ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • o n m y m i n d | wonkyu •

    ลำดับตอนที่ #2 : [ฟิคแก้บน] wonkyu :: escape death ch.2

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 58


    。SYDNEY♔


    [ฟิคแก้บน]

    Note :: ฟิคแนวซอมบี้นะคะ หยาบคายมากด้วย XD

     

    •Escape death•

     

    -part 2-


     

     

     

                เงียบ

     

                นี่มันเงียบเกินไปแล้ว...

     

                เยซองส่องไฟไปทั่ว ๆ รอบ ๆ ที่นี่มีศพพวกกินคนเต็มไปหมดจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก ดูจากสภาพศพแต่ละตัวมันโดนฆ่าโดนวิธีเดียวคือปืน คงมีคนที่ยังรอดเหมือนพวกเขาพยายามหนีออกไปจากที่นี่ด้วยการใช้ปืนยิงพวกห่านี่เหมือนกัน แต่ประเด็นคือ ในโรงหนังพกปืนเข้ามาได้ยังไง

     

                ของพวกยามรักษาความปลอดภัยอย่างนั้นหรอ ?

     

                เยซองกระชับปืนในมือข้างหนึ่งอีกข้างก็ยังคงถือไฟฉายเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง พยายามส่องหน้าศพทุกตัวที่เดินผ่านแม้มันจะน่าอ้วกแค่ไหนก็เถอะ แต่มันไม่มีทางอื่นที่จะหาตัวคนรักของเพื่อนเลยนี่นา

     

                ที่นี่ไม่น่าจะมีคนเป็นอยู่แล้วเสียด้วยซ้ำ

     

                แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ไปก็คิดว่าอาจจะโดนมันต่อยปากกลับมา ยังไงเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าหลิวเหวินจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง บางทีเธออาจจะรอดไปกับคนสักกลุ่มแล้วก็ได้ ดูจากสภาพการต่อสู้น่ะนะ ยังไงก็น่าจะมีคนที่รอดไปจากที่นี่ได้ไม่มากก็น้อย

     

                เยซองใช้เท้าเขี่ยศพที่นอนคว่ำอยู่ให้พลิกหน้าขึ้นมา ส่องดูหน้าตาของศพแล้วก็อยากจะสำรอกน้ำย่อยในกระเพาะออกมา ตายกันดี ๆ ไม่ได้หรอว่ะ ทำไมต้องทำหน้าตาสยดสยองก่อนตายด้วยเห็นแล้วอยากอ้วกชะมัด      

     

                ร่างของเจ้าของร้านกาแฟโมบิทยังคงสาวเท้าเดินเพื่อหาคนรักของเพื่อนต่อไป ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง ยิงปืนเสียงดังขนาดนั้น พวกตัวกินคนทุกตัวที่นี่คงแห่ไปรุมแฮปปี้มีลมันกันหมดแน่ ๆ

     

                นึกไปถึงตอนเกิดเรื่องแล้วก็น่าขำ

     

                ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วแทบไม่ทันตั้งตัว...

     

                ตอนนั้นจำได้ว่าซีวอนมาหาเขาที่ร้านเพื่อนั่งรอคนรักที่เห็นบอกว่าเธอไปดูหนังกับเพื่อนที่โรงภาพยนตร์แห่งใหญ่ของย่านดัง ซีวอนจึงมานั่งจิบกาแฟรอที่ร้านของเยซองและจับกล่องในมือพลิกไปมาอย่างร้อนรน มองไปที่ประตูหลายต่อหลายครั้งจนเยซองอดที่จะแซวไม่ได้

     

                จะมีข่าวดีสินะว่าพลางพยักเพยิดไปที่กล่องกำมะหยี่ในมือซีวอน เพื่อนตัวสูงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะยกกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะดี ๆ แล้วจ้องมันด้วยรอยยิ้ม

     

                กูจะขอเขาแต่งงานว่ะ

     

                ‘ต้องการสถานที่มั้ย เดี๋ยวกูให้เด็กจัดร้านให้

     

                ‘ไม่เป็นไร หลิวเหวินไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาน่ะ เธอเหมือนจะห้าวแต่ก็ขี้อายหน่อย ๆ เมื่อเห็นเพื่อนพูดถึงคนรักและขำออกมาแบบนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้

     

                ซีวอนและหลิวเหวินคบกันตั้งแต่ซีวอนไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนตอนมัธยมปลายจนพอขึ้นมหาลัยก็เห็นว่าสาวเจ้าเขาจะบินมาเรียนที่นี่กลายเป็นว่าคบกันตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เรียนจบจนทำงานมาได้ปีกว่าแล้ว เยซองก็ลุ้นให้แต่ง ๆ กันไปสักที เห็นเทียวมาเทียวไประหว่างคอนโดตัวเองกับคอนโคแฟนสาวไปรับไปส่งกันเปลืองค่าน้ำมันกันไปไม่รู้กี่ล้านแล้ว แต่ง ๆ อยู่กินกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเหนื่อย

     

                รอยยิ้มของซีวอนปรากฏขึ้นบนใบหน้าตลอดเวลาที่รอแฟนสาวมาที่ร้านของเยซอง จนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป

     

                เมื่อลูกค้าคนที่ออกจากร้านไปคนล่าสุดของเขา โดนคนด้วยกัดต่อหน้าต่อตา...

     

                ที่จริงพวกเขาจะแอบอยู่ในร้านแล้วรอให้เหตุการณ์วิ่งไล่กัดข้างนอกมันสงบลงก่อนก็ได้ แต่ด้วยความที่ซีวอนเป็นห่วงหลิวเหวินที่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย เป็นเหตุให้ทั้งสองคนตัดสินไปหยิบปืนของเยซองที่ชั้นสองของร้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวและฝ่าวงพวกตัวกินคนออกมาอย่างยากลำบาก

     

                และพวกเขาก็ได้เพื่อนร่วมทางคนใหม่ที่ชื่อว่า อี ทงเฮ เข้ามาร่วมทริปด้วย เหตุมันก็มาจากมันดันเข้ามาช่วยซีวอนได้ทันตอนกำลังโดนตัวกินคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้จะเขมือบเอา

     

                ตัดเข้าปัจจุบัน ... เดินหามาระยะทางก็ไกลพอสมควรแต่เยซองยังไม่เจอสิ่งมีชีวิตสักอย่างในนี้ จะมีก็แต่ศพตัวกินคนที่ยังไม่ตายดีแต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาวิ่งไล่กัดเขาได้แล้วล่ะ เยซองไม่คิดจะส่งเคราะห์มันให้หยุดพะงาบ ๆ หรอก เรื่องอะไรที่เขาต้องไปเสียเวลาจัดการมันด้วยเล่า

     

              เพล๊ง!!!

     

                เสียงอะไรบางอย่างแตกอย่างรุนแรงทำให้เยซองสะดุ้งปืนแทบหลุดจากมือ ร่างของบาริสต้าหนุ่มกวาดสายตากลับไปมองทางด้านหลังอย่างระแวงและถอนหายใจออกมา ยังไม่มีพวกเวรตัวไหนตามเขามา แต่เสียงเมื่อกี้มันดังมากจริง ๆ นะ

     

                หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกซีวอน

     

                ความกังวลรุมเร้าเข้ามาทำให้เยซองรีบทำหน้าที่ของตัวเองให้มันเสร็จ ๆ เพื่อกลับไปหาเพื่อน ไม่ใกล้ไม่ไกลมีกระเป๋าใบหรูตกอยู่ มันเลอะคราบเลือดจนแทบมองไม่เหลือความสวยงามอยู่ แต่เยซองก็พอมองออกว่ามันค่อนข้างมีราคาพอสมควร มองแล้วก็นึกเวทนาต่อให้รวยร้นฟ้าแต่ไหนแต่พอเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นสิ่งของพวกนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี  นั่งยอง ๆ ที่ข้างกระเป๋าแบรนแนมชื่อดังที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะถือวิสาสะเปิดดูของข้างใน

     

                เงินเยอะซะด้วยแหะ

     

                นับแบงค์ห้าหมื่นวอนที่มีหลายใบอยู่เหมือนกัน น่าเสียดายที่ถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่าเหมือนเศษกระดาษโง่ ๆ เยซองสอดนิ้วเข้าไปหยิบเอาบัตรประชาชนของเจ้าของกระเป๋าออกมาดูหน้าคร่าตาและชื่อแส้ของเจ้าของกระเป๋า

     

                หลิว เหวิน

     

                ฉิบ-หาย

     

                ตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเจอหน้าคงรักของเพื่อนพร้อมชื่อแส้ชัดเจนในบัตรประชาชน แสดงว่ากระเป๋าเปื้อนเลือดใบนี้เป็นของหลิวเหวิน

     

                แล้ว...หลิวเหวินล่ะ อยู่ไหน ?

