คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทส่งท้าย
“โอ้ว! มีเวลาพักผ่อนทั้งทีมาทะเลแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ^^”
พี่ลีจุนพูดออกมาอย่างดีใจเหมือนกับเด็กๆที่ชอบมาเที่ยวทะเล หลังจากที่รถตู้มาจอดด้านหน้ารีสอร์ทที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์บูติก ภายรอบรีสอร์ทมีร้านค้ามากมายใจกลางอ่าวนาง ใช่! ตอนนี้เราบินมาเที่ยวพักผ่อนกันที่จังหวัดกระบี่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามของไทย เรมาต่อกันดีกว่า...แถมรีสอร์ทแห่งนี้ยังห่างจากทะเลเพียงแค่ถนนกั้นเท่านั้นและยังเงียบสงบอีกด้วย
“จะดีใจอะไรขนาดนั้น -*- ”
พี่เมลิกพูดพร้อมกับถือกระเป๋าของตัวเองเข้าไปด้านในเพื่อทำการเช็คอิน ก่อนที่พวกเราทุกคนจะเดินตามเข้าไป # ลืมบอกไปพี่นิวก็มาทริปนี้ด้วย(อย่างจำใจ)
“เปิดสามห้องครับ”
พี่เมลิกคุยกับพนักงานเพื่อทำการเช็คอิน เล่นเอาพนักงานสาวเขินจนไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ก็ใครมันจะไปทนกับความเท่ของได้กันล่ะ ก็เล่นใส่กางเกงยืน เสื้อยืดสีขาวที่ถูกทับด้วยแจ็กเก็ตสีดำ แถมยังใส่แว่นสีชาจนทำให้เห็นดวงตาอันน่าหลงใหลของเขาอย่างชัดเจน
“สองห้องก็พอค่ะ”
พี่นิวเดินเข้ามาบอกพนักงานใหม่อีกครั้งหลังจากที่พี่เมลิกได้สั่งเช็คอินไปแล้วในตอนแรก จนหนุ่มๆจ้องมองไปยังพี่นิวด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจพี่นิวอย่างแรง
“ใครมีปัญหา”
พี่สาวคนสวยของฉันหวายสายตามองหนุ่มๆอย่างเอาเรื่อง จนทุกคนต้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างพี่นิวจะเอาจอมวายร้ายทั้งสี่คนนี้อยู่ เอเขาเลยจริงๆJ
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยป้า”
พี่เมลิกพูดอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังไงพี่สาวก็จัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อยแล้ว
พอรู้ว่าห้องพักอยู่ไหนพวกเราก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัวเอง ฉันเข้ามาในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แถมแถวนี้ยังดูเป็นส่วนตัวพอสมควร ดีเลย...จะได้ทำการพักสมองก่อนที่จะต้องกลับไปอยู่กับตำราเรียนอย่างจริงจังอีกครั้ง จำกันได้ไหมที่ฉันเคยบอกว่าฉันเรียนคณะบริหารธุรกิจ ฉันเรียนสาขาวิชาการบัญชี ถ้าฉันไม่เข้าเรียนแค่คาบเดียวมีแค่ตายกับตาย T.T
“พี่นิวคะ...อ้อขอไปเดินเล่นก่อนนะคะ”
ฉันหันไปบอกพี่นิวที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดข้าวของที่ขนมาอย่างกับจะย้ายบ้านทั้งที่มาเที่ยวกันเพียงแค่สามวัน เพราะหนุ่มๆต้องอัดรายการ Music News ต่ออีกไม่อย่างนั้นคงไปเที่ยวต่างประเทศกันแล้ว
“แล้วไม่จัดของก่อนหรอ”
พี่นิวถามขึ้นโดยที่ไม่หันมามองฉันเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวค่อยมาจัด...ขอออกไปเดินเล่นก่อน”
“ไปกับใครล่ะ ลากหนุ่มคนไหนไปเป็นเพื่อน”
พี่สาวเอ่ยแซวขึ้นพร้อมกับเงยหน้าละจากของตรงหน้า แล้วมองมาทางฉันอย่างเจ้าเล่ห์ ให้ตายเหอะ! สงสัยจะอยู่กับวายร้ายมากเกินไปหน่อยถึงได้ชอบใช้สายตาแบบนี้
“ไม่ต้องมามองแบบนี้เลย...อ้อไปคนเดียวค่ะ”
“อ้อหรอ~”
“อ้อขอตัวนะคะ”
“อย่าหายไปนานน่ะ”
