คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1 : RING FINGER
บทที่ 1
“แม่คะ หนูไปทำงานก่อนนะคะ” แอนดี้เดินไปจูบแก้มแม่ในครัว พร้อมกับกอดหนึ่งที
“โชคดีนะลูก รีบกลับล่ะ วันนี้แม่จะทำของโปรดลูกเป็นอาหารเย็น” เทรซี่ยิ้มหวาน ลูบแก้มลูกสาวแสนสวยอย่างอ่อนโยน แอนดี้ยิ้มอีกครั้งแล้วพยักหน้ารับทราบ
“วันนี้พ่อไม่ไปทำงานเหรอคะ?” แอนดี้ถามโจนาธาน พ่อของเธอที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขกขณะที่เธอกำลังเดินผ่านเพื่อจะออกจากบ้าน
“วันนี้พ่อรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ลาสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอก” โจนาธานตอบทั้งๆ ที่ยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ท่าเดิม ก็ดูไม่เห็นว่าจะไม่สบายตรงไหนเลย แอนดี้คิด แต่เธอก็ไม่สนใจแล้วเดินออกจากบ้านไป
แอนดี้เอากระเป๋าไปใส่ท้ายรถ ระหว่างที่กำลังจะนั่งลงตรงที่นั่งคนขับ เธอก็เหลือบไปเห็นที่พื้นมีรอยคราบสีแดงจางๆ อยู่เป็นจุดๆ แอนดี้ขมวดคิ้วย่นมองรอยนั้นอยู่สักพัก แล้วเธอก็ตัดสินใจเรียกสุนัขตัวเดียวของบ้านออกมา
“รู้คกี้ รู้คกี้! มานี่เร็ว วี้!” แอนดี้ผิวปากเรียก สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้วิ่งออกมาจากหลังบ้าน กระดิกหางดิ๊กๆ ให้เธอ แอนดี้ตรวจดูตามตัวของมันเพื่อตรวจหาบาดแผลที่อาจจะมีเลือดออก เพราะเธอสงสัยว่าไอ้คราบสีแดงๆ นั่นอาจจะเป็นคราบเลือดของเจ้านี่ก็ได้ แต่เมื่อตรวจดูแล้วไม่พบ เธอก็เลิกสนใจคราบนั่นไปโดยสิ้นเชิง
พอเธอขึ้นรถปุ๊บ โทรศัพท์มือถือก็สั่นปั๊บ เธอหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ แล้วเสียบแจ็กใส่โทรศัพท์ แล้วกดปุ่ม “ค่ะ แอนดี้พูด กำลังไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ได้ค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
แอนดี้ขับรถมุ่งหน้าไปทำงานทันที เธอทำงานอยู่กับนิตยสารหนึ่ง เป็นช่างทำผม ช่างแต่งหน้าให้กับนางแบบนายแบบที่จะมาถ่ายแบบให้กับทางบริษัท เธอชอบงานนี้ เพราะเธอมีความสุขที่ได้เห็นคนที่ตนเองแปลงโฉมให้มีความสุขเมื่อได้เห็นความงามของตัวเองในกระจก เหมือนกับมีเวทมนต์เสกความสุขให้กับคนอื่นได้
บริษัทที่เธอทำอยู่เป็นบริษัทเล็กๆ แต่ยังคงอยู่ได้เพราะฝีมือของผู้บริหารและตัวพนักงานเอง ประกอบกับนิตยสารของบริษัทเธอนั้นเป็นที่นิยมของวัยรุ่นในเมืองนี้ด้วย ความจริงเธออยากไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ มีงานเยอะมากกว่านี้ แต่เนื่องจากเธอเป็นคนไม่ค่อยชอบเดินทางห่างไกลจากครอบครัว จึงยอมที่จะทำงานบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
เธอร้องเพลงไปขับรถไปอย่างมีความสุข เวลาที่เธอกำลังสุขใจ กลับเป็นเวลาที่มีคนกรีดร้องโหยหวนเมื่อพบศพหญิงวัยกลางคนในถังขยะข้างๆ แฟลตที่ห่างจากแอนดี้ไปเพียงสองบล็อคเท่านั้น
รถตำรวจหลายคันจอดกันเกะกะอยู่บนถนนสายหนึ่ง เทปสีเหลืองสลับดำถูกขึงกั้นผู้คนให้ออกห่างจากเกิดเหตุ ตำรวจแผนกสืบสวนสอบสวนเข้าควบคุมพื้นที่ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก้มๆ เงยๆ อยู่รอบๆ ศพ ส่วนแพทย์ชันสูตรพลิกศพก็ยืนจดรายละเอียดพร้อมกับคุยกับหัวหน้าตำรวจ
