ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • o n m y m i n d | wonkyu •

    ลำดับตอนที่ #1 : [ฟิคแก้บน] wonkyu :: escape death ch.1

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 58



    [ฟิคแก้บน]

    Note :: แนวซอมบี้นะคะ หยาบคายมากด้วย XD

     

    •Escape death•



    -PART 1-

     

     



    เป็นคุณล่ะ จะทำยังไง ?...

    เมื่อตื่นขึ้นมาและพบว่า...โลกใบนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว

     

                ปัง ๆ !!!

     

                เสียงปืนลูกโม่ ถูกคว้าออกมาจากช่องเก็บปืนที่ขาขวา ก่อนจะถูกลั่นไกโดยคนที่กระโดดออกมาจากมุมตึกเพื่อกำจัด ไอพวกเวร ที่หมายจะเข้ามาทำร้ายเขา... ไม่สิ กับไอพวกห่านี่มันเรียกว่าทำร้ายไม่ได้หรอก การที่มันเดินเข้ามาด้วยสภาพน่าสะอิดสะเอียดโดยที่อวัยวะบนใบหน้าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่แบบนั้น กับปากที่อ้ากว้างจนเลือดปนน้ำลายน่าขยะแขยงมันไหลเยิ้มออกมา มันหวังจะเข้ามาจัดการอาหารอันโอชะอย่างเขาเสียมากกว่า

     

                หนึ่งตัวที่หมายจะเข้ามาเขมือบเขาล้มตึงไปทันทีเมื่อเจอเขาฝังลูกตะกั่วเข้าให้ที่กลางอก ร่างโปร่งมั่นใจว่าเขาไม่พลาด มันโดนที่หัวใจของเหยื่อเต็ม ๆ

     

                และ...ก็เป็นเหมือนทุกที ไอตัวกินคนนี่มันลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เลือดที่อกไหลออกมาเหวอะจนน่ากลัว แต่กระนั้น พวกมันก็ยังไม่หยุดที่จะพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างหิวกระหาย

     

                “บ้าเอ๊ย...” โจว คยูฮยอน สบถออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะยกเท้าถีบที่ยอกอกเหวอะ ๆ ของมันและรีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นทันที แน่ล่ะ ตอนนี้เพื่อนร่วมทางของเขาไม่ได้มีแต่ไอตัวนั้นตัวเดียวแล้ว

     

                มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ว่ะเนี่ย ?!

     

    .

    .

     

    คุณเอาแต่บอกกันว่าโลกใบนี้แม่งบ้า...

    แต่ในเมื่อคุณยังอยู่ในโลกบ้า ๆ แบบนี้ได้

    ยอมรับมาเถอะ...ว่าคุณมันก็บ้าเหมือนกันนั่นแหละ

     

                แฮ่ก แฮ่ก ...

     

                ถ้าจะให้บอกว่าวิ่งมานานเท่าไหร่แล้ว

                บอกเลยว่า ไม่ได้นับ

     

                ขาที่แทบจะพันกันของนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ตอนนี้เข็มที่อกที่บ่งบอกถึงสถาบันอันเป็นที่เลื่องลือมันก็เป็นแค่เศษเหล็กเท่านั้นแหละ คยูฮยอนยังคงวิ่งไปเรื่อย ๆ พร้อมกับกำปืนในมือไว้แน่น กระสุนเขาเหลืออีกไม่มาก อีกอย่างถ้าลั่นไกอีกล่ะก็พวกห่านี่แม่งต้องแห่กันมารุมแดกเขาแน่ ๆ

     

                บ้าเอ๊ย จนถึงป่านนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว !

     

                ร่างโปร่งในสภาพเนื้อตัวมอมแมมกำลังวิ่งหนีพวกเวรทั้งหลายที่ตอนนี้มันวิ่งตามเขามาเป็นขบวนอย่างกับติ่งวิ่งตามศิลปิน มือเรียวกระชับปืนในมือไว้มั่นทั้ง ๆ ที่ชีวิตนี้ไม่เคยจับมันมาก่อนนอกจากปืนปลอมกะหลัว ๆ ในร้านเกม ถึงจะไม่มีความรู้เรื่องปืนมากนักแต่จากที่นับ ๆ ดูกับจำนวนนัดที่ยิงไปก็รู้ตัวอยู่หรอกว่ากระสุนมันเหลือไม่มากแล้ว

     

                ทำยังไงแม่งก็ไม่ตาย ขนาดยิงโดนเข้าที่อกซ้ายที่เป็นจุดปลิดชีพแล้วแท้ ๆ

     

                คยูฮยอนไม่ใช่นัดแม่นปืน แต่หลังจากที่ลองยิงมาหลายนัดแล้วก็ค่อยข้างมั่นใจว่าสองนัดล่าสุดมันเข้าที่อกซ้ายเต็ม ๆ แล้วทำไมพวกห่าที่เขายิงไปแม่งยังลุกขึ้นมาร้องคำรามวิ่งไล่เขาอย่างกับสัตว์ป่า บ้าไปแล้ว อย่างนี้มันบ้าไปแล้ว !

     

                นึกแล้วก็ตกใจแทบจะสติแตกตอนที่เห็นคนเป็นถูกพวกมันกัดต่อหน้าต่อตา ตอนที่เขาวิ่งออกมาจากมหาลัยได้แล้วแอบอยู่ในซอกตึก เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดเรียกให้พวกมันรอบ ๆ เข้ามาจัดการรุมเหยื่อที่ตอนนี้สภาพชินเนื้อตามร่างกายหลุดลุ่ยออกมาเพราะโดนฉีกกิน และไม่นานก็โดนรุมยำไข่ดาวเรียบร้อย กลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่วบริเวณจนเขาแทบอ้วก รอเวลาผ่านไปสักพักให้พวกมันละทิ้งจากเหยื่ออันโอชะคยูฮยอนค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์แต่ที่น่าตกใจจนเกือบร้องออกมาคือเหยื่อที่ถูกฉีกและเครื่องในหายไปเกือบหมดตอนนี้ลุกขึ้นมาเดินสะโหลสะเหล่ แถมตอนนี้...มันกำลังวิ่งไล่เขาอยู่

     

                บ้าแล้ว ... นี่มันบ้าไปแล้ว

     

                ร่างโปร่งตัดสินใจวิ่งเข้ามาในตึกห้างสรรพสินค้าที่เคยคึกคักตอนนี้มันกลับเงียบร้างเหมือนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใช้งานมันมาก่อน คยูฮยอนไม่รู้หรอกว่าข้างในนั้นจะมีพวกตัวกินคนเยอะมากแค่ไหน แต่ขอแค่มีที่หลบไปสี่ห้าตัวที่ตามอยู่นี่ก็พอแล้ว

     

                “แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหอบหายใจดังไม่หยุด และมันก็จะหยุดไม่ได้ด้วย... ขายาวยังคงสับแหลกเพราะมันขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของเขา เขายอมสะดุดกิ่งไม้หัวปาดพื้นตายดีกว่ามาโดนพวกห่านี่รุมแดกกัน ไม่เอาหรอก แค่คิดสภาพตัวเองก็จะอ้วกแล้ว

     

                เหมือนการเป็นนักวิ่งกรีฑาของโรงเรียนสมัยมัธยมยังส่งผลถึงตอนนี้ คยูฮยอนวิ่งหลุดพ้นโค้งของมุมร้านขายของร้านหนึ่งมาได้ก็รีบหาที่กำบังเพื่อหลบทันที โชคยังเข้าข้างที่เขาไม่เจอตัวกินคนโผล่มาทักทาย คยูฮยอนรีบมุดเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะในห้องห้องหนึ่งที่ถูกเปิดอ้าไว้เขาไม่มีเวลามานั่งปิดมันแล้วล่ะ เขากอดเข่าแน่นมือยกขึ้นมาปิดปากตัวเองอัตโนมัติถึงแม้จะเหนื่อยหอบอยากจะโกยอากาศเข้าปอดมากแค่ไหน แต่คยูฮยอนก็รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นมีแต่จะเร่งเวลาตายให้ตัวเองมากยิ่งขึ้น

     

                “ฮือออ...” เพียงพวกมันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คยูฮยอนตัวสั่น

     

                ขอร้องล่ะ รอดทีเถอะ...

