ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battle of Holy

    ลำดับตอนที่ #1 : อดีต และการเริ่มต้นอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 47


    Battle of Holy : Chen Wars of Holy (Frist step of Wars)

    การต่อสู้แห่งแสงสว่าง : เชนสงครามแสงสว่าง (ปฐมบทแห่งสงคราม)

    บทนำ

        หากคุณถามว่ามันคือที่ไหน คำตอบที่คุณจะได้คือมันไกลพื้นแผ่นดินที่คุณอาศัย ถ้าหากถามว่าเมื่อไร ก็จะได้คำตอบว่า  มันเป็นเวลาที่ยาวนาน ห่างใกลจากเวลาของคุณ อาจก่อนที่จักรวาลทั้งหลายจะเกิด หรืออาจไกลเกินอนาคตที่คุณเคยฝัน   หากคุณอยากรู้เรื่องราว เราจะบอก แต่มันเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆจุดเริ่มต้น  หนึ่งในหลายๆ เรื่องราวเท่านั้น บางเรื่องราวมันเกิดขึ้นในโลกขนาน แต่ทุกเรื่องราวมีต้นกำเนิดเดียวกัน จากพิภพที่ไร้ซึ่งทุกอย่าง สู่เรื่องราวที่มากด้วยปัญหา สู่ประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แต่ตำนานนี้ คือก้าวแรกแห่งประวัติศาสตร์ที่คุณจะรู้ทั้งปวง ประวัติศาสตร์ที่จะพาคุณแตกแขนงสู่เรื่องราวมากมาย เป็นตำนานบทแรก แห่งจักรวาลหนึ่งที่อยากให้คุณได้รับรู้ ก่อนคุณจะพบเห็นตัวคุณ ในจักรวาลมากมายที่เกิดขึ้น

        

    บทที่ 1

    อดีต และการเริ่มต้นอีกครั้ง



    มันเป็นตำนานที่เล่าขานผ่านสายเลือดรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง โดยไม่มีคำบอกเล่าที่สัมผัสได้อย่างแน่ชัด แต่แล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น มันเป็นศิลาสายเลือด ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนมนุษย์จะมีวัฒนธรรม ก่อนที่มนุษย์จะเข้าใจภาษา และสุดท้ายมันก็หายสาปสูญไปก่อนมนุษย์จะเข้าใจตนเอง แต่คำบอกเล่าสู่สายเลือดยังคงมีอยู่ และบอกกล่าว สู่จุดเริ่มต้นของเผ่าพันธุ์ ที่ไม่ชี้ชัดความถูกต้อง เรื่องราวนั้นกล่าวไว้ว่า มันเกิดขึ้นที่สถานที่ห่างไกล  นามว่า  พาราวิล โลกที่ไม่มีแสงสว่างและความมืด  ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั้นคือชนเผ่า  เบอรือ  ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมายาวนาน  แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ที่สร้างความมืดขึ้น  มันคือปิศาจร้ายที่อยู่ในคราบของชนเผ่าศักดิ์ศิทธิ์นามว่า ชิน คอยทำลายล้างชาวเบอรือ  และหนึ่งในชาว เบอรือค้นพบแสงสว่าง  ที่ซึ่งอยู่ในทุกชีวิตของชาวเบอรือ  มันคือสิ่งเดียวที่สามารถต่อกรกับความมืดได้  แสงสว่างเปลี่ยนแปลงตัวเขาสู่ความดี  ดังเช่นความมืดเปลี่ยนแปลงอีกผู้หนึ่งสู่ความชั่วร้าย  จึงเกิดการต่อสู้ระหว่างแสงสว่างและความมืด  การต่อสู้เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ  พลังทั้งสองทำให้เกิดกลางวันและกลางคืน  เกิดกาแลกซี่และดวงดาว  เกิดสถานที่สุดท้ายแห่งการต่อสู้  ดาวสีฟ้า ที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์  ทั้งสองทิ้งพลังและวิญญาณของตนไว้ในพิภพแห่งนี้ เพื่อกักพลังที่ชั่วร้าย แต่ทวาพังนั้น ยังคงต่อสู้เรื่อยมาตราบเท่าที่กาลเวลายังคงใหลไป



