คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ►Lesson 3 :: เขาน่าหมั่นไส้
.
►Lesson 3
:: เขาน่าหมั่นไส้
10:46 a.m.
นาฬิกาดิจิตอลที่ติดผนังอันเท่าฝาบ้านอยู่ปลายเตียงบ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาใกล้เที่ยงในอีกไม่ถึงสองชั่วโมง แต่หากร่างโปร่งของนักเรียนม.ปลายยังคงนอนซุกผ้าห่มอย่างสบายใจ
ความสมเหตุสมผลในการปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของโลกค่อนข้างดี เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองลุกขึ้นไปเปิดแอร์ 20 องศาเพราะอากาศร้อนส้นตีนขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็กลับมานอนห่มผ้าเพราะความหนาวที่เตียงเสียแล้ว
เออ...แล้วก็จะเปิดแอร์ส้นตึกอะไร งง
แต่ช่างมันเถอะ... วันนี้วันหยุด คยูฮยอนจะนอนจะนอนนนนนน
ในขณะที่วันนี้คงเป็นวันที่เด็กหลายคนตะบี้ตะบันตื่นประหนึ่งวันไปโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษแต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่คยูฮยอน ร่างโปร่งไม่ติดจะฆ่าตัวตายด้วยการไปเรียนเพิ่มในวันหยุดที่มีแค่สองวันในสัปดาห์แต่แม่งกลับผ่านไปรวดเร็วประหนึ่งสองนาที
ใช่.. ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ปึง !!!
“ตื่นได้แล้วครับไอตูดบาน เฮลโหล๋ววววว” เสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาทดังมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหลมปรี๊ดแต่กลับแตกซ่านของผู้บุกรุก
คยูฮยอนที่ถูกรบกวนเวลาอันแสนสุขได้แต่ขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตาก่อนจะพลิกตัวหนีแล้วเอาหมอนมาอุดหู
หนวกหู
“ไม่ตื่นหรอครับ ได้ครับได้...” เสียงมันเงียบไม่สักพักจนคนนอนรู้สึกดีที่อีกฝ่ายเหมือนจะยอมล้มเลิกการปลุกตัวเองไปแล้ว ไม่ได้หรอกคยูฮยอนจะไม่ยอมตื่นเด็ดขาด เสาร์อาทิตย์ที่แสนมีค่าคยูฮยอนจะไม่ยอมละทิ้งเวลานอนไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ย่าห์!!!”
ตุ๊บ !!!!
“เหี้ยยยย!!!” คนนอนคลุมโปร่งอุทานออกมาด้วยความจุก เมื่อจู่ ๆ สิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่ามิลลิกรัมก็ทับลงมาบนตัวเขาเต็มรัก คยูฮยอนรู้สึกจุกจนหน้าเขียว ไอเชี่ยนี่มึงจะเอาใช่มั้ยห้ะ !
“จุ๊ ๆ ครับสัดบาน อย่าเผลอลั่นวาจาสมัยพม่ารามันออกมาเชียว”
“ปลุกดีดีเป็นบ้างมั้ยว่ะฮีชอล”
ร่างโปร่งสะบัดผ้าออกเพราะเริ่มรู้สึกว่าเหงื่อออกตามร่างกาย พอมองไปที่เครื่องทำความเย็นประจำห้องก็พนว่าไฟเขียว ๆ แม่งหายไปแล้ว -___- ไอห่านี่ ปิดแอร์เขาหรอ มันร้อนนะเว่ยยย
“อย่ามองค้อนพี่ชายแบบนั้นน้องรัก เดี๋ยวตีนพี่ลั่น” คนเป็นพี่กอดอกยิ้มเหี้ยมอย่างน่าขนลุก คยูฮยอนเบ้ปากใส่ กลัวตายละห่าตัวก็ผอมจะตายโดนคยูฮยอนกลิ้งใส่ก็แบนแล้ว เอออแล้วคยูฮยอนจะมานั่งทำร้ายตัวเองแต่เช้าทำไม ไอบ้า
“ปลุกทำไมแต่เช้า กูง่วง”
คำว่าพี่น้องไม่ใช่เพียงแค่ในนาม มนุษย์จอมป่าเถื่อนนามว่า ‘ฮีชอล’ เป็นพี่แท้ ๆ ที่เขาคลานตามก้นมันออกมาหลังจากสามปีที่มันได้ออกมาโลดแล่นสร้างความวุ่นวายให้โลกใบนี้ คยูฮยอนมันโดนแม่งทำร้ายร่างกายแบบนี้ประจำ ใช่สิคนเป็นน้องมันก็เสียเปรียบแบบนี้แหละ
แน่นอนความรุนแรงของสองพี่น้องที่มีให้กันมันมากเกินกว่าจะใช้คำพูดคำจาน่ารักสวยหรูเหมือนพี่น้องคู่อื่นที่ต้องเรียกคนเกิดก่อนด้วยคำว่า ‘พี่’ ระดับนี้แล้วคยูฮยอนและฮีชอลเลือกที่จะตัดปัญหาการอ้วกใส่กันถ้าใช้คำพูดแบบนั้นด้วยการใช้คำไทยเดิมที่เราใช้กันมาแต่ช้านาน
ภาษาพ่อขุนรามฯที่คยูฮยอนมักโดนแม่ดีดปากเวลาเผลอเรียกมันเวลาแม่งอ้อนมืออ้อนตีนนั่นเอง
“กูไม่อยากให้มึงเหน็บแดกเพราะเอาแต่นอนอืดอยู่บนเตียง ไสหัวออกจากบ้านไปออกกำลังกล้ามเนื้อขามึงซะ” ไม่พูดเปล่าแม่งปาเศษกระดาษก้อนกลม ๆ ที่ถูกขยำจนแม่งปาหัวหมาไม่แตกแต่ปาหัวกูแล้วเจ็บครับไอห่า
“อะไร ?”
“กูสงสารแม่จัง”
“อะไรของมึงฮีชอล”
“แม่ส่งให้มึงเรียนตั้งสายวิทย์แต่มึงกลับถามว่ากระดาษโง่ ๆ ที่กูปาไปมันคืออะไร เฮ้อ อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นน้องกู” ฮีชอลกุมขมับพลางส่ายหัวอย่างน่าหมั่นไส้
คยูฮยอนค่อย ๆ คลี่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนออกมาจนมันยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้ากระดาษที่เคยเรียบกริบสักเท่าไหร่ ลายมือหวัด ๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตาคนเป็นน้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลายมือไก่เขี่ยที่เขาสืบทอดมาโดยตรงคือลายมือของใคร
“คุณนายจะเผาครัวด้วยวิธีไหนล่ะวันนี้”
“ต้มยำทะเลน้ำข้น”
“สงสารชาวประมงจัง อุตส่าห์จับปลามาด้วยความยากลำบาก”
“เออ กูเห็นด้วย”
“เฮ้อ / เฮ้อ” สองพี่น้องถอนหายใจออกมาพร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย คงเป็นแค่เวลานี้เวลาเดียวที่เขาสามัคคีกัน
ทำไมต้องถอนหายใจ ? ไม่อยากจะเล่าขานตำนานการทำอาหารของคุณนายแม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวของบ้านตระกูลโจวที่มีดีแต่หน้าตาที่ดูอ่อนกว่าวัยได้เพราะการดึงหน้าและการพึ่งมือหมอล้วน ๆ
ขายแม่ตัวเองซะแล้ว
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาเพิ่งจะถกแขนเสื้อนักเรียนของตัวเองเพื่อลงมือขัดครัวที่คุณนายเขาได้สร้างขีปนาวุธขนาดย่อมไว้ระหว่างที่เขาอยู่โรงเรียน กลับมานี่แทบกรี๊ดเป็นตุ๊ดเด็กเมื่อเห็นสภาพห้องเลี้ยงปากท้องของตัวเองมืดดำเหมือนจิตใจของเขาตอนนี้ #ความรักก็เช่นกัน
“นั่นแหละมึง ไปทำตามหน้าที่ซะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง”
“กูไม่ว่าง”
“แล้วทำไมมึงไม่ว่าง”
“กูหายใจอยู่”
“...”