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

                “กรร...”

     

                ตื้อไม่เลิกจริง ๆ ว่ะ

     

                ทงเฮและซีวอนที่ตอนนี้ยังคงนั่งแหมะอยู่ในช่องด้านบนของลิฟต์มาเป็นเวลานานแล้วเหมือนกัน ก็ไม่รู้หรอกว่านานเท่าไหร่แต่มันก็นานพอจะทำให้ตอนนี้ก้นของเขาชาดิกจนอยากจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเป็นเพลงกาโวกาโว

     

                ติดไอพวกห่าข้างล่างเนี่ย ช่างตื้อเหลือเกิน นี่ขนาดผ่านไปสักพักแล้วยังไม่ไปกันอีก ส่งมือขึ้นมาอย่างกับเปรตขอส่วนบุญ

     

                “เอายังไงครับกัปตัน ลงไปโดนแดกแบบแฮปปี้มีลแน่นอน” ทงเฮหันไปถามความเห็นซีวอนที่บรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนอย่างใจเย็น ทงเฮอยากจะเบ้ปากใส่กับท่าทางของพี่แกเหลือเกินถึงจะเพิ่งมารู้จักกันได้ไม่นานแต่เขาก็มองออกว่าซีวอนแม่งค่อนข้างฉลาดในการเอาตัวรอดมากเลยล่ะ

     

                “ข้างล่างนั่นเยอะมากไหม”

     

                “น้อยลงแล้ว แต่ถ้าคิดสั้นลงไปก็ไม่ได้เกิดเหมือนกัน” ทงเฮเปิดช่องไปส่อง ๆ ดูอีกรอบ จริงอยู่ที่ตอนนี้จำนวนมันน้อยลงเพราะเสียงอะไรบางอย่างแตกเมื่อกี้มันดังมากพอจะเรียกร้องความสนใจพวกห่านี่ไปได้บางส่วน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกล้าลงไปเสี่ยงให้ตัวเองเป็นอาหารของพวกมัน

     

                มันเสียงอะไรกันแน่ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเยซอง

     

                “งั้นเตรียมตัว”

     

                “เฮ้ มึงไม่ได้หมายความอย่างที่กูคิดใช่มั้ย ?” ทงเฮเลิกคิ้วถามอีกคน “ประมาณว่าใช้ปืนฝ่าดงตีนพวกแม่งลงไปอะไรประมาณนั้นน่ะ”

     

                “ถ้ารอดไปได้ก็ลองซื้อหวยดูนะ มึงน่าจะได้สักรางวัล”

     

                ไอห่า

     

                “มึงจะบ้าหรอซีวอน มีปืนฝ่าไปใช่ว่าจะรอดจากพวกแม่งเป็นฝูงนะโว้ย”

     

                “ถ้ามึงกลัวตายก็อยู่ตรงนี้ไป กูจะไปหาเยซอง ถ้ามึงยังจะไปกับพวกกูต่อก็เคลียร์ทางให้ด้วยถ้าไม่ก็ไปตามทางของมึง”

     

                “เห้ยมึงเดี๋ยว...”

     

                ปัง ปัง ปัง

     

                บัดซบ!

     

                ซีวอนมันไม่ฟังอะไรเลย เปิดช่องยิงแสกหน้าพวกมันที่อยู่ด้านล่างก่อนจะกระโดดลงไปข้างล่างแล้วยิงหัวที่หัวตัวกินคนตรงหน้าอย่างจังและวิ่งฝ่าออกไปทันที ทงเฮไม่เห็นสภาพซีวอนหลังจากนี้แล้ว ร่างหนานั่งกัดฟันอยู่บนช่องตรงลิฟต์อย่างเจ็บใจ ทำไมถึงได้ทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนี้

     

                ไอบ้าเอ๊ย

     

                เพราะเสียงปืนของซีวอนทำให้พวกที่ออกันอยู่ข้างล่างหายไปจนหมด ทงเฮค่อย ๆ ยื่นหน้าลงไปสอดส่องเส้นทางข้างล่าง อย่างที่คิด ไม่มีพวกแม่งเหลือสักตัวนอกจากตัวที่นอนพะงาบอยู่ที่พื้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

     

                ทงเฮค่อย ๆ หย่อนตัวเองลงมาจากช่องลิฟต์โดยเหยียบศพตัวที่อยู่ข้างล่างช่วยลดแรงกระแทก เขาลงมาข้างล่างได้อย่างปลอดภัย มือหนาหยิบปืนขึ้นมาถือไว้เตรียมแสกหน้าพวกแม่งทุกตัวที่จะเข้ามางาบเขา แต่อาจเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ตอนนี้ซีวอนล่อมันไปให้เขาหมดแล้ว เสียงปืนแม่งยังดังอยู่เลย แบบนี้มันไม่หมดหรอกนอกจากกระสุนปืนน่ะ

     

                เอาไงดีว่ะ ไปช่วยดีไหม ?

     

                ใช่ว่าจะไม่เป็นห่วงมันหรอกนะ เดินทางร่วมกันมาก็หลายชั่วโมงซีวอนมันก็ช่วยเขาหลาย ๆ อย่าง ความเป็นผู้นำมันก็มีอยู่สูง ติดแต่จะงี่เง่ากับเป้าหมายมันไปหน่อยคือไม่สนห่าอะไรเลยนอกจากเมียมัน คิดแล้วก็เซ็งแทนไอเด็กตัวขาวที่ถูกมันจับมาใช้ประโยชน์

     

                เฮ้ย เดี๋ยวนะ

     

                แล้วไอเด็กนั่นมันจะเป็นยังไงบ้างว่ะ

     

                บอกเลยว่าลืม เอาจริง ๆ ถึงซีวอนไม่กลับช่วยทงเฮก็คิดว่าหลังจากจบภารกิจหาเมียเพื่อนก็คิดจะไปเอามันมาอยู่แล้ว แต่เพราะวิ่งหนีตายกันขาแทบขวิดแถมยังไปติดอยู่บนลิฟต์นานจนตูดชาเขาก็ลืมไปเลยว่าทิ้งเด็กนั่นไว้ที่ล็อบบี้ข้างล่าง เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย

     

                เอาเป็นว่ายังไงก็ไปช่วยเด็กนั่นก่อนรึกัน ซีวอนมันไม่ได้โดนมัดมือแบบคยูฮยอนคงมีเปอร์เซ็นรอดมากกว่า ไม่แน่ป่านนี้เด็กนี่อาจจะกำลังกินศพใครสักคนอยู่ก็ได้

     

                ทงเฮเดินลงบันไดเลื่อนไปอย่างระมัดระวัง สายตาสอดส่องไปรอบ ๆ ทุกอย่างก้าวต้องเป็นไปอย่างไม่ประมาท ถึงเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ในโลกที่แสนโสมมนี่จะไม่เหมือนซีวอนที่มีคนรักที่ต้องตามหา ถึงทงเฮจะไม่มีคนสำคัญที่ต้องปกป้อง แต่ชีวิตนึงที่เขาได้เกิดมาแล้ว ยอมตายง่าย ๆ มันก็เหี้ยเกิน

     

                ในเมื่อพระเจ้าเลือกที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้ ก็ลองกันดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป

     

                เดินมาสักพักล็อบบี้ที่ดันเด็กนั่นเข้าไปแอบเมื่อชั่วโมงก่อนก็ปรากฏแต่สายตา อาศัยแสงที่ส่องมาจากทางด้านนอกมองความปลอดภัยเบื้องหน้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเพื่อดูคนที่อยู่ด้านในว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

     

                “...”

     

                ว่างเปล่า

     

                ใต้ล็อบบี้นั่น...ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

     

                เหลือไว้แต่เพียงรอยเลือดที่เหมือนรอบถูกลากเป็นทางยาวทำให้ทงเฮรู้สึกผิดจนอยากจะต่อยตัวเองสักร้อยที

     

     

    .

    .

     

     

     

                แฮ่ก แฮ่ก ...

