ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC WONKYU] ALEATORY LOVE┃Ft.DONGHAE

    ลำดับตอนที่ #2 : ►Lesson 1 :: เขาชื่อ 'ชเว ซีวอน'

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 58


    .


    Lesson 1

    :: เขาชื่อ 'ชเว ซีวอน'

     



                “บ๊ายบาย”

     

                “อื้อ บาย”

     

                ใครที่บอกว่าเสียงกริ่งเลิกเรียนคือสวรรค์ของเด็กมัธยม มันไม่ใช่สำหรับคยูฮยอน ตราบใดที่คุณยังไม่ได้เดินออกจากโรงเรียนสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังไม่บังเกิดหรอกครับ

     

                ไม่สิ... ตราบใดที่ตัวยังไม่ล้มลงบนเตียงต่างหาก

     

                “มึงงงงง” เสียงเรียกยาน ๆ ทำให้คยูฮยอนหันไปมอง และไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เมื่อเขาจะถูกอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่จนเกือบเซ

     

                อะไรบางอย่างที่ว่านั่น... คยูฮยอนขอบอกว่ามันคือไม้เสียบลูกชิ้นมีชีวิตรึกัน

     

                “อึดอัด”

     

                “ตลอดอ่ะ ทำไมชอบหยาบคายกับที่รักอย่างนี้ล่ะคะ หืม ? ... โอ๊ยยยยฟัคยู กูเจ็บ”

     

                “นั่นคือสิ่งที่มึงควรได้รับแล้ว ดีใจซะ” พูดพร้อมหัวเราะออกมาหน่อย ๆ เมื่อเห็นใบหน้างำงอของเพื่อนสนิทต่างห้อง ที่โดนจับแยกเพราะเรียนคนละสาย แต่หากเลิกเรียนก็จะมีร่างแห้ง ๆ ของมันเนี่ยแหละเรียกเขาจากระยะสิบเมตรแล้ววิ่งเข้ากอดประหนึ่งผัวเมีย

     

                ลี  ฮยอกแจ เพื่อนสนิทที่ได้อยู่ห้องเดียวกันแค่ตอนม.1เท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาก็โดนจับแยกห้องกันตลอด ซึ่งคยูฮยอนก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดี เพราะต่อให้เราสนิทกับใครมากเท่าไหร่ แต่ถ้าใกล้ชิดกันเกินไปมันอาจจะกลายเป็นความน่าเบื่อได้

     

                กับฮยอกแจที่มาสนิทกันได้เพราะโดนเพื่อนทิ้งกันทั้งคู่ เพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันทิ้งเขาไปเล่นบาสทุก ๆ กลางวันในตอนม.1 ส่วนฮยอกแจก็โดนเพื่อนที่ซี้กันในวันปฐมนิเทศทิ้งไปเล่นบาสกับเพื่อนเขานั่นแหละ เลยเป็นเหตุให้ทั้งสองคนสนิทกันโดยปริยาย

     

                ถามว่าถ้าให้อยู่ด้วยกันทั้งวันจะโอเคมั้ย ? มันก็โอเคที่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทที่เราไว้ใจ แต่ถามว่าถ้านั่งเรียนด้วยกัน อยู่ห้องเดียวกัน ทำงานด้วยกันบอกเลยว่าล่ม กับเรื่องพวกนี้เขากับฮยอกแจจะไม่ค่อนกินเส้นกันเท่าไหร่เพราะความคิดของฮยอกแจมักสวนทางกันในเรื่องงาน และเคยเถียงกันขนาดตัดเพื่อนเพราะเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ

     

                คยูฮยอนจึงคิดว่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เจอกันหลังเลิกเรียนและกลับบ้านด้วยกัน เป็นอะไรที่เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขา

     

                “วันนี้กูมีเรียน” ร่างโปร่งบอกคนที่เดินขนาบข้างมาด้วย ก่อนจะหันไปทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน

     

                “โห...ลงเรียนแล้วหรอว่ะ กูยังไม่ได้ลงสักตัว มึงเรียนวันไหนบ้างเนี่ย ?”

     

                “ทุกวัน”

     

                “ห่าราก ทิ้งกูไง ไหนบอกจะกลับบ้านด้วยกันทุกวัน มึงมันปดเชื่อใจไม่ได้”

     

                “กูเรียนมั้ย ไม่ได้ทิ้งเพื่อนไปเดินแรดหอบถึงช็อปปิ้งกลับบ้านแทนกระเป๋าเรียนแบบมึง” เจอการประชดประชันที่ตรงเข้ากลางใจดำทำให้ฮยอกแจเบ้ปาก แน่ล่ะมันจริงทุกประการเลยเถียงไม่ออกไง

     

                “คยู!! รอด้วย ๆ ๆ ไปด้วยยยย” เสียงเรียกขัดสายตาดูแคลนที่กำลังส่งไปให้ฮยอกแจได้ไม่น้อย ร่างโปร่งหยุดเดินแล้วหันไปมองทงเฮที่กำลังสะพายกระเป๋าลวก ๆ แล้ววิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ เห็นแล้วก็สงสารเหลือเกิน

     

                “คยูมันไม่ได้กลับบ้านนะทงเฮ มันไปเรียนต่อ”

     

                “อื้อ รู้แล้ว เราก็ไปเรียนกับคยูไง” คำตอบนั่นทำเอาฮยอกแจอ้าปากค้าง ก่อนจะเปลี่ยนไปมองคยูฮยอนตาเขม็ง ร่างโปร่งเกาหัวตัวเองพลางเสมองไปทางอื่นอย่างยากลำบาก เอาแล้วกู...งานหยาบละ ฮยอกแจยังไม่รู้เรื่องที่ทงเฮเรียนกับเขานี่หว่า

     

                อืม...จะว่ายังไงดีล่ะ บ้านพวกเราอยู่ใกล้กันเวลากลับบ้านเลยกลับด้วยกันตลอดแต่บางทีผมก็กลับกับฮยอกสองคนเพราะทงเฮมันคนของประชาชนครับมีกิจกรรมให้ทำหลังเลิกเรียนตลอด แต่ตอนนี้ผมต้องไปเรียนกับทงเฮ ฮยอกแจก็เลยต้องกลับคนเดียว

     

                จริง ๆ ที่ไม่บอกเพราะว่า...