ไอซั๊ซ !!!
คยูฮยอนคว้าหมอนริลัคคุมะโยนไล่หลังฮีชอลที่เดินลั้ลลาออกจากห้องไปจนพี่ริลัคลงไปนอนตายในหน้าที่ตรงพื้นห้องเรียบร้อย
สุดท้ายคยูฮยอนก็ต้องออกไปตลาดเองสินะ -_-
ใครบอกว่าเป็นลูกคนเล็กจะดีหรอ เฮลโหล๋วววว บอกเลยว่าระบบนี้มันใช้ไม่ได้กับบ้านหลังนี้ครับ สังคมของตระกูลโจวอายุน้อยสุดคือเบ้ มนุษย์แม่คือคุณหญิงประจำบ้านโดยมีลิ่วล้อเป็นลูกชายคนโตอย่างฮีชอล ส่วนคนขับรถและคนสวนคือคุณชายพ่อน่ะเอง
ฮ้อย
คยูฮยอนไม่คิดจะชำระล้างร่างกายหรือแปลงร่างอะไรทั้งนั้น ร่างโปร่งเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันล้างหน้านิดหน่อยก่อนจะสาวท้าวก้าวออกมาจากห้องด้วยสภาพเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลสีแดงแปร๊นที่ได้รับสืบทอดมาจากพี่ชาย
กรุ๊ง กริ๊ง
คยูฮยอนลากยานพาหนะบริหารกล้ามเนื้อขาออกมาจากโรงรถ นึกไปถึงภาพของคุณนายที่นั่งตะไบเล็บดูรายการสมาคมผัวจ๋าแล้วก็อยากจะเหอะใส่ดัง ๆ บ้านอื่นอาจจะเป็นภาพคุณแม่ตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดมาทำอาหารให้ครอบครัวทาน แต่บ้านนี้ไม่ใช่
ภาพที่ลูกชายคนเล็กของบ้านหัวกระเซิงปั่นจักรยาน นามว่า ‘แป๊ะยิ้ม’ ออกจากบ้านมันคงเป็นอะไรที่คุ้นตามากกว่า
สภาพปกติก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วเพราะเด็กมัธยมแว่นหนาเตอะอย่างคยูฮยอนถึงจะตัวขาวซีดจนเพื่อนทักว่า ‘มึงมีเลือดไปเลี้ยงร่างกายบ้างหรือเปล่า’ อยู่บ่อย ๆ แต่กับการใส่แว่นนี่บอกเลยว่าคยูฮยอนไม่ได้ใส่แล้วจะดูคิ้วท์เหมือนเน็ตไอดอลหรอกนะครับ
ยอมรับว่าถ้าตัวเองใส่คอนแทคเลนส์จะดูค่อนข้างเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่ถามว่าเงินค่าคอนแทคเลนส์ที่ต้องซื้อใส่เองนี่ใครออกให้ ? ไม่มีครับ ใช้เองออกเองไม่มีเงินสนับสนุนอะไรจากบุพการีทั้งนั้น
ก็เลยต้องยอมเป็นคุณป้าต่อไป
กรุ๊ง กริ๊ง
จักรยานแม่บ้านที่มีชื่อที่โคตรรสร้างสรรค์ที่สุดในสามโลกปั่นเข้ามาสู่ตลาดแถวบ้าน เสียงโหวกเหวกของแม่ค้าที่ตะโกนโฆษณาสินค้าในแผงของตัวเองดังไปทั่วตลาดปะปนกันไปหมด เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ ตลาดที่นี่ไม่ใช่ตลาดในร่มที่แฉะ ๆ ลื่น ๆ ถนนเส้นยาวที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ถูกทำเป็นตลาดโดยรถใหญ่ยังสามารถวิ่งได้แต่ก็ลำบากพอสมควร แผงขายของของพ่อค้าแม่ขายถูกตั้งอยู่สองข้างทางให้คนได้เลือกซื้อหากัน
“น้องคยู วันนี้เอาอะไรดีค้า” แม่ค้าร้านขายของสดเจ้าประจำที่เห็นคยูฮยอนปั่นแป๊ะยิ้มเข้ามาในระยะสามร้อยเมตรไม่ได้ทำให้คยูฮยอนตกใจเพราะมันเป็นเรื่องชินไปเสียแล้ว
“ตามนี้เลยครับพี่สวย” นี่ไม่ได้ชม ไม่ได้อวย พี่เขาชื่อพี่สวยจริง ๆ นะ คยูฮยอนยื่นกระดาษยับ ๆ ให้แม่ค้าคนสนิทชาวปักใต้ให้จัดการของพวกนี้ให้เขาให้หน่อย ก่อนจะปั่นจักรยานไปจอดไว้ในที่ว่างเพื่อรอ
“โห วันนี้คุณมินจีจะทำต้มยำทะเลหรอ”
“ครับ ผมว่าจะซื้อสก็อตไบท์ไปเพิ่มด้วยน่าจะได้ขัดครัวกันอีกรอบ ฝากดูแป๊ะยิ้มด้วยนะครับบบ” ได้รับกลับมาเป็นเสียงหัวเราะใส ๆ ของแม่ค้าก่อนคยูฮยอนจะขอตัวเดินไปซื้อย่างอื่นเพื่อไม่ให้เสียเวลา
ร่างโปร่งเดินไปตามทางของตลาดที่มีคนพลุกพล่านเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ จริง ๆ คยูฮยอนก็แอบอายกับสีกางเกงของตัวเองที่แม่งดูจะแสบตาเกินหน้าเดินตาเขาไปหรือเปล่า บอกเลยว่ามันอาจจะสามารถของเห็นได้ในระยะร้อยเมตร
กรุ๊ง กริ๊ง
“ยินดีต้อนรับค่า” เสียงพนักงานตอนรับของร้านที่คยูฮยอนมักมาอุดหนุนบ่อย ๆ รองจากร้านของสดของพี่สวย
ร้านเบเกอร์รี่นั่นเอง ♥____♥
คยูฮยอนยิ้มให้พนักงานต้อนรับก่อนจะเดินเข้าไปในโซนประจำที่ตนมักซื้อกินจนคนในร้านอาจจะจำได้แล้วล่ะมั้ง แต่ยังไงก็ช่าง การเสียเงินให้ขนมหวานเป็นงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งของคยูฮยอน
แต่.. เหมือนวันนี้เขาจะผิดหวังซะแล้ว
“พี่ครับ เอแคลร์ไม่มีหรอครับ”
“ยังอบไม่เสร็จน่ะคะ เพิ่งเข้าเตาไปเมื่อกี้นี้เอง น้องรอหน่อยได้มั้ยคะ ?” อืม... จบคำพูดของพี่พนักงานคยูฮยอนก็ส่ายหน้าแล้วมองหาอย่างอื่นกินทันที แค่คิดว่าตัวเองต้องรอแอเคลร์ที่ตัวเองโปรดปรานมันจะส่งผลให้กลับบ้านไปเจอรังสีมหาโหดของคุณนายแม่คยูฮยอนก็ยอมอดแดกแล้วครับ
“งั้นเอาเค้กส้มก็ได้ครับ” ตัดสินใจสั่งเค้กมากินแทน เค้กส้มหน้าเนียนก็เป็นของหวานอีกอย่างหนึ่งที่คยูฮยอนโปรดปรานเช่นกัน
“บ้านน้องอยู่ในหมู่บ้านนี้หรือเปล่าคะ พี่ไปส่งให้ที่บ้านได้นะ” ขอเสนอที่ถูกยื่นมาทำให้คยูฮยอนตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ “งั้นเขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วยนะคะ เห็นน้องมาซื้อบ่อยเลยงั้นบริการส่งให้ฟรีนะคะ อืม... ทั้งหมดห้ากล่องนะคะ”
พี่พนักงานอ่านทวนที่เขาเขียนสั่งไปอีกรอบเพื่อยืนยันความถูกต้อง คยูฮยอนจ่ายตังก่อนจะหยิบถูกเค้กชิ้นเล็กแล้วยิ้มหน้าบานเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ฟินนาเล่
.
