ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic my hero academia] x oc

    ลำดับตอนที่ #3 : ความรู้สึกไม่พอใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 801
      85
      27 ก.ย. 65


    หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจออีดะอีกเพราะผมไม่หลงทางแล้วแต่เราก็มีการติดต่อหากันบ้างผมบอกเรื่องที่แม่ผมอยากเจอเขาเพื่อขอบคุณที่ช่วยหาทางกลับบ้านแต่อีกฝ่ายก็ปฎิเสทว่าไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยผมจึงเมินเรื่องนี้ไป

     แต่ตอนนี้ผมที่ผมกังวลอยู่คืออีกไม่กี่เดือนจะถึงวันสอบแล้ว ถ้าสอบพวกข้อเขียนไรพวกนี้ก็ถูไถ่ได้อยู่เพราะผมเรียนพวกนี้มาแล้วครั้งหนึ่งมาเรียนซํ้าก้ยิ่งเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ชอบ  แต่ปัญหาผมคืออัตลักษณ์เนี่ย ผมพยายามบังคับมันอยู่พอผมเสกมันออกมาเยอะผมก็จะควบคุมมันไม่ค่อยดี เพราะทรายมีมันเยอะจนควบคุมได้ยาก จึงต้องใช้สมาธิสูงยิ่งผมเรียกทรายออกมาเยอะก็ยิ่งต้องใช้ความใจเย็นในการควบคุมจํานวน ผมเคยฝืนเรียกออกมาเยอะจนเหมือนจะมาถมบ้านตอนนั้นก็เลือดกําเดาไหลและสลบไปเหมือนตาย ตื่นขึ้นมาก็ต้องเก็บกวาดที่ตัวเองทํา ผมยกทรายจํานวนมากให้ลอยขึ้นเหนือหัว คิดภาพในว่าทรายกําลังค่อยๆหายไป แล้วทําแบบนั้นจนมันหมดเกลี้ยงกินว่าเวลากว่ายี่สิบนาที 

    ตอนนี้ก็เลยรู้ว่าไม่ควรใช้เยอะแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง และการที่ผมรู้ว่าแบบทดสอบคืออะไรก็เป็นข้อดี ทรายของผมก็ยังได้เปรียบในเรื่องนี้อีกแค่ถมทรายเข้าทําลายระบบข้างในก็พอแล้วไหม??แต่มันคงจะไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะผมต้องแย่งกับนักเรียนหลายพันคนเพื่อเข้าไปในชั้นที่รับแค่สี่สิบกว่าคน วิธีเด็ดขาดก็คงไม่พ้นการถมทรายให้ทั่วเมืองไปเลย แต่ถ้าทําจริงมีหวังผมสลบช็อกตายก่อนเก็บงานพอดี 

    "เฮ้อ"โทคิเท้าคางมองออกนอกหน้าต่างรับลม ก่อนจะถูกรบกวนโดยเสียงเสียงหนึ่ง

    "คะ…คือคาเอะดะคุงหลังเลิกเรียนมาเจอกันตรงหลังตึกเรียนหน่อยได้ไหม" อาระสารภาพรักละสิตั้งแต่อยู่ร่างนี้มาก็มีคนมาสารภาพรักไม่หยุดผมยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า

    "ได้สิ"เธอหน้าแดงแป้ดแล้วรีบวิ่งออกไป ชีวิตแบบนี้ก็ดีไม่น้อยผมมองนาฬิกาหน้าห้องก็ผมว่าใกล้จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

    ผมควรไปเข้าห้องนํ้าทําอะไรให้เสร็จ

    โรงเรียนเอกชนแห่งนี้แม้กระทั่งห้องนํ้าก็ยังดูมีระดับเป็นโรงเรียนสําหรับพวกคุณหนูมาเรียนโดยแท้ 

    ก็นะผมบ้านรวยก็เลยได้มาเรียน แต่ถึงจะหรู ยาโอโรสึเธอก็ไม่ได้เรียนอยู่ที่นี้ ผมเช็คแล้วไม่มีชื่อของเธออยู่ในชั้นเรียนผม 


    ผมว่าโรงเรียนผมก็ลูกคุณหนูแล้วนะ แต่โรงเรียนที่ยาโอโรสึอยู่คงหรูกว่านั้น เพราะบ้านของเธอในอนิเมะก็อลังการเชียว 

    ผมรูดซิปกางเกงขึ้นหลังจากทําภารกิจเสร็จก็เดินไปล้างมือ 

    เมื่อล้างเสร็จผมปิดก็อกนํ้าเตรียมจะออกกลับไปเข้าห้องเรียน นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วแต่ก็ต้องชะงักเมื่อโดนใครบ้างคนปล่อยหมัดใส่  

    "เห้ยฮอตมาหรอวะ?ไอ้เวร"มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดสินะแต่โคตรเจ็บตรงที่โดนต่อยเลย ถึงแม้จะได้อ่านผ่านๆในไดอารี่บ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับตัวแบบนี้ เพราะผมเกลียดการมีแผลที่สุดเนี่ยสิยิ่งใบหน้าหล่อๆมีแผลแบบนี้ก็ยิ่งเจ็บใจ 

