ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brother Love รักครั้งนี้ให้พี่ชาย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 211
      0
      16 มี.ค. 58

    ท่ามกลางบรรยากาศภายในร้านฟองดูที่ถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์ มีโต๊ะให้เลือกนั่งในมุมสบายๆ หลายมุม และเลือกที่นั่งได้แล้วจะเห็นว่าที่โต๊ะแต่ละตัวจะมีเตาไฟฟ้าอย่างดีที่ถูกฝังติดไว้กับโต๊ะทุกตัว เรียกได้ว่าเตรียมความพร้อมให้สำหรับการทานฟองดูไว้แบบสะดวกสบาย และใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ฟองดูให้ลิ้มลองกันอย่างเดียว ยังมีอาหารสไตล์ยุโรปหลากหลายให้ได้ลองลิ้มรสชาติกันด้วย และร้านนี้ยังมีฟองดูหลากสไตล์ให้เลือกรับประทานตามความชอบของแต่ละบุคคล ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและยังเป็นแหล่งรวมของคนรักฟองดู

    *  ฟองดู (Fondue) เป็นอาหารที่ชาวสวิสและชาวฝรั่งเศสนิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว ซึ่งฟองดูสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทที่นักชิมคุ้นลิ้นคุ้นปากกันก็คือ ฟองดูชีสเป็นฟองดูสไตล์สวิสแท้ๆ ฟองดูน้ำมัน หรือ Fondue Bourguignon (ฟองดูบัวร์กินยอง) และฟองดูช็อกโกแลต

                    ฉันเดินเข้าไปภายในร้านพร้อมกับเพื่อนรักของฉันเหมือนกับทุกๆครั้งที่เราต้องการหาที่นั่งเล่น ฉลองวันเกิด หรือมาในโอกาสต่างๆ จนร้านนี้กลายเป็นร้านประจำของพวกเราไปโดยปริยาย แต่ฉันน่ะชอบร้านนี้เป็นพิเศษเพราะว่าฉันหลงรักฟองดูเอามากๆ แถมร้านนี้ยังเป็นร้านของรุ่นน้องของพี่สาวฉันเป็นหุ้นส่วนอยู่เลยทำให้เราได้รับสิทธิพิเศษมากมาย (ของฟรีใครจะพลาด ^^)

    “วันนี้จะสั่งอะไรดีจ๊ะสาวๆ จะรับเป็นฟองดูชีส ฟองดูน้ำมัน หรือจะเป็นฟองดูช็อกโกแลตเหมือนเคยดีคะ”

                    พนักงานเอ่ยทักขึ้นเมื่อเราทั้งสี่คนนั่งลงยังโต๊ะที่ว่างอยู่ แต่พอหันไปหาพนักงานคนดังกล่าวก็กลายเป็นว่าพนักงานคนนี้คือพี่เดวิด พวกเราจึงกล่าวทักทายเขากันอย่างคุ้นเคย

                    พี่เดวิด หนุ่มหล่อมาดทะเล้น ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนน่าหลงใหลจนทำให้สาวๆต่างพากันหลงเสน่ห์ในรอยยิ้มของเขา จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น เสือคนหนึ่งเลยทีเดียว แถมวันนี้เขายังใส่เสื้อยืดแขนยาว สวมกางเกงยีนส์สีดำขายาวที่เข้ารูปที่มาพร้อมกับรองเท้าผ้าใบข้อสูงสีดำ ถึงจะเป็นการแต่งตัวในสไตล์สบายๆแต่ก็ยังทำให้เขาหล่อไม่ลดลงเลย ไม่สิต้องบอกว่าทำให้เขามีเสน่ห์ไปอีกแบบจะเหมาะกว่า

    “ของเพลงเอาเป็นฟองดูช็อกโกแลตเหมือนเดิมค่ะ”

