ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] THE ZAUBERER

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1 :: BEGIN

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 57



    CHAPTER 1

    :: BEGIN

     

                    กริ๊งงงงงงง!!!

     

                    เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นไปทั่วห้องนอนสีขาวขนาดกลาง ทำเอาคนที่นอนอุดตูดอุดหูอยู่บนเตียงได้แต่เบ้หน้าไม่พอใจเท่าไหร่ ร่างสูงพลิกตัวไปมาเหมือนพยายามจะหนีจากเสียงนั้นแถมยังเอาผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมโปงอีกต่างหาก มือหนาเอื้อมไปตะปบให้มันหยุดหากปากทำลายความสุขในการนอนของเขาสักที แต่มันก็เท่านั้นเมื่อยังไงเขาก็หนีมันไม่พ้นเสียงปลุกประจำอยู่ดี

     

                    “ชเว ซีวอน แกจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” นั่นไงคิดไม่ทันไรมาและ ร่างของผู้หญิงที่บังคับให้ซีวอนคิดไว้เสมอว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุดในโลกยืนเท้าวสะเอวอยู่หน้าประตูพร้อมกับตะหลิวในมือพร้อมจะเข้ามาแฉ่งกระบาลลูกชายสุดที่รักได้ตลอดเวลา

     

                    “คร้าบคุณนาย ขอห้านาทะ..”

     

                    “ไม่ลงมาก็ไม่เป็นไร ฉันจะได้บอกให้คนที่รับแกไปมหาลัยด้วยกันไปก่อนเลย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงคุณนายประจำบ้านผู้เป็นคนให้กำเนิดชเวซีวอนผู้นี้ก็หาเรื่องมาขู่เหมือนเคย อย่าคิดว่าซีวอนจะสนใจข้อเสนอครับอย่าคิด

     

                    เดี๋ยวนะ...คนที่มารับไปมหาลัยด้วยกันหรอ

                เห้ยยยยยยยยย

     

                    “ตื่นแล้ว ๆ ผมจะบอกว่าขอห้านาทีอาบน้ำต่างหาก ม๊าชอบมั่วตลอดเลย!” ยังไม่ทันที่จะสวดกลับที่มาหาว่าเธอมั่ว ไอลูกชายตัวดีก็รีบคว้าเอาผ้าขนหนูที่ไม่ได้ซักมาแรมปีเพราะความขี้เกียจของมันบวกกับคุณแม่ที่แสนดีที่อยากดัดนิสัยโสโครกของลูกชายเลยปล่อยมันไว้อย่างนั้น แน่นอนว่าคนอย่างชเวซีวอนมีหรือจะเอามันไปซักและแน่นอนอีกว่าเขายังใช้มันอยู่แบบนั้นไม่มีการไปลงน้ำยาปรับผ้านุ่มให้มันหอมแต่อย่างใด

     

                    หอมขึ้นแล้วมันเช็ดตัวฟินกว่าหรืออย่างไรยังไงมันก็ใช้เช็ดตัวเหมือนกัน ชเวอยากจะถามคุณนายของบ้านออกไปแต่เชื่อว่าคงได้รับคำตอบมาเป็นตะหลิวไม่ก็กระทะงาม ๆ

     

                    ไม่ถึงห้านาทีกับการทำความสะอาดร่างกายของซีวอน ร่างสูงใส่ชุดนักศึกษาลวก ไหนจะเนคไทล์ที่แต่เอามาคล้องคอไว้ก่อนจะคว้ากระเป๋าที่ประจุชีทไว้น้อยนิดแล้วกระวีกระวาดลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยความที่ไม่ยากจะให้ คนที่มารับไปมหาลัยฯ ด้วยกันรอนาน

     

                    และก็แน่นอนซีวอนยิ้มกว้างทันทีเมื่อลงมาพบกับเจ้าของใบหน้าขาวใสที่เขาคุ้นเคยดีกำลังช่วยแม่เขาจัดโต๊ะอาหารอยู่ในครัว

     

                    “คยูฮยอนนา~

     

                    “ดูมันสิดูมัน แทนที่ลงมาจะทักทายแม่ก่อนละไม่มีเลยไอลูกคนนี้หนิ!” แน่นอนคำบ่นของคุณนายไม่มีผลต่อชเวซีวอนผู้นี้เขารีบเดินตรงเข้าไปหาร่างที่กำลังเรียงจานอยู่บนโต๊ะทันทีก่อนจะยิ้มกว้าง ๆ ใส่เรียกร้องความสนใจเมื่อคนตรงหน้าไม่หันมาสนใจเขา

     

                    “คยูฮยอนนา...จะมาทำไมไม่โทรมาบอกล่ะ” น้ำเสียงอ้อน ๆ ไม่ได้ทำให้คนที่ยืนจัดจานอยู่พ่ายแพ้กับมันเลยสักนิดตรงกันข้ามกับหันมามองด้วยสายตาเนือย ๆ ก่อนจะชี้ไปทีโทรศัพท์เครื่องหรูที่นอนตายอยู่บนโต๊ะอาหารหลังจากที่จัดการคยูฮยอนเก็บซากมันมาจากโซฟาในห้องรับแขก           

     

                    “นายอยากให้ฉันได้ยินเสียงโอเปอร์เรเตอร์แทนเสียงนายหรือไง เล่นจนแบตหมดแล้วทิ้งไว้ไม่เป็นที่ไม่รู้จักเอาไปชาร์จ”

     

                    “แหม คยูฮยอนอยากได้ยินเสียงฉันตอนเช้าก็ไม่บอก ถ้างั้นฉันโทรหาคยูฮยอนแทนดีมั้ย หรือเอาเสียงฉันไปตั้งเป็นเสียงปลุกดีล่ะ”

     

                    “อย่าทำให้ฉันรู้สึกหลอนไปมากกว่านี้เลย”

     

                    “คยูฮยอนนา~

     

                    “นั่งลง เดี๋ยวจะไปช่วยคุณน้าเอากับข้าวมาให้”

     

                    “คร้าบบบบบบบบบบบ” ซีวอนรับปากอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วส่ายตัวดุ๊กดิ๊กระริกระรี้มองตามคยูฮยอนที่เดินเข้าไปหาแม่ของเขาแล้วช่วยยกข้าวปลาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ

     

                    ไม่บ่อยนักหรอกนะที่คยูฮยอนจะมาหาเขาที่บ้านน่ะ ซีวอนก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาสิ แถมมาไม่บอกแบบนี้ตั้งใจเซอร์ไพรส์เขาแน่ๆ (เมินโทรศัพท์ที่นอนตายอยู่บนโต๊ะ) เขากับคยูฮยอนอยู่ปีหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ เพิ่งเข้ามหาลัยด้วยกันสด ๆ ร้อน ๆ รู้จักกันตอนวันปฐมนิเทศซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายเข้าไปทักก่อนน่ะมันซีวอนชัวร์ ๆ อยู่แล้วล่ะ จากนั้นก็ตามป้วนเปี้ยนอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ จนเรียนมาได้ประมาณสองสามเดือนแล้วล่ะ

     

                    ก็ทำไมล่ะ ซีวอนเห็นคยูฮยอนอยู่คนเดียวเลยเข้าไปทัก ซีวอนเห็นคยูฮยอนถือของหนักเลยเข้าไปช่วย ซีวอนเห็นคยูฮยอนน่ารักด้วยก็เลยอยากรู้จัก <3

     

                    แน่นอนว่าการเข้าหาคยูฮยอนในระยะแรกเริ่มนั้นเป็นเรื่องที่ยากชนิดว่าทำข้อสอบสอบเข้าพันข้อยังง่ายกว่าเยอะ ถ้าไม่มีความพยายามจริงการเข้าหาคยูฮยอนเพื่อตีหลี่ เอ้ย ตีซี้นี่มันเป็นเรื่องยากมากกกกกก แต่หากซีวอนก็อาศัยความด้านได้อายอดตื้อครองโลกเท่านั้น จนคยูฮยอนถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาว่าอยากทำอะไรก็ทำ

     

                    ซึ่งนั้นเป็นเหมือนใบอนุญาตจากคยูฮยอน ซีวอนก็ไม่เกรงใจที่จะเกาะติดร่างขาว ๆ นี่ตลอดเวลาเรียนคณะเดียวกันแถมลงวิชาเหมือนกันเกือบทุกวิชาด้วย

