คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ►Lesson 2 :: เขาประหลาด
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
.
►Lesson 2
:: เขาประหลาด
ถ้าหากรักนั้นนำมาซึ่งความเจ็บปวด...
ทำไมคนเราถึงโหยหาที่จะรักกันนักนะ ?
“เอาล่ะ... วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมเรื่องงานกลุ่มชีวะที่ต้องส่งกันเดือนหน้าด้วยนะ ปรึกษากันดีดีล่ะ อาทิตย์หน้าส่งแผนงาน ส่วนชิ้นงานก็ส่งวันที่ครูกำหนด แค่นี้ครับ”
เสียงครูบอกเลิกคราสหน้าห้องทำให้นักเรียนหลายคนที่ฟุบกับโต๊ะไปกับบทเรียนเรื่องพืชของเทอมนี้ที่แสนน่าเบื่อค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเก็บกระเป๋า ซึ่งหนี่งในนั้นก็มีมนุษย์แว่นนามว่าคยูฮยอนอยู่ด้วยเช่นกัน
“อาจารเขาสั่งว่าอะไรบ้างว่ะ ? บอกเลยว่ากูหลับยาว เรื่องพืชนี่ขอทีเหอะ กูไม่ใช่น้องเนยกูไม่ใช่ไอเขียวรักโลกกูเหนื่อยกูเพลียกูอยากตายยยย” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มโต๊ะเดียวกันโอดครวญขึ้นมาก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะอีกครั้งจนอีกสี่คนในกลุ่มขำออกมาน้อย ๆ
“เออออออ แน่นอนมึงได้ตายสมใจแน่ถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์ไม่มีงานไปส่งเฮียแก ”
“แต่เมื่อกี้กูก็ไม่ได้ฟังเหมือนกันว่ะ เขาสั่งว่าไงบ้างว่ะ ?”
“ไว้ไปถามเพื่อนในห้องก็ได้มั้ง”
“ไม่ต้องหรอก นี่เลยกูเห็นไอคยูมันจดอยู่ยิก ๆ ”
คนโดนพาดพิงที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมไปเรียนวิชาต่อไปที่จะเริ่มในอีกห้านาทีเงยหน้าขึ้นมองตาปริบ ๆ ก็จริงที่เขาก็ฟุบหลับกับบทเรียนที่แสนน่าเบื่อนี่เหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่ได้หลับสนิทหรอกพอถึงตอนสั่งงานเขาก็เงยหน้าขึ้นมาจดนิดหน่อยแล้วก็ฟุบต่อ
“อ่า... ก็จดไว้บะ...”
“งั้นดีเลย!!! แผนงานให้คยูมันทำไปก็รึกัน “ ยังพูดไม่ทันจบเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็โพล่งขึ้นมา คยูฮยอนหันไปมองอย่างงง ๆ และไม่นานมันต้องมีเหตุผลมาอ้างได้แน่นอน “พอดีเราแต่งคำพูดไม่เก่งอ่ะ ยังไงคยูทำส่วนนี้ไปรึกัน ส่วนชิ้นงานเดี๋ยวค่อยว่ากันเนอะ”
ค่อยว่ากันนี่คือ...
ไม่ได้หมายความว่าคยูฮยอนต้องมานั่งคิดชิ้นงานให้อีกหรอกนะ
“แต่แผนงานช่วยกันคิดมันจะ...”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยย ไม่เป็นไรเลยคยู นายคิดอะไรก็ดีไปหมดและ ได้ท็อปวิชานี้ด้วยไม่ใช่หรือไง น่านะ...ช่วยพวกเราหน่อย ทุกวันนี้ก็เรียนพิเศษจนไม่มีเวลาทำอะไรแล้วอาจารย์ยังมาสั่งงานใหญ่อีก เฮ้ออออ” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาก่อนจะตบบ่าปุ ๆ แล้วเดินหัวเราะออกจากห้องไปหน้าตาเฉย พร้อมกับอีกสามคนก็เช่นกัน
อ้อ...งั้นเหรอ
แล้ว...คิดว่ากูว่างมากหรือไงว่ะ -_-
คยูฮยอนมองตามเดอะแก๊งที่เขาเกาะหนึบพวกมันเป็นปรสิตอยู่ตั้งแต่ม.4ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ม.5แล้ว ประสบการณ์การทำงานกลุ่มโดยตรงตลอด1ปีเต็มบอกเลยว่าแย่ คยูฮยอนก็อยากจะออกมาจากแก๊งเฮงซวยนี่เหมือนกัน
แต่เข้าใจชีวิตเด็กมัธยมปลายมั้ยครับ ? คุณอยู่คนเดียวมันเท่ากับคุณไม่มีเพื่อนคบ คนอื่นจะมองคุณเหมือนเป็นขยะสังคมชิ้นหนึ่ง ซึ่งมันเป็นค่านิยมส้นตีนสุด ๆ
ใช่ว่าในโรงเรียนจะไม่มีบุคคลที่อยู่คนเดียวนะ คยูฮยอนก็เห็นอยู่บ้างน่ะแหละ เคยลองเข้าไปคุยด้วยเผื่อมันจะทำให้คยูฮยอนผละออกมาจากกลุ่มนรกนี้ได้ แต่ผลก็คือคุยกันไม่รู้เรื่อง ยิ่งคุยยิ่งงง ไม่รู้ใครงงใคร คยูฮยอนเลยต้องพับแผนเก็บไปโดยปริยาย
เพื่อนในกลุ่มที่คบกันอยู่ที่พอคุยกันได้เพราะมีความชอบเหมือนกันอยู่บ้าง แต่ถามว่าสนิทกันขนาดชวนไปไหนไปกันมั้ย ? ก็คงไม่ ความสัมพันธ์มันค่อนข้างอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกันมากกว่า แน่นอนว่าพวกแม่งก็พึ่งแต่คยูฮยอนอย่างเดียวซะด้วย
ก็นะ...มันไม่ใช่เด็กประถมแล้วว่าจะวิ่งร้องไห้งอแงฟ้องครูว่าไอเชี่ยนี่ไม่ช่วยทำงาน หรือโดดงานโดยใช้เหตุผลควาย ๆ มาอ้าง
“ช่างแม่งเหอะ” หลายครั้งที่คำ ๆ นี้ถูกใช้เป็นคำพูดให้ตัวเองปลงซะเถอะ ชีวิตแม่งก็บ้าแบบนี้แหละ
แต่เชื่อเถอะแม่งเป็นคำพูดที่รู้สึกแย่ที่สุดเลย
.
.
“วันนี้มึงไปเรียนป่ะอ้อย ?”
