ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลังม่านราตรี [จบ] [E-BOOK]

    ลำดับตอนที่ #1 : ✥ Monochome ✥ 00 ✥ แนะนำตัวละคร + บทนำ ✓

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.42K
      491
      18 ธ.ค. 66



    แนะนำตัวละคร








    ร่วมด้วย

    สมาพันเวทย์มนต์รัชดาซ.8





















    Wang Yibo para L'Officiel Hommes China Marzo 2020『❦』 save ≟ follow

    ✥ EP.00✥  

    นี่น่ะเหรอ? หอพักหรูที่ว่า

    นี่น่ะเหรอ คอนโดหรูย่านรัชดาที่ใคร ๆ ต่างก็พูดถึง

    นี่น่ะเหรอคอนโดชั้นนำที่มีแต่พวกคนรวย ๆ เซเลบิลิตี้คนดังหลายคนอาศัยอยู่

    นี่น่ะเหรอคอนโดราคาหลักล้านที่ใครได้ยินเป็นต้องอิจฉา?

    ถามจริง สภาพนี้นี่น่ะเหรอ!

    ทันทีที่เหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวหน้าหวานถึงกับเปลี่ยนเป็นหญิงสาวหน้าเหวอ!

    รู้สึกได้ถึงมุมปากและหนังหน้าที่กระตุกเกร็ง มือไม้แทบอยากจะปากระเป๋ารวมทั้งสัมภาระทั้งหมดทิ้งแล้ววิ่งกลับบ้านไปกระชากคอไอ้รุ่นพี่ตัวดีมาโบกกบาลสักป๊าบสองป๊าบให้หายแค้นใจ

    ทำไมน่ะเหรอ?

    ก็หลังจากที่มาหยุดอยู่หน้าตึกคอนโดย่านรัชดา คอนโดหรูหราแต่ซื้อต่อมาในราคาแสนถูก และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอย้ายมาจากต่างจังหวัดอย่างเบิกบานใจเพื่อมาอาศัยอยู่อย่างอิสระคนเดียว ได้ลั้ลลาใช้ชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยที่กำลังจะเปิดในไม่กี่วันข้างหน้า และไม่ต้องทนอึดอัดใจอยู่บ้านที่เหมือนไม่ใช่บ้านอีกต่อไป

    แต่ดูสภาพที่ซุกหัวนอนเธอในอนาคตสิ! ดู!

    ก่อนเดินทางเข้ามาในกรุงเทพ วริศรา หรือ ยี่หวา จินตนาการไว้สวยหรูมากเรื่องคอนโดที่ตัดสินใจซื้อ การเข้ามาใช้ชีวิตอิสระคนเดียวไกลบ้านนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีคือการมีที่พักอาศัยที่ดี สะดวกสบายและปลอดภัย และที่นี่มันก็ค่อนข้างใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เธอสอบติด ยี่หวาตัดสินใจซื้อต่อเพราะเห็นว่าคนขายเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันพอสมควร เขาเคยแนะนำอะไรดี ๆ ให้หลายอย่าง ก็เลยเชื่อใจไปแบบเต็มๆ 

    อีกอย่าง..อีรุ่นพี่คนขายมันก็โม้ซะดิบดีว่าไม่มีทางผิดหวัง เห็นแล้วจะร้องว้าว ดีอย่างนั้น เลิศอย่างนี้ เธอก็มโนเต็มที่ไปดิว่ามันต้องดีมากแน่นอน ทว่าพอสายตาสอดส่องมองไปเห็นความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้านี่แล้ว พูดได้เลยว่าโคตรไม่ตรงปก!

    คำว่าหรูหราหมาเห่า ก็แค่คำหอนของไอ้รุ่นพี่บ้านั่นเท่านั้นเอง

    ยี่หวาเอ๊ย..โดนเล่นเข้าแล้ว! นี่มันคอนโดผีสิงชัดๆ!

    ทำไมมันถึงได้น่าขนหัวลุกขนาดนี้วะเนี่ย!

    นาทีนี้ไม่สบถคงไม่ไหว  ยี่หวาลอบกลืนน้ำลายลงคอ สองมือยกขึ้นลูบแขนตัวเองไปมา เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกขึ้นแบบฉับพลันจนขนลุกชันไปทั้งตัว

     คอนโดตรงหน้านี่มันเก่าทรุดโทรมน่ากลัวมากจริง ๆ ที่บอกว่าเหมือนคอนโดผีสิงเมื่อครู่นี้ เธอไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมคุยโวไว้ว่าราคาแพงเป็นล้านๆ คุณภาพดีห้าดาวบวกๆๆ  แต่กลับมาเสนอขายห้องให้เธอแค่สามแสนต้นๆ เอาง่ายๆ คือราคารถยนต์มือสองยังแพงกว่า แถมยังผ่อนจ่ายได้แค่เดือนละสองพันหรือจะตามกำลังที่ไหว ดอกดงดอกเบี้ยไม่มีคิดเพิ่มแต่อย่างใด ที่มอบให้คือใจล้วน ๆ 

    ใจที่หน้ามันเถอะ!

    ว่าแล้วเชียว! นึกอยู่แล้วเชียว! คอนโดแพงบ้าบอคอแตกอะไรสภาพเหมือนอยู่มาร้อย ๆ ปี! มองจากภายนอกไม่ต่างอะไรจากคอนโดร้าง ถ้าบอกหลุดมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเธอก็เชื่อ!

    นี่มันหลอกขายชัดๆ

    ไม่ยอม! ฉันจะฟ้อง ฉันจะร้องตะโกน!

