาพที่ลูกชายคนเล็กของบ้านหัวกระเซิงปั่นจักรยาน นามว่า แป๊ะยิ้มออกจากบ้านมันคงเป็นอะไรที่คุ้นตามากกว่า

     

                สภาพปกติก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วเพราะเด็กมัธยมแว่นหนาเตอะอย่างคยูฮยอนถึงจะตัวขาวซีดจนเพื่อนทักว่า มึงมีเลือดไปเลี้ยงร่างกายบ้างหรือเปล่าอยู่บ่อย ๆ แต่กับการใส่แว่นนี่บอกเลยว่าคยูฮยอนไม่ได้ใส่แล้วจะดูคิ้วท์เหมือนเน็ตไอดอลหรอกนะครับ

     

                ยอมรับว่าถ้าตัวเองใส่คอนแทคเลนส์จะดูค่อนข้างเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่ถามว่าเงินค่าคอนแทคเลนส์ที่ต้องซื้อใส่เองนี่ใครออกให้ ? ไม่มีครับ ใช้เองออกเองไม่มีเงินสนับสนุนอะไรจากบุพการีทั้งนั้น

     

                ก็เลยต้องยอมเป็นคุณป้าต่อไป

     

                กรุ๊ง กริ๊ง

     

                จักรยานแม่บ้านที่มีชื่อที่โคตรรสร้างสรรค์ที่สุดในสามโลกปั่นเข้ามาสู่ตลาดแถวบ้าน เสียงโหวกเหวกของแม่ค้าที่ตะโกนโฆษณาสินค้าในแผงของตัวเองดังไปทั่วตลาดปะปนกันไปหมด เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ ตลาดที่นี่ไม่ใช่ตลาดในร่มที่แฉะ ๆ ลื่น ๆ ถนนเส้นยาวที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ถูกทำเป็นตลาดโดยรถใหญ่ยังสามารถวิ่งได้แต่ก็ลำบากพอสมควร แผงขายของของพ่อค้าแม่ขายถูกตั้งอยู่สองข้างทางให้คนได้เลือกซื้อหากัน

     

                “น้องคยู วันนี้เอาอะไรดีค้า” แม่ค้าร้านขายของสดเจ้าประจำที่เห็นคยูฮยอนปั่นแป๊ะยิ้มเข้ามาในระยะสามร้อยเมตรไม่ได้ทำให้คยูฮยอนตกใจเพราะมันเป็นเรื่องชินไปเสียแล้ว

     

                “ตามนี้เลยครับพี่สวย” นี่ไม่ได้ชม ไม่ได้อวย พี่เขาชื่อพี่สวยจริง ๆ นะ คยูฮยอนยื่นกระดาษยับ ๆ ให้แม่ค้าคนสนิทชาวปักใต้ให้จัดการของพวกนี้ให้เขาให้หน่อย ก่อนจะปั่นจักรยานไปจอดไว้ในที่ว่างเพื่อรอ

     

                “โห วันนี้คุณมินจีจะทำต้มยำทะเลหรอ”

     

                “ครับ ผมว่าจะซื้อสก็อตไบท์ไปเพิ่มด้วยน่าจะได้ขัดครัวกันอีกรอบ ฝากดูแป๊ะยิ้มด้วยนะครับบบ” ได้รับกลับมาเป็นเสียงหัวเราะใส ๆ ของแม่ค้าก่อนคยูฮยอนจะขอตัวเดินไปซื้อย่างอื่นเพื่อไม่ให้เสียเวลา

     

                ร่างโปร่งเดินไปตามทางของตลาดที่มีคนพลุกพล่านเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ จริง ๆ คยูฮยอนก็แอบอายกับสีกางเกงของตัวเองที่แม่งดูจะแสบตาเกินหน้าเดินตาเขาไปหรือเปล่า บอกเลยว่ามันอาจจะสามารถของเห็นได้ในระยะร้อยเมตร

     

                กรุ๊ง กริ๊ง

     

                “ยินดีต้อนรับค่า” เสียงพนักงานตอนรับของร้านที่คยูฮยอนมักมาอุดหนุนบ่อย ๆ รองจากร้านของสดของพี่สวย

     

                ร้านเบเกอร์รี่นั่นเอง  ____

     

                คยูฮยอนยิ้มให้พนักงานต้อนรับก่อนจะเดินเข้าไปในโซนประจำที่ตนมักซื้อกินจนคนในร้านอาจจะจำได้แล้วล่ะมั้ง แต่ยังไงก็ช่าง การเสียเงินให้ขนมหวานเป็นงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งของคยูฮยอน

     

                แต่.. เหมือนวันนี้เขาจะผิดหวังซะแล้ว

     

                “พี่ครับ เอแคลร์ไม่มีหรอครับ”

     

                “ยังอบไม่เสร็จน่ะคะ เพิ่งเข้าเตาไปเมื่อกี้นี้เอง น้องรอหน่อยได้มั้ยคะ ?” อืม... จบคำพูดของพี่พนักงานคยูฮยอนก็ส่ายหน้าแล้วมองหาอย่างอื่นกินทันที แค่คิดว่าตัวเองต้องรอแอเคลร์ที่ตัวเองโปรดปรานมันจะส่งผลให้กลับบ้านไปเจอรังสีมหาโหดของคุณนายแม่คยูฮยอนก็ยอมอดแดกแล้วครับ

     

                “งั้นเอาเค้กส้มก็ได้ครับ” ตัดสินใจสั่งเค้กมากินแทน เค้กส้มหน้าเนียนก็เป็นของหวานอีกอย่างหนึ่งที่คยูฮยอนโปรดปรานเช่นกัน

     

                “บ้านน้องอยู่ในหมู่บ้านนี้หรือเปล่าคะ พี่ไปส่งให้ที่บ้านได้นะ” ขอเสนอที่ถูกยื่นมาทำให้คยูฮยอนตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ “งั้นเขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วยนะคะ เห็นน้องมาซื้อบ่อยเลยงั้นบริการส่งให้ฟรีนะคะ อืม... ทั้งหมดห้ากล่องนะคะ”

     

                พี่พนักงานอ่านทวนที่เขาเขียนสั่งไปอีกรอบเพื่อยืนยันความถูกต้อง คยูฮยอนจ่ายตังก่อนจะหยิบถูกเค้กชิ้นเล็กแล้วยิ้มหน้าบานเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ฟินนาเล่

               

     

    .