    วันหนึ่งใน ธันวาคม เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็น ภายในสถานี้รถไฟที่ดีที่สุดในเมื่องหลวงแห่งแผ่นดินไทย ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีการคมนาคมโดยรถไฟที่ดีเยียมที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ชายคนหนึ่งอายุราว 28 นั้งรอการมาของใครบางคน เขามองดูเวลาที่บอกเป็นตารางผ่านจอทีวีพลาสมา ที่แขวนเป็นแนวตั้ง เรียงรายห้อยลงจากเพดาน บอกการออกถึงรถไฟเที่ยวหนึ่ง ที่จะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง ชายคนนั้นถอนหายใจพลางมองพื้นที่ตนเองอยู่ พื้นถูกวางโดยแผ่นกระจกใสขนาดใหญ่ ใต้ลงไปมีจอทีวีพลาสมาฝังอยู่ใต้นั้น เพื่อโฆษนาสินค้าต่างๆ

    “อาจารย์ !”

    เสียงกลุ่มคนสามคนที่ลอยมาจากอีกฝากของเก้าอีกยาวที่เขานั้ง

        “ขอโทษที่มาสายหน่อยครับ” ชายคนหนึ่งอายุ 24 ในกลุ่มตอบกลับ

        “ไม่หน่อยละมั้ง” ชายที่นั้งรอตอบกลับ “นัดให้มาก่อนตั้ง 40 นาที นิสัยไม่เปลียนเลยนะ กับการนัดก่อนเวลา แล้วให้คนอื่นมารอ”

        “เรื่องนี้อาจารย์คุยกับเมย์เองแล้วกันครับ” ชายคนเดิมตอบกลับ

        “อ้าว ไงพูดงี้ละวิทย์” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใส ด้วยอายุ 23 ตอบกลับถึงแม้จะสวยงาม แต่แฝงด้วยด้วยความสามารถวิชาต่อสู้ที่ไม่แพ้ความสามารถด้านภาษาเหมือนกับอาจารย์ของเธอ ศิลป์ ที่โดนกลูกศิษย์ตัวดีทั้งสามหลอกให้มานั้งรอก่อนเวลาทุกครั้งไป

        “ทามมายละ” ชายคนเดิมตอบกลับ วิทย์ ผู้ซึ่งเป็นแฟนกับเมย์ พวกเขาทั้งสองไม่ต่างกันเลยในด้านความสามารถ

        “ก็คนอนุมัติเวลาคือแกไงละ” ชายอีกคนพูดขึ้น

        “ไม่ช่วยเพื่อนก็เงียบไปเลยไอ้วุฒิ” วิทย์ตอบกลับ

        “อ้าว ก็พูดความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะเว้ย” ชายอายุ 24 อีกคนตอบกลับ วุฒิ

        “แต่คนที่พูดมันตายได้” วิทย์ยังไม่เลิกที่ตอบกลับ

        “โถ ลูกศิษย์ฉาน……” ศิลป์ อาจารย์ของทั้งสามที่นั้งอยู่พึมพัมขึ้นมา



        ในรถไฟขบวนพิเศษที่มีให้เพื่อนั้งชมวิว และราคาก็แพงกว่าขบวนธรรมดาด้วย

        “ช้าหน่อยแต่ก็คุมเนอะ ได้นั้นชมวิวไปแบบนี้” วุฒิพูดขึ้นขณะนั้งอยู่ในห้องพัก VIP ของรถขบวนนี้

        “นั้นสิ ถ้าให้อาจารย์มาจองละก็ได้นั้งขบวนธรรมดาที่เน้นแต่ความเร็วไม่ได้ชมทิวทัศทรี่สวยงามแบบนี้หรอก” เมย์เสริมขึ้นมา

        “นี้ทั้งสองคนอย่าลืมสิ อาจารย์ของเราคือ ดร.ศิลป์ สุดยอดนักภาษาศาสตร์มือหนึ่งของประเทศเชียวนะ กรมศิลปากรณ์อยากขอความช่วยเหลือ ก็ต้องบรการกันหน่อย” วิทย์พูดเสริม