บรรยากาศเป็นไปด้วยความหมองหม่น ความสะพรึงกลัวของประชาชนที่มาแห่มุงดู ผู้หญิงส่วนมากพอเห็นสภาพศพก็ต่างปิดหน้าร้องไห้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเครือญาติหรือแม้แต่คนรู้จักกับผู้เสียชีวิต บางคนถึงกับเป็นลมหรือไม่ก็วิ่งออกไปอาเจียนเลยก็มี
หน้าของผู้เสียชีวิตดูแทบไม่ออกเลยว่าเป็นใคร มีร่องรอยการทุบและกรีดหน้าจนดูไม่เป็นคนอีกต่อไป ตามร่างกายมีรอยจ้ำเขียวเต็มไปหมด เสื้อผ้าขาดวิ่น ดูเหมือนผ้าขี้ริ้วมากกว่าจะเป็นชุดเดรส ศพอยู่ในสภาพนอนแผ่อยู่ในถังขยะขนาดใหญ่ มีเพียงส่วนหัวและเท้าข้างขวาเท่านั้นที่โผล่ออกมากท่ามกลางขยะที่ถูกทับถมลงไป
ผู้พบศพคนแรกเป็นหญิงร่างเล็กอายุยี่สิบแปดปี เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารข้างๆ ช่องทางเดินที่ถังขยะนี้วางอยู่ หล่อนมาทำความสะอาดตอนเช้าเพื่อเตรียมเปิดร้าน แต่ตอนที่เอาขยะมาทิ้งนั่นเอง ทำให้เป็นศีรษะของศพชี้ตั้งขึ้นมาท่ามกลางขยะ
“ตรวจสอบแล้วได้ผลว่าไงบ้าง?” จอห์น เคอลี่ สารวัตรจากกรมตำรวจหันมาถามลูกน้องกองพิสูจน์หลักฐาน
“ผู้พบศพคนแรกคือมิเชล ทรีส อายุยี่สิบแปดปี กำลังเอาขยะออกมาทิ้งประมาณหกโมงสิบนาที ก็จ๊ะเอ๋กับศพพอดี หลังจากนั้นหล่อนก็เป็นลมล้มหมดสติไปเลย” คริสโตเฟอร์ บาควิลล์ ฝ่ายแผนกพิสูจน์หลักฐานเริ่มให้ข้อมูล
“แล้วผู้ตายล่ะ?”
“ผู้ตายชื่อเจเน็ต ฮอบกิ้นส์ อายุสามสิบสามปี เป็นคนทำความสะอาดอพาร์ทเมนต์เก่าๆ ที่อยู่ถัดไปอีกสามบล็อค มีครอบครัวแล้ว ลูกสองคน สามีชื่อจิมมี่ ฮอบกิ้นส์ เป็นคนซ่อมเครื่องยนต์อยู่ในอู่ ตอนนี้เราติดต่อกับครอบครัวผู้ตายแล้ว คิดว่าอีกไม่เกินสิบนาทีน่าจะมาถึงครับ”
“แล้วมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ไหม?”
“ไม่มีครับ ช่วงที่ผู้ตายเสียชีวิตคือประมาณเที่ยงคืนถึงตีสาม เป็นช่วงที่ปลอดคนที่สุดในแถบนี้”
“แล้วดึกๆ ดื่นๆ หล่อนมาเดินแถวนี้ทำไมเนี่ย” สารวัตรเคอลี่พูดพึมพำ กำลังคิดถึงเหตุผล
“เราติดต่อเพื่อนของหล่อนได้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มิสแคทเลอร์ เดซี่ แคทเลอร์ ผู้ตายกับเพื่อนอีกหลายคนอยู่ฉลองงานวันเกิดให้มิสแคทเลอร์ที่ร้านถัดไปอีกบล็อคหนึ่ง เพื่อนคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับนานแล้วจนเหลือแต่มิสแคทเลอร์กับผู้ตายที่อยู่เป็นคู่สุดท้าย แล้วก็ต่างคนต่างแยกกันกลับ”
“อืม แล้วมีอะไรอีกไหม? อย่างเช่น ของหาย?”
“ทุกอย่างอยู่ครบครับ ไม่น่าจะเป็นคดีชิงทรัพย์ หรือถึงแม้จะเป็นคดีชิงทรัพย์ก็เถอะ แต่ก็ไม่น่าจะทั้งทุบทั้งกรีดหน้าศพซะเละขนาดนี้”
“ผมก็คิดแบบนั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณก็ไปทำงานต่อเถอะ” สารวัตรเคอลี่ทำท่าจะเดินหันหลังกลับไปดูสภาพศพต่อ แต่ก็โดนลูกน้องขัดขึ้น
“เอ่อ ลืมบอกไปอีกอย่างครับสารวัตร จริงๆ แล้วก็มีของอย่างนึงหายไปครับ ตอนนี้ยังค้นหาไม่พบด้วย”
“อะไร?” เคอลี่หันมาให้ความสนใจทันที
ความคิดเห็น