.
“หนูไปปลูกตะไคร้มาให้แม่หรือคะคนเล็ก หืมมมม ?”
“คยูไปซื้อเค้กมา”
“เค้กสำคัญกว่าปากท้องของครอบครัวหรือคะ แล้วกับคนที่เขารอทานข้าวล่ะหืม”
“กับข้าวของตัวไม่ต้องกินจะดีกว่...”
“โจว คยูฮยอนคะ ไปล้างรถปฏิบัติ!!!”
คนเล็กของบ้านเบ้หน้าทันทีเมื่อได้รับคำสั่งพิพากษาที่กลับมาบ้านช้าจากคุณนายแม่ คยูฮยอนเบ้ปากใส่ก่อนจะเดินเอาเค้กส้มไปแช่ตู้เย็นแล้วเดินตูดงอนออกจากบ้านไปโรงรถเพื่อล้างรถตามคำสั่งของคุณนายทันที
ร่างโปร่งจัดการเอาน้ำใส่ถังเตรียมแบกไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เทซัลไลต์ไปนิดหน่อยเพื่อความสะอาด อะไรทำไมไม่ใช้น้ำยาล้างรถน่ะหรอ ง่ายมากเพราะบ้านคยูฮยอนเป็นพวกไม่มีน้ำยาครับ
แอร้ย... จริง ๆ มันเป็นเพราะความงกของคุณนายแม่ที่คิดว่าจะใช้อะไรล้างแม่งก็เหมือนกันหมด ซึ่งถ้าคนรักรถมาได้ยินคงประเคนหัวแม่โป้งที่เท้าใส่เอา เลยได้อุปกรณ์ทำความสะอาดรถส่วนหนึ่งคือซัลไลต์ ถ้าคุณนายไม่เกรงใจคงใช้แฟ๊บไปแล้วแต่มันติดที่ว่าแฟ๊บมันแพงกว่าเลยชวดไป
แกร๊ง
“....!!” เสียงเปิดประตูรั้วทำให้คยูฮยอนที่อยู่โรงรถใกล้ ๆ สะดุ้งนิดหน่อย ใครจะออกไปไหนตอนแดดร้อนส้นตีนแบบนี้นะ แต่เดี๋ยวพ่อเขาก็พรวนดินต้นบอนไซอยู่หลังบ้าน แม่ก็น่าจะวางระเบิดครัวอยู่ และคนอย่างฮีชอลเนี่ยนะจะออกไปตากแดดตอนเกือบเที่ยง คยูฮยอนไม่เชื่อ -____-
ร่างโปร่งก้าวออกจากโรงรถพร้อมถังน้ำที่จะเอาไปเปลี่ยน ชะโงกหน้าไปทางหน้าบ้านเพื่อดูที่มาของเสียง บางทีอาจจะมีคนมาหาก็เป็นได้และถ้าเกิดเป็นเจ้าหนี้สิ่งแรกที่คยูฮยอนจะทำคือบอกแหล่งกบดานของคุณนาย
ลูกเลว
“ใครว่ะ ?” ความคิดเล่น ๆ ในใจเหมือนจะเป็นจริง เมื่อเห็นผู้ชายใส่เหมือนแก๊บสีดำกับเสื้อกันลมสีดำตัวใหญ่ คยูฮยอนไม่เห็นหน้าเพราะอีกฝ่ายหันหลังให้เขาอยู่ ในมือถือถุงอะไรบางอย่างแถมยังกำลังเดินไปยังตัวบ้านของเขา
เห้ย
เห้ยยยยย
คยูฮยอนกำถังน้ำในมือไว้แน่นเผื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวได้(ยังไงว่ะอ้อย) อาศัยกำแพงบ้านเป็นที่หลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ร่างสูงนั่นหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเขาของแถมยังนิ่งไปสักพักมันต้องคิดอะไรอยู่แน่ ๆ !
ร่างโปร่งไม่รีรอช้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายจับลูกบิดประตูแล้ว ! คยูฮยอนรีบพุ่งตัวไปพร้อมกับถังน้ำซัลไลต์ในมือทันทีเมื่อประตูบ้านเขาถูกเปิดแล้ว
“ขอโทษนะครั...”
ซ่า !!!!!
น้ำในถังได้ถูกส่งออกไปสู่ชายตรงหน้าเสียแล้ว บอกเลยว่าซก คยูฮยอนไม่รอช้ารีบโยนถังไปไกล ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากหมวกของไอคนน่าสงสัยออก ไงล่ะนิ่งเลยล่ะสิ บังอาจจะมีบุกรุกบ้านคุณโจวหรอ
แต่หากมันกลับเป็นเขาที่อึ้งเสียเอง
“ทำบ้าอะไรของนายว่ะ...”
“ซีวอน !!!!”
หลังจากเกิดเหตุไม่คาดฝันซึ่งมาจากคนเล็กของบ้านตระกูลโจวล้วน ๆ คยูฮยอนทำหน้าเหมือนวิญญาณหลุดไปแล้วเมื่อคนน่าสงสัยตรงหน้าเขากลายเป็นสุดหล่อที่เรียนพิเศษนามว่า ชเว ซีวอน
“นะ..นาย มาบ้านเราได้ไง...”
“เราแค่มาส่งของ”
“ส่งของ ?”