        “ถ้างั้นก็ต้องขบคุณอาจารย์มา ณ โอกาศนี้สิเนอะ” เมย์บอก

        “ขอบคุณ ครับ/คะ”

        “ทั้งหมดนี้เป็นความตองการของพวกเธอไม่ใช่เรอะ” ศิลป์ตอบกลับในใจ



        หลังจากนั่งรถไฟมา 1 วัน ก็ถึงหุบเขาสาปสูญ ซึ่งเป็นชื่อที่คนท้องถิ่นเรียก ไม่มีหลักฐานถึงที่มาของชื่อนี้

        “ทำไมบรรยากาศทางเข้ามันหวิวหยั่งงี้ล่ะ”  เมย์ถามออกมาลอยๆ

        “ไม่หวิวแล้วจะชื่อหุบเขาสาปสูญไหม ? ”  วิทย์ตอบกลับไป

        ทั้ง 4 คนใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีเท่านั้น จากสถานีรถไฟ ก็ถึงสถานที่ที่ขุดค้นพบศิลา เพียงแค่ศิลป์ก้าวเท้าเข้ามาเท่านั้น ชายวัย 28 ก็เดินเข้ามาหาเขาทันที เขาคือเพื่อนของศิลป์ชื่อ กาล กาลเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ โดยมีแม่เป็นคนไทย

        “ไม่เจอกันตั้งนาน เป็นไงบ้างล่ะ”กาลทักทายศิลป์แบบเพื่อนสนิท

        “คิดว่าไม่มีเงินใช้นะ  ถูกพวกลูกศิษย์ตัวดียืมไปใช้หมดแล้วละ”ศิลป์พูดหยอกกับกาล ขณะเดียวกันก็มองไปทางลูกศิษย์ทั้ง 3 ที่ทำเป็นมองชมนกชมไม้ ที่ซึ่งจริงๆต้นหญ้าซักต้นก็ยังไม่มี

        กาลฟังเช่นนั้นแล้วก็อึ้งๆและรีบชวนศิลป์ไปดูศิลาที่ขุดพบทันที  เพราะถ้ายังขืนคุยเรื่องเดิมต่อไปละก็จะต้องช่วยเรื่องการคลังของศิลป์แน่นอน



        “นี่แหละ ศิลาที่ว่าขุดเจอ แต่ไม่รู้มันจารึกด้วยภาษาอะไร  พอช่วยได้ไหม” กาลถาม “ให้เวลาตามสบายเลยนะ ไม่เร่ง”  แล้วกาลก็กระซิบกวนประสาทต่อว่า “เร็วๆหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยวชื่อเสียงด้านการแปลภาษานอกประศาสตร์ของแกจะเสีย”

        “ไม่ทำเอาเองละ  เร่งเอาเร่งเอา”  ศิลป์ในใจ  แล้วจู่ๆศิลป์ก็รู้สึกแปลกๆ ศิลานั้นก็เกิดแสงสว่างและทันใดก็ปรากฏภาพในมโนสำนึกของศิลป์

    แสงสีขาวนวล มีเสียงพูดที่ฟังดูสงบลอยมาจากที่ไกลออกไป และเสียงที่ดังก้องไปทั่ว เป็นเสียงของการต่อสู้แน่ๆ ศิลป์คิด ใบหน้าของศิลป์เต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งไม่ได้ต่างไปจากลูกศิษย์อีกสามคนของเขาเลย

    พื้นด้านหน้าศิลป์ตอนนี้แยกออก ลมแรงที่ออกมาจากรอยแยกส่งผลให้คนงานสลบ และเป็นเส้นทางสู่ใต้พื้นดิน ที่สมบูรณ์ และมันจะนำพวกเขาไปใหนสักแห่ง กาลยังคงได้สติอยู่ เช่นเดียวกับศิลป์และลูกศิษย์ของเขา ทั้งหมดตัดสินใจเดินลงไปสู่เส้นทางที่พวกเขาไม่รู้แม้สักนิด ว่ามันเต็มไปด้วย ประวัติศาสตร์มากมายของพื้นพิภพแห่งนี้

