ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERFADIAR มนตรามายาธาตุ

    ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบทแห่งการเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 52


    1

    ปฐมบทแห่งการเริ่มต้น

     

    แกแน่ใจแล้วเหรอ

    แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก

    โอ.เค. ถ้าแกแน่ใจแล้ว แกจะไปก็เรื่องของแก แต่ถ้าหากแกสอบเข้าที่นั้นไม่ได้ละก็...ตาย!เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นทำให้บุคคลที่อยู่ตรงหน้าสะดุ้งด้วยน้ำเสียงนั้น

    ครับ ท่านแม่มาเลียน่าน้ำเสียงที่ดูหวาดกลัว แต่เจือปนไปด้วยความหยอกล้อรับคำ

    เอ่อ! พาซาส ที่แกว่าโรงเรียนไอเซนดรงไอเซนดรูก์ของแก มันจะดีกว่าโรงเรียนแถวๆบ้านเรานะ มันดีกว่าตรงไหน มาเลียน่ากล่าว นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองไปยังร่างสูงโปร่ง170 เซนติเมตรโดยประมาณ ผิวสีแทนที่อยู่ตรงหน้า เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล ผมสีดำสนิทที่ดูหยุ่งเหยิงราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสหวีมาก่อน

    ก็ตรงที่ครูสอนเวทมนต์ ของโรงเรียนไอเซนดรูก์นะเค้าสอนดีนะพาซาสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองดูผู้ที่เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้นางจะไม่ใช่มารดาที่แท้จริงของพาซาส แต่เขาก็รักและหวงแหนนางดุจเป็นมารดาที่แท้จริง ร่างที่ดูโทรมไปตามกาลเวลาแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้นั้นกลับฉายแววอบอุ่น เช่นเดียวกับผมสีนิลดำแซมขาวเล็กน้อยที่ยาวถึงกลางหลัง

     “อีกอย่างโรงเรียนไอเซนดรูก์น่ะแม่ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา ที่นั่นมีนักเรียนที่มีความสามารถเหมือนผมเข้าทุกรุ่นเลยน่ะ”

    “ไม่ความสามารถบ้าๆนั่นน่ะเหรอ”มาเลียน่าถาม ไอ้ความสามารถใช้เวทมนต์โดยไม่ใช้คทานั่น ทุกๆปีจะมีเด็กที่เกิดพร้อมกับความสามารถนั่นประมาณสามสิบคน และทั้งหมดก็จะได้รับการเชิญเข้ารับการทดสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนไอเซนดรูก์ เมื่ออายุครบ 15 ปี มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้นถึงจะผ่านการทดสอบอันแสนโหดนี่ได้ และไอ้ลูกชายของเราก็ยังฝันสูงซะด้วย

    “แล้วถ้าเกิดแกเข้าเรียนไม่ได้ล่ะ”

    “เรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกที”พาซาสเอ่ยยิ้มๆ ใบหน้าคมคายมองมาที่ผู้บังเกิดเกล้าที่นั้นอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองมาเลียน่าอย่างอ้อนวอนให้พาไปเข้าเรียนที่ไอเซนดรูก์ ภาพที่เธอเห็นเหมือนกับลูกหมากำลังอ้อนวอนขอที่นอนนุ่มๆอุ่นๆนอนพักผิงบรรเทาความหนาวเหน็บสักคืน

    มาเลียน่ามองแววตาแบบนั้นก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาใจ“เออ! ถ้าแกมั่นใจแม่ก็จะพาไป” สิ้นคำพูด ร่างสูงโย่งก็กระโดดอย่างดีใจ เดินฮัมเพลงขึ้นบันไดไป นัยน์ตาสีฟ้น้ำทะเลมองกระดาษระเบียบการโรงเรียนไอเซนดรูก์ด้วยความดีใจเหลือคะนา

    “พาซาส”มาเลยน่าเรียกเสียงแผ่ว

    “ครับ”พาซาสรับคำก่อนจะชะงักเท้าฟังคำที่แม่จะพูด

                    แม่มีลางสังหรณ์ น้ำเสียงของแม่ออกจะสั่นครือ

                    ลางสังหรณ์อะไรฮะ พาซาสตั้งคำถาม น้ำเสียงของเขาดูจริงจังขึ้น ร่างสูงเดินลงมาจากบันได