“นี่ไง ที่อยู่นี้มันก็บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือไง” ไม่ว่าเปล่าเศษกระดาษที่เหมือนจะคุ้นเคยว่าเพิ่งใช้มันเขียนที่อยู่ไปเมื่อเช้า คยูฮยอนมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือที่อยู่บ้านเขาเอง
“งั้นถุงในมือนั่น...”
“นี่น่ะหรอ แอแคลร์ไง” ซีวอนชูถึงในมือขึ้นก่อนจะแหวกถึงให้ดูคยูฮยอนก็เห็นลูกกลม ๆ สีเหลืองน่ากินวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบแถมตรงกล่องเป็นฝ้าเล็กน้อยบ่งบอกว่ามันยังร้อน ๆ อยู่
ชิบหายแล้วคยู
ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสบตาซีวอนอย่างหากลำบาก ซีวอนเป็นเด็กส่งของของร้านนั้นหรอกหรือ แล้วทำไมต้องทำตัวน่าสงสัยด้วยเล่า กริ่งก็มีทำไมไม่กด
“ถ้าจะถามว่าทำไมเราถึงไม่กดกริ่งบอกเลยว่าเรากดจนมือหยิกแล้วแต่ไม่มีใครมาเปิดตะโกนเรียกก็แล้วก็ยังไม่มี เราเลยเดินเข้ามาเพราะเห็นประตูมันไม่ได้ล็อคข้างในก็ดูจะมีคนอยู่” อ้าปากค้างอีกรอบให้แมลงวันเข้าไปทำรัง จะบ้าหรอกริ่งบ้านเขาออกจะดังลั่นไปสองซอยสามซอยทำไมคยูฮยอนจะไม่ได้ยิน
“คนเล็กคะ หนูไปล้างรถหรือไป... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูของคุณนายแม่ดังกว่าเสียงกริ่งทำให้คยูฮยอนอุดหูแล้วหันไปมอง ก็เห็นแม่เขาใส่ผ้ากันเปื้อนซึ่งมันถูกใช้ได้คุ้มมากมันเปื้อนเต็มไปหมดเลย -___- คยูฮยอนสงสัยจริง ๆ ว่าทำต้มยำกุ้งแล้วไข่ที่ผ้ากันเปื้อนมันคืออะไรว่ะ
“ตัวไม่ต้องตกใจนะ นี่เพื่อนคยู...”
“มาจากช่องไหนคะ ? ใช่ช่องทางแห่งรักของเราหรือเปล่า ♥____♥ โอ้ยยยพ่อคุณทำไมหล่ออย่างนี้ พ่อหนูอยู่ไหนคยูแม่จะเซ็นใบหย่าชั่วคราวค่ะ” แม่เขาบ้าไปแล้ว -____-
คยูฮยอนมองคุณนายแม่ที่มีสายตาเป็นรูปหัวใจกลับด้าน บรรยากาศสีชมพูนี่มันอะไร อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วมั้ยอ่ะคุณนาย เก็บอาการหน่อย !
“เอ่อ...เปล่าครับ ผมชื่อชเว ซีวอนมาส่งเอแคลร์” ว่าแล้วคนตัวเปียกก็ชูถุงเอแคลร์ให้ดู ร่างบางของแม่ตัวเองรับไว้ก่อนจะทำบิดขวยเขินแล้วส่งไปให้คยูฮยอนอีกที
“ทำไมตัวเปียกโชกขนาดนี้ละคะ ?” มาแล้วนางก็เพิ่งตกใจ แต่หากมันก็ยังดูเคลิบเคลิ้มเมื่อซีวอนเริ่มทำตัวไม่ถูกเลยเอามือเสยผมตัวเองหน่อย ๆ เท่านั้นแหละ คยูฮยอนก็ไม่รู้สึกถึงความเป็นแม่ในตัวคุณนายอีกต่อไป =___= เมื่อนางกรี๊ดอย่างลุ่มหลง อยากเก็บเสียงไว้ใช้แทนนกหวีดจริง ๆ
“พอดีโดนเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะครับ เขาคิดว่าผมเป็นโจรเลยสาดใส่” นั่นไง...กูว่างานกูเริ่มเข้า
“ตายแล้ว หล่อแบบนี้เห็นเป็นโจรได้ยังไง มินจีจะไปควักลูกตามัน” ว๊ายยยยยย
เรียกแทนตัวเองว่ามินจีด้วยอ่ะ พ่อ พ่ออยู่ไหน เมียพ่อเขาพร้อมอย่าแล้วนะโว้ยยย
คยูฮยอนสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วเรียวนั่นชี้มาที่หน้าเขาอย่างจัง คุณนายที่โดนลัทธิซีวอนเข้าครอบงำก็จ้องมาตาเขม็งก่อนที่ปากเรียวสวยที่บ่นเขาได้ทุกวี่ทุกวันนั่นจะลั่นวาจาพิพากษาความผิดของเขา
“พาซีวอนอปป้าเขาไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยคะคนเล็ก”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
.
.
นี่เป็นครั้งแรกของคยูฮยอน
ที่ให้เพื่อนที่รู้จักกันไม่กี่วันมาเหยียบถึงห้องนอน
“เอาเสื้อเราไปใส่ก่อนนะ เดี๋ยวเสื้อนายเราเอาไปซักให้ก่อน”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คนสาดน้ำใส่เราอย่างนายคงไม่ทุเรศขนาดให้เราเดินล่อนจ้อนหรอกใช่มั้ย ?” หึ๋ย... คยูฮยอนเกลียดลักยิ้มแล้ว
ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่คนตัวสูงก่อนจะปาผ้าขนหนูผืนใหม่ใส่แล้วไล่ให้เข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งซีวอนยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เหมือนจะแกล้งให้เขาบึ้งตึงได้แล้ว จึงเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี
ตอนนี้เอแคลร์ห้ากล่องคงถูกใส่จานไว้ต้อนรับสุดหล่อให้ลงไปข้างล่างแล้ว เพราะหลังจากได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณนายแม่ คนทั้งบ้านก็แห่กันมาโดยมิได้นัดหมาย แน่นอนเพื่อนบ้านก็เช่นกัน
พอคยูฮยอนจัดการปัญหาด้วยการบอกป้าข้างบ้านไปว่าแม่เขาผีเข้าก็โดนมะเหงกหนัก ๆ ลงที่หัวพร้อมกับแม่เขาที่เดินควงซีวอนที่ตัวเปียกซกเข้าไปในบ้านพร้อมกับสายตาของพ่อที่มองไปตาละห้อยทั้งยังมีที่พรวดดินอยู่ในมืออย่างน่าสงสาร
พอมาคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งทำแผลไปให้สุดหล่อของแม่ก็คิดว่ามันผ่านไปเร็วดี
ตอนนี้แผลบนหน้าของซีวอนเริ่มดีขึ้นแล้ว แน่ละถ้ามันยังไม่ดีเขาคงรู้สึกผิดที่เอาน้ำผสมซัลไลต์ไปสาดใส่หน้าคนหล่อที่มีบาดแผล จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้เจอซีวอนในวันต่อมาก่อนจะเริ่มเข้าสู่วันหยุดประจำสัปดาห์ซึ่งคยูฮยอนไม่มีเรียนพิเศษ
ถามซีวอนว่าทำไมถึงมาส่งเอแคลร์ที่บ้านเขาได้ ก็พบว่าไอเบเกอร์รี่ร้านนั้นมันคือร้านของบ้านซีวอนครับท่านผู้ชม ผู้หญิงที่คุยกับเขาเมื่อตอนเช้าคือพี่สาวของซีวอนน่ะเอง นึกไปก็อิจฉาทำไมคนบ้านนี้แม่งหน้าตาดีกันจังเลยว่ะ จะว่าไปคยูฮยอนก็ไปซื้อขนมร้านนั้นบ่อยนะทำไมไม่เคยเห็นเลยว่ะ
ป๊อก
“เฮ้ คิดอะไรของนายอยู่น่ะ เรียกตั้งนานแล้วนะ”
“...หะ..หา ? เห้ยยยยยย!!!! ”
นี่ไม่ใช่การซ้อมไล่ระดับเสียง
แต่คยูฮยอนตกใจของจริงงง
เมื่อเจอชเวซีวอนนุ้งผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดส่วนล่างแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจแบบนั้นอีก
นี่มันอะไรกันนนน
ความรู้สึกเจ็บที่หน้าผากที่โดนดีดเรียกร้องความสนใจมันหายไปแล้ว สิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้าเขาตอนนี้คือซิกแพค ! แม่เจ้า นี่ซีวอนรุ่นเดียวกับเขาแน่หรอว่ะ ทำไมคยูฮยอนไม่มีอ่ะ ทำไมคนเล็กมีแต่พุง แง้
“นี่มองอย่างนั้นเราก็เขินเป็นนะ”
“อะ..เออ ก็นายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง...”
