ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การย่างก้าวของบางอย่าง
บทที่ 3
การย่างก้าวของบางอย่าง
    ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่วุ่นวายที่สุด และดูเหมือนอะไรอะไรรอบตัวก็อันตรายไปหมด ดังนั้นปวีณ กช แตง เจ จึงตัดสินใจที่จะไปอาศัยที่ODE.กันก่อน ร่วมไปถึงเชอรี่ด้วย ถึงแม้ปกติเธอจะอยู่คนเดียวอยู่แล้ว แต่ในกรณีนี้ดูจะอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่คนเดียว
    “นี่ พี่เรนแล้วบ้านพี่เป็นไงบ้างครับ โดนพวกUnlifeโจมตีรึเปล่า” กชถามเรน
    “เละเลยละ พี่เลยต้องอยู่ที่นี้ด้วยไง” เรนตอบกลับ
    เจซึ่งแยกตัวมาอยู่คนในห้องบัญชาการใหญ่ กำลังนั่งคิดถึงสิ่งที่ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเช้าในห้องเรียน สายตาคู่หนึ่งที่ทำให้เธอตกใจสุกขีดจนไม่อาจเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ เธอมั่นใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นแน่นอน มากกว่าสายตาจากเพื่อน มากกว่าสายตาที่มองเพียงผิวเผิน แต่สายตาคู่นั้นกำลังเจาะเข้าไปในตัวเธอ และยิ่งไปกว่านั้น บางอย่างในตัวเธอกำงลังบอกเธอว่าไม่ได้มีสายตาเพียงคู่เดียวแน่นอนที่กำลังจ้องเธอและเพื่อนๆของเธออยู่
    ณ บ้านของเด็กชายคนที่อยู่กับเด็กแฝดที่โรงเรียน บ้านที่ว่างเปล่าเงียบเหงาเพราะมีเพียงเขาอยู่บ้านเพียงคนเดียว เขากำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างจากระบบเก็บข้อมูลของเครือข่ายข้อมูลบางอย่าง
    ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นทางเข้าODE.เช่นกัน โดยที่บ้านสองชั้นหลังนี้ไม่ได้ตั้งห่างจากทางเข้าปกติเท่าใดนัก
    ที่ระเบียงบ้านชั้นสอง กชยืนพิงรั้วระเบียงแหงนหน้ามองฟ้า นึกถึงเทศการลอยกระทงเมือปีก่อนที่เขาต้องไปลอยกระทงกับเรน เพราะพ่อแม่ของเขาติดธุระที่สำนักงานODE.สาขาออสเตรเลีย ในขณะที่กชกำลังอยู่กับภาพอดีตนั้นเอง เรนก็เดินเข้ามาใกล้กชโดยที่กชไม่รู้สึกตัว
    “เหม่อมองอะไรอยู่จ๊ะกช” เรนถามกชด้วยเสียงอ่อนหวาน
    “กำลังมองหาความเป็นจริงของผมเองครับ” กชหันหน้ามาจ้องหน้าเรน เรนยิ้มรับคำตอบนั้นจากกช และเธอก็เดินไปอยู่ที่ระเบียง เท้าแขนกับราวระเบียงและมองไกลออกไป
    “ตัวเธอเองงั้นหรือ บางที่นะ ตัวเราเองก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเรานะเป็นอะไร แต่เราก็จะรู้เองสักวันว่าตัวเรานะสามารถทำความจริงที่ไม่อาจเป็นความจริงให้เป็นจริงได้” เรนบอกกับกช
    “พี่เรน พี่คิดยังไงกับผม” กชถามเรน
    “เธอนะเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่ และ ” เรนหยุดไปเฉยๆ
    “และอะไรครับ” กชพยายามให้เรนพูดต่อ
    “อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่าเธอเป็นคนดีมากคนหนึ่งละกัน” เรนบอกกับกช
    “พี่เรน” กชเข้ากอดเรน ตอนนี้ในใจเด็กชายร่างโตคนนี้มีความเหงาที่โดดเดี่ยวจากการจากไปของพ่อและแม่ ที่เขาจะต้องพากลับให้ได้