     

                เสียงย่ำเดินอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเสียงครางฮือในลำคอใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แม้ใต้โต๊ะนี่จะฝุ่นเยอะจนอยากจะจามออกมาแรง ๆ แต่คยูฮยอนก็ได้แต่กลั้นมันเอาไว้อย่างทรมาน เขายอมทรมานจากเรื่องนี้ดีกว่าส่งเสียงออกไปตามใจอยากและโดนพวกห่านี่รุมฉีกเนื้อตัวเองกินอย่างกระหาย ไม่เอา คยูฮยอนฉลาดพอจะเลือกวิธีตายให้ตัวเองได้

     

                เหมือนว่ายมบาลยังไม่อยากรับตัวเขาไปอยู่ด้วยในตอนนี้ พวกตัวกินคนเคลื่อนที่ผ่านที่ที่เขาซ่อนตัวอยู่ไปอย่างเชื่องช้า คยูฮยอนยังคงเอามือปิดปากตัวเองแน่นทั้งตัวสั่น ถ้าเขาเผลอจามหรือไอออกไปตอนนี้พวกห่านี่ต้องรับวิ่งกลับมารุมแดกเขาแน่นอน ในเมื่อยมบาลอุตส่าห์ให้โอกาสแล้ว เขาจะไม่ยอมให้มันเสียเปล่าหรอก

     

                “....” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงทุกอย่างค่อย ๆ เลือนหายไปจนไม่ได้ยินสักพักใหญ่ ๆ แล้วคยูฮยอนจึงค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากใต้โต๊ะที่ตัวเองซ่อนตัวอยู่ สอดส่องดูสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดแล้วจึงหันกลับมาถอนหายใจกับตัวเองแรง ๆ รอบตัวเขาไม่มีพวกน่าสะอิดสะเอียนให้เห็นแล้ว เขาคงได้นั่งพักหายใจสักพัก

     

                เรื่องที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมากเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

     

                คยูฮยอนจำได้ว่าตัวเองตื่นมาในสภาพไม่สู้ดีนัก เขาอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะของห้องเก็บของที่ไหนสักแห่ง เสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่เต็มไปด้วยรอยดำของฝุ่น พอตั้งสติได้ถึงได้รู้ว่ามันคือห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาของมหาวิทยาลัย เขามองไปที่กระจกบานใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลทำให้เขาเห็นว่าหน้าตัวเองมีแผลเยอะแค่ไหน สงสัยเหมือนกันว่าใครมันเอากระจกมาเก็บไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา

     

                แต่ช่างมันเถอะ...เขาคงถูกเพื่อนในคณะแกล้งเหมือนปกตินั่นแหละ ยังไงก็ชินกับมันแล้วล่ะ เขาลุกขึ้นมาด้วยท่าทางโซเซ พอเลื่อนประตูเพื่อเปิดออกไปสู่โรงยิมเท่านั้นแหละ เขาก็ต้องตกใจกับสภาพที่มันเป็น

     

                พวกที่แกล้งเขาเท่าที่จำหน้าได้...กำลังโดนเพื่อนกลุ่มเดียวกันรุมกินอย่างหิวกระหาย...

     

    .

    .

     

     

                กล่องแถว ๆ โต๊ะที่คยูฮยอนเข้าไปแอบก่อนหน้านี้ถูกรื้อออกมาก่อนจะต้องผิดหวังเมื่อข้างในเต็มไปด้วยเอกสารบัญชีมากมายเต็มไปหมด ต้องวิ่งเข้ามาเขาอาจจะไม่ได้สังเกต แต่คิดว่าตอนนี้เขาคงอยู่ในห้องทำงานของพนักงานบัญชีของห้างแห่งนี้

     

                ปืนที่อุตส่าห์วิ่งเสี่ยงชีวิตไปเอาจากศพของตำรวจที่นอนตายอยู่หน้าสถานี ถูกเก็บไว้ที่ซองเก็บปืนที่ขาข้างขวา มันเหลือกระสุนอีกเพียงนัดเดียวซึ่งเขาไม่ใช่นักแม่นปืนถ้าเอาออกมาใช้แล้วยิงไม่โดนก็มีแต่จะเรียกไปพวกเวรให้เข้ามารุมกินเขามากขึ้น

     

                คยูฮยอนกระชับมีดปลอกผลไม้ในมือแน่น ไม่รู้ว่าไอของมีคมในมือนี่จะช่วยอะไรได้แค่นี้แต่อย่างน้อยมีอาวุธในมือก็ทำให้เขาอุ่นใจมากกว่าเดินไปเดินมาในห้างสรรพสินค้าแท่งนี่โท่ง ๆ คยูฮยอนไม่รู้ว่านี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเหมือนโรคระบาด คนธรรมดาพอโดนพวกมันกัดก็จะเปลี่ยนเป็นพวกตัวกินคนด้วยเหมือนกันนี่คือสิ่งที่ได้จากการวิ่งหนีตายมาหลายชั่วโมง

     

                แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ฆ่าพวกมันไม่ได้สักที

     

                คยูฮยอนสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง เดินให้เสียงเบาที่สุดเพราะยังไงไอชุดที่เขาวิ่งหนีตายเข้ามาในนี้ก็น่าจะยังวนเวียนหาเหยื่อใหม่อยู่แถวนี้ ตั้งแต่ออกมาจากมหาวิทยาลัย คยูฮยอนก็เจอคนเป็นมาบ้างสองสามคน

     

                แต่ไม่นานก็โดนกัดและ...ปุ๊ง กลายเป็นตัวกินคนไปตาม ๆ กัน

     

                ตอนนี้เขาต้องหาเสบียงไว้ตุน เขาไม่รู้จะต้องไปที่ไหนเหมือนกันเพราะเพื่อนสนิทก็ไม่ค่อยจะมีกับเขาถามถึงครอบครัวหรอ...เป็นห่วงอยู่หรอกแต่ตอนนี้ให้เขาวิ่งสิบกิโลกลับบ้านก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ว่าจะหาโอกาสดี ๆ พยายามติดต่อกับหาบ้านอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ยังไงพวกรัฐบาลคงทำอะไรสักอย่างใช่ไหม เป็นไปได้ไหมที่จะมีที่ ๆ ปลอดภัยอยู่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตน่ะ

     

                แต่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคยูฮยอนก็ไม่เชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นหรอกว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่มาช่วยเหลือคนอื่น สถานการณ์แบบนี้ใคร ๆ ก็ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อนทั้งนั้น

     

                โอเค...เมื่อสอดส่องดูซ้ายขวาแล้วก็วางใจเปราะนึงแล้วว่าแถวนี้ไม่มีพวกตัวกินคนอยู่เพราะฉะนั้นถ้าเดินไปอีกสองบล็อกก็น่าจะ...