     

                เหนื่อยใจแทบขาด

     

                ร่างสูงยกมือขึ้นปกปากตัวเองเมื่อวิ่งหลุดโค้งมาได้และจัดการแอบเขาที่ซอกทางเข้าห้องน้ำทันที เขาพยายามเข้าไปให้ลึกที่สุดเพื่อไม่ให้พวกตัวกินคนเจอ ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำอะไรที่บ้าบิ่นอย่างการวิ่งฝ่านรกมาแบบนี้

     

                “กรร...” เสียงของพวกมันเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ซีวอนเผลอกลั้นหายใจ... เขาจะมาโดนจับกินตอนนี้ไม่ได้

     

                เขาต้องหาคนรักให้เจอไม่ว่ายังไงก็ตาม

     

                ซีวอนใช้สายตามองพวกมันที่เดินเอื่อย ๆ ไปตามทางเดินหลักของโรงหนัง มันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าตอนนี้เขารอดแล้ว ทันทีที่ตัวสุดท้ายเดินพ้นไป ซีวอนรีบถอดแม็กกาซีนออกมาเช็คจำนวนกระสุนทันที เพราะรู้สึกว่าเมื่อกี้เขาจะยิงรัวไปมากเหมือนกัน

     

                “บ้าชิบ...”

     

                กระสุนเขาเหลือเพียงสามนัดเท่านั้น แถมแม็กกาซีนสำรองไม่มีแล้วด้วย

     

                ร่างสูงกัดปากอย่างใช้ความคิด ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเยซองอยู่ตรงส่วนไหนของโรงหนังแห่งนี้แต่เชื่อว่าเพื่อนของตนคงกำลังหาหลิวเหวินให้เขาอย่างสุดความสามารถ ถึงเยซองจะพูดขัดเขามากแค่ไหนแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของซีวอน มันไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง

     

                มือหนากระชับมีดยาวในมือไว้แน่นก่อนจะเก็บปืนให้ไปเหน็บไว้ที่เอว กระสุนที่เหลืออยู่สามนัดมันสำคัญมาก เขาต้องเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ซีวอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะมองซ้ายขวาและเดินออกมาจากซอกที่ตนหลบอยู่

     

                ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาให้เจอให้ได้

     

     

                รอผมก่อนนะที่รัก...

     

               

                ร่างสูงเดินไปตามทางอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง เขาจัดการปิดปากไอตัวที่หมายจะคลานเข้ามาจู่โจมเขาโดยการปักมีดเข้าไปที่กลางกะบาลมันเต็มแรง มีดที่เปื้อนเลือดแสนน่าขยะแขยงมันทำให้เขาอยากอ้วก กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณจนต้องยกมือข้างที่ถือไฟฉายขึ้นมาปิดจมูก กลิ่นมันแย่ยิ่งกว่าน้ำล้างเท้าเสียอีก

     

                ฉึก

     

                ลงคมมีดลงที่หัวของตัวกินคนที่พื้นทางด้านขวาไม่ให้มันส่งเสียงครางฮือ ๆ อยากจะลิ้มลองเนื้อของเขาอีกต่อไป ร่างสูงไล่สายตาสำรวจร่างกายเหยื่อว่ามีอะไรพอจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง และแจ็คพ็อต! ปืนที่ตกห่างจากศพไปประมาณสามเมตรนั่นคือคำตอบ

     

                “ห้านัด...เยี่ยม” พ่นลมออกมาอย่างหัวเสีย อย่างน้อยก็ขอให้จำนวนกระสุนมันพอจะจัดการพวกมันสักฝูงไม่ได้หรือไง ไม่ต้องไปทำหน้าหงุดหงิดใส่ศพมากกว่านี้ ซีวอนเก็บปืนเหน็บไว้ด้านหลังก่อนจะตัดสินใจเดินต่อ ไม่รู้ป่านนี้เยซองจะเป็นยังไงบ้าง

     

                เจ้านั่นน่ะตั้งแต่เกิดเรื่องก็ฆ่าตัวกินคนไปแค่สองตัวเท่านั้น

     

                อย่างว่าบาริสต้าอย่างมันจะให้มาจับมีดฟันหัวศพคงเป็นเรื่องที่ปรับตัวยากน่าดู

     

                แต่ก็ใช่ว่า CEO อย่างเขาจะชำนาญกับการฆ่าไอพวกเวรนี่ เพราะซีวอนเรียนศิลปะการต่อสู้มาเสียมากกว่าทำให้คล่องตัวในการหลบหลีกและเฉียบขาดในการตัดสินใจฟันหัวพวกมันสักตัวหรือสองตัว เกือบพลาดท่าก็หลายครั้ง มีครั้งนึงได้ทงเฮมาช่วยไว้พอดีเลยได้โอกาสให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย ไม่ใช่เพราะซีวอนขอให้มาด้วย แต่มันตื้อเองต่างหาก

     

                คิดถึงคนที่ติดมาด้วยก็นึกได้ว่าเพิ่งทิ้งใครไว้ข้างหลัง เจ้าเด็กมหาลัยทำหน้าทำตาอวดดีจนน่าหมั่นไส้ เขาอาจจะคิดถูกที่ทิ้งเจ้านั่นไว้ที่ล็อบบี้ เอามาด้วยก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเสียเปล่า ๆ จริง ๆ จุดประสงค์ที่จับมาก็อย่างที่เยซองมันพูด...ตัวล่อ

     

                เพราะรู้ว่าต้องมาเจอกับพวกห่านี่อีกมากมายแค่ไหน การมีตัวล่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ

     

                ใครจะว่าเขาโหดร้ายก็ช่างเถอะ ตราบใดที่ยังหาคนรักไม่เจอเขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางให้ตัวเองรอดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อนหาหลิวเหวิน ใครจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมันเถอะ ยังไงโลกนี้แม่งเต็มไปด้วยศพที่ลุกขึ้นมากัดกินคนด้วยกันเอง สงเคราะห์อีกสักหนึ่งศพจะเป็นอะไรไป

     

                แค่คนรักปลอดภัยเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

     

                ซีวอนรีบหลบที่ซอกมุมตึกอีกครั้งเมื่อกลุ่มตัวกินคนที่เดินผ่านเขาไปเมื่อกี้เดินอยู่ตรงหน้าเขาให้ตายเถอะ จะเดินเกาะกลุ่มกันไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่มันจะกระจายกันเสียทีจะได้จัดการให้มันง่าย ๆ หน่อย

     

                น่ารำคาญจริง ๆ

     

                “กรรร...!!

     

                เสียงคำรามพวกมันดังชัดเจนขึ้นเมื่อเจอเหยื่ออันโอชะ ซีวอนรีบโผล่หน้าออกมามองเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกมันเปลี่ยนแปลงไปก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเหยื่อที่พวกมันเจอคือเยซอง เพื่อนของเขา

     

                บ้าเอ๊ย

     

                เยซองที่ตอนนี้มีอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นกระเป๋าห้อยอยู่ที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนจะออกตัววิ่งหนีพวกตัวกินคนที่วิ่งตามเป็นฝูงอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วตัวก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ซีวอนไม่รอช้ากว่านี้ เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนทันที

     

                ฉับ !

     

                มีดยาวถูกนำออกมาใช้แทนปืน ร่างสูงจัดการฟันตัวที่อยู่หลังสุดก่อนจะหันไปฟันตัวที่อยู่ข้าง ๆ กันเป็นตัวต่อไป และเมื่อมันรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา พวกมันจำนวนหนึ่งก็เลิกสนใจเยซองและเดินเข้ามารุมหาเขาแทน

     

                “ซีวอน!มึงหรอ ?!” เสียงเยซองตะโกนมา มันเต็มไปด้วยเสียงหอบเพราะกำลังหลบตัวกินคนและพยายามใช้มีดฟันพวกมันอยู่อย่างทุลักทุเล

     

                “เออ! มึงรีบวิ่งวนไปอีกทางและลงบันไดเลื่อนไป ทงเฮมันคงเคลียร์ทางให้แล้ว!” ตะโกนกลับไปพร้อมหลบมือเละ ๆ ที่หมายจะคว้าตัวเขาไว้อย่างหงวุดหวิด เขาไม่อยากใช้ปืนเพราะมันเหลืออีกไม่มากทางเดียวที่เหลือคือพยายามใช้มีดกำจัดให้มากที่สุดและวิ่งหนี

     

                “แล้วเรื่องหลิวเหวิน...”

