คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [ฟิคแก้บน] wonkyu :: escape death ch.2
[ฟิคแก้บน]
Note :: ฟิคแนวซอมบี้นะคะ หยาบคายมากด้วย XD
•Escape death•
-part 2-
เงียบ
นี่มันเงียบเกินไปแล้ว...
เยซองส่องไฟไปทั่ว
ๆ รอบ ๆ ที่นี่มีศพพวกกินคนเต็มไปหมดจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก
ดูจากสภาพศพแต่ละตัวมันโดนฆ่าโดนวิธีเดียวคือปืน
คงมีคนที่ยังรอดเหมือนพวกเขาพยายามหนีออกไปจากที่นี่ด้วยการใช้ปืนยิงพวกห่านี่เหมือนกัน
แต่ประเด็นคือ ในโรงหนังพกปืนเข้ามาได้ยังไง
ของพวกยามรักษาความปลอดภัยอย่างนั้นหรอ
?
เยซองกระชับปืนในมือข้างหนึ่งอีกข้างก็ยังคงถือไฟฉายเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง
พยายามส่องหน้าศพทุกตัวที่เดินผ่านแม้มันจะน่าอ้วกแค่ไหนก็เถอะ แต่มันไม่มีทางอื่นที่จะหาตัวคนรักของเพื่อนเลยนี่นา
ที่นี่ไม่น่าจะมีคนเป็นอยู่แล้วเสียด้วยซ้ำ
แต่ถ้าจะให้พูดตรง
ๆ ไปก็คิดว่าอาจจะโดนมันต่อยปากกลับมา ยังไงเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าหลิวเหวินจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
บางทีเธออาจจะรอดไปกับคนสักกลุ่มแล้วก็ได้ ดูจากสภาพการต่อสู้น่ะนะ ยังไงก็น่าจะมีคนที่รอดไปจากที่นี่ได้ไม่มากก็น้อย
เยซองใช้เท้าเขี่ยศพที่นอนคว่ำอยู่ให้พลิกหน้าขึ้นมา
ส่องดูหน้าตาของศพแล้วก็อยากจะสำรอกน้ำย่อยในกระเพาะออกมา ตายกันดี ๆ ไม่ได้หรอว่ะ
ทำไมต้องทำหน้าตาสยดสยองก่อนตายด้วยเห็นแล้วอยากอ้วกชะมัด
ร่างของเจ้าของร้านกาแฟโมบิทยังคงสาวเท้าเดินเพื่อหาคนรักของเพื่อนต่อไป
ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง ยิงปืนเสียงดังขนาดนั้น
พวกตัวกินคนทุกตัวที่นี่คงแห่ไปรุมแฮปปี้มีลมันกันหมดแน่ ๆ
นึกไปถึงตอนเกิดเรื่องแล้วก็น่าขำ
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วแทบไม่ทันตั้งตัว...
ตอนนั้นจำได้ว่าซีวอนมาหาเขาที่ร้านเพื่อนั่งรอคนรักที่เห็นบอกว่าเธอไปดูหนังกับเพื่อนที่โรงภาพยนตร์แห่งใหญ่ของย่านดัง
ซีวอนจึงมานั่งจิบกาแฟรอที่ร้านของเยซองและจับกล่องในมือพลิกไปมาอย่างร้อนรน
มองไปที่ประตูหลายต่อหลายครั้งจนเยซองอดที่จะแซวไม่ได้
‘จะมีข่าวดีสินะ’
ว่าพลางพยักเพยิดไปที่กล่องกำมะหยี่ในมือซีวอน เพื่อนตัวสูงยิ้มน้อย
ๆ ก่อนจะยกกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะดี ๆ แล้วจ้องมันด้วยรอยยิ้ม
‘กูจะขอเขาแต่งงานว่ะ’
‘ต้องการสถานที่มั้ย
เดี๋ยวกูให้เด็กจัดร้านให้’
‘ไม่เป็นไร
หลิวเหวินไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาน่ะ เธอเหมือนจะห้าวแต่ก็ขี้อายหน่อย ๆ ’ เมื่อเห็นเพื่อนพูดถึงคนรักและขำออกมาแบบนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้
ซีวอนและหลิวเหวินคบกันตั้งแต่ซีวอนไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนตอนมัธยมปลายจนพอขึ้นมหา’ลัยก็เห็นว่าสาวเจ้าเขาจะบินมาเรียนที่นี่กลายเป็นว่าคบกันตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เรียนจบจนทำงานมาได้ปีกว่าแล้ว
เยซองก็ลุ้นให้แต่ง ๆ กันไปสักที
เห็นเทียวมาเทียวไประหว่างคอนโดตัวเองกับคอนโคแฟนสาวไปรับไปส่งกันเปลืองค่าน้ำมันกันไปไม่รู้กี่ล้านแล้ว
แต่ง ๆ อยู่กินกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเหนื่อย
รอยยิ้มของซีวอนปรากฏขึ้นบนใบหน้าตลอดเวลาที่รอแฟนสาวมาที่ร้านของเยซอง
จนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป
เมื่อลูกค้าคนที่ออกจากร้านไปคนล่าสุดของเขา
โดนคนด้วยกัดต่อหน้าต่อตา...
ที่จริงพวกเขาจะแอบอยู่ในร้านแล้วรอให้เหตุการณ์วิ่งไล่กัดข้างนอกมันสงบลงก่อนก็ได้
แต่ด้วยความที่ซีวอนเป็นห่วงหลิวเหวินที่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย
เป็นเหตุให้ทั้งสองคนตัดสินไปหยิบปืนของเยซองที่ชั้นสองของร้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวและฝ่าวงพวกตัวกินคนออกมาอย่างยากลำบาก
และพวกเขาก็ได้เพื่อนร่วมทางคนใหม่ที่ชื่อว่า
อี ทงเฮ เข้ามาร่วมทริปด้วย เหตุมันก็มาจากมันดันเข้ามาช่วยซีวอนได้ทันตอนกำลังโดนตัวกินคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้จะเขมือบเอา
ตัดเข้าปัจจุบัน
... เดินหามาระยะทางก็ไกลพอสมควรแต่เยซองยังไม่เจอสิ่งมีชีวิตสักอย่างในนี้
จะมีก็แต่ศพตัวกินคนที่ยังไม่ตายดีแต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาวิ่งไล่กัดเขาได้แล้วล่ะ
เยซองไม่คิดจะส่งเคราะห์มันให้หยุดพะงาบ ๆ หรอก เรื่องอะไรที่เขาต้องไปเสียเวลาจัดการมันด้วยเล่า
เพล๊ง!!!
เสียงอะไรบางอย่างแตกอย่างรุนแรงทำให้เยซองสะดุ้งปืนแทบหลุดจากมือ
ร่างของบาริสต้าหนุ่มกวาดสายตากลับไปมองทางด้านหลังอย่างระแวงและถอนหายใจออกมา
ยังไม่มีพวกเวรตัวไหนตามเขามา แต่เสียงเมื่อกี้มันดังมากจริง ๆ นะ
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกซีวอน
ความกังวลรุมเร้าเข้ามาทำให้เยซองรีบทำหน้าที่ของตัวเองให้มันเสร็จ
ๆ เพื่อกลับไปหาเพื่อน ไม่ใกล้ไม่ไกลมีกระเป๋าใบหรูตกอยู่
มันเลอะคราบเลือดจนแทบมองไม่เหลือความสวยงามอยู่
แต่เยซองก็พอมองออกว่ามันค่อนข้างมีราคาพอสมควร มองแล้วก็นึกเวทนาต่อให้รวยร้นฟ้าแต่ไหนแต่พอเกิดเรื่องบ้า
ๆ แบบนี้ขึ้นสิ่งของพวกนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี นั่งยอง ๆ
ที่ข้างกระเป๋าแบรนแนมชื่อดังที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะถือวิสาสะเปิดดูของข้างใน
เงินเยอะซะด้วยแหะ
นับแบงค์ห้าหมื่นวอนที่มีหลายใบอยู่เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่าเหมือนเศษกระดาษโง่ ๆ
เยซองสอดนิ้วเข้าไปหยิบเอาบัตรประชาชนของเจ้าของกระเป๋าออกมาดูหน้าคร่าตาและชื่อแส้ของเจ้าของกระเป๋า
‘หลิว เหวิน’
ฉิบ-หาย
ตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเจอหน้าคงรักของเพื่อนพร้อมชื่อแส้ชัดเจนในบัตรประชาชน
แสดงว่ากระเป๋าเปื้อนเลือดใบนี้เป็นของหลิวเหวิน
แล้ว...หลิวเหวินล่ะ
อยู่ไหน ?
