ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic my hero academia] x oc

    ลำดับตอนที่ #6 : จิตใจและทราย[แก้ไขตอนท้าย]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 568
      51
      23 ก.ค. 64









    หลังจากการเริ่มการฝึกฝนของยัยแม่มดแบบวนลูบมากว่าหนึ่งเดือนระหว่างนั้นผมก็มีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เข้ากับการฝึกซ้อมกินอาหารทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับร่างกายไม่งั้นผมคงทนกันฝึกฝนนี้ไม่ไหวและตายไปตั้งแต่แรกๆ 

    ยังมีอีกหลายครั้งที่ผมต้องเผชิญหน้ากับคําถามหยั่งเชิงเกี่ยวกับผู้มาต่างโลกขนก็ลุกซู่เป็นทุกที แม้จะเฉไฉมาได้ถึงตอนนี้ก็ตาม และยังต้องมาทนแรงกดดันของยัยแม่มดถึงแม้ตอนนี้จะทนได้แล้ว   แต่ก็ทนไม่ได้ตลอดถ้าอีกฝ่ายปล่อยออกมาแบบจงใจก็ทรุดเหมือนเดิม 

    โทคิวิ่งเข้าไปในป่าเรื่อยในชุดฝึกซ้อม วันนี้เป็นวันแรกที่แนวการฝึกซ้อมของผมจะเปลี่ยน จากการออกกําลังกายสร้างกล้ามเนื้อเป็นการฝึกอัตลักษณ์ที่ห่างหายไปเพราะถูกห้ามไม่ให้ใช้และไม่ให้ฝึกด้วย เผด็จการมาก!

    ที่ข้างหน้าเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่คุ้นเคยผมนั่งลงกับพื้นเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง อีกสักพักยัยแม่มดถึงจะมานั่งเล่นให้หายเหนื่อยก่อนแล้วกัน 

    ตี้ง!

    เมื่อรอไปสักระยะหนึ่งร่างของหญิงก็ปรากฏพร้อมกับลมเสมอ และเสียงที่เหมือนลิฟต์ถึงชั้น 


    ยัยแม่มดพูดออกมาทันทีที่มาถึง


    "เอาละไหนโชว์อัตลักษณ์ของนายให้ฉันดูสิ ว่าควบคุมมันได้ดีแค่ไหน" โทคิยันตัวขึ้นยืน ตั้งท่าเสกทรายขึ้นมาในมือ ไม่ใช้อัตลักษณมากว่าเดือนรู้สึกว่าควบคุมมันได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนรึเปล่านะ?

    "โชว์ลูกเล่นสิ" ลูกเล่น… แล้วโทคิก็เหมือนนึกอะไรบ้างอย่างออกทรายถูกรวบเข้ามาในมือ มือทั้งสองข้างก็กุมมันไว้หมุนไปหมุนมาราวกับปั้นอะไรบ้างอย่าง

    เธอมองอย่างสงสัยแล้วอีกฝ่ายก็ยื่นผลงานมาโชว์โทคิปั้นหน้าของเธอ…แบบบูดเบียว

    "นี้นายกวนประสาทฉันหรอ!?"โทคิเกาหัวมองผลงานตัวเองก็สวยดีนิผมนึกในใจ 

    "เอาใหม่ฉันขอดีๆอย่าหาปั้นแบบนั้นมาอีกไม่งั้นฉันฆ่านายแน่!" เสียงเข้มกล่าวอย่างจิงจัง

    โทคิก็ทําเหมือนก่อนหน้าเพียงแต่สิ่งที่ออกมาเป็นลูกหมาเธอแทบอยากจะเอาไม้เท้าเคกหัวอีกฝ่ายแรงๆว่าเลิกกวนประสาทได้แล้ว แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อเจ้าหมาในกํามือของร่างโปร่งตรงหน้าขยับได้ 

    เธอมองหน้าโทคิอย่างสงสัยทันที 

    "คือว่า…ผมรู้สึกได้นะ รู้สึกได้ว่าทรายมันมีชีวิตและควบคุมตัวเองได้เลยคิดในหัวว่ามันขยับ"ผมกล่าวตะกุตะกักไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดีรู้สึกได้ว่าทรายมันดูมีชีวิตมากกว่าแต่ก่อนรู้สึกเหมือนสื่อถึงมันได้แบบแปลกประหลาดราวกับทรายพวกนี้มีชีวิตจิตใจและราวกับพวกมันสามารถคุ้มพวกมันเองได้

    ยัยแม่มดก้มมามองเจ้าหมาตัวเล็กในกํามือผมจนแทบจะสิงกับมันก่อนจะผละออก

    "รู้ไหมทักษะการควบคุมของนายดีเลยละ"ผมที่ได้ยินก็ยิ้มแป้นรึว่าผมเป็นอัจฉริยะกันนะ

    "ควบคุมได้ดีแบบเด็กประถม" โทคิกํามือแน่นเป็นกําปั้นเตรียมจะชกแต่สุดท้ายพลังของยัยแม่มดก็มักจะหยุดผมไว้เสมอ

    ถ้าจะชมก็ชมให้สุดสิเว้ย!!ผมด่าในใจ

    "ครับๆทําได้ดีแบบเด็กประถม" ผมปล่อยกําปั้น เปลี่ยนเป็นโบกสะบัดยอมแพ้ มืออีกข้างก็ยังมีเจ้าหมาอยู่บอกตรงทําลายไม่ลง

    "เจ้าลูกหมานั้นนะน่าจะมาส่วนหนึ่งจากจิตใจของนาย" ผมเอียงคอทันที

    "ครับ?"