    พวกของศิลป์เดินเข้ามาได้ไกลพอควร โดยที่กำแพงทั้งสองด้านเต็มไปด้วยรอยจารึกโดยมีภาษาเดียวกับที่อยู่บนศิลา แม้การเดินเข้ามาสู่ทางใต้ดินจะทำให้พวกเขาได้เห็นอะไรหลายสิ่ง แต่มันก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะทุกคนข้างบนนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขาเข้ามาในนี้เลย จึงอาจเกิดอุบัติเหตุได้

    การเดินทางในทางใต้ดินนั้นได้เดินมาไกลพอควรแล้ว พวกเขามาถึงห้องโถงใหญ่ มีเสาร์หินสูงอยู่กลางเหวลึก และมีทางเดินเชื่อมไปถึงเสาร์หินนั้น พวกศิลป์อยู่บนเสาร์หินแล้วในตอนนี้



    “โอ้ ไม่ธรรมดาเลยนะอาจารย์” วุฒิพูดขึ้นมาเมื่อเห็นศิลาจารึกที่อยู่ตรงกลางเสาร์หินนั้น “มันต้องบอกเรื่องราวบางอย่างที่พวกเราไม่สามารถรู้ได้จากศิลาอันข้างบนแน่ๆเลย”

    “บางที่เราอาจต้องเข้ามานั้งวิเคราะห์มันในนี้ก็ได้ เพราะท่าทางคงเอาออกไปไม่ได้แน่แน่เลย” กาลพูดขึ้น

    “นั้นสิ” ศิลป์ตอบกลับ และยื่นมืไปสัมผัสศิลาจาลึกนั้น

    แว๊บ !

    แสงขาวนวลแต่ไม่สว่างจ้าเท่าครั้งแรกที่ศิลป์เห็นเมื่อตอนยั้งอยู่บนพื้นดิน ทำห้เขาเห็นภาพบางอย่างที่มากับแสงนั้นัดเจนขึ้น ร่างของอะไรบางอย่างสองร่างกำลังสู้กัน ต่อมาทั้งสองรวมมือกันเพื่อทำอะไรบางอย่าง

    “รู้เห็นอดีตแล้วสิท่า” เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือหัวพวกเขา ร่างหนึ่งในสองร่างที่ศิลป์ร่อนลงมาจากเหนือหัวพวกเขา มาอยู่ในระดับความสูงเดียวกับพวกเขา ทันใดสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าคือร่างร่างหนึ่ง ร่างที่แฝงไปด้วยความหน้ากลัวในทุกอณูของร่างกาย  ใบหน้าที่ทำราวกับว่าทุกอย่างในโลกนี้มีแต่ความหวาดกลัวเต็มไปหมด สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่เห็น

        อะไรนะ!  ศิลป์คิดในใจ ทันใดนั้นก็เกิดภาพของร่างอีกร่างหนึ่งที่เขาเห็นในมโนภาพชัดเจนขึ้น  เป็นภาพของร่างที่แสดงถึงสิ่งที่แสดงถึงความสุขความสงบต่างๆ ใบหน้ามีความสุข แฝงไปด้วยความอบอุ่นทุกอณู อะไรนะ? มันคืออะไรกันแน่?! คำถามต่างๆก้องอยู่ในหัวเขาดังขึ้นเรื่อย และแล้วก็เกิดแสงสว่างห่อหุ้มร่างกายของศิลป์แสงที่บอกถึงความสุข แม้จะบอกเล่าเรื่องราวของความเจ็บปวดที่จะหวนกลับมาอีกครั้งและร่างของศิลป์ก็พลันเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เขาเห็นในมโนภาพของเขา แสงสว่างจางลง ร่างของศิลป์เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

    \"อาจารย์!\"  

    ลูกศิษย์ทั้งสามของศิลป์ตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ระคนสงสัย พอพอกับที่เห็นร่างประหลาดร่างแรกปรากฏออกมา

    ร่างแรกยืนบนพื้นและเริ่มก้าวเดินเข้าหาศิลป์ทันที



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×