“เราเรียกนายจนปากจะฉีกแล้วคนหูตึง”
“อื้อ!” ว่าแล้วหูสองข้างก็โดนของมือของซีวอนจับไว้ก่อนจะโยกไปโยกมาอย่างสนุกสนาน เอออ สนุกมากมั้ยมึง กูมึนหัว กูไม่ใช่ของเล่นนะ “พอแล้วเรามึนหัว”
“สติกลับมารึยัง”
“มาแล้ว”
“ไหนเสื้อเราล่ะ” ซีวอนยิ้มหาเสื้อของตัวเองเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนสติกลับมาได้สักที ร่างโปร่งจับหูตัวเองที่แดงก่ำเพราะโดนจับ ก่อนจะยู่ปากแล้วหยิบเสื้อที่พับเตรียมไว้ให้ที่ปลายเตียง
“เอาไปเลย” ซีวอนรับเสื้อที่ถูกพับอย่างดีที่มาแปะอยู่ที่หน้าอกด้วยฝีมือของคยูฮยอนคนตัวขาวที่ดูจะหน้าขึ้นสีผิดปกติไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่ร้อนจัดของวันนี้หรือเพราะอะไร เห็นแล้วมันน่าขำชะมัด
“โกรธหรอ ? ไม่ง้อหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อย” พูดแบบนั้นแต่ปากนี่เบ้เลยคงจะเชื่ออยู่หรอก “เรา..เราไปรอข้างล่างนะ”
ปัง !!!
“หึ...เขินก็บอกว่าเขินสิเจ้าแว่น” ร่างสูงแสยะยิ้มตามแผ่นหลังของคยูฮยอนไปก่อนจะหันกลับมาหัวเราะกับตัวเอง สายตากวาดมองไปห้องของเจ้าแว่นที่ดูไม่รกไม่แต่ก็ไม่ได้เป็นระเบียบอะไรขนาดนั้น
พอคิดถึงสีหน้าของเจ้าของห้องที่เห็นเขาเปลือยท่อนบนแบบนี้ก็รู้สึกขำขึ้นมาอีกรอบ
น่าแกล้งชะมัด
.
.
“ต๊ายยยยยยทำไมหล่ออย่างนี้คะพ่อคุณณณณ”
ทันทีที่เจ้าชายคนใหม่ของบ้านเสด็จลงมาจากชั้นบนเสียงคุณนายก็นำไปก่อนใครเพื่อน ส่งผลให้คนทั้งบ้านที่กำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่หยุดลงแล้วหันไปมองตาม
จริง ๆ มันคือชุดตัวเก่งของคยูฮยอนแทน เสื้อฮู้ดสีเขียวอมฟ้าตัวใหญ่กับกางเกงสีสำเสมอเข่าซึ่งมันก็แค่เสื้อธรรมดาแต่ชเวซีวอนกลับใส่มันออกมาได้เหมือนนายแบบหน้าร้อน
“ทำไมตอนคยูใส่ชุดนี้ตัวไม่ชมบ้างอ่ะ”
“คนเล็กคะ ดูดีดีสิคะหนูเป็นใครแล้วเขาเป็นใคร”
...นี่เป็นการตัดขาดสายสัมพันธ์ทางอ้อมสินะ
รูปหล่อคนใหม่ของบ้านที่รู้จักมักจีกันไม่ถึงชั่วโมงก็ชนะใจคุณนายไปได้แล้ว ซีวอนถูกจูงให้นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวตรงข้าง ๆ หัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ของคุณนายเขา ปกติเวลากินข้าวหัวหน้าครอบครัวอย่างพ่อต้องนั่งหัวโต๊ะใช่มั้ย แต่บอกแล้วบ้านนี้มันอินดี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่คุณนายเขาต้องการ
“ทานข้าวกันนะคะ”
“ตัวถามเขาแล้วหรอว่าเขาอยากกิน” คยูฮยอนนั่งลงข้าง ๆ ซีวอนซึ่งมันเป็นที่ประจำ จริง ๆ ที่ที่ซีวอนนั่งอยู่คือที่ของพ่อ แต่ดูเหมือนคนสวนของบ้านจะมีธุระด่วนที่บริษัทจึงออกไปตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแล้ว
“คนเล็กคะ แม่ไม่ได้พูดกับหนูค่ะ”
“พูดงี้ตัวด่าเค้าว่าเสือกเลยดิ”
“เสือก”
“...คยูเป็นลูกตัวนะ” คนเล็กของบ้านอึ้งแดกพร้อมเบ้หน้าไปแล้วเมื่อสุดสวยของบ้านพูดจริง มีเพียงฮีชอลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขำกับสีหน้าแมวเอ๋อของน้องชายตัวเอง
“ไอเด็กแม่ไม่รัก”
“มึง...ฮีชอลหุบปากไปเลย” เกือบไปแล้ว เกือบหลุดภาษาโคตรเง้าไปแล้ว หลายคนคงงงว่าแค่ดีดปากเองจะกลัวอะไรขนาดนั้น บอกเลยว่าพลังดีดของคุณนายเขาไม่ธรรมดานะครับบอกเลย
คยูฮยอนจำได้ว่าเคยปากเจ่อกินไอติมไม่ได้ไปสามวัน ฮึก
“ทานข้าวกันเถอะคะ ซีวอนทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะแม่อยากฟิน” จ้า...ไปแล้วครับคุณนายของบ้าน
“อ่า...ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็...รบกวนด้วยนะครับ”
“โอ๊ยยยย ไม่รบกวนเลยค่า คนเล็กคะตักข้าว ” ตามนั้นแหละครับ
คยูฮยอนเบ้หน้าเมื่อได้รับคำสั่งอีกครั้ง ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตักข้าวสำหรับสี่คนอย่างขัดใจ แล้วนี่ไม่คิดจะมีใครมาช่วยเขายกจานเลยใช่มั้ย ต้องให้คยูยอนโชว์สเต็ปเทพในการยกจานอีกแล้วดิ
ช่างเหอะ ชิน -___-
“ทานข้าวกันค่ะ” ยกจานมาวางไว้เรียบร้อยคุณนายก็กล่าวเปิดงานก่อนจะเริ่มลงมือทานข้าวกันที่มีกับข้าวบนโต๊ะอยู่สามสี่อย่าง
แน่นอนไม่ได้มาจากฝีมือของคุณนายสักอย่าง
เพราะคยูฮยอนรู้ว่าปฏิบัติการครัวไหม้ครั้งนี้มันต้องไม่ธรรมดา สิ่งที่ได้ออกมามันต้องก้าวผ่านคำว่าแดกไม่ได้ไปแล้วแน่ ๆสาเหตุที่กลับบ้านมาช้าหลังจากไปเอาของร้านพี่สวยเสร็จที่ที่คยูฮยอนไปต่อคือร้านขายข้าวแกง
รู้สึกว่าคิดถูกสุด ๆ
“คนเล็กคะ ทำไมก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวล่ะคะ ตักปลาให้พี่เขาด้วยสิ”
“หา ? พี่อะไรอ่ะ นี่รุ่นเดียวกับคยูนะตัว”
“จะรุ่นไหนก็ช่างแต่คนเล็กต้องบริการแขกนะคะ”
“เขาไม่ได้เป็นง่อยมั้ยอ่ะตัว มีมือมีแขนมั้ย”
“เดี๋ยวนี้ค่ะ” ฮึ๋ย!!!