“อือ”
“ไหวมั้ยเนี่ย สภาพมึงน่าจะไปเข้าโลงมากกว่าไปเรียนว่ะ”
“เออกูก็ว่างั้น” ว่าแล้วก็ปล่อยให้หน้าตัวเองฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อนอย่างหมดแรง
เพราะจู่ ๆ อาจารย์ชีวะคนดีก็บอกว่าอยากได้แผนร่างวันนี้ ขอแค่พอร่าง ๆ ก็ได้ยังไม่ต้องพิมพ์จริงจังมาส่ง ซึ่งนั่นเป็นช่วงพักกลางวันที่กลุ่มเพื่อนของเขาแม่งไปหาแดกอยู่ตรงส่วนไหนของโรงเรียนก็ไม่รู้ ! คยูฮยอนเลยต้องนั่งปั่นแม่งคนเดียวจนพักกลางวันไม่ได้กินอะไรเลย แถมพอจะให้มันช่วยกันคิดต่อในคาบเรียนก็อ้างไปอีกว่าเรียนก่อนค่อยว่ากัน
เออดี..ดีมากสุดท้ายคยูฮยอนก็ต้องทำแม่งเองทุกอย่าง ไอซั๊ซ
“แดกข้าวยังเนี่ย ?” ฮยอกแจถามพร้อมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ของมันเพื่อมองหน้าอิดโรยของคยูฮยอน
“สภาพกูดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ?”
“เออออ มึงเหมือนไอด่างแถวบ้านกูที่แม่งอดข้าวมาเป็นวัน ๆ ”
“มึงมันเลวรู้ว่าหมามันไม่ได้กินอะไรมึงยังไม่หาอะไรให้มันกินอีกหรอ ไอคนใจหมา”
“กูแค่เปรียบเทียบได้ไหมล่ะ สัดนี่ นอนไปเลย” ไม่ได้เถียงออกไปเหมือนก่อนหน้านี้ พลังชีวิตของคยูฮยอนกำลังลดลง หลอดเลือดของเขากำลังต้องการอะไรมาเติมเต็ม แต่นี่มันก็เย็นมากแล้วร้านค้าในโรงอาหารปิดหมดแล้ว
และสาเหตุที่คยูฮยอนลากสังขารตัวเองไปเซเว่นที่อยู่ข้าง ๆ โรงเรียนก็เพราะ...
“ขอโทษทีนะ รอนานมั้ย ?”
รอสิ่งที่คยูฮยอนแอบรักเขาอยู่ข้างเดียวเนี่ยแหละ !
“รีบ ๆ ลากมันไปหาอะไรใส่ท้องด้วยนะทงเฮ มันกำลังจะกลายร่างเป็นซอมบี้อยู่แล้ว”
“คยูหิวหรอ ?”
“มันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่กลางวัน เพราะฉะนั้นรีบลากมันไปหาอะไรกินแล้วไปเรียนกันได้แล้วครับพวกอนาคตของชาติทั้งหลาย” ฮยอกแจลุกขึ้นตามทั้งสองคนก่อนจะเดินแยกอกไปซึ่งคยูฮยอนก็ได้แต่มองตามไปตาละห้อย
การอยู่กับอีทงเฮสองคนในสภาพที่โคตรแย่แบบนี้มันไม่ไหวอ่ะซาร่า
“ไหวมั้ยเนี่ย ?”
“นี่ใคร ? คยูฮยอนเชี่ยวนะครับ”
“แล้วคยูฮยอนป่วยไม่เป็นหรือไงครับ ทำไมวันนี้ไม่กินข้าว ถึงว่าไม่เห็นในโรงอาหาร” นั่นไงนั่นไงงงงง…
ประโยคชวนให้คยูฮยอนคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว พูดแบบนี้นี่มันหมายความว่าอีทงเฮมองเขาทุกวันเลยหรือไง ไม่สิ โรงอาหารมันใหญ่ที่ไหนอีทงเฮอาจจะเห็นเขาที่ร้านป้าอิ่มใจเจ้าประจำที่เขากินตามทงเฮก็ได้
จริง ๆ คยูฮยอนแม่งก็คือคนบ้าดีดีนี่เอง
“ร่างแผนงานชีวะ”
“อ๋อ ที่จารย์เพิ่งสั่งอ่ะนะ”
“อือ”
“ทำคนเดียวอีกแล้วล่ะสิ ” คยูฮยอนแอบนิ่งไปนิด นี่หน้าเขามันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอว่ะว่าคบเพื่อนเหี้ย ร่างโปร่งได้แต่ยู่หน้าเป็นคำตอบแล้วเดินตามทงเฮไปเงียบ ๆ บอกเลยว่าวันนี้ค่อนข้างจะหงิดกับเรื่องนี้พอสมควร
แต่ก็ได้แต่บอกตัวเองในใจว่าช่างแม่งเถอะ
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยรึกัน”
“ได้ไง ทงเฮไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเราซะหน่อย”
“ไม่ใช่ หมายถึงพวกเพื่อนนายต่างหาก” คยูฮยอนนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง ที่ว่าช่วยนี่คือยังไงว่ะ ทงเฮคงไม่ไปกระชากคอเสื้อพวกมันให้มาช่วยงานเขาหรอกนะ
“ยังไง ?”
“ถ้ามันยังไม่ช่วยนายทำงานนะ เรานะซัดมันให้กระเด็นเลย !” พูดพร้อมโชว์หมัดของตัวเองขึ้นมากลางอากาศ คยูฮยอนอ้าปากค้างทันทีที่เห็นแววตาเอาจริงของอีกฝ่าย “ล้อเล่นน่ะ ดูทำหน้าเข้าสิ”
“ก็หน้านายดูเอาจริงขนาดนั้น...”