                    ลางสังหรณ์ของแม่มันบอกว่า ถ้าลูกไปลูกอาจจะไม่ได้......กลับมา น้ำเสียงของแม่แผ่วลงมาก โดยเฉพาะคำสุดท้าย

                    โธ่แม่!!จะกังวลอะไรนักหนากับลางสังหรณ์ แม่รู้เปล่าว่าลางสังหรณ์ร้ายจะกลายเป็นดีนะแม่ พาซาสพยายามปลอบใจแม่ มือทั้งสองข้างโบกไปมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก

                    เดี๋ยว พาซาสมาเลียเรียกพาซาสเค้ามีแต่ฝันร้ายกลายเป็นดี ไม่ใช่เหรอ

                    อะ...เอ่อ ช่างมันเหอะนะแม่พาซาสรีบแก้ตัว

                    แต่แม่รู้สึกว่าลาสังหรณ์ของแม่แม่นยำมากเลยนะ มาเลียน่าเอ่ยแย้ง

                    ร้ายกลายเป็นดี ร้ายกลายเป็นดี ท่องไว้ท่านแม่พาซาสบอกผู้เป็นแม่

                    เอาๆ ถ้าแกมันใจว่าลางสังหรณ์ของแม่ไม่ได้เป็นความจริงละก็ เตรียมเก็บของเสียแต่เนิ่นๆซะมา-เลียน่าเอ่ย เจ้าตัวพยักหน้า รับฟังอย่างว่าง่าย

                    ครับพาซาสรับพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขึ้นบันไดไปอีกครั้ง โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองตามอย่างเป็นห่วง

     

                    ร่างสูงของสตรีนางหนึ่งที่ยืนเท้าคางที่ระเบียงท้าลมหนาวที่กำลังจะมาถึงภายในอีกไม่ช้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ภายในใจคิดเพียงแต่เรื่องเมื่อกลางวันนี้ ความจริงเธอไม่อยากให้พาซาสไปเรียนที่ไอเซนดรูก์ เธอเห็นอนาคตทั้งหมด เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว เธอไม่ตั้งการที่จะเสียหลานชายที่เปรียบเสมือนลูกเพียงคนเดียวเธอไม่ต้องการที่จะเสียเขาไป เพราะ...เพราะความทะเยอทะยานของใครบางคน! ถึงนี่จะเป็นคำทำนายที่เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยง!

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองทัศยภาพจากชั้นสองของบ้าน ...สิบหกปีแล้วสินะ ที่เธอมาอยู่ที่นี่ หมู่บ้านที่เงียบสงบด้วยสิ่งแวดล้อมอันงดงาม ห่างไกลจากเรื่องราวในอดีตทั้งปวง เรื่องราวที่ไม่น่าจดจำ สิ่งที่ทำให้เธอต้องพรากจากผู้ที่เธอเคารพรักมากที่สุด... โอลีฟีน่า... วิญญาณเจ้าอยู่ ณ หนแห่งใด ข้าอยากให้เจ้าอยู่ข้างข้า ในฐานะสหายและนายเหนือหัว อยู่ดูบุตรชายของเจ้าเติบโต... นับวัน... เขายิ่งเหมือนเดร์กัวร่ามากขึ้น...

                    ร่างบางที่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของใครบางคนจึงรีบหันขวับกับไปดู  มือสวยกระชากคทาออกมากลางอากาศ คทาสีน้ำเงินเข้มทั้งด้ามและลูกแก้วที่กำลังเปล่งแสงสีเดียวกันราวกับกำลังประกาศศักดาให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเห็น หัวคทาสีน้ำเงินเปล่งแสงชี้ไปทางผู้มาใหม่อย่างไม่กลัวเกรงแม้ว่าตนจะเป็นผู้หญิง

                    “โอ๊ะ! โอ๋! นึกไม่ถึงว่าท่านมาเลียน่าจะต้อนรับข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตว์อย่างข้าด้วยคทา”มาเลียน่าชะงักกับท่าทีของผู้มาใหม่ คุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็ยังไม่วางคทาจากบุคคลปริศนาตรงหน้า เมื่อผู้มาใหม่เห็นว่าสตรีตรงหน้ายังไม่วางคทาจึงเปิดฮู้ดที่อยู่บนหัวออก เผยให้เห็นผมสีนิลดำเงางามแซมขาวเล็กน้อยที่ถูกมัดเป็นหางม้า ปล่อยให้ปลายผมยาวลากพื้น