     

                ผลั่ก!!!

     

                “อั่ก!

     

                แรงถีบมหาศาลจากทางด้านหลังทำให้คยูฮยอนหน้าไถลไปที่พื้นด้านหน้าที่เต็มไปด้วยซากอะไรต่อมิอะไรอย่างรุนแรง ร่างโปร่งหน้านิ่วเพราะหน้ากระแทกพื้นแรงไม่ใช่น้อย แต่ก่อนจะได้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง หลังของเขาก็ถูกเหยียบเอาไว้จนขยับตัวไม่ได้

     

                นี่มันอะไรกัน!

     

                “หุบปากของมึงไว้ถ้ายังไม่อยากเรียกไอพวกเหี้ยนั่นมารุมแดก” คนที่เหยียบหลังเขาไว้พูดเสียงเบาแต่หากมันแผงไปด้วยความจริงจัง พร้อมวัตถุบางอย่างที่จ่อมาที่หัวเขาทางด้านหลังถามเด็กอนุบาลยังรู้เลยว่ามันคือปืนทำให้คยูฮยอนไม่กล้าขยับตัว “แล้วก็ถ้าเล่นตุกติกละก็เตรียมโดนฝังลูกตะกั่วได้เลย”

     

                ป่าเถื่อนชิบหาย!

     

                คยูฮยอนด่าในใจ ตอนนี้ใจเขาเต้นแรงไม่เป็นสำเมื่อความเป็นความตายอยู่เพียงแต่ปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่จะลั่นไก ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมเขาต้องมาถูกใครที่ไหนก็ไม่รู้จ่อปืนใส่แบบนี้ด้วยเล่า

     

                “ค้นตัวมัน” คนที่ยังเอาปืนจ่อหัวเขาอยู่ออกคำสั่ง และไม่นานก็มีคนอีกสองคนที่ถือปืนไว้ในมือเหมือนกันเดินเข้ามาค้นตัวเขา และแน่นอนปืนลูกโม่ที่เหลือกระสุนอยู่เพียงนัดเดียวที่เป็นเพื่อนเขามาจนถึงตอนนี้ถูกยึดไปแล้ว “มีของดีเหมือนกันนี่ เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจพกของอันตรายงั้นหรอ”

     

                รำคาญโว้ยยยย ต้องการอะไรก็บอกมาดิ มาทำพูดจาอวดดีอยู่ได้

     

                เพราะโดนอีกฝ่ายเหยียบหลังจนลุกไม่ได้เอาไว้อยู่คยูฮยอนเลยไม่เห็นหน้าไอคนปากดีที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวหัวหน้า คำพูดคำจาอวดดีน่าเอาลูกโม่จ่อหัวมากกว่าไอพวกตัวกินคนเสียอีก แม่งเอ๊ย ต้องหนีพวกผีห่านี่ไม่พอต้องมาเจอคนใจหมาแบบนี้อีกหรอว่ะ

     

                “มีแค่นี้หวะ เชี่ย...แม่งรอดมาได้ด้วยลูกโม่กับมีดปลอกผลไม้ โคตรโฉด” คนที่เข้ามาค้นตัวเขาทางด้านขวาบอกแบบนั้นพร้อมกับโยดมีดปลอกผลไม้ที่เขาถือไว้ก่อนหน้านี้เล่นไปมา เพราะคนคนนี้มานั่งยอง ๆ ข้างเขาทำให้คยูฮยอนเห็นหน้าชัดเจน “อ่าว ๆ มองหน้าแบบนี้อยากเจอหรอครับน้อง ?”

     

                “ผมเปล่ามอง” และนี่เป็นประโยคแรกที่คยูฮยอนพูดกับคนพวกนี้

     

                “ก็เห็นอยู่ว่ามอง กวนตีนหรอครับ ?”

     

                “ก็ผมโดนเหยียบอยู่แบบนี้จะให้หันไปทางไหนได้ โตกว่าก็ต้องคิดเองได้ดิ”

     

                “เด็กเวร” คนที่นั่งยอง ๆ ทางด้านขวาเขาเงื้อมือเหมือนจะเอามีดในมือเจาะหัวเขา จนคยูฮยอนหลับตาปี๋ แต่พอรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็น ๆ ที่คางก็ต้องลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาโดนปลายมีดแตะ ๆ อยู่ที่คาง “หน้าตาก็ดีไม่น่ากวนตีน”

     

                “ไม่เหมือนพวกคุณหรอกหน้าตาไม่ดีแล้วยังจะทำตัวไม่ดีเหมือนหน้าตาอีก”

     

                “ไอ...” 

     

                 “พอได้แล้วทงเฮ” และเสียงสงบศึกก็ดังขึ้น เป็นคนที่อยู่ด้านหลังที่เหยียบหลังเขาอยู่เป็นคนพูดขึ้น นี่ก็จะเหยียบอีกนานมั้ย หลังคนไม่ใช่พรมเช็ดเท้า

     

                “ปล่อยแม่งไว้นี่แหละ กวนตีน” คนที่ชื่อทงเฮลุกขึ้นยืนพร้อมกับเสียผมตัวเองอย่างอารมณ์เสีย เอออ เสยไปเลยให้แม่งร่วงหมดหัวนั่นแหละ

     

                “ตามนั้นแหละ ผมไม่มีอะไรให้พวกคุณหรอก ปล่อยผมไว้ตรงนี้แหละ” คยูฮยอนเห็นด้วยกับคนที่เขาเพิ่งกวนตีนไปเมื่อกี้ ดูท่าแล้วคนพวกนี้ไม่ต้องการอย่างอื่นนอกจากปล้นของ และสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคยูฮยอนพวกมันก็ได้เอาไปแล้ว ถ้าจะทำอะไรกับเขาก็ไม่มีอะไรไปนอกจากใช้ให้ไปเป็นตัวล่อไอพวกตัวกินคน

     

                เสี่ยงดวงเอารึกันว่าจิตใจคนพวกนี้มันโหดร้ายระดับไหน

     

                “ไม่ มึงมีประโยชน์กว่านั้นเยอะ”

     

                “...”

     

                “เอาเชือกมามัดมือไว้เดี๋ยวกูจะลากมันไปเอง”

     

                ซวยอะไรของคยูฮยอนว่ะเนี่ย ?!!!

     

    .

    .

     

     

                มันเป็นเวรกรรมของคยูฮยอนจริง ๆ สินะ...