     

                    อ่า..อะไร ๆ ก็เป็นใจไปหมด <3

     

                    “นั่งยิ้มบ้าอะไรตั้งนาน หาหมอหน่อยมั้ย”

     

                    “ถ้าเป็นหมอคยูฮยอนละก็ยอมเป็นคนบ้าเลย”

     

                    “คุณน้าครับ มีเบอร์รถพยาบาลมั้ยครับ” แน่นอนว่าอยู่กับซีวอนทีไรคยูฮยอนก็ต้องถอนหายใจออกมาเป็นพัน ๆ รอบ ก่อนที่ร่างของคนสวยของบ้านจะออกมาพร้อมกับกับข้าวอย่างสุดท้ายพร้อมกับยิ้มหัวเราะกับคำถามของคยูฮยอน

     

                    “น้าว่าจะโทรหลายรอบแล้วล่ะ แต่สงสารหมอที่โน้นมากกว่าน้าเลยปล่อยมันไปแบบนี้ล่ะจ้ะ”

     

                    “อ่า..นั่นสินะครับส่งไปคงวุ่นวายน่าดู”

                    “รุมกันเข้าไปนะคร้าบบบบบ นี่ผมเป็นลูกแม่จริงป่าวเนี่ย”

     

                    “ต๊ายยยยย แกรู้ได้ไงนี่ฉันปิดมาตลอดจนกว่าแม่แกจะมารับเลยนะเนี่ย”


                    “แม่อ่ะ คยูฮยอนด้วย เลิกหัวเราะเลยนะ” คนตัวสูงยู่ปากอย่างขัดใจเมื่อเห็นทั้งแม่ทั้งเพื่อนต่างรุมรังแกเขาไม่เลิกรา ซีวอนก็แค่ผู้ชายตัวสูงบอบบางคนนึงทำไมชอบรังแกกันจังเลยนะ หล่อไม่เข้าในเลยครับ(เบ้ปาก) “โอ๊ยยย คยูฮยอนนา...ดีดปากฉันทำไมเล่า”

     

                    “คิดว่าทำแบบนั้นแล้วน่ารักหรือไง”

     

                    “แล้วคยูฮยอนรักมั้ยล่ะจ้ะ”

     

                    “ไม่”

     

                    “คิดหน่อยได้มั้ย ก่อนตอบอ่ะคิดหน่อยได้ป่ะล่ะ” ซีวอนถามอย่างน้อยใจเพื่อนตัวขาว คอยดูเถอะวันนี้ซีวอนจะไม่ตามใจคยูฮยอนหนึ่งวัน ชิชะ

     

                    “พอ ๆ เลิกทำหน้าตาน่าเกลียดใส่เพื่อนได้แล้วซีวอนเดี๋ยวอาหารก็ไม่อร่อยพอดี”

     

                    “แม่อ่ะ อาหารมันไม่อร่อยเพราะคนทำมากกว่า”

     

                    ป้าป

     

                    “อึก...”

     

                    “บอกให้ทานก็ทานสิจ้ะซีวอน กินแล้วรีบไปมหาลัยฯได้แล้วไอตัวแสบ!!! คยูฮยอนทานตามสบายเลยนะจ้ะ อยากเพิ่มก็บอกน้าเลยนะเดี๋ยวน้าตักให้” ซีวอนถึงกับสำลักเมื่อโดนหัวปลายัดเข้ามาเต็ม ๆ ปากกับความสองมาตรฐานของคุณนายแม่ที่พูดกับคยูฮยอนซะดิบดีแต่กลับพูดกับลูกชายในไส้ซะ....แม่อ่ะผมเป็นลูกแม่นะ กระซิก (เคี้ยวก้างปลา)

     

                    “หึหึ ครับ” เสียงหัวเราะของคนข้าง ๆ ทำให้ซีวอนเลิกน้อยใจและหันไปมอง รอยยิ้มถูกแต่งแต้มบนใบหน้าขาวของเพื่อนที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกับเขาทำให้ซีวอนยิ้มทั้งยังมีก้างปลาคาอยู่ในปาก อา...บางทีการตื่นเช้ามาเจออะไรสบายตาแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ

     

                    “มองอะไร อยากกินอีกก้างหรือไง” รอยยิ้มหายไปฉับพลันเมื่อหันมาเห็นไอเด็กโข่งตัวปัญหาของบ้านจ้องคยูฮยอนทั้งก้างที่ยังคาปาก บอกเลยคยูฮยอนรู้สึกสงสารปนสมเพทเพื่อนจอมตื้อเลยอยากสงเคราะห์เพิ่มด้วยการหยิบก้างปลาในจานตัวเองไปจ่อปากอีกคน

     

                    “แหมอยากป้อนก็ไม่บอก”

     

                    ง่ำ

     

                    ถ้าคนตรงหน้าเป็นหมาคยูฮยอนคงหาอะไรสักอย่างขว้างไปไกล ๆ ให้มันไปคาบเล่นแล้ว เพราะดูเหมือนถ้าอยู่ใกล้เกินไปเขาอาจจะติดเชื้อบ้าได้โดยไม่รู้ตัว เพราะซีวอนดันบ้าจี้มางับก้างปลาอับเบ้อเร่อที่คยูฮยอนจ่อปากไว้อยู่เข้าอย่างจัง ก่อนร่างสูงจะเบิกตากว้าง จนคยูฮยอนเดาได้ว่ามันคงโดนทิ่มสักที่ในปากนั่นแหละ

     

                    “อ๊ากกกกกกกกกกกก เจ็บบบบบ”

     

                    หึ สมน้ำหน้า

     

                เจ้าบ้าเอ้ย...

     

     

                                                                                    …………………………

     

     

                    เช้าแบบนี้แทนที่จะเลือกใช้รถที่จอดไฉไลไว้ในโรงรถให้ฝุ่นเกาะเล่น คยูฮยอนกับซีวอนเลือกที่จะโหนรถเมล์ไปมหาลัยโชว์กลิ่นโรออนที่เพิ่งไปซื้อมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวาน...บ้าสิ พวกเขาเป็นเด็กใหม่เลยไม่อยากให้มีรุ่นพี่เขม่นว่าทำตัวโก้ขับรถหรูไปโรงเรียน ซีวอนเลยสงเคราะห์ตัวเองด้วยการไปยืนจั๊กแร้เปียกบนรถเมล์โดนมีคยูฮยอนยืนจับเหล็กที่พนักเก้าอี้อยู่ข้างตัว

     

                เออว่ะ เหล็กที่เก้าอี้ก็มีให้จับ ให้กูจะยืนโหนทำส้นตีนอะไรว่ะ

     

                    “คยูฮยอนยังไม่บอกเลยนะว่ามาที่บ้านฉันทำไมอ่ะ”

     

                    “ทำไม ไม่อยากให้มาหรือไง”

     

                    “อยากสิ อยากให้คยูฮยอนมาจะตาย แต่อยากรู้หนิว่าทำไมถึงมา หนึ่งน่าจะเพราะคิดถึง สองน่าจะเพราะคิดถึง สามก็น่าจะเพราะคิดถึงใช่มั้ยล้า~” คนตัวสูงที่แอ๊บเสียงน่ารักทำเอาคยูฮยอนขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ติ๊งต๊องเอ้ย...คยูฮยอนได้แต่คิดในใจแต่หากไม่ได้พูดออกไป

     

                    “หลงตัวเองนะเราอ่ะ”

     

                    “เปล่านะ หลงคยูฮยอนต่างหากล่ะ”

     

                    “เห้อ เมื่อไหร่จะเลิกพูดจาแบบนี้สักที” คยูฮยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะช้อนสายตามองคนที่ตัวสูงกว่าด้วยความเหนื่อยใจ แต่หากคนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยนอกจากจะยิ้มกว้างแล้วก้มลงเอาหัวมาถู ๆ กับไหล่เขาไปมาอย่างออดอ้อน

     

                    “ก็จนกว่าคยูฮยอนจะเลิกน่ารักใส่นั่นแหละ”

     

                    “ชเวซีวอน ฉันไปน่ารักใส่นายตอน...”