    .

     

     

                “หนูไปปลูกตะไคร้มาให้แม่หรือคะคนเล็ก หืมมมม ?”

     

                “คยูไปซื้อเค้กมา”

     

                “เค้กสำคัญกว่าปากท้องของครอบครัวหรือคะ แล้วกับคนที่เขารอทานข้าวล่ะหืม”

     

                “กับข้าวของตัวไม่ต้องกินจะดีกว่...”

     

                “โจว คยูฮยอนคะ ไปล้างรถปฏิบัติ!!!

     

                คนเล็กของบ้านเบ้หน้าทันทีเมื่อได้รับคำสั่งพิพากษาที่กลับมาบ้านช้าจากคุณนายแม่ คยูฮยอนเบ้ปากใส่ก่อนจะเดินเอาเค้กส้มไปแช่ตู้เย็นแล้วเดินตูดงอนออกจากบ้านไปโรงรถเพื่อล้างรถตามคำสั่งของคุณนายทันที

     

                ร่างโปร่งจัดการเอาน้ำใส่ถังเตรียมแบกไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เทซัลไลต์ไปนิดหน่อยเพื่อความสะอาด อะไรทำไมไม่ใช้น้ำยาล้างรถน่ะหรอ ง่ายมากเพราะบ้านคยูฮยอนเป็นพวกไม่มีน้ำยาครับ

     

                แอร้ย... จริง ๆ มันเป็นเพราะความงกของคุณนายแม่ที่คิดว่าจะใช้อะไรล้างแม่งก็เหมือนกันหมด ซึ่งถ้าคนรักรถมาได้ยินคงประเคนหัวแม่โป้งที่เท้าใส่เอา เลยได้อุปกรณ์ทำความสะอาดรถส่วนหนึ่งคือซัลไลต์ ถ้าคุณนายไม่เกรงใจคงใช้แฟ๊บไปแล้วแต่มันติดที่ว่าแฟ๊บมันแพงกว่าเลยชวดไป

     

                แกร๊ง

     

                “....!!” เสียงเปิดประตูรั้วทำให้คยูฮยอนที่อยู่โรงรถใกล้ ๆ สะดุ้งนิดหน่อย ใครจะออกไปไหนตอนแดดร้อนส้นตีนแบบนี้นะ แต่เดี๋ยวพ่อเขาก็พรวนดินต้นบอนไซอยู่หลังบ้าน แม่ก็น่าจะวางระเบิดครัวอยู่ และคนอย่างฮีชอลเนี่ยนะจะออกไปตากแดดตอนเกือบเที่ยง คยูฮยอนไม่เชื่อ -____-

     

                ร่างโปร่งก้าวออกจากโรงรถพร้อมถังน้ำที่จะเอาไปเปลี่ยน ชะโงกหน้าไปทางหน้าบ้านเพื่อดูที่มาของเสียง บางทีอาจจะมีคนมาหาก็เป็นได้และถ้าเกิดเป็นเจ้าหนี้สิ่งแรกที่คยูฮยอนจะทำคือบอกแหล่งกบดานของคุณนาย

     

                ลูกเลว

     

                “ใครว่ะ ?” ความคิดเล่น ๆ ในใจเหมือนจะเป็นจริง เมื่อเห็นผู้ชายใส่เหมือนแก๊บสีดำกับเสื้อกันลมสีดำตัวใหญ่ คยูฮยอนไม่เห็นหน้าเพราะอีกฝ่ายหันหลังให้เขาอยู่ ในมือถือถุงอะไรบางอย่างแถมยังกำลังเดินไปยังตัวบ้านของเขา

     

                เห้ย

     

                เห้ยยยยย

     

                คยูฮยอนกำถังน้ำในมือไว้แน่นเผื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวได้(ยังไงว่ะอ้อย) อาศัยกำแพงบ้านเป็นที่หลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ร่างสูงนั่นหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเขาของแถมยังนิ่งไปสักพักมันต้องคิดอะไรอยู่แน่ ๆ !

     

                ร่างโปร่งไม่รีรอช้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายจับลูกบิดประตูแล้ว ! คยูฮยอนรีบพุ่งตัวไปพร้อมกับถังน้ำซัลไลต์ในมือทันทีเมื่อประตูบ้านเขาถูกเปิดแล้ว

     

                “ขอโทษนะครั...”

     

              ซ่า !!!!!

     

                น้ำในถังได้ถูกส่งออกไปสู่ชายตรงหน้าเสียแล้ว บอกเลยว่าซก คยูฮยอนไม่รอช้ารีบโยนถังไปไกล ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากหมวกของไอคนน่าสงสัยออก ไงล่ะนิ่งเลยล่ะสิ บังอาจจะมีบุกรุกบ้านคุณโจวหรอ

     

                แต่หากมันกลับเป็นเขาที่อึ้งเสียเอง

     

                “ทำบ้าอะไรของนายว่ะ...”

     

                “ซีวอน !!!!

     

     

               

     

                หลังจากเกิดเหตุไม่คาดฝันซึ่งมาจากคนเล็กของบ้านตระกูลโจวล้วน ๆ คยูฮยอนทำหน้าเหมือนวิญญาณหลุดไปแล้วเมื่อคนน่าสงสัยตรงหน้าเขากลายเป็นสุดหล่อที่เรียนพิเศษนามว่า ชเว ซีวอน

     

                “นะ..นาย มาบ้านเราได้ไง...”

     

                “เราแค่มาส่งของ”

     

                “ส่งของ ?”

     

                “นี่ไง ที่อยู่นี้มันก็บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือไง” ไม่ว่าเปล่าเศษกระดาษที่เหมือนจะคุ้นเคยว่าเพิ่งใช้มันเขียนที่อยู่ไปเมื่อเช้า คยูฮยอนมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือที่อยู่บ้านเขาเอง

     

                “งั้นถุงในมือนั่น...”