     

                ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ล้านหลังจากที่เขาโดนพรรคพวกของคนพวกนั้นกรูกันเข้ามาช่วยมัดมืออย่างแน่นหนาจนไม่สมานกระดิกได้แม่แต่ปลายนิ้ว เออ อันนั้นก็เวอร์ไป แม่งมัดข้อมือเขาไว้อย่างแน่นจนมือนี่ชาดิกไปหมดแล้ว

     

                ตอนนี้พวกคนป่าเถื่อน(บัญญัติเองเฉย)และคยูฮยอนที่ถูกจูงเหมือนหมาโดยไอคนที่เหยียบหลังเขาไว้นั่นแหละกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่มีรถจอดตามทางเป็นระยะ ๆ บางก็ยังติดเครื่องอยู่บ้างก็มีไอพวกตัวกินคนติดอยู่ในรถ

     

                ระยะเชือกมันห่างกันประมาณสิบเมตรเป็นเหตุผลที่ยืนยันได้ว่าถ้าเขาถูกโจมตีมาจากด้านไหนยังไงก็ไม่เดือดร้อนคนข้างหน้าแน่นอน เพราะแม่งจะทิ้งเขาเป็นเหยื่อล่อแล้วฟรีรันนิ่งหนีการสบายดาก

     

                คนพวกนี้ไม่ได้หน้าตาแย่เหมือนที่เขาพูดไว้หรอก อย่างไอคนที่จูง(จริง ๆ ลาก)เขาอยู่เนี่ยหน้าตาแม่งก็ใช่ได้เลยล่ะ อย่างกับนายแบบในนิตยสารไม่มีผิด(ถ้าใบหน้านั่นไม่ได้เต็มไปด้วยคราบอะไรต่อมิอะไรน่ะนะ) ตอนนี้คยูฮยอนยังไม่รู้จุดประสงค์ของคนที่พาเขามาด้วย แต่เชื่อเถะอะ คำว่าใช้ประโยชน์แม่งไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวคยูฮยอนหรอก

     

                คนกลุ่มนี้มีกันอยู่สามคน คือไอบ้าที่เหยียบหลังเขาเป็นพรมเช็ดเท้า ไอเตี้ยขาโก่งปากหมา กับอีกคนที่อยู่เงียบ ๆ ไม่ค่อยออกความเห็นอะไรมากนัก คยูฮยอนเห็นเขาเดินนำทางเงียบ ๆ โดยมีไอเตี้ยเดินข้าง ๆ ที่หาอะไรไม่รู้มาพูดสัพเพเหระ ถ้าไอตัวกินคนมันโผล่มาเพราะเสียงมันล่ะก็คยูฮยอนจะถีบมันออกไปเป็นศพแรก

     

                โครก คราก

     

                ไอท้องไม่รักดี

     

                อยากจะยกมือขึ้นทุบท้องตัวเองถ้าไม่ติดว่าโดนมัดไว้อยู่ ท้องเขาส่งเสียงร้องอย่างกับฟ้าลั่นมาประมาณชั่วโมงนึงแล้ว ที่จริงก็กะจะเข้าไปหาเสบียงในห้างนั่นแหละ แต่เสือกแจคพ็อตโดนจับเสียก่อน บอกเลยว่าไม่ได้แดก

     

                โครก คราก

     

                “มึงหยุดเสียงนั่นสักทีเถอะ” คนที่จูงเขาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย

     

                “ตลก ถ้าสั่งให้มึงอั้นขี้ตอนมึงท้องเสียมึงอั้นได้ไหมล่ะ” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สุภาพกับเขาเขาก็ไม่คิดจะสุภาพกับอีกคนเหมือนกัน ดูเข้าเถอะ หันมาจ้องตาเขม็งแบบนั้นแม่งเตรียมแดกหัวคยูฮยอนแล้วแน่นอนรับประกัน

     

                “อย่ามาขึ้นมึงกูกับกู ให้มันรู้ซะบ้างว่าตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร”

     

                “ก็ใครหยาบคายก่อนล่ะวะ อยากให้คนเขาพูดดีด้วยก็ต้องดีก่อนสิ”

     

                “เด็กเปรต”

     

                “เออ ทำไมไอแก่”

     

                เปรี๊ยะ

     

                เหมือนมีกระแสไฟฟ้าระหว่างทั้งสองคน คนที่เดินนำหน้าอยู่หยุดเดินก่อนจะถอนหายใจออกมา จำได้ว่าเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อน ทงเฮยังโดนห้ามไม่ให้ไปเถียงเป็นเด็ก ๆ กับเด็กนี่แท้ ๆ แล้วทำไมตอนนี้ไปกัดกับเด็กมันแทนล่ะว่ะ

     

                “มึงพอเลย ซีวอน ไหนห้ามกูไงวะ แล้วทำไมไปกัดกับมันแทน”

     

                “ก็แม่งกวนตีน”

     

                “ก็กูบอกแล้ว”

     

                “มาล่ามมันแทนดิ๊ ประสาท”

     

                “เหมือนกันน่ะแหละ!” ยังไม่ทันจะส่งเชือกต่อให้ทงเฮรับช่วงต่อเด็กปากดีก็โดนตบหัวเข้าให้เต็มรัก ไอพวกใช้ความรุนแรง !

     

                “ไอไงน้อง ปากอยู่ไม่สุขสินะ” เป็นทงเฮที่เข้ามาถือเชือกที่ใช้ลากคยูฮยอนแทนและพาเดินต่อ คยูฮยอนทำหน้ายู่ก่อนจะแลบลิ้นไล่หลังคนที่เดินจากเข้าไปอย่างหัวเสีย คยูฮยอนผิดที่ไหนล่ะ ก็แม่งหยาบคายมาก่อนนี่หว่า คนไม่รู้จักกันอย่างน้อยก็เรียกนายหรือคุณไม่ได้หรือไง

     

                “อะไร”

     

                “พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย โดนล่ามอยู่ยังไม่เจียม ถ้าโดนซีวอนมันตัดสินใจปล่อยไว้กลางทางแล้วจะปากเก่งไม่ออก”

     

                “รอเวลานั้นอยู่เลยเถอะ ปล่อยสักทีเถอะ”

     

                “มึงคิดว่ามึงจะรอดในนรกเดนตายแบบนี้ในสภาพนี้หรอ” ทงเฮเลิกคิ้วถามอย่างกวน ๆ ทั้งยังไล่สายตามามองที่มือคยูฮยอน และนั่นมันหมายถึงว่าในสภาพที่ไม่มีอาวุธไม่มีอาหารมือโดนมัด เออ รู้หรอกว่าสภาพแบบนี้โดนปล่อยไปก็ไม่รอด

     

                แต่ยังไงก็ดีกว่าโดนจับมาโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเองไม่ใช่หรือไง

     

                “ไม่ลองก็ไม่รู้ แม่งหิวก็หิวยังจะมาโดนพวกคุณจับไว้อีก” คยูฮยอนยอมลดระดับภาษาพ่อขุนรามออกไป ยังไงทงเฮก็ยังดีกว่าไอบ้านั่น ชื่ออะไรนะ ซีวอนหรอ ? เออนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่จับเขามาแท้ ๆ แต่ทำหน้าหงุดหงิดตลอดเวลาเหมือนหมาพันธ์บั๊คไม่มีผิด

     

                “แล้วนี่มึงไม่มีเพื่อนมาร่วมตายด้วยเลยหรอ”

     

                “เออ”

     

                “ตลกเถอะ”

     

                “โกหกแล้วผมจะได้อะไรนอกจากตีนพวกคุณวะ ?” ถามกลับไปอย่างหัวเสีย นี่หงุดหงิดจริง หิวก็หิว ก็ไม่มีเพื่อนแล้วจะทำไมล่ะ รอดมาได้ขนาดนี้ก็อยากจะมอบโล่ให้ตัวเองแล้ว

     

                “โคตรน่าสงสาร”

     

                “สงสารก็ปล่อยดิ”

     