     

                    “อ๊ะ...ถึงแล้ว ลงกันเถอะ” ไม่ทันให้โดนคยูฮยอนสวดตอนเช้า ซีวอนก็คว้ามือที่จับกับเหล็กพนักเก้าอี้มาจับไว้ก่อนจะพาลงจากรถเมล์ซึ่งก็มีนักศึกษาลงตามมาไม่ใช่น้อย แถมลงมาจากรถไม่ทันไรหลายคนก็เริ่มซุบซิบกันเมื่อซีวอนไม่ยอมปล่อยมือจากข้อมือคยูฮยอนสักที

     

                    แน่ล่ะ ก็ซีวอนเป็นถึงเฟรชชี่หน้าใส ซึ่งใคร ๆ ก็ต่างลงความเห็นว่าหล่อมากกกกกกก เป็นรุ่นน้องที่พี่ปีสองถึงสี่จ้องจะงาบไปกินวันละสามเวลาหลังอาหาร แน่นอนว่าด้วยนิสัยเข้ากับคนอื่นง่ายแถมยังยิ้มง่ายใจดีอีกต่างหากทำเอาเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ และเก้งกวางในคณะและนอกคณะ ไหนจะส่วนสูงเกินร้อยแปดสิบ บวกกันหน้าหล่อ ๆ จมูกโด่ง ๆ กับผิวสีแทนที่มองยังไงก็รู้สึกเซ็กซี่ไม่หยอก ทำเอาบรรดาสาว ๆ ต่างจ้องมองกันเป็นพิเศษ

     

                    แถมยังมีหนุ่มหน้าหวานตัวขาวนามว่าคยูฮยอนที่ถึงแม้จะพูดน้อยแต่หากก็เป็นที่เอ็นดูของพวกรุ่นพี่ไม่น้อย เพราะถึงจะทำตัวเงียบ ๆ แต่เวลามีงานอะไรคยูฮยอนก็จะมาช่วยตลอดแถมงานก็ออกมาดีเกินคาดทุกครั้ง แน่ล่ะ มันช่วยให้งานของพวกเขาผ่านสายตาเฉียบคมของอาจารย์มาได้

     

                    “แหม่...ควงกันมาแต่เช้าเลยนะ เกรงใจชะนีบ้างสิย่ะ” แน่นอนว่าก้าวฉับ ๆ ยังไม่ถึงตัวตึกก็มีเสียงหวาน ๆ ที่แสนคุ้นเคยดักแซวอยู่ข้างทาง ซึ่งซีวอนกับคยูฮยอนก็รู้จักดีว่าเป็นใคร

     

                    “ไปยืนมืดอะไรตรงนั้นล่ะครับพี่ฮโยริน”

     

                    “กรี้ดดดดดไอบ้าปากเสีย ผิวสีน้ำผึ้งย่ะรู้จักมั้ย”

     

                    “แถวบ้านผมเรียกดำ”

     

                    “ฉันดำแกก็ถ่าน”

     

                    “ถ่านมันก็ดำนะครับ งั้นพี่ก็ถ่านเหมือนกัน”

     

                    “แกจะเอาใช่มั้ยไอน้องเวร ได้...” หญิงสาวถลกแขนเสื้อเตรียมเข้าบวกไอน้องรหัสหน้าหล่อ จะมีสักครั้งมั้ยที่ไอสูงนี่ไม่กวนประสาทเรื่องสีผิวของเธอ มันดำตรงไหน รู้จักมั้ยผิวสีน้ำผึ้งน่ะ ไอบ้านนอกกกกกก

     

                    “พอเถอะครับพี่ฮโยริน ขอโทษแทนซีวอนด้วยนะครับ” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเข้าตั๊นหน้าหล่อ ๆ ของน้องรหัสฮโยรินก็ต้องหยุดไนกี้คู่งามไว้แค่นั้นเมื่อโดนสายตาแมวตัวน้อย ๆ จ้องมาเชิงขอร้องก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยขอโทษแทนน้องรหัสตัวดีของเธอ โถ...แมวน้อยของพี่

     

                    “หัดทำตัวให้น่ารักเหมือนน้องคยูบ้างสิย่ะ คยูฮยอนนา...ทำไมพี่ไม่ได้นายเป็นน้องรหัสกันน้า~” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาฉวยมือคยูฮยอนให้หลุดจากการเกาะกุมของซีวอน ก่อนจะคว้าตัวคนตัวขาวเข้ามากอดแล้วลูบหัวลูบหางอย่างเอ็นดู ดูสิแถมยังยืนยิ้มน่ารักไม่หือไม่อือ น่าเอ็นดูจริง ๆ เลย TvT

     

                    “พี่ฮโยเอาคยูฮยอนคืนมาเลยนะ”

     

                    “ไม่ให้ย่ะ แบร่!!” ว่าแล้วหญิงสาวก็ลักพาตัวคยูฮยอนไปนั่งในกลุ่มของเธอที่จับกลุ่มเป็นป้าเมาส์อยู่ใกล้ ๆ คนในกลุ่มที่รู้สึกคยูฮยอนดีก็เอาอกเอาใจป้อนขนมกันให้ไม่ขาดปาก ทำเอาซีวอนที่เป็นน้องรหัสแท้ ๆ ที่ถูกทั้งเพื่อนและพี่รหัสเมินก็ได้แต่อ้าปากค้างกับการถูกทำร้ายรอบที่สองของช่วงเช้า

     

                    ตอนเช้าก็มารดาที่แสนเคารพรัก ตอนนี้ก็พี่รหัสที่แสนเคารพยิ่ง

                ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้ ฮื่อออออออออออ

     

                    ซีวอนเบ้หน้าไม่พอใจ ก่อนจะเข้าไปแหวกฝูงกลุ่มป้าเมาส์ของพี่รหัสตัวเองแล้วแทรกนั่งข้าง ๆ คยูฮยอนก่อนจะเอาแขนพาดที่ไหล่ของเพื่อนตัวเองเอาไว้ แน่ละ ตอนนี้กลุ่มป้าเมาส์กรี้ดสลบกันไปข้างกับการแสดงความสนิทชิดเชื้อ(?)ของทั้งสองคน ส่วนพี่รหัสอย่างฮโยรินได้แต่เบ้หน้ากับการกระทำของน้องรหัส

     

                    “หวงจังนะ แตะไม่ได้เลยสินะคนนี้อ่ะ”

     

                    “ขื่นพี่มาจับคยูฮยอนบ่อนเดี๋ยวสีก็ตกใส่คยูฮยอนพอดี”

     

                    “ฉันละเพลียจะเถียงกับแกจริง ๆ ” ฮโยรินที่ยกธงขาวยอมแพ้กับการปะทะฝีปากกับน้องรหัสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำไมเธอต้องมานั่งเถียงเป็นวรรคเป็นเวรให้เสียสุขภาพจิตกับน้องรหัสตั้งแต่เช้าด้วยเนี่ย สวยไม่เข้าใจอ่ะค่ะ ทำไมต้องแซะสวยตลอด แกเป็นโรคใช่มั้ยตอบบบบ

     

                    “ว่าแต่ซีวอนกับคยูนี่สนิทกันจังเลยน้า~” พอพี่น้องสายรหัสวางมวยกันเรียบร้อยแล้ว โบราหนึ่งในกลุ่มป้าเมาส์ของฮโยรินก็พูดขึ้นมาพลางทำสายตาล้อเลียนใส่ซีวอนที่เกาะหนึบกับคยูฮยอนไม่วางตา แถมตอนนี้ร่างสูงยังอ้าปากรับขนมในมือคยูฮยอนที่ป้อนมาให้แล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ หน้าตาเฉยอีกต่างหาก

     

                    “ครับ เข้ามหาลัยมาก็มีแต่คนนี้เนี่ยแหละ อยู่กันแค่นี้ก็ดีนะครับไม่วุ่นวายดี เนอะคยูฮยอนนา~” คำพูดชวนคิดมากหลุดออกมาจากปากของคนหน้าหล่อ กลุ่มป้าเมาส์ปรับโฟกัสไปมองหน้าคยูฮยอนก็พบว่าคนถูกพูดถึงยังคงเคี้ยวกล้วยเข้าปากและพยักหน้าหน้าตาเฉย

     

