ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : จิตใจและทราย[แก้ไขตอนท้าย]
หลังจากการเริ่มการฝึกฝนของยัยแม่มดแบบวนลูบมากว่าหนึ่งเดือนระหว่างนั้นผมก็มีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เข้ากับการฝึกซ้อมกินอาหารทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับร่างกายไม่งั้นผมคงทนกันฝึกฝนนี้ไม่ไหวและตายไปตั้งแต่แรกๆ
ยังมีอีกหลายครั้งที่ผมต้องเผชิญหน้ากับคําถามหยั่งเชิงเกี่ยวกับผู้มาต่างโลกขนก็ลุกซู่เป็นทุกที แม้จะเฉไฉมาได้ถึงตอนนี้ก็ตาม และยังต้องมาทนแรงกดดันของยัยแม่มดถึงแม้ตอนนี้จะทนได้แล้ว แต่ก็ทนไม่ได้ตลอดถ้าอีกฝ่ายปล่อยออกมาแบบจงใจก็ทรุดเหมือนเดิม
โทคิวิ่งเข้าไปในป่าเรื่อยในชุดฝึกซ้อม วันนี้เป็นวันแรกที่แนวการฝึกซ้อมของผมจะเปลี่ยน จากการออกกําลังกายสร้างกล้ามเนื้อเป็นการฝึกอัตลักษณ์ที่ห่างหายไปเพราะถูกห้ามไม่ให้ใช้และไม่ให้ฝึกด้วย เผด็จการมาก!
ที่ข้างหน้าเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่คุ้นเคยผมนั่งลงกับพื้นเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง อีกสักพักยัยแม่มดถึงจะมานั่งเล่นให้หายเหนื่อยก่อนแล้วกัน
ตี้ง!
เมื่อรอไปสักระยะหนึ่งร่างของหญิงก็ปรากฏพร้อมกับลมเสมอ และเสียงที่เหมือนลิฟต์ถึงชั้น
ยัยแม่มดพูดออกมาทันทีที่มาถึง
"เอาละไหนโชว์อัตลักษณ์ของนายให้ฉันดูสิ ว่าควบคุมมันได้ดีแค่ไหน" โทคิยันตัวขึ้นยืน ตั้งท่าเสกทรายขึ้นมาในมือ ไม่ใช้อัตลักษณมากว่าเดือนรู้สึกว่าควบคุมมันได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนรึเปล่านะ?
"โชว์ลูกเล่นสิ" ลูกเล่น… แล้วโทคิก็เหมือนนึกอะไรบ้างอย่างออกทรายถูกรวบเข้ามาในมือ มือทั้งสองข้างก็กุมมันไว้หมุนไปหมุนมาราวกับปั้นอะไรบ้างอย่าง
เธอมองอย่างสงสัยแล้วอีกฝ่ายก็ยื่นผลงานมาโชว์โทคิปั้นหน้าของเธอ…แบบบูดเบียว
"นี้นายกวนประสาทฉันหรอ!?"โทคิเกาหัวมองผลงานตัวเองก็สวยดีนิผมนึกในใจ
"เอาใหม่ฉันขอดีๆอย่าหาปั้นแบบนั้นมาอีกไม่งั้นฉันฆ่านายแน่!" เสียงเข้มกล่าวอย่างจิงจัง
โทคิก็ทําเหมือนก่อนหน้าเพียงแต่สิ่งที่ออกมาเป็นลูกหมาเธอแทบอยากจะเอาไม้เท้าเคกหัวอีกฝ่ายแรงๆว่าเลิกกวนประสาทได้แล้ว แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อเจ้าหมาในกํามือของร่างโปร่งตรงหน้าขยับได้
เธอมองหน้าโทคิอย่างสงสัยทันที
"คือว่า…ผมรู้สึกได้นะ รู้สึกได้ว่าทรายมันมีชีวิตและควบคุมตัวเองได้เลยคิดในหัวว่ามันขยับ"ผมกล่าวตะกุตะกักไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดีรู้สึกได้ว่าทรายมันดูมีชีวิตมากกว่าแต่ก่อนรู้สึกเหมือนสื่อถึงมันได้แบบแปลกประหลาดราวกับทรายพวกนี้มีชีวิตจิตใจและราวกับพวกมันสามารถคุ้มพวกมันเองได้
ยัยแม่มดก้มมามองเจ้าหมาตัวเล็กในกํามือผมจนแทบจะสิงกับมันก่อนจะผละออก
"รู้ไหมทักษะการควบคุมของนายดีเลยละ"ผมที่ได้ยินก็ยิ้มแป้นรึว่าผมเป็นอัจฉริยะกันนะ
"ควบคุมได้ดีแบบเด็กประถม" โทคิกํามือแน่นเป็นกําปั้นเตรียมจะชกแต่สุดท้ายพลังของยัยแม่มดก็มักจะหยุดผมไว้เสมอ
ถ้าจะชมก็ชมให้สุดสิเว้ย!!ผมด่าในใจ
"ครับๆทําได้ดีแบบเด็กประถม" ผมปล่อยกําปั้น เปลี่ยนเป็นโบกสะบัดยอมแพ้ มืออีกข้างก็ยังมีเจ้าหมาอยู่บอกตรงทําลายไม่ลง
"เจ้าลูกหมานั้นนะน่าจะมาส่วนหนึ่งจากจิตใจของนาย" ผมเอียงคอทันที
"ครับ?"