                “เรื่อง ? ชื่อมึงต้องแย่มากแน่ ๆ ถึงไม่มีเพื่อนคบ ”

     

                “หนักหัวใครหรือไง”

     

                “แล้วว่ายังไงล่ะ”

     

                “อะไร”

     

                “ก็ชื่อไง ไหนว่ามาดิ จะได้รู้ว่าชื่อแบบเนี่ยเพื่อนไม่คบจะได้ไม่ตั้งให้ลูก” ตบปากแม่งไปทีนึงได้มั้ย... ถ้าไม่ติดว่าโดนมัดอยู่รับรองเลยว่าทงเฮปากแตกไปแล้ว คยูฮยอนเพิ่งสังเกตเห็นว่าทงเฮเดินช้าลงแล้วมาเดินขนาบข้างเขาทั้งที่มือยังถือปลายเชือกที่มัดมือเขาไว้อยู่

     

                “หน้าอย่างนี้หมายังไม่เอาเลยทำมาพูดถึงชื่อลูก”

     

                “อ้อ มึงเป็นหมาหรอถึงรู้น่ะ”

     

                “ที่หน้ามึงเถอะ”

     

                “เร็วเถอะน่า ไหนบอกชื่อมาดิ๊”

     

                “อยากรู้ไปทำไม”

     

                “ทีมึงยังรู้ชื่อกูเลย” ร่างหนาว่าอย่างหาเรื่อง ยิ่งอยากจะโบกกะบาลไอเด็กนี่เข้าไปใหญ่เมื่อมันหยักไหล่พร้อมกับหน้าตายประหนึ่งพูดว่า ไม่เห็นจะรู้เลย บางทีเขาก็เดาอารมณ์มันไม่ออก บางทีก็เหมือนจะกวนตีนจนน่าตบแต่บางทีก็ดูในเย็นจนน่าแปลก

     

                “ก่อนจะถามชื่อคนอื่นเขาต้องบอกชื่อตัวเองก่อนดิ”

     

                “ทำไมต้อง...”

     

                “มารยาทอ่ะ รู้จักม่ะ” เสียงกัดฟันกรอดถูกส่งมาแทนชื่อ คยูฮยอนหัวเราะออกมาในลำคอเบา ๆ ที่ได้ยั่วอารมณ์คนข้าง ๆ มันก็สนุกดีนะ ถึงจะโกรธแต่คนข้าง ๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายเขา

     

                “ทงเฮ...อี ทงเฮ

     

                “อ่าหะ”

     

                “อย่ามาลีลาดิ๊ เดี๋ยวปั๊ด...” มือหนาเตรียมยกขึ้นโบกเมื่อเห็นคนข้างตัวยังไม่แนะนำตัวอย่างที่เจ้าตัวพูดเมื่อกี้ คยูฮยอนหลับตาปี๋ก่อนจะหัวเราะออกมาหน่อย

     

                “คยูฮยอน”

     

                “...”

     

                “ชื่อโจว คยูฮยอน” คยูฮยอนตอบไปเสียงเบาแต่มันก็พอจะได้ยินไปถึงคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไอคนที่เดินนำอยู่มันไม่คิดจะหันมาทักทายและแนะนำชื่อกับเขาหรอก

     

                ทงเฮไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่พยักหน้ารับและกลับไปเดินนำเหมือนเดิม คยูฮยอนก็ไม่มีแรงจะต่อปากต่อคำแล้วล่ะ หิวจนตาลายไปหมดแล้ว ยิ่งเดินไปพูดไปจะยิ่งเหนื่อย สู้เขาเก็บพลังงานไว้วิ่งหนีไอตัวกินคนดีกว่า

     

                ถ้าบอกไปว่าหิวจนไส้จะขาดแล้วไอพวกนี้ก็คงไม่ใจดียื่นน้ำกับขนมปังของมันในกระเป๋ามันมาให้หรอก

     

     

                ก็เลือกจับได้ถูกที่ถูกเวลาดีนะ คยูฮยอนคิดจะเดินหาเสบียงในห้างมาในท้องก่อนแท้ ๆ กลับมาโดนจับก่อนซะได้ อะไรจะโชคร้ายขนาดนั้นว่ะ ให้กินก่อนแล้วค่อยโดนจับไม่ได้หรือยังไงกันเล่า

     

                “หยุดก่อน” ฝีเท้าจองทั้งสี่คนหยุดเดินตามคำสั่งของคนที่อยู่ข้างหน้าซึ่งก็คือคนที่คยูฮยอนบอกว่าเขาไม่ปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย แปลกใจเหมือนกันที่จู่ ๆ ก็มาออกคำสั่งทั้งหน้าเครียดก่อนที่จะนำกับไปหลบอยู่หลังรถโดยที่คนชื่อซีวอนและคนที่เงียบ ๆ ไปหลบอยู่หลังรถสีแดงส่วนคยูฮยอนและทงเฮหลังอยู่หลังรถตู้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด

     

                มองไปที่สัญญาณมือที่ถึงคยูฮยอนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก แต่ก็พอมองออกว่าเป็นสัญญาณที่บอกให้มองไปข้างหน้า ซึ่งทั้งเขาและทงเฮก็ค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกมามอง

     

                “...”

     

                ฉิบ – หาย

     

                บอกได้แค่นี้เลย

     

                ฝูงห่าพวกตัวกินคนกำลังแห่กันมาทางนี้ มันเยอะมากกว่าที่คยูฮยอนเคยวิ่งหนีออกมาจากมหาลัยประมาณสิบเท่า คือมันเยอะมาก เหมือนก๊วนไผ่ห่อหมกยกพวกตีกันไม่ผิด แต่แม่งหนักหน่วงกว่าประมาณล้านเท่า ห่าเอ๊ย มึงจะมาทำไมกันเยอะแยะ เลี้ยงรุ่นหรอ ?

     

                ทงเฮค่อย ๆ ฉุดกระชากเขาให้อ้อมไปทางด้านหน้ารถเพื่อไปรวมกับพวกซีวอนที่แอบอยู่หลังรถซีแดงข้างหน้า ไม่ได้สนใจเลยว่ากูจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน ไอเตี้ยนี่แม่ง... และกระเสือกกระสนกันไม่กี่ก้าวพวกเราสามคนกับทาสอีกหนึ่งก็มารวมตัวกันได้แล้ว

     

                “เราจำเป็นต้องเข้าไปในนั้น” ซีวอนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่โรงหนังขนาดไม่ใหญ่มากที่อยู่ข้างตัว ทำเอาคยูฮยอนเลิกคิ้วสงสัย เข้าไปแอบในนั้นน่ะได้ แต่คำว่า จำเป็นคืออะไร

     

                “มึงจะไม่เปลี่ยนใจแน่หรอวะซีวอน ?” ทงเฮถามเสียงเครียด

     

                “พวกมึงแค่แอบตรงทางเข้าก็ได้ไม่ต้องเข้าไป แต่กู...จะเข้าไป” ร่างสูงยังยืนยันเสียงหนักแน่นทำเอาคยูฮยอนขมวดคิ้วไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม จริงจังมากไหมที่ต้องเข้าไปเสี่ยงตายในนั้น โรงหนังนะเว่ย คนแม่งต้องเยอะอยู่แล้วแล้วก็ไม่รู้ว่าในนั้นมันเปลี่ยนเป็นพวกห่าที่ไล่กัดคนเป็นว่าเล่นไปหมดแล้วหรือยังด้วย “ตอนแรกกะจะอ้อมไปเข้าทางหลังแต่เพราะติดพวกฝูงนั่นกูเลยคิดว่าจะเข้าไปทางเข้าเลย”