    "...."ผมสบตากับอีกฝ่ายอย่างท้าท้ายหงุดหงิดเหมือนกันวะ

    "แม่งกล้าดียังไงวะมาปฎิเสทน้องสาวกู?"คนไหนละครับคุณ คนมาบอกชอบผมเยอะแยะน้องสาวคุณคือคนไหนเอ่ย อีกฝ่ายมีร่างกายสูงใหญ่กว่าวัยเดียวกันหน้าตาก็บ้านๆบ้างที่ทีบอกปฎิเสทน้องสาวอาจเป็นข้ออ้างมาต่อยก็ได้

    มือของร่างสูงกระฉากคอเสื้อผมขึ้นก่อนจะผลักผมเข้ากับพนังห้องนํ้า ผมไอค่อกแค่กทันทีรู้สึกเจ็บไปถึงทรวงในเลย 

    ร่างสูงตรงหน้ามาคนเดียวไม่ได้พกลูกน้องแบบในพวกหนังนักเลง 

    "พูดบ้างสิวะ"ร่างสูงเขย่าคอเสื้อผมอย่างรุนแรงพลางยกขึ้นจนผมตัวลอยเท้าไม่ติดพื้น รู้สึกเหมือนสู้กับยักษ์เพราะแรงไอ้สูงนี้เยอะมาก รู้สึกขาดหายใจ..


    "แค่ก--- ปะ..ปล่อย"


    ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกจับกุม

    'กริ้งงงง'


    "พูดเป็นละหรอวะสนุกขึ้นเยอะเลยวะแม่ง..แต่กูคงต้องปล่อยมึงไปก่อน"ร่างสูงปล่อยผมลงกับพื้นแล้วเดินจากไปคงเพราะถึงเวลาเรียนแล้วเลยกลัวครูตรวจละมั้งมันเลยปล่อยไปแต่เจ้าของร่างนี้เจอแบบนี้บ่อยแค่ไหน?แล้วทําไมถึงไม่เคยตอบโต้เลย 

    แต่แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะตอบโต้เหมือนกัน ราวกับไร้แรงไปชั่วขณะหนึ่ง 


    แล้วแผลแบบนี้จะไปให้แม่เห็นได้ยังไงละ หลังที่โดนกระแทกก็เจ็บ ปากที่คลุ้งไปด้วยเลือดก็เจ็บ 

    ผมจับแผลตัวเองระหว่างทางเดิน ก็ซูดปากอย่างทรมานใจ  พลางริมรสชาติของเลือดตัวเองไปด้วย 

    "ขอโทษที่มาสายครับ"ผมเดินเข้าไปในห้องสายตาของอาจารย์จับจ้องมาที่ผมทันที


    "คราวหลังก็อย่าสายอีก เข้าใจไหม"อาจารย์เมินเฉยต่อแผลบนใบหน้าผมแล้วชีนิ้วให้ไปนั่งที่ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกลับไปนั่งที ดูท่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นหลายครั้งจนอาจารย์ปล่อยผ่าน







    ในเย็นวันนี้ผมก็ไม่ได้หาสาวที่เรียกขอให้ผมไปพบบอกตรงว่าไม่มีอารมณ์แผลก็เจ็บ ทําแผลก็ไม่ได้ทํา เพราะมันต้องเข้าเรียนก่อน  เข้าเรียนต้องมาก่อนผมยังไม่อยากโดนตัดคะแนนพิสัย และเดินออกจากโรงเรียนอย่างหัวเสีย หน้ามืดเดินมัวไร้ทิศทางผมเป็นพวกหัวร้อนง่าย  ดันมาทําสิ่งผมเกลียดที่สุดอย่างการมีแผลแบบนี้ก็โคตรหัวร้อนเลย ผมเดินจนมาถึงสนามเด็กเล่นที่ไม่มีเด็กอยู่เลยแม้แต่น้อย ผมพุ่งตรงไปเตะเข้ากับเสาเหล็กทันทีผลที่ได้กลับมาคือเจ็บล้วนๆไม่สะใจสักนิดเวรเว้ย

    ผมโยนกระเป๋าไว้ข้างตัวแล้วทิ้งตัวลงกับชิงช้า ใช้เท้าทีบให้มันพุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆเพื่อระบายอารมณ์รุมร้อนในใจ เจ็บแผลที่ปากไม่พอยังเจ็บเท้าอีกกู 

    เมื่อนั่งสักพักจนรู้สึกอารมณ์ดี ผมถอนหายใจด้วยความรู้ปลอดโปร่ง ตอนนี้พระอาทิยต์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว 

    แต่คําถามที่ตามมาคือผมอยู่ผมที่ไหน...

    ระหว่างที่ตั้งคําถามอยู่นั้นผมก็เห็นเด็กหัวเขียวเดินผ่านพอดี จึงคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งไปทักอย่างไว

    "นี้นาย!"ผมคล้าไหล่เขาไว้คนตรงหน้าสะดุ้งตัวโหย่งมองมาที่ผม



    งงตรงไหนถามได้ค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×