     

                “กูบอกให้รีบไปไง!” ร่างสูงตะโกนเสียงดังก่อนจะใช้มีดปักเข้าที่เป้าตาตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและชักออกอย่างรวดเร็วเพื่อไปทิ่มอีกตัวที่จู่โจมเข้ามาอีกทาง

     

                เยซองมองภาพที่เพื่อนตัวเองกำลังถูกฝูงตัวกินคนรุมอย่างไม่สู้ดี เขาจัดการโยนสิ่งของที่อยู่แถวนั้นใส่พวกมันจนเสียหลักก่อนจะรีบวิ่งบนทางที่อยู่ตรงข้ามกับทางที่ซีวอนอยู่เพื่อกลับไปยังบันไดเลื่อน

     

                เขาเห็นซีวอนกระตุกยิ้มให้ก่อนจะหันไปฟาดฟันไปพวกห่านี่ต่อและอาศัยจังหวะวิ่งหนีเข้าไปในทางที่ลึกกว่าเดิม โดยมีพวกมันตามกันไปประมาณเกือบสิบตัว

     

                ซีวอนไม่ได้คิดจะหนีออกไปจากที่นี่ด้วยกัน

     

                “กูเกลียดมึงก็ตรงนี่แหละ แม่ง...”

     

                เยซองไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งหนีไอสามสี่ตัวที่ตามเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายและลงไปข้างล่างเพื่อเรียกทงเฮมาช่วย

     

                ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ทิ้งเพื่อนเด็ดขาด...

     

     

    .

    .

     

     

                เจ็บแผลชะมัด...

     

                อย่าให้เจอพวกเวรนั่นอีกนะ จะอัดแม่งให้เละเลย!

     

                ร่างโปร่งเดินไปตามทางอย่างยากลำบากเพราะขาที่โดนเศษกระจกบาด มือที่เคยถูกมัดตอนนี้เป็นอิสระแต่แย่หน่อยตรงที่รอบ ๆ ข้อมือเต็มไปด้วยรอยแดงเถือกที่มีเลือดซิบจากการพยายามบิดให้ออกจากการรัดกุมของเชือก แถมยังมีรอยโดนบาดรอบ ๆ ไม่รู้กี่รอย บอกเลยว่าทั้งชีวิตนี้ต่อให้โดนแกล้งขนาดไหนเขาก็ไม่เคยมีเลือดออกเยอะจนแทบช้ำขนาดนี้

     

                เหอะ แต่ถ้าเขาไม่ปืนขึ้นไปใช้เท้ากระทืบกระจกที่เป็นโต๊ะตรงล็อบบี้ให้มันแตกและใช้มันตัดเชือกล่ะก็คงไม่รอดมาจนถึงป่านนี้หรอก

     

                ไอพวกคนใจร้ายเอ๊ย

     

                แน่นอน ผลจากการกระทำเสียงดังครั้งใหญ่นั้นทำให้เขาได้เพื่อนตามมาเป็นพรวน โชคดีเหมือนกันที่ตอนเข้ามาพวกนั้นมันปิดประตูไว้เลยทำให้พวกข้างนอกเข้ามาไม่ได้ และคงเพราะผลจากเสียงปืนของคนพวกนั้นทำให้บางตัวตามเสียงขึ้นไปด้านบน ส่วนด้านล่างก็เหลือประปรายไม่มากขนาดทำให้เขาต้องวิ่งหนีตายอะไรขนาดนั้น

     

                ผ้าที่เคยถูกจับยัดปากตอนนี้ถูกเอามาพันมือไว้อย่างแน่นหนาเพื่อถือเศษกระจกที่ขนาดมันเหมาะจะใช้แทนมีด คนพวกนั้นไม่ทิ้งอาวุธอะไรสักอย่างไว้ให้คยูฮยอน ไม่แปลกที่พอเจออะไรใกล้ตัวเขาก็ต้องคว้ามาเป็นอาวุธไว้ก่อน

     

                คยูฮยอนกำลังพยายามหาทางออก เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเจอกับฝูงผีเวรและพวกคนใจหมาอีก

     

                เห็นว่าก่อนหน้านี้ซีวอนมันกะจะเข้าทางด้านหลัง แสดงว่ามันต้องมีประตูทางออกด้านหลังแน่นอนเพราะตอนนี้ประตูทางเข้าเต็มไปด้วยฝูงที่ทำให้พวกเขาต้องหลบหลังรถก่อนเข้ามาที่นี่ มันไม่ได้อยู่รวมตัวกันหนาแน่น แต่เดินกันเอื่อย ๆ ประปรายด้วยจำนวนที่เยอะใช่เล่นเลย

     

                คยูฮยอนยังคงเดินเลาะไปตามกำแพงเรื่อย ๆ เขาไม่ได้มีแรงจะเดินโท่ง ๆ เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว รอยกระจกบาดที่ขามันเจ็บจนต้องหาเกาะกำแพงเดินไปเรื่อย ๆ อยากจะหัวเราะให้ตัวเองดัง ๆ เหมือนกันว่าคิดบ้าอะไรอยู่ตอนพังกระจกจนตัวเองต้องเจ็บตัวขนาดนี้ แต่ถ้าแลกกับอิสระของมือตัวเองคยูฮยอนก็ไม่คิดอะไรมากกับแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก

     

                พาร่างตัวเองเดินมาถึงตรงโซนที่มีโซฟาให้คนนั่งหลายตัวด้วยกัน คงจะจัดไว้ให้นั่งรอรอบหนังล่ะมั้ง คยูฮยอนจะไม่เดินเข้าไปหากบนโต๊ะนั่นมันไม่มีกระเป๋าเป้ท่าทางน่าสนใจวางอยู่ ร่างโปร่งค่อย ๆ ย่องเข้าไปหามันเพราะรอบ ๆ ตรงนั้นมีพวกเวรนี่นอนกันเกลื่อนไปหมด ไม่รู้ว่าเดินผ่านอยู่ดี ๆ มันจะยื่นมือมาจับขาเขาไว้เหมือนผีในหนังหรือเปล่า เพราะฉะนั้นค่อย ๆ เดินดีกว่า

     

                ทันทีที่กระเผลกตัวมาถึงกระเป๋าเป้ใบใหญ่คยูฮยอนก็วางเศษกระจกไว้บนโต๊ะ มือเรียวก็ค่อย ๆ รูดมันช้า ๆ เพื่อไม่ให้เสียงดัง ก่อนที่ของในกระเป๋าจะทำให้เขาเปิกตากว้าง

     

                มันคือเสบียง

     

                ของกินที่เป็นป๊อบคอร์นมากกว่าค่อนกระเป๋าใส่อยู่ข้างใน พร้อมกับน้ำเปล่าประมาณสามขวด กับซองขนมที่ทางโรงหนังขายประมาณสี่ห้าซอง ดูแล้วเหมือนเป็นของที่คนเป็นเตรียมเอาไว้เสียมากกว่า

     

                ของใครกัน

     

                ช่างเถอะ ในเมื่อคยูฮยอนเจอ เขาก็จะขอรับมันไปแล้วกัน

     

                กริ๊ก

     

                “วางมันลง”

     

                บางทีคยูฮยอนอาจจะมีดวงอาภัพเรื่องของกิน

     

                คยูฮยอนยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อแสดงว่ายอมแพ้ เสียงผู้หญิงดังมาจากทางด้านหลังพร้อมกับวัตถุที่จ่ออยู่ที่หลัง ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่ามันคือปืน โอเค... วันนี้เขาเจอปืนจ่อด้วยกันถึงสองรอบ เยี่ยมไปเลย ใครจะโชคดีเท่าเขาอีก

     

                “วางแล้ว”

     

                “ค่อย ๆ หันหน้ามาช้า ๆ ” คยูฮยอนหันหน้าไปตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขื่น อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า แล้วมันเรื่องอะไรที่เวลาเขาจะหาอะไรกินทีไรมันถึงต้องโดนปืนจ่อทุกที บางทีคยูฮยอนอาจจะไม่ตายเพราะโดนกัด แต่ตายเพราะหิวตาย “นักศึกษา ?”

     

                “ครับ อยู่ปีสอง”

     

                “ไม่ได้ถาม”

     

                “อ่าว”

     

                “พกอะไรมาบ้าง”

     

                “เท่าที่คุณเห็น ทั้งตัวผมมีแต่เลือดกับเศษกระจกโง่ ๆ เป็นอาวุธหนึ่งอัน” คยูฮยอนยักไหล่ทั้งที่ยกมืออยู่ ก่อนจะใช้สายตาพิจารณาผู้หญิงที่เอาปืนจ่อเขาอยู่ เธอค่อนข้างสูงและหุ่นดีมากเลย สีผิวออกคล้ำแต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่อะไรนัก ผมยาวที่ถูกรวบขึ้นเพื่อความสะดวกทำให้เธอดูน่าเกรงขาม บางทีผู้หญิงสมัยนี้ก็สูงเกินไปจนผู้ชายอย่างคยูฮยอนรู้สึกอาย

     

                “นายมาคนเดียว ?”

