คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [ฟิคแก้บน] wonkyu :: escape death ch.3
[ฟิคแก้บน]
Note :: แนวซอมบี้นะคะ
หยาบคายมากด้วย XD
• Escape death •
-part 3-
แฮ่ก แฮ่ก
เยซองไม่มีทางเลือก
เขาตัดสินใจวิ่งลงมาชั้นล่างเหมือนที่ซีวอนบอก แต่ไม่ได้คิดจะปฏิบัติตามทั้งหมดหรอกนะ
เขาวิ่งลงมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากทงเฮ
แต่ก็นั่นแหละ
อีทงเฮอยู่ไหนกัน ?!
โรงหนังมันก็ไม่ได้กว้างอะไรมากมายขนาดจะหาตัวคนไม่เจอ
ยิ่งชั้นล่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันไม่ได้มีทางซับซ้อนอะไรมากมายเหมือนชั้นบน
ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ให้นั่งรอหนังฉายและล็อบบี้ขายตั๋วและขนมเครื่องดื่มเสียมากกว่า
ร่างโปร่งหยุดวิ่งก่อนจะพักหายใจอยู่กับที่
ระหว่างทางที่เขามาไม่มีพวกตัวกินคนสักตัวที่ลุกขึ้นมาไล่กัดเขาได้
คาดว่าทงเฮคงเคลียร์ทางให้แล้วอย่างที่ซีวอนบอก
แล้วไหนล่ะวะตัวคนทำน่ะ
มันอยู่ไหนของมัน
รอบ ๆ
ไม่มีพวกตัวกินคนที่วิ่งตามเขาได้แล้ว
เยซองจึงเก็บปืนในเหน็บไว้ที่หลังเหมือนเดิมและยัดไฟฉายลงที่ข้างกระเป๋าเป้
เพราะแสงที่ส่งมาจากข่างนอกทำให้เขาพอมองเห็นอยู่ข้างจึงไม่ต้องพึ่งไฟฉายอีกต่อไป
ร่างโปร่งสาวเท้าไปตามทางเรื่อย ๆ ทั้งที่ในใจอยากเจอทงเฮจะแย่เพราะไม่รู้ป่านนี้ซีวอนจะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่เมื่อความเหนื่อยเข้ารุมเร้าเขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินนิ่ง ๆ สักพัก
นึกโทษตัวเองที่ไม่ได้เป็นสายบู๊เหมือนทงเฮและซีวอน
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วิ่งออกมาและทิ้งเพื่อนไว้อย่างนั้นหรอก ให้ตายสิ
รู้อย่างนี้น่าจะเรียนศิลปะการต่อสู้กับซีวอนตอนมันชวนไว้ก็ดีอยู่หรอก
เยซองก้าวไปตามทางเรื่อย
ๆ จนถึงล็อบบี้ที่เขาทิ้งเด็กที่เพิ่งเจอที่ห้างสรรพสินค้าไว้ อ่า...นั่นสิ
เขาลืมไปเลย เยซองกวาดสายตามองไปรอง ๆ อีกครั้งก็ไม่พบใคร
จึงตัดสินใจเดินไปที่ใต้ล็อบบี้ที่ซีวอนทิ้งเด็กที่ชื่อคยูฮยอนเอาไว้ เอาเถอะ
ถึงไม่เจอทงเฮยังไงก็ตรงไปหาเด็กนั่นก่อนรึกัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งน่าสงสัย
เศษกระจกที่แตกรอบ ๆ นี่มันอะไรกัน
ไหนจะรอบเลือดที่ลากเป็นทางยาวไปอีกทางจากทางที่พวกเขาเดินขึ้นไปชั้นสอง
เยซองไม่เก็บความสงสัยไว้นานนัก เขาเดินเข้าไปในล็อบบี้ก่อนจะก้มลงดูใต้โต๊ะทันที
“...ทงเฮ ?”
ร่างของเพื่อนร่วมทางกำลังนั่งชันเข่าอยู่ที่พื้นตรงที่มีเศษกระจก
โดยที่มือข้างหนึ่งถือเศษกระจกที่มีเลือดติดอยู่ประปราย
ทงเฮรีบหันมามองผู้มาใหม่อย่างหวาดระแวงพลางหันเศษกระจกในมือมาทางทงเฮเพราะนึกว่าเป็นพวกตัวกินคน
“เยซอง ?
มึงไม่ได้อยู่ข้างบนหรอ ?”
“ซีวอนช่วยให้กูหนีลงมา”
“พระเอกสัด”
จะว่าไปกับเขาซีวอนก็ทำคล้าย ๆ กัน ถึงมันจะบ้าเลือดอยากฝ่าไปเองก็เถอะ
แต่ยังไงมันก็ช่วยให้เขาลงมาข้างล่างและฆ่าพวกตัวกินคนที่อยู่ประปรายได้อย่างปลอดภัย
“ว่าแต่เด็กนั่นล่ะ”
“อ้อ...รายนั้นน่ะบ้าเลือดกว่า”
ทงเฮพูดพลางขำออกมาก่อนจะเสตามามองกระจกที่แตกกระจายเต็มไปหมด
“ทุบกระจกให้แตกแล้วใช้ตัดเชือกที่มัดมือไว้อยู่ เลือดนั่นก็คงโดนบาดนั่นแหละ
ตอนแรกนึกว่าโดนแดกไปซะแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“เราเองก็ผิดที่ไปมัดเขาไว้”
ว่าพลางโยนเศษกระจกที่ถืออยู่ปาลงพื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “แล้วยังไงดี
จะไปช่วยคนเจ็บหรือจะไปช่วยพระเอก”
“จริง ๆ
กูลงมาตามให้มึงไปช่วยซีวอน”
“แต่เด็กนั่นก็น่าจะเจ็บหนักอยู่”
เยซองขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ใช่ว่าเขาจะใจร้ายเหมือนซีวอนเสียหน่อยที่จะปล่อยให้ใครตายโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เด็กนั่นก็ดูจะเอาตัวรอดได้พอสมควร แต่ดูจะเลือดแล้วก็น่าจะได้แผลใหญ่พอสมควร
แต่บอกตามตรง
ตอนนี้เขาห่วงเพื่อนตัวเองมากกว่า
“มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวนะ
แต่กูเป็นห่วงซีวอนมากกว่าว่ะ” เยซองพูดตามตรง ซึ่งทงเฮก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ปัง ๆ ๆ !
เสียงปืนทำให้คนที่กำลังยืนตัดสินใจไม่ถูกทั้งสองคนเงยหน้ายืนมองหน้ากันทันที
เสียงมันดังมาจากทางด้านบน และคนที่เขารู้ว่าอยู่ด้านบนตอนนี้คนเดียวก็คือซีวอน
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ !
มันเว้นระยะไปสักพักก่อนจะดังขึ้นมาอีกและเงียบหายเลยทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
การที่เสียงปืนดังต่อเนื่องและเงียบไปแบบนี้มันไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก
ถ้าไม่เป็นเพราะกำลังโดนรุมอยู่ก็แปลกว่ากระสุนหมด
“ไปช่วยซีวอนเหอะว่ะ”
“แต่เด็กนั่น...”
“กูขอร้อง ทงเฮ”
ร่างหนากัดปากแน่น ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาอยากจะไปช่วยคยูฮยอนมากกว่าเพราะตัวเขาเองนี่หว่าที่เป็นฝ่ายบอกให้คยูฮยอนอยู่ที่นี่เพราะเป็นตัวถ่วง
แถมอีกทางนึงมีพวกตัวกินคนหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลือดก็เยอะขนาดนั้นจะรอดหรือเปล่า
“เอางี้ หลังจากไปช่วยซีวอนได้แล้วเราไปช่วยเด็กนั่นกัน”
“แต่...”
“แล้วกูจะพูดให้ซีวอนรับเด็กนั่นมาอยู่กันเรา
โอเคมั้ย ?”
สายตาปนขอร้องถูกส่งมาจากเยซอง
จากที่อยู่ด้วยการมาหลายชั่วโมงเขาก็พอรู้ว่าเยซองไม่ได้ประสีประสาด้านการฆ่าพวกห่านี่สักเท่าไหร่
ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงมาขอความช่วยเหลือจากเขาหรอก
ทงเฮเม้มปากจนเป็นเส้นตรงปิดตาลงอย่างใช้ความคิดก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ
เมื่อตัดสินใจได้
“ตกลง
เราไปช่วยไอพระเอกกัน”
.