.
.
“กรร...”
ตื้อไม่เลิกจริง ๆ
ว่ะ
ทงเฮและซีวอนที่ตอนนี้ยังคงนั่งแหมะอยู่ในช่องด้านบนของลิฟต์มาเป็นเวลานานแล้วเหมือนกัน
ก็ไม่รู้หรอกว่านานเท่าไหร่แต่มันก็นานพอจะทำให้ตอนนี้ก้นของเขาชาดิกจนอยากจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเป็นเพลงกาโวกาโว
ติดไอพวกห่าข้างล่างเนี่ย
ช่างตื้อเหลือเกิน นี่ขนาดผ่านไปสักพักแล้วยังไม่ไปกันอีก
ส่งมือขึ้นมาอย่างกับเปรตขอส่วนบุญ
“เอายังไงครับกัปตัน
ลงไปโดนแดกแบบแฮปปี้มีลแน่นอน”
ทงเฮหันไปถามความเห็นซีวอนที่บรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนอย่างใจเย็น ทงเฮอยากจะเบ้ปากใส่กับท่าทางของพี่แกเหลือเกินถึงจะเพิ่งมารู้จักกันได้ไม่นานแต่เขาก็มองออกว่าซีวอนแม่งค่อนข้างฉลาดในการเอาตัวรอดมากเลยล่ะ
“ข้างล่างนั่นเยอะมากไหม”
“น้อยลงแล้ว
แต่ถ้าคิดสั้นลงไปก็ไม่ได้เกิดเหมือนกัน” ทงเฮเปิดช่องไปส่อง ๆ ดูอีกรอบ
จริงอยู่ที่ตอนนี้จำนวนมันน้อยลงเพราะเสียงอะไรบางอย่างแตกเมื่อกี้มันดังมากพอจะเรียกร้องความสนใจพวกห่านี่ไปได้บางส่วน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกล้าลงไปเสี่ยงให้ตัวเองเป็นอาหารของพวกมัน
มันเสียงอะไรกันแน่
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเยซอง
“งั้นเตรียมตัว”
“เฮ้ มึงไม่ได้หมายความอย่างที่กูคิดใช่มั้ย
?” ทงเฮเลิกคิ้วถามอีกคน “ประมาณว่าใช้ปืนฝ่าดงตีนพวกแม่งลงไปอะไรประมาณนั้นน่ะ”
“ถ้ารอดไปได้ก็ลองซื้อหวยดูนะ
มึงน่าจะได้สักรางวัล”
ไอห่า
“มึงจะบ้าหรอซีวอน
มีปืนฝ่าไปใช่ว่าจะรอดจากพวกแม่งเป็นฝูงนะโว้ย”
“ถ้ามึงกลัวตายก็อยู่ตรงนี้ไป
กูจะไปหาเยซอง ถ้ามึงยังจะไปกับพวกกูต่อก็เคลียร์ทางให้ด้วยถ้าไม่ก็ไปตามทางของมึง”
“เห้ยมึงเดี๋ยว...”
ปัง ปัง ปัง
บัดซบ!
ซีวอนมันไม่ฟังอะไรเลย
เปิดช่องยิงแสกหน้าพวกมันที่อยู่ด้านล่างก่อนจะกระโดดลงไปข้างล่างแล้วยิงหัวที่หัวตัวกินคนตรงหน้าอย่างจังและวิ่งฝ่าออกไปทันที
ทงเฮไม่เห็นสภาพซีวอนหลังจากนี้แล้ว
ร่างหนานั่งกัดฟันอยู่บนช่องตรงลิฟต์อย่างเจ็บใจ ทำไมถึงได้ทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนี้
ไอบ้าเอ๊ย
เพราะเสียงปืนของซีวอนทำให้พวกที่ออกันอยู่ข้างล่างหายไปจนหมด
ทงเฮค่อย ๆ ยื่นหน้าลงไปสอดส่องเส้นทางข้างล่าง อย่างที่คิด
ไม่มีพวกแม่งเหลือสักตัวนอกจากตัวที่นอนพะงาบอยู่ที่พื้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ทงเฮค่อย ๆ
หย่อนตัวเองลงมาจากช่องลิฟต์โดยเหยียบศพตัวที่อยู่ข้างล่างช่วยลดแรงกระแทก
เขาลงมาข้างล่างได้อย่างปลอดภัย
มือหนาหยิบปืนขึ้นมาถือไว้เตรียมแสกหน้าพวกแม่งทุกตัวที่จะเข้ามางาบเขา
แต่อาจเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ตอนนี้ซีวอนล่อมันไปให้เขาหมดแล้ว
เสียงปืนแม่งยังดังอยู่เลย แบบนี้มันไม่หมดหรอกนอกจากกระสุนปืนน่ะ
เอาไงดีว่ะ
ไปช่วยดีไหม ?
ใช่ว่าจะไม่เป็นห่วงมันหรอกนะ
เดินทางร่วมกันมาก็หลายชั่วโมงซีวอนมันก็ช่วยเขาหลาย ๆ อย่าง ความเป็นผู้นำมันก็มีอยู่สูง
ติดแต่จะงี่เง่ากับเป้าหมายมันไปหน่อยคือไม่สนห่าอะไรเลยนอกจากเมียมัน
คิดแล้วก็เซ็งแทนไอเด็กตัวขาวที่ถูกมันจับมาใช้ประโยชน์
เฮ้ย เดี๋ยวนะ
แล้วไอเด็กนั่นมันจะเป็นยังไงบ้างว่ะ
บอกเลยว่าลืม
เอาจริง ๆ ถึงซีวอนไม่กลับช่วยทงเฮก็คิดว่าหลังจากจบภารกิจหาเมียเพื่อนก็คิดจะไปเอามันมาอยู่แล้ว
แต่เพราะวิ่งหนีตายกันขาแทบขวิดแถมยังไปติดอยู่บนลิฟต์นานจนตูดชาเขาก็ลืมไปเลยว่าทิ้งเด็กนั่นไว้ที่ล็อบบี้ข้างล่าง
เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย
เอาเป็นว่ายังไงก็ไปช่วยเด็กนั่นก่อนรึกัน
ซีวอนมันไม่ได้โดนมัดมือแบบคยูฮยอนคงมีเปอร์เซ็นรอดมากกว่า ไม่แน่ป่านนี้เด็กนี่อาจจะกำลังกินศพใครสักคนอยู่ก็ได้
ทงเฮเดินลงบันไดเลื่อนไปอย่างระมัดระวัง
สายตาสอดส่องไปรอบ ๆ ทุกอย่างก้าวต้องเป็นไปอย่างไม่ประมาท
ถึงเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ในโลกที่แสนโสมมนี่จะไม่เหมือนซีวอนที่มีคนรักที่ต้องตามหา
ถึงทงเฮจะไม่มีคนสำคัญที่ต้องปกป้อง แต่ชีวิตนึงที่เขาได้เกิดมาแล้ว ยอมตายง่าย ๆ
มันก็เหี้ยเกิน
ในเมื่อพระเจ้าเลือกที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้
ก็ลองกันดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป
เดินมาสักพักล็อบบี้ที่ดันเด็กนั่นเข้าไปแอบเมื่อชั่วโมงก่อนก็ปรากฏแต่สายตา
อาศัยแสงที่ส่องมาจากทางด้านนอกมองความปลอดภัยเบื้องหน้า
ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเพื่อดูคนที่อยู่ด้านในว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
“...”
ว่างเปล่า
ใต้ล็อบบี้นั่น...ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
เหลือไว้แต่เพียงรอยเลือดที่เหมือนรอบถูกลากเป็นทางยาวทำให้ทงเฮรู้สึกผิดจนอยากจะต่อยตัวเองสักร้อยที
.
.
แฮ่ก แฮ่ก ...
เหนื่อยใจแทบขาด
ร่างสูงยกมือขึ้นปกปากตัวเองเมื่อวิ่งหลุดโค้งมาได้และจัดการแอบเขาที่ซอกทางเข้าห้องน้ำทันที
เขาพยายามเข้าไปให้ลึกที่สุดเพื่อไม่ให้พวกตัวกินคนเจอ
ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำอะไรที่บ้าบิ่นอย่างการวิ่งฝ่านรกมาแบบนี้
“กรร...”
เสียงของพวกมันเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ซีวอนเผลอกลั้นหายใจ...
เขาจะมาโดนจับกินตอนนี้ไม่ได้
เขาต้องหาคนรักให้เจอไม่ว่ายังไงก็ตาม
ซีวอนใช้สายตามองพวกมันที่เดินเอื่อย
ๆ ไปตามทางเดินหลักของโรงหนัง มันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าตอนนี้เขารอดแล้ว
ทันทีที่ตัวสุดท้ายเดินพ้นไป ซีวอนรีบถอดแม็กกาซีนออกมาเช็คจำนวนกระสุนทันที
เพราะรู้สึกว่าเมื่อกี้เขาจะยิงรัวไปมากเหมือนกัน
“บ้าชิบ...”
กระสุนเขาเหลือเพียงสามนัดเท่านั้น
แถมแม็กกาซีนสำรองไม่มีแล้วด้วย
ร่างสูงกัดปากอย่างใช้ความคิด
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเยซองอยู่ตรงส่วนไหนของโรงหนังแห่งนี้แต่เชื่อว่าเพื่อนของตนคงกำลังหาหลิวเหวินให้เขาอย่างสุดความสามารถ
ถึงเยซองจะพูดขัดเขามากแค่ไหนแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของซีวอน
มันไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง
มือหนากระชับมีดยาวในมือไว้แน่นก่อนจะเก็บปืนให้ไปเหน็บไว้ที่เอว
กระสุนที่เหลืออยู่สามนัดมันสำคัญมาก เขาต้องเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
ซีวอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะมองซ้ายขวาและเดินออกมาจากซอกที่ตนหลบอยู่
ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาให้เจอให้ได้
รอผมก่อนนะที่รัก...
ร่างสูงเดินไปตามทางอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง
เขาจัดการปิดปากไอตัวที่หมายจะคลานเข้ามาจู่โจมเขาโดยการปักมีดเข้าไปที่กลางกะบาลมันเต็มแรง
มีดที่เปื้อนเลือดแสนน่าขยะแขยงมันทำให้เขาอยากอ้วก
กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณจนต้องยกมือข้างที่ถือไฟฉายขึ้นมาปิดจมูก
กลิ่นมันแย่ยิ่งกว่าน้ำล้างเท้าเสียอีก
ฉึก
ลงคมมีดลงที่หัวของตัวกินคนที่พื้นทางด้านขวาไม่ให้มันส่งเสียงครางฮือ
ๆ อยากจะลิ้มลองเนื้อของเขาอีกต่อไป
ร่างสูงไล่สายตาสำรวจร่างกายเหยื่อว่ามีอะไรพอจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง และแจ็คพ็อต! ปืนที่ตกห่างจากศพไปประมาณสามเมตรนั่นคือคำตอบ
“ห้านัด...เยี่ยม”
พ่นลมออกมาอย่างหัวเสีย อย่างน้อยก็ขอให้จำนวนกระสุนมันพอจะจัดการพวกมันสักฝูงไม่ได้หรือไง
ไม่ต้องไปทำหน้าหงุดหงิดใส่ศพมากกว่านี้
ซีวอนเก็บปืนเหน็บไว้ด้านหลังก่อนจะตัดสินใจเดินต่อ
ไม่รู้ป่านนี้เยซองจะเป็นยังไงบ้าง
เจ้านั่นน่ะตั้งแต่เกิดเรื่องก็ฆ่าตัวกินคนไปแค่สองตัวเท่านั้น
อย่างว่าบาริสต้าอย่างมันจะให้มาจับมีดฟันหัวศพคงเป็นเรื่องที่ปรับตัวยากน่าดู
แต่ก็ใช่ว่า CEO อย่างเขาจะชำนาญกับการฆ่าไอพวกเวรนี่
เพราะซีวอนเรียนศิลปะการต่อสู้มาเสียมากกว่าทำให้คล่องตัวในการหลบหลีกและเฉียบขาดในการตัดสินใจฟันหัวพวกมันสักตัวหรือสองตัว
เกือบพลาดท่าก็หลายครั้ง
มีครั้งนึงได้ทงเฮมาช่วยไว้พอดีเลยได้โอกาสให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย
ไม่ใช่เพราะซีวอนขอให้มาด้วย แต่มันตื้อเองต่างหาก
คิดถึงคนที่ติดมาด้วยก็นึกได้ว่าเพิ่งทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เจ้าเด็กมหา’ลัยทำหน้าทำตาอวดดีจนน่าหมั่นไส้ เขาอาจจะคิดถูกที่ทิ้งเจ้านั่นไว้ที่ล็อบบี้
เอามาด้วยก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเสียเปล่า ๆ จริง ๆ
จุดประสงค์ที่จับมาก็อย่างที่เยซองมันพูด...ตัวล่อ
เพราะรู้ว่าต้องมาเจอกับพวกห่านี่อีกมากมายแค่ไหน
การมีตัวล่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ใครจะว่าเขาโหดร้ายก็ช่างเถอะ
ตราบใดที่ยังหาคนรักไม่เจอเขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางให้ตัวเองรอดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อนหาหลิวเหวิน
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมันเถอะ
ยังไงโลกนี้แม่งเต็มไปด้วยศพที่ลุกขึ้นมากัดกินคนด้วยกันเอง
สงเคราะห์อีกสักหนึ่งศพจะเป็นอะไรไป
แค่คนรักปลอดภัยเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
ซีวอนรีบหลบที่ซอกมุมตึกอีกครั้งเมื่อกลุ่มตัวกินคนที่เดินผ่านเขาไปเมื่อกี้เดินอยู่ตรงหน้าเขาให้ตายเถอะ
จะเดินเกาะกลุ่มกันไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่มันจะกระจายกันเสียทีจะได้จัดการให้มันง่าย
ๆ หน่อย
น่ารำคาญจริง ๆ
“กรรร...!!”
เสียงคำรามพวกมันดังชัดเจนขึ้นเมื่อเจอเหยื่ออันโอชะ
ซีวอนรีบโผล่หน้าออกมามองเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกมันเปลี่ยนแปลงไปก่อนจะเบิกตากว้าง
เมื่อเหยื่อที่พวกมันเจอคือเยซอง เพื่อนของเขา
บ้าเอ๊ย
เยซองที่ตอนนี้มีอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นกระเป๋าห้อยอยู่ที่แขนข้างหนึ่ง
ก่อนจะออกตัววิ่งหนีพวกตัวกินคนที่วิ่งตามเป็นฝูงอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วตัวก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ซีวอนไม่รอช้ากว่านี้
เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนทันที
ฉับ !
มีดยาวถูกนำออกมาใช้แทนปืน
ร่างสูงจัดการฟันตัวที่อยู่หลังสุดก่อนจะหันไปฟันตัวที่อยู่ข้าง ๆ กันเป็นตัวต่อไป
และเมื่อมันรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา
พวกมันจำนวนหนึ่งก็เลิกสนใจเยซองและเดินเข้ามารุมหาเขาแทน
“ซีวอน!มึงหรอ ?!” เสียงเยซองตะโกนมา มันเต็มไปด้วยเสียงหอบเพราะกำลังหลบตัวกินคนและพยายามใช้มีดฟันพวกมันอยู่อย่างทุลักทุเล
“เออ! มึงรีบวิ่งวนไปอีกทางและลงบันไดเลื่อนไป
ทงเฮมันคงเคลียร์ทางให้แล้ว!” ตะโกนกลับไปพร้อมหลบมือเละ ๆ
ที่หมายจะคว้าตัวเขาไว้อย่างหงวุดหวิด
เขาไม่อยากใช้ปืนเพราะมันเหลืออีกไม่มากทางเดียวที่เหลือคือพยายามใช้มีดกำจัดให้มากที่สุดและวิ่งหนี
“แล้วเรื่องหลิวเหวิน...”
“กูบอกให้รีบไปไง!”
