ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seal มนตราแห่งเนตรสีเพลิง : :

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 16 : The dark magic ‘s village [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 145
      0
      16 มิ.ย. 52

     

    Chapter 16 : The dark magic ‘s village

     

                    อ่า...ก็ปกติดีนี่ เมลิซ่าและเอลิซ่าได้มาถึงเขตที่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้าน แล้วกวาดสายตามองดูโดยรอบก็พบว่าหมู่บ้านนี้นั้นก็เป็นเหมือนหมู่บ้านธรรมดา ๆ ทั่วไปไม่เห็นมีอะไรที่ผิดแปลกไปเลย

                    ชั้นว่าพวกเรากลับไปบอกพวกนั้นกันเหอะ ว่ามัน.....ไม่มีอะไรเลย เมลิซ่าพยักหน้าให้กับเอลิซ่าก่อนจะค่อย ๆ ทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเงียบอย่างถึงที่สุดแล้วออกตัวพุ่งด้วยความเร็วสูงราวกับการกระพริบตาครั้งหนึ่งแล้วสิ่งตรงหน้าได้หายไปจากสายตา เพราะความเร็วยิบตาของทั้งสอง

     

                    แสดงว่า...พวกเราคิดมากกันไปเองงั้นหรอเรื่องของหมู่บ้านนั่นน่ะ อืม..... ทั้งสามเริ่มใช้ความคิดอีกครั้งหลังจากที่เมลิซ่าและเอลิซ่ากลับมา

                    ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ ซินเซียและเอเรียต่างพยักหน้าอย่างเนือง ๆ แต่คนอย่างซินเซียก็อดสงสารเหมือนเดิมไม่ได้ว่า..มิติแบบนี้จะมีหมู่บ้านธรรมดา ๆ ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างนั้นหรอ!?

                    ทั้งสามเดินมาตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน  แต่เท้าของพวกเขาก็ต้องชะงักเพราะความลังเลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วคลี่ยิ้ม

                    ไม่ลอง ก็ไม่รู้หนิเนอะ

                    อื้ม!! ” ซินเซีย เอเรียและเซย่าต่างพร้อมใจกันกล่าวก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปยังหมู่บ้านตรงหน้าอย่างไม่ลังเล

                    กึก!! เอเรีย ซินเซียและเซย่าได้ก้าวเข้ามาในเขตหมู่บ้านแล้ว ทั้งสามหยุดยืนแล้วหันมองดูรอบ ๆ ด้านหน้าเมืองดูเงียบจนดูผิดปกติ

                    ...ถ้าเป็นหมู่บ้านมันต้องมีคนคับคั่งกว่านี้ไม่ใช่หรอ??  นี่มันอย่างกับเมืองร้างยังไงยังงั้นเลยนะ!?...

                    ตึก ๆ ๆ ๆ พื้นดินสั่นสะท้านเหมือนแผ่นดินจะไหวทั้งสามหันไปมองทั่วสารทิศก่อนจะมีสิ่งที่คล้าย ๆ ทีวีจอยักษ์ฉายภาพอยู่บนผืนฟ้าสีครามขาว ปรากฏให้เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่งมองผ่านบางสิ่งบางอย่างมาทางพวกเธอก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างแสยะแล้วปัดผมที่คลอเคลียอยู่บริเวณต้นคอไปทางด้านหลัง

                    นัยน์ตาของเธอที่อยู่ในภาพที่กำลังเริ่มเคลื่อนไหวนั้นจับจ้องมาทางพวกเธอก่อนจะเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหลมเล็กแต่แฝงถึงอำนาจในเสียงนั้น

                    เด็กสาว เด็กสาว ผู้ใสซื่อ   ช่างโง่เขลาอะไรขนาดนี้    เจ้าก้าวข้ามเขตแดนแห่งทิวาและราตรี  เพื่อจะโดนกักขังตลอดกาล  ข้าจะกล่าวให้พวกเจ้าได้รู้...กระจ่างแจ้งถึงคำขาน   ไปกับประวัติศาสตร์แห่งเมืองนี้  แต่กาลเดิมที่เคยมี   นั้นคือความอุดมสมบูรณ์ของแมกไม้นานาพันธุ์  ตอนนี้เป็นดั่งที่พวกเจ้าเห็น  ว่ามันกลับกลายเป็นเมืองร้าง  ด้วยอาคมวิชามาร  ของข้าผู้มีความงามเป็นนิรันดร์….