    “ว๊ากกกกกกก! ทำไมเป็นงี้วะ!” ปวีณตะโกนระบายอารมณ์ที่โมโหสุดขีดอยู่ต่อหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องทดลองใหญ่
    “เป็นอะไรของแกวะไอ้ปวีณ” กชถาม ซึ่งเขาอยู่ที่นี่เพื่อคำนวณหาเวลาที่มีความเป็นไปได้ว่ามิติของUnlifeจะเชื่อมกับโลก
    “ก็ตามหลักทฤษฎีแล้วมันหน้าจะหาพวกคุณแม่เจอแล้วนี่นา แต่ทำไมมันกลับจับสัญญาณอะไรไม่ได้เลยละ” ปวีณตอบกลับ
    กชนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร แต่ในความเงียบของกชนั้นแฝงไปด้วยความกัลวล ซึ่งปวีณก็รู้สึกถึงความกัลวลของกช แต่เขาไม่อาจบอกได้ว่าเป็นอะไร
    เช้ารุ่งขึ้นที่โรงเรียนซึ่งเด็กชายฝาแฝดเดินเข้ามาในห้องและจัตรงไปคุยกับเพื่อนของเขาคนที่เดินมาหาเขาเมื่อวานนี้ แต่เด็กชายคนนั้นกลับยืนคุยกับเด็กผู้หญิงอีกคนในห้องเรียนที่เกือบว่างเปล่า เพราะเด็กนักเรียนส่วนใหญ่และครอบครัวหนีไปอยู่ที่อื่นกันแล้ว
    ทั้งเด็กชายคนนั้นและเด็กผู้หญิงที่ยืนคุยอยู่ โดยที่เด็กชายผมตั้งหน้าเข้มคนนั้นยืนพิงขอบหน้าต่างชื่อของเขาคือ
    “แชร์เรื่องเมื่อวานมันเป็นยังไง พอดีว่านอนซมเพราะพิษไข้อยู่นะ” เด็กผู้หญิงผมสั้นที่คอหน้าตาเข้มคนนั้นถามแชร์ ชื่อของเธอคือ
    “แพ็ต บางที่เรื่องราวมันก็ไม่ได้บอกกันง่ายๆนะ” แชร์ตอบ และเขากลับหลังหันหน้าออกหน้าต่างและยืนมือออกไปรับลมที่พัดแปรปรวนอยู่ข้างนอก และพูด “เรื่องราวมันสับสนราวกับสายลมที่พัดกระทบมือของฉันอยู่ตอนนี้ไงละ” แชร์ชักมือกลับเข้าหาตัว “ฉันถึงบอกเธอไม่ได้”
    เด็กชายฝาแฝด ซึ่งทั้งสองสวมแว่นเหมือนกัน และมีสีหน้ากวนประสาทพอควรแต่ในส่วนลึกนั้นก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น คนพี่นั้นชื่อพิชน์ และคนน้องชื่อ พัชน์
    ทั้งสองเดินเข้าไปหาแชร์และแพ็ต แม้ว่าสีหน้าของแชร์และแพ็ตจะจะแสดงการกัลวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้สถานะการณ์ตึงเครียดตาม
    ที่ห้องเรียนของพวก เจ แตง เชอรี่ ปวีณ กช ก็ไม่ได้สุขสันต์ไปกว่ากันสักเท่าไร และยิ่งทุกคนต้องระวังสายตาลึกลับที่จ้องมองพวกเขาอีก
    “ฮ่าๆๆๆ” เสียงเด็กสาวผมสีน้ำตาล ใบหน้ายิ้มแย้มดังจนทั้งห้องได้ยิน
    “เฮ้ยอัลฟ์ จะหัวเราะอะไรขนานนั้นวะแก” เด็กผู้หญิงผมยาวผิวคล้ำอีกคนพูดเตือน
    “เออๆ ขอโทษที่ติ่ง” อัลฟ์ตอบกลับไป
    “นี่ๆ รู้สึกไหมว่าพวกเจวันนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ” เด็กผู้หญิงผมสั้นหน้าตากลมพูดขึ้น
    “พลอย แล้วมันทำให้เธอได้เกรดสี่ไหม” เด็กผู้ชายตัวสูงผิวดำที่เดินผ่านมาพูดขึ้น
    “ฉันไม่ได้ถามแก่สักหน่อยไอ้คัมภีร์” พลอยตอบกลับ
    “โหแย่จริงๆ นี่เธอว่า pretty boy cherry boy* อย่างฉันได้ไงนะ?” คัมภีร์ตอบกลับ(* หมายถึงเด็กนารัก รักเรียน นิสัยดี)
    “เจ เมื่อคืนนี้เจ๊นั่งคิดอะไรคนเดียวในห้องบัญชาการนะ” ปวีณถามเจ
    “ก็นั่งคิดไปเรื่อยๆนะ !” เจตอบกลับ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอรู้สึกถึงสายตาที่จ้องเธอ แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่สายตาคู่เดียวกับที่จ้องเธอเมื่อวาน
