สงครามฝ่าวีรชน - นิยาย สงครามฝ่าวีรชน : Dek-D.com - Writer
×

    สงครามฝ่าวีรชน

    นายทหารที่ถูกคัดเลือกให้ร่วมรบในสงครามที่ทั้งโลกจะตั้งสั่นสะเทือน ไม่ว่าท้องฟ้าหรือพื้นดินก็มีเพียงการสู้รบและการห้ำหั่นไร้ซึ่งความสงบและการเริ่มต้นในครั้งอดีตกาล

    ผู้เข้าชมรวม

    339

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    339

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 67 / 13:55 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    สงครามโลกครั้งที่ 1 การเริ่มต้นของหายนะที่เกิดขึ้นโดยมีมวลมนุษยชาติเป็นต้นเหตุ

    สงครามโลกครั้งที่ 2 การสร้างระเบิดปรมาณูและเหตุการณ์สำคัญที่สืบต่อ 

    ไม่มีสิ่งใดจบลงด้วยสันติภาพหรือถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็ราวกับปาฎิหารย์ เหล่าทหารทุกนายจับกระบอกปืนอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อปกป้องเหล่าสหายพวกเขาทุกคนต่างพร้อมที่จะแลกด้วยชีวิต


    เมื่อครั้งอดีตกาลเหล่ากองอัศวินแห่ง คาเมล็อตผู้ภักดีต่อผู้เป็นกษัตริย์ต่างจับดาบเพื่อสิ่งที่ตนปราณนาและเจตจำนงของผู้เป็นนายและจุดจบที่แสนน่าอนาถแต่แลกกับเกียรติของผู้เป็นอัศวิน


    สงครามที่เหล่านักรบสปาร์ตันผู้ห้าวหาญที่สู้จนถึงแก่กรรมแต่ไม่เคยถอยหนีแม้แต่นิด กลับเข้าไปสู้กับศัตรูอย่างองอาจ


    ตลอดหลายพันปีสิ่งที่เรียกว่าสงครามก็ไม่ต่างอะไรจากความตายที่เริ่มและสิ้นสุดโดยมนุษย์ถึงจะเป็นสงครามเพียงเล็กน้อยแต่มันก็ส่งผลถึงทั่วโลกไม่มีวันหยุดหย่อน 

    คำทำนายแห่งหายนะได้เริ่มต้น



    ในศูนย์ฝึกพลทหารบกที่สหรัฐอเมริกา

    "นายทหารทุกนาย!!!!"

    เสียงตะโกนดังลั่นของจ่าสิบโทหน้าตาไม่รับญาติที่สั่งให้ไปวิ่งรอบสนามจนกว่าจะอ้วกแตก

    อากาศที่แจ่มใสท้องฟ้าเปิดแบบนี้แต่กลับจะต้องมาจับปืนที่แสนน้ำหนักมากแต่สามารถเลือกได้ตามต้องการว่าต้องการฝึกรูปแบบไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นทหารแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา 

    เหมือนกับซวยซ้ำซวยซ้อน พระเจ้าต้องการจะลงโทษผมเลยถูกจับให้ไปประจำตำแหน่งเป็นหน่วยรบพิเศษโดยที่ผมไม่ใช่คนที่เซ็นสัญญายินยอมเลยแม้แต่น้อย

    ในยุคที่มีการพัฒนามากกว่ายุคเมโสโปเตเมียหรือโรมัน

    ตามหลักแล้วนั้น มนุษย์ควรที่จะมีความรู้และรับรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา

    ความโกลาหล สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด...ไม่ว่าจะทำยังไง จะเกลี้ยกล่อมแบบไหนก็ไม่มีท่าทีที่จอมพลจะยอมยุติ

    ก็คงจะห้ามไม่ได้มากเพราะผมก็เป็นแค่พบทหารที่เกลียดคร้านในสงครามก็เท่านั้น

    "พลทหาร แอลเจอร์ ทอเลมี มายืนตรงนี้"

    "ครับจ่า!"

    ผมถูกเรียกไปยืนข้างหน้าแถวและผมก็เหลือบไปเก็นว่าทุกๆคนกำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมากนั้นทำให้ผมแอบกังวลไปด้วย

    ตุบ

    ถูกจ่าเวรนี่ต่อยเข้าที่ท้องอย่างจัง

    "อึก..."

    ผมแทบทรุด อยากตอบโต้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าถ้าเกิดตอบโต้จนทำให้มันร้องโอดครวญขึ้นมาจะยุ่งเอา

    "อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะไม่รู้...ว่าแกไปแอบนินทาฉันเมื่อคืนก่อน"

    ผมรีบลุกขึ้นด้วยนัยน์ตาที่ไม่เข้าใจในคำพูดของจ่าสิบโทคนนี้ ผมไม่รู้จักชื่อหรอกเพราะเกลียดขี้หน้าถึงจะมีชื่อปักเอาไว้อยู่แต่ผมก็มักจะเมิน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่ชอบเขาแต่ผมไม่เคยนินทาหรือว่าร้ายใครลับหลังต้องมีใครทำข่าวปลอมนี้ขึ้นมาเป็นแน่

    "ลุกขึ้นพลทหาร! และจงยอมรับผิดที่แกเป็นคนก่อเอาไว้!"