                    ฉันสั่งพร้อมกับยิ้มให้เขาเหมือนอย่างปกติที่เราเจอหน้ากัน เพราะว่าฉันเองก็คิดกับเขาเป็นเหมือนกับพี่ชายของฉันอีกคน ต่อให้ฉันคิดกับเขาเกินพี่น้องแต่คนอย่างเขาก็คงไม่สนใจยัยพิณเพลงคนนี้ที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดแถมยังไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยควงมา

    “ของอายเอาซีซาร์สลัดค่ะ”

                    อายสั่งต่อฉันทันทีที่พี่เขาจดเมนูที่ฉันสั่งไปก่อนเรียบร้อยแล้ว ด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ก็แน่สิก็ยัยนี่แอบปลื้มพี่เขาอยู่นี่นา

                    อายสาวน้อยลุคเซ็กซี่แสนสวย เป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แถมยัยเพื่อนของฉันคนนี้ยังเปลี่ยนหนุ่มควงไม่ซ้ำหน้า จนยัยเอสต้าสาวประเภทสองเลยจ้องจะจิกกัดเป็นพิเศษ เพราะว่าหนุ่มๆแต่ละคนของยัยนี่ฉันเห็นแล้วยังอิจฉาเลย

    “ส่วนของเบสเอาเป็นพิซซ่าอิตาเลียนละกันค่ะ”

                    เควส สาวสวยซ่อนเปรี้ยว ที่แอบเกี่ยวใจใครหลายคน แถมเธอยังควงคบแต่ละคนเป็นดีกรีหนุ่มฮ็อตของมหาวิทยาลัย จนสาวๆหลายคนต่างพากันอิจฉาเธอเสียยกใหญ่ ทำไงได้ก็ยัยนี่น่ะจีบยากจะตายแถมถ้ายัยนี่ไม่ถูกใจก็โดนยัยนี่สะบัดใส่อย่างไม่มีเยื้อใย

    “แล้วแกไม่สั่งอะไรเลยหรอ”

                    ฉันหันไปถามยัยเพื่อนสาว(มั้งนะ)ที่กำลังมองพี่เดวิดจนน้ำลายนี่แทบจะหกลงมากองอยู่บนโต๊ะอยู่แล้ว ให้ตายเถอะเห็นผู้ชายไม่ได้เลยนะยัยนี่

    “ไม่หรอกย่ะ ฉันมาแย่งพวกแกทานน่าอร่อยกว่า”

                    เอสต้าตอบฉันกลับมาโดยไม่ละสายตาไปจากพี่เดวิดเลยสักนิดเดียว นี่ตกลงจะกินเขาให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย

                    เอสต้า หนุ่มเอ้ย! สาวประเภทสองลูกครึ่งหน้าหวานสุดสวยจนบางครั้งฉันยังอิจฉาในความสวยของเธอเลย แต่ต่อให้เธอเป็นเพียงสาวประเภทสองแต่ว่าเธอก็ควงหนุ่มน้อยไม่ซ้ำหน้าไม่แพ้กับยัยเพื่อนของฉันทั้งสองสักเท่าไหร่ แต่จะว่าไปถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คงแอบหลงเสน่ห์เธอเข้าเหมือนกัน

    “ตลอดเลยนะแกยัยเอสเบิร์ท”

                    ยัยอายหันไปจิกกัดทันทีที่เอสต้าตอบ พร้อมกับทำลอยหน้าลอยตาอย่างหมั่นไส้

    “ฉันชื่อเอสต้าย่ะ”

                    ยัยเอสต้าตอกกลับไปทันควันที่ยัยอายบังอาจเรียกชื่อเดิมที่ออกจะแบบว่าแมนมากของยัยเอสต้า ที่ถ้าใครไม่ได้สนิทกับยัยนี่จริงๆไม่มีทางรู้เด็ดขาด เล่นเอาขำกันถ้วนหน้าเลยทีเดียวรวมถึงพี่เดวิดที่ยืนรอว่าเราจะสั่งอะไรเพิ่มอีก

    “งั้นแค่นี้ก่อนค่ะ”