     

                “ย่าห์!!! พวกนายทิ้งเราหรอ!!!!

     

                มันจะโวยวายแบบนี้ไงครับ...

     

                “เอาน่า ไม่มีใครกล้าฉุดฮยอกหรอก” ทงเฮพูดอย่างขี้เล่นก่อนจะตบบ่าปุ ๆ ร่างเล็กเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ นี่คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังเขาหรอ

     

                “เกลียดนาย อย่ามาใช้รอยยิ้มแพรวพราวแบบนั้นนะ”

     

                “แล้วมันได้ผลมั้ยละ”

     

                “เพราะมันได้ผลเราเลยเกลียด T---T งอนมาก มึงด้วยอ้อยเตรียมตัวให้ดี คืนนี้กูจะโทรไปกวนประสาทมึง”

     

                “ตามลำบากเลย” ว่าตามนั้น ฮยอกแจก็ได้สะบัดบ็อบใส่พวกเขาและจ้ำอ้าวเดินไปหากลุ่มรุ่นพี่ที่กำลังหาแท็กซี่กลับอยู่หน้าทางเข้าโรงเรียนทันที

     

                โถ่... บอกทิ้งอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วนั่นอะไรล่ะครับ

     

                “เชื่อเขาเลย มนุษย์สัมพันธ์ดีเกินไปแล้ว” ทงเฮพูดขึ้นพลางมองไปที่ฮยอกแจที่ตอนนี้กระโดดขึ้นรถแท็กซี่ไปกับรุ่นพี่กลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้ว ถ้าจำไม่ผิดก็คุ้น ๆ ว่าจะเห็นเดินเตร็ดเตร่ในหมู่บ้านเขาเหมือนกัน

     

                “นายมีสิทธิ์พูดแบบนั้นด้วยหรอ”

     

                “อ่า... นั่นสินะ” ว่าแล้วก็เกาหัวอย่างเหมือนว่าขัดเขิน คยูฮยอนอยากจะโยนกระเป๋าใส่พวกสาวกทงเฮอปป้าที่ยืนกรี๊ด ๆ กันเป็นกลุ่มหลังต้นไม้นั่นจริง ๆ

     

                บทสนทนาระหว่างสองคนเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง พูดให้ถูกคือทั้งคู่แม่งพูดไม่เก่งพอ ๆ กัน แถมไม่ได้สนิทกันเหมือนคยูฮยอนกับฮยอกแจที่แทบจะฝากกันขี้ได้ แต่กับทงเฮก็รู้จักกันมาหลายปีแต่ก็บอกได้เลยว่าหลายปีที่ผ่านมาความเงียบมักเกิดขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองคน

     

                เคยไหมกับการไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายคุยอะไร ทั้งที่รู้จักเรื่องของเขาดีกว่าใคร แต่พอจะถามอะไรออกไปมันก็ดันคิดว่า ถามไปเพื่ออะไร ?

     

                คยูฮยอนกับทงเฮปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำจนมาถึงป้ายรถเมล์ ช่วงนี้คนไม่ค่อยเยอะเพราะส่วนใหญ่ก็กลับบ้านกันไปตั้งแต่บ่ายสามแล้ว มีแต่พวกสายวิทย์อย่างพวกเขาเนี่ยแหละที่ตอนเรียนยันห้าโมงครึ่ง ส่วนที่ฮยอกแจมันยังอยู่นั่นเพราะนั่งเม้าส์กับน้องรหัสมัน

     

                “จะไปรถอะไร ?” คยูฮยอนถามขึ้นพลางสายตาจ้องมองไปที่ถนนที่มีรถวิ่งผ่านให้ควัก มันก็มีสายที่เขาขึ้นเพื่อไปที่ตึกเรียนพิเศษได้อยู่หรอก แต่มันก็มีให้เลือกทั้งแอร์ ทั้งพัดลม ทั้งรถฟรี เขาก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาเลือกอย่างนี้ ทงเฮจะโอเคด้วยหรือเปล่า

     

                “แล้วแต่” นั่นไง... ตอบแบบนี้อีกแล้ว

     

                “ถ้างั้นคันไหนมาเราขึ้นเลยนะ ห้ามบ่นด้วย”

     

                “อื้ม” ยิ้ม...ยิ้มเข้าไป เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดจริง ๆ !

     

                ร่างโปร่งเบ้หน้าเมื่อเจอคำตอบสิ้นคิดจากอีกฝ่ายอีกแล้ว ทงเฮมักตอบแบบนี้เสมอเวลาเขาขอความเห็นอะไรสักอย่าง ทงเฮก็มักจะตอบว่าแล้วแต่ ๆ แต่พอเขาเลือกปุ๊บก็จะมานั่งบ่นทีหลังหน่อย ๆ ให้เขารู้สึกหมั่นไส้เล่น ๆ

     

                พรึ่บ

     

                คยูฮยอนเดินนำทงเฮเพื่อไปขึ้นรถเมล์แอร์คันสีเหลืองที่จอดไม่ได้ตรงป้ายเสียเลย -_- เป็นเหตุให้เขาต้องรีบวิ่งมาขึ้นก่อนจะโดนคนอื่นแย่งที่นั่งไปเสียก่อน

     

                “ข้างหลัง” ตากลมมองไปตามเสียงที่บอก ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งโดยมีทงเฮที่เดินตามมาเฉย ๆ ทรุดลงนั่นข้าง ๆ “ง่วง”

     

                แหมะ

     

                ไม่นานหัวทุย ๆ นั่นก็วางลงที่ไหล่ของคยูฮยอน ร่างโปร่งเบ้ปากใส่ทันทีเมื่อทงเฮเอาแขนเขาไปกอดเอาไว้ประหนึ่งหมอนข้าง และมันก็เป็นอย่างนี้ทุกที่ที่พวกเขานั่งข้างกัน

     

                ไม่ใช่แค่คยูฮยอนคนเดียวที่เป็นเหยื่อหมอนจำเป็นให้อีทงเฮ แต่ฮยอกแจก็เคยมาแล้วใครนั่งข้าง ๆ มันตอนมันง่วงนี่เตรียมตัวรับเคราะห์ได้เลย มันจะนอนพิงไหล่คุณจนชาจนกว่าจะถึงที่หมายนั่นแหละ

     

                ความเอาแต่ใจของทงเฮอีกอย่างหนึ่งที่คยูฮยอนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ผลักไสออกเพราะยังไงมนุษย์ทงเฮก็ยังคงใช้เขาเป็นหมอนให้มันอยู่ดีนั่นแหละ

     

              เพราะเป็นแบบนี้ไงคยูฮยอนถึงไม่ชอบ...