                    กลุ่มป้าเมาส์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกันทันทีที่เป็นปฏิกิริยาของเด็กทั้งสอง สงสัยจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอแอบคาดหวังซะแล้วมั้ง...ก็ดูสิอีกคนก็พูดคำพูดชวนเขินออกมาหน้าตาเฉย ส่วนอีกคนก็ยังทำหน้าตายไม่หือไม่อืออะไรอีกต่างหาก ปฏิกิริยาแบบนั้นทำเอาพวกเธอต้องจิ้นห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ซะละ

     

                    “พวกแกไม่ต้องไปคาดหวังอะไรจากสองคนนี้หรอก มันแค่สนิทกันมากเกินไปเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก เลิกคิดและจิ้นอย่างใช้จักรยานในการรับชมค่ะ”

     

                    “รับแซ่บ”

     

                    คยูฮยอนและซีวอนมองกลุ่มป้าเมาส์อย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้มีขนมมาเซ่นสังเวยเขาต้องจัดการมันอย่าให้เหลือซากก่อนจะเข้าไปเรียนวิชาสุดโหดที่แค่เห็นหน้าอาจารย์ซีวอนก็รู้สึกปวดขี้อย่างบอกไม่ถูกอยากจะขออนุญาตออกมาจนหมดคาบเพราะไม่อยากจะนั่งฟังเรื่องชวนง่วงจนจบ

     

                    อยากจะแนะนำให้อาจารย์ลองใช้บรีสดู

                    จะได้ลืมไปเลยว่าเคยมีค(ร)าบ

                    ……

                    …..         

                    ..

                ถุ้ยยยยยยย

     

                    “หึ” เสียงหัวเราะข้าง ๆ เขาทำให้ซีวอนที่กำลังอยู่ในมุกควายเครียดของตัวเองหันไปมอง

     

                    “วันนี้หัวเราะบ่อยจังเลยนะคนนี้”

     

                    “ขึ้นห้องกันเถอะ” คำชวนเอ่ยออกมาพร้อมกับยัดขยะและซากซองขนมใส่ถุงเซเว่นใบใหญ่แล้วกำลังจะลุกขึ้น แต่หากเมื่อสังเกตปฏิกริยาโอเวอร์แอคติ้งของคนข้าง ๆ แล้วคยูฮยอนฟันธงได้เลยว่าไอสูงเพื่อนเขามันต้องคิดอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกแล้วแน่ ๆ

     

                    “ไม่ได้นะคยูฮยอน ระ..เราเป็นเพื่อนกันนะ มาชวนขึ้นห้องอะไร บ้า”  ท่าทางขวยเขินชวนถีบของซีวอนทำให้คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขารวบเอาขยะทั้งของเขาและพี่ ๆ ใส่ถุงขยะแล้วรวบกระเป๋าขึ้นบ่าก่อนจะโค้งลากลุ่มป้าเมาส์งาม ๆ หนึ่งที

     

    "ไปละนะครับ ฝากพาไปส่งห้องพยาบาลด้วยนะครับ" ว่าพลางชี้ไปที่คนตัวสูงที่กำลังทำท่าทางบิดไปบิดมาเหมือนสาวแรกแย้มโดนแซวครั้งแรก จนคยูฮยอนต้องถอนหายใจอีกเฮือก ถ้าเป็นอย่างที่คนเขาว่าจริงว่าคนถอนหายใจจะอายุสั้นคยูฮยอนว่าชะตาเขาคงจะขาดในไม่ช้า

     

    ไม่รอให้เห็นภาพร่างสูงทำท่าอุจาดตาไปมากกว่านี้คยูฮยอนนี้ชิ่งรวบถุงขยะไว้ในมือก่อนจะโค้งลาอีกรอบและก้สวเดินฉับ ๆ หนีมันซะเลย ส่วนไอคนถูกทิ้งก็ได้แต่นั่งเอ๋ออยู่กับที่ ก่อนจะโดนพี่รหัสถีบให้รีบวิ่งตามมาคุ้มกันน้องสุดที่รักยิ่งกว่าน้องรหัสแท้ ๆ จากสายตาแทะโลมของผู้คนในมหาลัยฯ

     

    เดี๋ยวพ่อก็เอาไม้ลูกชิ้นจิ้มตาซะเลยยยย

     

    "คยูฮยอนนา~ ไม่เห็นต้องทิ้งกันเลยนี่นา" ว่าพลางเดินไปฉวยเอาถึงขยะจากมือคยูฮยอนมาถือไว้เองก่อนจะรีบวิ่งไปทิ้งขยะที่ถังที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

     

    "เมื่อไหร่จะเลิกทำท่าทางประหลาดแบบนั้นสักที หน้าตาก็ดีซะเปล่า"

     

    "ฮั่นแหน่ ยอมรับแล้วอ่ะดิว่าเค้าหน้าตาดี"

     

    "ฉันบอกตอนไหนว่านายหน้าตาแย่"

     

    "ก็เห็นชอบรวมหัวกับคุณแม่แกล้งฉันตลอดดด"

     

    "เห้อ" เอาอีกแล้ว ทำไมคยูฮยอนถอนหายใจใส่เขาอีกแล้วล่ะะะ ชเวไม่เข้าใจจริง ๆ เลย แถมสายตาที่ส่งมานั่นมันอะไร เหมือนจะส่งมาแทนคำพูดว่า 'เอาที่มึงสบายใจนะชเว' แต่ไม่ คยูยอนไม่มีทางหยาบคายกับเขาแบบนั้นหรอกใช่มั้ย

     

    "เลิกคิดอะไรบ้า ๆ แล้วไปเข้าเรียนได้แล้ว" ยังไม่ทันจะได้เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นคนหล่อของประเทศ คยูฮยอนก็เอ่ยท้วงเขาขึ้นมาก่อนจนซีวอนต้องหุบปากฉับแล้วพยักหน้ารับเป็นชเวเชื่อง ๆ ก่อนจะเดินตามคยูฮยอนไปต้อย ๆ เหมือนลูกเป็นเดินตามแม่ไก่(?)

     

    "ทำไมคยูฮยอยต้องรู้ทันตลอดเลยนะ อ่านใจได้ใช่มั้ยเนี่ยเรา"

     

    "ตลก มองหน้านายฉันก็ระ...ระวัง!!!"

     

    ปึก!!!

     

    ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ร่างสูง ๆ ที่กำลังตั้งใจฟังเสียงของคยูฮยอนที่บ่นเขาแทบจะทุกวันอย่างตั้งใจ จู่ ๆ กิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทางก็หักลงมาเสียดื้อ ๆ แต่หากโชคดีที่คยูฮยอนดึงมือเขาออกมาให้หลบไว้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นงานนี้มีฮอลกันแน่ ๆ ครับ คนรอบข้างเริ่มหันมามองเพราะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อกี้ แต่ซากกิ่งไม้ที่พื้นก็คงเป็นคำตอบมากพอแล้ว

     

    "เซฟฟฟฟ ฮู่วววว คยูฮยอนนา ขอบใจนะ~" ซีวอนที่ถูกดึงออกมาจากจุดเกิดเหตุก็หันไปยิ้มร่าให้คยูฮยอนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยตั้งใจฟังเขาสักเท่าไหร่ เอาแต่จ้องซากกิ่งไม้ที่แตกหักไม่เป็นชิ้นดีที่พื้น จนซีวอนต้องสะกิดเรียกเมื่อรู้สึกเหมือนคยูฮยอนจะจ้องทันนานเกินไป

     

    "มีอะไรรึเปล่าคยูฮยอน หรือนายเจ็บตรงไหน!?" สีหน้าตกใจทำเอาคยูฮยอนเริ่มมีสติกลับมาจดจ่อกับคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มขำ ๆ ออกมาเมื่อเห็นท่าทีของซีวอน

     

    "เปล่าหรอก นายล่ะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย"

     

    "สบายมากกก ก็คยูฮยอนเซฟไว้ได้ทันไงล่ะ ขอบคุณนะ~"

     

    "อื้อ ไปกันเถอะ" ว่าแล้วก็จูงมือคนตัวสูงเข้าตึกคณะจนคนถูกจูงยิ้มร่าทันที โดนไม่ได้สังเกตเลยว่าสีหน้าคยูฮยอนแย่แค่ไหน ร่างโปร่งหันกลับไปมองกิ่งไม้นั้นอีกครั้ง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่ามันหายไปแล้ว

     

    แน่ล่ะ หายไปพร้อมกับความสงบสุขและกำลังมีบางอย่างจะแทนที่เข้ามาด้วยความวุ่นวาย

     