                    ต่อแต่นี้ข้าให้เวลาพวกเจ้าอีกเพียงสองยามในการออกจากเมืองร้างแห่งนี้ จงใช้ความสามารถทั้งหมดที่เจ้ามีเพื่อจะผ่านด่านแรกของเกมข้า  หากเพลาเลยสองยาม พวกเจ้าจะถูกกักขังตลอดกาล... ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ทำให้ข้านั้นผิดหวัง...

                     อ้อ..ใช่ นี่เป็นเพียงแค่ภาพบันทึกของข้าถึงพวกเจ้า  เพราะตอนนี้ตัวข้าคงร่ายมนตร์สะกดแก่ชายงามทั้งห้าคน ด้วยความงามสุดจะบรรยายหากใครได้ยลแล้วกระมัง  หากปรารถนาจะช่วยพวกเขา   พวกเจ้าก็จง....ปราชัย!

                    ชิ!! ยัยอสรพิษโอเลี้ยน เอเรียสบถออกมาหลังจากที่ภาพบันทึกของโอเลี้ยนหายไปจากบนผืนนภาสีครามที่แลดูเหมือนโลกแห่งความจริงที่จากมา...

                    แย่แล้วล่ะเอเรีย!  ซินเซีย! มันมีบาเรียแล้วก็วิถีผนึกโอบล้อมหมู่บ้านนี้ไว้  ทำให้เราออกไปไม่ได้!! ”

                    ฮะ!! ว่าอะไรนะ เซย่ามองดูรอบ ๆ วิถีผนึกเป็นการผนึกโดยใช้พลังเวทย์ชั้นสูงผู้ที่จะสามารถใช้เวทย์ได้ระดับนี้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังเวทย์สูงมาก ๆ ไม่อย่างนั้นวิถีผนึกนี้คงจะไม่แข็งแกร่งมากขนาดนี้เป็นแน่

                    เอเรียตบหน้าขาขวาของตัวเองอย่างหัวเสีย  คิ้วของซินเซียขมวดเข้ามาหากันอย่างใช้ความคิดมือขวาพลางลูบบริเวณริมฝีปากไปพลาง

                    ...จะเอาไงดีล่ะเรา มันต้องมีปริศนาบางอย่างสิ...ปริศนาที่จะทำให้เราปลดผนึกและทำลายบาเรียนี่ลงได้?... ซินเซียหันไปมองเอเรียที่ตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวเสียอย่างรุนแรง

                    ซินเซียเดินไปแตะบ่าเอเรียให้เธอใจเย็นลง

                    ใจเย็นก่อนเอเรีย ท่าเราอารมณ์เสียจะทำให้ปริศนายังมืดบอด เอเรียค่อย ๆ นิ่งลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

                    ขอบใจซินเซีย ชั้นไม่น่าอารมณ์ร้อนจริง ๆ แหละ  เหอะ ๆ ทั้งสองยิ้มให้กัน

                    เซย่าเดินมาสมทบกับทั้งสองอย่างหน้าเครียด

                    ทำไมไม่มีเงื่อนงำอะไรเลยนะ...ที่รู้ก็แต่ว่าพลังของยัยชาเย็น โอเลี้ยงอะไรนั่นแข็งแกร่งมาก เอเรียกับซินเซียถึงตอนนี้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดก็จริงแต่ก็อดขำกับคำเปรียบเปรยของเซย่าไม่ได้

                    ...โอเลี้ยง งั้นหรอ คงเข้ากับยัยแม่มดอสรพิษนั่นดีนะ ฮ่า ๆ ....