    ยี่หวาหงุดหงิดมาก! แต่ต่อให้อยากจะฟ้องหรือร้องตะโกนไปถึงดาวอังคารแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากยืนทำใจ กำหมัดแน่นอยู่สองสามนาที ตอนนี้ในหัวยี่หวาได้ตั้งคำถามขึ้นมา เธอจะไปต่อหรือพอแค่นี้ จะก้าวเข้าไปข้างในหรือถอยไปตั้งหลักหาที่อยู่ใหม่ไปก่อน ปล่อยให้ห้องที่ซื้อนี่มันเน่าตายไปเลย

     แต่ว่านะ..จะให้ไปหาที่อยู่ใหม่ก็ใช่เรื่อง เรื่องงบประมาณก็สำคัญ

    แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ขัดสนอะไร อยู่ในระดับกลางๆ และพอมีอันจะกิน แต่สำหรับเด็กที่ ครอบครัวรังเกียจอย่างเธอ อาศัยเพียงเศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพ่อแท้ ๆ ที่จำใจให้มาในแต่ละเดือนนั้น กับการใช้ชีวิตในเมืองที่ค่าครองชีพสูงแบบนี้ บอกเลยว่ามันไม่พอ

    ยี่หวาจึงจำเป็นต้องตีกรอบรายจ่ายของตัวเอง เธอจะสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ พูดเรื่องคืนห้องกลับไปก็ไม่ทันแล้ว เธอเสียเงินเก็บทั้งหมดที่มีจ่ายล่วงหน้าไปแล้วครึ่งแสน หากไม่เข้าไปอยู่ก็คงสูญเปล่าฟรีๆ

    อีกอย่าง.. ดึกดื่นป่านนี้คิดว่าคงไม่มีแท็กซี่แล้วด้วย จะกลับไปไหนก็คงไม่ได้ จนป่านนี้เธอยังไม่เห็นรถสักคันขับผ่าน ถนนโล่งมาก แม้แต่คนสักคนหรือหมาสักตัวก็ยังไม่มี

    คิดในแง่ดี บางทีข้างในนั่นอาจจะไม่ได้แย่เหมือนสภาพภายนอกนี่ก็ได้มั้ง

    “เอาเถอะ! ไปดูก็ไม่เสียหาย”

    ร่างบางสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะตัดสินใจก้าวผ่านรั้วเข้าไปในเขตของคอนโด ทันทีที่ก้าวเข้ามา ความรู้สึกกดดันน่าอึดอัดก็ถาโถมเข้ามาเป็นทวีคูณ ยี่หวารู้สึกว่าบรรยากาศเย็นลงกว่าตอนที่อยู่ข้างนอกมาก จะมองไปทางไหนก็ดูวังเวงน่าขนลุก ยิ่งเข้ามาใกล้ มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคอนโดร้างตามรายการอวดผีที่เขาไปถ่ายทำ กิ่งไม้ใบหญ้ารอบ ๆ ขึ้นรกไร้คนดูแล พอใกล้ตัวอาคารก็ยิ่งเห็นว่าผนังปูนมีคราบตะไคร่ คราบน้ำฝน คราบอะไรต่อมิอะไร เขียวดำเหลืองผสมกันเละไปหมด ไหนจะกลิ่นเหม็นสาบแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้นี่อีก

     ที่นี่..มันเหมือนกับว่าไม่ได้รับการทาสีดูแลมานานหลายปี มองจากภายนอกมันดูเก่ามาก เก่าแบบจะพังแหล่ไม่พังแหล่ มันทรุดโทรมไม่ต่างอะไรกับแมนชั่นหรือหอพักราคาถูกธรรมดา เผลอๆ หอพักในมหาวิทยาลัยยังจะดูดีเสียกว่า นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าบนตัวอาคารยังมีห้องหลายห้องที่เปิดไฟเอาไว้เพื่อบ่งบอกว่ายังมีคนอาศัยอยู่  ยี่หวาคงคิดว่าที่นี่ร้างไปแล้วจริงๆ

    เอาจริงไหม? นี่ถ้าเดินเข้าไปแล้วเจอพี่ป๋องกับทีมงานจั๊มสแกร์ (Jump Scare) ร้องแฮร่ออกมาก็ไม่แปลกใจแล้วเถอะ!

    คลืนหวือ~ หวือ~

    เสียงลมพัดอื้ออึง เค้าคลอเสียดสีใบไม้ให้วูบไหวไปมา ฟังแล้วไม่เหมือนเสียงลม แต่เหมือนเสียงบางอย่างกำลังกรีดร้องโหยหวน วูบหนึ่งยี่หวารู้สึกเหมือนมีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลัง พอหมุนตัวไปมอง กลับเจอเพียงความว่างเปล่า ยี่หวาหันกลับมาจะก้าวเดินอีกครั้ง แต่เธอยังไม่ทันได้ง้างขา ทว่า..

    หมับ..

    เฮือก!

     อยู่ ๆ หัวไหล่ด้านซ้ายก็มีมือเย็นเฉียบสัมผัสลงมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เธอสะดุ้งโหยงตัวแข็งค้าง ใจหายวาบลงไปยังตาตุ่ม ถึงแม้ปกติจะไม่ใช่คนขวัญอ่อน ไม่ได้เชื่อเรื่องผีสางเท่าไหร่ (แต่กลับชอบดูหนังสยองขวัญ) และค่อนข้างจะชินชากับเรื่องประหลาดๆ แบบนี้อยู่พอสมควรแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์และสถานที่มันบีบบังคับให้ต้องรู้สึกกลัว

    ยี่หวาไม่กล้าหันกลับไป ทำได้เพียงแค่เหลือบตามองต่ำไปที่หัวไหล่ตัวเอง เธอเห็นมือซีดขาวจนเห็นเส้นเลือดปูดเขียวคล้ำขนาดใหญ่ข้างหนึ่งวางทับไว้

    มือนั่น..ค่อนข้างน่ากลัว

    ดูหนังผีมาก็เยอะ มันคง...ไม่เป็นอย่างที่คิดหรอกใช่ไหม?