.
ขาสองข้างของคนสองคนยังคงสับกันอย่างรวดเร็วเพื่อให้มีชีวิตรอด
เมื่อถึงตรงทางโค้งพวกเขาก็รับหาช่องทางเพื่อซ่อนตัวทันที
คยูฮยอนหันซ้ายหันขวาอย่างลนลานและเป็นซีวอนที่คว้าข้อมือของคยูฮยอนให้เข้าไปหลบที่ในห้องที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดและหมุนตัวล็อกให้ประตูล็อกอย่างลนลาน
ปึง
แฮ่ก แฮ่ก
ร่างสูงที่พึงประตูอยู่หอบหายใจแรงอย่างเหนื่อยล้า
ส่วนคยูฮยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ต่างกัน
ร่างโปร่งใช้มือยันเข่าเอาไว้ก่อนจะหอบหายใจจนตัวโยน ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะได้ว่าวิ่งหนีตายเป็นนักวิ่งทีมชาติแบบนี้
ไม่ให้เหนื่อยกันนานกว่านี้
ซีวอนเดินขึ้นบันไดที่มีประมาณสิบขั้นไปและเจอกับที่นั่งสีแดงที่เรียงรายอยู่เต็มโรงกับจอขนาดใหญ่
ก่อนจะรีบหยิบเอาไฟฉายขึ้นมาส่องไปรอบ ๆ จากที่ดูตอนนี้พวกเขาเข้ามาอยู่ในโรงฉายหนังสักโรง
เหมือนจะเป็นโชคดีที่เขาไม่เห็นสิ่งไม่มีชีวิตที่จะลุกขึ้นมาวิ่งไล่กัดเขาเหมือนเมื่อกี้
ซีวอนเลยถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน
คยูฮยอนเห็นท่าทางซีวอนที่ดูจะไม่สนใจสักนิดว่ามีเขาอยู่ในนี้ด้วย
ขอบใจกันสักคำก็ไม่มีเนอะคนเรา ไม่น่าเข้าไปช่วยแม่งเลยให้ตายเหอะ
คยูฮยอนพ่นลมออกมาอย่างหัวเสีย
ก่อนจะเดินไปที่ที่หนังเบาะที่ใกล้ที่สุดซึ่งมันคือเบาะที่แพงที่สุดซึ่งคยูฮยอนไม่เคยคิดจะเสียตังจำนวนมากเพื่อมานั่งตรงนี้หรอก
พรึ่บ
ทันทีที่ก้นสัมผัสเบาะกำมะหยี่สีแดงคยูฮยอนก็หลับตาลงและพ่นลมออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนไม่ต่างจากซีวอน
เขาเหนื่อยฉิบหาย ชีวิตนี้ทำไมต้องมาวิ่งหนีตายขนาดนี้ โลกใบนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น
หรือพระเจ้าจะอยากให้พวกเราออกกำลังกายกัน จริง ๆ บอกกันดี ๆ
ก็ได้ไม่เห็นต้องมาสร้างตัวอะไรก็ไม่รู้มาวิ่งไล่กันเลย
โครกคราก
อ่ะแนะ อย่าคิดว่าครั้งนี้มันจะเป็นเสียงท้องร้องของคยูฮยอน
อย่าลืมว่าเพิ่งกินฮอตด็อกไป(แถมทำอีกครึ่งนึงตกพื้นไปแล้วด้วย)
“มึงหยุดเสียงนั่นสักทีเถอะ”
คุ้น ๆ ประโยคนี้ไหม แต่คนพูดมันสลับกันเท่านั้นเอง
ถึงแม้ที่นี่มันจะมืดมากแค่เพราะแสงไฟฉายที่อยู่ในมือซีวอนทำให้คยูฮยอนเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่หงุดหงิดเพราะคำพูดของเขา
แต่คยูฮยอนก็ไม่คิดจะกลัวมันหรอกนะ “ใครกันน้าเคยพูดประโยคนี้”
“หุบปากไปเลย”
“อื้อหือ
ใครว่ะไปช่วยมึงไว้เมื่อกี้ ใครว่ะ” ว่าจะไม่ละนะ
แต่ดูคำพูดคำจาพี่แกแล้วอดไม่ได้ที่จะทวงบุญคุณ ปากอย่างนี้ไม่น่าตายดี
“หมา”
ฉึก
ไม่
ไม่ใช่เสียงมีดปักตัวตัวกินคนที่ไหน เสียงเส้นประสาทของคยูฮยอนเนี่ยแหละที่มันขาด
“คนเรา
โตกว่าซะเปล่ากลับพูดแค่คำว่าขอบคุณไม่เป็น”
ว่าอย่างประชดก่อนจะหยิบเอาป๊อปคอร์นที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของตัวเองออกมาพร้อมจับมันเข้าปากอย่างหงุดหงิด
ฮอตด็อกก็กินยังไม่หมดต้องปล่อยมันออกจากปากไปก่อน หงุดหงิด โมโหหิว โมโหคน
ฮ้วย
“รู้ว่ากูโตกว่าก็หัดเรียกให้มันดี
ๆ” เสียงที่ดังมาจากอีกด้านไม่ได้ทำให้เด็กมหา’ลัยที่ตอนนี้กำลังอารมณ์เสียได้ที่หันไปสนใจหรอก
มือเรียวยังคงกำป๊อปคอร์นและส่งเข้าปากอย่างต่อเนื่องเออดีมือก็ยังไม่ได้ล้าง
แต่ไม่เป็นไร
ไม่ได้เอาไปเลอะเลือดพวกเวรนั่นที่ไหนเพราะตอนทำแผลพี่หมอเขาล้างให้แล้ว
อย่างมากก็จับโน้นจับโน้นนี่เช่นเครื่องขายน้ำกระป๋อง
“แล้วคนโตกว่าทำตัวน่าเคารพไหมล่ะ
เจอกันครั้งแรกก็เอาเท้าเหยียบหลังกันไม่พอยังเอาปืนจ่อหัวอีก แถมพอช่วยก็ไม่มีอ่ะขอบคุณ”
ตัดพ้อออกมาลอย ๆ ด้วยเสียงประชดประชัน ถ้าหูเขายังไม่บอดเพราะเสียงกร๊าซ ๆ
ของไปพวกเวรนั่นคยูฮยอนได้ยินเสียงมันกัดฟันหรอด ๆ ด้วยล่ะ เหอะ ฟอร์มจัด
โครก
เสียงท้องร้องของอีกฝ่ายยังคงดังมาเรื่อย
ๆ ยิ่งกลิ่นป๊อปคอร์นนิ่ม ๆ ที่คยูฮยอนกำลังส่งเข้าปากมันโชยขนาดนี้แน่นอนมันเรียกน้ำย่อยคนหิวได้
เด็กมหา’ลัยคิดได้ยังนั้นก็ไม่มีมารยาทในการรับประทานอาหารทันที
เคี้ยวเสียงดังแจ่บ ๆ อย่างไร้มารยาท
นี่ถ้าแม่เขาอยู่ด้วยคยูฮยอนโดนเตะปากแตกไปแล้ว
โครก
“เวลาหิวนี่มันทรมานเนอะ”
“...-_-”
“ขนมก็มีเย๊อะเยอะ
คงจะกินได้ไปอีกหลายวัน”
“...-_-”
“แจ่บ ๆ
ป๊อปคอร์นนี่มันอร่อยจริง ๆ -)o(-”
“มึงหุบปากเดี๋ยวนี้เลยไอเด็กเวร”
นั่นหันมาชี้หน้าไม่พอยังทำหน้าหาเรื่องเขาอีกต่างหาก
มืออีกข้างก็กุมท้องไว้อย่างทรมาน จะฟอร์มจัดไปไหนพี่ จริง ๆ คยูฮยอนก็ไม่ได้จะใจร้ายขนาดจะทรมานคนหิวหรอก
นี่ก็รออยู่คำเดียวอ่ะ ขอบคุณและขอโทษอ่ะ ไม่รู้จักหรือไงว่ะ ?
