ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหาสงครามเผาผลาญเผ่าพันธุ์มฤตยู

    ลำดับตอนที่ #5 : อีกสิ่งที่ไม่คาดคิด

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 47


    บทที่ 5

    อีกสิ่งที่ไม่คาดคิด



        ตูนนั่งคุกเข่าอยู่กลางสนามกลางใหญ่ของโรงเรียนเธอ ตอนนี้ร่างกายเธอหมดเรี่ยวแรงทั้งหมดไปแล้ว จากการต่อสู้กับUnlifeจำนวนมากก่อนหน้านี้ ถ้าหากไม่มีใครมาช่วยเธอ เธออาจต้องฝ่ายเสียเปรียบให้กับUnlifeจำนวนมาก แต่แล้ว ก่อนที่Unlifeตัวหนึ่งจะโจมตีใส่เธอ

        เปรี้ยง!

        “อย่ายุ่งกับเธอ” ปวีณเตะUnlifeกระเด็นออกไปไกลสุดขอบสนาม

        “ใครนะ” ตูนคิดอยากถามเขาคนนั้นในใจ แต่ทว่าสติของเธอก็จางหายไปแล้ว ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งชุดBattle suitยืนคอยป้องกันเธอจากUnlifeจำนวนมาก



        “เฮ้ย ปวีณ” เสียงเพื่อนๆเรียกปวีณ

        “เออๆ ตื่นแล้ว” ปวีณพูดพลางลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เขาอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของODE.

        “เฮ้ แกนี่บ้าจริงๆเลย โชคดีนะที่พี่เรนไปช่วยทัน” กชพูดกับปวีณโดยที่ไม่มองหน้าเขา

        “เออๆ ขอโทษ” ปวีณนึกย้อนกลับไปก่อนที่เขาจะหมดสติ



        “ตูน!” ปวีณตะโกนเรียกเพื่อนของเขา เด็กหนุ่มวิ่งเข้าประคองร่างเด็กสาว “ตูน อย่าเป็นอะไรนะ ฉันอุตสาห์มาช่วยแล้วนะ” ปวีณเรียกเพื่อนเธอด้วยความกระวนกระวาย

        เปรี้ยง!

        ปวีณคว้าPlaspositronที่ตกอยู่ข้างกายตูนขึ้นมาโจมตีใส่Unlife

        “บอกแล้วว่า… อย่าเข้ามายุ่งกับเธอ” ปวีณฉุนขาดถีบUnlifeเข้าเต็มแรง โดยยังคงพาร่างของตูนไปด้วยตามการเคลื่อนไหว

        ปวีณจะใช้ไอพ้นบินหนี แต่ทว่าโดนUnlifeตัวหนึ่งดึงขาเอาไว้ในจังหวะที่จะบินขึ้น ร่างทั้งสองตกลงสู่พื้น แต่ปวีณใช่ร่างของตนเองรับแรงกระแทกแทน

        “ไอ้บ้า” ปวีณตะโกนใส่Unlife

        Unlifeจะโจมตีถูกร่างของตูน แต่!

        ฉึก!

        ปวีณพลิกตัวกลับรับการโจมตีจากปลายนิ้วของUnlifeแทงทะลุด้านหลังของBattle suit สัมผัสโดนหลังของปวีณ โชคดีที่แผลไม่ลึก แต่ก็มากพอจะสร้างความเจ็บปวดให้ปวีณได้

        “ว๊าก!” ปวีณเหวี่ยงตัวพาให้ร่างของUnlifeลอยกระเด็นออกไป “แก” เขาเริ่มสติเลือนลางเข้าไปทุกทีเพราะความเจ็บปวด

        “ปวีณ” เรนในชุดBattle suitบินเข้ามาช่วยปวีณและตูน แต่ทว่าตอนนี้ปวีณลมลงหมดสติอยู่ที่พื้นแล้ว





    ในบ้านหลังที่เป็นทางเข้าลับอีกทางของODE. หลังเดียวกับที่กชเคยมา ปวีณยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองจุดเดียวกับกช

        เด็กหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

        “เฮ้ย ปวีณ” เสียงของกชดังขึ้น

        “มีอะไร” ปวีณหันตัวมามองหน้าเพื่อน แต่ด้วยนิสัยของกชซึ่งไม่เคยมองหน้าคู่สนทนา จึงไม่ได้มองหน้าเขาตอบ

        “นาย….” ก่อนที่กชจะได้พูดอะไรออกไป ปวีณก็ตัดบทไปซะก่อน

        “นี้ กช นายเคยคิดอะไรบ้างมะ เกี่ยวกับคนใกล้ตัวนะ” ปวีณถามกช

        “พูดออกมาให้หมดเลย ว่าแก่ต้องการอะไร” กชบอกกับปวีณ

        “ฉันรู้สึกว่ามีบางคนที่ใกล้เราเอามากๆ จนเรารู้สึกว่าถูกจับตามอง” ปวีณบอกกับกช

        “นี่ นายจะบอกว่าที่เจถูกจับตามองมันแปลกหรอ”” กชถาม

        “ถ้าแค่เจ๊แก่ถูกจับตามองปกตินะมันไม่แปลกหรอก แต่ว่าฉันมีความรู้สึกว่าอะไรบางอย่างที่มันลึกกว่านั้น และบางที่มันอาจเป็นคนที่ใกล้ตัวจนคิดไม่ถึงก็ได้” ปวีณตอบกลับ