ร่างสูงตะโกนเสียงดังก่อนจะใช้มีดปักเข้าที่เป้าตาตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและชักออกอย่างรวดเร็วเพื่อไปทิ่มอีกตัวที่จู่โจมเข้ามาอีกทาง
เยซองมองภาพที่เพื่อนตัวเองกำลังถูกฝูงตัวกินคนรุมอย่างไม่สู้ดี
เขาจัดการโยนสิ่งของที่อยู่แถวนั้นใส่พวกมันจนเสียหลักก่อนจะรีบวิ่งบนทางที่อยู่ตรงข้ามกับทางที่ซีวอนอยู่เพื่อกลับไปยังบันไดเลื่อน
เขาเห็นซีวอนกระตุกยิ้มให้ก่อนจะหันไปฟาดฟันไปพวกห่านี่ต่อและอาศัยจังหวะวิ่งหนีเข้าไปในทางที่ลึกกว่าเดิม
โดยมีพวกมันตามกันไปประมาณเกือบสิบตัว
ซีวอนไม่ได้คิดจะหนีออกไปจากที่นี่ด้วยกัน
“กูเกลียดมึงก็ตรงนี่แหละ
แม่ง...”
เยซองไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งหนีไอสามสี่ตัวที่ตามเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายและลงไปข้างล่างเพื่อเรียกทงเฮมาช่วย
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ทิ้งเพื่อนเด็ดขาด...
.
.
เจ็บแผลชะมัด...
อย่าให้เจอพวกเวรนั่นอีกนะ
จะอัดแม่งให้เละเลย!
ร่างโปร่งเดินไปตามทางอย่างยากลำบากเพราะขาที่โดนเศษกระจกบาด
มือที่เคยถูกมัดตอนนี้เป็นอิสระแต่แย่หน่อยตรงที่รอบ ๆ ข้อมือเต็มไปด้วยรอยแดงเถือกที่มีเลือดซิบจากการพยายามบิดให้ออกจากการรัดกุมของเชือก
แถมยังมีรอยโดนบาดรอบ ๆ ไม่รู้กี่รอย
บอกเลยว่าทั้งชีวิตนี้ต่อให้โดนแกล้งขนาดไหนเขาก็ไม่เคยมีเลือดออกเยอะจนแทบช้ำขนาดนี้
เหอะ
แต่ถ้าเขาไม่ปืนขึ้นไปใช้เท้ากระทืบกระจกที่เป็นโต๊ะตรงล็อบบี้ให้มันแตกและใช้มันตัดเชือกล่ะก็คงไม่รอดมาจนถึงป่านนี้หรอก
ไอพวกคนใจร้ายเอ๊ย
แน่นอน ผลจากการกระทำเสียงดังครั้งใหญ่นั้นทำให้เขาได้เพื่อนตามมาเป็นพรวน
โชคดีเหมือนกันที่ตอนเข้ามาพวกนั้นมันปิดประตูไว้เลยทำให้พวกข้างนอกเข้ามาไม่ได้ และคงเพราะผลจากเสียงปืนของคนพวกนั้นทำให้บางตัวตามเสียงขึ้นไปด้านบน
ส่วนด้านล่างก็เหลือประปรายไม่มากขนาดทำให้เขาต้องวิ่งหนีตายอะไรขนาดนั้น
ผ้าที่เคยถูกจับยัดปากตอนนี้ถูกเอามาพันมือไว้อย่างแน่นหนาเพื่อถือเศษกระจกที่ขนาดมันเหมาะจะใช้แทนมีด
คนพวกนั้นไม่ทิ้งอาวุธอะไรสักอย่างไว้ให้คยูฮยอน
ไม่แปลกที่พอเจออะไรใกล้ตัวเขาก็ต้องคว้ามาเป็นอาวุธไว้ก่อน
คยูฮยอนกำลังพยายามหาทางออก
เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเจอกับฝูงผีเวรและพวกคนใจหมาอีก
เห็นว่าก่อนหน้านี้ซีวอนมันกะจะเข้าทางด้านหลัง
แสดงว่ามันต้องมีประตูทางออกด้านหลังแน่นอนเพราะตอนนี้ประตูทางเข้าเต็มไปด้วยฝูงที่ทำให้พวกเขาต้องหลบหลังรถก่อนเข้ามาที่นี่
มันไม่ได้อยู่รวมตัวกันหนาแน่น แต่เดินกันเอื่อย ๆ ประปรายด้วยจำนวนที่เยอะใช่เล่นเลย
คยูฮยอนยังคงเดินเลาะไปตามกำแพงเรื่อย
ๆ เขาไม่ได้มีแรงจะเดินโท่ง ๆ เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว รอยกระจกบาดที่ขามันเจ็บจนต้องหาเกาะกำแพงเดินไปเรื่อย
ๆ อยากจะหัวเราะให้ตัวเองดัง ๆ
เหมือนกันว่าคิดบ้าอะไรอยู่ตอนพังกระจกจนตัวเองต้องเจ็บตัวขนาดนี้
แต่ถ้าแลกกับอิสระของมือตัวเองคยูฮยอนก็ไม่คิดอะไรมากกับแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก
พาร่างตัวเองเดินมาถึงตรงโซนที่มีโซฟาให้คนนั่งหลายตัวด้วยกัน
คงจะจัดไว้ให้นั่งรอรอบหนังล่ะมั้ง
คยูฮยอนจะไม่เดินเข้าไปหากบนโต๊ะนั่นมันไม่มีกระเป๋าเป้ท่าทางน่าสนใจวางอยู่
ร่างโปร่งค่อย ๆ ย่องเข้าไปหามันเพราะรอบ ๆ ตรงนั้นมีพวกเวรนี่นอนกันเกลื่อนไปหมด
ไม่รู้ว่าเดินผ่านอยู่ดี ๆ มันจะยื่นมือมาจับขาเขาไว้เหมือนผีในหนังหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นค่อย ๆ เดินดีกว่า
ทันทีที่กระเผลกตัวมาถึงกระเป๋าเป้ใบใหญ่คยูฮยอนก็วางเศษกระจกไว้บนโต๊ะ
มือเรียวก็ค่อย ๆ รูดมันช้า ๆ เพื่อไม่ให้เสียงดัง
ก่อนที่ของในกระเป๋าจะทำให้เขาเปิกตากว้าง
มันคือเสบียง
ของกินที่เป็นป๊อบคอร์นมากกว่าค่อนกระเป๋าใส่อยู่ข้างใน
พร้อมกับน้ำเปล่าประมาณสามขวด กับซองขนมที่ทางโรงหนังขายประมาณสี่ห้าซอง
ดูแล้วเหมือนเป็นของที่คนเป็นเตรียมเอาไว้เสียมากกว่า
ของใครกัน
ช่างเถอะ
ในเมื่อคยูฮยอนเจอ เขาก็จะขอรับมันไปแล้วกัน
กริ๊ก
“วางมันลง”
บางทีคยูฮยอนอาจจะมีดวงอาภัพเรื่องของกิน
คยูฮยอนยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อแสดงว่ายอมแพ้
เสียงผู้หญิงดังมาจากทางด้านหลังพร้อมกับวัตถุที่จ่ออยู่ที่หลัง ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่ามันคือปืน
โอเค... วันนี้เขาเจอปืนจ่อด้วยกันถึงสองรอบ เยี่ยมไปเลย ใครจะโชคดีเท่าเขาอีก
“วางแล้ว”
“ค่อย ๆ
หันหน้ามาช้า ๆ ” คยูฮยอนหันหน้าไปตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขื่น อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ
หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า
แล้วมันเรื่องอะไรที่เวลาเขาจะหาอะไรกินทีไรมันถึงต้องโดนปืนจ่อทุกที
บางทีคยูฮยอนอาจจะไม่ตายเพราะโดนกัด แต่ตายเพราะหิวตาย “นักศึกษา ?”
“ครับ อยู่ปีสอง”
“ไม่ได้ถาม”
“อ่าว”
“พกอะไรมาบ้าง”
“เท่าที่คุณเห็น
ทั้งตัวผมมีแต่เลือดกับเศษกระจกโง่ ๆ เป็นอาวุธหนึ่งอัน”
คยูฮยอนยักไหล่ทั้งที่ยกมืออยู่ ก่อนจะใช้สายตาพิจารณาผู้หญิงที่เอาปืนจ่อเขาอยู่
เธอค่อนข้างสูงและหุ่นดีมากเลย สีผิวออกคล้ำแต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่อะไรนัก
ผมยาวที่ถูกรวบขึ้นเพื่อความสะดวกทำให้เธอดูน่าเกรงขาม
บางทีผู้หญิงสมัยนี้ก็สูงเกินไปจนผู้ชายอย่างคยูฮยอนรู้สึกอาย
“นายมาคนเดียว ?”