     

    …………………………

     

     

    "อื้อออออออ เลิกสักที~"

     

    "คนนอนตลอดคาบไม่มีสิทธิ์บ่น"

     

    "คยูฮยอนนา เพราะฉันคิดว่าเลคเชอร์ของนายสามารถพึ่งได้ไง"

     

    "โบกทีเถอะ" ซีวอนหัวเราะร่าก่อนจะเบี่ยงตัวหลบมือพิฆาตที่หมายจะโบกหัวคนที่นอนหลับสบายตลอดคาบ คยูฮยอนจะไม่อะไรเลยถ้าหมอนรองหัวของซีวอนไม่ใช่มือข้างซ้ายของเขา

     

    บอกเลยว่าเหน็บกินทำไมชเวซีวอนถึงเป็นคนที่ทำอะไรได้หน้าตายขนาดนี้

     

    "คยูฮยอนนา~ ไปกินไอติมกันเถอะ"

     

    "หนาว"

     

    "งั้นเดี๋ยวทำให้อุ่น"

     

    "หยุดเลยนะ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำถ้าจะโถมเข้าใส่คยูฮยอนก็ลึกขึ้นเบี่ยงตัวหลบก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วมาสะพายไหล่ทันที ทำเอาคนที่หน้าแทบจะไปจูบกับเก้าอี้ทำหน้ามุ่ย "วันนี้ต้องไปช่วยเพื่อนที่ชมรม"

     

    "ทำไมอ่ะ ทุกทีไม่เห็นต้องไปเลย ทำไมอ่ะทำไม" คนตัวสูงเริ่มงอแงเหมือนเด็ก ๆ ทำเอาคยูฮยอนต้องถอนหายรอบที่ล้านแปด ก่อนจะมองมาด้วยสายตาเนือย ๆ ตัวโตเป็นควายแล้วยังมาเบ้ปากชักดิ้นชักงอเหมือนเด็ก ๆ ไปได้

     

    "กลับบ้านไปก่อนเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วโทรหาโอเคมั้ย"

     

    "ฉันรอคยูฮยอนได้นะ"

     

    "ไม่ได้ คุณน้าอยู่บ้านคนเดียวนะอย่าลืมสิ กลับไปชาร์จแบตโทรศัพท์ซะ โทรไปไม่ติดก็ไม่ต้องคุย" คยูฮยอนพูดพลางทำหน้าจริงจังว่าถ้าไม่ทำตามที่บอกซีวอนโดนโกรธแน่ ๆ ร่างสูงขมุบขมิบปากไม่พอใจเท่าไหร่ แต่หากข้อเสนอก็น่าสนอยู่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมา

     

    คุยโทรศัพท์ก่อนนอนกับคยูฮยอนหรอ

    ก็ไม่เลวแหะ

     

    "ตกลง แต่คยูฮยอนต้องโทรหาจริง ๆ นะ"

     

    "อือ กลับบ้านได้แล้ว ถ้าคุณน้าโทรมาฟ้องว่ายังไม่ถึงบ้านล่ะก็จะไม่มีการกินไอติมอีกต่อไป"

     

    "ครับผมมมมมม" ว่าแล้วก็เอามือขึ้นมาทำวันทยาหัตก่อนรวบกระเป๋าขึ้นบ่าโดนไม่ต้องเก็บของให้เสียเวลา จะเก็บทำไมในเมื่อซีวอนไม่ได้เอาของออกมาเรียนเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา แต่ได้นอนบนมือนุ่ม ๆ ของคยูฮยอนเขาก็หลับเพลินจนลืมเสียงอาจารย์ที่บรรยายอยู่หน้าชั้นแล้ว

     

    "มีอะไรโทรมานะ จะรีบมาหาเลย"

     

    "อือ ไปได้แล้ว" คยูฮยอนหลับตาปี๋เมื่อมือหนาวางลงบนผมเขาและยีเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะยิ้มตาหยี่ให้แล้วเดินออกไปจากห้อง คยูฮยอนมองตามออกไปจากตึก จนเห็นว่าคนตัวสูงเดินออกจากตึกมุ่งหน้าไปสู่รั้วมหาลัยเรียบร้อยแล้วก็รวบกระเป๋าเดินตามลงไป

     

    ร่างโปร่งเดินลงมาตามทางเดินเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าที่คิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลา เขามาหยุดเดินอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ที่เมื่อเช้าเกือบทำให้ทั้งเขาและซีวอนบาดเจ็บ อะไรบางอย่างที่เขาคุ้นเคยที่ยังส่งกลิ่นอายให้เขาได้รับรู้อยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ที่เริ่มสั่นไปสั่นมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมพัดมาเลยสักนิด นักศึกษาที่เดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจอะไรเพราะมุ่งหน้าจะกลับบ้านกันทั้งนั้น นี่ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว

     

    หน้าเรียวเงยหน้าขึ้นมองสีท้องฟ้าที่ดูมืดกว่าทุกวัน ตาเรียวยังคงฉายแววครุ่นคิดทั้งคิ้วยังขมวดอยู่ไม่จางหาย คยูฮยอนเมินจากการมองท้องฟ้ามามองต้นไม้ที่เหมือนจะคลุ้มคลั่งตรงหน้า ก่อนจะวางมือไปบนต้นไม้ใหญ่

     

    วูบ

     

    ชั่วพริบตากับสายลมที่พัดมาวูบใหญ่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงคยูฮยอนหลับตาลงช้า ๆ และลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะหันไปมองรอบด้าน ผู้คนยังคงจับกลุ่มคุยกันไม่ก็เตรียมตัวกลับบ้านเพราะฟ้าฝนตอนนี้ดูจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่

                   

    วุ่นวายจริง ๆ เลยนะ...

     

    …………………………

     

     

    แย่แล้ว แย่แล้ว

     

    ชเวซีวอนยังคงคิดในใจและรีบจ้ำเดินไปตามทางเรื่อย ๆ ให้เร็วที่สุดเพราะเห็นฟ้าฝนที่เริ่มจะไม่เป็นใจให้เขาเดินกลางแจ้งเท่าที่ควร ลมที่กรรโชกแรงทำให้ซีวอนรู้สึกแย่ไม่น้อย แต่คงแย่กว่าถ้าเขากลับบ้านไม่ทันคยูฮยอนโทรมาหา ลองติดดูสิหน้าเปียกก็ต้องอาบน้ำกินยากินข้าวใช้เวลานานขนาดนั้นถ้าคยูฮอนโทรมาแล้วเขาไม่รับจะทำยังไง แน่นอนว่าเรื่องโทรศัพท์เสด็จแม่ที่เคารพรักคงไม่ปล่อยให้มันนอนตายอยู่นาน คงจะหยิบไปชาร์จให้ด้วยความละเหี่ยใจแล้วล่ะ

     

    แหมะ แหมะ

     

    นั่นไง

     

    ตกแล้วเว่ยยยยยยย

     

    "ชิบหาย" ร่างโปร่งรีบวิ่งหลุ่น ๆ หาที่หลบฝนที่ใกล้ที่สุด ทางเข้าบ้านเขาน้องเดินอีกประมาณครึ่งกิโลเพราะบ้านเขาเป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินออกมาใกล้พอสมควรกว่าจะถึงป้ายรถเมล์

     

    ร่างสูงวิ่งเข้าไปหลบในสนามเด็กเล่นที่ต้องนี้ไร้ผู้คนทั้ง ๆ ที่ทุกทีจะมีเด็กมาวิ่งเล่นชวนปวดหัวแท้ ๆ (ฝนตกอยู่นะแก) นั่นแหละซีวอนวิ่งเข้าไปหลบในบ้านเด็กเล่นหลังเล็ก ๆ ที่พอมีหลังคาพลาสติกสีแดงไว้คุ้มกะลาหัวไม่ให้โดนน้ำฝน รู้สึกดีนิดหน่อยที่คยูฮยอนไม่ได้กลับกับเขา ป่านนี้คงหลบฝนอยู่ที่มหาลัยล่ะมั้ง

     

    จะโทรแม่ให้ออกมารับก็ลืมไปว่าโทรศัพท์ตัวเองมันนอนตายอยู่ที่บ้าน โถ...ชีวิตชเวช่างน่าอดสู่

     

    เปรี้ยงงงงงง!!!