“มึงแม่งไม่ได้เรียนหนังสือมาแน่เลยว่ะ”
“อะไรของมึง”
“ถ้าเรียนมาเขาต้องสอนมาดิ
คำว่าขอบคุณกับขอโทษอ่ะ”
“งั้นมหาลัยมึงก็คงแย่มากเพราะนักศึกษาแม่งไม่มีสัมมาคารวะกับคนอายุมากกว่า”
“แม่งมึงทำตัวน่าเคารพมากมั้ยล่ะคนแก่”
“อยากทำหน้าอ้อนตีนนักทำไมล่ะเด็กเปรต”
เปรี๊ยะ
เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
คยูฮยอนจ้องหน้าซีวอนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ต่อจากตน(มันเดินมานั่งตอนไหนว่ะ)ซึ่งคนมีอายุมากกว่าก็ไม่ยอมคนอายุน้อยกว่าเหมือนกัน
เอาเส้ เล่นเกมจ้องตาไปงี้แหละ ใครขยับก่อนแพ้ มาดิมา
บอกเลยว่าได้จ้องกันเป็นวัน
ไอแก่นี่ไม่มีทางยอมเขาหรอก -_-
“ขอบคุณที่ช่วย”
เห็นไหมล่ะ
.....
…
..
ห้ะ อะไรนะ
“แล้วก็ขอโทษที่ใจร้ายกับมึงก่อนหน้านี้”
เหยดเข้
แม่งพูดแล้วก็หลบตาไปทางอื่นเฉยเลยอ่ะ
โอ้มายกู้ดเนส
สีหน้าไอแก่ตอนนี้คยูฮยอนว่าถ้าแสงจากไฟฉายมันชัดกว่านี้เขาคิดว่าหน้าต้องแดงอยู่เพราะอายที่ต้องยอมเขาแน่
ๆ แต่คิดว่าต่อให้สว่างแค่ไหนก็คงมองไม่เห็นสีแดงเพราะแม่งดำ (แซะ)
คยูฮยอนหุบยิ้มไม่อยู่แล้วอ่ะ
อยากจะขำก็ขำนะที่เห็นพี่แม่งอาย แต่ก็สงสารอ่ะ
ดูดิขนาดตอนอายท้องยังร้องโครกครากดังลั่นจนอยากล้ออีกรอบ
แต่พอเหอะสงสารเดี๋ยวน้ำย่อยกัดกระเพาะจนพรุนซะก่อน
คยูฮยอนจัดการรวบถุงป๊อปคอร์นในมือก่อนจะเอากระเป๋าสะพายหลังและเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง
ๆ ไอแก่ปากหมาที่ตอนนี้หันหน้าหนีเขาแทบมุดโซฟาแล้ว
พรึ่บ
“อะไรของมึง”
“เอ้า หิวไม่ใช่หรอ
นี่ไงมาให้อาหารแล้ว” ว่าแล้วก็วางเป้ไว้ตรงกลางระหว่างตัวเองและอีกคน
ก่อนจะเปิดมันออก โดนมีสายตาซีวอนตวัดมองค้อน ๆ
“กูไม่ใช่หมา”
“อ่าวหรอ
ไม่บอกนี่ไม่รู้”
“มึง...”
“โอ๊ยยยไม่เอาพอ ๆ เถียงกับพี่แล้วเหนื่อยว่ะ
แดกครับแดก” คยูฮยอนแสร้งทำโวยวายก่อนจะหยิบขนมออกมาห่อนึงแล้วใส่มือซีวอนหน้าตาเฉย
นี่ฝ่ายนี้ก็ยอมแล้วเหมือนกันนะ เห็นมั้ยมีคำว่าพี่ให้แล้ว ซาบซึ้งซะ
คยูฮยอนไม่มองอีกคนอีกต่อไป
เขาจัดการกับป๊อปคอร์นเหนียว ๆ เหี่ยว ๆ ในถุงที่ตัวเองกำลังกินอยู่ให้หมด
ตอนนี้รสชีสของป๊อปคอร์นค่อนข้างติดลบ แต่ก็ช่างเถอะ มีให้กินก็ดีเท่าไหร่แล้ว
จะว่าไปก็ยังไม่ได้ยินเสียงเคี้ยวของคนข้าง ๆ
พอหันไปหาก็เห็นพี่มันนั่งจ้องถุงขนมที่คยูฮยอนเพิ่งยัดเยียดให้เมื่อกี้ด้วยสีหน้าเซ็ง
ๆ ก่อนจะฉีกซองขนมและกรอกมันเข้าปาก อ้อ ลืมไปมือพี่มันเลอะอยู่สินะ
“แสนรู้จังเลยซีวอนคุง~”
“ระวังปากมึงจะไม่ได้แดกข้าวไปหลายวันนะ แล้วรู้จักชื่อกูด้วย ?”
“หูผมไม่ได้หนวกเหมือนคนแก่แถวนี้ที่ทำเป็นไม่ได้ยินชื่อคนอื่นตอนเขาแนะนำตัว”
สรุปมึงจะสุภาพหรือจะหยายคายกับกูว่ะไอเด็กเปรตนี่ -_- ซีวอนมองคยูฮยอนอย่างหมั่นไส้อยากจะตบกะบาล
ถึงแม้มันจะมีคำนำหน้าชื่อเขาว่าพี่แล้วก็เถอะ แต่ดูสรรพนามดูคำพูดคำจาแม่งก็ยังอ้อนตีนเหมือนเดิม
“กูไม่ได้หูหนวก”
“งั้นบอกชื่อผมมาดิ
ตอนนั้นแนะนำตัวให้ไอเตี้ยฟังดังลั่นเลยนะจำได้ความจำดี”
คยูฮยอนพูดพลางยักคิ้วใส่คนอายุมากกว่าอย่างท้าทาย
ซีวอนชักสีหน้าก่อนจะพึมพำอะไรออกมาอย่างไม่มั่นใจ
“คยู...คยู...อ้วน...
ไออ้วน”
“ห้ะ”
“กูจะเรียกมึงอย่างนี้แหละ”
พ่อ -มึงงงงงงง
คยูฮยอนอยากจะเอาหัวโขกพื้น
นี่เขาดูอ้วนตรงไหนว่ะ
หุ่นนี้อย่างกับมักเน่ที่เป็นเมนร้องวงซุปเปอร์จูเนียร์ตอนอัลบั้มบานาน่า(โบนามานาพอ)
แล้วไอนี่มาหาว่าเขาอ้วนอย่างนั้นเร๊อะ ! นอกจากมึงยังแก่แล้วสายตามึงยังไม่ดีอีกสินะ
แนะนำให้มึงไปตัดแว่น ร้านของพี่ช็อตฟิงเกอร์วงเอสเจนะ
บอกเลยว่าแว่นโคตรแพงแถมแม่งยังมีหน้ามาไล่ให้ไปกินกาแฟร้านมันแก้ช้ำไตอีก
บอกเลยว่าโคตรเจ็บปวด (Tie-in ทุกบรรทัด)
“เห้ยพี่ ถามหน่อยนะ
หนังหุ้มกระดูกอย่างกูเนี่ยส่วนไหนเรียกอ้วน” เรื่องนี้ยอมไม่ได้ต่อให้เขาจะได้ยินคำ
ๆ นี้มาหลายครั้งต่อวัน แต่ก็ไม่มีทางจะยอมรับคำพูดที่แสนโหดร้ายนี่หรอก
นั่น...
และพี่มันหันมามองหน้าอย่างเหนื่อย ๆ ไม่พอแม่งยังมีหน้าเอานิ้วมาชี้หน้าเขาอีก
เห้ยมึง อย่ามาหาเรื่องได้ไหม นี่เรื่องซีเรียสระดับโลก
“ตรงนี้”
“...”
“บวมจนแทบจะปริอยู่แล้ว”
อห...