                    “อ๋อ ท่านนั้นเอง”มาเลียน่าร้องอย่างเข้าใจ“มีธุระอะไรไม่ทราบ ร้อยวันพันปีไม่เห็นโผล่มาที่นี่ซักที”

                    “ยังไม่ถึงพันปีเลย พึ่งสิบหกปีเอง”ชายมาใหม่เอ่ยพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ“ที่มานี่มีเรื่องจะบอก”

                    “ว่ามา ท่านมีเรื่องอะไร โดเรอาร์ มัลธาริส ฮาเกส”คทาสีน้ำเงินเปล่งแสงนิดๆ แล้วชุดโต๊ะเก้าอี้ก็ปรากฏ“เชิญนั่ง”คทาถูกโบกอีกครั้ง ชุดชามหอมกรุ่นก็ปรากฏขึ้นมากลางโต๊ะ พร้อมกับขนมหวาน

                    “เรียกชื่อข้าซะเต็มยศเชียวนะท่าน... แต่ก็เรื่องของหลานท่านนะแหละ”ชายมาใหม่เอ่ยขึ้นชักจูงบทสนทนาให้เข้าสู่หัวข้อที่จะพูดในเรื่องนี้ มาเลียน่าหันขวับมองด้วยความอยากรู้“ท่านคิดถูกแล้วที่ส่งเขาเข้าเรียนที่ไอเซนดรูก์ ถึงแม้ท่านจะเป็นห่วงเขามาก เพราะท่านรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม แต่ท่านไม่ควรที่จะไปเปลี่ยนอนาคตตามใจชอบนะ”ชายชุดดำพูด นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองอย่างพินิจพิจารณา มาเลียน่าคิดตาม ที่เขาพูดก็เป็นเหตุเป็นผลดีแต่ถึงอย่างนั้นก็...

                    ชายชุดดำเห็นมาเลียน่ามีท่าทางลังเลกับคำพูดจึงรีบเอ่ยต่อ“เอาน่า!ท่านก็... เอางี้ เดียวเรื่องค่าใช้จ่ายข้าออกให้ทุกอย่างเลยเอ้า เรื่องชุด เรื่องอะไรจิปาถะเดี๋ยวข้าจัดการเอง”

                    “นี่เจ้าเห็นข้าเป็นคนขี้งกขนาดนั้นเชียวเหรอ พูดอย่างนี้น่าเอาคทาฟาดปากซะก็ดี”มาเลียน่าบ่นอุบก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องอีกครั้ง“ข้ารู้ แต่ข้าไม่อยากให้เขาไป เพราะเขายัง...”มาเลียน่าเว้นคำพูดไว้แค่นั้นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้ดี

                    “พาซาสอยู่กับข้ามาสิบห้าปี... สิบห้าปีที่เขาเรียกข้าว่าแม่ และข้าไม่เคยคิดที่จะบอกความจริงกับเขา ท่านว่าข้าคิดถูกรึเปล่าล่ะ... โดเรอาร์ ข้าคิดถูกรึเปล่าที่ไม่บอกความจริงกับเขาว่าแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใคร และเขามีหน้าที่อะไร! โดเรอาร์”มาเลียน่าขึ้นเสียง โดเรอาร์โบกมือครั้งนึงเขตอาคมเก็บเสียงก็กระจายทั่วบริเวณที่เธอกับโดเรอาร์ยืนอยู่

                    “...ท่านคิดถูกแล้วท่านมาเลียน่า... ข้ารู้.... ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงเขามากแค่ไหน... แต่อย่าลืมสิ ท่านมาเลียน่าท่านมีหน้าที่ที่ต้องทำอีกเยอะ จงปล่อยวางท่านมาเลียน่า ปล่อยวาง... ปล่อยสิ่งที่กำลังจะเกิด เกิดขึ้นต่อไป ถึงแม้สิบห้าปีมานี้ท่านสามารถห้ามเขาได้ แต่ต่อไป... ไม่มีอีกแล้ว” โดเรอาร์เอ่ยเสียงเบาพลางจิบน้ำชา “พอเขาเข้าสู่ไอเซนดรูก์ เขาจะได้รับการปกป้องจากข้าเอง ตลอดสามปีที่เขาอยู่ที่นั่น คนๆนั้นจะไม่สามารถทำอันตรายใดใด กับลูกชายของท่านได้เป็นอันขาด”ชายชุดดำพูดอย่างมั่นใจแกมกำชับว่าจะดูเขาอย่างดี