                    ซินเซียเดินไปยังเขตของบาเรีย แล้วมองมันอย่างเซ็ง ๆ เพราะถึงแม้เธอจะสามารถพังบาเรียลงไปได้แต่อาคมเขตของโอเลี้ยนก็ยังไม่ถูกปลดผนึกอยู่ดี

                    อ๊ะ! นี่มัน... เธอเพ่งมองที่รอยขีด ๆ บริเวณโขดหิน

                    มีอะไรหรอซินเซีย..? เอเรียและเซย่าวิ่งเข้าไปหาเธอที่กำลังเพ่งและพยายามทบทวนความทรงจำทั้งหมดของตัวเองอยู่

                    ชั้นเคยเห็นมัน  ตอนนั้น....ใช่แล้ว! นี่มันเป็นอักขระโบราณสำหรับเขียนวงเวทย์แต่มันได้ถูกเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยก่อนยุคไดโนเสาร์เสียอีกเหมือนกับที่คีตาอ่านเมื่อตอนนั้น! อา...คีตา ซินเซียก้มหน้าลงอย่างเศร้า ๆ เมื่อคิดถึงหนึ่งในชายทั้งห้าที่ถูกโอเลี้ยนจับตัวไปนั่นก็คือ คีตา

                    เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งอย่างคิดอะไรออก

                    อย่างงี้นี่เอง! ถ้าเรารู้ความหมายของอักขระนี่มันก็จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้พวกเราปลดผนึกมันได้ คีตาน่ะ หมอนั่นอ่านภาษานี้ออกแถมยังเข้าใจอีกต่างหากแต่มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับชั้นเนี่ยสิ.... เซย่ากับเอเรียหันไปมองหน้าซินเซียเป็นตาเดียวอย่างลุ้น ๆ

                    แล้วเธอกับคีตารู้ได้ไงว่าไอ้ขีด ๆ เนี่ยเป็นอักขระอ่ะ...พวกเรางง +__+?? ซินเซียพยักหน้าให้ทั้งสองก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ

                    ชั้นเคยเรียนตอนสมัยเด็กน่ะ แต่ว่ามันหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์แถมยังเป็นตั้งยุคก่อนไดโนเสาร์อีกมันก็เลยค่อนข้างจะก้ำกึ่ง  ข้อมูลเกี่ยวกับพวกนี้มันเลยขาดหายไปมากเหมือนกับผ้าที่ถูกตัดแหว่งเลยก็ว่าได้  แต่ถ้าเป็นคีตาน่ะ..ชั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหมอนั่นถึงรู้ได้แถมยังเข้าใจมากกว่าชั้นอีก  ทั้ง ๆ ที่บนโลกใบนี้  น่าจะมีคนที่รู้ความหมายของอักขระนี้เหลือเพียงชั้นคนเดียว..... นัยน์ตาสีฟ้าขุ่นมัวลงเพราะนัยน์ตาที่แท้จริงนั้น บัดนี้ได้กลายเป็นสีเพลิงแดงฉานจึงทำให้คอนแท็กซ์เลนส์สีฟ้านั้นขุ่นมัวลง

                    นับแต่อดีตในครั้นเยาว์วัยของซินเซีย เธอได้เล่าเรียนวิชาการอ่านภาษาและอักขระต่าง ๆ นับไม่ถ้วนเพราะชนเผ่าซีลนั้นเชื่อกันว่าหากผู้รู้นั้นรู้มากเราจะเข้าใจข่าวสารของกาลเวลาที่ตกทอดมาถึงเราได้จึงจำเป็นสำหรับบุคคลสำคัญที่จะขึ้นเป็นเทพีของเผ่าซีลอย่างเธอ

                    เหตุที่ซินเซียได้ทราบอย่างกระจ่างแจ้งว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าใจในอักขระต่าง ๆ ได้ดีกว่าใคร ๆ เป็นเพราะ....เผ่าของเธอได้ล่มสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

                   

                    ....โอ้ บุตรสาวหรือบุตรชาย  แห่งเทวา  ข้าเป็นคนนำข่าวสารนี้มาส่งให้  เนื้อความสารนั้นเป็นดั่งปริศนาหรือมิใช่  ก็จงประจักษ์ด้วยตน  ต่อแต่นี้...