     

                “ตอนแรกไม่แต่ตอนนี้ใช่”

     

                “อย่ามาพูดจาวกวน สรุปยังไง”

     

                “ผมถูกพวกคนป่าเถื่อนจับมาปล่อยไว้ในนี้พร้อมมัดมือไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่พวกเขาจะไปตามหาคนในนี้ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าพวกนั่นเป็นยังไงบ้าง แต่ขอให้ตายไว ๆ ” พูดไปก็แค้น เสียงปืนที่เขาได้ยินในตอนแรกตอนนี้มันสงบลงแล้ว ไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์เป็นบวกหรือเป็นลบ แต่ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่เขาต้องเดินขึ้นไปดูว่าพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องไปเป็นห่วงคนที่ทิ้งเขาให้เกือบตาย

     

                “พูดจริง ?”

     

                “ดูแผลที่ข้อมือผมก็ได้ หรือถ้าคุณไม่เชื่ออีกก็ยิงผมเลยก็ได้ จนปัญญาจะหนีแล้ว” คยูฮยอนยื่นข้อมือทั้งสองข้างให้หญิงสาวดูซึ่งเธอก็แหย่ตาลงมามองแผลที่ข้อมือแวบนึงก่อนจะเหลือบขึ้นมาจ้องเขาตาเขม็งเหมือนเดิม

     

                “นายโดนกัดหรือเปล่า”           

     

                “หา ?”

     

                “เลือดเยอะขนาดนี้ โดนกัดมาหรือเปล่า”

     

                “เปล่า ร่างกายผมยังไม่โดยฝังเขี้ยวหรือโดนรอยฟันของไอพวกเวรตัวไหน วางใจได้”

     

                ปืนยังถูกจ่อมาที่ผมสักพักก่อนจะไล่สายตามองอย่างพิจารณาและไม่นานมันก็ลดลงและถูกเหน็บไว้ที่เอวด้านหลังของผู้หญิงคนนี้ เธอเดินเข้ามาใกล้คยูฮยอนเพื่อหยิบเป้ของเธอไปตรวจเช็คอะไรนิดหน่อยก่อนจะรูดซิบปิดมันและแบกขึ้นหลัง

     

                “จะไปไหนก็ไป” อ่าว...เอาปืนจ่อหัวกันแล้วไล่งี้เลย คิดว่าอยากอยู่มากสิเนี่ย

     

                บางทีก็คิดนะ พวกคนเป็นอาจจะน่ากลัวกว่าคนตายก็ได้

     

                “โอเค” ยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะหยิบเอาเศษกระจกที่วางไว้อยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้มาถือไว้เหมือนเดิมและก้าวออกจากตรงนั้น

     

                พรึ่บ

     

                “ซี๊ด...” เพราะดันไปก้าวข้างที่โดนกระจกบาดทำให้เขาทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนคว้าปืนออกมาเล็งที่เขาอีกรอบอย่างไม่ลังเล

     

                “ไหนบอกว่าไม่ได้โดนกัดไง แล้วเลือดที่ขานั่นมันอะไร”

     

                “โดนกระจกบาดไง บอกไปแล้ว”

     

                “ใช่แน่หรอ”

     

                “งั้นก็ยิงผมเถอะครับถ้าจะกังวลกันขนาดนั้น ดีเหมือนกัน เจ็บแผลไปหมดแล้วตาย ๆ ไปจะได้ไม่ต้องเจ็บ” เบื่อจะมานั่งให้คนสงสัยแล้ว เข้าใจอยู่หรอกว่าในสภาพโลกที่มันเป็นแบบนี้มันไว้ใจใครไม่ได้ และตอนที่เขาทรุดลงไปผู้หญิงคนนี้ชักปืนออกมาโดยไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ

     

                “อย่าท้าฉัน”

     

                “เชิญครับ” ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตายตรงนี้ก็ดีเหมือนกันดีกว่าหนีไปเรื่อย ๆ แล้วโดนกัดเข้าให้สักวัน ไม่ต้องโดนฉีกเนื้อจนน่าสะอิดสะเอียน นัดเดียวก็ตาย ศพสวย ๆ

     

                กริ๊ก...

     

                “ทำอะไรน่ะหลิวเหวิน

     

                “ฮัน

     

                นั่นไง

     

                คราวนี้ใครอีกล่ะ

     

                ปืนที่ถูกปลดเซฟแล้วเล็งมาที่เขาถูกผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามาจากทางไหนก็ไม่รู้ยึดมันไปจากมือของผู้หญิงที่ชื่อหลิวเหวิน หญิงสาวทำสีหน้าเจือน ๆ เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าตาไม่พอใจกับพฤติกรรมของเธอ มีคยูฮยอนคนเดิมเพิ่มเติมคือนั่งเอ๋อ มองสองคนนี้อย่างงง ๆ คือยังไง ไอเถิกที่เธอเรียกว่าฮันนี่คือใคร ? ใช่ที่อยู่เดอะสตาร์รึเปล่า (นั่นมันฮั่น)

     

                “นายเป็นอะไรหรือเปล่า ?” ผู้ชายที่เดินเข้ามาใหม่นั่งยอง ๆ มาถามเขา ซึ่งคยูฮยอนก็ตอบไปด้วยการส่ายหน้าและพยายามลุกขึ้นแต่ก็ล้มลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะแผลที่ขา “เป็นแผลที่ขาหรอ ขอดูหน่อยนะ”

     

                “ฮัน...ถ้ามันเป็นรอยกัดล่ะ”

     

                “ถ้าฉันเปิดแล้วมันเป็นแบบนั้นเธอก็หยิบปืนที่หลังฉันยิงเด็กคนนี้ได้เลย” อ่าว มึง “แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่านี่มันคือแผลกัดหรือเปล่า เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตคนอื่นนะ ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตรอด รวมถึงตัวเธอด้วย”

     

                “...”

     

                หล่อสาดดดดดดดดดด

     

                “ยังเป็นนักศึกษาอยู่สินะ แย่เลยเนอะ ยังไม่ทันใช้ชีวิตวัยรุ่นให้หนำใจแท้ ๆ ก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ซะแล้ว”

     

                “ทำไมพูดเหมือนผมกำลังจะตายว่ะ”

     

                “ฮ่า ๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” เขาหัวเราะแล้วยิ้มให้ก่อนจะขออนุญาตเลิกกางเกงยีนสีเข้มผิดระเบียบที่คยูฮยอนใส่มันไปมหาลัยประจำขึ้น คยูฮยอนแอบซี๊ดปากเมื่อระหว่างเลิกขึ้นมันไปกดทับแผลที่โดนกระจกบาดยาวประมาณห้านิ้วของเขา “เจ็บมากหรือเปล่า”

     

                “โห ถามมาได้ เจ็บสิครับ”

     

                “งั้นทนหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องเจ็บกว่านี้” คนที่ชื่อเกิงลุกขึ้นไปทางโซฟาอีกด้านหนึ่งก่อนจะหยิบกล่องกระเป๋าสีดำมาสะพายบ่าไว้แล้วเดินเข้ามาหาคยูฮยอนที่ยังนั่งมองนิ่ง ๆ อยู่ที่พื้น “พี่เป็นหมอน่ะ ชื่อฮันเกิง เราล่ะ ?”