กูนี่อึ้งเลย
ร่างโปร่งที่ทำหน้าหงุดหงิดเพราะถูกกล่าวหาในความเป็นจริงแล้วยอมรับไม่ได้ในตอนแรกตอนนี้นิ่งสนิทเมื่อพี่มันเอานิ้วของมันมาจิ้มแก้มเขาสองสามทีแล้วเปลี่ยนเป็นยืดเข้ายืดออกอย่างเมามันส์
เห้ย มึง นี่แก้มไม่ใช่ขนมโมจิอย่ามายืดเล่น คนเขามีพ่อมีแม่
ประเด็นคือพี่ซีวอนแม่งยิ้มด้วยอ่ะตอนที่เห็นสีหน้าเอ๋อ
ๆ ของเขา เห้ยแม่งงงง
โคตรหล่อ
ไม่ดิ
คยูฮยอนการยิ้มกลับปล่อยให้เขากระทำชำเรากับแก้มมึงไม่ใช่สิ่งที่มึงควรทำ ยูโนว์
“เจ็บบบบ”
เมื่อตั้งสติได้ก็รีบปัดมือพี่แม่งออกไปทันทีก่อนจะลูบแก้มตัวเองปอย ๆ โอ้โห
ยืดที่นี่หน้าเหี่ยวไปประมาณสิบปี
มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานอย่าปล่อยให้ใครหน้าไหนมายืดแก้มตัวเองเล่น แม้กระทั่งแฟน
บอกเลยว่าแรก ๆ
มันอาจเคลิ้มแต่พอหลับไปส่องที่บ้านจะรู้ถึงความเหี่ยวขึ้นของใบหน้าประมาณยี่สิบเปอร์เซ็น
ฟัคคคค
กูไม่น่าเคลิ้มกับรอยยิ้มพี่มัน
“ไออ้วน”
“อ้วนเชี่ยไร
เขาเรียกคนมีแก้ม บ้านมีตังเลี้ยงดี ยูโนว์”
“อ้อเหรอ”
เกลียด
“มึงก็รีบ ๆ
กินเข้าไปได้แล้วพี่ซีวอน แล้วเพื่อนมึงหายไปไหนหมด ทำไมมาอยู่คนเดียวให้โดนยำตีนเล่นแบบนี้”
คยูฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะยัดเอาป๊อปคอร์นกำสุดท้ายเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ
อย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็แอบสงสัยไม่ได้ ทำไมแก๊งสามสหายถึงเหลือแค่ซีวอนคนเดียว
ที่เหลือไปไหนกันหมด ตายห่ากันหมดแล้วหรือยังไง
“แยกกันแล้ว”
“น่าน กูว่าแล้ว
ปากไม่ดีอย่างพี่แม่งต้องไม่มีใครคบ...โอ๊ย! ตีหัวผมทำไม!”
“หยุดถากถางกูสักนาทีจะตายใช่มั้ย”
ซีวอนที่โบกเต็มแรงใส่หัวไอเด็กเวรที่แม่งถากางเขาตลอดเวลาไปทีนึง
บอกเลยว่าไม่มีการออมแรงผลลัพธ์ที่ได้คือไอเด็กนี่โวยวายเป็นตุ๊ดโดนตบ “โดนรุมเลยต้องแยกกัน
ตอนนี้ก็คงลงไปข้างล่างกันหมดแล้ว ไม่รู้หนีออกไปกันหรือยัง”
“โดนทิ้งอ่ะดิ”
“ไม่ได้โดนทิ้ง”
“โหย
อยู่กันแค่สองคนยังมาทำฟอร์มจัด ยอมทิ้งก็ยอมรับว่าโดนทิ้งดิ”
“เพื่อนกูไม่ใช่คนแบบนั้น”
“...”
“อย่างน้อยกูก็มั่นใจว่าเยซองกำลังทำทุกวีถีทางที่จะกลับมาช่วยกู”
เยดเป็ด
ทำกูรู้สึกผิดเลย
ไม่น่าปากหมาไปล้อพี่เขามาก
คยูฮยอนกรอกตาไปมาอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อซีวอนพูดกับเขาด้วยความจริงจัง เอออออ
กูรู้แล้วว่าพวกมึงรักกันมาก ไม่ต้องมาทำหน้าจริงจังใส่ นี่ก็รู้สึกผิดแล้ว
ไม่ต้องมาตอกย้ำได้มั้ย เดี๋ยวปั๊ดเอาขนมยัดปาก
“แล้ว...แล้วคนที่ตามหาอ่ะ
เจอยัง” เมื่อเกิดเดดแอร์คยูฮยอนก็ทำลายมันอีกครั้ง ไหน ๆ
พี่แม่งก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเขาแล้วก็ไม่รู้จะเงียบใส่กันทำไม
อีกอย่างในโรงหนังนี่โคตรมืด ไม่ได้กลัวผีนะ
แต่ไม่อยากสร้างบรรยากาศกลัวคนอ่านคิดว่าตอนนี้อ่านฟิคเฮอเหลอ(horror)อยู่
“ยัง”
อืม
เงียบ
“ทำไมไม่เจออ่ะ
ก็วิ่งทั่วแล้วไม่ใช่หรอ” ไม่หรอก คุณโจวไม่ยอมแพ้หรอก
“ไม่”
...
พี่มึงอย่ามาถามคำตอบได้ป่ะ
รู้ว่าเมื่อกี้ปากหมาไปแต่นี่คนเขาพยายามชวนคุยก็ควรจะคุยตอบป่ะ
“เอาน่าพี่ซีวอน
เดี๋ยวมึงก็เจอกูยังเจอเลย ตั้งสองคนแหนะ”
“เออ”
แม่ง...
มึงอย่ามาเข้าโหมดดราม่าได้ม่ะ
กูไม่ได้ตั้งใจพูดให้สะกิดใจดำ ยูโนว์
ตอนนี้พี่แม่งนั่งเงียบแล้วเอาเลย์เข้าปากเคี้ยวนิ่ง ๆ
พร้อมทั้งเหม่อมองไปยังความมืดด้านหน้าอย่างกับพระเอกเอ็มวี ติดอย่างเดียวเนื้อตัวแม่งมอมแมมอย่างกับหมาไปวิ่งฝ่ากับระเบิดมา
“จะว่าไปคนที่กูเจอนี่เขาก็ตามหาคนเหมือนกันนะ
แปลกเนอะคนเราที่ตอนปกติไม่ยักกะอยู่ด้วยกัน
พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตามหากันให้วุ่นเป็นว่าเล่น”
“...” เออ
เงียบเข้าไป กูพูดคนเดียวกะได้ แม่ง
“คนผู้ชายเขาเป็นหมอแหละ
โคตรใจดี ส่วนคนผู้หญิงนี่ต่างกันลิบลับ
เจอกันครั้งแรกก็เอาปืนจ่อเหมือนมึงอย่างนี้เลย” ว่าแล้วก็ทำท่าทางประกอบโดยทำมือเป็นรูปปืนไปจี้ที่ไหล่ซีวอน
ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ซีวอนหันมาสนใจแต่อย่างใด เอออ เมินกูเข้าไปนะ ได้พี่มึง
เดี๋ยวรู้เรื่อง
“รู้สึกว่าเขาจะเป็นคนจีนนะ
ชื่อนี่จีนจ๋าเลย”
“...”
“ฮันเกิงกับหลิวเหวินนี่คนจีนปะวะพี่ซีวอน
...เฮ้ย!!!”
“มึงว่าไงนะ ! ”
จู่ ๆ
พี่แม่งก็ทิ้งขนมเลย์ที่ถืออยู่แล้วมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาแถมยังบีบแน่นจนคยูฮยอนหน้านิ่ว
เท่านั้นไม่พอมึงยังมาตะโกนเสียงดังใส่อีก
กลัวพวกตัวกินคนมันไม่รู้หรือไงว่าแอบกันอยู่อ่ะ แม่ง
“เจ็บนะเว่ย”
“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ”
“เจ็บไง”
“กูไม่เล่น”
เออหน้าตาแม่งไม่เล่นจริง โกรธอย่างกับจะแดกกูเข้าไปแล้ว
“มึงบอกว่าเจอกับคนชื่อฮันเกิงกันหลิวเหวินใช่ไหม”
“เออ
ก็ได้ยินนี่แล้วจะถามซ้ำทำ... เฮ้ย พี่ซีวอน มึงจะไปไหน ?”
คยูฮยอนถามด้วยความสงสัยเมื่อจู่ ๆ
ซีวอนก็สะพายเป้ของตัวเองขึ้นบ่าแล้วทำท่าจะออกไปทางที่พวกเขาเข้ามา เฮ้ย มึงเดี๋ยวดิ
อะไรเข้าสิงมึงอีกว่ะ “เดี๋ยวดิพี่ซีวอนรอด้วย”
“มึงบอกว่ามึงเจอหลิวเหวินที่ไหนนะ”
“อะไรของมึงวะพี่...”
“กูถามก็ตอบ!”
“ชั้น..ชั้นล่าง
เลยล็อบบี้ไปตรงโซนที่นั่ง” ซีวอนไม่ได้ตอบอะไรเขาก่อนจะกระชากประตูแล้วเดินออกไปโดยไม่มองซ้ายขวาว่าปลอดภัยหรือเปล่า
จนคยูฮยอนที่วิ่งตามออกมามองตามอย่างไม่เข้าใจ พี่แม่งเป็นอะไรอีกว่ะ
บรรยากาศมันเหมือนกับตอนที่เจอกันตอนแรกไม่มีผิด
“พี่ซีวอน...