การย่างก้าวของบางอย่าง
    ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่วุ่นวายที่สุด และดูเหมือนอะไรอะไรรอบตัวก็อันตรายไปหมด ดังนั้นปวีณ กช แตง เจ จึงตัดสินใจที่จะไปอาศัยที่ODE.กันก่อน ร่วมไปถึงเชอรี่ด้วย ถึงแม้ปกติเธอจะอยู่คนเดียวอยู่แล้ว แต่ในกรณีนี้ดูจะอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่คนเดียว
    “นี่ พี่เรนแล้วบ้านพี่เป็นไงบ้างครับ โดนพวกUnlifeโจมตีรึเปล่า” กชถามเรน
    “เละเลยละ พี่เลยต้องอยู่ที่นี้ด้วยไง” เรนตอบกลับ
    เจซึ่งแยกตัวมาอยู่คนในห้องบัญชาการใหญ่ กำลังนั่งคิดถึงสิ่งที่ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเช้าในห้องเรียน สายตาคู่หนึ่งที่ทำให้เธอตกใจสุกขีดจนไม่อาจเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ เธอมั่นใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นแน่นอน มากกว่าสายตาจากเพื่อน มากกว่าสายตาที่มองเพียงผิวเผิน แต่สายตาคู่นั้นกำลังเจาะเข้าไปในตัวเธอ และยิ่งไปกว่านั้น บางอย่างในตัวเธอกำงลังบอกเธอว่าไม่ได้มีสายตาเพียงคู่เดียวแน่นอนที่กำลังจ้องเธอและเพื่อนๆของเธออยู่
    ณ บ้านของเด็กชายคนที่อยู่กับเด็กแฝดที่โรงเรียน บ้านที่ว่างเปล่าเงียบเหงาเพราะมีเพียงเขาอยู่บ้านเพียงคนเดียว เขากำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างจากระบบเก็บข้อมูลของเครือข่ายข้อมูลบางอย่าง
    ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นทางเข้าODE.เช่นกัน โดยที่บ้านสองชั้นหลังนี้ไม่ได้ตั้งห่างจากทางเข้าปกติเท่าใดนัก
    ที่ระเบียงบ้านชั้นสอง กชยืนพิงรั้วระเบียงแหงนหน้ามองฟ้า นึกถึงเทศการลอยกระทงเมือปีก่อนที่เขาต้องไปลอยกระทงกับเรน เพราะพ่อแม่ของเขาติดธุระที่สำนักงานODE.สาขาออสเตรเลีย ในขณะที่กชกำลังอยู่กับภาพอดีตนั้นเอง เรนก็เดินเข้ามาใกล้กชโดยที่กชไม่รู้สึกตัว
    “เหม่อมองอะไรอยู่จ๊ะกช” เรนถามกชด้วยเสียงอ่อนหวาน
    “กำลังมองหาความเป็นจริงของผมเองครับ” กชหันหน้ามาจ้องหน้าเรน เรนยิ้มรับคำตอบนั้นจากกช และเธอก็เดินไปอยู่ที่ระเบียง เท้าแขนกับราวระเบียงและมองไกลออกไป
    “ตัวเธอเองงั้นหรือ บางที่นะ ตัวเราเองก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเรานะเป็นอะไร แต่เราก็จะรู้เองสักวันว่าตัวเรานะสามารถทำความจริงที่ไม่อาจเป็นความจริงให้เป็นจริงได้” เรนบอกกับกช
    “พี่เรน พี่คิดยังไงกับผม” กชถามเรน
    “เธอนะเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่ และ ” เรนหยุดไปเฉยๆ
    “และอะไรครับ” กชพยายามให้เรนพูดต่อ
    “อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่าเธอเป็นคนดีมากคนหนึ่งละกัน” เรนบอกกับกช
    “พี่เรน” กชเข้ากอดเรน ตอนนี้ในใจเด็กชายร่างโตคนนี้มีความเหงาที่โดดเดี่ยวจากการจากไปของพ่อและแม่ ที่เขาจะต้องพากลับให้ได้
    “ว๊ากกกกกกก! ทำไมเป็นงี้วะ!” ปวีณตะโกนระบายอารมณ์ที่โมโหสุดขีดอยู่ต่อหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องทดลองใหญ่