                    ......กาลเวลาเป็นตัวชี้ถึงเหตุการณ์  นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ปริศนาที่เจ้าต้องการหามีไม่ จงย้อนคิดสิ่งที่เจ้านั้นได้มองข้าม  จงเพ่งใช้ด้วยนัยน์ตาคู่อันงดงาม   เป็นสีเพลิงนั้นแดงฉานแลน่าดู......

                    อะไรกันเนี่ย ไม่มีปริศนาแต่ให้ใช้ตามองงั้นรึ?

                    ...ดวงเนตรสีเพลิง...  คงจะต้องถอดคอนแท็กซ์ออกก่อนแล้วสิ แล้วต้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดอีก เฮ้อ..

                    ฉันหันไปมองดูเซย่าและเอเรียที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงเวลาแล้วสินะที่จะต้องบอกความจริงให้รู้...

                    นัยน์ตาสีฟ้าของคอนแท็กซ์เลนส์ได้ถูกถอดออกเหลือเพียงเนตรสีเพลิงแดงฉานจับจ้องมองไปที่เพื่อนสาวทั้งสอง  แสงสีทองเรืองรองพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอไปทุกทั่วสารทิศ  เรือนผมสีดำที่ต้องแสงเมื่อครู่ได้ผลัดเปลี่ยนเป็นสีเพลิงดุจนัยน์ตาคู่นั้นที่ส่องประกาย ผิวกายกลายเป็นผิวขาวขลับมีออร่าสีทองอยู่ล้อมรอบ  ริมฝีปากสีแดงเหยียดยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเอ่ยปากพูด

                    ขอโทษนะ...ที่ต้องปิดบัง เอเรียและเซย่าต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอกับภาพที่เห็นตรงหน้า

                    ซะ...ซะ.....ซินเซีย  เธอเป็นใครกันแน่!? ”

                    จริง ๆ แล้ว...ชั้นเป็นผู้สืบทอดของชนเผ่าซีล ทั้งสองต่างมองหน้ากันก่อนจะเริ่มนึกทบทวนจากสิ่งที่เคยเรียนมาแล้วเมื่อนึกออกทั้งคู่ก็ได้แต่เบิกตาโตกว้างเท่าไข่ห่านเพราะจากสิ่งที่ได้เรียนมาชนเผ่าซีลเป็นต้นแหล่งกำเนิดของเวทย์และอาคมทุกแขนงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเทพไท้ผู้ทรงดลบันดาลสิ่งต่าง ๆ ได้ดั่งใจนึก!?

                    หา!!??? ” ทั้งสองอุทานขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่มีการนัดแนะใด ๆ ทั้งสิ้น

                    เอเรีย  เซย่าตอนนี้ชั้นขอร้องให้พวกเธอช่วยกันสร้างบาเรียห่อหุ้มตัวเองไว้แล้วอย่าให้บาเรียถูกทำลายลงได้นะควบคุมมันให้ดี ๆ ....ชั้นต้องขอตัวก่อนล่ะ! ” สิ้นเสียงของซินเซียเธอก็เผยปีกออร่าสีขาวประกายทองออกมาจากแผ่นหลังแล้วทะยานขึ้นไปยังใจกลางของเมือง แล้วรวบรวมออร่าไปยังนัยน์ตา

                    อ่า.... อักขระเวทย์โบราณเป็นสีทองไหลเวียนอยู่ลายล้อมรอบบาเรีย

                    ...นั่นไง! วิถีปลดผนึกอาคมของโอเลี้ยน!!...  ภาพของอักขระไหลเวียนผ่านแววตาของซินเซียสลับซับซ้อนไปมา  ซินเซียหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเริ่มขยายออร่าให้เป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเธอเป็นวงกลมแล้วตีเป็นวงกว้าง

                    วิถีปลดผนึกระดับ 4  เอดิราเร   เซ็ม (sem) บัง (bun) เร (re) ซาน (san) ชี (shie) คิ (ki) ซัง (san) เนะ (ne) รา (ra) เค (kae) ชิ (shi) นะ (na) เซ็ม (sem) นิ (nii) โช (sho) !! ”

                    วืบบบบบบบบบบ....................  เพล้งงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!