“น่า... ถ้าพวกนั้นไม่ช่วยเราจะช่วยเองก็ได้ เพราะยังไงเพื่อนก็แบ่งงานให้เราน้อยอยู่แล้ว” ทงเฮยิ้มมันทำให้คยูฮยอนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
เพราะทงเฮเป็นแบบนี้ไงเขาเลยรู้สึกชอบบรรยากาศที่เราเดินไปเรียนพิเศษด้วยกันสองคนแบบนี้ บางทีสิ่งธรรมดา ๆ มันอาจจะพิเศษมาก สำหรับใครบางคนก็ได้ใครจะไปรู้
“ไหวแน่นะ ?” ทงเฮถามอีกครั้งเมื่อคยูฮยอนมัวแต่โดนลัทธิอีทงเฮเข้าครอบงำจนเกือบไถลลงไปใช้ก้นช่วยเช็ดบันไดสะพายลอย
“... สบายมาก”
“พูดแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้นายเกือบสะดุดบันไดเนี่ยนะ”
“แต่เราก็ไม่ได้ตกลงไปนี่”
“เพราะเราจับนายไว้ทันต่างหาก”
“คร้าบบบบบ ขอบคุณมากครับอีทงเฮอปป้า” โป๊ก... และเขาก็ได้มะเหงกมาอีกลูกที่หัวฟู ๆ ของตัวเองอีกแล้ว
คยูฮยอนชอบความธรรมดาแบบนี้...เลิกเรียนก็ถ่อสังขารข้ามสะพานเลยสองสะพานเป็นเส้นทางในการไปขึ้นรถเมล์ไปเรียนพิเศษกับอีทงเฮ วันนี้เจ้าตัวไม่ได้โดดไม่ได้มีกิจกรรมเพื่อประชาชนหรืออะไรทั้งนั้น ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลให้ไอเตี้ยล่ำที่ชื่ออีทงเฮมีเดินอยู่ข้างเขาในวันนี้
“ชอบนักล่ะเรื่องล้อเลียนเนี่ย”
“ไม่ได้ล้อสักหน่อย ถ้านายสังเกตดีดีรอบ ๆ เนี่ยมีแต่ผู้หญิงจ้องจะกินนาย” คยูฮยอนแยกเขี้ยวใส่พลางพยักพเยิดไปให้ทงเฮมองรอบ ๆ ซึ่งมันเป็นความจริงว่ามีผู้หญิงโรงเรียนดังหลายกลุ่มยืนเม้าส์ซุบซิบนินทาแถมหน้าแดงกันเป็นแถบ ๆ กำลังส่งสายตาหยาดเยิ้มมาทางนี้
“กินเราทำไมเราไม่อร่อยหรอก”
“นั่นสิ เตี้ยก็เตี้ย”
“เกี่ยวอะไรเนี่ย ? “
“ไม่เกี่ยวแต่จะพูดมีอะไรไหมล่ะ” อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ติดหงิดมาจากเพื่อนเฮงซวยหรืออาจจะเป็นเพราะคยูฮยอนรู้สึกสบาย ๆ กับการอยู่กับอีทงเฮมากกว่าทุกวันทำให้วันนี้คยูฮยอนไม่เงียบใส่ทงเฮเหมือนทุกที แต่ดูจะต่อล้อต่อเถียงมากขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีที่เขาสามารถกำจัดความเงียบของเราสองคนได้แล้ว
“วันนี้พูดมากจัง” ป๊อก... นั่นไง อีทงเฮดีดหน้าผากเขาอีกแล้ว !
“ถ้าเราสิวขึ้นเพราะมือสกปรกของนายเราจะเรียกค่าเสียหายเม็ดละพัน”
“โอ๊ะ..โอ.. ส่งสัยเราจะได้หมดตัวแน่ ๆ เลย” ป๊อก... ยังมันยังไม่หยุดอีก
“ย่าห์อีทง...”
“งั้นเอาตัวเราไปชดใช้แทนค่าเสียหายก่อได้มั้ย ?”
“....”
จ้า... ดีดอีกสิ ดีดเลย คยูฮยอนยอมแล้ววววว แพ้ราบคาบเลย ฮืออออ
คนตัวขาวได้แต่ย่นจมูกใส่แล้วหันหน้าหนีไปมองชะเง้อหารถบนถนนแทน แน่ล่ะ ถ้าไม่หันหน้าหนีล่ะก็อีทงเฮต้องจับได้แน่ ๆ ว่าเขากำลังเขิน ! ทำไมชอบพูดอะไรหน้าตายให้คนฟังเขาคิดไปเองด้วยล่ะ ไอคนนิสัยไม่ดี !
“หูแดงหมดแล้ว โกรธหรอ ?” โกรธบ้าอะไร กูเขินเว่ยยยยย
“เปล่า...ระ..รถมาแล้วไปกันเถอะ” คยูฮยอนชี้ให้เห็นรถคันสีเหลืองสดใสที่มีเลขโชว์หราอยู่ว่าเป็นสายที่เขารอคอย ไม่รอให้อีทงเฮได้พูดอะไรต่อคยูฮยอนก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยและรีบจ้ำอ้าววิ่งตามรถที่แม่งไม่เคยจอดตรงป้ายสักวันตามหลังอีกคนไป
ความจริงมันอาจจะดีก็ได้ที่มันจอดไม่เคยตรงป้ายและมีอีทงเฮวิ่งนำเขาไปแบบนี้
เพราะคยูฮยอนกำลังเขินจะบ้าตายกับมือที่จูงเขาวิ่งไปขึ้นรถด้วยกัน...
.
.
วันนี้คยูฮยอนปฏิญาณไว้แล้วว่าจะตั้งใจเรียน
แต่...
ทำไมในสายตาเขาเห็นแต่มือตัวเองว่ะ งง ?
งงบ้าอะไร ต้นเหตุมันเกิดจากไอคนที่นั่งแถวหน้าสุดฝั่งตรงข้ามต่างหาก กล้าดียังไงมาจับมือเขาพากับลากขึ้นรถเมล์แบบนั้น แถมพอขึ้นรถแล้วยังไม่ปล่อยอีกนะ เพราะรถที่ขึ้นวันนี้คนแน่นเอี๊ยดอีทงเฮเลยสมนาคุณคนแอบชอบอย่างคยูฮยอนด้วยการจับมือไว้โดยใช้เหตุผลว่ากลัวเขาเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน
บ้าเอ๊ย แบบนี้มันยิ่งทำให้คยูฮยอนเป็นลมไม่ใช่หรือไง
ความรู้สึกร้อนยังติดอยู่ที่มือ คยูฮยอนรู้สึกว่ามือของอีทงเฮโคตรนิ่ม ฮื่ออออ ฟินยันชาติหน้าวันนี้คยูฮยอนจะไม่ล้างมือ
อี๋
สุดท้ายคยูฮยอนก็ยังไม่ได้เอาอะไรยัดใส่ปากแม้แต่น้ำสักอึก เพราะกว่าจะมาถึงเวลามันก็ล่วงเลยมาหลายนาที คยูฮยอนเลยวิ่งนำทงเฮที่ยังคงยื้อตัวไปทางเซเว่นข้างตึกเพื่อให้คยูฮยอนหาอะไรรองท้องไปก่อน แต่คนอย่างคยูฮยอนจะไม่ยอมไปสายเด็ดขาด
ในที่สุดคยูฮยอนก็ชนะ...แล้วยังไงต่อ ?