เดี๋ยวดิ มึงจะไปไหนเนี่ย!” คยูฮยอนเรียกซีวอนก่อนจะวิ่งไปจับแขนพี่มันที่เดินนำหน้าไปไม่รอเขาเลย
เป็นบ้าอะไรของมันอีก เดี๋ยวผีเข้าผีออก คยูฮยอนตามไม่ทันแล้วนะเนี่ย “หยุด!
มึงเป็นอะไรอีกเนี่ย”
“ปล่อยกู”
“เออไม่อยากจับหรอก
แต่เป็นอะไรของมึง ? จู่ ๆ
ก็พรวดพราดออกมาไม่ดูทางมึงคิดว่าตัวเองมีเก้าชีวิตหรือไง” ว่าจะไม่โวยวายแล้ว
แต่ก็งงอาการของพี่มัน คยูฮยอนคิดว่าจะคุยกับพี่มันดี ๆ ได้แล้ว แต่นี่เป็นอะไรอีก
ทำไมถึงทำสายตารังเกียจคนทั้งโลกเหมือนตอนเจอเขาครั้งแรกไม่มีผิด
“ปล่อย กูจะไปตามหาคนของกู
ส่วนมึง...” คยูฮยอนไม่เข้าใจเลยว่าสายตาของคนที่เพิ่งยิ้มให้เขาเมื่อกี้มันเปลี่ยนกลับไปเป็นแข็งกร้าวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“...”
อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนที่เขาเอ่ยชื่อของเธอออกมา...
“จะไปไหนก็ไป”
ทำไมคยูฮยอนรู้สึกเหมือนโดนมัดแล้วทิ้งไว้ที่ล็อบบี้อีกครั้งเลยว่ะ
.
.
ฉึก!
มีดปักผลไม้ด้ามเล็กถูกปักเข้าที่หัวของตัวกินคนที่นอนส่งเสียงโวยวายอยู่ที่พื้นจนคนที่เดินผ่านนึกรำคาญ
จะเดินผ่านไปเฉย ๆ ก็กระไรอยู่ ช่วยสงเคราะห์ให้มันหุบปากคงได้บุญไม่ใช่น้อย
นึกอย่างนั้นแล้วทงเฮก็หยิบเอามีดปลอกผลไม้ที่ยึดมาได้จากเด็กตัวขาวเสียบเข้าที่ขมับมันช้า
ๆ แต่หากก็สามารถหุบปากที่ส่งเสียงร้องน่ารำคาญนั่นได้
“สัพเพสัตตานะมึงนะ”
“มันไม่ได้ทำให้มึงได้บุญหรอกนะทงเฮ”
“กูอุตส่าห์ช่วยสงเคราะห์มันเลยนะโว่ย
จะได้ไม่ทรมานแงะ”
“ถ้ามีเวลามาคิดอะไรแบบนี้
ทำไมไม่ไปหาวิธีให้ตัวเองสูงขึ้น”
“กูเกลียดมึงว่ะสั้น”
เอามีดที่เปื้อนเลือดชี้หน้าเพื่อนร่วมทางก่อนจะเอาไปป้ายที่เสื้อผ้าของศพที่ตัวเองเพิ่งปลิดชีพไปเพื่อทำความสะอาด
ทงเฮชอบตอนที่มันทำตัวนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จาตอนแรกมากกว่า แหม
พอมีเงินจ่ายค่าตัวกับคนแต่งมึงก็เริ่มเลยนะ กวนตีนไม่ต่างจากไปเด็กโข่งนั่นเลย
คิดไปแล้วก็สงสาร
ป่านนี้แม่งจะเป็นไงบ้างว่ะ
“ว่าจะถามมึงตั้งนานแล้ว
เกิดพิศวาสอะไรเอากระเป๋าผู้หญิงมาห้อย หรือมันเป็นสิ่งที่มึงอยากทำมานานแล้ว”
ถามพลางพยักเพยิดไปทางกระเป๋าเปื้อนเลือดใบหรูที่เยซองสะพายอยู่
และนั่น...แม่งเดินเข้ามาตบหัวเขาดังป้าบ เดี๋ยวมึงเดี๋ยวไอสั้น
เดี๋ยวมึงไม่ได้ตายดี
“บอกแล้วไงถ้ามีเวลามาคิดอะไรแบบนี้ทำไมไม่ไปคิดวิธีทำให้ตัวเองสูง”
“หูยยยย
มึงสูงกว่ากูมากดิ”
“ไม่อ่ะ
แต่น้ำหน้าอย่างมึงควรจะสูงกว่านี้ไม่ใช่เอาแค่ล่ำอย่างเดียว”
มันคือคำด่าหรือเปล่าว่ะ... ทงเฮขมวดคิ้วเพื่อประมวลผลคำพูดของเยซอง จนคนด่านึกขำ
“นี่กระเป๋าหลิวเหวิน แฟนซีวอนมัน”
“อ่าว
แล้วมึงเอากระเป๋าแฟนมันมาห้อยทำไม ช่ะ ๆ ”
“กูเจอ
นี่มึงช่วยมีสาระสักบรรทัดได้มั้ย มันเปลือง”
สัด
กูไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้ไหมล่ะ เขาให้บทกูมาแบบนี้ให้กูทำไง
“แล้วตัวแฟนมันล่ะ”
“ไม่เจอ”
“อ่าว”
“เออ”
จบบทสนทนา
ทงเฮมองกระเป๋าใบสีขาวที่เปื้อนเลือดอยู่อย่างคิดไม่ตก
กระเป๋าสีขาวใบหรูที่แทบจะอาบเลือดแบบนี้จะให้จินตนาการถึงเจ้าของกระเป๋ายังไงดีว่ะ
ยังอยู่ดีมีสุขเดินลั้ลลาเอาปืนจ่อหัวตัวกินคนแล้วหัวเราะอย่างนั้นหรอ(เออ)
ไม่ว่าใครก็ต้องคิดไปทางด้านลบกันแล้วทั้งนั้น
“มึงคิดว่าไงว่ะ
แฟนมันยังรอดป่ะ”
“เอาตามที่กูคิดหรือที่ไอซีวอนมโน”
“ตามมึงคิด”
“70-30”
“ขอความหมายของสัดส่วนที่มึงแบ่งด้วยสหาย”
“30ตาย
70เป็นแบบไอพวกห่านั้น”
“ไม่มีคำว่ารอดในหัวมึงเลยสินะ”
ทงเฮสรุปบทสนทนา เป็นเขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
เท่าที่เห็นศพแม่งก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ก็นั่นน่ะสินะ แค่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปหนีทันได้ยังไง
ยกเว้นแต่ว่าแฟนมันจะเป็นนักกีฬาเหรียญทองหรือไม่ก็มีร่างกายที่บึกบึนเท่านั้นแหละถึงจะหนีตายทัน(ไม่ใช่ทั้งสองอย่างแหละเอ็ง)
ตอนนี้พวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองอีกครั้งแต่ยังไม่ได้เดินเข้าไปข้างในเพราะทงเฮคิดว่าควรเดินสำรวจอะไรมาใช้เป็นอาวุธได้ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
ตอนนี้กระสุนก็เหลือกันแบบกระปริบประปอย
เพราะกระสุนทั้งหมดอยู่กับซีวอนทั้งหมดและจากที่ได้ยินเสียงปืน
คิดว่ากระสุนแม่งคงหมดแล้วเช่นกัน สรุปคือตอนนี้หาอะไรมาถือไว้ในมือได้ก็เอามาเถอะ
“ข้างนอกนั่นยังเยอะอยู่เลยว่ะ”
ทงเฮพูดพร้อมกับมองไปด้านนอกผ่านกระจกมุมหนึ่งของโรงหนังชั้นสอง
ข้างล่างนั่นยังเต็มไปด้วยตัวกินคนที่เดินกระจัดกระจาย
ดีที่มันไม่ได้รวมกลุ่มชุมนุมกันเหมือนก่อนที่เขาจะเข้ามาที่นี่แล้ว
บอกเลยว่าสภาพนั้นแม่งสะเทือนใจ อย่างกับจะมาประท้วง
ปัง ๆ ๆ !!