                    แสงสีขาวสาดส่องไปโดยรอบ  อาคมของโอเลี้ยนถูกปลด  บาเรียถูกแรงสะเทือนจากการปลดผนึกทำให้ถูกทำลายลง  ออร่าขนนกสีขาวเป็นประกาย ลอยลงมาเรื่อยเรื่อยจนแตะกับพื้น  ซินเซียหลังจากที่ใช้พลังไปกับการปลดผนึกตอนนี้ได้หมดสติลง แล้ว ดิ่งลงมายังพื้นตามแรงโน้มถ่วง

                    เอเรียและเซย่าที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ตลอดนั้นทำลายบาเรียของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปหาซินเซียที่กำลังดิ่งลงมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองรีบร่ายเวทย์ไปประคองรับร่างของเธอไว้  ร่างของหญิงสาวเรือนผมยาวสีเพลิง นัยน์ตากลมโตพริ้มลงอย่างอ่อนเปลี้ยเต็มกลืน ริมฝีปากสีแดงสดเม้มติดชิดกัน ผิวพรรณขาวอมชมพูขลับความงามให้น่าดึงดูดใจ  ประสาทสัมผัสของเธอในตอนนี้ได้เหนื่อยอ่อนเต็มที....

     

                    อั่ก!!! ” ขณะที่โอเลี้ยนกำลังจะก้าวเดินไปประชิดตัวคีตา เทพและเซลาฟซ์ จู่ ๆ เลือดก็เกิดไหลอาบเศษ 1 ส่วน 4 ของหน้าเธอ 

                    เธอใช้นิ้วชี้แตะเลือดที่กำลังไหลอยู่ก่อนจะนำมันมาเลีย แล้วใช้มืออีกข้างเสยเรือนผมของเธอขึ้น

                    หึ ๆ ทำเราซะแสบเลยนะเจ้าหนูน้อยเอ๋ย ใช่ว่าจะไร้น้ำยาซะทีเดียวนี่....บังอาจปลดผนึกอาคมของข้า! แถมยังเร็วเกินคาดอีกด้วย!! ” ชายหนุ่มทั้งสามที่ยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโอเลี้ยน แต่เมื่อฟังจากคำพูดของเธอ พวกเขาคงเดาได้ไม่ยากว่า ซินเซีย เซย่าและเอเรียนั้นยังปลอดภัยอยู่!

                    ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างรู้ ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้พวกเขาจะต้องทำอะไรต่อไป!

                    ....ได้โอกาส!  ต้องหาวิธีแหกคุกนรกนี่แล้ว!!!....

                    ซินเซีย  ยัยโง่นั่นจะเป็นไรมั้ยนะ...?  คีตาได้แต่แค่คิด....แค่คิดเท่านั้น

     

                    แสงนวลผ่องจากจันทราในยามราตรีนี้ทำให้เกิดเห็นเงาตกทอดของหญิงสาวทั้งสาม...

                    ซินเซียยังคงหมดสติอยู่ในเวทย์รักษาของเซย่า  เอเรียนั่งชันเข่าอยู่ข้าง ๆ ซินเซียที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นพลัง

                    เป็นไรไปเอเรีย

                    ป่าวหรอกเซย่า ชั้นแค่เป็นห่วงซินเซียน่ะเพราะพลังที่เธอใช้ปลดผนึกอาคมของโอเลี้ยนมันทำให้ตายได้ในทันทีเลย  มันมากกว่าปริมาณพลังของพวกเราที่มีกันอยู่ถึงประมาณ 10 เท่าเลยนะ.. หลังจากที่เอเรียลองกะประมาณพลังของซินเซียอย่างมีหลักการแล้วก็ต้องทำให้เธอตกใจมากกับสิ่งที่ซินเซียใช้พลังไปมหาศาลเกินกำลังขนาดนั้น

                    กรี๊ดดดดดดด!!!! ” เซย่ากรีดร้องกับภาพเบื้องหลังของเอเรีย  เอเรียหันขวับมองไปด้านหลังก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเธอต้องพบกับ.....กระต่ายสีดำขนฟูบนหัวมีเขาเหมือนม้ายูนิคอร์น!?