     

                “นี่น่ะหรอ แอแคลร์ไง” ซีวอนชูถึงในมือขึ้นก่อนจะแหวกถึงให้ดูคยูฮยอนก็เห็นลูกกลม ๆ สีเหลืองน่ากินวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบแถมตรงกล่องเป็นฝ้าเล็กน้อยบ่งบอกว่ามันยังร้อน ๆ อยู่

     

                ชิบหายแล้วคยู

     

                ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสบตาซีวอนอย่างหากลำบาก ซีวอนเป็นเด็กส่งของของร้านนั้นหรอกหรือ แล้วทำไมต้องทำตัวน่าสงสัยด้วยเล่า กริ่งก็มีทำไมไม่กด

     

                “ถ้าจะถามว่าทำไมเราถึงไม่กดกริ่งบอกเลยว่าเรากดจนมือหยิกแล้วแต่ไม่มีใครมาเปิดตะโกนเรียกก็แล้วก็ยังไม่มี เราเลยเดินเข้ามาเพราะเห็นประตูมันไม่ได้ล็อคข้างในก็ดูจะมีคนอยู่” อ้าปากค้างอีกรอบให้แมลงวันเข้าไปทำรัง จะบ้าหรอกริ่งบ้านเขาออกจะดังลั่นไปสองซอยสามซอยทำไมคยูฮยอนจะไม่ได้ยิน

     

                “คนเล็กคะ หนูไปล้างรถหรือไป... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

                เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูของคุณนายแม่ดังกว่าเสียงกริ่งทำให้คยูฮยอนอุดหูแล้วหันไปมอง ก็เห็นแม่เขาใส่ผ้ากันเปื้อนซึ่งมันถูกใช้ได้คุ้มมากมันเปื้อนเต็มไปหมดเลย -___- คยูฮยอนสงสัยจริง ๆ ว่าทำต้มยำกุ้งแล้วไข่ที่ผ้ากันเปื้อนมันคืออะไรว่ะ

     

                “ตัวไม่ต้องตกใจนะ นี่เพื่อนคยู...”

     

                “มาจากช่องไหนคะ ? ใช่ช่องทางแห่งรักของเราหรือเปล่า  ____ โอ้ยยยพ่อคุณทำไมหล่ออย่างนี้ พ่อหนูอยู่ไหนคยูแม่จะเซ็นใบหย่าชั่วคราวค่ะ” แม่เขาบ้าไปแล้ว -____-

     

                คยูฮยอนมองคุณนายแม่ที่มีสายตาเป็นรูปหัวใจกลับด้าน บรรยากาศสีชมพูนี่มันอะไร อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วมั้ยอ่ะคุณนาย เก็บอาการหน่อย !

     

                “เอ่อ...เปล่าครับ ผมชื่อชเว ซีวอนมาส่งเอแคลร์” ว่าแล้วคนตัวเปียกก็ชูถุงเอแคลร์ให้ดู ร่างบางของแม่ตัวเองรับไว้ก่อนจะทำบิดขวยเขินแล้วส่งไปให้คยูฮยอนอีกที

     

                “ทำไมตัวเปียกโชกขนาดนี้ละคะ ?” มาแล้วนางก็เพิ่งตกใจ แต่หากมันก็ยังดูเคลิบเคลิ้มเมื่อซีวอนเริ่มทำตัวไม่ถูกเลยเอามือเสยผมตัวเองหน่อย ๆ เท่านั้นแหละ คยูฮยอนก็ไม่รู้สึกถึงความเป็นแม่ในตัวคุณนายอีกต่อไป =___= เมื่อนางกรี๊ดอย่างลุ่มหลง อยากเก็บเสียงไว้ใช้แทนนกหวีดจริง ๆ

     

                “พอดีโดนเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะครับ เขาคิดว่าผมเป็นโจรเลยสาดใส่” นั่นไง...กูว่างานกูเริ่มเข้า

     

                “ตายแล้ว หล่อแบบนี้เห็นเป็นโจรได้ยังไง มินจีจะไปควักลูกตามัน” ว๊ายยยยยย

     

                เรียกแทนตัวเองว่ามินจีด้วยอ่ะ พ่อ พ่ออยู่ไหน เมียพ่อเขาพร้อมอย่าแล้วนะโว้ยยย

     

                คยูฮยอนสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วเรียวนั่นชี้มาที่หน้าเขาอย่างจัง คุณนายที่โดนลัทธิซีวอนเข้าครอบงำก็จ้องมาตาเขม็งก่อนที่ปากเรียวสวยที่บ่นเขาได้ทุกวี่ทุกวันนั่นจะลั่นวาจาพิพากษาความผิดของเขา

     

                “พาซีวอนอปป้าเขาไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยคะคนเล็ก”

     

                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

     

     

    .

    .

     

     

     

                นี่เป็นครั้งแรกของคยูฮยอน

     

                ที่ให้เพื่อนที่รู้จักกันไม่กี่วันมาเหยียบถึงห้องนอน

     

                “เอาเสื้อเราไปใส่ก่อนนะ เดี๋ยวเสื้อนายเราเอาไปซักให้ก่อน”

     

                “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คนสาดน้ำใส่เราอย่างนายคงไม่ทุเรศขนาดให้เราเดินล่อนจ้อนหรอกใช่มั้ย ?” หึ๋ย... คยูฮยอนเกลียดลักยิ้มแล้ว

     

                ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่คนตัวสูงก่อนจะปาผ้าขนหนูผืนใหม่ใส่แล้วไล่ให้เข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งซีวอนยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เหมือนจะแกล้งให้เขาบึ้งตึงได้แล้ว จึงเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี

     

                ตอนนี้เอแคลร์ห้ากล่องคงถูกใส่จานไว้ต้อนรับสุดหล่อให้ลงไปข้างล่างแล้ว เพราะหลังจากได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณนายแม่ คนทั้งบ้านก็แห่กันมาโดยมิได้นัดหมาย แน่นอนเพื่อนบ้านก็เช่นกัน

     