"ที่นายบอกฉันว่ารู้สึกเหมือนทรายมีชีวิตเพราะทรายมันเชื่อมต่อกับจิตใจนายไงโทคิ"
"เมื่อนายทําลายเจ้าลูกหมานั้นมาก็จะกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิณญาณนาย"
"ทรายกับนายเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นจากการฝึกซ้อมของฉัน ฉันขอไม่แนะนําให้นายทำให้ทรายมีชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองหรือสามเพราะถ้าหากใครที่ไม่ใช่เจ้าของมันทําร้ายเสี้ยวหนึ่งของจิตใจนายก็จะถูกทําร้ายไปด้วย" คนตรงหน้าปล่อยแรงกดดันออกมาจนผมล้มตึงถึงอย่างนั้นมือทั้งสองข้างผมก็กุมเจ้าหมาไว้ไม่ให้มันแตกสะลาย มันยังคงกระดิกหางไม่รู้อะไร
"…อย่างงั้นหรอครับ"ถึงจะตัดใจได้ยากที่จะต้องทําลายแต่หากผมไม่ทํายัยแม่มดต้องทํามันแทนผมแน่
"ตัดใจได้ดี" เธอกล่าว
"เอาละมาเริ่มฝึกซ้อมอัตลักษณ์ของนายกันเลยเราไม่ควรเสียเวลากันไปมากกว่านี้" แล้วกระดาษใบใหม่ก็ถูกโยนมาให้ผมการฝึกในกระดาษก็ยังทรหดเหมือนเดิม
"ถึงคราวนี้นายจะได้ฝึกอัตลักษณ์แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยการออกกําลัง"กระดาษอีกใบถูกโยนมา
ผมอ่านทั้งสองใบถึงการออกกําลังกายจะถูกลดเหลือแค่ครึ่งแต่นี้มันก็นรกชัดๆ
ถึงอย่างนั้นโทคิทําเพียงถอนหายใจเพราะถ้าไม่ทําก็คงทําได้เพียงแค่จมปักอยู่จุดเดิม
การฝึกซ้อมผ่านมาหลายสัปดาห์แม้จะเป็นไข้ก็ยังต้องฝืนไปแม้จะเหนื่อยก็ยังต้องพยายามต่อนั้นคือสิ่งที่อาจารย์บอกผม ผมเริ่มนับยัยแม่มดนั้นเป็นอาจารย์มากขึ้นหลังจากที่อยู่กันมาได้เดือนครึ่ง
"นายต้องมีสมาธิมากกว่านี้ถ้าอยากทําให้ทรายตัดกระดาษได้หรืออะไรก็ตาม ถ้านายไม่มีสมาธิก็จะทําให้มันแหลมคมไม่ได้หรอกนะ"โทคิที่รับฟังก็พยายามตั้งสมาธิ มีดทรายขึ้นมารอบๆตัวของโทคิมันกําลังถูกขัดเกลาให้แหลมคมขึ้นตามสมาธิที่ผมมี
อาจาร์ยมองโทคิอย่างเงียบๆ ผมมองเป้าเคลื่อนที่ตรงหน้าเหมือนเป็นเพียงภาพสโลว์โมชั่นขึ้นมาเมื่อคิดว่าจังหวะนี้และกําลังดี มือของผมก็ตวัดไปข้างหน้ามีดทรายพุ่งไปทันทีพวกมันเข้าเป้าเคลื่อนที่อย่างสวยงามและร่วงลงกับพื้นเป็นทรายปกติทันทีที่ผมตกใจทีตัวเองทําได้จึงสติหลุด
"ผมทําได้ดูสิครับอาจารย์เห็นไหมเมื่อกี้"
"อื้มเห็น พัฒนาการได้ดีแต่ในสนามรบของจริงมันไม่ง่ายแบบนี้แน่พวกวิลเลินไม่รอให้นายตั้งสมาธิได้ก่อนแล้วถึงโจมตีหรอกนะ" สิ่งที่อาจารย์พูดก็จริงพวกวินเลินทั้งโหดร้ายและรุนแรงถึงจะไม่ใช่ทุกคน แต่สิ่งที่พวกนั้นทําก็คือการเอาตัวให้รอดภายใต้สังคมที่บีบบังคับ ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเป็นวิลเลินแต่สังคมเหล่านี้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นผมคิด โทคิพยักหน้าแล้วหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาซ้อม
"เพราะงั้นมั่นฝึกซ้อมให้คุ้นชินสะ จงใช้ทรายให้เหมือนอวัยวะในร่างกาย"
"ครับ!"รู้สึกฮึกเฮิม!???
เปลี่ยนแปลเนื้อหาเล็กน้อยนะคะเราตัดท่อนท้ายออกไปเป็นpart 2
โทคิ ; ทุกคนที่ต้องเรียนออนไลน์สู้ๆนะครับ❤️??’?
เจอกันตอนต่อไปค่ะ!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น