     

                “มีมารยาทสัด ๆ ”

     

                “กูเลือกแล้ว จะเข้าหรือไม่ก็แล้วแต่พวกมึง”

     

                ซีวอนยักไหล่ก่อนจะปลดเป้ออกมาเพื่อหยิบเอามีดที่ยาวประมาณแขนนึงออกมาพร้อมตรวจเช็คปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวโดยการบรรจุแม็กกาซีนลงไปให้เต็มแม็ก คยูฮยอนหันหน้างง ๆ ไปหาทงเฮที่ตอนนี้ก็มีสีหน้าเครียดกว่าเดิมนิดหน่อย เออ ใครมันจะเครียดก็ช่างเถอะ แต่อธิบายหน่อยได้ไหมล่ะ

     

                “กูไม่ทิ้งมึงหรอกน่า มาด้วยกันขนาดนี้แล้ว”

     

                “...”

     

                “กูไปด้วย ให้มันรู้ไปเลยว่าความตายมันทำอะไรกูไม่ได้ กูเก่ง”

     

                ทงเฮพูดแบบนั้นก่อนจะเช็คข้าวของของตัวเองโดยใช้เวลาไม่นาน คนที่เงียบ ๆ ที่นำทางก็พยักหน้ารับด้วยเช่นกัน ก่อนจะสอดส่องมองไปยังทางข้างหน้าที่มีฝูงตัวกินคนเดินเอื่อย ๆ เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ

     

                เดี๋ยวดิพวกมึง เดี๋ยว

     

                ปรึกษากูก่อนได้ไหมว่าอยากไปพิสูจน์ความตายกับพวกมึงรึเปล่า...

     

     

    .

    .

     

     

     

                “เอามึงไปด้วยก็เกะกะ”

     

                “ห้ะ”

     

                “อยู่นี่ไปนะเด็กน้อย”

     

                พ่อ – มึง – เถอะ

     

                หลังจากที่เข้ามาที่ในโรงหนังได้จนถึงล็อบบี้เป็นทงเฮที่พูดขึ้นมาพร้อมกับดัน ๆ หลังเขาให้ไปอยู่ที่ล็อบบี้ที่ตอนนี้มืดสนิทอาศัยแสงจากข้างนอกที่เล็ดลอดเข้ามาบ้างเป็นตัวนำทาง ทงเฮชะโงกหน้าไปส่อง ๆ ดูซ้ายขวาให้มั่นใจว่าไม่มีตัวกินคนตัวไหนอยู่ตรงนั้น ก็เปิดประตูล็อบบี้เตี้ย ๆ และดันให้คยูฮยอนเข้าไปอยู่ใต้ล็อบบี้

     

                “เฮ้ นายจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะทงเฮอย่างน้อยก็แก้เชือกให้ก่อนสิ”

     

                “เดี๋ยวมึงหนี”

     

                “มันใช่เรื่องที่มึงควรกังวลหรอวะ ?!” ขึ้นชิบหาย จับตัวมาไม่ว่านี่จู่ ๆ ก็มาปล่อยทิ้งไว้กลางทางโดยยังมัดมือไว้แบบนี้ได้ยังไง ถ้าจู่ ๆ แม่งโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋กับเขาจะทำยังไง... ไม่ยังไงหรอก คยูฮยอนจะรีบวิ่งไปกัดพวกแม่งเป็นรายต่อไป

     

                “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาขึ้นเสียงใส่”

     

                “แล้วสิ่งที่ทำอยู่นี่มันถูกต้องหรือไง ทำแบบนี้ไม่ต่างจากไล่ผมไปตาย!” คยูฮยอนยังไม่หยุดโวยวาย ถึงแม้เสียงมันจะไม่ได้ดังมากเพราะตอนนี้พวกเขาแอบอยู่หลังล็อบบี้โดยไม่รู้ว่าทางข้างหน้ามันจะมีพวกนั้นมากมายแค่ไหน

     

                “เลิกโวยวายสักทีเถอะ” ร่างสูงที่นำทุกคนเข้ามาที่นี่เอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิดทั้งจ้องมองหน้าคยูฮยอนเหมือนรำคาญนักหนา เออ แล้วจับกูมาทำไมล่ะ ห่าเอ๊ย

     

                “ถ้าอย่างนั้นจะจับมาทำไมล่ะ รับผิดชอบชีวิตคนที่ตัวเองจับมาหน่อยสิโว้ย”

     

                “มึงเป็นใคร ? ทำไมกูต้องรับผิดชอบ” เลิกคิ้วถามกลับมาหน้าตาย โหย ไอนี่แบบนี้มันขึ้น มันขึ้นนนน

     

                “นั่นสิ กูเป็นใครก็ไม่รู้แล้วมึงจะจับมาทำไม” ร้ายมาก็ร้ายกลับคยูฮยอนถือคติแบบนั้น จิตใจซีวอนแม่งไม่ใช่คนแล้ว จับเขามาเพื่อใช้ประโยชน์แต่พอถึงเวลาคนพวกนี้ก็มาทิ้งกันดื้อ ๆ แล้วยังไงทิ้งแล้วถ้าปลดเชือกให้เขาไม่มานั่งโวยวายแบบนี้หรอก

     

                “ใช้ประโยชน์ยังไงล่ะ” พูดพร้อมแสยะยิ้มมาให้ เหอะ... คยูฮยอนไม่คิดจะขนลุกกับรอยยิ้มชั่วร้ายแบบนั้นหรอก เหมาะกันดีจะตายเลวทั้งนิสัยทั้งหน้าตา “ไปกันเถอะ”

     

                “เห้ย มึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้นะ อื้อ!

     

                “เสียงดังชะมัด”

     

                สัดเอ๊ย

     

                แม่งเอาผ้าอะไรสักอย่างที่ตกอยู่แถวนั้นมายัดปากไม่ให้คยูฮยอนโวยวาย กลิ่นแม่งโคตรแย่ ถึงจะไม่เคยโดนผ้าขี้ริ้วยัดปากแต่คยูฮยอนมั่นใจว่าแม่งคือผ้าขี้ริ้ว ร่างโปร่งจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง ตาโต ๆ บวมขึ้นนิดหน่อยเพราะรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ขอโทษตอนเกือบตายคยูฮยอนยังไม่ร้องเลย นับประสาอะไรกับตอนนี้

     

                มันหงุดหงิด หงุดหงิดที่โดนมนุษย์ด้วยกันปฏิบัติราวกับไม่ใช่คน

     

                “เงียบไว้ซะนะหนูน้อย เดี๋ยวป๋ามารับ” เป็นทงเฮที่นั่งยอง ๆ ลงมาลูบหัวลูบหางเขาโดยคยูฮยอนขยับตัวหนีอย่างรุนแรง “...ถ้ามึงยังรอดถึงตอนนั้นน่ะนะ”

     

                เสียงฝีเท้าที่เคลื่อนตัวออกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงขู่ของตัวกินคนที่ดังมาไกล ๆ ในเวลาต่อมาทำให้คยูฮยอนกัดฟันแน่น

     

                วินาทีนั้นคยูฮยอนก็ได้รู้

     

                โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีคำว่ามนุษยธรรมอีกแล้ว

     

     

    .