                พอคยูฮยอนจัดการปัญหาด้วยการบอกป้าข้างบ้านไปว่าแม่เขาผีเข้าก็โดนมะเหงกหนัก ๆ ลงที่หัวพร้อมกับแม่เขาที่เดินควงซีวอนที่ตัวเปียกซกเข้าไปในบ้านพร้อมกับสายตาของพ่อที่มองไปตาละห้อยทั้งยังมีที่พรวดดินอยู่ในมืออย่างน่าสงสาร

     

                พอมาคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งทำแผลไปให้สุดหล่อของแม่ก็คิดว่ามันผ่านไปเร็วดี

     

                ตอนนี้แผลบนหน้าของซีวอนเริ่มดีขึ้นแล้ว แน่ละถ้ามันยังไม่ดีเขาคงรู้สึกผิดที่เอาน้ำผสมซัลไลต์ไปสาดใส่หน้าคนหล่อที่มีบาดแผล จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้เจอซีวอนในวันต่อมาก่อนจะเริ่มเข้าสู่วันหยุดประจำสัปดาห์ซึ่งคยูฮยอนไม่มีเรียนพิเศษ

     

                ถามซีวอนว่าทำไมถึงมาส่งเอแคลร์ที่บ้านเขาได้ ก็พบว่าไอเบเกอร์รี่ร้านนั้นมันคือร้านของบ้านซีวอนครับท่านผู้ชม ผู้หญิงที่คุยกับเขาเมื่อตอนเช้าคือพี่สาวของซีวอนน่ะเอง นึกไปก็อิจฉาทำไมคนบ้านนี้แม่งหน้าตาดีกันจังเลยว่ะ  จะว่าไปคยูฮยอนก็ไปซื้อขนมร้านนั้นบ่อยนะทำไมไม่เคยเห็นเลยว่ะ

     

                ป๊อก

     

                “เฮ้ คิดอะไรของนายอยู่น่ะ เรียกตั้งนานแล้วนะ”

     

                “...หะ..หา ? เห้ยยยยยย!!!!

     

                นี่ไม่ใช่การซ้อมไล่ระดับเสียง

     

                แต่คยูฮยอนตกใจของจริงงง

     

                เมื่อเจอชเวซีวอนนุ้งผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดส่วนล่างแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจแบบนั้นอีก

     

                นี่มันอะไรกันนนน

     

                ความรู้สึกเจ็บที่หน้าผากที่โดนดีดเรียกร้องความสนใจมันหายไปแล้ว สิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้าเขาตอนนี้คือซิกแพค ! แม่เจ้า นี่ซีวอนรุ่นเดียวกับเขาแน่หรอว่ะ ทำไมคยูฮยอนไม่มีอ่ะ ทำไมคนเล็กมีแต่พุง แง้

     

                “นี่มองอย่างนั้นเราก็เขินเป็นนะ”

     

                “อะ..เออ ก็นายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง...”

     

                “เราเรียกนายจนปากจะฉีกแล้วคนหูตึง”

     

                “อื้อ!” ว่าแล้วหูสองข้างก็โดนของมือของซีวอนจับไว้ก่อนจะโยกไปโยกมาอย่างสนุกสนาน เอออ สนุกมากมั้ยมึง กูมึนหัว กูไม่ใช่ของเล่นนะ  “พอแล้วเรามึนหัว”

     

                “สติกลับมารึยัง”

     

                “มาแล้ว”

     

                “ไหนเสื้อเราล่ะ” ซีวอนยิ้มหาเสื้อของตัวเองเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนสติกลับมาได้สักที ร่างโปร่งจับหูตัวเองที่แดงก่ำเพราะโดนจับ ก่อนจะยู่ปากแล้วหยิบเสื้อที่พับเตรียมไว้ให้ที่ปลายเตียง

     

                “เอาไปเลย” ซีวอนรับเสื้อที่ถูกพับอย่างดีที่มาแปะอยู่ที่หน้าอกด้วยฝีมือของคยูฮยอนคนตัวขาวที่ดูจะหน้าขึ้นสีผิดปกติไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่ร้อนจัดของวันนี้หรือเพราะอะไร เห็นแล้วมันน่าขำชะมัด

     

                “โกรธหรอ ? ไม่ง้อหรอกนะ”

     

                “เปล่าสักหน่อย” พูดแบบนั้นแต่ปากนี่เบ้เลยคงจะเชื่ออยู่หรอก  “เรา..เราไปรอข้างล่างนะ”

     

                ปัง !!!

     

                “หึ...เขินก็บอกว่าเขินสิเจ้าแว่น” ร่างสูงแสยะยิ้มตามแผ่นหลังของคยูฮยอนไปก่อนจะหันกลับมาหัวเราะกับตัวเอง สายตากวาดมองไปห้องของเจ้าแว่นที่ดูไม่รกไม่แต่ก็ไม่ได้เป็นระเบียบอะไรขนาดนั้น

     

                พอคิดถึงสีหน้าของเจ้าของห้องที่เห็นเขาเปลือยท่อนบนแบบนี้ก็รู้สึกขำขึ้นมาอีกรอบ

     

                น่าแกล้งชะมัด

     

    .

    .

     

     

     

                “ต๊ายยยยยยทำไมหล่ออย่างนี้คะพ่อคุณณณณ”

     

                ทันทีที่เจ้าชายคนใหม่ของบ้านเสด็จลงมาจากชั้นบนเสียงคุณนายก็นำไปก่อนใครเพื่อน ส่งผลให้คนทั้งบ้านที่กำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่หยุดลงแล้วหันไปมองตาม

     

                จริง ๆ มันคือชุดตัวเก่งของคยูฮยอนแทน เสื้อฮู้ดสีเขียวอมฟ้าตัวใหญ่กับกางเกงสีสำเสมอเข่าซึ่งมันก็แค่เสื้อธรรมดาแต่ชเวซีวอนกลับใส่มันออกมาได้เหมือนนายแบบหน้าร้อน

     

                “ทำไมตอนคยูใส่ชุดนี้ตัวไม่ชมบ้างอ่ะ”

     

                “คนเล็กคะ ดูดีดีสิคะหนูเป็นใครแล้วเขาเป็นใคร”

     

                ...นี่เป็นการตัดขาดสายสัมพันธ์ทางอ้อมสินะ

     