ซีวอนขำออกมากันท่าทางฟึดฟัดของคนโดนแม่บังคับ คยูฮยอนตัดปลาผัดขึ้นฉ่ายของโปรดที่อยู่ฝั่งตัวเอง แต่จะเรียกว่าตักปลาก็ไม่ถูกเรียกว่าเศษปลากับผักทั้งหมดเสียมากกว่า ที่คยูฮยอนยอมทำตามกับอีแค่คำว่าเดี๋ยวนี้เพราะอะไรรู้มั้ยครับ มันคือคำขู่สำหรับทุกช่องทางที่จะทำให้ชีวิตเขาไม่ดี๊ดีอีกต่อไป
คุณนายจะตัดทุกอย่าง...ค่าขนม...เน็ต...ซึ่งนี่มันปัจจัยในการใช้ชีวิตของคยูฮยอนทั้งนั้น
“ขอบใจนะ” แต่เหมือนซีวอนจะไม่ได้โกรธกับการที่คยูฮยอนตัดเจ้าผักใบเขียวให้แทนชิ้นเนื้อปลา กลับมือไปโยกหัวคยูฮยอนเป็นเกียร์รถเหมือนชมเด็กอีกแล้ว แถมยิ้มละลายจนคุณนายแทบสลบคาตะกินข้าวอีกต่างหาก
“ปล่อยเลย อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา”
“ครับ ๆ ”
“ว่าแต่ซีวอนมารู้จักกับไอตูดนี่ได้ยังไง มันมีเพื่อนคบด้วยหรอ” นั่น... ปากมึงนี่นะฮีชอล
ห้องกินข้าวเปลี่ยนเป็นห้องสอบสวนได้ในพริบตาเมื่อฮีชอลตั้งคำถามเบสิกขึ้น คยูฮยอนแยกเขี้ยวใส่พี่ตัวเองอีกรอบเมื่อแม่งด่าว่าคยูฮยอนไม่มีเพื่อนคบ กร๊าซ
“พอดีวันนั้นผมโดนลูกหลงจากพวกตีกันนิดหน่อยคยูฮยอนเขาเลยทำแผลให้น่ะครับ” อื้อหือ ตอแหลมาก
“ตายแล้วแล้วซีวอนไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงคะ เจ็บมากหรือเปล่า” ยัง...ยังอีก แทนที่จะถามว่าแล้วคยูไปอยู่ตรงนั้นช่วยเขาทำแผลได้ไงคะลูก ไม่มีเลยมันไม่หลุดออกมาจากปากคุณนายเขาเลยอ่ะ
#แม่รักผมมาก
“พอดีคยูเขาทำแผลเก่งน่ะครับ เลยหายเร็ว ไม่รู้ว่าทำให้ใครบ่อยเป็นพิเศษหรือเปล่า” แอบเน้นประโยคหลังเพื่อแกล้งดูปฏิกิริยานิดหน่อยแต่ดูเหมือนจะได้กระแสตอบรับกลับมาเป็นเขี้ยวที่แยกออกมาเตรียมจะกระโจนใส่นั่นแหละ
“อ้อ.. ก็ใช่นะ ไอเนี่ยมันทำแผลเก่งเป็นที่หนึ่งเลย”
“พี่ฮีชอลรู้ด้วยหรอครับว่าเขาทำแผลให้ใคร”
“รู้จักดีเลยล่ะ เขามาบ้านเราบ่อย ๆ น่ะ แต่มาทีไรไอตูดเนี่ยก็ลากเข้าห้องทุกที” ขวับ !! ซีวอนหันมามองคยูฮยอนอย่างไม่น่าเชื่อทันที หน้าอย่างนี้เนี่ยนะกล้าพาใครเข้าห้องแล้ว ? ไหนบอกไม่อยากให้เขารู้เลยว่ะตัวเองชอบแล้วจับลากเข้าห้องนี่คืออะไร คยูฮยอนแม่งไม่ธรรมดาซะแล้ว
“ก็ฮีชอลชอบกวน คยูต้องการความเป็นส่วนตัว”
“เออออรักมากดิ เอากับมันไปเลยมั้ยล่ะ”
“ได้ก็ดีน่ะสิ” ซีวอนยังคงอึ้ง ๆ ต่อไปเมื่อเขาพูดกันเหมือนเป็นเรื่องปกติต่อหน้าแม่ เห้ย แล้วคุณแม่นี่จะไม่ตกใจหน่อยหรอที่ลูกชายชอบผู้ชายด้วยกันเองแถมยังบอกจะ...กันด้วยนะเว่ย
“ทำไมไม่เอาเขามาอยู่บ้านเลยล่ะคะคนเล็ก”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่มีปัญญา”
“ควาย พูดงี้เวลาเขามาก็ไม่อยากให้กลับตลอด”
“ก็...ก็เขาน่ารัก” งง...งงไปกันใหญ่แล้ว สรุปบ้านนี้รับได้และยอมรับอีทงเฮกันอย่างเป็นทางการแล้วใช่มั้ย แถมดูจะยินดีเสียเหลือเกินที่ลูกชายอยากได้ผู้ชายมาครอบครองไว้ในบ้าน เฮลโหล๋ว นี่มันคืออะไรกัน
“อ่าว พูดถึงก็มาพอดีเลย”
“เมี๊ยว...”