    .

     

     

     

                “น่าสงสารอยู่นะมึง ป่านนี้นั่งร้องไห้แล้วมั้งเมื่อกี้เห็นตาแดง ๆ ”

     

                ทงเฮพูดพร้อมกับส่องไฟฉายสอดส่องไปทั่ว ๆ ตอนนี้พวกเขาเข้ามาถึงในส่วนที่ไฟฟ้าดับไปหมดแล้วมันเป็นโรงหนังที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลยล่ะ ไม่รู้ต้องเดินกันขนาดไหนถึงจะเข้าไปข้างในได้ นึกไปถึงหน้าของเด็กที่พวกเขาเพิ่งเก็บมาได้จากห้างสรรพสินค้าตอนเข้าไปหาเสบียงแล้วก็นึกเห็นใจ ตาแดง ๆ นั่นเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

     

                “ช่างมันเถอะ รอดก็เอามันไปด้วยถ้าไม่รอดก็โชคร้ายของแม่ง” ชเว ซีวอนตอบอย่างไม่ใส่ใจ ไฟฉายในมือยังคงทำหน้าที่ส่องทางไปเรื่อย ๆ เพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ

     

                ไม่สิ เรียกสิ่งก็ไม่ถูก

     

                ต้องบอกว่าหา คนสิ

     

                “แบบนั้นไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ” คนที่ปกติเงียบตลอดทางพูดขึ้นมา ซีวอนหันไปมอง เยซอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อะไร ? ก็มึงจับเขามาทำไมล่ะ เอาปืนเขามาและปล่อยไปก็ได้นี่”

     

                “มันยังไม่ถึงสถานการณ์ที่ต้องใช้งาน”

     

                “แล้วคิดจะใช้ประโยชน์อะไรจากเด็กนั่น เหยื่อล่อ?”

     

                “...”

     

                “รู้มั้ย ตั้งแต่เกิดเรื่องมึงทำเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์เข้าไปทุกที” เยซองพูดทั้งยังสอดส่องไปยังทางข้างหน้า

     

                “กูทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่กูต้องการ”

     

                “ตามหาคนรักของมึงในที่ที่แม่งไม่น่าจะมีคนเป็นอยู่แล้วเนี่ยนะ”

     

                “อย่าปากหมาเยซอง”

     

                “กูแค่พูดตามสภาพ”

     

                บุคคลที่สามมองทั้งสองคนที่จ้องตากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่มีสิทธิ์จะไปแทรกบทสนทนาตรงหน้าหรอกเพราะตัวเองก็เพิ่งติดสอยห้อยตามกลุ่มของซีวอนมาไม่นานเหมือนกัน จากที่พยายามปะติดปะต่อได้โดยไม่ต้องถามทงเฮก็พอรู้ว่าซีวอนและเยซองเป็นเพื่อนกัน

     

                เขาเลยเข้าใจคยูฮยอนดี ถูกจับมากับกลุ่มคนที่ไม่รู้จักมันเป็นยังไงเพราะฉะนั้นเลยพยายามชวนคุยถึงแม้มันจะไม่เหมือนการชวนคุยปกติก็เถอะ

     

                อ่า... เด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ

     

                “ไม่ว่ายังไงกูก็จะต้องหาหลิวเหวินให้เจอ”

     

                “...”

     

                “ไม่อย่างนั้นกูก็ไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปยังไงเหมือนกัน”

     

                จบบทสนทนา ไม่มีใครพูดอะไรต่อนอกจากเดินไปตามทางอย่างระมัดระวัง

     

                ก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมต้องมาหาคนรักที่โรงหนัง แต่พอคิด ๆ ดูแล้วคงเป็นที่สุดท้ายที่ผู้หญิงที่ชื่อหลิวเหวินอยู่ล่ะมั้งเลยมาตามหาที่นี่ ช่างมันเถอะ ตราบใดที่พวกนี้ยังไม่ผลักไสเขาให้ตัวกินคนรุมปาร์ตี้น้ำชา ทงเฮก็ไม่เกี่ยงที่จะไปบุกน้ำลุยไปกับคนพวกนี้หรอก

     

                เดินมาได้ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็เจอบันไดเลื่อนที่ตอนนี้นิ่งสนิทเพราะไฟฟ้าตัดไปแล้วก่อนที่จะต้องยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อกลิ่นคาวของเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปหมด

     

                “กูว่าขึ้นไปก็น่าจะเจอของดี” ไอเตี้ยขาโก่งพูดพร้อมกระชับมีดยาวในมือไว้มั่น พร้อมแสยะยิ้มเหมือนไม่กลัวเลยสักนิดที่จะขึ้นไปเจอความตายที่ไม่รู้มีกี่สิบตัว แต่กลิ่นฟุ้งไปทั่วแบบนี้แม่งน่าจะทำให้หรรษาได้พอสมควร

     

                “เตรียมตัวให้พร้อม” ซีวอนจับอาวุธในมือไว้แน่นเช่นกัน ทั้งสามค่อย ๆ ย่องขึ้นไปตามบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปยังชั้นสองของโรงหนัง

     

                และทันทีที่ท้าเหยียบที่พื้นชั้นสองของโรงหนังแห่งนี้

     

                “...!!

     

                พวกเขาก็ได้เจอกับนรกเดนตายของจริง

     

                “เยอะกว่างานรวมญาติตระกูลกูอีกว่ะ...” ทงเฮพึมพำออกมาเสียงเบา ถามว่ากลัวตายไหม กลัวสิครับใครจะไม่กลัว แต่ในเมื่อตัดสินใจจะมาทักทายต่อตาล่อปากเป็นอาหารมื้อเด็ดของไอห่าพวกนี้แล้ว ก็ไม่คิดจะถอยหรอกนะ

     

                “ซีวอน!

     

                ฉับ!

     

                ทันทีที่ตั้งตัวได้หนึ่งในพวกตัวกินคนนับสิบก็กระโจนเข้ามาหาซีวอนที่ยืนอยู่หน้าสุด ร่างสูงเอี้ยวตัวไปฟันหัวมันอย่างไม่ลังเล เลือดที่เลอะไปทั่วมือนั่นไม่ได้ทำให้เขาสะอิดสะเอียนน้อยลงหลังจากที่ได้ลงมือฆ่าพวกมันครั้งแรกเลยสักนิด

     

                หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นพวกเขาก็พยายามฆ่ามันทุกทางจนสุดท้ายก็สำเร็จ

     

                ต้องจัดการที่หัว

     

                “ทงเฮ! ทางขวา!

     

                “ครับ ครับ” ทงเฮรับคำก่อนจะจัดการกับตัวข้างหน้าตัวเองแล้วหมุนกลับไปเฉาะหัวไอตัวที่เดินเข้ามาหาเขาทางด้านหลังอ้าปากโชว์น้ำลายเหนี่ยวหนึบของมันจนอยากอ้วก อยากถามเหลือเกินว่าก่อนตายได้แปรงฟันบ้างหรือเปล่า

     

                “กรรร...”

     

                “กรรร...”

