ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความรู้สึกไม่พอใจ
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจออีดะอีกเพราะผมไม่หลงทางแล้วแต่เราก็มีการติดต่อหากันบ้างผมบอกเรื่องที่แม่ผมอยากเจอเขาเพื่อขอบคุณที่ช่วยหาทางกลับบ้านแต่อีกฝ่ายก็ปฎิเสทว่าไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยผมจึงเมินเรื่องนี้ไป
แต่ตอนนี้ผมที่ผมกังวลอยู่คืออีกไม่กี่เดือนจะถึงวันสอบแล้ว ถ้าสอบพวกข้อเขียนไรพวกนี้ก็ถูไถ่ได้อยู่เพราะผมเรียนพวกนี้มาแล้วครั้งหนึ่งมาเรียนซํ้าก้ยิ่งเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ชอบ แต่ปัญหาผมคืออัตลักษณ์เนี่ย ผมพยายามบังคับมันอยู่พอผมเสกมันออกมาเยอะผมก็จะควบคุมมันไม่ค่อยดี เพราะทรายมีมันเยอะจนควบคุมได้ยาก จึงต้องใช้สมาธิสูงยิ่งผมเรียกทรายออกมาเยอะก็ยิ่งต้องใช้ความใจเย็นในการควบคุมจํานวน ผมเคยฝืนเรียกออกมาเยอะจนเหมือนจะมาถมบ้านตอนนั้นก็เลือดกําเดาไหลและสลบไปเหมือนตาย ตื่นขึ้นมาก็ต้องเก็บกวาดที่ตัวเองทํา ผมยกทรายจํานวนมากให้ลอยขึ้นเหนือหัว คิดภาพในว่าทรายกําลังค่อยๆหายไป แล้วทําแบบนั้นจนมันหมดเกลี้ยงกินว่าเวลากว่ายี่สิบนาที
ตอนนี้ก็เลยรู้ว่าไม่ควรใช้เยอะแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง และการที่ผมรู้ว่าแบบทดสอบคืออะไรก็เป็นข้อดี ทรายของผมก็ยังได้เปรียบในเรื่องนี้อีกแค่ถมทรายเข้าทําลายระบบข้างในก็พอแล้วไหม??แต่มันคงจะไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะผมต้องแย่งกับนักเรียนหลายพันคนเพื่อเข้าไปในชั้นที่รับแค่สี่สิบกว่าคน วิธีเด็ดขาดก็คงไม่พ้นการถมทรายให้ทั่วเมืองไปเลย แต่ถ้าทําจริงมีหวังผมสลบช็อกตายก่อนเก็บงานพอดี
"เฮ้อ"โทคิเท้าคางมองออกนอกหน้าต่างรับลม ก่อนจะถูกรบกวนโดยเสียงเสียงหนึ่ง
"คะ…คือคาเอะดะคุงหลังเลิกเรียนมาเจอกันตรงหลังตึกเรียนหน่อยได้ไหม" อาระสารภาพรักละสิตั้งแต่อยู่ร่างนี้มาก็มีคนมาสารภาพรักไม่หยุดผมยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
"ได้สิ"เธอหน้าแดงแป้ดแล้วรีบวิ่งออกไป ชีวิตแบบนี้ก็ดีไม่น้อยผมมองนาฬิกาหน้าห้องก็ผมว่าใกล้จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว
ผมควรไปเข้าห้องนํ้าทําอะไรให้เสร็จ
โรงเรียนเอกชนแห่งนี้แม้กระทั่งห้องนํ้าก็ยังดูมีระดับเป็นโรงเรียนสําหรับพวกคุณหนูมาเรียนโดยแท้
ก็นะผมบ้านรวยก็เลยได้มาเรียน แต่ถึงจะหรู ยาโอโรสึเธอก็ไม่ได้เรียนอยู่ที่นี้ ผมเช็คแล้วไม่มีชื่อของเธออยู่ในชั้นเรียนผม
ผมว่าโรงเรียนผมก็ลูกคุณหนูแล้วนะ แต่โรงเรียนที่ยาโอโรสึอยู่คงหรูกว่านั้น เพราะบ้านของเธอในอนิเมะก็อลังการเชียว
ผมรูดซิปกางเกงขึ้นหลังจากทําภารกิจเสร็จก็เดินไปล้างมือ
เมื่อล้างเสร็จผมปิดก็อกนํ้าเตรียมจะออกกลับไปเข้าห้องเรียน นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วแต่ก็ต้องชะงักเมื่อโดนใครบ้างคนปล่อยหมัดใส่
"เห้ยฮอตมาหรอวะ?ไอ้เวร"มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดสินะแต่โคตรเจ็บตรงที่โดนต่อยเลย ถึงแม้จะได้อ่านผ่านๆในไดอารี่บ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับตัวแบบนี้ เพราะผมเกลียดการมีแผลที่สุดเนี่ยสิยิ่งใบหน้าหล่อๆมีแผลแบบนี้ก็ยิ่งเจ็บใจ
"...."ผมสบตากับอีกฝ่ายอย่างท้าท้ายหงุดหงิดเหมือนกันวะ
"แม่งกล้าดียังไงวะมาปฎิเสทน้องสาวกู?"คนไหนละครับคุณ คนมาบอกชอบผมเยอะแยะน้องสาวคุณคือคนไหนเอ่ย อีกฝ่ายมีร่างกายสูงใหญ่กว่าวัยเดียวกันหน้าตาก็บ้านๆบ้างที่ทีบอกปฎิเสทน้องสาวอาจเป็นข้ออ้างมาต่อยก็ได้
มือของร่างสูงกระฉากคอเสื้อผมขึ้นก่อนจะผลักผมเข้ากับพนังห้องนํ้า ผมไอค่อกแค่กทันทีรู้สึกเจ็บไปถึงทรวงในเลย
ร่างสูงตรงหน้ามาคนเดียวไม่ได้พกลูกน้องแบบในพวกหนังนักเลง
"พูดบ้างสิวะ"ร่างสูงเขย่าคอเสื้อผมอย่างรุนแรงพลางยกขึ้นจนผมตัวลอยเท้าไม่ติดพื้น รู้สึกเหมือนสู้กับยักษ์เพราะแรงไอ้สูงนี้เยอะมาก รู้สึกขาดหายใจ..