    ร่างเล็กสูดหายใจเข้าเต็มปอด ทำใจได้สักพักจึงค่อยๆ หัน ตอนแรกหลับตาปี๋แล้วค่อยๆ หรี่ขึ้นมาช้า ๆ ทำแบบนี้เพื่อลดเลเวลความสะพรึงลงนิดหน่อย เห็นลางๆ ก่อนจะได้ทำใจ ยืดเวลาช็อคตายได้สักระยะ

    แต่พอลืมตามองแล้วก็โล่งอกไปที! โชคที่ไม่ใช่สิ่งสยองขวัญเลือดอาบหน้าเละเทะอย่างที่จินตนาการไว้ในหัว เป็นเพียงชายร่างสูงผิวคล้ำจนเกือบเขียววัยกลางคนในชุดเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยสีกรมท่าเก่าๆ เท่านั้น

    ที่แท้ก็ยามนี่เอง ใจหายใจคว่ำ!

    โธ่ลุง! หนูตกใจหมดเลย!”

    ….

    เป็นนักย่องเบาก่อนจะมาเป็นยามหรือไงกัน ถึงมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย นี่ถ้าลุงเดินเอาไฟฉายมาเคาะหัวหนูแล้วด่าสักสองสามประโยค หนูจะรู้สึกดีกว่านี้อีก!

      เธอบ่นกระปอดกระแปดพร้อมทั้งยกมือกุมหน้าอกตัวเองอย่างโล่งใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ลุงคนนั้นก็ยังไม่ยอมพูดไม่ยอมจา ยี่หวาเลยเอ่ยถามเขาอีกครั้ง

     เอ่อลุงคะ พอดีหนูจะมาติดต่อเรื่องเข้าห้องพักน่ะค่ะ”

    ….

    “ฟ้อนท์ของคอนโดไปทางไหนเหรอ แล้ว..ยังมีพวกพนักงานทำงานอยู่ใช่ไหมในเวลาแบบนี้?”

    ถามไปตั้งมากมายแต่ลุงยามกลับไม่ยอมตอบ งง!

    ยี่หวาแปลกใจที่คนตรงหน้าเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา จะว่าไป..ลุงเขาดูท่าทางแปลกประหลาดมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว คือเขาไม่พูดอะไรเลย ยืนตัวตรงนิ่งงันแข็งเหมือนหุ่น แต่ดวงตากลับจ้องมองเธอไม่กระพริบ ตอนแรกมองยังไงตอนนี้ก็มองอยู่แบบนั้น มองจนเธอรู้สึกไม่ดี มองจนรู้สึกเสียววูบที่สันหลัง ถึงมันจะไม่ใช่การมองจ้องแบบเขม็งแข็งกร้าว เป็นแค่การมองแบบธรรมดาๆ  แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า..คนปกติที่ไหนจะเอาแต่จ้องมองคนอื่นค้างเติ่งไม่กระพริบตาไร้ปฏิกิริยาตอบรับ แถมไม่ยอมพูดไม่ยอมจาแบบนี้กัน

    แน่นอนว่ามันไม่ปกติ!

    ลุง?”

    “….”

    ลุงคะ? ได้ยินที่หนูถามหรือเปล่า?”

    ยี่หวากดเสียงต่ำเรียกย้ำอีกครั้ง ลุงยามยังคงแน่นิ่ง ประหนึ่งว่าเขามีแต่ร่างแต่กลับไร้วิญญาณความรู้สึก เธอกำลังจะอ้าปากถามอีกที ทว่าคราวนี้เขาเริ่มขยับตัวบ้างแล้ว มือข้างที่จับไหล่เมื่อครู่ค่อยๆ ยกขึ้นเชื่องช้า ก่อนจะชี้ตรงไปด้านหน้าเหมือนบอกทิศทางของคำถามเมื่อครู่

    ใช่นิ้วเขาชี้ แต่สายตายังคงจ้องมองเธออยู่เหมือนเดิม..

    ลองจินตนาการเอาเองละกันว่ามันน่าขนลุกขนาดไหนเวลาที่มีคนเอาแต่มองเราโดยไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้

    ในเมื่อลุงแกไม่พูด เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง อีกอย่าง..รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยไม่อยากรั้งอยู่นาน ร่างเล็กได้แต่พยักหน้ายิ้มเห่ย  เธอยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปตามทางที่แกบอก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ความรู้สึกหวาดระแวงยังคงกัดกร่อนจิตใจ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง คาดหวังว่าลุงแกคงเดินจากไปแล้ว แต่เปล่า..แกยังอยู่ที่เดิม ดวงตาโตโปนดูนิ่งเรียบไร้ความรู้สึกนั่นยังคงมองตามหลังมา

    ยี่หวาว่ามันไม่ใช่แล้ว!

    เธอลองทดสอบ แกล้งเดินผิดทางไปทางซ้าย คราวนี้แกขยับแล้ว แต่ขยับเพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น  หัวแกหันตามช้าๆ สายตากรอกตาม พอหันเดินไปอีกทาง หัวแกก็ค่อยๆ หันตาม เบ้าตาแกก็กรอกตามอีก

    ไม่สิ! คราวนี้เหมือนไม่มองธรรมดา ทำไมรู้สึกว่าลูกตาของแกกรอกหมุนเองไม่หยุด หรือจะตาฝาด?

    ไม่หรอก! ฝาดก็บ้าแล้ว!