     

    เสียงฟ้าผ่าดังลั่นทำเอาซีวอนสะดุ้งเฮือก ร่างสูงกวาดตามองไปรอบ ๆ พื้นที่สนามเด็กเล่นที่ตอนนี้ชื้นแฉะไปหมด แถมฝนเจ้ากรมดูท่าจะไม่หยุดตกง่าย ๆ ไอเขาไม่กลัวหรอกนะฟ้าร้องฟ้าผ่า แต่ตอนนี้รู้สึกแย่แปลก ๆ ชักอยากกลับบ้านให้ไวที่สุดซะแล้วสิ

     

    ทำไมรู้สึกไม่ดีแบบสุด ๆ เลยว่ะ ไอตาขวาที่กระตุกรัว ๆ นี่คืออะไร มึงลุกขึ้นมาเต้นเรกเก้เลยมั้ยครับ

     

    “เห้อ...อย่างนี้คยูฮยอนจะกลับบ้านได้มั้ยนะ” แม้ตัวเองจะติดฝนจนต้องอาศัยบ้านของเล่นหลังเล็ก ๆ แต่ก็อดคิดถึงเพื่อนสนิทตัวขาวไม่ได้ เขากลัวว่าฝนแบบนี้มันจะตกยันมืดค่ำจนคยูฮยอนกลับบ้านไม่ได้เนี่ยสิ ซีวอนจำได้ว่าบางทีฝนตกคนตัวขาวจะไม่ค่อยอยากขยับตัวไปไหนสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะไม่อยากเปียกแถมไม่ชอบเสียงดัง ๆ อย่างเสียงฟ้าร้องด้วยล่ะมั้ง


               ไอเขาน่ะไม่เท่าไหร่เพราะเดินไปอีกประมาณสองสามซอยก็ถึงบ้านแล้วรอให้ฝนซากว่านี้หน่อยก็น่าจะโอเค แต่คยูฮยอนเนี่ยสิ รายนั้นไม่ชอบพกร่มให้เกะกะด้วยสิ

     

    อ่า...ชักเป็นห่วงแล้วสิ กลับถึงบ้านแล้วลองโทรหาดีกว่า

     

    เปรี้ยงงงงงงงงงง!!!

     

    "ว๊ากกกกกกก!!!!" อยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นาน เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอีกเปรี้ยงใหญ่ทำให้ซีวอนเผลอแหกปากด้วยเสียงทุเรศทีสุดในชีวิตออกมา แต่เขารู้สึกว่าเสียงมันอยู่ใกล้มากจนหูชา

     

    แหมะ แหมะ ๆ ๆ

     

    น้ำใส ๆ จากด้านบนทำให้ซีวอนเงยหน้าขึ้นมามอง อย่ามาเล่นผีเพดานอะไรกันตอนนี้ชเวขอกราบ แต่สิ่งที่เห็นด้านบนไม่ใช่ร่างสยดสยองของใครที่ปีนป่ายเหมือนที่เขาดูในหนังสยองขวัญแต่กลับเป็นรู

     

    รูขนาดใหญ่บนหลังคาที่เขาสันนิษฐานตามหลักการของชเวศาสตร์ได้ว่า คงมาจากฟ้าผ่าใกล้ ๆ หูเมื่อกี้

     

    ได้ไงว่ะ !!!?

     

    เปรี้ยงงงงงงง!!!!

     

    แต่ยังไม่ทันให้คิดถึงสาเหตุ เหมือนว่าฟ้าจะผ่าลงมาอีกรอบคราวนี้เขารู้สึกร่างกายสั่นไปหมดเพราะมันเฉียดกายเขาไปนิดเดียวเท่านั้น ไอบ้าเอ้ย...โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามาเขามีอะไรเป็นสายล่อฟ้านอกจากความหล่อและความดำครับ นี่อยากถาม

     

    อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย โกยเถอะโยม...

     

    ร่างสูงกระชับกระเป๋าเป้ไว้มั่นก่อนจะออกตัววิ่งสี่คูณร้อยออกจากบ้านของเล่นโดยไม่รอช้า เขาจะอยู่กับบ้านที่มีฟ้าผ่าลงมาถึงสองรอบทำไม ไม่แน่ในนั้นอาจจะมีหุ่นพาวเวอร์เรนเจอร์ของพวกเด็กเปรตที่ทิ้งไว้ล่อฟ้าก็เป็นได้

     

    เปรี้ยงงงงงง!!!!

     

    "เห้ยยยยย อะไรอีกว่ะ!!?" ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากตัวบ้านก็เหมือนสายฟ้าจะผ่าลงมาไม่เลิกรา คราวนี้มันไม่ใช่แค่เฉียดแต่มันแตะรองเท้าคู่หนาของเขาไปประมาณหนึ่งมิลจนเกิดรอยแหว่งและทำให้ขาเขารู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ แต่ซีวอนไม่ยืนรอให้เป็นตัวล่อฟ้าอยู่ตรงนั้นหรอก โกยสิครับรออะไร ...

     

    เวรเอ้ย ทำไมฟ้าผ่าลงมาที่เขาไม่เลิกไม่รา นี่แม่แอบใส่ทองแดงไว้ในกระเป๋าเสื้อเขาหรือเปล่าทำไมมันถึงผ่าลงมาเฉียดเขาแบบนี้! เขามองตามหลังสายฟ้าไปที่ยังผ่ามาไล่ตูดเขาไม่เลิกไม่รา พื้นทรายของสนามเด็กเล่นเริ่มกลายเป็นหลุม ๆ จากฟ้าผ่าที่เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด

     

    นี่ซีวอนไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย

     

    ว่าสายฟ้าพวกนี้มันกำลังตามเล่นงานเขาอยู่!!!

     

    "หนีเก่งจริงนะ" ในขณะที่กำลังสับสนกับความคิดตัวเองอยู่ เสียงเย็น ๆ ก็ดังขึ้นมาท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่ ซีวอนหันทองไปรอบ ๆ เพื่อหาเจ้าของเสียง และในที่สุดเขาก็เห็นเงามืดของคนที่ยืนอยู่บนเสาไฟในสนามเด็กเล่น ถึงจะไม่เห็นหน้าเห็นตาแต่ซีวอนรู้สึกได้ถึงความอันตรายบางอย่าง

     

    ขึ้นไปบนนั้นได้ยังไงไม่รู้แหละ แต่ซีวอนรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย...

     

    "นี่ ไปยืนบนนั้นมันอันตรายนะ!" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์จิตใจดี ซีวอนเอ่ยเตือนไปท่ามกลางสายฝน อีกฝ่ายยังนิ่งไม่ตอบเขา ทั้งยังไม่ลงมาจากเสาอีก ซีวอนไม่รู้หรอกนะว่าอีกฝ่ายขึ้นไปทำไม และขึ้นไปได้ยังไง

     

    "ห่วงตัวเองก่อนเถอะ"

     

    เปรี้ยงงงงงง!!!

     

    “อ๊ากกกกกกกกก!!!” เพราะมัวแต่สนใจคนที่ยืนเป็นเงามืดอยู่บนเสาไฟฟ้า ทำให้ซีวอนไม่ทันหลบไอสายฟ้าเวรที่ผ่าลงมาที่เขาอย่างจัง ซีวอนร้องลั่นเพราะร่างกายรู้สึกเจ็บและชาอย่างรุนแรง ร่างกายที่ไม่รู้สึกอะไรตอนนี้สั่นไปหมดด้วยความกลัว คิดในใจตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันว่าโดนผ่าเข้าอย่างจังขนาดนี้ทำไมเขายังไม่ตาย...?

     

    แต่ถึงจะยังไงตอนนี้ร่างกายเขาก็ชาจนขยับไม่ได้แล้ว อาการเจ็บที่ขาในตอนแรกตอนนี้อย่าว่าแต่เจ็บเลย ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิด...