     

              อย่ามาทำให้แบบนี้นักได้ไหม...

     

                เราอุตส่าห์จะเลิกชอบแกได้อยู่แล้วเชียวนะ...

     

     

    .

    .

     

     

                ต่อให้พยายามจะตัดใจจากสิ่งที่เคยชอบมาก ๆ เท่าไหร่...

              แต่คำว่าชอบก็คือชอบ...

              หรือไม่จริง ?

     

                ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่คยูฮยอนเพิ่งรู้จักทงเฮ

     

                โดยมีฮยอกแจแนะนำให้รู้จัก

     

                ด้วยความที่พ่อแม่ไม่ค่อยว่างจะไปส่ง โรงเรียนก็เสือกมีกฎระเบียบฮาร์ดคอร์ต่างจากโรงเรียนชาวบ้านชาวช่องเขาว่าจะเข้าแถวตอน 07:20 น. ซึ่งสำหรับคนที่บ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนแบบคยูฮยอนมันถือเป็นเรื่องชิบหายอย่างหนึ่งในชีวิต

     

                คยูฮยอนต้องออกมารอรถที่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่ตีห้าครึ่งตั้งแต่ ม.1 เพราะก่อนถึงโรงเรียนเขามันจะมีสี่แยกที่ติดชิบหายชนิดว่านั่งจิบชากาแฟรอได้เลย ด้วยความที่ถนนเส้นนี้รถใช้เยอะกับการบริหารจราจรแปลก ๆ ที่ให้ผ่านไปแค่ไม่ถึงนาทีกับการติดไฟแดงอีกเกือบสิบนาที

     

                เลยเป็นเหตุให้ต้องออกจากบ้านเช้ามากเพื่อทำเวลาเผื่อตกรถติด ซึ่งแน่นอนว่ากับการนั่งแท็กซี่ไปมันคงเร็วกว่าเป็นไหน ๆ แต่ถ้าทำแบบนั้น ค่าขนมเขาคงหมดแต่เช้า

     

                แท็กซี่มั้ยมึง แชร์ ๆ กัน เนี่ยคนนี้อยู่หมู่บ้านเดียวกันเรา รุ่นเดียวกันด้วยเป็นฮยอกแจที่เสนอไอเดียพร้อมกับลากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแต่อยู่คนละห้องมาร่วมชะตากรรม ซึ่งคยูฮยอนก็ได้ทราบชื่อทีหลังว่าชื่อ อี ทงเฮ

     

                นั่นจึงเป็นที่มาของการรู้จักกันของพวกเขาทั้งสามคน ทงเฮเป็นคนพูดน้อย แต่ก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ตอนแรก ๆ เขาออกจะไม่ชอบด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวทำตัวเงียบ ๆ หยิ่ง ๆ แต่ก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ในสายตาเขาก็มีแต่คนชื่ออี ทงเฮเสียแล้ว

     

                คยูฮยอนไม่ได้เป็นเกย์และเขายังชอบผู้หญิงอยู่ แต่หากความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนใกล้บ้านนี่มันเริ่มแปลกไปเรื่อย ๆ อาจจะเป็นเพราะทงเฮชอบมาอาศัยไหล่เขานอนและกอดแขนเขาไว้แน่น ๆ เหมือนหมอนข้าง หรือเพราะเวลาเราเดินสวนกันทงเฮที่เขาเคยมองว่าหยิ่งกลับหยอกล้อกันเขาเหมือนรู้จักกันมานานซึ่งคยูฮยอนก็ทำได้แค่ยิ้มแก้เขินใส่ไป

     

                ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ใจเผลอไปเต้นแรงกับผู้ชายที่ชื่อ อี ทงเฮ

     

                “ทงเฮ จะถึงแล้วนะ” คยูฮยอนสะกิดคนที่นอนพิงไหล่ตัวเองอยู่พร้อมทั้งยักไหล่อย่างแกล้ง ๆ ทำให้คนหลับอยู่ขมวดคิ้วนิด ๆ แต่หากก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา “นี่ ! ตื่นได้แล้ว”

     

                “ก็ทำให้เราลุกสิ” นี่ไง เหตุผลที่ทำให้เขาเลิกชอบอีทงเฮไม่ได้ทักที !

     

                เพราะไอเตี้ยล่ำ(ปล้ำง่าย-.,-) นี่ชอบใช้คำพูดแบบนี้แหละ แล้วยังไงล่ะ มันก็ทำให้จิตใจของคนคิดจะตัดใจมันถูกดึงกลับมาอีกครั้งเนี่ยสิ คยูฮยอนบอกกับตัวเองรอบที่ล้านแล้วว่าจะไม่หวั่นไหวกับอีทงเฮอีกแต่แล้วยังไง สุดท้ายเขาก็โดนผู้ชายคนนี้ดึงกลับมายืนอยู่ที่เดิม

     

                “อย่างทงเฮรุกไม่ได้หรอก รับไปแหละดีแล้ว” ไม่รู้เอาความกล้าขนาดไหนมาเล่นมุขนี้กลับไป แต่เชื่อเถอะมันทำให้คนนอนอยู่ช้อนสายตาขึ้นมามองจนคยูฮยอนแทบหยุดหายใจ

     

                “งั้นอยากลองให้เรารุกดูมั้ยล่ะ ?”