    บ้าเอ้ย! คิดว่ารีบไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ดีกว่า ถ้าหันกลับไปมองอีกรอบแล้วแกโผล่พรวดมาอยู่ประจัญหน้านี่ หัวโกร๋นเลยนะ!

    .

    ในที่สุดก็เดินหลบพ้นสายตาลุงยามเข้ามาในตัวคอนโด ยี่หวาเดินมาถึงหน้าเคาท์เตอร์ เธอเข้าไปติดต่อกับพนักงาน ยังดีที่สภาพข้างในนี้ไม่ได้แย่เท่าข้างนอก ยังมีคนเดินสวนไปมาเหมือนโรงแรมปกติทั่วไป แต่น่าแปลกที่แต่ละคนกลับเดินกันเหมือนไร้จิตวิญญาณ พวกเขาดูเลื่อนลอยราวกับไม่มีชีวิต..

    ยี่หวาลองหันไปยิ้มให้คนๆ หนึ่ง เขาก็ไม่ยิ้มตอบ เอาแต่จ้องมองกันอย่างเดียว ราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาดที่สุดของคอนโดนี้

    “ทำไมต้องมองกันแปลกๆ ฉันไม่ได้มีเขางอกบนหัวสักหน่อย”

    เธอแอบบ่นพึมพำ ทำหน้างอไม่สบอารมณ์

    ทว่าในท่ามกลางความแปลกประหลาดของผู้คน ยี่หวาเหลือบไปเห็นคนๆ หนึ่งไม่เหมือนคนอื่น เธอเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงมุมบันได เขาสวมเสื้อสีดำทั้งตัว บนหน้าสวมหน้ากากสีขาวปิดบังไว้ 

    หน้ากากนั่น..แปลกประหลาดมากจริง ๆ 

    ทั้งคิ้ว ทั้งปากของมันบิดเบี้ยว คล้ายยิ้มคล้ายร้องไห้ คล้ายเศร้าใจแต่กลับแสยะยิ้ม ดูแล้วหลอนสมองอย่างบอกไม่ถูก

    ชายภายใต้หน้ากากยังคงแน่นิ่งยืนมองเธอไม่ขยับไปไหน ต่างคนต่างจ้องกัน แต่เพียงไม่กี่อึดใจ และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่..ช่วงเสี้ยววินาทีคนหนึ่งเดินผ่านหน้าบังสายตา มองอีกที..เขาก็หายไปแล้ว

    ยี่หวาทำหน้างง เขาหายไปไหน? ทำไมหายไปไวนัก?

    แต่ช่างเถอะ!

    ยี่หวาไหวไหล่ ไม่ได้อยากจะสนใจคนประหลาดๆ นั่นนัก ที่สนคือความสงสัยว่าคนที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด แม้แต่พนักงานหน้าเคาท์เตอร์เมื่อครู่ก็ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา คือเหมือนลุงยามด้านนอก ตัวแข็งนิ่งเป็นหุ่นแต่สายตาเอาแต่มองไม่หยุด พอเธอเดินห่างออกมา พนักงานนั่นก็กรอกตาโปนมองตามจนกระทั้งเข้าลิฟท์  และมอง..จนกระทั่งประตูลิฟท์ได้ปิดลง

    ถามจริง นี่ฉันต้องอยู่ร่วมกับคนประหลาดพวกนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?’

    ก็ได้แต่คิดในใจ เพราะจะทำไงได้ในเมื่อซื้อมาเรียบร้อยแล้วนี่นะ

    ติ๊ง!

    เข้ามาไม่ถึงหนึ่งนาที น่าแปลกที่ประตูลิฟท์ดันเปิดออก แถมมาถึงยังถึงชั้นสิบสามเรียบร้อย แต่ละชั้นมันควรใช้เวลากว่านี้ต่อให้ไม่มีคนเข้าก็ตาม ยี่หวาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ห้องที่เธอซื้อไว้คือ 713   มันอยู่สุดทางเดินของชั้น เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู ใช้กุญแจที่ได้มาไขเข้าไปด้านใน ทว่าขณะกำลังก้มหยิบสัมภาระใบใหญ่ ยังไม่ทันได้ก้าวขา จู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างออกแรงดึงกระชาก ร่างบางหงายหลังถลาให้เข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

    หมับ! วืดดด!

    "กรี๊ดด!!"

    ด้วยความตกใจ ยี่หวากรีดร้องตามสัญชาตญาณ หลังจากถูกกระชากเข้ามาภายในห้อง เธอรีบกวาดสายตามองรอบด้านอย่างรวดเร็ว  แรงดึงเมื่อครู่.. เหมือนเป็นแรงจากมือคน ฝ่ามือขนาดใหญ่และน่าจะเป็นของผู้ชายที่กระชากเธอเข้ามา แต่ห้องนี้มันมืดมาก เธอมองไม่เห็นใครเลย ใช้มือตะกายปัดป่ายก็ไม่เจอ มันเป็นเสี้ยววินาที คนดึงนั่นไม่น่าจะหายไปเร็วขนาดนี้

    แล้ว..นี่มันอะไรกัน!

    หลังจากที่ม่านตาปรับตัวจนสามารถมองเห็นในที่มืดได้ แม้จะไม่ชัดแต่ก็พอสังเกตได้ว่าที่นี่มันเป็นยังไง  ยี่หวาขมวดคิ้วยุ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ น่าแปลกที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลุดไปอีกโลก เธอไม่รู้เลยว่ามันคือที่ไหน แต่มั่นใจว่ามันไม่ใช่ภายในห้องคอนโดอย่างที่ควรจะเป็นแน่นอน ที่ที่เธออยู่มันเหมือนพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีทีวี ไม่มีโซฟา ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความมืดมิด กลิ่นอับชื้นและบรรยากาศแสนวังเวงชวนขนลุก

    ตอนนี้หัวใจเธอเต้นรัวระส่ำไม่เป็นจังหวะ ยี่หวาหันกลับไปมองประตูที่เดินเข้ามา เธอพบว่ามันไม่มีแล้ว ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งเหมือนด้านหน้า ในหัวได้แต่ตั้งคำถาม

    ประตูที่เข้ามาหายไปไหนหายไปได้ยังไง และอีกสารพัด..