                รูปหล่อคนใหม่ของบ้านที่รู้จักมักจีกันไม่ถึงชั่วโมงก็ชนะใจคุณนายไปได้แล้ว ซีวอนถูกจูงให้นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวตรงข้าง  ๆ หัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ของคุณนายเขา ปกติเวลากินข้าวหัวหน้าครอบครัวอย่างพ่อต้องนั่งหัวโต๊ะใช่มั้ย แต่บอกแล้วบ้านนี้มันอินดี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่คุณนายเขาต้องการ

     

                “ทานข้าวกันนะคะ”

     

                “ตัวถามเขาแล้วหรอว่าเขาอยากกิน” คยูฮยอนนั่งลงข้าง ๆ ซีวอนซึ่งมันเป็นที่ประจำ จริง ๆ ที่ที่ซีวอนนั่งอยู่คือที่ของพ่อ แต่ดูเหมือนคนสวนของบ้านจะมีธุระด่วนที่บริษัทจึงออกไปตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแล้ว

     

                “คนเล็กคะ แม่ไม่ได้พูดกับหนูค่ะ”

     

                “พูดงี้ตัวด่าเค้าว่าเสือกเลยดิ”

     

                “เสือก”

     

                “...คยูเป็นลูกตัวนะ” คนเล็กของบ้านอึ้งแดกพร้อมเบ้หน้าไปแล้วเมื่อสุดสวยของบ้านพูดจริง มีเพียงฮีชอลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขำกับสีหน้าแมวเอ๋อของน้องชายตัวเอง

     

                “ไอเด็กแม่ไม่รัก”

     

                “มึง...ฮีชอลหุบปากไปเลย” เกือบไปแล้ว เกือบหลุดภาษาโคตรเง้าไปแล้ว หลายคนคงงงว่าแค่ดีดปากเองจะกลัวอะไรขนาดนั้น บอกเลยว่าพลังดีดของคุณนายเขาไม่ธรรมดานะครับบอกเลย

     

                คยูฮยอนจำได้ว่าเคยปากเจ่อกินไอติมไม่ได้ไปสามวัน ฮึก

     

                “ทานข้าวกันเถอะคะ ซีวอนทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะแม่อยากฟิน” จ้า...ไปแล้วครับคุณนายของบ้าน

     

                “อ่า...ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็...รบกวนด้วยนะครับ”

     

                “โอ๊ยยยย ไม่รบกวนเลยค่า คนเล็กคะตักข้าว ” ตามนั้นแหละครับ

     

                คยูฮยอนเบ้หน้าเมื่อได้รับคำสั่งอีกครั้ง ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตักข้าวสำหรับสี่คนอย่างขัดใจ แล้วนี่ไม่คิดจะมีใครมาช่วยเขายกจานเลยใช่มั้ย ต้องให้คยูยอนโชว์สเต็ปเทพในการยกจานอีกแล้วดิ

     

                ช่างเหอะ ชิน -___-

     

                “ทานข้าวกันค่ะ” ยกจานมาวางไว้เรียบร้อยคุณนายก็กล่าวเปิดงานก่อนจะเริ่มลงมือทานข้าวกันที่มีกับข้าวบนโต๊ะอยู่สามสี่อย่าง

     

                แน่นอนไม่ได้มาจากฝีมือของคุณนายสักอย่าง

     

                เพราะคยูฮยอนรู้ว่าปฏิบัติการครัวไหม้ครั้งนี้มันต้องไม่ธรรมดา สิ่งที่ได้ออกมามันต้องก้าวผ่านคำว่าแดกไม่ได้ไปแล้วแน่  ๆสาเหตุที่กลับบ้านมาช้าหลังจากไปเอาของร้านพี่สวยเสร็จที่ที่คยูฮยอนไปต่อคือร้านขายข้าวแกง

     

                รู้สึกว่าคิดถูกสุด ๆ

     

                “คนเล็กคะ ทำไมก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวล่ะคะ ตักปลาให้พี่เขาด้วยสิ”

     

                “หา ? พี่อะไรอ่ะ นี่รุ่นเดียวกับคยูนะตัว”

     

                “จะรุ่นไหนก็ช่างแต่คนเล็กต้องบริการแขกนะคะ”

     

                “เขาไม่ได้เป็นง่อยมั้ยอ่ะตัว มีมือมีแขนมั้ย”

     

                “เดี๋ยวนี้ค่ะ” ฮึ๋ย!!!

     

                ซีวอนขำออกมากันท่าทางฟึดฟัดของคนโดนแม่บังคับ คยูฮยอนตัดปลาผัดขึ้นฉ่ายของโปรดที่อยู่ฝั่งตัวเอง แต่จะเรียกว่าตักปลาก็ไม่ถูกเรียกว่าเศษปลากับผักทั้งหมดเสียมากกว่า ที่คยูฮยอนยอมทำตามกับอีแค่คำว่าเดี๋ยวนี้เพราะอะไรรู้มั้ยครับ มันคือคำขู่สำหรับทุกช่องทางที่จะทำให้ชีวิตเขาไม่ดี๊ดีอีกต่อไป

     

                คุณนายจะตัดทุกอย่าง...ค่าขนม...เน็ต...ซึ่งนี่มันปัจจัยในการใช้ชีวิตของคยูฮยอนทั้งนั้น

     

                “ขอบใจนะ” แต่เหมือนซีวอนจะไม่ได้โกรธกับการที่คยูฮยอนตัดเจ้าผักใบเขียวให้แทนชิ้นเนื้อปลา กลับมือไปโยกหัวคยูฮยอนเป็นเกียร์รถเหมือนชมเด็กอีกแล้ว แถมยิ้มละลายจนคุณนายแทบสลบคาตะกินข้าวอีกต่างหาก

     

                “ปล่อยเลย อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา”

     

                “ครับ ๆ ”

     

                “ว่าแต่ซีวอนมารู้จักกับไอตูดนี่ได้ยังไง มันมีเพื่อนคบด้วยหรอ” นั่น... ปากมึงนี่นะฮีชอล

     

                ห้องกินข้าวเปลี่ยนเป็นห้องสอบสวนได้ในพริบตาเมื่อฮีชอลตั้งคำถามเบสิกขึ้น คยูฮยอนแยกเขี้ยวใส่พี่ตัวเองอีกรอบเมื่อแม่งด่าว่าคยูฮยอนไม่มีเพื่อนคบ กร๊าซ