                    ฉันหันไปบอกพี่เดวิดก่อนที่เขาจะพยักหน้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ฉันแล้วเดินออกจากโต๊ะไป จะว่าไปถ้าใครได้พี่เขาเป็นแฟนคงโชคดีไม่น้อยเลยนะ ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีถึงจะเจ้าชู้ไปนิดก็ตามยิ่งทำให้เขาน่าสนใจอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ

                    หลังจากที่เขาเดินออกไปพวกเพื่อนๆของฉันก็ไม่พลาดที่จะเม้าท์มอยเรื่องต่างๆมมากมายและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีเรื่องของเขาอย่างแน่นอน ก็แน่ล่ะสิเขาเป็นถึงขวัญใจของยัยพวกนี้นี่นาถ้าไม่พูดถึงก็คงจะเป็นเรื่องแปลก เพราะขนาดไม่ได้เจอเขายัยพวกนี้ยังพูดถึงเขาเลย คิดดูเอาละกันเขาน่ะป๊อปในบรรดาหมู่เพื่อนของฉันขนาดไหน

    “เออ...จะว่าไปแกก็รู้จักกับพี่เขามานานแกไม่หลงรักพี่เขาบ้างหรอ”

                    เควสหันมาถามฉันอย่างสงสัยจนทำให้อีกสองคนหันมามองหน้าของฉันอีกครั้งอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ โอ๊ยๆๆๆ อย่ามากดดันกันอย่างนี้ได้ไหมล่ะมันอึดอัดนะ

    “เอ่อ...”

    “ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ”

                    เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังแทรกขึ้นก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไป มันชั่งเป็นอะไรที่เหมาะที่ควรอย่างยิ่งที่มาตอนนี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ไม่แกล้งฉันไปมากกว่านี้

                    ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนั้นยังไง เพราะจะให้บอกว่าฉันไม่ได้หลงรักพี่เขาก็เหมือนกับว่ามันพูดออกไปได้ไม่เต็มปาก แต่ว่าจะให้ฉันบอกออกไปว่าฉันแอบหลงรักเขาอยู่เหมือนกันมันก็ยังพูดออกไปไม่เต็มปากเหมือนกันอยู่ดี แล้วอย่างนี้ฉันควรที่จะตอบคำถามนี้ยังไงมันถึงจะตรงกับใจของฉันคนนี้มากที่สุด

     

    ณ ห้องเช่า K

                    ฉันทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนที่เป็นเตียงเดี่ยวสำหรับนอนได้คนเดียวในห้องเช่าเล็กๆเพียงคนเดียว แถมฉันยังทำเรื่องเช่าที่นี่ไว้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้นหลังจากที่ฉันต้องย้ายออกมาจากบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนครอบครัวของฉันก็ทำธุรกิจระหว่างประเทศแถมส่วนใหญ่ทุกคนก็มักจะไปอยู่ต่างประเทศซะมากกว่า แต่ฉันไม่อยากไปฉันเลยขออยู่ที่เมืองไทยคนเดียว

                    ถ้ากำลังคิดว่าทำไมฉันไม่ซื้อบ้านที่กรุงเทพฯไว้จะได้ไม่ต้องเช่าห้องเล็กๆอย่างนี้อยู่ละก็ ฉันบอกเลยว่าบ้านที่กรุงเทพฯของฉันก็มีแต่ว่าตอนนี้กำลังทำการตกแต่งใหม่อยู่และคงอีกประมาณหนึ่งถึงสองเดือนถึงจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้

    “เฮ้อ”

                    ฉันถอนหายใจออกไปอย่างเหนื่อยใจทั้งที่มันไม่น่าจะมีอะไรน่าตกใจเลยสักนิดเดียว ทั้งที่เพิ่งจะกลับมาจากการไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆที่ร้านประจำของฉันแถมยังเป็นถึงของที่ฉันโปรดปรานมากที่สุดในบรรดาอาหาร ก่อนที่ฉันจะหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่วางพาดอยู่ที่ประจำของมันและมันยังสามารถพันปิดร่างของฉันได้อย่างมิดชิดพอสมควร