        “แล้วแกคิดว่าเป็นใครละ” กชถาม

        “โอ้โห นี้ถ้าฉันรู้จะมาปรึกษาแกไหมเฮอะไอ้กช”    ปวีณถามกลับ



        “อ้าวตื่นแล้วหรือจ๊ะ” แตงหันมาเห็นตูนซึ่งนอนอยู่บนเตียง ซึ่งตอนนั้นเธอลืมตาขึ้นพอดี

        “นี่.. ODE.” ตูนพูดขึ้น “พวกเธอ” ตูนมองไปรอบห้องเห็นเจ แตง เชอร์รี่

        “พวกเราก็เป็นเหมือนเธอนั้นแหละจ๊ะ” แตงตอบ “เป็นเจ้าหน้าที่ในนี้เหมือนกัน”

        “ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ละ” ตูนถามเด็กสาวทั้งสาม    

        “ปวีณไปช่วยเธอนะ แล้วคุณเรนก็ตามไปช่วยปวีณอีกที” เจเล่าให้ตูนฟัง

        “ปวีณหรอ งั้นคนที่ฉันเห็นก่อนหมดสติก็ปวีณนะสิ” ตูนถาม

        “ใช่” เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงในสามสาว แต่นั้นกลับเป็นเสียงของกช “เออเจ มีเรื่องอยากคุยด้วยแนะ ไอ้วีน(ปวีณ)มันให้มาตาม”

        “หะ ไอ้ปวีณมันมีเรื่องถึงต้องให้แก่มาเรียก” เจถามกลับ

        “ก็ไปถามมันเอาเองละกัน”

        แล้วเจก็เดินตามกชออกไป



        ปวีณนั่งมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกภายในห้องพักส่วนตัวของเขา

        ก๊อกๆๆ

        มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปวีณหันไปมองที่ประตูห้องและเขาก็เห็นเด็กสาวในวัยเดียวกัน ไว้ผมยาวหน้าตากวนประสาทนิดๆ ใส่เสื้อยืดแขนสั้น แต่ว่าตอนนี้เธอคงจะกวนประสาทใครไม่ใหวแล้วละ เพราะที่แขนขวาเธอก็มีผ้าพันแผลพันตั้งแต่ไหล่ถึงข้อมือ

        “ไม่อยากเชื่อว่าแกจะบ้าขนาดไปช่วยคนอื่นด้วยตัวคนเดียว” เด็กสาวนั้นคุยกับปวีณ

        “จะพูดอะไรอีกละตี่?” ปวีณถามกลับไป

        “ป่าว ก็แค่พูดไปงั้นๆแหละ” ตี่กวนปวีณ(เอาเป็นว่ารายนี้กวนประสาทได้ทุกสถานการณ์

        “…”

        “เออ แล้วก็มีข้อมูลจะเอามาให้แนะ” ตี่ยื่นแผ่นCD-Rให้ปวีณ

        “อะไร” ปวีณถามกลับ

        “เห็นว่าบางทีมันอาจมีข้อมูลกับแก่มากกว่ากับฉัน”

        “…” ไม่มีคำตอบจากปวีณหลังจากที่เขาจ้องCD-Rแผ่นนั้น

        “เอาเหอะๆ ฉันไปดีกว่า” ตี่พูดจบก็เดินออกจาห้องและปิดประตู



        ตี่ซึ่งกำลังจะเข้าห้องส่วนตัวของเธอก็โดนเสียงหนึ่งลั้งไว้

        “เฮ้” เสียงแชร์ดังขึ้น

        “ยุ่งจริงแกนี้ ฉันจะนอนแล้วอย่ามายุ่ง” แล้วเธอก็ปิดประตูใส่หน้าแชร์เต็มๆ

        “ไม่คุยกันหน่อยหรอ?” แชร์ยืนงงอยู่หน้าห้องตี่



        “ฉันจะไปนอนแล้วนะ” ตูนลุกขึ้นจากเตียงคนไข้ในห้องพยาบาลและเดินออกจากห้องทันที

        เด็กสาวเดินไปตามทางตรงไปยังส่วนของห้องพัก และทางนั้นเองเธอเดินห้องของปวีณ  

        เด็กสาวมองไปที่ประตูห้องนั้น เป็นเชิงขอบคุณ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากไปยุ่งกับเขาถ้าหากเจ้าของห้องปิดประตูไว้ จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปยังห้องของเธอซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของปวีณ



        ปึ้ง

        ตูนหันหลังกลับมาดูก่อนที่เธอจะเข้าห้องไป เธอจึงพบว่ามีบางคนที่หน้าหนาเอามากๆ กชนั้นเอง เขาเดินนำหน้าเจมาและเปิดประตูห้องปวีณโดยไม่สนใจเจ้าของห้อง และพาเจเข้าไป แต่ทว่า

        “เฮ้ย ไอ้กช นอกจากอารมณ์แก่จะไม่เคลื่อนที่แล้วยังหน้าด้านอีกนะ”

        “เออ รีบคุยเร็วจะได้ไปนอน” แล้วกชก็เดินเข้าห้องปวีณไปหน้าด้านๆ

        แล้วปวีณก็ปิดประตูตามไป แต่เขาหันไปมองตูนก่อนที่เขาจะปิดประตู

        “อ้าว นี้เป็นห้องตูนหรอกหรอ ฝันดีนะ” ปวีณยิ้มให้ตูนก่อนที่จะปิดประตูห้อง



        กชและปวีณเล่าเรื่องที่ปวีณวิเคราะห์เกี่ยวกับสายตาที่จ้องเจให้เจได้ฟัง และดูเหมือนเด็กสาวจะรู้สึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×