                    มาเลียน่าถอนหายใจอย่างปลงๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป“ก็ได้ ท่านพูดแล้วนะว่าจะดูแลเขาอย่างดี”มาเลียน่ายังไม่ลืมที่จะกำชับอีกครั้ง

                    “ได้! ข้าจะดูแลเขาอย่างดี แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าเกรงว่า...แม้แต่ท่านก็ไม่อาจหยุดเขาได้”ชายชุดดำกล่าวพลางลุกขึ้น

                    “อืม”มาเลียน่ารับคำอย่างง่ายๆ พลางลุกขึ้นตาม ชายชุดดำหันหลังกลับไปก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายให้อีกฝ่ายสบายใจ ขณะที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของบ้าน

                    “ข้าขอย้ำ! ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ภายใต้การดูแลของข้า เขาจะปลอดภัยจนกว่าจะถึงเวลานั้น!”นัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววหนักแน่นกับคำกล่าว พูดจบก็โดดลงจากระเบียง สักพักก็ลอยวูบขึ้นมาพร้อมกับเทพอสูรหน้าตาเหมือนนกกระจอกเทศ แต่มีสามขา และมีขนสีขาวแซมสีเงินที่สะท้อนแสงจันทร์ยามค่ำคืน

                    “ไม่ไปส่งนะ”มาเลียน่ากล่าวทิ้งท้ายให้ลอยไปกับสายลม แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็ตามร่างบางเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างหมดแรง ก่อนจะลมตัวลงนอนลงบนเตียงนุ่มๆหมายจะพักผ่อน รู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด

                    ‘ขอโทษนะโอลีฟีน่า...ที่ข้าไม่สามารถห้ามเค้าได้ ต่อไปนี้เค้าคงต้องเจอกับอะไรอีกมากมาย ข้ารู้ว่าวิญญาณของเจ้าเป็นห่วงเขา แต่มีแต่หนทางนี้เท่านั้นแหละที่จะทำให้เข้าเติบโตขึ้น ข้าขอโทษจริงๆ...โอลีฟี-น่า’

     

                   

                    2 วันต่อมา

                    ร่างสองร่างที่เดืนลงมาจากเกวียนไม้เก่าคร่ำครึจะพังแหล่มิพังแหล่ ที่ติดป้ายไม้เก่าพอๆกันไว้ตัวเบ้อเริ่มเทิ่มบนหลังคาว่า ‘โฮเนียร่า – เซอร์ฟาเดียร์’ หนึ่งร่างเป็นหญิงน่าจะอายุราวๆ 30 กว่าๆ อีกร่างเป็นเด็กชายสูงโปร่งท่าทางขี้เล่น ทั้งสองหันกลับไปหยิบสัมภาระบนเกวียนโดยสาร ก่อนที่ร่างของผู้หญิงจะเดินไปจ่ายเงิน

    ว้าว!!! นี่เหรอ เมืองหลวงของเซอร์ฟาเดียร์เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลตะโกนขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นกวาดมองไปรอบๆ ที่รถเกวียนพามาส่ง มาเลียน่าส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้กับท่าทีแบบพวกบ้านนอกเข้ากรุงของลูกชาย

    พาซาสกับมาเลียน่ายืนอยู่ท่ามใต้ร่มเงาของหอนาฬิกาดาฟเน่ไทม์ ภาพของตลาดที่มีร้านค้าร้านรวงต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งอยู่เต็มสองข้างทาง ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่สวนกันไปมาจนตาลายไปหมด ด้านหลังที่เป็นน้ำพุสีสวยงามที่เปลี่ยยนสีทุกๆชั่วโมง                                                      

    วันๆอยู่แต่ในหมู่บ้าน อึดอัดจะตายพาซาสพูดออกมา นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววตื่นเต้น

                    พาซาส ไปหาที่พักก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลังมาเลียน่าพูด พลางออกเดินเพื่อหาที่พักสำหรับวันนี้ ทิ้งสัมภาระกองเท่าภูเขาไว้ทางด้านหลัง พาซาสเดินไปหยิบมาสะพายด้านหลังพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปด

                    แม่ง่า ทำไมให้ผมแบกอยู่คนเดียวแบบนี้ละพาซาสพูด พลางหันหัวกลับไปดูสัมภาระที่วางอยู่บนหลัง

                    เอ้า ถ้าแกอย่างอยู่ที่ไอเซนดรูก์ แกก็ต้องขยันแบบนี้แหละ

                    แล้วทำไมแม่ไม่ช่วยผมแบกบ้างเล่าพาซาสทักท้วง พลางวางสัมภาระทั้งหมดลงจากหลัง

                    เรื่องของแก ถ้าไม่คิดจะแบกก็กลับมาเลียน่าพูด เธอหันหลังเดินไปที่สัมภาระก่อนจะหยิบเป้ของตนเองขึ้นมาประชดลูกชาย จนลูกชายต้องรีบเข้ามาห้าม มิฉะนั้นเขาอาจจะไม่ได้เข้าเรียนที่ไอเซนดรูก์ก็เป็นได้

                    โธ่~แม่! ผมล้อเล่น

                    งั้นก็แบกสัมภาระซะ จะได้รีบไปหาที่พักมาเลียน่าบอก ก่อนจะออกเดินหาที่พัก สำหรับสองสามวันนี้

                    15 นาทีผ่านไป...

                    โอ๊ย...แม่เมื่อไหร่จะถึงซะทีพาซาสบ่นขึ้นหลังจาแบกของเดินรอบเมืองเป็นที่เรียบร้อย

                    เดินแค่นี้ทำเป็นบ่นไปได้ ถ้าแกเจอการทดสอบของโรงเรียนไอเซนดรูก์ล่ะก็...หึ...หึ แกจะหนาวมาเลียน่าพูดเสียงเย็น ขาทั้งสองเดินนำหน้าพาซาสไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่ท่าว่าหยุด

                    โธ่แม่! น่าจะให้กำลังใจกันนะ...เอ๋...แม่รู้เรื่องการทดสอบได้ไงพาซาสถาม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจับจ้องไปที่มาเลียน่าอย่างต้องการจะจับผิดอะไรบางอย่างที่แฝงออกมากับคำพูดที่ดูกำกวมพิกลๆ แม่เคยบอกว่าไม่เคยเข้าไปเรียนที่ไอเซนดรูก์ แต่ทำไมถึงรู้เรื่องของโรงเรียนนี้ดีจัง ระดับพลังเวทของแม่นะ เข้าเรียนที่นี่ได้ซำบายบรืออออออ แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ คนที่จะเข้าไอเซนดรูก์ได้จ้องใช้เวทโดยไม่ใช้คทาได้

                    ปะ เปล่ามาเลียน่าปฏิเสธเสียงสูงมะ แม่แค่ได้ยินเค้าพูดกันแว่วๆน่ะ

                    ใช่เหรอพาซาสถามเสียงสูง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววเจ้าเล่ห์

                    ถะ ถึงแล้วมาเลียน่าพูดตัดบทพลางหยุดเดิน

                    ‘ถึงซะที ถ้าปล่อยให้เดินต่อ ข้าน้อยจะคลานเอาล่ะนะ’

                    ‘โรงแรมโฮมา’ เป็นโรงแรมที่ปลูกด้วยไม้เฮอร์คิว ไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศได้ดี โรงแรมแห่งนี้มีอยู่ 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นร้านอาหาร และมีสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนชั้นที่ 2 น่าจะเิดเป็นที่พัก เพราะมีแขกหรื่อออกมานั่งจิบชายามบ่ายกับเต็มระเบียงห้อง

                    รอแม่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่เช็คอินก่อนมาเลียน่าสั่ง

                    ฮะพาซาสรับคำ

                    ...10 นาทีผ่านไป...