    ผมลุกขึ้นยืนและตบเศษขี้ดินที่ติดกับกางเกงทั้งสอง

    และกลับมายืนตรงด้วยท่าตะเบ๊ะ โดยที่ยังมีความรู้สึกจุกๆที่ท้อง

    ผมไม่ชอบการที่จะถูกใส่ร้ายจึงยอมไม่ได้ที่จะต้องมาถูกทำร้ายทั้งๆที่ตนนั้นยังไม่ได้แก้แค้น

    "สิ่งที่จ่าได้ฟังและนำข้อมูลมานั้นไม่มีมูลแม้แต่นิดครับ!"

    จ่าคนนั้นทำสีหน้ามึนงง

    "...ไหนว่ามา"

    "ถ้าเป็นตามที่ผมคิด จ่าน่าจะได้ฟังข้อมูลนี้ในวันพุธตอนเที่ยงคืนเป็นจริงรึเปล่าครับ!"

    "อะ...อื้ม แล้วยังไงล่ะ?"

    "ถ้าเป็นอย่างงั้นผมขอชื่อของคนที่เอาไปบอกจ่าได้รึเปล่าครับ"

    ผมพูดทั้งที่ยังตั้งท่าเดิมอยู่

    "ดาเวน คอบิน!"

    จ่าสิบโทเรียกชื่อเพื่อเป็นสัญญาณ

    "จ่าครับ ดาเวนมันหนีไปแล้วครับ!"

    เป็นไปตามคาด เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้เลยหนีไปก่อน

    แต่ก็ใจกล้าไม่เบาที่ถึงกับกนีออกจากหน่วยแบบนี้โดยที่ที่นี่คือศูนย์ฝึกแนวหน้าของประเทศแต่กลับหนีความผิดข้อหาปรักปรำผู้อื่นแบบนี้ไม่โดนไล่ออกจากประเทศก็คงได้ติดคุกสถานเดียว

    "จะคิดว่าครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน แต่จำเอาไว้ว่าแกไม่ควรจะทำเรื่องแบบนี้"

    การลงโทษได้สิ้นสุดลงแต่การไล่จับตัวร้ายในคราวนี้นั้นยังไม่จบลง

    แอลเจอร์ผู้รอบรู้

    นั้นคือฉายาของผมตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนนายร้อย

    ผมแอบเขินๆกับฉายาที่ได้มาแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ


    เท่าที่ได้ข่าว ดาเวนน่าจะหนีไปได้ไม่ไกลมากนักน่าจะห่างจากศูนย์ฝึกไป 4 ไมล์

    แต่ก็ถูกพวกพลโทจับมาได้และลงโทษอย่างสาสมโดยที่ผมไม่ได้รับผลกระทบ

    ตกดึกคืนนั้น

    ผมนอนลงบนเตียงแข็งๆและพึมพำกับตัวเองว่าอยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็ต้องรีบกลับมานั้งและหันไปมองท้องฟ้ายามราตรีที่แสงจากดวงจันทร์นั้นถูกเมฆบดบัง

    ผมเอื้อมมือและรำพึงกับตัวเองในใจ ถ้าฉันย้อนเวลาได้...ฉันจะแก้หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ฉันไม่ชอบ ฉันจะแก้ไขมันให้หมดคอยดู

    เป็นเหมือนการขอไปเที่ยวหน้าร้อนแต่ก็ทำได้แค่ขอ 

    ผมกลับมามองที่มือของตนเอง

    "...ถ้าเป็นเราจะทำได้รึเปล่านะ...ไม่สิถ้ารอดชีวิตจากตรงนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังเรื่องเพ้อฝันอย่างงั้นได้เลย"

    พูดอย่างงั้นเสร็จก็เผลอหลับลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว

    .

    .

    .

    .

    .

    ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ตู้ม! ปั้ง! ตู้ม!

    เสียงของปืนและระเบิดได้เปิดฉาก นั้นทำให้แอลเจอร์ตื่นขึ้นโดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและพอมองออกไปนอกหน้าต่างก็รู้ได้ทันทีว่าพวกรัสเซียและอิตาลีบุกมาโจมตีในช่วงทีเผลอ

    "เช็คทุกห้องให้หมด!"

    ภาษารัสเซีย 

    และก็มาถึงห้องของผม มีทหารนายนึงเข้ามาแต่ผมก็หลบอยู่ตรงหลังประตูและใช้มีดสั้นแทงสันหลังคอโดยที่ไม่มีเสียงร้องออกมา

    ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ที่ผมเข้าใจตอนนี้คือผมต้องรอดจากเหตุการณ์นี้ให้รอดและมีชีวิตกลับไปโดยที่ร่างกายต้องครบ 32 

    จะยุคสมัยไหนก็ไม่ต่างกันนี่คือแก่นแท้ของมนุษย์การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ สุดท้ายผมก็จำใจเอาไว้แล้วว่าจะขอไหลตามกระแสน้ำนี้ไปถึงแม้ว่าทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังจะมีแค่ซากศพของเหล่าวีรชนครั้งอดีตก็ตามแต่ผมจะแหกด่านนั้นให้ได้เพราะนี่คือสงครามฝ่าวีรชน


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น