     

                “พอดีวันนั้นผมโดนลูกหลงจากพวกตีกันนิดหน่อยคยูฮยอนเขาเลยทำแผลให้น่ะครับ” อื้อหือ ตอแหลมาก

     

                “ตายแล้วแล้วซีวอนไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงคะ เจ็บมากหรือเปล่า” ยัง...ยังอีก แทนที่จะถามว่าแล้วคยูไปอยู่ตรงนั้นช่วยเขาทำแผลได้ไงคะลูก  ไม่มีเลยมันไม่หลุดออกมาจากปากคุณนายเขาเลยอ่ะ

     

                #แม่รักผมมาก

     

                “พอดีคยูเขาทำแผลเก่งน่ะครับ เลยหายเร็ว ไม่รู้ว่าทำให้ใครบ่อยเป็นพิเศษหรือเปล่า” แอบเน้นประโยคหลังเพื่อแกล้งดูปฏิกิริยานิดหน่อยแต่ดูเหมือนจะได้กระแสตอบรับกลับมาเป็นเขี้ยวที่แยกออกมาเตรียมจะกระโจนใส่นั่นแหละ

     

                “อ้อ.. ก็ใช่นะ ไอเนี่ยมันทำแผลเก่งเป็นที่หนึ่งเลย”

     

                “พี่ฮีชอลรู้ด้วยหรอครับว่าเขาทำแผลให้ใคร”

     

                “รู้จักดีเลยล่ะ เขามาบ้านเราบ่อย ๆ น่ะ แต่มาทีไรไอตูดเนี่ยก็ลากเข้าห้องทุกที” ขวับ !! ซีวอนหันมามองคยูฮยอนอย่างไม่น่าเชื่อทันที หน้าอย่างนี้เนี่ยนะกล้าพาใครเข้าห้องแล้ว ? ไหนบอกไม่อยากให้เขารู้เลยว่ะตัวเองชอบแล้วจับลากเข้าห้องนี่คืออะไร คยูฮยอนแม่งไม่ธรรมดาซะแล้ว

     

                “ก็ฮีชอลชอบกวน คยูต้องการความเป็นส่วนตัว”

     

                “เออออรักมากดิ เอากับมันไปเลยมั้ยล่ะ”

     

                “ได้ก็ดีน่ะสิ” ซีวอนยังคงอึ้ง ๆ ต่อไปเมื่อเขาพูดกันเหมือนเป็นเรื่องปกติต่อหน้าแม่ เห้ย แล้วคุณแม่นี่จะไม่ตกใจหน่อยหรอที่ลูกชายชอบผู้ชายด้วยกันเองแถมยังบอกจะ...กันด้วยนะเว่ย

     

                “ทำไมไม่เอาเขามาอยู่บ้านเลยล่ะคะคนเล็ก”

     

                “ไม่เอาอ่ะ ไม่มีปัญญา”

     

                “ควาย พูดงี้เวลาเขามาก็ไม่อยากให้กลับตลอด”

     

                “ก็...ก็เขาน่ารัก” งง...งงไปกันใหญ่แล้ว สรุปบ้านนี้รับได้และยอมรับอีทงเฮกันอย่างเป็นทางการแล้วใช่มั้ย แถมดูจะยินดีเสียเหลือเกินที่ลูกชายอยากได้ผู้ชายมาครอบครองไว้ในบ้าน เฮลโหล๋ว นี่มันคืออะไรกัน

     

                “อ่าว พูดถึงก็มาพอดีเลย”

     

                “เมี๊ยว...”

     

                แมว...

     

                แมววววว ?

     

                “คิดถึงจังเลยที่รัก” ร่างสูงมองคยูฮยอนที่จัดการอุ้มเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กสีขาวที่เดินช้า ๆ เข้ามาหาคยูฮยอน มันน่าจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาว หน้าย่น ๆ ของมันทำให้ดูน่าหมั่นไส้แต่ก็น่าหยิกแปลก ๆ ตรงที่มันอ้อนคยูฮยอนนั่นแหละ

     

                “เนี่ยแหละดาร์ลิงค์ของไอตูดมัน ชื่อ ที่รักแมวของป้าข้างบ้านที่ชอบเจ็บตัวมาให้คยูฮยอนทำแผลให้เกือบทุกวัน”

     

                อ่า...แมว

     

                ซีวอนเข้าใจผิดครั้งใหญ่หลวงไปแล้วสินะ ร่างสูงมองคยูฮยอนที่ผละออกจากจานข้าวไปนั่งเล่นกับแมวที่พื้นเสียแล้ว มือเรียวลูบขนมันอย่างรักใคร่ คยูฮยอนดูจะรักมันมากจริง ๆ มองดูแล้วเป็นภาพที่อดยิ้มไม่ได้เลยแหะ มันเหมือนแมวตัวใหญ่กำลังเล่นกับแมวตัวเล็กมากกว่า

     

                “ป้าจะให้ตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไอตูดมันไม่เอา ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะรับไว้แล้วเอามันไปขาย”

     

                อืม... พี่น้องสองคนนี้แม่งแปลกพอกันเลย

     

                “เขาคงไม่ยอมหรอกครับ ดูจะชอบมาก” ว่าพลางพยักพเยิดไปทางคยูฮยอนที่ตอนนี้นอนกลิ้งเล่นกับแมวไปเสียแล้ว

     

                “เห็นแล้วหมั่นไส้ ทำตัวรักสัตว์เดี๋ยวคืนนี้ได้จามอีกคอยดู”

     

                “คยูฮยอนแพ้ขนแมวหรอครับ ?”         

     

                “เป็นภูมิแพ้น่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก บางทีนั่งอยู่เฉย ๆ มันก็คัดจมูกจามไม่หยุด แต่สักพักก็หายเป็นปกติ แปลกดี”

     

                “งั้นหรอครับ...”