     

                “คยูฮยอน”

     

                “โอเคคยูฮยอนนายกัดไว้นะ จะได้ไม่เสียงดัง” ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิร์ตของพี่หมอ(เรียกเองเสร็จสรรพ)และยื่นให้เขา มันดูสะอาดสะอ้านเหมือนไม่เคยได้ใช้งาน ทันทีที่คยูฮยอนเห็นแอลกอฮอล์ล้างแผลที่ร่างสูงตรงหน้าหยิบออกมาจากกระเป๋านั่นแล้วรู้สึกอยากร้องไห้ “ไม่ต้องกลัว เจ็บแปปเดียวดีกว่าเรื้อรังนะ”

     

                “เบา ๆ นะพี่” ยอมส่งผ้าเช็ดหน้าเข้าปากเพื่อกัดบรรเทาความเจ็บปวดไว้โดยดี และใช่ พอเขาโดนสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์นั่นแตะ ๆ รอบ ๆ ปากแผล เขาอยากจะร้องจ๊ากเหมือนตอนที่โดนฉีดยาที่โรงพยาบาลเป็นเด็กห้าขวบไม่มีผิด

     

                โคตรแสบบบบบ

     

                การทำแผลเบื้องต้นดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ตอนนี้กางเกงยีนตัวโปรดของคยูฮยอนถูกมีดหมอตัดออกจนเหลือเพียงสามส่วนเพราะมันจะยากต่อการติดผ้าก๊อตกันบาดติดเชื้อจากภายนอก แอบเสียดายเหมือนกันเพราะตัวนี้ซื้อมาโคตรแพง ตอนนี้ส่วนที่ถูกตัดออกไปเป็นเพียงแค่เศษผ้าโง่ ๆ โธ่... กางเกงกู

     

                คุณหมอไม่ได้ทำแผลให้แค่ที่ขาของคยูฮยอนแต่จัดการทั้งแขนและแผลที่หัวที่ได้มาจากการโดนแกล้งของเพื่อนที่มหาลัย ตอนนี้ทั้งตัวของคยูฮยอนถึงเต็มไปด้วยผ้าสีขาวที่ถูกแปะไว้เป็นจุด ๆ โดยฝีมือคุณหมอที่บังเอิญเจอ มันต้องแบบนี้แหละ อย่างน้อยในโลกนี้มันก็ต้องมีคนดีเหลือบ้างสิน่า T---T

     

                “ขอบคุณมากนะครับ” คยูฮยอนโค้งหัวขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยทำแผลให้เขา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนโดยมีหมอช่วยพยุง ผู้หญิงคนที่เอาปืนจ่อหัวเขาตอนแรกเห็นว่าการทำแผลให้เขาเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งรออยู่ตอนแรกและเดินมาหาพวกเขา

     

                “เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะฮัน”

     

                “เดี๋ยวสิ ถ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้วจะไปไหนหรอ ?” คุณหมอถอดถุงมือยางออกและหันมาถามคยูฮยอนที่เอาผ้าหนา ๆ พันที่มืออีกครั้งและถือเศษกระจกไว้ในมือ

     

                “ไม่รู้สิครับ หนีไปเรื่อย ๆ คงรอดกว่าหาทางไปขอความช่วยเหลือจากพวกรัฐบาล”

     

                “ใจกล้าเหมือนกันนี่”   

     

                “แล้วพวกพี่ล่ะ”

     

                “ยัยนี่จะไปตามหาแฟนน่ะ”

     

                “อ่าว พวกพี่ไม่ใช่แฟนกันหรอ ?”

     

                “เพื่อนกันน่ะ”

     

                คยูฮยอนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะมองที่สีหน้าของผู้หญิงตัวสูงที่มีสีหน้าหงุดหงิดเหมือนอยากจะรีบออกไปจากที่นี่ไว ๆ เขาคงทำให้สาวเจ้าเสียเวลามากสินะ ดูสิ หันมาจ้องเขาตาเขม็งเสียแล้ว คยูฮยอนอยู่เฉย ๆ ก็มีแต่คนเกลียด ชีวิตแม่งเศร้า

     

                “เอาอย่างนี้ไหม”

     

                “ครับ ?”

     

                “ไหน ๆ เราก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว ไปกับพวกพี่ไหม ?”

     

                “ครับ ??”

     

                “ฮัน!” หลิวเหวินแว๊ดขึ้นมาจนคยูฮยอนสะดุ้ง เอาจริง ๆ เขาก็ตกใจเหมือนกันที่พี่หมอชวนเขาไปด้วย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันแท้ ๆ ทำไมถึงไว้ใจเขาขนาดชวนไปด้วยกัน คนเป็นหมอนี่จิตใจดีอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ ไม่เหมือนคนพวกนั้นหรอก เจอกันก็เอาตีนเหยียบหลังทักทายกันอย่างกับพรมเช็ดเท้า

     

                “ทำไมล่ะ เอาน้องเขาไปด้วยก็ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย อุ่นใจดีกว่ามีกันแค่สองคนนะ”

     

                “แต่เสบียงเรามีสำหรับสองคนนะ”

     

                “น้ำเราก็มีตั้งสามขวด ขนมที่เธอหยิบมาก็เยอะแยะ สบายมากสำหรับสามคน”

     

                “แต่...”

     

                “ลองคิดดูสิ ถ้าเธอต้องเป็นแบบน้องเขาเธอจะไม่อยากให้มีใครสักคนช่วยเธอเลยหรอ”

     

                “...”

     

                “โลกมันบ้าก็อย่าไปบ้าตามมันสิ อย่าให้ความเป็นมนุษย์ของเราหายไปเหมือนที่พวกมันเอาไปจากเรา”

     

                คมสัด

     

                หลิวเหวินชะงักไปก่อนจะมองมาที่หน้าของเขาอย่างลังเล คยูฮยอนเข้าใจ ในสถานการณ์ที่อาหารหายากยิ่งกว่าปืนมันเป็นเรื่องที่คิดหนักถ้าจะรับคนเข้าเพิ่มมาร่วมเดินทาง มันหมายถึงอาหารที่สามารถกินได้สำหรับหลายวันจะลดลงเหลือน้อยลง

     

                “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ รอดมาได้ขนาดนี้แล้ว ผมคิดว่าตัวเองเก่งพอตัว” ชมตัวเองไปนิดหน่อยพอขำ ๆ พร้อมระบายยิ้มให้หลิวเหวินอย่างเข้าใจ “ผมเข้าใจครับ ไม่เป็นไรหรอกคุณไปตามหาแฟนคุณเถอะ”

     

                “แต่...”

     

                “ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอกันอีก ถึงเวลานั้นผมจะตอบแทนที่พี่ทำแผลให้ผมนะครับพี่ฮันเกิง แล้วก็ขอบคุณที่ไม่ยิงผมครับคุณหลิวเหวิน”

     

     

    .

    .

     

     

     

                มันอาจจะเป็นโชคดีของคยูฮยอน

     

                เป้ที่เขาหวังจะเอามันมาด้วยแต่โดนปืนจ่อหัวซะก่อนตอนนี้มันมาสะพายอยู่บนหลังเขาเรียบร้อยแล้ว

     

                เดาสิใครให้เขามา

     

                คุณหลิวเหวิน

     

                โคตรช็อค

     

                จู่ ๆ ก่อนจะเดินจากสองคนนั้นมาคุณหลิวเหวินก็ปลดเป้ที่สะพายหลังตัวเองอยู่ออกและส่งมันมาให้คยูฮยอน ซึ่งเขาก็รับมันมาอย่างมึน ๆ งง ๆ พยายามจะปฏิเสธแต่ฮันเกิงก็บอกให้เขารับไปแถมยังให้ยาใส่แผลมาอีกต่างหาก คยูฮยอนอยากจะก้มลงกราบงาม ๆ ในน้ำใจของสองคนนี้จริง ๆ คุณหลิวเหวินเขาคิดว่าทำเต๊ะท่าไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อยากช่วยโดยที่ไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนเสียมากกว่า

     

                ตอนนี้ในมือของคยูฮยอนที่ควรเป็นเศษกระจกเหมือนก่อนหน้านี้มันจึงเป็นฮอตด็อกที่เพิ่งถูกแกะออกมาจากห่อ ถึงมันจะไม่ร้อนอย่างที่ควรเป็น แต่เวลานี้แล้วใครจะมาเกี่ยงว่าร้อนหรือเย็น ต่อให้เป็นขนมปังแข็ง ๆ เขาก็ยอมกิน

     

                ตอนแรกก็ชวนสองคนนั้นออกทางหลังด้วยกันอยู่หรอก แต่เพราะยกเสบียงให้เขาแล้วสองคนนั้นจึงแยกออกไปหาเพิ่ม มันสร้างความรู้สึกผิดให้เขาไม่ใช่น้อยแต่ฮันเกิงก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากและระวังตัวด้วย แถมยังมีมาหยอกเรื่องที่จะรอค่ารักษาพยาบาลจากเขาอีกต่างหาก

     

                เอาเถอะ จะได้เจอหรือไม่ได้เจอกันอีก แต่ครั้งหนึ่งได้เป็นความทรงจำของกันและกันมันก็ดีมากแล้วน่ะ

     

                หันหน่อว หล่อว่ะ

     

                คยูฮยอนเดินเคี้ยวฮอตด็อกตุ้ย ๆ ไปตามทาง ใช่ว่าตรงนี้จะไม่มีพวกตัวกินคนอยู่ มีนะ นั่นไงนอนพะงาบ ๆ อยู่ที่พื้นนั่นน่ะ แต่ทำไมคยูฮยอนต้องไปกลัวไอตัวที่สภาพทำอะไรเขาไม่ได้ด้วย สู้สนใจอาหารที่ถืออยู่ดีกว่า

     

                จริงสิ เขาลืมถามวิธีฆ่าไอพวกนี้ไปเสียสนิท

     

                อ่า... คยูฮยอนเอ๊ย มัวแต่ดีใจเรื่องเสบียงจนลืมถามเรื่องสำคัญ !