แมว...
แมววววว ?
“คิดถึงจังเลยที่รัก” ร่างสูงมองคยูฮยอนที่จัดการอุ้มเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กสีขาวที่เดินช้า ๆ เข้ามาหาคยูฮยอน มันน่าจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาว หน้าย่น ๆ ของมันทำให้ดูน่าหมั่นไส้แต่ก็น่าหยิกแปลก ๆ ตรงที่มันอ้อนคยูฮยอนนั่นแหละ
“เนี่ยแหละดาร์ลิงค์ของไอตูดมัน ชื่อ ‘ที่รัก’ แมวของป้าข้างบ้านที่ชอบเจ็บตัวมาให้คยูฮยอนทำแผลให้เกือบทุกวัน”
อ่า...แมว
ซีวอนเข้าใจผิดครั้งใหญ่หลวงไปแล้วสินะ ร่างสูงมองคยูฮยอนที่ผละออกจากจานข้าวไปนั่งเล่นกับแมวที่พื้นเสียแล้ว มือเรียวลูบขนมันอย่างรักใคร่ คยูฮยอนดูจะรักมันมากจริง ๆ มองดูแล้วเป็นภาพที่อดยิ้มไม่ได้เลยแหะ มันเหมือนแมวตัวใหญ่กำลังเล่นกับแมวตัวเล็กมากกว่า
“ป้าจะให้ตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไอตูดมันไม่เอา ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะรับไว้แล้วเอามันไปขาย”
อืม... พี่น้องสองคนนี้แม่งแปลกพอกันเลย
“เขาคงไม่ยอมหรอกครับ ดูจะชอบมาก” ว่าพลางพยักพเยิดไปทางคยูฮยอนที่ตอนนี้นอนกลิ้งเล่นกับแมวไปเสียแล้ว
“เห็นแล้วหมั่นไส้ ทำตัวรักสัตว์เดี๋ยวคืนนี้ได้จามอีกคอยดู”
“คยูฮยอนแพ้ขนแมวหรอครับ ?”
“เป็นภูมิแพ้น่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก บางทีนั่งอยู่เฉย ๆ มันก็คัดจมูกจามไม่หยุด แต่สักพักก็หายเป็นปกติ แปลกดี”
“งั้นหรอครับ...”
อ่า... นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กแว่นนี่ไม่ยอมรับเจ้าตัวขาวนี่มาเลี้ยงสินะ
“ปล่อยคนเล็กไปแล้วทานข้าวกันต่อดีกว่า เขาไม่ยอมเลิกเล่นกับมันหรอกเดี๋ยวสักพักก็คงพาขึ้นไปบนห้องให้ขนแมวฟุ้งห้องอีกนั่นแหละ”
“แล้วแม่งก็จะจามทั้งคืนรบกวนคนในบ้าน”
“เพราะฉะนั้นเราห้องอย่าให้น้องเอาขึ้นไปนะคะฮีชอล ไล่น้องไปเล่นนอกบ้านซะ”
“ค่า” น่ารักดีแฮะ
บ้านนี้ดูแปลก ๆ แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เหมือนที่พูด ๆ ออกมานั่นก็แค่สร้างสีสันในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งซีวอนชอบบรรยากาศแบบนี้นะ บางทีคำว่าครอบครัวก็ไม่จำเป็นต้องมีบรรยากาศแหวว ๆ อะไรแบบนั้นก็ได้ แค่ทุกคนอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกันบ้างเจอหน้ากันวันละครั้ง มันก็เป็นความสุขเล็ก ๆ และกลายเป็นคำว่าครอบครัวได้
“ซีวอนอิ่มรึยังลูก”
“อ่า...ครับ”
“ว่าง ๆ ก็มาเล่นที่บ้านได้นะ เห็นคนเล็กไม่ค่อยพาใครมาบ้าน จะมีก็แต่ฮยอกแจนั้นแหละ” อืม... ฮยอกแจนี่ใครอีกว่ะ ช่างเถอะคงเป็นเพื่อสักคนของเจ้าแว่นน่ะแหละ
“จริง ๆ ผมกับเขาก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน”
“ค่ะ ยังไงก็ฝากคนเล็กด้วยนะคะซีวอน ” เหมือนคุณแม่จะไม่ฟังเลยแหะ... รอยยิ้มสวยถูกประดับขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวแม่คยูฮยอนก็ดูไม่แก่มากออกจะดูอ่อนกว่าวัยด้วยซ้ำคงเป็นเพราะนิสัยร่าเริงเกินอายุของเจ้าหล่อนล่ะมั้ง
“ครับ”
ร่างสูงได้แต่ยิ้มรับคำมาก่อนจะเบนสายตาไปมองคนนอนเล่นกับแมวที่ทำท่าจะอุ้มเจ้าที่รักขึ้นไปในห้องจริง ๆ ด้วย แต่มันอาจจะติดที่ว่ามีพี่ชายอย่างฮีชอลไปยืนขวางบันไดไว้เสียก่อน และจัดการเตะตูดน้องชายให้มันไสหัวออกมาเล่นนอกบ้านเพื่อกันภูมิแพ้คนเล็กของบ้าน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ”
ซีวอนโค้งลาอย่างเป็นมารยาทซึ่งหญิงสาวผู้คลั่งไคล้เด็กหนุ่มรุ่นลูกก็ไม่ได้ขัดอะไรแต่หากโบกมือลาบ๊ายบายอย่างร่าเริงพร้อมจุ๊บแก้มหนึ่งทีเป็นการบอกลา ฮีชอลที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้งกับการกระทำของแม่ตัวเองไปประมาณสามวิ
“ที่รักอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ยหนักอ่ะ” ก้าวออกมาจากตัวบ้านก็ได้ยินเสียงของคยูฮยอนดังมาจากในสวน ซีวอนเดินตามเสียงไปก็พบว่าคยูฮยอนกำลังวางเจ้าที่รักไว้บนตักแล้วลูบขนมันเล่นก่อนจะยี ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“อ่าว... จะกลับแล้วหรอ ?”
“อืม”
“ดีเลย เดี๋ยวเอาเสื้อไปให้ที่บ้านนะ ทีหลังไม่ต้องมาอีกล่ะ บ๊ายบายยยย”
“...ไม่อยากให้มาขนาดนั้นเชียว” แทนที่จะตรงดิ่งกลับบ้าน ซีวอนกลับเลือกที่จะไปนั่งข้าง ๆ คยูฮยอนที่เล่นกับแมวอยู่ ซึ่งคนชอบแมวก็ไม่ได้สนใจอะไรกลับยังคงลูบขนเจ้าที่รักอย่างสนุกสนานทั้งยับเขยิบที่ให้คนที่ตัวเองไล่ไปเมื่อกี้อีกต่างหาก
“มาทีคุณนายต้องกรี๊ดไปสามบ้านแปดบ้านแน่ ๆ ”
“งั้นเอายังไงดี นายไปบ้านเราดีมั้ย ?”