     

                “...”

     

                “เงียบทำไม ลุกสิ ถึงแล้วไม่ใช่หรอ” คยูฮยอนถึงกับหลับตาปี๋เมื่อโดนอีกฝ่ายดีดหน้าผากก่อนจะปล่อยแขนเขาที่ก่อนหน้านี้กลายเป็นหมอนข้างจำเป็นแล้วสะพายกระเป๋าลุกหนีไปเลย

     

                บ้าเอ้ย นายมันบ้าที่สุดเลยอี ทงเฮ

     

                แล้ววันนี้คยูฮยอนจะเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ย...

     

     

    .

    .

     

     

                20:32 p.m.

     

                เพราะอี ทงเฮคนเดียวเลย...

              ตอนนี้ในหน้ากระดาษที่ควรจะเต็มไปด้วยวิธีคิดโจทย์เคมีของเขาถึงเต็มไปด้วยข้อความตัดพ้อเต็มไปหมด!

     

                ตากลมก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออย่างปกติ เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็จะเลิกเรียนแล้ว คยูฮยอนสัญญาเลยว่ากลับบ้านไปเขาจะไปกราบขอโทษพ่อแม่ที่อุตส่าห์ส่งเสียมาให้เรียนแต่กลับมานั่งเพ้ออะไรไม่รู้เต็มหนังสือไปหมด คยูฮยอน นายนี่มัน...

     

                พรึ่บ

     

                “...”

     

                ความรู้สึกเหมือนเดจาวูอีกครั้งเมื่อฝั่งตรงข้ามเขามีคนเดินเข้าเหมือนเมื่อวาน พร้อมกับนั่งลงหยิบหนังสือออกมาเรียบร้อย คยูฮยอนก้มลงมองนาฬิกาอีกรอบเผื่อตัวเองจะตาฟาดไป แต่ก็ไม่นี่มันเหลืออีกครึ่งชั่วโมงจริง ๆ

     

                เอาอีกแล้ว คนคนนี้จะมาเรียนทำไมกันเนี่ย(ถามตัวเองด้วยคยูเอ้ย)

     

                ร่างโปร่งทนนั่งเรียนไปด้วยความสงสัย เขายอมให้คนที่นั่งอีกฝั่งที่ตรงกับเขาเข้ามามีบทบาทในความคิด ทำไมคนคนนี้ชอบมาสายแถมยังสายชนิดว่าเอ็งอย่ามาเรียนเลย นี่ก็สองวันแล้วนะที่คนข้าง ๆ มาแบบนี้ ซึ่งคยูฮยอนไม่ค่อยชอบเด็กเรียนพิเศษที่ทำตัวแบบนี้สักเท่าไหร่(ตัดภาพไปที่หน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยข้อความตัดเพ้อ)

     

                ( “ค่ะ วันนี้ค้างไว้แค่นี้ อย่างลืมทำการบ้านทั้งห้องและห้องวิดีโอ...” )

     

                นี่แหละเสียงสวรรค์ของจริง

     

                คยูฮยอนยิ้มร่าก่อนจะเก็บของลงกระเป๋า ยังไงเขาก็อยากจะดูหนังหน้าของคนที่เข้าห้องครึ่งชั่วโมงสุดท้ายหน่อยว่ามันเป็นยังไง ร่างโปร่งจ้องยางลบไม่มีปลอกที่กำลังจะเก็บเข้ากระเป๋าครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ...

     

                โยนมันไปทางอีกฝั่งหนึ่ง

     

                “โอ๊ะ...” แถมแกล้งทำเสียงเหมือนมันหลุดมือซะด้วย ซุงแหลสัด ๆ เลยกู -_-

     

                ตากลมมองตามยางลบไม่มีปลอกที่มันเด้งไปไกลจนโอเวอร์เลยล่ะ คยูฮยอนกะระยะไว้แค่ตรงเท้าของอีกคนนะ แต่ทำไมมันเด้งไปข้างในเลยล่ะ เวรเอ๊ย

     

                จิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะรีบยัดทุกอย่างลงกระเป๋าและลุกหมายจะไปเก็บ ให้ตายสิ คยูฮยอนจะไม่ปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็น(ขี้เสือกนั่นเอง) เข้าครอบงำอีกแล้ว พอกันที ลาก่อย

     

                “คยู ไปยัง ง่วงแล้ว” เสียงดังไล่หลังมาทำให้คยูฮยอนยิ้มแห้ง ๆ กลับไป

     

                “แปปนึงนะ ทำยางลบตกอ่ะ”

     

                “อือ ไปรอหน้าห้องนะ” คยูฮยอนพยักหน้ารับและเดินไปตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขา

     

                อืม... ยังไม่ลุกไปไหนจริง ๆ ด้วย

     

                คยูฮยอนยืนมองอีกคนนั่งเอาดินสอเคาะหัวอีกแล้ว ทำยังไงดีล่ะ เหมือนว่าคนคนนี้กำลังใช้สมาธิขั้นสูงสุดอยู่เลยอ่ะ เห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่กล้าเรียกขัดหรอกนะ คยูฮยอนเข้าใจดีว่าเวลากำลังนั่งคิดโจทย์อะไรที่มันใกล้จะตีแตกอยู่แล้วและมีคนมาเรียกมันจิตหลุดขนาดไหน

     

                “มีอะไรรึเปล่า ?”

     

                “...” คยูฮยอนสะดุ้งหน่อย ๆ เมื่อจู่ ๆ คนที่ดูเหมือนจะนั่งคิดอะไรอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามเขาอย่างงง ๆ เหมือนจะรู้ตัวสินะว่าคยูฮยอนยืนรับแอร์อยู่ตรงนี้มาสักพักนึงแล้ว จริง ๆ คยูฮยอนก็เคยคิดเหมือนกันว่าแอร์ห้องนี้มันหนาวเกินไปหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา...