    “อะไรเนี่ย! มันเกิดอะไรขึ้น!”

    หลังจากงุนงงอยู่สักพัก เธอตัดสินใจเดินคลำทางก้าวไปข้างหน้า ยอมรับว่าตกใจแล้วก็รู้สึกจิตตกอยู่บ้าง แต่จะให้ยืนอยู่กับที่แบบนี้มันก็คงไม่ดีนัก หลังจากเดินมาไม่กี่ก้าว พลันสายตาก็เห็นว่าข้างหน้ามีแสงไฟสีส้มริบหรี่  ยี่หวามุ่งเน้นเดินตรงไปหาแสงไฟ แล้วเธอก็พบว่ามันคือแสงจากเปลวเทียนแท่งเล็กตั้งอยู่บนลังไม้เก่าๆ ใบหนึ่ง

    ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจุดไว้ ตัดสินใจหยิบมันมาถือพร้อมทั้งกวาดส่องสำรวจไปรอบ ๆ พอได้แสงจากเทียนมาช่วยถึงได้รู้ว่าความจริงมันไม่ใช่พื้นที่โล่งอย่างที่เข้าใจ ที่นี่มันก็เป็นห้องๆ หนึ่งเหมือนกัน แต่เป็นแค่ห้องเก่าๆ ที่มีฝุ่นและหยากไย่ใยแมงมุมเขรอะกังเต็มไปหมด

    น่าแปลกมาก  ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกควรจะไปโผล่ในห้องคอนโดหรูและได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจแท้ๆ  แล้วทำไมทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้? หรือภายในคอนโดเป็นแบบนี้จริงๆ

    ใช่เหรอ?

    เพล้ง!!!!

    "เฮือก"

    ระหว่างที่ความคิดกำลังตีกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างตกกระทบพื้นอย่างแรง ยี่หวาสะดุ้งเฮือก รีบหันไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่กำลังหัน วูบหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างลอยผ่านหน้าไป เทียนในมือรีบยกขึ้นส่องอัตโนมัติ แต่แล้วก็ไม่เห็นใครสักคน

    ยี่หวาหันกลับมาทางเสียงของตกอีกครั้ง สองขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เทียนในมือสลับส่องด้านบนเพดานกับตามพื้นด้านล่างไปมา แต่ก็ยังไม่เจออะไร ทุกอย่างมันเงียบมาก แต่ที่น่างุนงงกว่าก็คือ เธอเดินวนไปวนมาอยู่นานแล้วแต่ทำไมรู้สึกเหมือนเดินอยู่ที่เดิม ห้องก็ไม่ได้กว้างเท่าไหร่ เธอเห็นมุมห้องแล้วด้วยซ้ำ แต่ทำไมเหมือนเดินเท่าไหร่ก็ไม่สิ้นสุดทักที?

    จ๋อมจ๋อม!

    หลังจากที่อยู่ในความเงียบมานาน จู่ ๆ ก็มีเสียงน้ำไหลดังขึ้นมา เธอจะเดินไปทางเสียง แต่พอก้าวไปก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังก้าวไปในน้ำ ไม่รู้ว่ามันไหลมาจากไหน แต่ยิ่งเดินก็เหมือนน้ำจะไหลเยอะขึ้นเรื่อย ๆ  เธอใช้เทียนส่องด้านล่าง มันมีน้ำไหลมาจริง ๆ ทว่า..เดินได้สองสามก้าวก็ต้องหยุดชะงัก สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าทำให้ตกใจเสียววูบขึ้นมา

    ใครกัน?

    ตรงหน้าที่ห่างกันราว ๆ สี่ห้าเมตร ยี่หวาเห็นเหมือนเงาเลือนรางของใครบางคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง ด้านหลังเงานั้นมีตู้เก่าๆ ใบหนึ่ง และสาเหตุต้นตอของน้ำมากมายที่ไหลทะลักออกมามันก็ไหลมาจากตู้เย็นใบนั้น

    ลมหายใจเธอเริ่มติดขัด ส่วนหนึ่งมาจากความความอึดอัดและความกลัวที่มากเกินไปยามจ้องไปที่เงาปริศนา ถึงจะเห็นเพียงเลือนราง แต่ก็น่าจะเดาได้ว่าเป็นเงาผู้ชาย เงานั้นดูสูงโปร่ง สัดส่วนช่วงหัวไหล่ดูขยายกว้างสมส่วนชัดเจน เขายืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เธอกำลังจะตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงตู้ใบเก่าที่ยังมีน้ำไหลออกมา

    และเหมือน..มันจะเริ่มไหลแรงขึ้นเรื่อย ๆ

    ยี่หวาก้าวขาจะเดินไปที่ตู้เย็นใบนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน.. แม้เธอจะมีนิสัยขี้สงสัย อยากรู้อะไรต้องรู้ให้ได้ แต่นี่มันไม่ใช่เธอไม่ได้อยากเดินไป แต่ขามันก้าวไปเอง ราวกับว่ากำลังถูกควบคุม  คราวนี้เธอรู้สึกว่าการก้าวเท้าแต่ละข้างมันช่างยากลำบาก มันก้าวไม่ค่อยออก น้ำก็ไหลท่วมสูงจนเกือบถึงหัวเข่า แถมจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความหนืดเหนียวประหลาดของน้ำที่เปรอะเปื้อนท่วมขา ยี่หวาก้มลงมอง สิ่งที่เห็นทำให้เธอร้องเสียงหลง!