“ตอนแรกไม่แต่ตอนนี้ใช่”
“อย่ามาพูดจาวกวน
สรุปยังไง”
“ผมถูกพวกคนป่าเถื่อนจับมาปล่อยไว้ในนี้พร้อมมัดมือไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่พวกเขาจะไปตามหาคนในนี้ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าพวกนั่นเป็นยังไงบ้าง
แต่ขอให้ตายไว ๆ ” พูดไปก็แค้น เสียงปืนที่เขาได้ยินในตอนแรกตอนนี้มันสงบลงแล้ว
ไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์เป็นบวกหรือเป็นลบ
แต่ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่เขาต้องเดินขึ้นไปดูว่าพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง
ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องไปเป็นห่วงคนที่ทิ้งเขาให้เกือบตาย
“พูดจริง ?”
“ดูแผลที่ข้อมือผมก็ได้
หรือถ้าคุณไม่เชื่ออีกก็ยิงผมเลยก็ได้ จนปัญญาจะหนีแล้ว”
คยูฮยอนยื่นข้อมือทั้งสองข้างให้หญิงสาวดูซึ่งเธอก็แหย่ตาลงมามองแผลที่ข้อมือแวบนึงก่อนจะเหลือบขึ้นมาจ้องเขาตาเขม็งเหมือนเดิม
“นายโดนกัดหรือเปล่า”
“หา ?”
“เลือดเยอะขนาดนี้
โดนกัดมาหรือเปล่า”
“เปล่า
ร่างกายผมยังไม่โดยฝังเขี้ยวหรือโดนรอยฟันของไอพวกเวรตัวไหน วางใจได้”
ปืนยังถูกจ่อมาที่ผมสักพักก่อนจะไล่สายตามองอย่างพิจารณาและไม่นานมันก็ลดลงและถูกเหน็บไว้ที่เอวด้านหลังของผู้หญิงคนนี้
เธอเดินเข้ามาใกล้คยูฮยอนเพื่อหยิบเป้ของเธอไปตรวจเช็คอะไรนิดหน่อยก่อนจะรูดซิบปิดมันและแบกขึ้นหลัง
“จะไปไหนก็ไป”
อ่าว...เอาปืนจ่อหัวกันแล้วไล่งี้เลย คิดว่าอยากอยู่มากสิเนี่ย
บางทีก็คิดนะ
พวกคนเป็นอาจจะน่ากลัวกว่าคนตายก็ได้
“โอเค”
ยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะหยิบเอาเศษกระจกที่วางไว้อยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้มาถือไว้เหมือนเดิมและก้าวออกจากตรงนั้น
พรึ่บ
“ซี๊ด...”
เพราะดันไปก้าวข้างที่โดนกระจกบาดทำให้เขาทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนคว้าปืนออกมาเล็งที่เขาอีกรอบอย่างไม่ลังเล
“ไหนบอกว่าไม่ได้โดนกัดไง
แล้วเลือดที่ขานั่นมันอะไร”
“โดนกระจกบาดไง
บอกไปแล้ว”
“ใช่แน่หรอ”
“งั้นก็ยิงผมเถอะครับถ้าจะกังวลกันขนาดนั้น
ดีเหมือนกัน เจ็บแผลไปหมดแล้วตาย ๆ ไปจะได้ไม่ต้องเจ็บ”
เบื่อจะมานั่งให้คนสงสัยแล้ว เข้าใจอยู่หรอกว่าในสภาพโลกที่มันเป็นแบบนี้มันไว้ใจใครไม่ได้
และตอนที่เขาทรุดลงไปผู้หญิงคนนี้ชักปืนออกมาโดยไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ
“อย่าท้าฉัน”
“เชิญครับ”
ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตายตรงนี้ก็ดีเหมือนกันดีกว่าหนีไปเรื่อย ๆ
แล้วโดนกัดเข้าให้สักวัน ไม่ต้องโดนฉีกเนื้อจนน่าสะอิดสะเอียน นัดเดียวก็ตาย ศพสวย
ๆ
กริ๊ก...
“ทำอะไรน่ะหลิวเหวิน”
“ฮัน”
นั่นไง
คราวนี้ใครอีกล่ะ
ปืนที่ถูกปลดเซฟแล้วเล็งมาที่เขาถูกผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามาจากทางไหนก็ไม่รู้ยึดมันไปจากมือของผู้หญิงที่ชื่อหลิวเหวิน
หญิงสาวทำสีหน้าเจือน ๆ เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าตาไม่พอใจกับพฤติกรรมของเธอ
มีคยูฮยอนคนเดิมเพิ่มเติมคือนั่งเอ๋อ มองสองคนนี้อย่างงง ๆ คือยังไง
ไอเถิกที่เธอเรียกว่าฮันนี่คือใคร ? ใช่ที่อยู่เดอะสตาร์รึเปล่า (นั่นมันฮั่น)
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า
?” ผู้ชายที่เดินเข้ามาใหม่นั่งยอง ๆ มาถามเขา
ซึ่งคยูฮยอนก็ตอบไปด้วยการส่ายหน้าและพยายามลุกขึ้นแต่ก็ล้มลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะแผลที่ขา
“เป็นแผลที่ขาหรอ ขอดูหน่อยนะ”
“ฮัน...ถ้ามันเป็นรอยกัดล่ะ”
“ถ้าฉันเปิดแล้วมันเป็นแบบนั้นเธอก็หยิบปืนที่หลังฉันยิงเด็กคนนี้ได้เลย”
อ่าว มึง “แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่านี่มันคือแผลกัดหรือเปล่า
เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตคนอื่นนะ ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตรอด รวมถึงตัวเธอด้วย”
“...”
หล่อสาดดดดดดดดดด
“ยังเป็นนักศึกษาอยู่สินะ
แย่เลยเนอะ ยังไม่ทันใช้ชีวิตวัยรุ่นให้หนำใจแท้ ๆ ก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ซะแล้ว”
“ทำไมพูดเหมือนผมกำลังจะตายว่ะ”
“ฮ่า ๆ
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” เขาหัวเราะแล้วยิ้มให้ก่อนจะขออนุญาตเลิกกางเกงยีนสีเข้มผิดระเบียบที่คยูฮยอนใส่มันไปมหา’ลัยประจำขึ้น
คยูฮยอนแอบซี๊ดปากเมื่อระหว่างเลิกขึ้นมันไปกดทับแผลที่โดนกระจกบาดยาวประมาณห้านิ้วของเขา
“เจ็บมากหรือเปล่า”
“โห ถามมาได้
เจ็บสิครับ”
“งั้นทนหน่อย
เพราะเดี๋ยวต้องเจ็บกว่านี้” คนที่ชื่อเกิงลุกขึ้นไปทางโซฟาอีกด้านหนึ่งก่อนจะหยิบกล่องกระเป๋าสีดำมาสะพายบ่าไว้แล้วเดินเข้ามาหาคยูฮยอนที่ยังนั่งมองนิ่ง
ๆ อยู่ที่พื้น “พี่เป็นหมอน่ะ ชื่อฮันเกิง เราล่ะ ?”