     

                โอเค คยูฮยอนกำลังหาเรื่องเบี่ยงประเด็น เขายอมรับ แต่จะให้ทำยังไงเมื่อไอคนจอมเลทที่เขานินทาในใจมาตั้งแต่เมื่อวานมันจะหน้าตาดีบัดซบขนาดนี้ !

     

                ให้ตายเถอะ แค่นักเรียนม.ปลายเองนะ ทำไมหน้าตาดีเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารขนาดนี้อ่ะ

     

                “อะ..เอ่อ.. เราทำยางลบตกแล้วมันกลิ้งไปข้างในน่ะ นายเก็บให้เราหน่อยได้มั้ย ?” อยากตบปากตัวเองสักล้านรอบ แทนที่คยูฮยอนจะบอกให้คนตรงหน้าช่วยหลีกทางให้เขาเข้าไปเก็บเองหน่อย แต่ปากกลับไปใช้ให้เขาเก็บให้ซะอย่างนั้น

     

                “ได้สิ” แต่คนคนนี้กลับยิ้มให้เขาและลุกขึ้นไปหยิบให้อีกต่างหาก

     

                คยูฮยอนมองอีกคนที่ยืนเต็มความสูงและเดินเข้าไปด้านในเพื่อหยิบยางลบให้เขา พลางเสตาไปที่หนังสือเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะ หนังสือทุกเล่มจะมีชื่อนักเรียนอยู่ที่ปกรองซึ่งแน่นอนว่านั่นคือจุดประสงค์ของคยูฮยอน

     

                ยังไงก็อยากรู้ว่าคนคนนี้ชื่ออะไร

     

                ให้ตายเถอะ ทำไมรู้สึกตัวเองบ้าบอขนาดนี้

     

                “อ่ะนี่ ทีหลังก็หาปลอกใส่ซะนะ” ยังไม่ทันจะได้เอื้อมมือไปแตะหนังสือเสียงคนตัวสูงก็เรียกให้คยูฮยอนรีบชักมือกลับทันที

     

                "ขะ..ขอบใจนะ" คยูฮยอนยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะรีบจัดการจับยางลบเจ้าปัญหายัดลงสักช่องในกระเป๋าและรีบเดินออกมาทันที

     

                ให้ตายสิ เขาคิดจะทำบ้าอะไรเนี่ย !

     

                อยากรู้จักเพื่อนร่วมห้องเรียนเล็ก ๆ นี่เพียงเพราะแม่งหน้าตาดีเนี่ยนะ คยูฮยอนแม่งโคตรเกย์เลย -_-

     

                ร่างโปร่งรีบสาวเท้าออกมาจากห้องด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก อยากจะลืมการกระทำของตัวเองไปเสียให้หมด แม่งเอ๊ย เมื่อกี้ต้องมีผีสางนางไม้มาเข้าสิงเขาแน่ ๆ เลย !

     

    "เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก" ทงเฮเอ่ยถามขึ้นทำให้คนที่โวยวายกับตัวเองในใจหลุดออกจากกังวล แล้วยิ้มให้หน่อย ๆ

     

    "เปล่า แค่ง่วงน่ะ" คยูฮยอนยิ้มอ่อนตอบไป อยากจะลืมการกระทำเกย์ ๆ ของตัวเองเมื่อกี้เหลือเกินที่อยากจะไปรู้ชื่อของชาวบ้านเขา รู้กันกันไหมก็ไม่ เพียงแค่เห็นว่าแม่งชอบมาสายกับหน้าตาดีนิดหน่อยก็อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด โธ่...ไม่น่าเลยคยูเอ้ย -_-

     

    "วันนี้เรียนไม่รู้เรื่องเลย"

     

    "แหงสิ หูฟังที่นายใส่ตอนเรียนมันคงช่วยให้เรียนรู้เรื่องได้อยู่หรอก พระอินทร์ว่ายังไงบ้างล่ะตอนนายไปเข้าเฝ้าน่ะ" พูดแซวออกไปและนึกถึงในคาบเรียนวันนี้ตอนที่สายตาเขาละจากจอและไปมองที่ทงเฮที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดติดกำแพงของอีกฝั่ง

     

    นึกขำขึ้นมาเมื่อนึกถึงภาพคนที่บ่นเรียนไม่รู้เรื่องแต่ในคาบคยูฮยอนเห็นเจ้าสายสีขาวที่เสียบอยู่ที่หูอีทงเฮเต็ม ๆ สองตา คยูฮยอนก็เข้าใจนะเนื้อหาวันนี้มันน่าเบื่อมากเพราะไม่ค่อยมีคำนวณ แต่คยูฮยอนยอมฟังหูสายทะลุหูขวาดีกว่าทำตัวชัดเจนอย่างอีทงเฮว่ากูไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแล้วใส่หูฟังนั่งกอดอกหลับใส่จอ

     

    "ล้อเลียนหรอ" โป๊ก.. นั่นไง ว่าไม่ทันไรก็โดนอีทงเฮมะเหงกลงที่หัวที่ปกคลุมไปด้วยผมฟู ๆ เบา ๆ

     

    จะว่าคยูฮยอนเป็นพวกมาโซก็ได้ แต่การกระทำแบบนี้ของทงเฮมันทำให้เขาต้องกลั้นยิ้มอย่างหนัก โจวคยูฮยอนเฝ้าถามตัวเองหลายครั้งว่าทำไมตนเองถึงได้รู้สึกดีกับบรรยากาศแบบนี้ นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เมื่อตอนทงเฮเอ่ยชวนให้ไปเรียนพิเศษรอบดึกด้วยกันคยูฮยอนจึงตอบตกลงทันที

     

    เพราะคยูฮยอนชอบที่จะอยู่กับทงเฮแบบนี้

     

    บอกกับตัวเองหลายครั้งหลายคราว่าให้เลิกชอบทงเฮได้แล้ว เจ้าตัวออกจะป๊อบปูล่าแถมยังมีคนมาเกาะแกะไม่ขาดสาย ถึงทงเฮจะเป็นพวกพูดน้อยตอนอยู่กับคยูฮยอนแต่พอได้ไปอยู่ในสังคมของตัวเอง คยูฮยอนบอกได้เลยว่าอีทงเฮถูกยกให้เป็นบุคคลเฟรนลี่คนนึงเลยล่ะ