    "ที่นายบอกฉันว่ารู้สึกเหมือนทรายมีชีวิตเพราะทรายมันเชื่อมต่อกับจิตใจนายไงโทคิ" 

    "เมื่อนายทําลายเจ้าลูกหมานั้นมาก็จะกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิณญาณนาย" 

    "ทรายกับนายเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นจากการฝึกซ้อมของฉัน ฉันขอไม่แนะนําให้นายทำให้ทรายมีชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองหรือสามเพราะถ้าหากใครที่ไม่ใช่เจ้าของมันทําร้ายเสี้ยวหนึ่งของจิตใจนายก็จะถูกทําร้ายไปด้วย" คนตรงหน้าปล่อยแรงกดดันออกมาจนผมล้มตึงถึงอย่างนั้นมือทั้งสองข้างผมก็กุมเจ้าหมาไว้ไม่ให้มันแตกสะลาย มันยังคงกระดิกหางไม่รู้อะไร

    "…อย่างงั้นหรอครับ"ถึงจะตัดใจได้ยากที่จะต้องทําลายแต่หากผมไม่ทํายัยแม่มดต้องทํามันแทนผมแน่ 

    "ตัดใจได้ดี" เธอกล่าว  

    "เอาละมาเริ่มฝึกซ้อมอัตลักษณ์ของนายกันเลยเราไม่ควรเสียเวลากันไปมากกว่านี้" แล้วกระดาษใบใหม่ก็ถูกโยนมาให้ผมการฝึกในกระดาษก็ยังทรหดเหมือนเดิม

    "ถึงคราวนี้นายจะได้ฝึกอัตลักษณ์แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยการออกกําลัง"กระดาษอีกใบถูกโยนมา

    ผมอ่านทั้งสองใบถึงการออกกําลังกายจะถูกลดเหลือแค่ครึ่งแต่นี้มันก็นรกชัดๆ 

    ถึงอย่างนั้นโทคิทําเพียงถอนหายใจเพราะถ้าไม่ทําก็คงทําได้เพียงแค่จมปักอยู่จุดเดิม











    การฝึกซ้อมผ่านมาหลายสัปดาห์แม้จะเป็นไข้ก็ยังต้องฝืนไปแม้จะเหนื่อยก็ยังต้องพยายามต่อนั้นคือสิ่งที่อาจารย์บอกผม ผมเริ่มนับยัยแม่มดนั้นเป็นอาจารย์มากขึ้นหลังจากที่อยู่กันมาได้เดือนครึ่ง



    "นายต้องมีสมาธิมากกว่านี้ถ้าอยากทําให้ทรายตัดกระดาษได้หรืออะไรก็ตาม ถ้านายไม่มีสมาธิก็จะทําให้มันแหลมคมไม่ได้หรอกนะ"โทคิที่รับฟังก็พยายามตั้งสมาธิ มีดทรายขึ้นมารอบๆตัวของโทคิมันกําลังถูกขัดเกลาให้แหลมคมขึ้นตามสมาธิที่ผมมี 



    อาจาร์ยมองโทคิอย่างเงียบๆ ผมมองเป้าเคลื่อนที่ตรงหน้าเหมือนเป็นเพียงภาพสโลว์โมชั่นขึ้นมาเมื่อคิดว่าจังหวะนี้และกําลังดี มือของผมก็ตวัดไปข้างหน้ามีดทรายพุ่งไปทันทีพวกมันเข้าเป้าเคลื่อนที่อย่างสวยงามและร่วงลงกับพื้นเป็นทรายปกติทันทีที่ผมตกใจทีตัวเองทําได้จึงสติหลุด

    "ผมทําได้ดูสิครับอาจารย์เห็นไหมเมื่อกี้"

    "อื้มเห็น พัฒนาการได้ดีแต่ในสนามรบของจริงมันไม่ง่ายแบบนี้แน่พวกวิลเลินไม่รอให้นายตั้งสมาธิได้ก่อนแล้วถึงโจมตีหรอกนะ" สิ่งที่อาจารย์พูดก็จริงพวกวินเลินทั้งโหดร้ายและรุนแรงถึงจะไม่ใช่ทุกคน แต่สิ่งที่พวกนั้นทําก็คือการเอาตัวให้รอดภายใต้สังคมที่บีบบังคับ ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเป็นวิลเลินแต่สังคมเหล่านี้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นผมคิด โทคิพยักหน้าแล้วหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาซ้อม


    "เพราะงั้นมั่นฝึกซ้อมให้คุ้นชินสะ จงใช้ทรายให้เหมือนอวัยวะในร่างกาย" 


    "ครับ!"รู้สึกฮึกเฮิม!???








    เปลี่ยนแปลเนื้อหาเล็กน้อยนะคะเราตัดท่อนท้ายออกไปเป็นpart 2

    โทคิ ; ทุกคนที่ต้องเรียนออนไลน์สู้ๆนะครับ❤️??’?

    เจอกันตอนต่อไปค่ะ!! 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×