     

                อ่า... นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กแว่นนี่ไม่ยอมรับเจ้าตัวขาวนี่มาเลี้ยงสินะ

     

                “ปล่อยคนเล็กไปแล้วทานข้าวกันต่อดีกว่า เขาไม่ยอมเลิกเล่นกับมันหรอกเดี๋ยวสักพักก็คงพาขึ้นไปบนห้องให้ขนแมวฟุ้งห้องอีกนั่นแหละ”

     

                “แล้วแม่งก็จะจามทั้งคืนรบกวนคนในบ้าน”

     

                “เพราะฉะนั้นเราห้องอย่าให้น้องเอาขึ้นไปนะคะฮีชอล ไล่น้องไปเล่นนอกบ้านซะ”

     

                “ค่า” น่ารักดีแฮะ

     

                บ้านนี้ดูแปลก ๆ แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เหมือนที่พูด ๆ ออกมานั่นก็แค่สร้างสีสันในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งซีวอนชอบบรรยากาศแบบนี้นะ บางทีคำว่าครอบครัวก็ไม่จำเป็นต้องมีบรรยากาศแหวว ๆ อะไรแบบนั้นก็ได้ แค่ทุกคนอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกันบ้างเจอหน้ากันวันละครั้ง มันก็เป็นความสุขเล็ก ๆ และกลายเป็นคำว่าครอบครัวได้                       

     

                “ซีวอนอิ่มรึยังลูก”

     

                “อ่า...ครับ”

     

                “ว่าง ๆ ก็มาเล่นที่บ้านได้นะ เห็นคนเล็กไม่ค่อยพาใครมาบ้าน จะมีก็แต่ฮยอกแจนั้นแหละ” อืม... ฮยอกแจนี่ใครอีกว่ะ ช่างเถอะคงเป็นเพื่อสักคนของเจ้าแว่นน่ะแหละ

     

                “จริง ๆ ผมกับเขาก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน”

     

                “ค่ะ ยังไงก็ฝากคนเล็กด้วยนะคะซีวอน ” เหมือนคุณแม่จะไม่ฟังเลยแหะ... รอยยิ้มสวยถูกประดับขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวแม่คยูฮยอนก็ดูไม่แก่มากออกจะดูอ่อนกว่าวัยด้วยซ้ำคงเป็นเพราะนิสัยร่าเริงเกินอายุของเจ้าหล่อนล่ะมั้ง

     

                “ครับ”

     

                ร่างสูงได้แต่ยิ้มรับคำมาก่อนจะเบนสายตาไปมองคนนอนเล่นกับแมวที่ทำท่าจะอุ้มเจ้าที่รักขึ้นไปในห้องจริง ๆ ด้วย แต่มันอาจจะติดที่ว่ามีพี่ชายอย่างฮีชอลไปยืนขวางบันไดไว้เสียก่อน และจัดการเตะตูดน้องชายให้มันไสหัวออกมาเล่นนอกบ้านเพื่อกันภูมิแพ้คนเล็กของบ้าน

     

                “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ”

     

                ซีวอนโค้งลาอย่างเป็นมารยาทซึ่งหญิงสาวผู้คลั่งไคล้เด็กหนุ่มรุ่นลูกก็ไม่ได้ขัดอะไรแต่หากโบกมือลาบ๊ายบายอย่างร่าเริงพร้อมจุ๊บแก้มหนึ่งทีเป็นการบอกลา ฮีชอลที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้งกับการกระทำของแม่ตัวเองไปประมาณสามวิ

     

                “ที่รักอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ยหนักอ่ะ” ก้าวออกมาจากตัวบ้านก็ได้ยินเสียงของคยูฮยอนดังมาจากในสวน ซีวอนเดินตามเสียงไปก็พบว่าคยูฮยอนกำลังวางเจ้าที่รักไว้บนตักแล้วลูบขนมันเล่นก่อนจะยี ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

     

                “อ่าว... จะกลับแล้วหรอ ?”

     

                “อืม”

     

                “ดีเลย เดี๋ยวเอาเสื้อไปให้ที่บ้านนะ ทีหลังไม่ต้องมาอีกล่ะ บ๊ายบายยยย”

     

                “...ไม่อยากให้มาขนาดนั้นเชียว” แทนที่จะตรงดิ่งกลับบ้าน ซีวอนกลับเลือกที่จะไปนั่งข้าง ๆ คยูฮยอนที่เล่นกับแมวอยู่ ซึ่งคนชอบแมวก็ไม่ได้สนใจอะไรกลับยังคงลูบขนเจ้าที่รักอย่างสนุกสนานทั้งยับเขยิบที่ให้คนที่ตัวเองไล่ไปเมื่อกี้อีกต่างหาก

     

                “มาทีคุณนายต้องกรี๊ดไปสามบ้านแปดบ้านแน่ ๆ ”

     

                “งั้นเอายังไงดี นายไปบ้านเราดีมั้ย ?”

     

                “....ทำไมเราต้องไปบ้านนาย”

     

                “เพราะเราติดเลี้ยงข้าวนายอยู่มื้อนึงไง” ซีวอนใช้นิ้วจิ้มที่คิ้วที่ขมวดคิดหนักถึงเหตุผลจนอีกคนเอนตัวไปข้างหลังนิดหน่อย

     

                “อ้อใช่วันนั้นไม่ได้กินกันนี่นา ลืมไปเลย”

     

                ใช่แล้ว วันนั้นที่ซีวอนบอกจะพาไปกินข้าวเพื่อจ่ายแทนค่ารักษาพยาบาลแต่คุณนายแม่ของคยูฮยอนกลับโทรตามเนี่ยสิส่งผลให้คนตัวขาววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

     

                จริง ๆ ก็อยากบอกหรอกว่าให้ไปส่งไหมมันอาจจะเร็วกว่าแต่อีกคนก็วิ่งปรู๊ดข้ามสะพานลอยไปเสียแล้ว ตอนนั้นซีวอนยังไม่รู้ว่าบ้านของคยูฮยอนอยู่หมู่บ้านเดียวกับร้านของเขา

     

                “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไปบ้านนายหรอ ?”