เสียงปืนที่ดังขึ้นมาทำให้ทงเฮสะดุ้งและหันมามองหน้าเยซองอัตโนมัติ
มันไม่ใช่เสียงปืนจากข้างใน แต่มาจากทางด้านนอก
พวกตัวกินคนที่เดินกระจัดกระจายในตอนแรกตัวนี้เริ่มวิ่งไปทางด้านขวาซึ่งทงเฮคิดว่านั่นคือที่มาของเสียงปืน
ผู้หญิง ?
ผู้หญิงที่สูงใช่ย่อยทำกำลังหันหลังชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่สะพายกระเป๋าคล้าย
ๆ กระเป๋าหมอที่เขาเห็นพวกหมอสะพายกันบ่อย ๆ
ใช้มือจับปืนทั้งสองมือและยิงพวกตัวกินคนที่รุมเข้ามารอบด้านอย่างแม่นยำ
หนึ่งตัวหนึ่งนัด เยดเด้โหดสัด นี่มันนักแม่นปืนชัด ๆ
“เห้ยเยซอง
มึงมาดูนี่ดิ” กวักมือเรียกเยซองมาดูด้วย ดูเหมือนสองคนนั้นจะเล็งรถสักคันที่จอดอยู่เรียงรายด้านล่าง
ซึ่งก็ใช่ ผู้ชายที่สะพายกระเป๋าหมอยิงคุ้มกันให้ผู้หญิงวิ่งไปที่รถที่ใกล้ที่สุด
“อะไรวะ...เฮ้ย!”
เยซองที่เหมือนจะระแวงเสียงปืนอยู่เดินมาดูเพราะเสียงเรียกของทงเฮ
ก่อนจะเบิกตากว้างและเกาะติดกระจกอย่างตกใจ
“เป็นอะไรของมึง
นั่นญาติมึงหรือไง”
“หลิวเหวิน”
“ห้ะ”
“นั่นหลิวเหวิน
แฟนซีวอน”
เชดเป็ด
“เอายังไง
คนที่มาตามหากำลังจะไปแล้วเนี่ย” ทงเฮเลิกคิ้วถามเยซอง
อึ้งอยู่เหมือนกันว่าแฟนแม่งแมนกว่าที่คิด โหดเหมือนซีวอนมันไม่มีผิด
“ยังรอดมันก็ดีหรอก
แต่นี่...”
“วิ่ง!!!”
“อะไรของมึงทงเฮ”
“กูไม่ได้พูด”
“เยซอง! ทงเฮ! วิ่ง!!!!!”
เสียงที่ตะโกนดังมาจากทางด้านหนึ่งทำให้คนที่มองหน้ากันอยู่รู้ว่าไม่ได้มีใครพูด
มันมีบุคคลที่สามต่างหาก
“ซีวอน มึง..!”
“โอ้ย
พวกมึงสองคนอย่าเพิ่งมาซาบซึ้ง เดี๋ยวรอดไปได้กูร้องเพลง see you again ให้ฟังเลย
ตอนนี้มึงใส่เกียร์ก่อน วิ่ง!!” และมีอีกเสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านหลังซีวอนอีกที
“ไอเด็กเวร!!”
“เอออกูเอง
มึงรีบวิ่งมั้ย ญาติมึงตามหลังมาเต็มเลยเห็นมั้ย ?!” ตามนั้น...
พอมองผ่าหลังคยูฮยอนไปอีกทีนี่รู้เรื่องเลย
ว่าแล้วทำไมวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนแบบนั้น นี่พวกมึงมาหาแบบปกติได้ไหม
ทำไมต้องเรียกญาติมาด้วย ตอบ
ไม่ต้องรอให้ตะโกนใส่กันอีกรอบ
ทั้งสี่คนรีบใส่เกียร์หมาวิ่งลงบันไดเลื่อนทันที ไม่ดิ
เรียกว่าแทบจะกระโดดลงดีกว่า
ซีวอนและเยซองวิ่งนำไปแล้วก่อนจะตามด้วยทงเฮและคยูฮยอนที่วิ่งตามมา
พร้อมกับพวกตัวกินคนอีกเป็นพรวนที่ได้มาจากการที่ซีวอนไปเปิดประตูบันไดหนีไฟอีกด้านเพื่อหาทางลงไปด้านนอก
แล้วไงล่ะมึง
รู้เรื่องเลย
“ข้างนอกแม่งก็มีว่ะ
เอาไงกัปตัน” ทงเฮถามคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเสียงหอบ ถึงจะเว้นระยะห่างมาได้แล้ว
แต่ถ้าใครสะดุดอากาศล้มนี่มึงรู้เรื่องเลยนะ โดนรุมยำไข่ดาวแน่นอน
“วิ่งออกไปเลย”
“ห้ะ มึงว่าไงนะ”
“วิ่งออกไป”
ว้อท – เดอะ -
ฟ้าคคคคค
“มึงได้ยินเสียงปืนจากด้านนอกก็ใช่ว่าจะเป็นคุณหลิวเหวินนะพี่ซีวอน”
เอ้าล่ะนั้น เด็กตัวขาวข้าง ๆ ทงเฮก็เข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนาด้วย แล้วอะไรนะ สรรพนามที่ใช้เรียกทำไมมันกลายเป็นแบบนั้นได้ว่ะ
พี่ซีวอน ? โอ้โห ย้อนกลับไปอ่านไหมว่าตอนเจอกันเมื่อกี้แม่งเรียกเขาว่าอะไร
“ซีวอน
เสียงปืนเมื่อกี้ของหลิวเหวิน แต่ตอนนี้กำลังหารถออกไปจากที่นี่แล้ว”
เป็นเยซองที่พูดขึ้นมา
พร้อมกับส่งปืนของตนเองที่ยังไม่ได้ใช่สักนัดให้ซีวอนทั้งยังวิ่งอยู่
“เชี่ย!”
ร่างสูงสบถออกมาก่อนจะหันหลังไปยิงไอตัวที่วิ่งเข้ามาใกล้ที่สุด
โดยเฉียดคยูฮยอนไปเพียงนิดเดียว นี่มึงไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยกูเลยสินะ
จะโดนกูได้งั้นสิ
“ไปเปิดประตู
แล้ววิ่งไปหารถ เดี๋ยวกูยิงคุ้มกันให้” ซีวอนหันไปพูดกับสองคนข้างหลังก่อนจะชะลอความเร็วให้สองคนวิ่งแซงเขาไปแล้วยิงให้พวกตัวกินคนที่วิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย
ๆ
ปัง ๆ ๆ !!
“มึงคิดว่ากระสุนมีล้านนัดหรอว่ะพี่ซีวอน”
“กูว่ากูบอกมึงแล้วนะว่ามึงจะไปไหนก็ไป”
“ก็ใครมันเอาพวกห่านั่นเข้ามาจนต้องหนีตายกันอีกรอบล่ะโว่ยยยย”
วิ่งไปด่าไปนี่แม่งเหนื่อย เอาจริง ๆ ก็จะแยกกับพี่แม่งอย่างที่พูดนั่นแหละ
ใครจะไปอยู่ต่อกับคนที่ไล่ตัวเองว่ะ แต่จะเดินตามไปจนกว่าจะถึงข้างล่างนั่นแหละ
แล้วยังไง ซนไง อยากหาเมียให้เจอเร็ว ๆ ไปเปิดเอาประตูทางหนีไฟ
เอาพวกแม่งที่ออกันอยู่ตรงนั้นเข้ามาเป็นโขลง
ซีวอนจิ๊ปากอย่างขัดใจ
ก่อนจะถีบตัวที่เข้ามาใกล้เข้ามากที่สุดออกไปจนล้ม ก่อนจะใช้เท้ากระทืบหัวมันจนเละ
โอ้โห มึงเท่ห์มากเลย รองเท้าผ้าใบนี่ชุมไปด้วยเลือด เหม็นไปทั้งตีนแน่นอน คยูฮยอนเบ้ใส่คนที่หันไปจัดการกับตัวกินคนทั้งใช้ปืนและร่างกายเช่นถีบและเตะต่อย
โดยมีทงเฮร่วมแจมด้วยเพราะมีปืนเหมือนกัน
“เห๊ย รับ!”