“คยูฮยอน”
“โอเคคยูฮยอนนายกัดไว้นะ
จะได้ไม่เสียงดัง” ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิร์ตของพี่หมอ(เรียกเองเสร็จสรรพ)และยื่นให้เขา
มันดูสะอาดสะอ้านเหมือนไม่เคยได้ใช้งาน
ทันทีที่คยูฮยอนเห็นแอลกอฮอล์ล้างแผลที่ร่างสูงตรงหน้าหยิบออกมาจากกระเป๋านั่นแล้วรู้สึกอยากร้องไห้
“ไม่ต้องกลัว เจ็บแปปเดียวดีกว่าเรื้อรังนะ”
“เบา ๆ นะพี่”
ยอมส่งผ้าเช็ดหน้าเข้าปากเพื่อกัดบรรเทาความเจ็บปวดไว้โดยดี และใช่
พอเขาโดนสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์นั่นแตะ ๆ รอบ ๆ ปากแผล
เขาอยากจะร้องจ๊ากเหมือนตอนที่โดนฉีดยาที่โรงพยาบาลเป็นเด็กห้าขวบไม่มีผิด
โคตรแสบบบบบ
การทำแผลเบื้องต้นดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย
ตอนนี้กางเกงยีนตัวโปรดของคยูฮยอนถูกมีดหมอตัดออกจนเหลือเพียงสามส่วนเพราะมันจะยากต่อการติดผ้าก๊อตกันบาดติดเชื้อจากภายนอก
แอบเสียดายเหมือนกันเพราะตัวนี้ซื้อมาโคตรแพง ตอนนี้ส่วนที่ถูกตัดออกไปเป็นเพียงแค่เศษผ้าโง่
ๆ โธ่... กางเกงกู
คุณหมอไม่ได้ทำแผลให้แค่ที่ขาของคยูฮยอนแต่จัดการทั้งแขนและแผลที่หัวที่ได้มาจากการโดนแกล้งของเพื่อนที่มหา’ลัย
ตอนนี้ทั้งตัวของคยูฮยอนถึงเต็มไปด้วยผ้าสีขาวที่ถูกแปะไว้เป็นจุด ๆ
โดยฝีมือคุณหมอที่บังเอิญเจอ มันต้องแบบนี้แหละ
อย่างน้อยในโลกนี้มันก็ต้องมีคนดีเหลือบ้างสิน่า T---T
“ขอบคุณมากนะครับ” คยูฮยอนโค้งหัวขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยทำแผลให้เขา
ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนโดยมีหมอช่วยพยุง
ผู้หญิงคนที่เอาปืนจ่อหัวเขาตอนแรกเห็นว่าการทำแผลให้เขาเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งรออยู่ตอนแรกและเดินมาหาพวกเขา
“เสร็จแล้วใช่ไหม
ไปกันเถอะฮัน”
“เดี๋ยวสิ
ถ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้วจะไปไหนหรอ ?” คุณหมอถอดถุงมือยางออกและหันมาถามคยูฮยอนที่เอาผ้าหนา
ๆ พันที่มืออีกครั้งและถือเศษกระจกไว้ในมือ
“ไม่รู้สิครับ
หนีไปเรื่อย ๆ คงรอดกว่าหาทางไปขอความช่วยเหลือจากพวกรัฐบาล”
“ใจกล้าเหมือนกันนี่”
“แล้วพวกพี่ล่ะ”
“ยัยนี่จะไปตามหาแฟนน่ะ”
“อ่าว
พวกพี่ไม่ใช่แฟนกันหรอ ?”
“เพื่อนกันน่ะ”
คยูฮยอนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะมองที่สีหน้าของผู้หญิงตัวสูงที่มีสีหน้าหงุดหงิดเหมือนอยากจะรีบออกไปจากที่นี่ไว
ๆ เขาคงทำให้สาวเจ้าเสียเวลามากสินะ ดูสิ หันมาจ้องเขาตาเขม็งเสียแล้ว
คยูฮยอนอยู่เฉย ๆ ก็มีแต่คนเกลียด ชีวิตแม่งเศร้า
“เอาอย่างนี้ไหม”
“ครับ ?”
“ไหน ๆ เราก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว
ไปกับพวกพี่ไหม ?”
“ครับ ??”
“ฮัน!”
หลิวเหวินแว๊ดขึ้นมาจนคยูฮยอนสะดุ้ง เอาจริง ๆ
เขาก็ตกใจเหมือนกันที่พี่หมอชวนเขาไปด้วย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันแท้ ๆ
ทำไมถึงไว้ใจเขาขนาดชวนไปด้วยกัน คนเป็นหมอนี่จิตใจดีอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
ไม่เหมือนคนพวกนั้นหรอก เจอกันก็เอาตีนเหยียบหลังทักทายกันอย่างกับพรมเช็ดเท้า
“ทำไมล่ะ
เอาน้องเขาไปด้วยก็ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย อุ่นใจดีกว่ามีกันแค่สองคนนะ”
“แต่เสบียงเรามีสำหรับสองคนนะ”
“น้ำเราก็มีตั้งสามขวด
ขนมที่เธอหยิบมาก็เยอะแยะ สบายมากสำหรับสามคน”
“แต่...”
“ลองคิดดูสิ
ถ้าเธอต้องเป็นแบบน้องเขาเธอจะไม่อยากให้มีใครสักคนช่วยเธอเลยหรอ”
“...”
“โลกมันบ้าก็อย่าไปบ้าตามมันสิ
อย่าให้ความเป็นมนุษย์ของเราหายไปเหมือนที่พวกมันเอาไปจากเรา”
คมสัด
หลิวเหวินชะงักไปก่อนจะมองมาที่หน้าของเขาอย่างลังเล
คยูฮยอนเข้าใจ
ในสถานการณ์ที่อาหารหายากยิ่งกว่าปืนมันเป็นเรื่องที่คิดหนักถ้าจะรับคนเข้าเพิ่มมาร่วมเดินทาง
มันหมายถึงอาหารที่สามารถกินได้สำหรับหลายวันจะลดลงเหลือน้อยลง
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ
รอดมาได้ขนาดนี้แล้ว ผมคิดว่าตัวเองเก่งพอตัว” ชมตัวเองไปนิดหน่อยพอขำ ๆ
พร้อมระบายยิ้มให้หลิวเหวินอย่างเข้าใจ “ผมเข้าใจครับ ไม่เป็นไรหรอกคุณไปตามหาแฟนคุณเถอะ”
“แต่...”
“ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอกันอีก
ถึงเวลานั้นผมจะตอบแทนที่พี่ทำแผลให้ผมนะครับพี่ฮันเกิง
แล้วก็ขอบคุณที่ไม่ยิงผมครับคุณหลิวเหวิน”
.
.
มันอาจจะเป็นโชคดีของคยูฮยอน
เป้ที่เขาหวังจะเอามันมาด้วยแต่โดนปืนจ่อหัวซะก่อนตอนนี้มันมาสะพายอยู่บนหลังเขาเรียบร้อยแล้ว
เดาสิใครให้เขามา
คุณหลิวเหวิน
โคตรช็อค
จู่ ๆ
ก่อนจะเดินจากสองคนนั้นมาคุณหลิวเหวินก็ปลดเป้ที่สะพายหลังตัวเองอยู่ออกและส่งมันมาให้คยูฮยอน
ซึ่งเขาก็รับมันมาอย่างมึน ๆ งง ๆ
พยายามจะปฏิเสธแต่ฮันเกิงก็บอกให้เขารับไปแถมยังให้ยาใส่แผลมาอีกต่างหาก
คยูฮยอนอยากจะก้มลงกราบงาม ๆ ในน้ำใจของสองคนนี้จริง ๆ
คุณหลิวเหวินเขาคิดว่าทำเต๊ะท่าไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ
เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อยากช่วยโดยที่ไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนเสียมากกว่า
ตอนนี้ในมือของคยูฮยอนที่ควรเป็นเศษกระจกเหมือนก่อนหน้านี้มันจึงเป็นฮอตด็อกที่เพิ่งถูกแกะออกมาจากห่อ
ถึงมันจะไม่ร้อนอย่างที่ควรเป็น แต่เวลานี้แล้วใครจะมาเกี่ยงว่าร้อนหรือเย็น
ต่อให้เป็นขนมปังแข็ง ๆ เขาก็ยอมกิน
ตอนแรกก็ชวนสองคนนั้นออกทางหลังด้วยกันอยู่หรอก
แต่เพราะยกเสบียงให้เขาแล้วสองคนนั้นจึงแยกออกไปหาเพิ่ม
มันสร้างความรู้สึกผิดให้เขาไม่ใช่น้อยแต่ฮันเกิงก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากและระวังตัวด้วย
แถมยังมีมาหยอกเรื่องที่จะรอค่ารักษาพยาบาลจากเขาอีกต่างหาก
เอาเถอะ
จะได้เจอหรือไม่ได้เจอกันอีก แต่ครั้งหนึ่งได้เป็นความทรงจำของกันและกันมันก็ดีมากแล้วน่ะ
หันหน่อว หล่อว่ะ
คยูฮยอนเดินเคี้ยวฮอตด็อกตุ้ย
ๆ ไปตามทาง ใช่ว่าตรงนี้จะไม่มีพวกตัวกินคนอยู่ มีนะ นั่นไงนอนพะงาบ ๆ
อยู่ที่พื้นนั่นน่ะ แต่ทำไมคยูฮยอนต้องไปกลัวไอตัวที่สภาพทำอะไรเขาไม่ได้ด้วย
สู้สนใจอาหารที่ถืออยู่ดีกว่า
จริงสิ เขาลืมถามวิธีฆ่าไอพวกนี้ไปเสียสนิท
อ่า... คยูฮยอนเอ๊ย
มัวแต่ดีใจเรื่องเสบียงจนลืมถามเรื่องสำคัญ !