     

                “ก็เปล่า แค่ไม่อยากพาไปไหนไกล ๆ เดี๋ยวแม่นายก็โทรตามอีก”

     

                “อ่า...นั่นสินะ คุณนายเอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย”

     

                “เอาไง อยากให้เชฟซีวอนแสดงฝีมือไหม ”

     

                “นายทำอาหารเป็นด้วยหรอ ?” เหมือนจะเป็นคำถามที่ปนมาด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ซีวอนขำกับท่าทีแบบนั้นก่อนจะส่งมือไปลูบหัวเจ้าที่รักที่นอนนิ่งบนตักคยูฮยอนบ้าง เออ...ขนมันนุ่มดีแหะ

     

                “ทำเป็นสิ เราเป็นลูกร้านเบเกอร์รี่นะ”

     

                “นั่นมันขนมไม่ใช่ข้าวเสียหน่อย”

     

                “เอาเป็นว่าทำเป็นรึกัน”

     

                “นายทำเอแคลร์เป็นหรือเปล่า”

     

                “ไอที่วางบนโต๊ะบ้านนายคือฝีมือเรา”

     

                “จริงดิ ? แล้วเค้กส้มล่ะ”

     

                “อืม... เคยทำอยู่สองสามครั้งจนพี่สาวบอกให้เลิก”

     

                “ไม่อร่อยอ่ะดิ -.-

     

                “ลูกค้าแน่นร้านเกินไป จนทำไม่ทัน”

     

                “...”

     

                “แต่ละคนก็มีวิธีการทำกับการใส่ใจไม่เหมือนกันนะ เค้กของเราอร่อยมากนะขอบอก” ได้ทีก็อวดใหญ่เลย... แต่นั่นมันก็ทำให้คยูฮยอนตาแวววาวขึ้นมาทันทีก่อนที่จะหันหน้าไปสบตาซีวอนอย่างมีความหวัง “สายตานี่มันอะไร”

     

                “สอนทำเค้กหน่อยสิ”

     

                “เรื่องอะไร ? ทำไมเราต้องสอนนาย”   

     

                “แทนค่ารักษาพยาบาลไง”

     

                “ไหนตอนแรกบอกไม่คิด”

     

                “ตอนนี้คิดแล้ว นะนะนะ” เมื่อเจอเหยื่อชั้นดีคยูฮยอนจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด ร่างโปร่งรีบไถลตัวตัวเองเข้าไปทำสายตาปิ๊ง ๆ ใส่ซีวอนทันทีเพื่อให้ร่างสูงใจอ่อน แต่หากมันกลับกูน่าตลกกับคนใส่แว่นแบบเจ้านี่ยังไงไม่รู้

     

                “ทำเค้กยากนะ”

     

                “น่านะ เราจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังครูซีวอนทุกอย่าง”

     

                “มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า ทำไปจีบหนุ่มหรอ”

     

                “ปะ..เปล่านะ” ใช่แหง...

     

                จะว่ายังไงดี คยูฮยอนเป็นคนที่ดูออกง่ายทั้งสีหน้าและแววตาหรืออาจจะเป็นเพราะซีวอนอ่านคนเก่งก็ได้เลยจับผิดเจ้าแว่นนี่ได้ง่าย ๆ อย่างตอนปายางลบซีวอนเห็นที่หางตาตั้งแต่เจ้านี่ปามาแล้วล่ะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจอยู่หรอกแต่พอเห็นมือที่จะเอื้อมไปเปิดหนังสือเขามันก็เดาได้ไม่ยากว่าอยากรู้ชื่อ

     

                แถมวันที่มาช่วยเขาเจ้าแว่นนี่ดันลืมเอาป้ายชื่อที่ติดที่อกออกอีกต่างหาก ซีวอนรู้สึกสนุกเวลาเห็นสีหน้าเหวอ ๆ ของคยูฮยอนที่มองเขามาอย่างอึ้ง ๆ

     

                มันก็น่าแกล้งดีไม่ใช่หรือไง

     

                “งั้นขอข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่าง”

     

                “ว่ามา”

     

                “เราไม่ได้เข้าเรียนบ่อยมาก ซึ่งเป็นเหตุให้เราเรียนไม่รู้เรื่อง”

     

                “มันก็สมเหตุสมผลดีกับคนชอบโดดไปเต๊าะสาวอย่างนาย”

     

                “แซะหรอ”

     

                “ไม่เอา ไม่ให้โป๊กหน้าผากแล้ว เราเจ็บ” รีบกุมหน้าผากปกป้องพื้นที่สงวนของทงเฮทันที เขาเผลอให้ซีวอนเคาะมันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้คยูฮยอนจะไม่พลาดอีก ตรงนี้ของอีทงเฮคนเดียวเว่ย เข้าใจ๋ ?

     

                ร่างสูงยิ้มออกมากับท่าทางแบบนั้น เขาจึงเปลี่ยนตำแหน่งไปหาที่วางมือบนหัวฟู  ๆ นั่นก่อนที่เด็กแว่นจะหน้าหยิกกว่าเดิมเมื่อเขาเริ่มโยกเป็นเกียร์รถอีกครั้ง แต่มันคงไม่ทำให้มึนเท่าประโยคที่เอ่ยออกมาต่อจากนี้

     

                “เราจะให้นายมาติวเคมีให้เราเป็นการแลกเปลี่ยน”

     

                “หา ?”

     

     

     

     

    TO BE CONTINUE…

        เอาแล้วแก เขาจะได้เป็นคุณครูของกันและกันแล้วแกกกก...

    มาดูว่าพ่อหนุ่มเบเกอร์รี่ของเราคิดอะไรอยู่กันแน่

    จริง ๆ คุณแม่คนนั้นก็คือไรท์เตอร์เองค่ะแอร้ย *ยัดเยียดนิสัยติ่งให้ตัวละคร*

    ตอนใหม่เร็วจัง #กับเรื่องเรียนหนูตั้งใจแบบนี้มั้ยลูก

    ใครไปเล่นน้ำสงกรานต์ระวังกันด้วยเน้อ ใครอยู่บ้านก็อ่านฟิคเราฆ่าเวลาได้นะ

    อย่าถามว่าทำไมคาแรกเตอร์น้องเปลี่ยนไปคนเราอยู่บ้านกับโรงเรียนมันไม่เหมือนกันนะรู้ยังงง

    แอร้ย

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×