ทงเฮหันมาเรียกคยูฮยอนก่อนจะโยนอะไรบางอย่างมาให้ซึ่งไม่ต้องพิจารณานานก็รู้ว่ามันเป็นมีด
ไอเวร กระโดดหลบแทบไม่ทัน “เปิดประตูแล้วออกไปหารถ เดี๋ยวพวกกูวิ่งออกไป”
“มึงจะให้กูไปด้วยหรอ”
“เอ้าสัด
มาขนาดนี้แล้วมึงไม่ได้มากับพวกกูหรอ ไอห่านี่ก็รุมเข้ามาจังเลย กูไม่ใช่ด็องอปป้ามั้ยล่ะถึงจะหน้าเหมือนก็เถอะ”
หันมาพูดกับเขาทีและหันไปด่าตัวกินคนที ตอนนี้ทงเฮและซีวอนค่อยข้างรับศึกหนักเพราะต้องชะลอความเร็วเพื่อฆ่าพวกตัวกินคนและวิ่งตามพวกเขามาด้วย
“ถามเพื่อนมึงสิว่าอยากให้กูไปด้วยหรือเปล่า...”
“พูดมาก รีบไปหารถ
เร็ว ๆ !!”
ถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อซีวอนพูดออกมาอย่างหงุดหงิดที่ยืนเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง
จะตายห่ากันหมดเพราะคยูฮยอนแม่งเอาแต่ประชดประชันนั่นแหละ คยูฮยอนเก็บมีดที่ทงเฮปามาให้ก่อนจะกำไว้ในมือมั่น
“รับทราบ พี่ใบ้ เปิดประตูเลย”
“อะไรนะ”
“พี่ไง
ก็ไม่ค่อยพูดอ่ะ ก็นึกว่าเป็นใบ้ไปแล้ว”
คยูฮยอนวิ่งตามเยซองมาและบอกให้คนที่ใกล้ถึงประตูที่สุดเปิดมัน
“กูชื่อเยซอง”
“ไม่ใช่เวลาแนะนำตัว รีบไปเปิด” เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมซีวอนมันถึงชิงชังเด็กนี่นัก
แม่งปากอย่างนี้นี่เอง
เยซองควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางเข้าที่ตอนนี้พวกข้างนอกเบาบางกว่าก่อนหน้านี้
แน่ล่ะก็วิ่งตามเสียงปืนของหลิวเหวินไปนี่นะ
ปึง
กร๊าซซซซซซ
ทันทีเลยนะพวกมึง
คยูฮยอนจัดการเจาะกะบาลหนึ่งตัวที่พุ่งเข้ามาหาเขาตรง
ๆ ทันทีที่เปิดประตูก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยมีเยซองตามมาติด ๆ
ร่างโปร่งใช้เท้าถีบอีกตัวที่พุ่งมาทางด้านขวาจนมันล้มก่อนจะตามไปเอามีดปักที่ขมับมันและดึงออกอย่างรวดเร็วเพื่อลุกไปจัดการกับอีกตัวที่เข้ามาทางซ้าย
“พี่ใบ้ ไปหารถ”
“หา ?”
“เออ จะจัดการรอบ
ๆ ให้ ไปหารถ” ตะโกนไปพร้อมกับพุ่งเข้าไปเสียบเสยคางตัวที่พุ่งเข้าไปหาเยซองที่ยืนนิ่ง
ดูจากหน่วยก้านแล้วน่าจะไม่รอด เพราะอย่างนี้ไงคยูฮยอนเลยให้มันไปหารถ
จะว่าไปตอนที่เดินทางมาที่นี่ เยซองก็ไม่ได้ฆ่าพวกมันสักตัวส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือซีวอนเสียมากกว่า
เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนเงียบของกลุ่มไม่ค่อยสันทัดกับการฆ่าพวกมันเสียเท่าไหร่
เยซองผละออกมาจากคยูฮยอนแล้ววิ่งไปหารถคันที่ใกล้ตัวที่สุด
มันคือรถเก๋งสีบลอนซ์ที่ประตูถูกเปิดไว้อ้าซ่า เยซองเข้านั่งที่นั่งคนขับได้ก็ปิดประตูทันทีเพราะมีพวกมันวิ่งตามเขามาทุบประตูรัว
ๆ ได้เห็นหน้าระดับเอชดีแบบนี้ยิ่งสร้างความร้อนรนให้เยซองมากขึ้น
อยู่ไหน
กุญแจอยู่ไหน
“เห้ยพี่ ได้ยังว่ะ?!”
เสียงคยูฮยอนตะโกนมาจากด้านนอกตัวรถซึ่งเขาก็ได้ยินชัดเจน มองไปที่กระจกหน้าที่ไม่มีพวกตัวกินคนก็เห็นคยูฮยอนเปลี่ยนจากการเข้าไปเสียบหัวพวกมันทีละตัวตอนนี้วิ่งหนีตายแล้ว
พวกที่ทุบกระจกรถเขาอยู่เมื่อเห็นเหยื่อที่อยู่ด้านนอกก็ค่อย ๆ
ผละออกไปแล้วเหมือนกัน
บ้าเอ๊ย !
ร่างโปร่งจิ๊ปากอย่างหัวเสีย
ก่อนจะมุดลงไปด้านล้างหมายจะต่อสายตรงเหมือนในหนัง(ซึ่งแม่งคนไม่ได้ทำได้ทันทีหรอก
เขาทำเป็นเสียที่ไหนเล่า ! ) แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเขาอยู่ว่าเขาเจอกุญแจรถตกอยู่ที่เท้าพอดี
เยี่ยม !
บรื๊น
ไม่รอให้ไอเด็กปากดีในชุดนักศึกษาวิ่งหนีพวกตัวกินคนจนหัวซุกหัวซุนไปมากกว่านี้
เยซองรีบสตาร์ทเครื่องและเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดชนพวกเวรทั้งหลายที่ขวางทางอยู่
ตามคยูฮยอนไปเพื่อรับขึ้นรถ จะว่าไปเด็กนั้นก็ดวงแข็งใช่เล่นโดนรุมขนาดนั้นยังรอดได้อีก
นี่ยังไม่นับตอนถูกทิ้งไว้ที่ล็อบบี้นะ คนบ้าอะไรเนี่ย
“ขึ้นมาเร็วเข้า ! ” เปิดกระจกพร้อมตะโกนออกไปก่อนจะขับไปปาดหน้าและรอไม่นานคยูฮยอนได้ใส่เกียร์หมาขึ้นรถมาได้สำเร็จ
เยซองไม่รอช้ารีบเหยียบคันแร่งอีกครั้งเพื่อไปรับตัวพวกซีวอนที่ตอนนี้ยังไม่ออกมาจากด้านใน
ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
“ขับไปจอดตรงหน้าประตูเลย
เดี๋ยวลงไปรับเอง”
“โอเค”
ไม่ต้องเถียงกันให้ตายไปข้างเหมือนซีวอนกับทงเฮ
เยซองรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะขับชนพวกมันทุกตัวที่หมายจะเข้ามาถึงตัวพวกเขา
แต่ตอนนี้เกราะอย่างรถหุ้มอยู่แล้วจะไปกลัวอะไรล่ะ
ไม่ว่าจะเข้ามากี่ตัวเขาก็พร้อมจะชนแม่งให้หมดถึงแม้ว่าตอนนี้กระจกใสจะเต็มไปด้วยคราบเลือดจนแทบมองไม่เห็นทางแล้วก็เถอะ
จำนวนพวกตัวกินคนลดลงไปเยอะอาจจะเพราะคยูฮยอนส่วนหนึ่งที่ตอนวิ่งหนีก็บ้าเลือดปักหัวพวกมันไปด้วย
เยซองเชื่อแล้วว่าเด็กคนนี้มันดวงแข็งจริง ๆ
และอีกส่วนหนึ่งก็คือเยซองขับรถชนแม่งทุกตัวที่ขวางหน้านั่นแหละ
ตอนนี้ด้านหน้าประตูทางเข้ามีบางส่วนที่เริ่มทยอยเข้ามาเพราะเจอเหยื่ออย่างคยูฮยอนที่ลงไปบู๊เดี่ยว
และมีหนึ่งตัวที่ใกล้ที่สุดที่นอนพะงาบอยู่ที่พื้น
แผละ
และได้รองเท้าผ้าใบของคยูฮยอนที่เปิดประตูวิ่งลงไปจากรถเมื่อสักครู่สงเคราะห์จนหัวแบะ
“ซีวอน ! ทงเฮ ! ถ้ายังไม่ตายก็รีบไสหัวออกมาได้แล้ว รถพร้อมแล้ว ! ”
คยูฮยอนไม่ได้เข้าไปด้านในแต่หากคอยใช้มีดกันพวกตัวกินคนที่จะเข้ามาทุกรอบด้านเพื่อกันให้ทั้งสองคนออกมาจากด้านในได้โดยเร็ว
เสียงฝีเท้าเหมือนคนวิ่งนับสิบดังมาจากด้านใน
และไม่นานก็ปรากฏร่างของผู้ชายสองคนที่ถือปืนไม่มีลูกกระสุนเหลือสักนัดออกมาจากสู่ด้านนอก
และพอได้ยินเสียงครางฮือ ๆ
ตามมาจากด้านในก็ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าเสียงฝีเท้านับสิบที่ได้ยินนั่นมาจากใคร
“ได้ข่าวว่าเรียกแค่สองคน
เอาญาติมาด้วยทำไม”
ว่าพลางหมุนตัวไปใช้มีดด้ามเล็กแทงเข้าที่เบ้าตาตัวกินคนที่กำลังเข้าไปหมายจะกัดทงเฮจากทางด้านขวาซึ่งเล่นเอาคนตัวเตี้ยสะดุ้งเพราะเขามัวแต่สนใจไอพวกด้านหลังมากเกินไปจนลืมระวังรอบข้าง
“ขอบใจ”
“เออ รีบใส่เกียร์หมาไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ทงเฮได้แต่ทำปากขมุบขมิบกับเด็กปากดีอย่างคยูฮยอนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถแต่โดยดีโดยมีซีวอนที่จัดการคว้าข้อมือไอเด็กจอมบู๊ที่คิดจะฟันพวกมันอีกตัวที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร ไม่รอให้คยูฮยอนได้ทำอย่างที่ตั้งใจซีวอนนำคยูฮยอนวิ่งแล้วเหวี่ยงให้เจ้าตัวเข้าไปนั่งตรงกลางก่อนจะตามเข้ามาติด ๆ
ปึง !