“....ทำไมเราต้องไปบ้านนาย”
“เพราะเราติดเลี้ยงข้าวนายอยู่มื้อนึงไง” ซีวอนใช้นิ้วจิ้มที่คิ้วที่ขมวดคิดหนักถึงเหตุผลจนอีกคนเอนตัวไปข้างหลังนิดหน่อย
“อ้อใช่วันนั้นไม่ได้กินกันนี่นา ลืมไปเลย”
ใช่แล้ว วันนั้นที่ซีวอนบอกจะพาไปกินข้าวเพื่อจ่ายแทนค่ารักษาพยาบาลแต่คุณนายแม่ของคยูฮยอนกลับโทรตามเนี่ยสิส่งผลให้คนตัวขาววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
จริง ๆ ก็อยากบอกหรอกว่าให้ไปส่งไหมมันอาจจะเร็วกว่าแต่อีกคนก็วิ่งปรู๊ดข้ามสะพานลอยไปเสียแล้ว ตอนนั้นซีวอนยังไม่รู้ว่าบ้านของคยูฮยอนอยู่หมู่บ้านเดียวกับร้านของเขา
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไปบ้านนายหรอ ?”
“ก็เปล่า แค่ไม่อยากพาไปไหนไกล ๆ เดี๋ยวแม่นายก็โทรตามอีก”
“อ่า...นั่นสินะ คุณนายเอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย”
“เอาไง อยากให้เชฟซีวอนแสดงฝีมือไหม ”
“นายทำอาหารเป็นด้วยหรอ ?” เหมือนจะเป็นคำถามที่ปนมาด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ซีวอนขำกับท่าทีแบบนั้นก่อนจะส่งมือไปลูบหัวเจ้าที่รักที่นอนนิ่งบนตักคยูฮยอนบ้าง เออ...ขนมันนุ่มดีแหะ
“ทำเป็นสิ เราเป็นลูกร้านเบเกอร์รี่นะ”
“นั่นมันขนมไม่ใช่ข้าวเสียหน่อย”
“เอาเป็นว่าทำเป็นรึกัน”
“นายทำเอแคลร์เป็นหรือเปล่า”
“ไอที่วางบนโต๊ะบ้านนายคือฝีมือเรา”
“จริงดิ ? แล้วเค้กส้มล่ะ”
“อืม... เคยทำอยู่สองสามครั้งจนพี่สาวบอกให้เลิก”
“ไม่อร่อยอ่ะดิ -.-”
“ลูกค้าแน่นร้านเกินไป จนทำไม่ทัน”
“...”
“แต่ละคนก็มีวิธีการทำกับการใส่ใจไม่เหมือนกันนะ เค้กของเราอร่อยมากนะขอบอก” ได้ทีก็อวดใหญ่เลย... แต่นั่นมันก็ทำให้คยูฮยอนตาแวววาวขึ้นมาทันทีก่อนที่จะหันหน้าไปสบตาซีวอนอย่างมีความหวัง “สายตานี่มันอะไร”
“สอนทำเค้กหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร ? ทำไมเราต้องสอนนาย”
“แทนค่ารักษาพยาบาลไง”
“ไหนตอนแรกบอกไม่คิด”
“ตอนนี้คิดแล้ว นะนะนะ” เมื่อเจอเหยื่อชั้นดีคยูฮยอนจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด ร่างโปร่งรีบไถลตัวตัวเองเข้าไปทำสายตาปิ๊ง ๆ ใส่ซีวอนทันทีเพื่อให้ร่างสูงใจอ่อน แต่หากมันกลับกูน่าตลกกับคนใส่แว่นแบบเจ้านี่ยังไงไม่รู้
“ทำเค้กยากนะ”
“น่านะ เราจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังครูซีวอนทุกอย่าง”
“มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า ทำไปจีบหนุ่มหรอ”
“ปะ..เปล่านะ” ใช่แหง...
จะว่ายังไงดี คยูฮยอนเป็นคนที่ดูออกง่ายทั้งสีหน้าและแววตาหรืออาจจะเป็นเพราะซีวอนอ่านคนเก่งก็ได้เลยจับผิดเจ้าแว่นนี่ได้ง่าย ๆ อย่างตอนปายางลบซีวอนเห็นที่หางตาตั้งแต่เจ้านี่ปามาแล้วล่ะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจอยู่หรอกแต่พอเห็นมือที่จะเอื้อมไปเปิดหนังสือเขามันก็เดาได้ไม่ยากว่าอยากรู้ชื่อ
แถมวันที่มาช่วยเขาเจ้าแว่นนี่ดันลืมเอาป้ายชื่อที่ติดที่อกออกอีกต่างหาก ซีวอนรู้สึกสนุกเวลาเห็นสีหน้าเหวอ ๆ ของคยูฮยอนที่มองเขามาอย่างอึ้ง ๆ
มันก็น่าแกล้งดีไม่ใช่หรือไง
“งั้นขอข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่าง”
“ว่ามา”
“เราไม่ได้เข้าเรียนบ่อยมาก ซึ่งเป็นเหตุให้เราเรียนไม่รู้เรื่อง”
“มันก็สมเหตุสมผลดีกับคนชอบโดดไปเต๊าะสาวอย่างนาย”
“แซะหรอ”
“ไม่เอา ไม่ให้โป๊กหน้าผากแล้ว เราเจ็บ” รีบกุมหน้าผากปกป้องพื้นที่สงวนของทงเฮทันที เขาเผลอให้ซีวอนเคาะมันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้คยูฮยอนจะไม่พลาดอีก ตรงนี้ของอีทงเฮคนเดียวเว่ย เข้าใจ๋ ?
ร่างสูงยิ้มออกมากับท่าทางแบบนั้น เขาจึงเปลี่ยนตำแหน่งไปหาที่วางมือบนหัวฟู ๆ นั่นก่อนที่เด็กแว่นจะหน้าหยิกกว่าเดิมเมื่อเขาเริ่มโยกเป็นเกียร์รถอีกครั้ง แต่มันคงไม่ทำให้มึนเท่าประโยคที่เอ่ยออกมาต่อจากนี้
“เราจะให้นายมาติวเคมีให้เราเป็นการแลกเปลี่ยน”
“หา ?”
TO BE CONTINUE…
เอาแล้วแก เขาจะได้เป็นคุณครูของกันและกันแล้วแกกกก...
มาดูว่าพ่อหนุ่มเบเกอร์รี่ของเราคิดอะไรอยู่กันแน่
จริง ๆ คุณแม่คนนั้นก็คือไรท์เตอร์เองค่ะแอร้ย *ยัดเยียดนิสัยติ่งให้ตัวละคร*
ตอนใหม่เร็วจัง #กับเรื่องเรียนหนูตั้งใจแบบนี้มั้ยลูก
ใครไปเล่นน้ำสงกรานต์ระวังกันด้วยเน้อ ใครอยู่บ้านก็อ่านฟิคเราฆ่าเวลาได้นะ
อย่าถามว่าทำไมคาแรกเตอร์น้องเปลี่ยนไปคนเราอยู่บ้านกับโรงเรียนมันไม่เหมือนกันนะรู้ยังงง
แอร้ย
ความคิดเห็น