     

    กับไอแว่นหัวฟูแบบเขาคงจะมีสิทธิ์อยู่หรอก

     

    "ไม่มีรถเลยแหะ" ร่างโปร่งพูดพึมพำออกมาเบา ๆ เมื่อมองไปที่ท้องถนนของเวลาสามทุ่มกว่าแล้วก็รู้สึกโล่งอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะมีแท๊กซี่จอดเทียบท่าอยู่พร้อมเปิดไฟว่างเชิญชวนให้คยูฮยอนกระโดดขึ้นขนาดไหน เขาก็ไม่สนหรอก

     

    "เขากลับบ้านหนีคยูหมดแล้วมั้ง"

     

    "...หนีเราก็ต้องหนีนายด้วยเพราะเรายืนอยู่ข้างกัน"

     

    "อ่าวหรอ เรานึกว่าเรายืนอยู่ข้างใจคยูเสียอีก"

     

    "...."

     

    "ไง มุขนี้ผ่านมั้ย มีรุ่นพี่คนนึงมาเล่นใส่เราด้วย ตอนได้ยินนี่อึ้งไปเลย" ร่างหนาพูดพลางหัวเราะลั่นป้ายรถเมล์ที่ไม่มีคน คยูฮยอนเบ้ปากแล้วเอามือเขกหัวอีกฝ่ายบ้าง

     

    ทำไมอีทงเฮเป็นคนแบบนี้นะ ทำไมชอบมาล้อเล่นกับใจของเขาอยู่เรื่อยเลย !

     

    "โกรธหรอ ?"

     

    "เปล่า เรานึกหน้าคนที่กล้าเล่นมุขเสี่ยวฝืด ๆ แบบนี้อยู่ ถ้าไม่มั่นหน้าก็คงใจกล้าน่าดู" พอหาเหตุผลมาอ้างความเฟลของตัวเองได้แล้วก็หันหน้าหนีไปมองถนนอีกทีทันที บ้าเอ๊ย เพราะอีทงเฮชอบทำแบบนี้ไง กับคนอื่นอาจจะตบหัวแล้วลูบหลังแต่กับมนุษย์อีทงเฮนี่คือการลูบหลังแล้วตบหัว

     

    "โอ๊ะ มาแล้ว ๆ " คยูฮยอนออกจากพะวังแล้วมองไปที่รถสีส้มแอร์ที่คุ้นเคย เลขสายนั้นเป็นตัวยืนยันให้เขาได้แล้วว่าคยูฮยอนกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว ร่างโปร่งเดินตามหลังทงเฮไปเพื่อขึ้นรถเมล์ที่มาจอดเทียบป้าย

     

    "โอ๊ะ เดี๋ยวครับ" คยูฮยอนร้องบอกรถเมล์ที่ทำท่าจะเคลื่อนออกไปทั้งที่คยูฮยอนยังก้าวไม่พ้นส่งผลให้ร่างเซไปด้านหลัง ให้ตายเถอะ นี่มันดึกแล้วนะจะรีบไปไหน !

     

    หมับ

     

    "ดูคนหน่อยสิครับลุง" คิดว่าหัวตัวเองจะได้ฟาดพื้นและตามมาด้วยยางรถยนต์ที่จนมาเหยียบเขาหัวแบะตามที่เห็นในช่องข่าวซะแล้ว แต่กลับมามือปริศนามารับเขาไว้จากด้านหลังเนี่ยแหละทำให้คยูฮยอนรู้ว่าสมองกลวง ๆ ของเขายังอยู่ดี

     

    คนที่เกือบสมองแบะหันไปมองหน้าเจ้าของมือแกร่งที่มารับตัวเขาไว้ ก่อนจะแปลกใจนิดหน่อยที่มันดันเป็นคนที่เขาแกล้งโยนยางลบใส่เมื่อกี้เพียงเพราะเหตุผลบ้า ๆ ที่อยากเห็นหน้าคนชอบมาสายอย่างไม่น่าให้อภัย

     

    "เดินขึ้นไปสิ" เสียงสั่งน้อย ๆ จากทางด้านหลังทำให้คยูฮยอนได้สติ ร่างโปร่งรีบก้าวขึ้นรถเมล์แล้วเอาบัตรแตะที่เครื่องทันที

     

    "โทษทีนะหนู"

     

    "อ่า.. ไม่เป็นระ.."

     

    "ทีหลังก็ระวังหน่อยนะครับ" คนที่ช่วยเขาไว้พูดขึ้น ลุงคนขับรถยิ้มเจือน ๆ ก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อ คยูฮยอนหันไปมองคนที่ช่วยเขาไว้เพื่อจะขอบคุณ

     

    "เอ่อ..นาย..ขอบคะ..."

     

    "รีบไปนั่งสิ เดี๋ยวก็ล้มอีกหรอก" คยูฮยอนหน้าเสียไปนิดหน่อยเมื่อตั้งใจจะขอบคุณอีกคนแต่ยังพูดไม่จบประโยคคนตรงหน้าก็พูดตัดบทก่อนจะทรุดตัวลงที่ที่นั่งเดี๋ยวที่ว่างอยู่

     

    อะไรของเขาเนี่ย ...

     

    คยูฮยอนมองตามอย่างไม่เข้าใจ แต่คนตัวสูงที่ตัวเองมองอยู่ตอนนี้ได้เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองด้วยการเสียบหูฟังไปเรียบร้อยแล้ว

     

    "มีอะไรหรอ ?" ทันทีที่เดินไปนั่งข้าง ๆ ทงเฮที่นั่งรอเขาอยู่ที่ที่นั่งสำหรับสองคนอยู่ด้านหลัง ร่างหนาก็เอ่ยปากถามเมื่อเห็นสีหน้าของคยูฮยอนเหมือนแมวหงุดหงิดไม่มีผิด

     

    "ไม่มีอะไรหรอก"

     

    "หรอ... นอนนะ" เหมือนทงเฮจะรู้ได้จากสีหน้าคยูฮยอนว่าตอนนี้ค่อนข้างจะหงุดหงิด เลยพูดขออนุญาตก่อนจะเอนหัวลงพิงที่ไหล่แล้วหลับตาพริ้มไปทันที แต่ดูเหมือนคยูฮยอนจะไม่มีอารมณ์มาเขินเหมือนทุกมีเพราะสายตาเอาแต่ต้องคนตัวสูงที่นั่งอยู่ช่วงหน้ารถ

     

    ก็แค่อยากจะขอบคุณ

     

    ทำไมต้องตัดบทกันด้วย

     

    น่าหงุดหงิดที่สุดเลย...