“เหนื่อยชิบหายยยยยยยยย”
เป็นเสียงทงเฮที่บ่นออกมาดังลั่นทันทีที่ขึ้นรถได้สำเร็จครบทุกคนซึ่งคนสุดท้ายเป็นซีวอนที่นั่งหอบเงียบ
ๆ อยู่ริมประตู
ส่วนคนที่นั่งตรงกลางเป็นคยูฮยอนที่พิงพนักหลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อน
การหอบหายใจแรง ๆ
แบบนี้มันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขายังมีลมหายใจอยู่และรอดมาจากพวกห่านั่นได้
กลัวเหมือนกันนะโว่ยที่ต้องลงไปบู๊เดี่ยวแบบนั้นน่ะ
คยูฮยอนก็แค่เด็กมหาลัยป่ะวะ
เพราะรีบขึ้นรถจึงไม่มีหรอกการแบ่งที่นั่งเป็นสัดส่วนให้นั่งหน้านั่งหลังเหมือนปกติ
นี่ขึ้นรถมาได้โดยรอดพ้นจากมือนรกพวกนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
“เยซอง
ตามหลิวเหลินไป”
“เออกูรู้
แต่มีปัญหาอยู่อย่าง”
“อะไรอีก”
“กูไม่รู้ว่าเธอไปทางไหนและจะไปที่ไหน
โอเค้ ?
กูเจอเขาก่อนมึงประมาณสามวิซึ่งตอนที่เธอขึ้นรถและขับออกไปเรากำลังวิ่งหนีตายกันอยู่ด้านในอยู่เลย
และนี่เวลามันก็ผ่านมาหลายนาทีแล้วต่อให้มึงเป็นหมาก็ตามกลิ่นเธอไม่ได้”
“Shit!!!”
เสียงสบถจากคนข้าง
ๆ ทำเอาคยูฮยอนที่นั่งหอบแฮ่กอยู่ตรงกลางสะดุ้ง โอ๊ยยยยพี่มึงก็ใจเย็น ๆ ไหมล่ะ รู้ว่าเมียยังไม่ตายก็ดีแล้วไหม
จะมาสบถทำซากอะไร นี่เหนื่อยอยู่ นี่ขวัญอ่อน นี่ตกใจง่าย อย่ามาสบถแบบนี้
เดี๋ยวกูถีบตกรถ
“แต่ก็มีของจะให้มึง
ซึ่งก็คิดว่าแม่งคงไม่ช่วยอะไรหรอก”
เยซองว่าพลางใช้มือข้างหนึ่งเอากระเป๋าสะพายเปื้อนเลือดใบหรูออกจากแขนตัวเองและโยนมันให้ซีวอนที่นั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่ที่เบาะหลัง
ซีวอนรับมาอย่างงง ๆ
แต่ก็เจอสายตาของเยซองบอกให้หุบปากแล้วเปิดมันออกมาอย่าให้กูต้องถอดพวงมาลัยไปตีหัวมึง
“ของเมียมึง”
“ของหลิวเหวิน ?”
“เออ”
เยซองไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
สายตาตี่ ๆ นั่นจ้องมองไปยังท้องถนนที่มีศพอยู่ริมทางประปรายจนต้องเหยียบคันเร่งให้ผ่านจากตรงนี้ไปเร็ว
ๆ ส่วนซีวอนก็ ทำได้แค่เพียงเปิดประเป๋าใบนั้นออกมาด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
โอ้โหพี่มึงแค่กระเป๋าไหมไม่ใช่ของดูต่างหน้า เมียมึงยังไม่ตายกูอยากจะย้ำ
แต่แน่นอนคนที่เด็กที่สุดไม่ได้พูดออกไปแต่กับเบ้หน้าใส่และหันไปมองหน้าต่างด้านที่ทงเฮนั่งอยู่แทน
ร่างสูงนั่งดูของในกระเป๋าคนรักซึ่งมันยังอยู่ครบทุกอย่าง
ทั้งเครื่องสำอางไม่เว้นแต่โทรศัพท์ นึกขำ ตอนนี้เจ้าเครื่องมือสื่อสารของเขามันกลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วเมื่อตอนที่เขากำลังพยายามติดต่อหลิวเหวินแล้วเผลอปามันใส่ไอตัวกินตนที่พุ่งเข้ามากะทันหัน
ร่างสูงหยิบเอาสมาร์ทโฟนเครื่องแพงออกมา
ตอนนี้มันยังมีแบตอยู่พอสมควรคงเพราะเธอดูหนังเลยไม่ได้ใช้อะไรมาก
นิ้วหยาบกร้านพิมพ์รหัสที่เธอบอกให้เขารู้ทุกครั้งที่เปลี่ยนและไม่นานมันก็ปลดล็อก
และสิ่งที่ทำให้ซีวอนหัวใจแทบหยุดเต้นคือหน้าจอมันค้างไว้ที่ข้อความที่กำลังส่งถึงเขาแต่ยังพิมพ์ไม่เสร็จดี...
:: CHOI SIWON
‘ที่นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นก็ไม่รู้ซีวอน
ฉันจะพยายามออกจากที่นี่ไปหานายที่ร้านเยซอง ตอนนี้ฉันอยู่กับฮัน
นายไม่ต้องเป็นห่วงนะ รอฉั...’
ข้อความถูกพิมพ์เอาไว้แค่นี้แค่ยังไม่ถูกกดส่งคงเพราะสถานการณ์ตอนนั้นไม่สู้ดินักทำให้เธอไม่สามารถส่งมันได้และถึงจะส่งมาซีวอนก็คงจะรับมันไม่ได้อยู่ดี
ร่างสูงกำโทรศัพท์แน่นอย่างมีความหวัง...
ถึงแม้เปอร์เซ็นที่หลิวเหลินจะเปลี่ยนเป้าหมายก็มีอยู่บ้าง
แต่ยังไงเขาก็พร้อมจะเสี่ยงทุกอย่าง
“เยซอง กลับรถ”
“หา ?”
“กูจะไปหาหลิวเหวินที่ร้านของมึง
เธอกำลังไปที่นั่น”
TO BE CONTINUED…
โคตรแถ
ไม่ต้องค้นหาสาระความรู้อะไรในเรื่องนี้หรอกค่ะมันจะไม่มีแน่นอน
ส่วนใหญ่ก็แถ ๆ ถึงความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่า แฮะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะถึงแม้มันจะกากมากก็ตาม 5555555
ตั้งแต่ธีมยันเพลงไม่ได้เข้ากับเนื้อเรื่องเลย
แต่เพลงเพราะจริงนะ ยากให้ฟังกัน
ระรีดต๋านะ ♥
ความคิดเห็น