มานั่งปวดท้องอยู่นี่ไง
“โอยยย...” โอดครวญออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอามือไปกุมท้องไว้ข้างหนึ่งซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยอะไรไม่ได้หรอก
สายตาที่มองจอแก้วที่ห้อยลงมาจากเพดานอยู่ละจากมันมามองนาฬิกาข้อมือเหมือนทุกที เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีแล้ว คยูฮยอนอยากจะบันไซให้ความอดทนของตัวเอง แต่มันก็อาจจะเท่ากับว่าตอนนี้ในกระเพาะเขาอาจจะเป็นหลุมขนาดใหญ่ให้โดเรม่อนมันลงจอดไทม์แมชชีนแล้วโผล่ตัวฟ้า ๆ กลม ๆ ของมันออกมาได้แล้วก็ได้
( “วันนี้ค้างไว้ที่หน้านี้นะคะ...กลับบ้านดีดีนะลูก...” )
เสียงสวรรค์ทำงานอีกครั้ง คยูฮยอนยกยิ้มแล้วรีบยัดทุกอย่างลงกระเป๋า เขาต้องหาอะไรมาอุดหลุมอากาศในท้องอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนหิวจนแทบจะกินอีทงเฮที่แม่งมายืนทำหน้าหล่อรอเขาเหมือนทุกวันได้อยู่แล้วววว (จ้ะ)
“ไปหาอะไรกินกัน”
“แต่มันดึกแล้วนะ”
“ไม่มีแต่แล้วคยู นายยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวัน นายใช้ออกซิเจนรอบตัวไปเป็นพลังงานให้ตัวเองหรือไง มาเร็ว !” นั่น..ทำมาทำเสียงดุ
คยูฮยอนยู่ปากก่อนจะลุกตามอีทงเฮที่เดินออกไปรอหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว ร่างโปร่งจัดการพับโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนที่หางตาจะหันไปสังเกตอีกฝั่งที่วันนี้มันดูว่างผิดปกติ
จะว่าไป...
...วันนี้เขายังไม่เข้าเรียนเลยนี่นา
อะไรนะ ? ทำไมไม่เรียกชื่อน่ะหรอ ?
บอกแล้วไงว่าคยูฮยอนลืมไปแล้วว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตัวสูงหน้าหล่อเข้าใจยากชื่อ ชเว ซีวอน
คยูฮยอนยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายขึ้นหลังแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ออกไปหาทงเฮที่ยืนรออยู่
“จะกินอะไรดีล่ะ ?”
“แล้วแต่คนหิวสิ”
“ไม่เอา แล้วแต่คนเลี้ยงดีกว่า”
“เฮ้ เราบอกตอนไหนว่าเราจะเลี้ยงนาย”
“เพราะทงเฮลากเรามากิน นายก็ต้องเลี้ยงเราสิ” ว่าแล้วก็ยิ้มแพรวพราวตบท้ายไปอย่างผู้มีชัยชนะ ส่งผลให้หน้าผากตัวเองถูกดีดเป๊าะเข้าให้ คยูฮยอนยู่หน้าแล้วลูบหน้าผากตัวเองปอย ๆ ทำไมอีทงเฮชอบใช้ความรุนแรงกับเขาเรื่อยเลย
แต่ก็บอกแล้วไงว่าคยูฮยอนเป็นพวกมาโซ
“ผัดไทยมั้ย ? เดินผ่านมาทุกคืนยังไม่เคยลองเลย “ ทงเฮเสนอเมนูที่อยู่ในสายตาตัวเองตอนนี้ คยูฮยอนมองตามไปก็พบว่าเป็นร้านผัดไทยหอยทอดที่อยู่ข้าง ๆ ตึกเรียนจะขายตอนดึก ๆ ซึ่งมันเข้าทางเด็กหิวโซที่เรียนดึกอย่างพวกเขาพอดี
“เอาสิ คนเยอะดี น่าจะอร่อย” ร่างโปร่งยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามทงเฮไปนั่งที่นั่งที่มันว่างพอดี ส่วนใหญ่เขาจะซื้อกลับไปทานที่บ้านกันเสียมากกว่า แหงล่ะ นี่มันดึกมากแล้วนี่นา
“เอาผัดไทยสองจาน จานนึงไม่เอาถั่วงอกกับพริก และก็หอยทอดอีกหนึ่งจานครับ” ทงเฮหันไปสั่งพนักงานอย่างฉะฉาน ซึ่งคยูฮยอนก็ได้แต่มองอึ้ง ๆ
“รู้ได้ไงว่าเราไม่กินถั่วงอก”
“ฮยอกแจสปอยมาน่ะ ว่ามีเพื่อนเลือกกิน”
“ก็มันไม่อร่อยนี่นา”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ขมวดคิ้วอีกแล้ว” คิ้วเป็นปมถูกทำลายโดยนิ้วของอีทงเฮและรอยยิ้มขี้เล่นที่ถูกส่งมามันทำให้คยูฮยอนหายใจลำบาก บางทีร้านนี้ก็ควรติดพัดลมดูดควันดูกลิ่นนะ แบบนี้มันแย่อ่ะ
โอเค ... ให้เขาหาข้ออ้างในการเขินอีทงเฮหน่อยเถอะ นะ
โครม !!!
นั่งบิดได้ไม่นานโต๊ะที่ตัวเองใช้เท้าแขนเล่นเกมจ้องตากับทงเฮอยู่ก็หายวับไปกับตา คยูฮยอนเกือบหน้าทิ่มแล้วเหมือนกันถ้าไม่ติดว่าตัวเองทรงตัวทัน ร่างโปร่งได้แต่มองตาทงเฮปริบ ๆ อย่างงงวยว่ามันเกิดส้นตีนอะไรขึ้น
ใครทำลายบรรยากาศสีชมพูรมควันผัดไทยของคยูฮยอนนน
“อั่ก!” เสียงสำลักที่ดังอยู่ตรงปลายเท้าตัวเองทำให้คยูฮยอนก้มมอง เขารู้แล้วว่าโต๊ะมันหายไปไหน มันกลายไปเป็นที่นอนให้คนที่ตอนนี้มีแผลเต็มใบหน้าพร้อมกับเลือดที่ไหลซึมตรงมุมปากจนน่ากลัว
และคยูฮยอนจะไม่ตกใจเลยถ้านี่มันไม่ใช่...
“...ชเว ซีวอน..?”