     

                เดินขมวดคิ้วทั้งปากยังเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ มาตามทางเรื่อย ๆ จนถึงสุดทางที่ทีป้ายเขียนว่าทางหนีไฟเอาไว้อยู่ คยูฮยอนไม่รอช้ารีบคาบฮอตด็อกให้คาปากไว้แล้วใช้มือข้างที่พันผ้าไว้หยิบเศษแก้วขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเปิดประตูอย่างระมัดระวัง

     

                ปึก

     

                “เอี่ย...” เมื่อเปิดประตูไปได้นิดเดียวก็ติดกับอะไรบางอย่าง พอมองไปก็แทบปล่อยฮอตด็อกที่คาปากอยู่ตกลงพื้นแต่ดีกว่าเซฟทัน ไม่โง่จะปล่อยของอร่อยลงพื้นหรอก พื้นมันกินไม่ได้คยูฮยอนกินน่ะแหละดีแล้ว เขามองศพที่อยู่ที่พื้นที่ไส้ไหลออกมาจนน่าอ้วกกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วจนรู้สึกพะอืดพะอม

     

                เขาเปิดมาไม่ได้เจอทางออกทันที แต่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีบันไดหนีไฟจากชั้นบนลงมา มองไปข้างหน้าก็พบประตูอีกบานที่มันคงเป็นประตูเปิดออกสู่ด้านนอก คยูฮยอนค่อย ๆ เดินข้ามศพที่เลือดนองพื้นช้า ๆ ไม่ให้เหยียบโดนของเหลวสีแดงที่มีแมลงวันตอมเต็มไปหมด

     

                เดินมาถึงประตูอีกบานก่อนจะเปิดก็หันหลังกลับไปมองที่บันไดหนีไฟสีขาวที่มีศพพวกมันตามทางเดินบ้างประปราย ไม่รู้ว่าแม่งจะลุกขึ้นมาไล่แดกเขาหรือเปล่าแต่คยูฮยอนไม่คิดจะเดินขึ้นไปหรอก ร่างโปร่งหันกลับมาบิดประตูเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ ...

     

                “...”

     

                “แฮ...”

     

                ปัง !

     

                เกือบไปแล้ว

     

                เกือบโดนแม่งแดกไปแล้ว !

     

                ปึง ๆ ๆ ๆ !!

     

                เสียงทุบประตูจากไอพวกเวรข้างนอกที่เจอเหยื่อเมื่อกี้เพียงแวบเดียวก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาอย่างกับเขาเป็นดารา แม่งเอ๊ย... นึกว่าออกด้านหลังจะมีไม่เยอะเท่าด้านหน้า เปิดไปทีนี่รู้เรื่องเลย เดินกันขวักไขว่ยิ่งกว่าตลาดนัดจตุจักร พร้อมใจกันเข้ามารุมแดกเขาอย่างพร้อมเพรียง ฮอตด็อกนี่ปล่อยมันหลุดปากไปตั้งแต่เจอแฮใส่แล้ว คยูฮยอนจัดการกดล็อกประตูซึ่งไม่รู้ว่าแม่งจะช่วยได้หรือเปล่าก่อนจะพิงประตูหนีไฟอย่างใช้ความคิด เสียงทุบประตูนี่แม่งก็ดังอย่างกับเสียงกลอง มึงบันเทิงมากไหมนี่ถาม

     

                ไม่มีทางเลือก เขาต้องวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟเพื่อหนีไปข้างบน

     

                ปึง  ๆ ๆ !!

     

                “กร๊าซซซซ”

     

                “กร๊าซซซซซ”

     

                ยิ่งตัวแนบประตูเสียงก็ยิ่งชัดเจนยิ่งกว่า 4D อย่างกับมากระซิบอยู่ข้างหู จินตนาการได้เลยว่าตอนนี้ปากที่เต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวเหนอะพร้อมแดกเขามันอ้ากว้างแค่ไหน คยูฮยอนหลับตาเพื่อทำใจก่อนจะนับหนึ่งถึงสามในใจช้า ๆ สายตาทอดมองไปที่เป้าหมายที่เขาต้องรีบวิ่งขึ้นไปอย่างเร็วที่สุด

     

                เอาละนะ..

     

                1...

     

                2...

     

                3!!

     

                ไม่ต้องสนใจประตูทางหนีไฟว่ามันจะพังเข้ามาหรือเปล่า คยูฮยอนรีบออกตัววิ่งขึ้นบันไดก้าวละสามขั้น เรียกได้ว่าถ้าก้าวพลาดนี่มีงานหน้าเขียวแน่นอน เขาหลบหลีกไอมือที่มันยื่นมาตามทางหมายจะคว้าขาเขาเหมือนในหนังผี แต่ขอโทษ ข้างหลังตามกูมาเป็นฝูงมึงคิดว่ามึงจะหยุดกูได้หรออีผี ไม่ได้แดกหรอก

     

                เมื่ออะดีนนารีนมันหลั่งก็ลืมความเจ็บที่ขาไปหมดสั้น แม้เวลาก้าวหนัก ๆ จะมีจี๊ด ๆ บ้างก็เถอะ แต่คยูฮยอนไม่หยุดวิ่งหรอกเขารีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงหนังและเปิดประตูทางหนีไฟของชั้นสองเพื่อนเข้าสู่ด้านในทันที

     

                ปึง

     

                ทันทีที่ปิดประตูได้คยูฮยอนก็หอบหายใจหนัก ๆ โชคดีที่ตรงนี้มีแต่ศพที่ไม่ลุกขึ้นมาเดินแล้วทำให้เขาไม่ต้องออกตัววิ่งอีกครั้ง คยูฮยอนทรุดตัวลงเพื่อพักหายใจ ร่างโปร่งมองซ้ายขวาเพื่อหาอะไรมาบังไว้เพื่อไม่ให้พวกมันพังเข้ามาได้ง่าย ๆ เหมือนประตูทางออกและเขาก็ไปเห็นตู้ขายน้ำอัดลมที่อยู่ใกล้ ๆ

     

                เอาวะ

     

                เรียกแรงตัวเองเฮือกสุดท้ายออกมาเพื่อลากตู้ยักษ์นี่มาบังทางเข้าไว้ เสียงทุบประตูพร้อมกับเสียงคำรามเริ่มไล่มาแล้ว ไอตู้เวรนี่ก็หนักจริงอะไรจริง คยูฮยอนกัดฟันพยายามใช้หลังดันเพื่อเลื่อนมันให้ขวางประตูไว้ แต่แม่งขยับไปไม่กี่มิล

     

                ถีบแม่ง

     

                ไม่ต้องรอให้คิดนานคนอย่างคยูฮยอนพูดจริงทำจริง จัดการเอาขาข้างที่ไม่มีแผลใช้ไนกี้คู่งามเตะเสยแม่งแรง ๆ จนเจ็บขา ยัง...นอกจากมึงไม่เลื่อนยังทำกูเจ็บอีกนะ การถีบครั้งนี้ไม่ได้อะไรนอกจากน้ำผลไม้และน้ำอัดลมที่ออกมาจากตู้อย่างล้นหลาน คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะผลักมันแรง ๆ อีกครั้ง คราวนี้ถ้ามึงไม่ขยับกูยอมนอนกินน้ำพวกนี้รอพวกแม่งมารุมแฮปปี้มีลเลยอ่ะ

     

                ปึง

     

                นั่นไง ต้องให้ขู่

     

                ตู้น้ำอัดลมตอนนี้มันล้มลงไปตามแรงผลักเฮือกสุดท้ายของคยูฮยอนไปเรียบร้อยแล้ว ตามมาด้วยน้ำหลากประป๋องที่ไหลออกมาจากช่องจำหน่าย คยูฮยอนยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้และโกยน้ำพวกนั้นเข้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ได้รับมา

     

                “กร๊าซซซซซซ”

     

                “...” เสียงขู่คำรามดังมาไกล ๆ ทำให้คยูฮยอนชะงัก ร่างโปร่งรีบยัดเอากระป๋องสุดท้ายเข้ากระเป๋าก่อนจะแบกมันขึ้นหลังแต่ก็ต้องเบ้หน้าออกมา แม่ง...กูไม่น่าโลภเลย แต่เสียงที่ได้ยินนี่มันชัดเจนมาก เดาว่ามันคงไม่ได้มาจากพวกหลังประตูที่เขาเพิ่งล้มตู้น้ำอัดลมกั้นไว้หรอก

     

                จากในนี้นี่แหละ

     

                ตึก ตึก ตึก

     

                เสียงฝีเท้า ?