เดินขมวดคิ้วทั้งปากยังเคี้ยวอาหารตุ้ย
ๆ มาตามทางเรื่อย ๆ จนถึงสุดทางที่ทีป้ายเขียนว่าทางหนีไฟเอาไว้อยู่
คยูฮยอนไม่รอช้ารีบคาบฮอตด็อกให้คาปากไว้แล้วใช้มือข้างที่พันผ้าไว้หยิบเศษแก้วขึ้นมาถือไว้
ก่อนจะเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
ปึก
“เอี่ย...”
เมื่อเปิดประตูไปได้นิดเดียวก็ติดกับอะไรบางอย่าง
พอมองไปก็แทบปล่อยฮอตด็อกที่คาปากอยู่ตกลงพื้นแต่ดีกว่าเซฟทัน
ไม่โง่จะปล่อยของอร่อยลงพื้นหรอก พื้นมันกินไม่ได้คยูฮยอนกินน่ะแหละดีแล้ว
เขามองศพที่อยู่ที่พื้นที่ไส้ไหลออกมาจนน่าอ้วกกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วจนรู้สึกพะอืดพะอม
เขาเปิดมาไม่ได้เจอทางออกทันที
แต่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีบันไดหนีไฟจากชั้นบนลงมา
มองไปข้างหน้าก็พบประตูอีกบานที่มันคงเป็นประตูเปิดออกสู่ด้านนอก คยูฮยอนค่อย ๆ
เดินข้ามศพที่เลือดนองพื้นช้า ๆ ไม่ให้เหยียบโดนของเหลวสีแดงที่มีแมลงวันตอมเต็มไปหมด
เดินมาถึงประตูอีกบานก่อนจะเปิดก็หันหลังกลับไปมองที่บันไดหนีไฟสีขาวที่มีศพพวกมันตามทางเดินบ้างประปราย
ไม่รู้ว่าแม่งจะลุกขึ้นมาไล่แดกเขาหรือเปล่าแต่คยูฮยอนไม่คิดจะเดินขึ้นไปหรอก ร่างโปร่งหันกลับมาบิดประตูเบา
ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ ...
“...”
“แฮ...”
ปัง !
เกือบไปแล้ว
เกือบโดนแม่งแดกไปแล้ว
!
ปึง ๆ ๆ ๆ !!
เสียงทุบประตูจากไอพวกเวรข้างนอกที่เจอเหยื่อเมื่อกี้เพียงแวบเดียวก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาอย่างกับเขาเป็นดารา
แม่งเอ๊ย... นึกว่าออกด้านหลังจะมีไม่เยอะเท่าด้านหน้า เปิดไปทีนี่รู้เรื่องเลย
เดินกันขวักไขว่ยิ่งกว่าตลาดนัดจตุจักร พร้อมใจกันเข้ามารุมแดกเขาอย่างพร้อมเพรียง
ฮอตด็อกนี่ปล่อยมันหลุดปากไปตั้งแต่เจอแฮใส่แล้ว
คยูฮยอนจัดการกดล็อกประตูซึ่งไม่รู้ว่าแม่งจะช่วยได้หรือเปล่าก่อนจะพิงประตูหนีไฟอย่างใช้ความคิด
เสียงทุบประตูนี่แม่งก็ดังอย่างกับเสียงกลอง มึงบันเทิงมากไหมนี่ถาม
ไม่มีทางเลือก
เขาต้องวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟเพื่อหนีไปข้างบน
ปึง ๆ ๆ !!
“กร๊าซซซซ”
“กร๊าซซซซซ”
ยิ่งตัวแนบประตูเสียงก็ยิ่งชัดเจนยิ่งกว่า
4D อย่างกับมากระซิบอยู่ข้างหู
จินตนาการได้เลยว่าตอนนี้ปากที่เต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวเหนอะพร้อมแดกเขามันอ้ากว้างแค่ไหน
คยูฮยอนหลับตาเพื่อทำใจก่อนจะนับหนึ่งถึงสามในใจช้า ๆ
สายตาทอดมองไปที่เป้าหมายที่เขาต้องรีบวิ่งขึ้นไปอย่างเร็วที่สุด
เอาละนะ..
1...
2...
3!!
ไม่ต้องสนใจประตูทางหนีไฟว่ามันจะพังเข้ามาหรือเปล่า
คยูฮยอนรีบออกตัววิ่งขึ้นบันไดก้าวละสามขั้น
เรียกได้ว่าถ้าก้าวพลาดนี่มีงานหน้าเขียวแน่นอน
เขาหลบหลีกไอมือที่มันยื่นมาตามทางหมายจะคว้าขาเขาเหมือนในหนังผี แต่ขอโทษ
ข้างหลังตามกูมาเป็นฝูงมึงคิดว่ามึงจะหยุดกูได้หรออีผี ไม่ได้แดกหรอก
เมื่ออะดีนนารีนมันหลั่งก็ลืมความเจ็บที่ขาไปหมดสั้น
แม้เวลาก้าวหนัก ๆ จะมีจี๊ด ๆ บ้างก็เถอะ
แต่คยูฮยอนไม่หยุดวิ่งหรอกเขารีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงหนังและเปิดประตูทางหนีไฟของชั้นสองเพื่อนเข้าสู่ด้านในทันที
ปึง
ทันทีที่ปิดประตูได้คยูฮยอนก็หอบหายใจหนัก
ๆ โชคดีที่ตรงนี้มีแต่ศพที่ไม่ลุกขึ้นมาเดินแล้วทำให้เขาไม่ต้องออกตัววิ่งอีกครั้ง
คยูฮยอนทรุดตัวลงเพื่อพักหายใจ
ร่างโปร่งมองซ้ายขวาเพื่อหาอะไรมาบังไว้เพื่อไม่ให้พวกมันพังเข้ามาได้ง่าย ๆ
เหมือนประตูทางออกและเขาก็ไปเห็นตู้ขายน้ำอัดลมที่อยู่ใกล้ ๆ
เอาวะ
เรียกแรงตัวเองเฮือกสุดท้ายออกมาเพื่อลากตู้ยักษ์นี่มาบังทางเข้าไว้
เสียงทุบประตูพร้อมกับเสียงคำรามเริ่มไล่มาแล้ว ไอตู้เวรนี่ก็หนักจริงอะไรจริง คยูฮยอนกัดฟันพยายามใช้หลังดันเพื่อเลื่อนมันให้ขวางประตูไว้
แต่แม่งขยับไปไม่กี่มิล
ถีบแม่ง
ไม่ต้องรอให้คิดนานคนอย่างคยูฮยอนพูดจริงทำจริง
จัดการเอาขาข้างที่ไม่มีแผลใช้ไนกี้คู่งามเตะเสยแม่งแรง ๆ จนเจ็บขา
ยัง...นอกจากมึงไม่เลื่อนยังทำกูเจ็บอีกนะ
การถีบครั้งนี้ไม่ได้อะไรนอกจากน้ำผลไม้และน้ำอัดลมที่ออกมาจากตู้อย่างล้นหลาน
คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะผลักมันแรง ๆ อีกครั้ง คราวนี้ถ้ามึงไม่ขยับกูยอมนอนกินน้ำพวกนี้รอพวกแม่งมารุมแฮปปี้มีลเลยอ่ะ
ปึง
นั่นไง ต้องให้ขู่
ตู้น้ำอัดลมตอนนี้มันล้มลงไปตามแรงผลักเฮือกสุดท้ายของคยูฮยอนไปเรียบร้อยแล้ว
ตามมาด้วยน้ำหลากประป๋องที่ไหลออกมาจากช่องจำหน่าย คยูฮยอนยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ
ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้และโกยน้ำพวกนั้นเข้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ได้รับมา
“กร๊าซซซซซซ”
“...”