                    น่ารักจังเลย >///<!! ”เซย่ากระโดดข้ามเอเรียแล้วโผเข้ากอดกระต่ายตัวนั้น

                    -  -** เอเรียมองหน้าเซย่าอย่างค้อน ๆ แล้วหันไปมองกระต่ายสีดำที่อยู่ในอ้อมกอดรัดฟัดเหวี่ยงของเซย่า

                    ....กะอีแค่กระต่ายตัวเดียวทำไมต้องกรี๊ดกร๊าดอย่างกับเห็นหมูคลอดลูกเป็นไดโนเสาร์แล้วร้องเหมียว ๆ ยังไงยังงั้นด้วยฟะเนี่ย -*-.....

                    กระต่ายที่ถูกเซย่ากอดอย่างกับเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายของเธอ มันมองมาที่เอเรียแล้วทำตาโตสีดำใสแป๋วก่อนจะกระดิกหูซ้ายของมัน

                    เอเรียจ้องมันกลับด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์จากการที่เซย่ากรี๊ดซัดไปหลายเดซิเบลใส่หน้าเธอเพราะไอ้กระต่ายหน้าตาแอ๊บแบ๊วตัวนี้!!

                    มันผงะกับสายตาของเอเรียที่ดูจะอาฆาตมันเสียเหลือเกิน

                    ผมทำอะไรให้พี่สาวโกรธหรอครับ TT^TT ”

                    กระต่ายพูดได้!!!! ” เซย่าและเอเรียถึงกับต้องอุทานขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจและตกอยู่ในอาการเหวอสุดใจ เซย่าที่อุ้มกระต่ายตัวนั้นอยู่มองมันอย่างตาไม่กระพริบ ส่วนเอเรียจ้องมันมากกว่าเก่าอย่างอึ้ง ๆ

                    ....O[      ]O!!!!.....  กระต่ายพูดได้!!!??????

     

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เอิ่มมมม ........

    ไม่มีไรจะกล่าวค่ะ TT^TT นอกจาก...

    ขอโทษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษ

    จริงๆๆค่ะ แงๆๆๆๆ  ช่วงปิดเทอมรอยต่อเปิดเทอม  ต้องไปเข้าค่ายอัจฉริยะภาพเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม+พอเปิดเทอมมา

    งานก็มาแบบไม่เว้น  อาจารย์ให้แบบเออ....ไม่เห็นใจเด็กเลย

    ต่อด้วย....>> อีก2สัปดาห์กับการเชียร์+ซ้อมเชียร์กีฬาอาวุโสระดับโลก =  =""

    เอิ่มมมมมมมมมม นะ...........

    ทำม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยๆๆๆๆๆๆ

    แงๆๆๆๆๆๆๆๆ  ก่อม็อบประท้วงกันเทอะ...

    และในตอนนี้มุกพึ่งเคลียร์งานเสร็จไปเลยสามารถแตะคอมได้...

    เพราะคุณพ่อบังเกิดเกล้ากล่าวไว้ว่า....

    "หากเจ้าทำงานไม่เสร็จก็อย่าหวังว่าจะได้สัมผัสคอม...." เอิ่มมม แล้วพอเราทำเสร็จก็บอกต่ออีกนะว่า....

    "ห้ามเล่นคอมตอนกลางคืนในวันที่มีเรียน TT^TT"

    เอิ่มมม นะ....

    ฮืออออออออออออๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ในที่สุดเราก็อัพแว้วววว

    เดี๋ยวจะไปปั่นบทต่อไปก่อนเน้อออออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×