     

    ความรู้สึกใกล้ตายมันเป็นอย่างนี้เองสินะ

     

    “อะไรกัน แค่นี้ก็ขยับไม่ได้แล้วหรอ” เสียงนั้นพูดติดน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนที่ซีวอนจะเบิกตากว้างเมื่อร่างบนเสาไฟฟ้าหายไปแล้ว แต่หากวูบหนึ่งเท่านั้นที่มีร่างของคนปรากฏตรงหน้าเขาห่างไปประมาณหนึ่งร้อยเมตรแทน

     

    ความคิดซีวอนในตอนนี้คือสับสน ทุกอย่างมันเหมือนเป็นบ้าไปหมด ตั้งแต่เขาโดนสายฟ้าเล่นงาน จนมีคนที่ยืนสบายอยู่บนเสาไฟฟ้าเมื่อครู่หายตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเขา นี่มันจะไม่แฟนตาซีไปหน่อยหรือไง

     

    นี่ซีวอนฝันอยู่รึเปล่าว่ะ

     

    “นางเองสินะที่นายท่านต้องการตัว” น้ำเสียงพูดอย่างเลือดเย็น คนตรงหน้าสาวเท้าเข้ามาหาเขาเรื่อย ๆ ตอนนี้ซีวอนทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมแต่สัญชาตญาณเขาบอกให้หนี แต่ขามันกลับไม่ฟังคำสั่งเลยสักนิด ร่างกายเขาหมดแรงไปเสียดื้อ ๆ ได้แต่คุกเข่ามองคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นระริก

     

    “พะ..พูดเรื่องอะไรของนาย ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” จะด้วยอะไรไม่รู้ แต่ซีวอนรู้สึกว่านี่มันไม่ตลกเลยสักนิด ใครต้องการการตัวเขา ? ทำไมทุกอย่างมันเหมือนเป็นเรื่องจริงไปหมด คนเราจะบังคับสายฟ้าให้ไล่ผ่าคนได้แบบนี้เชียวหรอ แล้วทำไมถึงต้องเป็นเขากันล่ะ หลายอย่างที่เขายังไม่สามารถเข้าใจได้เลยสักนิด ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในหัวเพราะตอนนี้ร่างกายมันชาและไร้เรี่ยวแรงไปหมด

     

    หมดหนทางจะหนี เขาได้แต่หลับตารับชะตากรรมที่สั่นคลอนพร้อมกับปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่มีสายฟ้าพลังมหาศาล

     

    ถ้านี่เป็นฝันก็ขอให้เขาตื่นสักทีเถอะ

     

    ช่วยปลุกเขาทีเถอะ...

     

    เปรี้ยงงงงงงงงง!!!

     

    บึ้ม!!!

     

    ไม่รู้สึกอะไรเลย...หรือว่าเขาจะตื่นแล้ว...

    แต่ทำไมความชาก่อนหน้านี้ยังไม่หายไป

     

    ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อแสงสีฟ้าชวนแสบตาสะท้านเข้ามาเต็มเบ้า ก่อนจะค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบกับร่างของใครคนนึงในเสื้อคลุมสีดำ ที่มีฮู้ดปิดตั้งแต่หน้าถึงลำคอ ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับแสงสีฟ้าที่กระจายเป็นวงกว้างเหมือนกำลังจะป้องกันพวกเขาจากศัตรูตรงหน้า

     

     “หลับตาซะ!!!” เสียงเกรี้ยวกราดของคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตะโกนขึ้น แม้มันจะคุ้นหูอยู่บ้างแต่ซีวอนกลับนึกไม่ออก เขาไม่เห็นหน้าของคนคนนี้ แต่หากมือขาว ๆ ที่ตอนนี้กำลังสร้างแสงสีฟ้ากันพวกเขาจากสายฟ้าพิโรธคงเป็นคำตอบได้ว่าคนคนนี้กำลังช่วยเขาอยู่

     

    “นาย...นายเป็นใคร ?” ซีวอนถามออกไปทั้งที่สติของเขาเริ่มจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่รอมร่อ

     

    “หุบปากและหลับตาซะ ไม่งั้นจะเป็นนายที่จะโดนดีแทนไอบ้านั่น!” เสียงที่ดูจะติดโมโหไม่ใช่น้อย แสงสีฟ้าที่ออกมาจากฝ่ามือมันดูมากขึ้นและหนาขึ้น ซีวอนถึงกับพูดไม่ออกสรุปนี่มันเรื่องจริงหรือ ? แสงสีพวกนี้กับคนประหลาดนี่มันคืออะไร ? นี่เขาหลุดมาอยู่ในหนังแฟนตาซีเรื่องไหนรึเปล่า

     

    “หึ...มีผู้คุ้มกันซะด้วย ดีเหมือนกันข้าจะสูบพลังของเจ้ามาให้หมด และกลับไปรายงานนายท่านพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของเจ้าสองคน ”

     

    “ถ้าเจ้าได้กลับไปน่ะนะ”

     

    ตู้มมมมม!!!

     

    มือที่มีแสงสีฟ้าประหลายสามารถปัดสายฟ้าออกไปได้จนมันเปลี่ยนวิถีไปโดนเครื่องเล่นใกล้ ๆ แทนจนเกิดเสียงดังลั่น แสงสีฟ้าที่เปลี่ยนจากฝ่ามือของคนตรงหน้ามาโอบล้อมซีวอนเอาไว้เป็นโดมขนาดย่อม ตอนนี้ซีวอนรู้สึกเหมือนตัวเองมีบาเรียคลุมไว้อยู่เหมือนในเกมเพื่อนเขาชวนไปเล่นที่ร้านเกมบ่อย ๆ สมัยมัธยม ก่อนจะประคับประคองสติให้มากที่สุดมองคนที่ช่วยเขาไว้ที่ดูเหมือนจะออกไปปะทะกับเจ้าคนล่อสายฟ้าซะแล้ว

     

    เปรี๊ยะ

     

     

    เสียงพลังต่างสีที่ปะทะกันสร้างแสงสีที่อลังการได้ไม่ใช่น้อย ซีวอนมองภาพตรงหน้าตาค้างเหมือนตอนนี้ตัวเองนั่งดูหนังไซไฟอยู่ในระบบ4Dอย่างไงอย่างนั้น ใครจะไปหลับตาลงกันล่ะเว่ยในเมื่อเหมือนหลุดเข้ามาในหนังสงครามเวทกันซะขนาดนี้ แสงสีฟ้าของคนที่ช่วยเขาไว้กับเจ้าเด็กสายฟ้านั่นยังปะทะกับไม่เลิกรา ซีวอนรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากแสงพวกนั้น ความรู้สึกเหมือนแสงพวกนั้นคมกริบดั่งคมมีด ถ้าพลาดแม้แต่วินาทีเดียวซีวอนรับประกันได้เลยว่าได้เสียเลือดกันชนิด Heal กันแทบไม่ทันแน่นอน

                   

    แต่ตอนนี้เขาต้องสนใจตัวเองก่อนจะดีกว่า ทำไมเขารู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของตัวเองบั่นทอนลงกว่าเดิม โอเค..ถึงแม้เมื่อกี้เขาจะได้รับบาดเจ็บ สติก็พร้อมจะหลุดไปได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้มันรู้สึกง่วงอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายโงนเงน พร้อมจะหลับคาตรงนี้ได้ทุกเมื่อ แถมยังรู้สึกอบอุ่นและอยากนอน แต่เดี๋ยวนะทำไมรู้สึกความชาจากฟ้าผ่ามันเริ่มหายไปแล้วหว่า

     

                    ซีวอนลองขยับขาที่ทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้และล้มไม่เป็นท่าเมื่อกี้ดู ก็พบว่าตอนนี้มันเริ่มขยับได้บ้างแล้ว แถมยังรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก

     

                นี่ซีวอนไม่ได้คิดไปเองอีกแล้วใช่มั้ยว่าแสงสีฟ้าที่คลุมเขาไว้เป็นโดมอยู่นี่มันกำลังช่วยรักษาเขา

     

                เปรี้ยง !!!