                    “เอ้า! พาซาส ถือของขึ้นห้อง”

                    “คร้าบบบบบบบบ”

                    หลังจากที่สองแม่ลูกช่วยกัน(ไม่น่าจะเรียกว่าช่วยนะ เพราะพาซาสถือคนเดียว)จัดของและรับประทานอาหารค่ำแล้ว ก็ขึ้นมาอาบน้ำนอนพักผ่อนกันบนห้องเพื่อให้พาซาสออมแรงไว้สำหรับการทดสอบในวันพรุ่งนี้ พาซาสก็แทบจะหลับทันที่หัวถึงหมอน คงเพราะเหนื่อยกับการเดินทางเมื่อตอนกลางวัน

                    “พาซาส”มาเลียน่าเรียกท่ามกลางความมืดภายในห้อง แต่ก็มีแสงไฟจากถนนส่องเข้ามาบ้าง

                    “ฮะ”

                    “ลูกแน่ใจแล้วใช้มั๊ย ว่าลูกจะเข้าเรียนที่โรงเรียนไอเซนดรูก์”มาเลียน่าถามด้วยความเป็นห่วงและแอบหวังนิดๆ(ที่ไม่นิดสักเท่าไหร่)ว่าพาซาสจะเปลี่ยนใจกลับบ้าน

                    “แน่ใจแล้วฮะ”พาซาสตอบเขาเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องตอบตามความจริง และทำลายความหวังอันน้อยนิด(ที่ไม่น้อย)ของแม่

                    “เอ้า! นอนเถอะ พรุ่งนี้แกต้องรับการทดสอบนิ”มาเลียน่าบอกพลางตะแคงข้างแล้วข่มตานอน

                    พาซาสหลับตานอนเช่นกันเพื่อเอาแรง แต่ว่าพอเขาหลับตานอน ภาพต่างๆก็ไหลเข้ามาเต็มหัวไปหมด เริ่มตั้งแต่ตอน 3 ขวบที่ดันเผลอปล่อยอัคคีเวทออกไปจนเผาฟางในโรงเก็บสัตว์จนหมด ตอนแรกเขาก็นึกว่าออกมาก็ต้องถูกแม่ทำโทษ แต่แม่กับวิ่งเข้ามากอดและใช้เวทรักษาเขาจนหาย และไม่บ่นอะไรสักแอะ เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นมากเวลาที่แม่กอด

                    ภาพที่เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนโตเรย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเมืองของเขา ยิ่งคิดน้ำตามันพาลจะไหลออกมา เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยห่างจากท่าน แต่บัดนี้เขากลับต้องห่างเป็นเวลาหลายปี หากเขาคิดถึงท่านแม่ขึ้นมาจะทำยังไง

                    “แม่ฮะ...”

                    “หือ”

                    “ผม...รักแม่นะฮะ”พาซาสตัดสินใจพูดออกไปด้วยความยากลำบาก

                    “เออ! แม่ก็รักแก นอนได้แล้ว”พาซาสเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุข ในความคิดของเขานั้นเขาบอกกับตัวเองว่า ถึงเขาจะห่างแต่ก็ห่างเพียงกายแต่ใจเขายังอยู่กับแม่ตลอดเวลา...

                    ...คืนนี้ เขาหลับตาลงอย่างมีความสุข...

     

                    “ว้าว!นี่มันโรงเรียนหรือพระราชวังกันแน่วะเนี่ย”เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล และผมสีดำที่ดูหยุ่งเหยิงแหกปากตะโกนซะเสียงดัง จนรุ่นพี่ และผู้ปกครองรวมถึงนักเรียนที่มาสมัครมองกันตาป็นมัน

                    “พาซาส เงียบหน่อย”มาเลียน่ากัดฟันปราม

                    “ฮะ”ไอ้ตัวแหกปากรับคำโดยไม่มอง เพราะนันย์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจับจ้องไปที่ปราสาทหินอ่อนสีขาวสูงตระง่าน 3-4 หลัง ที่กำลังสะท้อนแสงแดดยามเช้า ธงรูปนกฟีนิกซ์เพลิงกำลังต่อสู่กับเซอร์เพนต์บนพื้นหลังสีทองที่โบกสะบัดด้วยแรงลมอยู่บนยอดปราสาท และปักอยู่ที่ตามกำแพงหินสีเทาที่สูงถึงกึ่งกลางตัวปราสาท ตลอดทางเข้าจากประตูถึงหอประชุมที่ตั้งอยู่ทางเหนือหากแต่เยื้องไปทางทิศตะวันตกของปราสาทกลาง(รู้ชื่อสถานที่ต่างๆ เพราะรุ่นพี่ที่ประจำอยู่ตรงทางเข้าบอก)รายล้อมไปด้วยดอกโรราเวร์ ดอกไม้สีส้มเหลืองที่มีกลิ่นหอม สามารถนำไปเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด ทางทิศตะวันออกเป็นหอคอยสีน้ำเงินที่ชื่อว่า ‘หอคอยวารี’ ที่ตั้งอยู่ข้างๆอาคารสีขาว 4 ชั้นที่น่าจะเป็นหอพักสำหรับนักเรียนด้านหน้าเป็นรูปปั้นเซอร์เพนต์ เช่นเดียวกับทางทิศตะวันตกที่เป็นที่ตั้งของปราการสีแดงเพลิงที่มีชื่อว่า ‘ปราการอัคคี’และมีอาคารสีขาว 4 ชั้นตั้งอยู่ ด้านหน้าเป็นรูปปั้นของนกฟีนิกซ์เพลิง