     

                “ญาติเยอะมาก เอายังไงดีครับกัปตัน” ทงเฮยังคงขยับตัวซ้ายขวาเพื่อหลบตัวกินคนที่กระโจนเข้าหารอบทิศทางยิ่งกว่า 4D ซีวอนจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อเกือบโดนอีกตัวลอบเข้าข้างหลังโชคดีที่ได้เยซองเป่าปากเรียกให้รู้ตัว เขาเลยหันมาฟันคอมันได้ทันเวลา

     

                “เยซอง มึงไปตามหาหลิวเหวินให้กูที”

     

                “เออ” เยซองรับคำโดยไม่อิดออด เพราะเขาอยู่ข้างหลังเลยยังไม่ได้ออกแรงอะไร ก่อนจะอาศัยความตัวเบาของตัวเองจับที่ระเบียงข้างบันไดเลื่อนแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปตรงทางเดินข้าง ๆ ที่มีพวกมันไม่เยอะมากนอกจากที่นอนพะงาบอยู่ที่พื้น ไม่ต้องรอให้ญาติทั้งหมดหันมาสนใจตน เยซองรีบออกตัววิ่งไปตามหาคนรักของเพื่อนตามคำสั่ง

     

     

                ซีวอนมองตามแผ่นหลังเพื่อนไปทั้งภาวนาในใจว่าให้เจอคนรักของตน ก่อนจะหันกลับมาฟันไอตัวกินคนที่กระโจนมาทางด้านขวา ตอนนี้ทงเฮก็รับศึกหนักพอสมควรเพราะแม่งเซอร์ราวน์มารอบทิศทาง แถมยังมีมาเรื่อย ๆ อย่างกับปลุกเสกได้ มึงคิดว่าตัวเองเป็นนาซีซอมบี้ใน sniper elite หรือไง

     

                เมื่อเริ่มรับมือไม่ไหวทั้งสองคนถอยมาตั้งหลักก่อนจะสบตากับประมาณสามวิก็ตัดสินใจได้

     

                โกยก่อนดีกว่า

     

                ปัง !

     

                เพื่อไม่ให้ลำบากเยซองที่กำลังทำหน้าที่แทนตัวเองอยู่ ซีวอนเลยเลือกเรียกร้องความสนใจมาที่ตัวเองและวิ่งหนีชนิดขาแทบพันกัน ทงเฮเห็นความบ้าบิ่นนั่นแล้วก็อยากจะกระโดดถีบขาคู่ไอหล่อนี่สักหนึ่งที เข้าใจนะว่าไม่อยากให้มันตามเพื่อนตัวเองที่ได้รับภารกิจให้ไปหาเมียให้ แต่จำเป็นไหมที่ต้องเรียกร้องความสนใจขนาดนั้น

     

                บ้านขาดความอบอุ่นหรออออ

     

                “มึงอยากทดลองเป็นนักวิ่งมาราธอนหรือไง บอกเลยว่างานนี้ไม่มีถ้วยให้นะห่า” ทงเฮสบถออกมาทั้งออกตัววิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ในเมื่อซีวอนใช้ปืนสร้างเสียงดังไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บลูกตะกั่วตัวเองไว้ในแม็กกาซีนอีกต่อไป ทงเฮยิงแม่งทุกตัวที่ขวางหน้าเหมือนกัน ขาก็ทำหน้าที่วิ่งหนีตายจนแทบขวิด

     

                ทดลองเป็นโทมัส Maze Runner

     

                “อย่าพูดมากแล้วเอาตัวเองให้รอด ถ้ามึงโดนพวกนั้นคว้าตัวได้ตัวใครตัวมัน”

     

                “เออบอกเลยว่าคนที่จะเป็นพวกแม่งรายต่อไปต้องไม่ใช่กู” ชี้ไปที่พวกห่าที่อยู่ข้างหลังอย่างหาเรื่อง เออ ปัญญาอ่อน อย่างกับแม่งจะรู้เรื่องกับกูอย่างนั้นแหละ

     

                สองเท้ายังลงวิ่งอย่างไม่ลดละ โรงหนังนี่แม่งก็กว้างเหลือเกินไว้ถ้ามีลูกนะไม่พามันไปหรอกสวนสนุกพามาวิ่งเล่นที่นี่แม่งน่าจะหรรษากว่าเยอะ ทงเฮเบิกตากว้างเมื่อเห็นซีวอนกำลังถูกจู่โจมจากด้านข้าง แต่เซ้นท์ดีชะมัดแม่งก้มหลบแล้วหันไปยิงหัวมันดัง ปัง... เละ

     

                เท่ห์สาดดดด

     

                และนั่น.. กูยังชมไม่ทันไรเลยว่าที่นี่มันกว้าง

     

                ทางตันที่เป็นลิฟต์ที่ค้างอยู่ข้างหน้าแม่งทำกูอยากกลับไปกดลบคำบรรยายข้างบน

     

                “เอาไงว่ะซีวอน” มองเห็นในระยะร้อยเมตรก็หันไปถามเพื่อนร่วมวิ่งที่ตอนนี้เหงื่อออกพลั่กเป็นน้ำตกไม่ต่างจากเขา ซีวอนสอดส่องสายตามองไปมาก่อนจะตัดสินใจได้

     

                “เข้าลิฟต์”

     

                “เห้ย มึงยังไม่เจอเมียนะเว่ย อย่าเพิ่งคิดสั้นดิ”

     

                “มันจะมีช่องให้ปีนขึ้นไปอยู่ อย่าโง่”

     

                จ้า พ่อคนฉลาด

     

                ทงเฮไม่ได้เถียงอะไรกลับไปเขามองซีวอนที่วิ่งนำไปที่ลิฟต์ก่อนและจัดการยิ่งพวกเวรทั้งหลายที่อยู่ในลิฟต์แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมา แต่แน่ล่ะ ระยะประชิดแบบนั้น ไม่มีทางที่ซีวอนจะสังหารไอพวกนั้นไม่ได้

     

                ปัง ปัง ปัง

     

                ร่างที่แตะส่วนสูงมาตรฐานผู้ชายทั่วไปวิ่งมาถึงลิฟต์พร้อมกับญาติที่ตามมาอีกเป็นพรวน เขาเห็นซีวอนจัดการเอื้อมสุดตัวเพื่องัดแงะอะไรบางอย่างและไม่นานช่องบนหัวก็เปิดออก สร้างความประหลาดใจให้ทงเฮไม่น้อย ไม่ใช้ช่องในลิฟต์นะ แต่เป็นซีวอนต่างหาก

     

                เปิดได้ง่าย ๆ อย่างกับเปิดประตู

     

                “จับมือกู” ซีวอนขึ้นไปได้สำเร็จแล้ว เหลือแต่ทงเฮที่ยืนเงยหน้ามองคนข้างบน ไม่รอให้ญาติมาเซอร์ราวน์รอบตัวอีกแล้ว ทงเฮรีบคว้ามือซีวอนที่ส่งลงมาก่อนจะรีบส่งตัวเองขึ้นไปข้างบนและปิดช่องทันที

     

                “แฮ...”

     

                ปึง!

     

                รอดตายแล้ว...



    TO BE CONTINUED...

    อยากแต่งแนวนี้มานานแสนนานนน

    เราอาจจะไม่เทิร์นโปรเท่าไหร่ การบรรยายก็กากกรังภาษาหยาบคายจนน่าปิดทิ้ง

    แต่อยากแต่งแนวนี้ อยากให้น้องโดนทารุณ

    ติได้ว่าได้นะรีดต๋า ขอบคุณค่ะ .___.

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×