    “เป็นอะไรของแกวะไอ้ปวีณ” กชถาม ซึ่งเขาอยู่ที่นี่เพื่อคำนวณหาเวลาที่มีความเป็นไปได้ว่ามิติของUnlifeจะเชื่อมกับโลก
    “ก็ตามหลักทฤษฎีแล้วมันหน้าจะหาพวกคุณแม่เจอแล้วนี่นา แต่ทำไมมันกลับจับสัญญาณอะไรไม่ได้เลยละ” ปวีณตอบกลับ
    กชนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร แต่ในความเงียบของกชนั้นแฝงไปด้วยความกัลวล ซึ่งปวีณก็รู้สึกถึงความกัลวลของกช แต่เขาไม่อาจบอกได้ว่าเป็นอะไร
    เช้ารุ่งขึ้นที่โรงเรียนซึ่งเด็กชายฝาแฝดเดินเข้ามาในห้องและจัตรงไปคุยกับเพื่อนของเขาคนที่เดินมาหาเขาเมื่อวานนี้ แต่เด็กชายคนนั้นกลับยืนคุยกับเด็กผู้หญิงอีกคนในห้องเรียนที่เกือบว่างเปล่า เพราะเด็กนักเรียนส่วนใหญ่และครอบครัวหนีไปอยู่ที่อื่นกันแล้ว
    ทั้งเด็กชายคนนั้นและเด็กผู้หญิงที่ยืนคุยอยู่ โดยที่เด็กชายผมตั้งหน้าเข้มคนนั้นยืนพิงขอบหน้าต่างชื่อของเขาคือ
    “แชร์เรื่องเมื่อวานมันเป็นยังไง พอดีว่านอนซมเพราะพิษไข้อยู่นะ” เด็กผู้หญิงผมสั้นที่คอหน้าตาเข้มคนนั้นถามแชร์ ชื่อของเธอคือ
    “แพ็ต บางที่เรื่องราวมันก็ไม่ได้บอกกันง่ายๆนะ” แชร์ตอบ และเขากลับหลังหันหน้าออกหน้าต่างและยืนมือออกไปรับลมที่พัดแปรปรวนอยู่ข้างนอก และพูด “เรื่องราวมันสับสนราวกับสายลมที่พัดกระทบมือของฉันอยู่ตอนนี้ไงละ” แชร์ชักมือกลับเข้าหาตัว “ฉันถึงบอกเธอไม่ได้”
    เด็กชายฝาแฝด ซึ่งทั้งสองสวมแว่นเหมือนกัน และมีสีหน้ากวนประสาทพอควรแต่ในส่วนลึกนั้นก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น คนพี่นั้นชื่อพิชน์ และคนน้องชื่อ พัชน์
    ทั้งสองเดินเข้าไปหาแชร์และแพ็ต แม้ว่าสีหน้าของแชร์และแพ็ตจะจะแสดงการกัลวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้สถานะการณ์ตึงเครียดตาม
    ที่ห้องเรียนของพวก เจ แตง เชอรี่ ปวีณ กช ก็ไม่ได้สุขสันต์ไปกว่ากันสักเท่าไร และยิ่งทุกคนต้องระวังสายตาลึกลับที่จ้องมองพวกเขาอีก
    “ฮ่าๆๆๆ” เสียงเด็กสาวผมสีน้ำตาล ใบหน้ายิ้มแย้มดังจนทั้งห้องได้ยิน
    “เฮ้ยอัลฟ์ จะหัวเราะอะไรขนานนั้นวะแก” เด็กผู้หญิงผมยาวผิวคล้ำอีกคนพูดเตือน
    “เออๆ ขอโทษที่ติ่ง” อัลฟ์ตอบกลับไป
    “นี่ๆ รู้สึกไหมว่าพวกเจวันนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ” เด็กผู้หญิงผมสั้นหน้าตากลมพูดขึ้น
    “พลอย แล้วมันทำให้เธอได้เกรดสี่ไหม” เด็กผู้ชายตัวสูงผิวดำที่เดินผ่านมาพูดขึ้น
    “ฉันไม่ได้ถามแก่สักหน่อยไอ้คัมภีร์” พลอยตอบกลับ
    “โหแย่จริงๆ นี่เธอว่า pretty boy cherry boy* อย่างฉันได้ไงนะ?” คัมภีร์ตอบกลับ(* หมายถึงเด็กนารัก รักเรียน นิสัยดี)
    “เจ เมื่อคืนนี้เจ๊นั่งคิดอะไรคนเดียวในห้องบัญชาการนะ” ปวีณถามเจ
    “ก็นั่งคิดไปเรื่อยๆนะ !” เจตอบกลับ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอรู้สึกถึงสายตาที่จ้องเธอ แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่สายตาคู่เดียวกับที่จ้องเธอเมื่อวาน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น