“มึงจำไว้นะ อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกูอีก ! ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่ไอสัด !!” น้ำลายถูกส่งออกมาจากปากของคนที่ยืนสบถด้วยคำหยาบคายรดหัวซีวอน ก่อนจะเดินจากไปโดยมีคนรอบ ๆ นั่งมองกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ขะ..ขอโทษ...นะครับ ” ซีวอนค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะก้มหัวขอโทษขอโพยเจ้าของร้านที่ถือตะหลิวค้างไว้ในมืออย่างอึ้ง ๆ แกคงว่าอะไรไม่ลงเพราะดูจากหน้าของร่างสูงนี่แล้วก็ค่อนข้างยับเยิน
ร่างโปร่งยืนมองซีวอนที่ก้มหัวขอโทษพร้อมกับควักเงินตัวเองส่งให้เจ้าของร้านเป็นค่าเสียหายจำนวนหนึ่งแล้วเดินโซเซออกจากตรงนั้นไปทางลานจอดรถ คยูฮยอนสะดุ้งเมื่อถูกทงเฮคว้ามือไว้แล้วสะพายกระเป๋าให้เสร็จสรรพ
“เป็นอะไรหรือเปล่า ? บาดเจ็บตรงไหนมั้ย ?” ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาเป็นห่วงมาสอดส่องดูตามตัวคยูฮยอน คนที่สติหายไปตอนไหนไม่รู้และเพิ่มกลับเข้ามาเมื่อกี้ส่ายหน้าหน่อย ๆ แต่สายตากลับมองตามหลังคนตัวสูงที่เดินโซซัดโซเซออกไป
“กลับกันเถอะ มีเรื่องในที่แบบนี้นี่แย่จริง ๆ ไว้เดี๋ยวซื้ออะไรให้กินในเซเว่นรึกัน ทนหน่อยนะ” ทงเฮยิ้มอ่อนมาให้คยูฮยอน มองจากสภาพแล้วคยูฮยอนคงยังตกใจเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หาย ร่างหนาทำได้แค่คว้าข้อมือของคยูฮยอนและรีบเดินออกมาจากตรงนั้นเผื่อพวกมันจะมีเรื่องกันอีก
กึก
“...มีอะไรหรอ ?” การเดินเร็ว ๆ ถูกหยุดโดยคยูฮยอนที่ยืนเม้มปากเหมือนสับสนอยู่ ทงเฮมองหน้าคยูฮยอนอย่างพยายามหาคำตอบ
“คะ..คือ...”
“...?”
“เรา..เราลืมของไว้...บนตึกน่ะ”
“งั้นกลับไปเอา...”
“ไม่!!! ไม่ต้อง...เราจะไปเอง..เอ่อ...ทงเฮกลับบ้านไปเถอะ” คยูฮยอนค่อย ๆ บิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีทงเฮ ร่างหนาของคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่คยูฮยอนกลับส่งรอยยิ้มโง่ ๆ กลับมาให้เขาแทน
“มีอะไรหรือเปล่า ?”
“เปล่าหรอก เราแค่ลืมของ...ทงเฮกลับไปก่อนเถอะ”
“แต่เรารอดะ...”
“นะ...” สายตาอ้อนวอนถูกส่งมาให้ทำทงเฮนิ่งไป ร่างหนายังคงมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจคนตรงหน้าอยู่ดี แต่คยูฮยอนกลับยิ้มแห้ง ๆ กลับมาให้เขาแล้วยืนโบกมือบ๊ายบายบอกฝันดีเหมือนทุกทีแล้วเดินกลับเข้าไปในตึกโดยมีทงเฮยืนมองตามหลังไป
ไม่สิ ไม่ใช่ในตึก
“ลานจอดรถ...?”
.
.
แฮ่ก แฮ่ก
เสียงหอบหายใจพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องไปทั่วลานจอดรถที่ใต้ตึกเรียนพิเศษ ร่างโปร่งหอบหายใจหนักก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ลานจาดรถที่เปิดไฟสลัว ๆ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมฉากลานจอดรถต้องเปิดไฟให้วันดูวังเวงน่ากลัวด้วย ทั้ง ๆ ที่หลอดไฟก็ติดเต็มเพดานไปหมด !
“อยู่ไหนนะ” ยกมือขึ้นยันเขาตัวเองเพื่อพักหายใจพร้อมกับกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็คยูฮยอนเห็นว่าเดินเข้ามาในนี้นี่นา
ร่างโปร่งตัดสินใจพักแรงด้วยการเดินหาตามหลังรถแต่ละคัน สภาพแบบนั้นเดินได้ก็เก่งแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นที่คนอย่างชเวซีวอนจะโดนอัดน่วมขนาดนั้น จะว่าไปก็ได้ยินคนสถุนนั่นพูดนี่นาว่าอย่าไปยุ่งกับผู้หญิงของมัน
เฮ้...หล่อเลือกได้อย่างซีวอนเนี่ยนะไปยุ่งกับผู้หญิงของไอกุ๊ยแบบนั้น -_-
“แฮ่ก แฮ่ก” นี่ไม่ใช่เสียงหอบของคยูฮยอน !
ร่างโปร่งนึกขอบคุณที่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเขา คยูฮยอนไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองมาวิ่งหาคนที่รู้จักกันแค่ชื่อหรอก รู้ตัวอีกทีคยูฮยอนก็บิดมือจากอีทงเฮแล้ววิ่งออกมาเสียแล้ว
บางทีเขาก็ควรจะไปตรวจเช็คประสาทว่าบ้าหรือเปล่าที่ทิ้งโอกาสงาม ๆ แบบนั้น ฮื่อออ
คยูฮยอนที่วิ่งตามเสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายมาก็มาหยุดลงที่หน้ารถสีขาวคันหนึ่งร่างโปร่งก้าวช้าลงก่อนจะค่อย ๆ โผล่หน้าออกไปให้พ้นจากท้ายรถ แต่ก็ต้องตกในนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายจ้องมาอย่างเตรียมพร้อมจะไฝว้
อ่า... คงคิดว่าเขาเป็นพวกมันแน่ ๆ เลย
“....”
“...เออคือ...”
“อยากรู้เรื่องของเราอีกหรือไง ?” ร่างสูงที่นั่งชันเข่าพิงกับกำแพงแค่นหัวเราะใส่คยูฮยอนเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีไม่สนใจเขาอีกต่อไป ซึ่งมันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคนคนนี้ไม่ได้ลืมเขาเหมือนคราวก่อน
“...เปล่าสักหน่อย..” คยูฮยอนบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วชำเลืองมองหน้าอีกคนที่แผลเต็มหนาไปหมด จากที่คยูฮยอนสังเกตโดยรวมก็สาหัสพอสมควร
อืม... หางคิ้วนี่เลือดไหลเป็นทางแต่ก็ไม่ใช่แผลใหญ่อะไร ที่หน้าก็เป็นแผลนิดหน่อย แต่ตรงเบ้านี่ม่วงเชียว ปากก็แตกด้วยแหะเลือดไหลอยากกับไปจกไส้กินมา... คยูฮยอนใช้เวลาพิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายสักพักก่อนจะลุกขึ้น
“นาย...เอ่อ..ชเวซีวอน รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
“...ทำไมเราต้องฟังนายด้วย ?”