    ละ เลือด!

    ใช่มันคือเลือดจากน้ำใสๆ ธรรมดา ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงข้นหนืดส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่ว ด้วยความตกใจ เธอก้าวถอยหลังหนีอัตโนมัติ แต่กลับชนเข้ากับอะไรบางอย่าง พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นตู้ใบนั้น

    น้ำเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ เมื่อกี้มันยังอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่เหรอแล้วมาอยู่ข้างหลังได้ยังไงกัน!

    คลืน ๆ กึกๆๆ

    จู่ๆ ตู้นั่นก็สั่นไหว มันสั่นไปมาเหมือนมีอะไรอยู่ด้านใน ร่างเล็กรีบผละตัวถอยห่าง ต่อให้เธอจิตแข็งแค่ไหน แต่ความกลัวเป็นสิ่งที่มีในจิตใจมนุษย์ทุกคน มันเริ่มครอบงำเธอมากขึ้น อยากจะวิ่งหนีแต่ก็ก้าวขาไม่ออก รู้สึกเหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งจับข้อเท้าเอาไว้

    กึกๆๆๆ

    มันเริ่มสั่นแรงขึ้น แรงขึ้น.. แรงเหมือนจะระเบิด เธอจ้องมันอย่างลุ้นระทึก ไม่นานประตูตู้ก็ระเบิดเปิดโพล่งออกมา

    โพล๊ะ!!! พรวด!!

    กรี๊ดดดด!

    ยี่หวารีบยกมือบังขึ้นอัตโนมัติ เนื่องจากพอมันเปิดออก น้ำที่อัดแน่นในนั้นก็ระเบิดกระจายออกมา แน่นอนมันคือน้ำเลือด ตอนนี้ทั่วทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยน้ำเหนียวหนืดสีแดงเปื้อนกระจายทั้งตัว

    แต่ใด ๆ ก็ไม่น่าตกใจเท่ากับสิ่งที่เห็นตอนนี้ ยี่หวาแทบช็อกเธอยืนอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง อยากจะกรีดอีกครั้งแบบดังๆ แต่ทว่ากลับกรี๊ดไม่ออก เพราะสิ่งที่เห็นและกำลังไหลร่วงของจากตู้เย็นนั่น..มันคือศพ!

    ใช่มันคือศพ! ศพคนอ่า ศพคนจริงๆ ด้วย

    ถ้าเป็นศพธรรมดาคงไม่ช็อกมากขนาดนี้! แต่นี่เป็นศพที่ถูกแยกหั่นออกเป็นท่อนๆ ทั้งแขนทั้งขา ไม่เว้นแม้แต่ส่วนหัว พูดง่ายๆ คือเขาน่าจะโดนฆาตกรรมอำพรางฆ่าหั่นแล้วยัดตู้เย็นเอาไว้ ชิ้นส่วนมนุษย์มากมายไหลทะลักออกมาพร้อมเลือดสดๆ น่าสยดสยอง กลิ่นคาวเหม็นรุนแรงปะทะจมูกจนอยากจะอ้วก  

    มองจากหัวและส่วนฝ่ามือของเขา คิดว่าน่าจะเป็นศพของผู้ชาย

    กึก ๆ

    แต่ดูเหมือนความสยดสยองจะไม่จบแค่นี้เมื่ออยู่ ๆ หัวนั่นขยับสั่นไปมา ยี่หวากลัวตัวสั่น ผงะถอยจนเสียหลักล้มจมไปในน้ำเลือดบนพื้น อยากจะร้องตะโกน แต่กลับรู้สึกแห้งผากในลำคอ

    แค่เห็นมันขยับสั่นไหวเธอก็ไม่ยืนโง่งมอีกต่อไปแล้ว ยี่หวารีบหันหลังวิ่งหนี แต่วิ่งไปวิ่งมาพื้นที่รอบด้านกลับกลายเป็นป่าใหญ่ ป่ารกร้างต้นไม้สูงทึบเต็มไปด้วยไปหมอกหนาปกคลุม เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกินอะไรสักอย่างที่พื้น ยี่หวาจะเดินเข้าไปดู แต่ขากลับถูกล็อค พอก้มไปมอง เห็นมือซีดขาวเน่าเหวอะหวะเต็มไปด้วยน้ำนองจับขาเธอเอาไว้

    ยี่หวาเบิกตากว้าง ไม่ใช่แค่มือที่เน่า แต่ไอ้คนที่จับมันเน่าทั้งตัว!

    ไม่สิ! เรียกว่าคนไม่ได้แล้ว นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!  เขาเป็นผู้ชายไม่ใส่เสื้อผ้า เขาคลานอยู่ที่พื้น บนคอมีโซ่เส้นใหญ่เส้นหนึ่งล่ามไว้ ผมเพ้ารุงรังปิดหน้าจนมองไม่เห็น ทั้งตัวท่อนบนมีแต่น้ำนองและหนอนแมลงที่ไต่ตอมออกมาจนชวนอ๊วก แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือไอ้ตัวที่จับเธอไว้มันมีแค่ครึ่งตัวบน ท่อนล่างโดนตัดหายไป เลือดสดๆ ยังคงทะลักออกมาจากตัวที่ขาด ไหลนองเหม็นสาปเหม็นเน่าคละคลุ้งไปหมด มือมันล็อคจับขาเธอไว้แน่น ยี่หวาพยายามดึงออกแต่ไม่สามารถสะบัดได้ 

    “ปะ ปล่อยฉัน!