"แค่ก--- ปะ..ปล่อย"
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกจับกุม
'กริ้งงงง'
"พูดเป็นละหรอวะสนุกขึ้นเยอะเลยวะแม่ง..แต่กูคงต้องปล่อยมึงไปก่อน"ร่างสูงปล่อยผมลงกับพื้นแล้วเดินจากไปคงเพราะถึงเวลาเรียนแล้วเลยกลัวครูตรวจละมั้งมันเลยปล่อยไปแต่เจ้าของร่างนี้เจอแบบนี้บ่อยแค่ไหน?แล้วทําไมถึงไม่เคยตอบโต้เลย
แต่แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะตอบโต้เหมือนกัน ราวกับไร้แรงไปชั่วขณะหนึ่ง
แล้วแผลแบบนี้จะไปให้แม่เห็นได้ยังไงละ หลังที่โดนกระแทกก็เจ็บ ปากที่คลุ้งไปด้วยเลือดก็เจ็บ
ผมจับแผลตัวเองระหว่างทางเดิน ก็ซูดปากอย่างทรมานใจ พลางริมรสชาติของเลือดตัวเองไปด้วย
"ขอโทษที่มาสายครับ"ผมเดินเข้าไปในห้องสายตาของอาจารย์จับจ้องมาที่ผมทันที
"คราวหลังก็อย่าสายอีก เข้าใจไหม"อาจารย์เมินเฉยต่อแผลบนใบหน้าผมแล้วชีนิ้วให้ไปนั่งที่ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกลับไปนั่งที ดูท่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นหลายครั้งจนอาจารย์ปล่อยผ่าน
ในเย็นวันนี้ผมก็ไม่ได้หาสาวที่เรียกขอให้ผมไปพบบอกตรงว่าไม่มีอารมณ์แผลก็เจ็บ ทําแผลก็ไม่ได้ทํา เพราะมันต้องเข้าเรียนก่อน เข้าเรียนต้องมาก่อนผมยังไม่อยากโดนตัดคะแนนพิสัย และเดินออกจากโรงเรียนอย่างหัวเสีย หน้ามืดเดินมัวไร้ทิศทางผมเป็นพวกหัวร้อนง่าย ดันมาทําสิ่งผมเกลียดที่สุดอย่างการมีแผลแบบนี้ก็โคตรหัวร้อนเลย ผมเดินจนมาถึงสนามเด็กเล่นที่ไม่มีเด็กอยู่เลยแม้แต่น้อย ผมพุ่งตรงไปเตะเข้ากับเสาเหล็กทันทีผลที่ได้กลับมาคือเจ็บล้วนๆไม่สะใจสักนิดเวรเว้ย
ผมโยนกระเป๋าไว้ข้างตัวแล้วทิ้งตัวลงกับชิงช้า ใช้เท้าทีบให้มันพุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆเพื่อระบายอารมณ์รุมร้อนในใจ เจ็บแผลที่ปากไม่พอยังเจ็บเท้าอีกกู
เมื่อนั่งสักพักจนรู้สึกอารมณ์ดี ผมถอนหายใจด้วยความรู้ปลอดโปร่ง ตอนนี้พระอาทิยต์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว
แต่คําถามที่ตามมาคือผมอยู่ผมที่ไหน...
ระหว่างที่ตั้งคําถามอยู่นั้นผมก็เห็นเด็กหัวเขียวเดินผ่านพอดี จึงคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งไปทักอย่างไว
"นี้นาย!"ผมคล้าไหล่เขาไว้คนตรงหน้าสะดุ้งตัวโหย่งมองมาที่ผม
งงตรงไหนถามได้ค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น