“ถ้าไม่อยากได้แผลเพิ่มก็นั่งตรงนี้เฉย ๆ เถอะครับ !” คยูฮยอนงับปากใส่อีกฝ่ายก่อนจะจัดการวางสัมภาระของตัวเองไว้ข้าง ๆ ซีวอนและหยิบอะไรบางอย่างติดตัวไปด้วย เหมือนจะเป็นสัญญาณบอกว่าร่างโปร่งจะกลับมาที่นี่อีก
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับชเวซีวอนเลย
ร่างสูงนั่งชันเข่าเหม่อมองออกไปมองด้านนอกที่ตอนนี้เข้าสู่ความมือเรียบร้อยแล้ว เสียงรถยนต์ดังมาจากท้องถนนด้านนอกเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว... จริง ๆ มันก็สมควรเป็นเวลากลับบ้านของเด็กมัธยมปลายได้แล้วล่ะ
“นี่ ! บอกแล้วไงว่าอย่าไปไหนน่ะ” ซีวอนทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน แต่หากก็มีเสียงหนึ่งหวีดมาจากทางอีกด้าน ร่างสูงหันไปมองคนที่สั่งให้เขานั่งอยู่เฉย ๆ ที่เดินเข้าเร็ว ๆ โดยมีถุงสีขาวห้อยข้อมือมาด้วย ถ้ามองดีดีก็จะพบว่ามันเป็นถุงของร้ายขายยาในย่านนี้
คิดจะทำอะไรของเขาเนี่ย
“จะทำอะไรของนาย ?”
“ชวนนายเล่นตบแปะ”
“เราเล่นไม่เป็น”
“เดี๋ยวสอนได้ไม่เป็นไร” ช่างรับส่งมุกกันดีเหลือเกิน... ซีวอนมองไปที่เด็กตัวขาวที่เขาเจอมาตั้งแต่เมื่อวาน แถมยังทำตัวประหลาด...ยิ่งวันนี้ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่
“อ้าปาก” มือเรียวที่มียาเม็ดสีขาวกับสีเหลืองกลมถูกแบมาอยู่ตรงหน้าซีวอน ร่างสูงมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมรับยามาแต่โดยดี แต่ในขณะนั้นมือเรียวนั่นกลับเบี่ยงหลบและตามมาด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ของคนตัวขาว
“อะไรของนาย ?”
“เราบอกให้อ้าปากไง”
“เรากินเองได้”
“มือนายสกปรก”
“มือนายก็...”
“เราขอพี่เภสัชเขาล้างมือแล้ว” จนใจจะเถียง... ซีวอนยอมอ้าปากรับยาเข้าปากก่อนจะดูดน้ำที่ยื่นมาให้อย่างถูกจังหวะไม่ให้เขาสำลักความขมของยาไปเสียก่อน
“ขอบใจ...” ถึงจะงง ๆ กับเจ้าคนตัวขาวนี่แต่ซีวอนก็ควรขอบคุณไว้ก่อนที่อุตส่าห์วิ่งไปหายูกยามาป้อนเขาถึงที่
“หันหน้ามาหน่อยสิ”
“ไม่เป็นระ...”
“นายอยากให้คนตกใจตอนนายขึ้นรถเมล์กลับบ้านหรือไง สาบานได้เลยว่าเขาต้องเอาขวานเฉาะหน้านายเหมือนใน The walking dead แน่ ๆ -_-” อืม... ถึงจะอยากเถียงว่าวันนี้ซีวอนขับรถมอไซค์มาเองก็เถอะแต่เหมือนไอคนตัวขาวนี่จะไม่ฟังเลยแหะ ซีวอนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจและเริ่มมองคนตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง
“นี่...ถามอะไรหน่อย”
“ว่ามา” คนตรงหน้ายังไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาแต่หากยังคงคุ้ย ๆ ถุงสีขาวนั่นเหมือนพร้อมหยิบขวดอะไรบางอย่างออกมาอ่านฉลากอย่างตั้งใจ
“นายแอบชอบเราหรือไง”
แกร๊ง
ขวดแก้วในมือถูกปล่อยลงพื้นทันที โชคดีที่ระยะมันไม่สูงมากเลยทำให้มันไม่แตก ร่างโปร่งลนลานเก็บมันขึ้นมาก่อนจะจ้องหน้าซีวอนเหมือนแมวตกใจ
“เปล่า..เปล่าชอบ..”
“แล้วทำแบบนี้ทำไม ? รู้ไหมว่าถ้าพวกนั้นกลับมาเล่นงานเราอีกและเห็นว่านายอยู่กับเรานายจะซวยไปด้วยนะ” ให้ตายสิ เห็นสีหน้าตกใจคูณสองของอีกฝ่ายแล้วมันน่าขำชะมัด... ร่างสูงมองอีกฝ่ายที่หันซ้ายหันขวาว่ามีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่า เห็นแล้วมันก็น่าตลกดี “ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปได้แล้ว และไม่ต้องมายุ่งกับเราอีกนะ”
ซีวอนมองร่างโปร่งที่ขมวดคิ้วเป็นปมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหายไปไหนอีกรอบไม่รู้ ร่างสูงถอนหายใจออกไปก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นบ้าง จริง ๆ เขาก็ควรกลับบ้านและเตรียมคำแก้ตัวสวย ๆ ให้ไอแผลบนใบหน้าพวกนี้เหมือนกัน
“ไม่เห็นมีใครเลย... นายโกหกเราหนิ”
“...”
แปลก...
แปลกคนจริง ๆ เลย...