    ยี่หวาเห็นมันเงยหน้าขึ้นมอง แสยะยิ้มสยองก่อนจะออกแรงดึงลากจะเอาเธอไปด้วย แต่ก่อนที่จะดึงเธอไปได้ ยี่หวารู้สึกเหมือนโดนใครดึงจากทางด้านหลัง ก่อนที่เธอจะโดนกระชากกลับมาอยู่ที่ห้องเดิม

    จ๋อม!

    ยี่หวาล้มลงไปในน้ำเลือด เธอกลับมาห้องที่เลือดนองไหล่ท่วมจากตู้เย็นนั่นอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่เจอทั้งตู้เย็นและกองชิ้นส่วนมนุษย์คนนั้น ยี่หวารู้สึกเหนื่อย เธอถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะไปชนกับโลงศพใบหนึ่ง ไม่ใช่โลงโบราณ แม้จะเป็นโลงไม้ขาวธรรมดาแต่มันยังดูไม่เก่ามากนัก รอบโลงแปะพันไปด้วยสายสิญจน์และแผ่นผ้ายันต์มากมาย ฝาโลงเต็มไปด้วยรอยขีดวาดอักขระโบราณ มีหยดน้ำเทียนแห้งเกาะเต็มไปหมด

    ไม่รู้อะไรดึงดูด ยี่หวาเอื้อมมือไปหา สาบานเลยว่าเธอไม่ได้อยากหาเรื่องใส่หัวเลยแม้แต่น้อย แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว! แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างบังคับ พยายามจะให้เธอดึงยันต์สีแดงบนฝาโลงออก แต่ไม่ทว่าไม่ทันที่จะได้ดึง จู่ ๆ ขายี่หวาก็โดนจับไว้อีกครั้ง เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเป็นศพครึ่งท่อนเมื่อครู่ มันตามเธอมาอีกแล้ว!

    “กรี๊ดด!!!

    ไม่ทันตั้งตัวก็โดนมันดึงกระชากจนล้มลงไปในน้ำเลือด ยี่หวาโดนลากคลุกเคล้าไปกับน้ำหนืดข้นที่พื้น ก่อนจะโดนดึงจมลึกลงไปทั้งตัว น่าแปลกที่น้ำแค่หัวเข่า แต่เธอจมลงเหมือนตกลงไปในทะเลลึก ยี่หวาตะเกียกตะกายหายใจไม่ออก น้ำเลือดมากมายไหลทะลุเข้าปากและจมูก สองมือพยายามแหวกว่ายขึ้นไปเหนือน้ำ แต่ก็สู้ไม่ไหว และก่อนที่จะหมดแรง ในทัศนวิสัยใต้น้ำที่ย่ำแย่ ยี่หวากลับมองเห็นว่ามีมือซีดจางข้างหนึ่งมาจับข้อมือเธอไว้

    เขาพยายามออกแรงดึงเธอขึ้นไป ฉุดรั้งยึดยื้อกับศพที่ฉุดขาเธออยู่ด้านล่าง ต่างคนต่างดึง ด้านบนดึงไม่ได้ ด้านล่างก็ดึงลงไปไม่ได้ ต่างถ่วงแรงกันไว้ ยี่หวารู้สึกเหมือนเธอใกล้ตายเต็มที่แล้ว แต่จู่ ๆ มืออีกข้างของเธอก็มีคนมากุมมือไว้อีกครั้ง เป็นมือใหญ่ของผู้ชายเหมือนกัน แต่ยี่หวามั่นใจว่ามือสองข้างนี้ไม่ใช่คนๆ เดียวกันแน่นอน

    “อึก!

    ในที่สุดเธอก็โดนดึงขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว มันยังคงเป็นห้องเดิม มีน้ำเลือดเจิ่งนองเหมือนเดิม เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาคนที่ดึงเธอขึ้นมาแต่ก็ไม่เจอใครเลย เห็นแค่โลงศพใบนั้นยังตั้งอยู่ข้างหลังราวกับรอคอยเธอไปดึงยันต์ออกให้ แต่ยี่หวาไม่มีเวลาไปสนใจอีก ยี่หวาเห็นไอ้ตัวนั่นมันผุดตามขึ้นมาจากน้ำ  มันคืบคลานเข้ามาหาเธอช้า ๆ ชั่วพริบตาก็มาหยุดอยู่ตรงปลายเท้า ค่อยๆ กระเถิบเข้ามาตรงระหว่างขา ยี่หวาไม่เห็นหน้า และสาบานว่าไม่อยากจะเห็นด้วย!

    อะ ออกไปนะ!! อย่ามายุ่งกับฉัน!!

    ว่าแล้วเธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งที่ไม่มีแสงเทียนและไม่รู้ว่าในความมืดนี้จะวิ่งไปหยุดที่ไหน แต่ยี่หวาก็ยังวิ่งตรงไปข้างหน้า เธอไม่กล้าแม้จะหันกลับไปมอง แต่ได้ยินเพียงเสียงคลานลากพื้นตามหลังมาด้วยความไว พร้อมเสียงผู้ชายหัวเราะในลำคอ

    “หึหึ”

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงจากศพบ้านั่น มันไล่เธอมาแล้ว ยี่หวาไม่มีเวลาไปสนใจ เธอวิ่งอย่างเดียว วิ่งมาแบบไม่ได้หยุดพัก ไม่นานก็เห็นแสงสว่าง ตรงนั้นเป็นบานประตู เธอรีบวิ่งออกไปทันที พอพ้นออกมารีบปิดอย่างรวดเร็ว

    ตุบๆๆปังๆๆๆ

    เสียงประตูดังโครมคราม ศพด้านในพยายามกระแทกใส่เพื่อจะออกมา ยี่หวาดันไว้เต็มกำลัง เริ่มจะบ้าตายแล้ว!