                    เพียงสายน้ำที่หลั่งรินออกมาจากฝักบัวที่อยู่สูงกว่าร่างของเธอลงมากระทบกับผิวกายอันขาวนวลน่าสัมผัส พร้อมกับภาพหญิงสาวที่กำลังหลับตาและลูบน้ำที่ไหลผ่านร่างของเธออย่างสบายตัว ทุกวินาทีที่สายน้ำกำลังไหลผ่านร่างอันสมส่วนของเธอก็เปรียบดั่งการที่สายน้ำเหล่านั้นมันนำพาซึ่งความรู้สึกที่เหนื่อยล้าออกไปอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้เธอรู้สึกว่าสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

                    ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันร่างของฉันเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบโลชันที่ฉันใช้ประจำหลังอาบน้ำเสร็จมาบีบใส่มือแล้วทาลูบไล้ไปตามเรียวขาอันสวยงานและแขนของฉันอย่างเป็นประจำทุกวัน ก่อนจะลุกไปหาชุดนอนมาใส่เพื่อที่จะได้พักผ่อน

    ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด

                    ฉันเดินไปยังมือถือที่กำลังดังเพื่อบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้ามาหลังจากที่ใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว พอเดินไปถึงก็เห็นเบอร์ที่ขึ้นอยู่หน้าจอเป็นเบอร์แปลก จึงทำให้ฉันไม่มั่นใจว่าควรจะรับสายดีหรือไม่และสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเราสายนั้น

    “ฮัลโหลค่ะ”        

                    ฉันรับสายนั้นด้วยใจที่หวั่นๆ เพราะไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร

    [ดีจ๊ะ นี่พี่เดวิดเองนะ]

                    ฉันถึงกับอึ้งไปสักพักเมื่อเขาเฉลยออกมาว่าเขาคือใคร แต่ที่ทำให้ฉันอึ้งไปยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไปเอาเบอร์ของฉันมาจากที่ไหน? แล้วเขาจะเอามาเพื่อโทรหาฉันทำไม? และยิ่งทำให้ฉันเกิดคำถามมากมายอย่างไม่เข้าใจในการที่เขาติดต่อฉันมาในครั้งนี้

    [ยังอยู่ไหมเนี่ย]

                    เสียงของเขาถามดังขึ้นมาอีกครั้งจึงทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ที่ฉันกำลังนึกคิดอยู่

    “ค่ะยังอยู่ค่ะ”

    [เห็นเงียบไปคิดว่าหายไปแล้ว]

    “ป่าวหรอกค่ะแค่แปลกใจว่าทำไมพี่ถึงโทรมา”

    [555+ ก็คิดว่าไม่อยากคุยกับพี่]

    “ใครจะไปกล้าทำกับหนุ่มหล่อสุดคูลอย่างพี่ได้ลงล่ะคะ”

                    ฉันตอบเขากลับไปพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนพร้อมกับดึงผ้าห่มลายหมีแสนน่ารักของฉันขึ้นมาห่มก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ

    [พูดอย่างนี้กับทุกคนไหมเนี่ย]

    “ไม่หรอกค่ะ กับพี่คนเดียว”

                    ฉันนอนคุยกับเขาไปเรื่อยๆด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยิ้มอยู่คนเดียวตลอดการสนทนากับเขาผ่านสมาร์ทโฟนฉันไม่รู้ว่าเราคุยกันมาแสนเนิ่นนานเท่าไหร่ก่อนที่เราทั้งสองคนจะบอกลากัน เขามาทำให้ฝันของฉันวันนี้ดีที่สุดเท่าที่ฉันอยู่ที่นี่มา  

                    ฉันกล่าวลาเขาก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของฉันที่บ่งบอกถึงความสุขมากมายขนาดไหนสำหรับคืนนี้ พร้อมกับเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราของค่ำคืนอันมืดมิดที่แสนเนิ่นนาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×