     

    .

    .

     

     

    วันนี้คยูฮยอนตั้งใจแล้ว

     

    ว่าจะขอบคุณไอตัวสูงจอมเลทนั่นให้ได้ !!

     

    เป็นอีกครั้งที่คยูฮยอนไม่ได้จดจ่อกับสิ่งในจอ สายตาเอาแต่จ้องไปที่ที่นั่ง B5 ที่ตอนนี้ยังไม่ทีคนมานั่ง ก้มลงองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้มันผ่านมาตั้งสองชั่งโมงยี่สิบนาที เหลืออีกสิบนาทีเขาก็จะเลิกเรียนแล้ว

     

    บ้าเอ๊ย

     

    ตั้งแต่ลงรถเมื่อวานคยูฮยอนที่ตั้งใจจะเดินไปเอ่ยคำขอบคุณ เจ้าตัวก็หลับพิงกระจกไปเสียแล้ว จะให้คยูฮยอนปลุกให้ตื่นมาฟังคำขอบคุณของเขาก็ใช่เรื่อง ช่างเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องมาเรียนคยูฮยอนคิดแบบนี้

     

    แต่มันก็ไม่เป็นแบบที่เขาคิด

     

    ( "พรุ่งนี้เราจะมาเฉลยกันนะคะ วันนี้ค้างไว้ที่ข้อนี้ก่อน กลับบ้านกันดีดีนะค้าาาา..." )

     

    จนครูปล่อยร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาก็ยังไม่มา

     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ !

     

    คยูฮยอนเก็บของใส่กระเป๋าอย่างเซ็ง ๆ นอกจากจะเซ็งเรื่องที่ทงเฮไม่มาเรียนเพราะติดทำการทดลองตอนเย็นกับเพื่อนแล้วเขายังต้องมาเซ็งเพราเจ้าของที่นั่งB5 ทีไม่ยอมรับคำขอบคุณจากเขาไม่มาอีกคนด้วยหรอ

     

    ขายาวก้าวออกจากห้องมาแล้วก็เดินลงบันไดตึกมาอย่างเซ็ง ๆ วันนี้เขาต้องกลับบ้านคนเดียว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก เพราะเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายร่างบางแบบฮยอกแจที่ควรจะห่วงเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ก็นะไอแห้งนี่น่ะรู้ตัวอีกทีก็บอกว่าตอนนี้อยู่ตรงส่วนนั้นส่วนนี่ของประเทศเสียแล้ว คยูฮยอนเลยปล่อยมันไปเพราะไอแห้งเรื่องเอาตัวรอดมันเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว

     

    เพี๊ยะ

     

    "เลิกตามเราสักทีเหอะ เรารำคาญ!!" เสียงมือกระทบใบหน้าดังลั่นไปทั่วลานจอดรถที่อยู่ใต้ตึก คยูฮยอนก็ดันเป็นคนเดียวที่เดินมาแถวนั้นเสียด้วย ให้ตายเถอะจะเรียกว่าโชคร้ายหรือเป็นกรรมที่ดันมาเป็นผู้รู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนี้ล่ะเนี่ย

     

    "ไอรีน"

     

    "เลิกมายุ่งวุ่นวายกับเรา ถ้านายยังทำตัวแบบนี้เราจะโกรธและเราไม่ต้องมาเจอกันอีก" คยูฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ก็มีผู้หญิงในชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายที่แสนคุ้นเคยเดินดุ่ม ๆ ออกมาจากลานจอดรถ สวยใช้ได้เลยแหะ... คยูฮยอนได้แต่อ้าปากค้างมองตามไปแต่พอหันกลับมากลับต้องอ้าปากกว้างกว่าเดิม

     

    "..."

     

    "นาย..." คยูฮยอนเอามือชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเสียมารยาทแต่หากดาวห้าแฉกที่ใบหน้าของคนตัวสูงหน้าหล่อที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คยูฮยอนหงุดหงิดในวันนี้มันทำให้เขาช็อคได้ไม่เท่ากับเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก

     

    ผู้หญิงคนนั้นแรงเยอะจังว่ะ

     

    ร่างสูงมองมาที่เขาก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าเดินไปอีกทาง คยูฮยอนทำหน้าเอ๋อแดกอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน นี่ไม่คิดจะพูดอะไรกับผู้เห็นเหตุการณ์หน่อยหรอ

     

    "นาย...เดี๋ยวสิ!!" ไม่ร่างสูงเดินไปไกลกว่านี้ คยูฮยอนรีบสาวเท้าวิ่งตามไปทันที ช่างมันเถอะ ไม่ว่าเขาจะเห็นอะไรมา แต่ตอนนี้เขาต้องทำความตั้งใจของเขาให้สำเร็จก่อน

     

    คยูฮยอนต้องพูดขอบคุณให้จบประโยคให้ได้ !

     

    "มีอะไรหรอ ?" คำถามเหมือนตอนเขาให้เก็บยางลบให้ไม่มีผิด คยูฮยอนเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองหน่อย ๆ ก่อนจะสูดหายใจแล้วพูดออกไป

     

    "เรา...ทำแผลให้มั้ย ?"

     

    "...."

     

    .....

     

    ...

     

    ..

     

    เอ๋...