ซีวอนมองอีกคนที่เริ่มอ่านฉลากยาอีกรอบทั้งยังขมวดคิ้วเครียดกว่าเดิมด้วย ให้ตายสิ คนปกติถ้าโดนขู่แบบนี้ต้องเผ่นแนบไปแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเด็กคนนี้ยังมานั่งอยู่ตรงนี้ แถมยังน่าอ่านฉลากยาเทใส่สำลีหน้าตาเฉยอีก
“หันหน้ามานี่หน่อยสิ” ร่างสูงหันไปอย่างว่าง่าย เขาก็สงสัยอยู่หรอกว่าคนคนนี้ทำแบบนี้มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า แต่สภาพเขาตอนนี้ก็ควรนั่งเชื่อง ๆ ให้อีกฝ่ายทำแผลให้คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
สำลีชุ่มด้วยแอลกอฮอล์ถูกแตะมาที่มุมปากอย่างแผ่วเบา มันคงเป็นโอกาสดีที่ทำให้ซีวอนได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ จริง ๆ น้องแว่นนี่ก็ค่อนข้างหน้าตาดีอยู่หรอกนะ หน้าอิ่ม ๆ ขาว ๆ กับคิ้วที่ขมวดอยู่อย่างยุ่งเหยิงตอนทำแผลให้เขามันแสดงถึงความตั้งใจ ซึ่งมันน่าหมั่นเขี้ยวแปลก ๆ
“ไปทำอีท่าไหนถึงถูกยำเละมาแบบนี้เหรอ”
คยูฮยอนเห็นแผลแล้วอดเจ็บแทนไม่ได้ ถ้าเป็นคยูฮยอนนะ...จะวิ่งหนีป่าราบเลยล่ะ มันไม่มีเหตุผลที่เราต้องเอาหน้าไปรองรับตีนพวกนักเลงแบบนั้นนี่นา วิ่งหนีเนี่ยแหละทางออกที่ดีที่สุด
“ขอเหตุผลดีดีที่เราต้องบอกนายหน่อยสิ”
“...ไม่อยากรู้ก็ได้” ตบปากตัวเองทันมั้ย... คยูฮยอนเผลอหลุดปากออกไปแล้วว่าตัวเองเป็นตัวขี้เสือกขนาดไหน -_- คยูฮยอนได้ยินเสียงคนไข้ของเขาหัวเราะนิด ๆ ด้วยล่ะ น่าอายชะมัด !
“ตอนนี้เราอยู่ในสถานะคุณหมอกับคนไข้” ซีวอนพูดขึ้นมาทำให้คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอย่างงง ๆ “งั้นคนไข้จะบอกที่มาของแผลนี้ให้ฟังนะครับ”
อืม... รัก..ยิ้ม
เฮ้ย ไม่ดิไม่ใช่...ลักยิ้มต่างหาก
คยูฮยอนรู้สึกสมองมึนเบลอไปนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายยิ้มมาให้ไม่เหมือนทุกที จะว่ายังไงดีล่ะ มันดูจริงใจกว่าทุกทีรึเปล่า แถมเวลายิ้มเขามีลักยิ้มที่แก้มด้วยอ่ะ โอโห... คนอะไรน่าอิจฉาที่สุด
“นายจำผู้หญิงที่ตบหน้าเราได้หรือเปล่า ?”
“อือ...ชื่อไอรีนรึเปล่า”
“หน่วยก้านเรื่องสอดรู้สอดเห็นดีเยี่ยม”
“...ด่าว่าขี้เสือกก็ได้ แต่เราบังเอิญไปได้ยินเองนี่นา”
“โอ๊ยยยยย เจ็บนะ” เหมือนจะลนลานไปหน่อยที่โดนอีกฝ่ายแซะเลยพลั้งมือกดสำลีแรงไปหน่อย ตอนนี้คยูฮยอนทำแผลตรงคิ้วให้ซีวอนอยู่ครับ อยากจะเปลี่ยนตำแหน่งไปทำที่ปากก่อนจริง ๆ ปากหมาอ่ะ -_-
“นั่นแหละ...ก็ไม่มีอะไรมากก็แค่ชอบ” ซีวอนยักไหล่ก่อนจะเสตาออกไปมองวิวของรถที่วิ่งตามถนน ทำไมคยูฮยอนถึงรู้สึกว่าตาคู่นั้นมันมีประกายจังเลยนะ
“แล้ว... ชอบมันเป็นสาเหตุให้ได้เลือดบนหน้านายได้หรือไง”
“กำลังเล่าอยู่นี่ไง ทำไมหมอพูดมากจัง”
“อื้อ อย่าดีดหน้าผากเรานะ” คยูฮยอนรีบยกมือขึ้นปิดหน้าผากของตัวเองทันทีเมื่อเห็นซีวอนทำท่าจะเอื้อมมือมาดีดหน้าผากเขา ไม่ได้หรอก การกระทำโดยใช้ความรุนแรงที่หน้าผากโดยตรงแบบนี้คยูฮยอนสงวนสิทธิ์ไว้ให้อีทงเฮเท่านั้น !
“หวงตัวซะด้วย”
“ไม่เปลืองตัวให้คนอื่นยำตีนเล่นแบบนายหรอก”
“อ้อ ย้อนหรอ”
“อื้อออออเราเวียนหัวนะ !!” มันไม่ดีดหน้าผากคยูฮยอนแล้วครับ แต่เปลี่ยนมาโยกหัวเขาเป็นเกียร์รถแทน เฮ้..คยูฮยอนยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวันเลยนะ ยิ่งมึน ๆ อยู่ด้วย
“จะฟังต่อมั้ยคุณหมอ ?”
“นายก็เลิกแกล้งเราแล้วเล่ามาสักทีสิ” คยูฮยอนกระโดดหลบออกมาหนึ่งไม้บรรทัดทันทีเมื่อมือใหญ่นั่นจะคว้าที่หัวเขาอีกแล้ว คยูฮยอนแลบลิ้นใส่โดยมีซีวอนชี้นิ้วอย่างคาดโทษก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปทำแผลที่คิ้วให้อีกฝ่ายต่อ
“เราชอบไอรีน...แต่ไม่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้วเพราะเจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรเลยระหว่างที่เราตามจีบ” ซีวอนยักไหล่ก่อนจะเบ้หน้านิด ๆ เมื่อนึกถึงมัน “จนมาเมื่อวันก่อนน่ะแหละที่เธอมาบอกว่าเรารำคาญเรา เลิกยุ่งกับเธอสักที ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอยังนัดเราไปกินขนมร้านแพงอยู่เลย”
ซีวอนพูดพลางแค่นหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องน่าตลกปนน่าสมเพทในเวลาเดียวกัน คยูฮยอนได้แต่นั่งเงียบทำแผลให้ซีวอนไป เขาไม่ควรจะพูดอะไรออกไปตอนนี้สินะ ดู ๆ แล้วซีวอนน่าอึดอัดกับเรื่องนี้พอสมควรเลย
มันก็น่าสงสารอยู่หรอกนะ ชอบเขาแต่เขาดันมีแฟนแล้วอย่างนี้มันเท่ากับหลอกให้รักหรือเปล่า ?
“เสียใจมากเลยหรอ ?”