เสียงขู่คำรามดังมาไกล ๆ ทำให้คยูฮยอนชะงัก ร่างโปร่งรีบยัดเอากระป๋องสุดท้ายเข้ากระเป๋าก่อนจะแบกมันขึ้นหลังแต่ก็ต้องเบ้หน้าออกมา
แม่ง...กูไม่น่าโลภเลย แต่เสียงที่ได้ยินนี่มันชัดเจนมาก
เดาว่ามันคงไม่ได้มาจากพวกหลังประตูที่เขาเพิ่งล้มตู้น้ำอัดลมกั้นไว้หรอก
จากในนี้นี่แหละ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้า ?
คยูฮยอนรีบมองหาที่ทางก่อนจะรีบวิ่งไปหลบซ่อนอยู่ที่รถขยะที่อยู่ตรงมุมผนัง
กลิ่นมันก็ใช้ได้แต่ไม่มีทางเลือกแล้วต้องทน ฮ้อยยย
คยูฮยอนโผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์ด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เท่าที่ฟังจากเสียงรู้สึกเหมือนกันจะเป็นเสียงฝีเท้าวิ่ง
คงจะเป็นคนที่วิ่งหนีไอพวกเวรนั้นแน่ ๆ
คยูฮยอนเห็นแล้ว
ร่างของใครบางคนที่วิ่งมาทางนี้เรื่อย ๆ พร้อมกับญาติอีกสองตัวที่ตามหลังมาติด ๆ
แถมมันไม่ได้เคลื่อนที่ช้า ๆ เหมือนตัวอื่น ๆ เสียด้วย
และเมื่อระยะมันใกล้กันมากขึ้นเรื่อย
ๆ คยูฮยอนก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ตอนนี้
“ไอบ้านั่น...”
ชื่ออะไรนะ...ไอบ้าที่เหยียบเขาเหมือนพรมเช็ดเท้าน่ะ
ซีวอน...ใช่หรือเปล่า
?
ปัง ๆ ๆ !
ปืนในมือถูกยิงออกไปใส่พวกมัน
เพราะวิ่งไปยิงไปทำให้ความแม่นยำเป็นศูนย์ คยูฮยอนเห็นซีวอนยิงนัดต่อไปไม่ออกแล้วคาดว่ากระสุนคงหมด
ร่างสูงโยนปืนในมือทิ้งไปและหยิบอีกกระบอกที่หลังมาใช้แทน
ปัง ๆ ๆ ๆ !
และสำเร็จโดนพวกมันตัวหนึ่งในสอง
“กร๊าซซซซซ”
เพราะมัวแต่สนใจกับการยิงตัวที่อยู่ใกล้เลยเปิดโอกาสให้อีกตัวเข้าจู่โจมได้โดยงาน
ตอนนี้ซีวอนล้มลงไปนอนหงายที่พื้นโดยมีอีกตัวพยายามจะตามลงมากัด
มือหน้ายกขึ้นมาดันหน้าของมันไว้
เพราะโดนจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ปืนในมือที่กระเด็นไปไกล โดยซีวอนใช้มือข้างหนึ่งพยายามดันหัวของไอตัวกระกายเลือดไว้อยู่
มืออีกข้างก็พยายามเอื้อมไปหยิบปืน คนที่แอบดูอยู่ถึงกับกำมือแน่นอย่างลุ้นระทึก
ลุ้นชิบหายเลยเว้ย
“กร๊าซซซซซซซ”
“บ้าเอ๊ย”
ปากของไอตัวกินคนอยู่ห่างจากซีวอนไม่มากแล้ว
คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นซีวอนเริ่มเสียท่า ร่างสูงไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบปืนแล้วแต่กลับใช้มือทั้งสองข้างเพื่อยันมันออกไปแทน
แล้วกูมานั่งดูคนสู้กับผีทำไมอยู่ว่ะเนี่ย
ไปช่วยสิโว้ยยยย
พลั่ก !!!
ถึงจะเคยถูกอีกฝ่ายทำไว้เจ็บแสบแต่คยูฮยอนก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอ
ร่างโปร่งกระชับกระเป๋าไว้แน่นก็จะตัดสินใจวิ่งออกจากที่ซ่อนเพื่อไปช่วยซีวอนที่กำลังจะโดนแดกในอีกไม่กี่มิลแล้ว
คยูฮยอนวิ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดแล้วใช้ข้างที่ไม่บาดเจ็บถีบมันอย่างเต็มแรงจนมันกระเด็นไปประมาณสามเมตร
“แฮ่ก แฮ่ก...มึง...”
“อ่าว จะนั่งอีกนานมั้ย
ลุกขึ้นสิโว้ยยย” คยูฮยอนเดินไปเก็บปืนก่อนจะยื่นมือไปช่วยอีกฝ่ายที่กำลังนั่งหอบหายใจอย่างหนักอยู่ที่พื้นให้ลุกขึ้นมาเตรียมหนี
เพราะไอตัวแดกเนื้อนี่มันเตรียมจะลุกขึ้นล่าเหยื่ออีกรอบแล้ว ซีวอนจับมืออีกฝ่ายก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้น
“ไป ๆ วิ่ง!”
คยูฮยอนนำวิ่งออกมาโดยฉุดแขนอีกฝ่ายให้วิ่งตามไปทางที่ซีวอนเพิ่งวิ่งหนีมันมาเมื่อกี้
ต่อให้ซีวอนจะเหนื่อยจนปอดแหกแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจหรอก นี่มาช่วยก็ดีแล้ว อย่ามาทำเหนื่อย
โกยเว่ยโกย
“เดี๋ยว ๆ
ยิง...แฮ่ก ยิงมัน”
“ยิงไปแม่งก็ลุกขึ้นมาวิ่งไล่แดกมึงอยู่ดีนั่นแหละ!”
“นี่มึงโง่จริงหรือแกล้งโง่ว่ะ!”
“อะไร!”
“ยิงตรงหัว
ยิงตรงหัวเพื่อฆ่ามัน”
“อ่าว จริงดิ?!”
“เออ!!”
แล้วก็ไม่บอกแต่แรกว่ะ!
คยูฮยอนและซีวอนหยุดวิ่ง
ปล่อยให้ซีวอนหอบแดกต่อไปดูท่าจะเหนื่อยน่าดู
คยูฮยอนปลดเซฟตี้ก่อนจะเล็งไปที่ตัวกินคนที่กำลังวิ่งมาทางพวกเขาเพื่อเตรียมเขมือบ
เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวมึงรู้เลยนี่พี่คยูฮยอนนักแม่นปืน ประสบการณ์เล่น Far Cry
ทั้งสี่ภาค + Sniper elite สั่งสอนอะไรมามายมาย
บอกเลยว่าถ้าไม่ตายมึงก็เลี้ยงไม่โต
หนึ่งคนต่อหนึ่งแม็กอ่ะรู้จักม่ะ
“กระสุนมีนัดเดียว
แฮ่ก...เอาให้โดน”
“ห้ะ?!”
“กูบอกว่ามีกระสุนเหลือนัดเดียว!”
พ่อ – มึง
คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
พยายามตั้งสมาธิเพื่อเล็งให้โดนหัวมันในนัดเดียว นี่ก็วิ่งเร็วจังเลย
มึงไม่น่าตายเลยนะ มาวิ่งหนีกับพวกกูเนี่ยสนุกกว่าเยอะ คยูฮยอนหลับตาข้างหนึ่งก่อนจะเล็งไปที่หัวของเหยื่อ
เอาน่า เล็งที่หัวใจโดนมาก็หลายนัดแล้ว นี่แค่หัวนะ สิว ๆ อยู่แล้ว
เอาล่ะนะ
3...
2...
1...
กริ๊ก
“...”
เสียงปืนที่มันควรดังปังกลายเป็นเสียงว่าวเบา
ๆ แทน คยูฮยอนกดที่ไกปืนซ้ำ ๆ แต่เสียงแม่งก็ยังเหมือนเดิม
ชัดเลย...นี่แม่งไม่ได้เหลือแค่นัดเดียว
แต่แม่งไม่เหลือสักนัดแล้วต่างหาก
“วิ่ง!”
TO BE CONTINUED…
ไปพวกไป โกยยยยย
แต่งพี่ซีวอนแสนดีมาหลายเรื่องแล้ว
เราอยากให้เขาหัดเลวบ้าง
ชอบแนวนี้นะ
แต่ภาษาไม่เซียนเอาซะเลย55555
ขอบคุณทุกคนที่สนใจนะคะ ดีใจมากจริง
ๆ ที่มีคนเข้ามาอ่านด้วย
ระนะรีดต๋า ♥
ความคิดเห็น