                    โดยรวมทัศนียภาพรอบๆแล้ว มีทั้งป่าไม้ และทะเลสาบถือว่าน่าอยู่ใช้ได้เลยทีเดียวเชียวแหละ สมแล้วที่เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งแห่งเซอร์ฟาเดียร์ สนามหญ้าที่มีคณะศาสตราจารย์ และรุ่นพี่หลายคนเดินกันให้ว่อน ชุดนักเรียนของที่นี่ดูหรูที่เดียว โดยเฉพาะคนที่ชอบใส่เสื้อกันหนาวแบบที่ยาวลากพื้นอย่างพาซาสแล้ว เสื้อกาวน์นี่ยิ่งถูกใจใหญ่

                    หอประชุมของโรงเรียนไอเซนดรูก์เป็นโดมสีเทาอ่อนๆ หลังคาสีแดงเลือดหมู ตั้งอยู่ที่ด้านหลัง หรือทางทิศเหนือของปราสาทกลาง จุคนได้ประมาณ 100-200 คนภายในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง พื้นที่ยกสูงระดับคอของพาซาส มีเก้าอี้ไม้สักที่สลักเป็นตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน มาเลียน่ากับพาซาสเดินไปลงชื่อที่โต๊ะข้างๆเวที ก่อนจะเลือกนั้งที่แถวกลางที่มีคนเยอะสุด

                    ...นักเรียนที่มารับการทดสอบมีแค่สามสิบคนจริงๆด้วย แบบนี้...ไอ้พาซาสท่าจะติดกับเขาอยู่...

                    หรูหรา! บอกได้คำเดียวว่าหรูหรา สมแล้วที่เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งแห่งซานาเรลพาซาสคิด ก่อนจะชักความคิดนั้นในทันทีที่มีเสียงของรุ่นพี่ตะโกนมา

                    “เร็วเข้า! การทดสอบกำลังเริ่มแล้ว อย่ามั่วตะลึง ไป! ไป!”รุ่นพี่ผู้ชายที่อยู่ในชุดกางเกงขายาวสีสีดำเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่อยู่ภายใต้เสื้อกาวน์สีขาวแบบเดียวกับหมอ มีดาวหกแฉกที่เป็นสัญลักษณ์ของเวทมนต์ปักอยู่ที่หน้าอกซ้าย 3 ดวง ด้านหลังของเสื้อเป็นรูปเกลียวคลื่นที่กำลังซัดสาด เขากำลังไล่ต้อนนักเรียนที่อยู่ข้างนอกให้เข้ามาข้างในให้หมดก่อนที่จะปิดประตูหอประชุม

                    ปัง!

    เสียงปิดประตูที่ดังจนทำให้สรรพเสียงในหอประชุมเงียบลงทันใด ก่อนจะมีเสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นบนเวที

    “สวัสดีผู้เข้ารับการทดสอบทุกคน ครูเป็นอาจารย์ใหญ่ของที่นี่ ชื่อ โดเรอาร์  มัลธาริส ฮาเกสยินดีที่ได้รู้จัก”ศาสตราจารย์ใหญ่แนะนำตัว รูปร่างที่ดูทะมันทะแมงราวกับคนอายุ 20 ก็ไม่ปาน นัยน์ตาสีเขียวที่มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง เข้ากับผมสีดำแซมขาวที่มัดเป็นหางม้ายาวลากพื้น น้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกถึงพลังอำนาจ

    “เพื่อไม่ให้เสียเวลา ครูจะเริ่มการทดสอบเลยก็แล้วกัน”ศาสตราจารย์โดเรอาร์กล่าว ก่อนจะปรากฎร่างของศาสตราจารย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเวทีขึ้นมาพร้อมกับใบรายชื่อนักเรียนที่ไปลงชื่อ

    “ครูจะประกาศรายชื่อแล้วให้เจ้าของชื่อเดินเข้าประตูทางขวามือของครูนะ”ศาสตราจารย์ชุดดำพูดขึ้น พาซาสไม่รู้ว่าหน้าตาเค้าเป็นไง เพราะมีฮู้ดปกปิดหน้าตาอยู่ เขาภายมือไปทางขวามือของเขาที่มีรุ่นพี่ผู้ชายเสื้อกาวน์รูปเปลวเพลิง กับรุ่นพี่ผู้หญิงเสื้อกาวน์รูปเกลียวคลื่นยื่นประจำประตูอยู่

    “คนแรกยูเกียร์ ตาราดา คาซัค จากโคโนราฟ”

    ...

    “คนต่อไปเมส โรสเมย์ เซอรี่ จากฟลาวเวอโร”

    ...

    “คนต่อไปอาเรย์  เยราส โรวเวอ จากมาเรลเรด์”

    ...

    “คนต่อไป...”

    “คนต่อไป...”

    5 คนผ่านไป...

     “คนต่อไปคาเรล คาร์ล โบโกคุซ จากโฮเนียร่า”

    ‘เอ๋? โฮเนียร่าเหรอ? จากที่เดียวกันนี่’พาซาสคิด นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองไปที่เด็กสาวผมเงิน และนัยน์ตาสีนิลดำในชุดกางเกงยีนส์สีดำที่ดูไม่เหมือนผู้หญิงกำลังเดินเข้าประตูไป

    การประกาศชื่อยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนบางคน(รวมทั้งพาซาส)ใจเริ่มฝ่อว่าจะทดสอบผ่านหรือเปล่าเพราะคนเยอะโคตร

    จนกระทั่ง...

    “เซเลน่า เมซ ซิงทีซ จากฟลาวเวอโร”เด็กหญิงที่ไม่สูง และไม่เตี้ยจนเกินไปเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันที่ฉายแววมั่นใจเต็ม 100% ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยให้ปลิวสยายไปตามแรงเดินริมฝีปากอวบอิมสีชมพู เค้าหน้าได้รูปเดินด้วยท่าทีที่บ่งบอกถึงการฝึกมาอย่างดี

    “นี่ไงล่ะเธอ รัชทายาทแห่งเมืองดอกไม้ ที่เค้าว่ากันว่าสวยนักสวยหนา”เสียงผู้ปกครอง 1 กระซิบกระซาบกันอย่างออกรส

    “เหรอ ก็สวยจริงๆอย่างที่เค้าว่าแหละ น่าจับมาเป็นลูกสะใภ้”เสียงผู้ปกครอง 2 กระซิบกระซาบกันอย่างเมามัน พาซาสมองเธอเรื่อยๆจนเดินถึงประตูที่สูงกว่าเธอเยอะ

    ...แล้วเธอก็เดินเข้าประตูไป...

    “พาซาส ฟอนซ์ โรลแลน แห่งโฮเนียร่า”โอ้! ไม่!พระเจ้าช่วย ถึงคราวของข้าน้อยแล้ว พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย

    “พาซาส ฟอนซ์ โรลเเลนแห่งโฮเนียร่า”ศาสตราจารย์ประกาศซ้ำ คิ้วขวาของศาสตราจารย์กระตุกนิดๆ ราวกับกำลังบอกเหตุร้ายกับเจ้าคนเอ๋อว่า ‘หากเอ่ยชื่ออีกครั้งแล้วยังไม่ออกมา ข้าจะสาปให้แกเป็นจิ้งเหลน’

    “อ่า...ครับ!ครับ!”พาซาสลุกลี้ลุกลนก่อนที่มารดาจะผลักไล่ไสส่ง(มันก็ถีบดีๆนี่เอง)ให้เข้าไปหาศาสตราจารย์

    ‘เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน’พาซาสคิดก่อนจะก้าวเท้ายาวๆเข้าประตูไป

    ปัง! กริ๊ก (ซาวเอฟเฟ็คเสียงล็อดประตู)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×