“ตอนแรกก็ไม่เข้าใจนะว่าจู่ ๆ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ชัดเจนดี โดนต้มจนเปื่อยเลย” ร่างสูงยังคงพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ทำไมคยูฮยอนรู้สึกว่าแววตานั้นดูเจ็บปวดยังไงไม่รู้แหะ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเงียบลงเล็กน้อยเหมือนเข้าสู่โลกของตัวเอง ซีวอนก็นั่งเงียบ ๆ ให้คยูฮยอนทำแผลไปเรื่อย ๆ คยูฮยอนก็เกร็งนิดหน่อยที่บรรยากาศมันเงียบแบบนี้ แถมคนไข้เขายังไม่ร้องสักแอะแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำหนักมือไปหรือเปล่า
“อ่า... ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะ แต่ทางที่ดีเราแนะนำให้ไปโรงพยาบาลอีกทีดีกว่า” คยูฮยอนตบลงบนผ้าก๊อตที่คิ้วเบา ๆ ก่อนจะจัดการรวมอุปกรณ์เหลือทิ้งทุกอย่างลงถุงให้เรียบร้อย ซีวอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจเช็คผลงานบนหัวตัวเองก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ทำแผลเก่งนี่”
“พอดีมีคนชอบไปหาเรื่องเจ็บตัวให้มาทำแผลให้บ่อย ๆ น่ะ”
“แฟนนายที่นั่งอยู่ด้วยกันน่ะหรอ ? ดูเขาไม่น่าจะใช่คนบู๊อะไรขนาดนั้นนะ” ทันทีที่ซีวอนพูดจบ หนุ่มแว่นก็หน้าขึ้นสีทันที ร่างโปร่งรีบยกมือขึ้นส่ายไปมาปฏิเสธแทบไม่ทัน
“มะ..ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แฟน”
“เอ๋...แต่เห็นมองตากันหวานขนาดนั้น ถ้าจูบกลางร้านผัดไทยได้นี่ทำไปแล้วมั้ง”
“จะ..จูบบ้าอะไรของนายน่ะ !” คนเขินได้แต่ทำตัวน่าแกล้งต่อไป ท่าทางลนลานแบบนั้นมันทำให้ซีวอนมองออกทะลุปรุโปร่งเลยล่ะว่าเรื่องราวของทั้งสองคนมันเป็นยังไง
“นายดูออกง่ายชะมัดเลยอ่ะ”
“หา ?”
“แอบชอบเขาใช่มั้ยล่ะ ผู้ชายคนนั้นน่ะ”
“....”
อึ้ง – แดก...
อีกครั้งที่ซีวอนทำให้คยูฮยอนอยู่เฉย ๆ แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเอ๋อ ๆ ได้ เขาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ? นี่หรือว่าทงเฮก็รู้เหมือนกันว่าเขาแอบชอบมัน หรือบางที... โอ๊ยยย ตายแล้วตายแล้วววว
“อย่าทำหน้าเหมือนโลกจะแตกแบบนั้นสิ”
“ก็...ขนาดนายยังรู้แล้วถ้าทงเฮรู้...”
“อ้อ...ผู้ชายคนนั้นชื่อทงเฮหรอกหรอ”
“ถ้าทงเฮรู้จะทำยังไงล่ะ..” ตอนนี้พยาบาลจำเป็นของซีวอนทำหน้าเหมือนอยากตายแทนซีวอนที่เพิ่งโดนตีนมาเสียแล้ว ร่างสูงมองอีกฝ่ายที่เบะปากพลางทำสายตาเหมือนจะร้องไห้อยู่รำไร
“เขาก็ดู...ชอบนายเหมือนกันไม่ใช่หรอ ?” ไม่รู้อะไรเป็นเหตุให้ซีวอนพูดออกไปแบบนั้น คงจะเป็นตากลม ๆ ที่ดูน่าสงสารนั่นล่ะมั้งที่ทำให้ซีอวนเลือกจะใช้คำพูดปลอบใจอีกฝ่าย
“ไม่หรอก ทงเฮก็ทำแบบนี้กับทุกคนนั้นแหละ”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิ นายอยู่กับเขาตลอดหรือไงถึงได้รู้ว่าเขาทำแบบนี้กับทุกคน ?”
“เปล่า”
“งั้นก็อย่าคิดมาก บางทีเขาก็อาจจะชอบนายเหมือนกันก็ได้” คำพูดของซีวอนไม่ได้ทำให้คยูฮยอนรู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ ร่างโปร่งเม้มปากก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้ซีวอนนิด ๆ
“ขอบจะ...”
โครก คราก
“...”
“...”
คยูฮยอนที่ยิ้มออกมาได้เพียงเสี้ยววินทีก็เบะปากอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงกุมท้องตัวเองเมื่อน้ำย่อยทำตามหน้าที่ของมันอย่างดีอีกครั้ง ซีวอนเห็นแบบนั้นก็ขำออกมาเล็กน้อย ถึงว่า...เห็นนั่งกินข้าวกับทงเฮทั้ง ๆ เรียนเสร็จแล้วก็ควรจะตรงกลับบ้านเลย แถมดูเหมือนจะทิ้งคนที่ตัวเองแอบชอบวิ่งตามมาทำแผลให้เขาอีก
รู้จักกันหรือเปล่าก็ไม่ แต่เจ้าแว่นนี่ชอบอยู่ใกล้เขาเวลาเจ็บตัวทุกที
“เอาอย่างนี้มั้ย... เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล เราจะเลี้ยงข้าวนาย”
“เฮ้ย ไม่เป็นระ...โอย..” ยังไม่ทันพูดจบประโยคมันก็เล่นงานเขาอีกครั้งหนึ่ง คยูฮยอนเบ้หน้าทันที มันเป็นภาพที่ทำให้ซีวอนอดขำไม่ได้ เมื่อแกร่งยื่นไปตรงหน้าคยูฮยอนที่มองมาตาแป๋วก่อนจะระบายยิ้มให้จนคนมองรู้สึกได้ถึงแสงสว่างจ้า
“ไปกันเถอะ โจว คยูฮยอน”
อ่า... เอาอีกแล้ว...คนคนนี้ชอบมีอะไรมาให้เขาอึ้งอยู่เรื่อย
ชเว ซีวอนรู้ได้ยังไง ?
รู้ชื่อของเขาได้ยังไง คยูฮยอนยังไม่ได้บอกเลยนี่นา...
TO BE CONTINUE…
ทำไมอีนี่ฟินกับเฮคยูจังเลยคะ งง
เขาเลี้ยงข้าวกันแล้วอ่ะแกกกก มาดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่กันต่อดีกว่า
ถามว่าทำไมต้องฟีตพี่ทงด้วย รักสามเศร้าหรอ ?
ไม่มีอะไรมากค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องต้มมาม่ากินอะไรกันทั้งนั้น
มันเกิดจากความหลงใหลในมนุษย์อีทงเฮของไรท์เตอร์ล้วนล้วนนนน
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะที่ทุกตอนต้องมีฉากเฮคยู ยังไงวอนคยูเขาก็ต้องได้กันอยู่แล้วอ่ะ
เชื่อใจเรานะ *สบตาไขว้นิ้ว*
ความคิดเห็น