     

                    เสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นทำให้ซีวอนเลิกคิดสงสัยในเรื่องของตัวเองและหันตามเสียงไปก็เห็นเลือดสีแดงฉานที่ไหลหยดลงมาจากในเสื้อคลุมสีดำมายังมือขาว ๆ ที่ตอนนี้ถูกปล่อยอยู่ข้างลำตัวของคนที่ช่วยเขาไว้ ซีวอนจะรู้สึกแย่ขนาดนี้ถ้ามันไม่ใช่เพราะคนคนนั้นมายืนอยู่หน้าซีวอน พูดง่าย ๆ ก็คือเอาตัวมาบังสายฟ้าช่วยเขาไว้นั่นเอง

     

                    “คิดจะรังแกคนไม่มีทางสู้มันไม่ใช่วิถีของจอมเวทเลยนะ หัวหน้าพวกนายไม่เคยสั่งสอนหรือไง”

     

                    “เจ้าประมาทเองที่ยอมลดบาเรียและเสริมเวทรักษาเข้าไป บาเรียแค่นั้นสายฟ้าของข้าเจาะได้สบายอยู่แล้ว แต่เจ้าดันเอาตัวมาขว้างสายฟ้าของข้าเสียก่อนนี่สิสงสัยจะอยากตายมาก” แม้จะเหมือนอยู่ในโดมแต่ซีวอนก็ได้ยินทุกอย่างเกือบจะชัดเจนเพราะมีเสียงฝนกลบไปบ้าง สรุปไอที่คลุมเขาไว้อยู่นี่เรียกบาเรียจริง ๆ หรอว่ะ แม่โจ้...นี่ซีวอนหลุดเข้ามาในโลกแฟนตาซีโหดขั้นแม็กซ์แล้วครับท่านผู้ชม

     

                    “พูดมากจริง ๆ หุบปากสักทีเถอะ”

     

                    ฉึก !!

     

                    “อะ...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องลั่นของเด็กสายฟ้าทำเอาคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวชนิดว่าหลับตาเกินสองวิเมื่อไหร่นี่เตรียมนอนยาวได้เลย ต้องหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้าง

     

                    ของมีคมสีแดงที่ปักอยู่ที่อกด้านขวาของเจ้าเด็กสายฟ้าและดูเหมือนจะมีสีดำน่าขยะแขยงค่อย ๆ ขยายตัวเป็นวงกว้างจากจุดนั้นจนคนโดนปักดิ้นทุรนทุรายจนทรุดลง ก่อนที่เลือดจะไหลลงมาเป็นทางยิ่งกว่าน้ำตกลาบข้าวเหนียว(?)ทำเอาคนง่วงยังฝืนตามองภาพนั้นค้างไว้ด้วยความตกใจ ก่อนสายตาจะเหลือบไปมองที่มือที่มีเลือดไหลเป็นทางลงมาของคนที่ช่วยชีวิดเขาไว้ก็พบว่าเลือกพวกนั้นกำลังค่อย ๆ  จับตัวกับเป็นผลึกแหลมคมสีเลือดที่แค่มองก็รู้เลยว่าถ้าโดนสิ่งนี้แทงเข้าละก็...อืม คิดแล้วก็เสียวตูดครับ ไม่เอา ไม่คิด ไม่พูด....

     

                    “รู้ใช่มั้ยว่าฉันจงใจพลาด ต่อไปจะไม่ใช่แค่ขู่” เสียงเลือดเย็นของคนที่ยืนกันซีวอนไว้อยู่ทำให้ร่างสูงที่ตอนนี้ฟุบลงไปกับพื้นเตรียมกางมุ้งนอนเรียบร้อยแล้วฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการโดนคนเหี้ยมโหดโคตรโฉดแบบนี้ช่วยไว้มันดีกับเขาแน่หรือว่ะ ไม่ใช่ช่วยเสร็จแล้วมาผ่าตับกูไปกินในน้ำนี่ไม่ตลกเลยนะครับ...แต่ความคิดก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อคนถูกพาดพิงหันมามองเขาก่อนที่ดวงตาที่เป็นจุดเดียวที่ไม่ถูกคลุมนั้นจะมองเขามาด้วยรอยยิ้ม

     

                    ใช่ ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าไม่เห็นปากไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไง แต่นัยน์ตานั่นกลับทำให้ซีวอนรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มอยู่ เป็นยิ้มที่ราวกับว่าดีใจ...ที่เขาปลอดภัย

     

                    “หลับซะนะ” เสียงที่นุ่มกว่าเมื่อกี้มากจนรู้สึกอุ่นไปหมดเอ่ยบอกเขา หัวของร่างสูง ๆ ค่อย ๆ เอนลงบนพื้นที่เปียกแฉะเพราะสายฝน ก่อนที่สายตาจะเริ่มพร่ามองไปที่คนที่ช่วยเขาไว้กับเจ้าเด็กสายฟ้าที่ทรุดลงกับพื้นทั้งเลือดยังไหลทะลักออกมาจากหน้าอกขวาไม่หยุดแถมยังดิ้นทุรนทุรายเพราะเจ้าละอองสิดำน่าขยะแขยงนั่นอีก ดวงตาสั่นระริกก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นจนน่าสงสาร

     

                    เมื่อความตายเริ่มเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ คนเราก็ยิ่งแสดงความอ่อนแอมากขึ้นเท่านั้น เจ้าของสายฟ้าวิวาทปากดีที่นอนลงไปทุรนทุรายกับพื้นเริ่มส่งสายตาเว้าวอนมาให้ร่างที่ถืออาวุธเลือดอย่างน่าสมเพท เสียงหัวเราะในลำคอช่างไร้ความปราณีทำเอาคนที่สติใกล้ดับถึงกับขนลุกตาม

     

                    “ดะ..ได้โปรด...”

     

                    “เจ้าผิดเอง”

     

                    “ข้า...แค่..ทำตาม...คำสั่ง..ดะ..ได้ปะ...”

     

                    “หมดเวลาของเจ้าแล้ว”

     

                    “มะ..ไม่..ได้โปรดท่านคะ...”

     

                    “ถ้าจะโทษใครก็ไปโทษเจ้านายของแกรึกันที่ส่งลูกน้องไร้ฝีมือมาเล่นงานคนอย่างฉัน”

     

                    “ไม่..ได้โปรด ท่าน..ท่านเป็นจอมเวทระดับสูงใช่มั้ย ถ้าท่านกลับไปกับข้า ข้าจะช่วยคุยกับนายท่านให้ ได้โปรด...”

                    “หึ ข้าจะบอกอะไรเอาไว้ให้ก่อนตายนะ” เจ้าของเสื้อฮู้ดสีดำโน้มหน้าลงไปกระซิบกระซาบที่ข้างหูของจอมเวทที่ใกล้ตายแล้ว แต่หากคำบอกนั่นซีวอนไม่อาจได้ยินแต่มันกลับทำให้เด็กสายฟ้าเบิกตากว้างก่อนจะมองคนในชุดสีดำด้วยแววตาสั่นระริกกว่าเดิม เนื้อตัวสั่นเทาไม่ได้ทำให้คนเหนือว่าสงสารสักเท่าไหร่

     

                    “ท่าน..ท่านคือ..”

     

                    “หึ หมดเวลาของเจ้าแล้วเด็กสายฟ้าตัวน้อย”

     

                    ฉึก

     

                    เสียงกรีดร้องลั่นพร้อมกับผลึกคมสีเลือดที่ปักเข้าที่อกซ้ายอย่างแรง ก่อนที่ร่างของเจ้าเด็กสายฟ้าที่ค่อย ๆ ทรุดลงไปนอนที่พื้นโดยไม่ตื่นอีกตลอดกาล ร่างที่ช่วยซีวอนยืนมองอยู่ตรงที่เดิมนิ่ง ซีวอนหลับตาหนีรู้สึกสะเทือนใจที่เห็นคนมาตายต่อหน้าต่อตาถึงแม้จะไม่ใช่คนปกติก็เถอะ... สติสัมปชัญญะที่เริ่มจะหลุดออกจากตัวไปที่ละน้อย ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างในชุดคลุมสีดำเดินมาหยุดอยู่ข้างเขาแต่หากสายตายังจับจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณ ก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมาที่ทำให้ซีวอนรู้สึกอุ่นขึ้นมาแปลก ๆ ก่อนที่สติจะวูบดับไป

     

                    “นายผิดเองที่มายุ่งกับคนของฉัน”

     

                    อ่า....เป็นฝันที่น่ากลัวจริง ๆ เลย

     

                มาปลุกฉันสักทีเถอะคยูฮยอนนา...

                   

               

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

     

    TO BE CONTINUE

    NEXT ; CHAPTER 2 :: surprise
    ..

    สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นนะสวัสดี
    ฝากติดตามและติดแท็ก
    #ฟิคจอมเวท กันด้วยนะหมู่เฮา *โค้ง90องศา


     

    *


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×