     

    เดี๋ยวดิ

     

    เขาพูดอะไรออกไปเนี่ยยยยยยย

     

    ร่างโปร่งเบิกตากว้างกับคำพูดของตัวเอง เห้ย เดี๋ยวดิ เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้สักหน่อยนะ ! มันคงไม่ใช่เพราะพอเขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วบังเอิญไปเห็นเลือดที่มุมปากเลยเอ่ยออกไปแบบนั้นแทนคำขอบคุณหรอกนะ ให้ตายเถอะคยูฮยอน นายพูดอะไรออกไป

     

    "อะ..เอ่อ..คือ..."

     

    "ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก" ร่างสูงยิ้มกลับมาให้ก่อนจะโบกมือปฏิเสธหน่อย ๆ คยูฮยอนนึกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคนตรงหน้าไม่คิดว่าเขาเป็นบ้าหรือเป็นส้นตีนอะไรที่จู่ ๆ ก็เดินพรวดพราดเข้ามาจะทำแผลให้แบบนั้น

     

    ตอนนี้แหละที่เขาจะพูดคำว่าขอบคุณออกไป

     

    "ขอบใจนะ"

     

    "หือ ? เรื่องอะไรหรอ ?"

     

    "ก็... ที่เมื่อวานนายช่วยเราไว้ตอนเราหงายหลังจะตกรถไง" สีหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นนึกคิดนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยแทน

     

    "อ่า... เมื่อวานนี้คือนายหรอ ?"

     

    "... ก็เราเรียนเคมีห้องเดียวกับนายไง ที่วานให้นายหยิบยางลบให้น่ะ"

     

    "นายอยู่ในห้องนั้นด้วยหรอ ?"

     

     

    (())

     

     

    หน้าหมีอึ้งฉายอยู่บนในหน้าขาว ๆ ที่ประดับแว่นอันใหญ่ไว้ที่เบ้าตา คยูฮยอนควรจะทำสีหน้ายังไงดีที่รู้ว่าคนที่ทำให้เขากังวลเพราะยังไม่ได้เอ่ยคำขอบคุณเกือบทั้งวันนี่จำเขาไม่ได้ ให้ตายเถอะ ไอผู้ชายจอมเลทเอ๊ย คยูฮยอนอยากข่วนหน้าหล่อ ๆ นั่นจริง ๆ เลย

     

    "งั้น...นายคือคนที่เราเก็บยางลบให้เมื่อวานจริง ๆ ใช่มั้ย ?"

     

    "ไม่ใช่มั้ง บางทีนายก็ควรจะหัดจำหน้าเพื่อนร่วมห้องของนายที่นั่งถัดจากนายแต่ช่องไฟกั้นบ้างนะ" คำพูดประชดประชันถูกเอ่ยออกไปซะแล้ว -_- ต้องตบปากตัวเองอีกกี่รอบถึงจะพอกันนะ เวลาโมโหนี่ปากแม่งไวกว่าสมองทึกทีเลย ไอบ้าเอ้ย

     

    "อ่า... ถ้าไม่ใช่งั้นก็คงรู้จักกัน" คนตรงหน้าพูดอย่างขำ ๆ ทั้งที่รู้ว่าเขาประชดแค่ก็ยังจะตอบกลับมาแบบนั้น นอกจากมาสายแล้วยังกวนตีนอีกงั้นหรอ(เกี่ยวอะไรกัน) "งั้นฝากบอกคนที่ทำยางลบตกด้วยนะว่า เราชื่อ ชเว ซีวอน"

     

    "หา ?"

     

    "และก็บอกอีกว่าถ้าอยากรู้ชื่อเราทีหลังไม่ต้องปายางลบมาก็ได้  มันลำบากตอนเก็บนะ แค่นี้แหละ ขอบใจมากกลับบ้านดีดีล่ะ"

     

    "...."

     

    อึ้ง - แดก ...

     

    คยูฮยอนยืนมองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายที่เดินไปคนละทางกับป้ายรถเมล์ที่ต้องใช้ขึ้นกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานมันยังนั่งรถสายเดียวกับเขาอยู่เลยแล้วทำวันนี้เดินไปทางนั้นล่ะ หรือว่ามีธุระอะไรตอนสามทุ่มครึ่งแบบนี้

     

    สามทุ่มครึ่ง...

     

    "เหี้ย!" ได้สติปุ๊บก็รีบสาวเท้าข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถกลับบ้านให้ตายสิ นี่มันดึกมากแล้วนะถึงบ้านละโดนคุณนายด่าแน่ ๆ

     

    โอเค คยูฮยอนกำลังหาเรื่องเบี่ยงประเด็นอีกแล้ว

     

    ไอสูงนั่นรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากรู้ชื่อมัน

     

    โอ๊ย ไม่มีอะไรน่าอายกว่านี้อีกแล้วอ่ะ มันรู้ได้ยังไงว่ะ คยูฮยอนคิดว่าเขาโยนเนียน ๆ แล้วนะ อีกอย่างถึงรู้ว่าคยูฮยอนจงใจโยนยางลบแล้วรู้ได้ยังไงว่าคยูฮยอนอยากรู้ชื่อ

     

    ไม่เข้าใจเลยยยย เจอคนรู้ทันแบบนี้ไปไม่ถูกเลยจริง ๆ

     

    คยูฮยอนจะลืมบ้างว่าไอบ้า B5 จอมเลทชื่อ ชเว ซีวอน !!

     

     

     

    TO BE CONTINUE…

    แกจำไปแล้วไม่ใช่หรอไงคยู้...

    เป็นไงบ้าง ชอบแนวประมาณนี้กันมั้ย อยากเขียนแนวมัธยมบ้างไม่มีไรมากกกกกก

    ไปเข้าค่าย4วัน อยากอัพใจจะขาดถึงตัวจะอยู่ไกลแต่ใจอยู่ที่เธอนะ ฮิ้ววว

    ไว้มาต่อว่าสองคนนี้จะรักกันยังไง เรื่องนี้เราไม่ดราม่านะ สาบานเลย

    หวานมดขึ้นทะลุทะลวงตับไตไส้พุงแน่นอน *โปรยน้ำตาล*

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×