    “เน่าตายไปในนั้นเถอะไอ้ศพบ้า! อย่าสาระแนออกมา!” ด้วยความโมโห เลยด่าไปหนึ่งชอต!เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ จะตามราวีเธอไปถึงไหน เธอไม่เคยไปทำอะไรให้สักหน่อย!

     หลังจากโดนด่า ไม่นานมันก็เงียบไป..

    เออ สงสัยต้องให้ด่าสินะ

    ร่างเล็กหยุดยืนหายใจเพราะเหนื่อยมาก คิดว่าตอนนี้น่าจะพ้นแล้ว สายตากรอกมองไปรอบด้าน ไม่รู้ว่าตรงนี้เป็นที่ไหนอีกเหมือนกัน มันเป็นห้องกว้างเหมือนข้างในประตูเมื่อครู่ ต่างกันแค่ไม่ได้มืดมิด ที่นี่มันสว่างขาวโพลนไปหมด ราวกับว่าประตูนั่นเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างความมืดกับความสว่าง เขตแดนสีขาวกับสีดำ….

    หลังจากหอบอากาศเข้าปอดจนดีขึ้น ยี่หวากำลังจะก้าวขาเดินต่อ ทว่าอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเจ็บ ท้องไส้เธอปั่นป่วนแปลกประหลาด มันตีรวนขึ้นมาจนอยากจะอาเจียน

    อึก อึก..

    สุดท้ายก็ไม่สามารถกลั้นได้  ในที่สุดเธอต้องโก่งคออ้วก อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ อาการเหมือนคนแพ้ท้อง ทั้งเวียนหัวทั้งอยากจะอาเจียน เธอโก่งคออ้วกนานมาก นานจนรู้สึกจะหมดแรง

    หึ”

    ระหว่างที่กำลังใช้เรี่ยวแรงไปกับการอาเจียน เสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนก็ดังขึ้นมา ยี่หวาเงยหน้ากวาดสายตามองหา เธอเห็นว่าไม่ไกลออกไป มีผู้ชายชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ ชุดขาวๆ ของเขากลมกลืนไปกับแสงที่เจิดจ้าในห้องนี้ แต่ก็อยู่ในระยะที่พอมองเห็นได้ เขาคนนั้นสวมหน้ากากสีขาว หน้ากากประหลาดนั่น

    นั่นมันผู้ชายชุดดำที่ยืนมองเธอก่อนหน้านี้นี่?

    ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ตอนนี้เธอต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ยี่หวาพยุงตัวเองจะเดินไปหาเขา ทว่าพอยันตัวลุกขึ้นมา ในท้องกลับรู้สึกเจ็บแปร๊บ

    อะ โอ้ย!!

    ความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรง ยี่หวาทนไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้น มันปวดเหมือนมีอะไรดิ้นขลุกขลักอยู่ในท้อง มือบางกุมกดเอาไว้ แต่กลับรู้สึกว่าท้องที่เคยแบนราบของตัวเองตอนนี้มันขยายใหญ่ขึ้นมา

     มันใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นจนป่องเหมือนคนท้องแก่

    อะโอ้ย.. ชะ ช่วย..อึก

    สภาพตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับคนเจ็บท้องคลอด มันไม่ปกติแล้ว เธอเงยหน้ามองไปยังผู้ชายสวมหน้ากาก พยายามขอให้เขาช่วยเหลือ แต่เขายังคงยืนนิ่ง มีเพียงเสียงหัวเราะน่ากลัวที่ลอยอยู่ในหัว

    เปาะ! เปาะ!

    เสียงเหมือนอะไรปริแตก มาพร้อมกับความเจ็บที่แทบจะทำให้ขาดใจตาย ยี่หวาก้มมองที่ท้องโตๆ ของตัวเอง ตกใจมากเมื่อเห็นว่าตรงกลางเหมือนโดนเอามีดมากรีด เธอดิ้นพล่านทรมานกับความเจ็บปวด ในขณะที่ท้องโตๆ เริ่มแตก เลือดเริ่มทะลักออกมามากขึ้น  ไม่นานก็มีบางอย่างโผล่ออกมาจากท้องของเธอ

    มันศพเน่าครึ่งท่อนนั่น!

    มันโผล่ออกมาจากท้องของเธอ หันหน้าเละๆ ฉาบไปด้วยเลือดและน้ำนองไปหา สายตาปูดโปนทะลักจากเบ้าดูดุร้ายสยดสยอง มันแสยะยิ้มแล้วกดเสียงต่ำในลำคอ

    “หนีเหรอ จะหนีไปไหนเหรอ”

    “อึก..

    เสียงน่าขนลุกยังคงดังก้อง ศพนั่นค่อยๆ ผลุดจากท้องเธอทีละนิด  ไถ่ไต่ขึ้นมาตามแนวท้องขึ้นมากระทั่งมาหยุดจดจ่อประจันหน้าแทบจะแนบชิด

    “อย่า..อึก ออกไป”

    “ตาย! มึงต้องตาย!

    “ไม่ตายดี! กูเจอมึงแล้ว!

    “มาอยู่กับกู!!

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด



     


    __________

    อัพบทนำจ้า มาถึงก็สยองเลย

    อยากบอกว่าเรื่องนี้แอบจิตๆ หลอนๆ นิดหนึ่งนะคะ แต่จะเป็นยังไงต้องตามต่อไป ไม่รู้ทุกคนจะชอบกันหรือเปล่า

    ถ้าชอบก็ฝากเม้นด้วยน้า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×