     

                คยูฮยอนรีบมองหาที่ทางก่อนจะรีบวิ่งไปหลบซ่อนอยู่ที่รถขยะที่อยู่ตรงมุมผนัง กลิ่นมันก็ใช้ได้แต่ไม่มีทางเลือกแล้วต้องทน ฮ้อยยย คยูฮยอนโผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์ด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เท่าที่ฟังจากเสียงรู้สึกเหมือนกันจะเป็นเสียงฝีเท้าวิ่ง คงจะเป็นคนที่วิ่งหนีไอพวกเวรนั้นแน่ ๆ

     

                 คยูฮยอนเห็นแล้ว ร่างของใครบางคนที่วิ่งมาทางนี้เรื่อย ๆ พร้อมกับญาติอีกสองตัวที่ตามหลังมาติด ๆ แถมมันไม่ได้เคลื่อนที่ช้า ๆ เหมือนตัวอื่น ๆ เสียด้วย

     

                และเมื่อระยะมันใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ คยูฮยอนก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ตอนนี้

     

                “ไอบ้านั่น...”

     

                ชื่ออะไรนะ...ไอบ้าที่เหยียบเขาเหมือนพรมเช็ดเท้าน่ะ

     

                ซีวอน...ใช่หรือเปล่า ?

     

                ปัง ๆ ๆ !

     

                ปืนในมือถูกยิงออกไปใส่พวกมัน เพราะวิ่งไปยิงไปทำให้ความแม่นยำเป็นศูนย์ คยูฮยอนเห็นซีวอนยิงนัดต่อไปไม่ออกแล้วคาดว่ากระสุนคงหมด ร่างสูงโยนปืนในมือทิ้งไปและหยิบอีกกระบอกที่หลังมาใช้แทน

     

                ปัง ๆ ๆ ๆ !

     

                และสำเร็จโดนพวกมันตัวหนึ่งในสอง

     

                “กร๊าซซซซซ”

     

                เพราะมัวแต่สนใจกับการยิงตัวที่อยู่ใกล้เลยเปิดโอกาสให้อีกตัวเข้าจู่โจมได้โดยงาน ตอนนี้ซีวอนล้มลงไปนอนหงายที่พื้นโดยมีอีกตัวพยายามจะตามลงมากัด มือหน้ายกขึ้นมาดันหน้าของมันไว้ เพราะโดนจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ปืนในมือที่กระเด็นไปไกล โดยซีวอนใช้มือข้างหนึ่งพยายามดันหัวของไอตัวกระกายเลือดไว้อยู่ มืออีกข้างก็พยายามเอื้อมไปหยิบปืน คนที่แอบดูอยู่ถึงกับกำมือแน่นอย่างลุ้นระทึก

     

                ลุ้นชิบหายเลยเว้ย

     

                “กร๊าซซซซซซซ”

     

                “บ้าเอ๊ย”

     

                ปากของไอตัวกินคนอยู่ห่างจากซีวอนไม่มากแล้ว คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นซีวอนเริ่มเสียท่า ร่างสูงไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบปืนแล้วแต่กลับใช้มือทั้งสองข้างเพื่อยันมันออกไปแทน

     

                แล้วกูมานั่งดูคนสู้กับผีทำไมอยู่ว่ะเนี่ย

     

                ไปช่วยสิโว้ยยยย

     

                พลั่ก !!!

     

                ถึงจะเคยถูกอีกฝ่ายทำไว้เจ็บแสบแต่คยูฮยอนก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอ ร่างโปร่งกระชับกระเป๋าไว้แน่นก็จะตัดสินใจวิ่งออกจากที่ซ่อนเพื่อไปช่วยซีวอนที่กำลังจะโดนแดกในอีกไม่กี่มิลแล้ว คยูฮยอนวิ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดแล้วใช้ข้างที่ไม่บาดเจ็บถีบมันอย่างเต็มแรงจนมันกระเด็นไปประมาณสามเมตร

     

                “แฮ่ก แฮ่ก...มึง...”

     

                “อ่าว จะนั่งอีกนานมั้ย ลุกขึ้นสิโว้ยยย” คยูฮยอนเดินไปเก็บปืนก่อนจะยื่นมือไปช่วยอีกฝ่ายที่กำลังนั่งหอบหายใจอย่างหนักอยู่ที่พื้นให้ลุกขึ้นมาเตรียมหนี เพราะไอตัวแดกเนื้อนี่มันเตรียมจะลุกขึ้นล่าเหยื่ออีกรอบแล้ว ซีวอนจับมืออีกฝ่ายก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้น “ไป ๆ วิ่ง!

     

                คยูฮยอนนำวิ่งออกมาโดยฉุดแขนอีกฝ่ายให้วิ่งตามไปทางที่ซีวอนเพิ่งวิ่งหนีมันมาเมื่อกี้ ต่อให้ซีวอนจะเหนื่อยจนปอดแหกแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจหรอก นี่มาช่วยก็ดีแล้ว อย่ามาทำเหนื่อย โกยเว่ยโกย

     

                “เดี๋ยว ๆ ยิง...แฮ่ก ยิงมัน”

     

                “ยิงไปแม่งก็ลุกขึ้นมาวิ่งไล่แดกมึงอยู่ดีนั่นแหละ!

     

                “นี่มึงโง่จริงหรือแกล้งโง่ว่ะ!

     

                “อะไร!

     

                “ยิงตรงหัว ยิงตรงหัวเพื่อฆ่ามัน”

     

                “อ่าว จริงดิ?!

     

                “เออ!!

     

                แล้วก็ไม่บอกแต่แรกว่ะ!

     

                คยูฮยอนและซีวอนหยุดวิ่ง ปล่อยให้ซีวอนหอบแดกต่อไปดูท่าจะเหนื่อยน่าดู คยูฮยอนปลดเซฟตี้ก่อนจะเล็งไปที่ตัวกินคนที่กำลังวิ่งมาทางพวกเขาเพื่อเตรียมเขมือบ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวมึงรู้เลยนี่พี่คยูฮยอนนักแม่นปืน ประสบการณ์เล่น Far Cry ทั้งสี่ภาค + Sniper elite สั่งสอนอะไรมามายมาย บอกเลยว่าถ้าไม่ตายมึงก็เลี้ยงไม่โต

     

                หนึ่งคนต่อหนึ่งแม็กอ่ะรู้จักม่ะ

     

                “กระสุนมีนัดเดียว แฮ่ก...เอาให้โดน”

     

                “ห้ะ?!

     

                “กูบอกว่ามีกระสุนเหลือนัดเดียว!

     

                พ่อ – มึง

     

                คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามตั้งสมาธิเพื่อเล็งให้โดนหัวมันในนัดเดียว นี่ก็วิ่งเร็วจังเลย มึงไม่น่าตายเลยนะ มาวิ่งหนีกับพวกกูเนี่ยสนุกกว่าเยอะ คยูฮยอนหลับตาข้างหนึ่งก่อนจะเล็งไปที่หัวของเหยื่อ เอาน่า เล็งที่หัวใจโดนมาก็หลายนัดแล้ว นี่แค่หัวนะ สิว ๆ อยู่แล้ว

     

                เอาล่ะนะ

     

                3...

     

                2...      

     

                1...

     

                กริ๊ก

     

                “...”

     

                เสียงปืนที่มันควรดังปังกลายเป็นเสียงว่าวเบา ๆ แทน คยูฮยอนกดที่ไกปืนซ้ำ ๆ แต่เสียงแม่งก็ยังเหมือนเดิม ชัดเลย...นี่แม่งไม่ได้เหลือแค่นัดเดียว

     

                แต่แม่งไม่เหลือสักนัดแล้วต่างหาก

     

                “วิ่ง!

     

     

    TO BE CONTINUED…

    ไปพวกไป โกยยยยย

    แต่งพี่ซีวอนแสนดีมาหลายเรื่องแล้ว เราอยากให้เขาหัดเลวบ้าง

    ชอบแนวนี้นะ แต่ภาษาไม่เซียนเอาซะเลย55555

    ขอบคุณทุกคนที่สนใจนะคะ ดีใจมากจริง ๆ ที่มีคนเข้ามาอ่านด้วย

    ระนะรีดต๋า

     

               

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×