ฉันเดินออกจากห้องพักโดยไม่ตอบกลับพี่นิวแต่ฉันว่าตอนนี้เธอคงจะเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ฉันเดินลงมายังหาดทรายขาวที่มีร้านค้าขายของมากมายอย่างคึกคัก แต่ไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะที่นี่ผู้คนไม่ค่อนพลุกพล่านเท่าไหร่ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยงต่างชาติมากกว่า จึงเหมาะแก่การที่จะมาอยู่กับท้องทะเลเพื่อพักผ่อนหย่อนใจจากความวุ่นวายในเมืองหลวง
ฉันเดินทอดกายไปตามชายหาดที่มีของทะเลมากมายตั้งขายเรียงรายอย่างน่ารับประทาน แถมทุกคนยังยิ้มให้แก่กันอย่างเป็นมิตรทั้งที่เรานั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน นี่คงเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากที่จะเดินทางเพื่อมาพักผ่อนกันในที่แห่งนี้
“ป้าคะ...ขายยังไงคะ”
ฉันถามแม่ค้าพร้อมกับชี้ไปยังอาหารทะเลที่แม่ค้ากำลังย่างกันสดๆอย่างสนใจ
“ขายเป็นจานจ้า”
แม่ค้าหันมามองหน้าของฉันด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร จนทำให้ฉันยิ้มตามเขาอย่างไม่รู้ตัว
“หนูเอากุ้งกับปลาหมึกอย่างละจานค่ะ”
“รอเดี๋ยวนะหนู”
“ค่ะJ”
ฉันยิ้มให้ป้าอย่างเป็นมิตร และเดินไปตามชายหาดพร้อมกับสองเมนูที่สั่งมาหลังจากที่จ่ายเงินป้าเรียบร้อยแล้ว ฉันนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ริมชายหาดที่ห่างจากน้ำทะเลไม่มากนักแต่ก็พอสมควร หลังจากที่เดินหาที่เหมาะสำหรับการลงมือทานเมนูที่สั่งมา เนื่องจากบริเวณนี้เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างส่วนตัว แต่อย่าคิดว่าฉันนั่งอยู่คนเดียวเด็ดขาด เพราะถึงแม้ว่ามันจะเงียบสงบแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาเล่นน้ำบริเวณนี้เลย
ฉันนั่งทานอาหารอย่างมี่ความสุขพร้อมกับมองไปยังท้องทะเลกว้าง มีคลื่นเล็กๆจากกระแสลมที่พัดผ่านเข้ามากระทบกับทรายสีขาวนวลอย่างสวยงาม และมันเหมือนกับมีเวทมนต์อะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้เราหลงใหลมัน เหมือนกับว่ามันกำลังดูดวิณญาณของตัวเราให้ล่องลอยออกไปจนทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นจนดึงสติของฉันที่กำลังล่องลอยให้กลับมาสู่สภาวะปกติ พอหันไปมองตามเสียงก็พบกับหนุ่มๆ The Prince ที่เดินตรงเข้ามาทางฉันพร้อมกับถือของกินมาเต็มไม้เต็มมือ ไม่รู้ว่าจะซื้อกันมาทำไมเยอะแยะ ถ้ากินเข้าไปหมดนี่ไม่คงไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ตรงไหนเหมือนกัน
“ไม่เล่นน้ำกันหรอค่ะ”
ฉันหันไปถามพี่เจโรมที่เดินตรงเข้ามานั่งลงข้างๆซ้ายมือฉันเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆที่เหลือจะทยอยกันเข้ามานั่งล้อมกันอยู่ข้างหน้าฉัน ยกเว้นนายปีศาจที่เข้ามานั่งข้างๆขวามือฉัน มันอาจดูเป็นเพียงภาพธรรมดาแต่มันทำให้ฉันยิ้มได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง มันจะเป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่มีวันลืม
“ขอเติมพลังก่อน J”
เขาหันมาตอบฉันพร้อมกับรอยยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะลงมือทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าฉันต่ออย่างเอร็ดอร่อย
“เฮ้อ...นอนสบายจัง”
นายปีศาจเอ่ยขึ้นหลังจากที่เอาหัวของเขามานอนบนตักของฉัน จนทุกคนหันมามองเขาเป็นสายตาเดียวกันอย่างหมั่นไส้ จะไม่ให้หมั่นไส้ได้ไงก็ตั้งแต่ฉันยอมกลับไปคบกับเขาใหม่อีกครั้งโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆจนทำให้เขาตัวติดกับฉัน แถบยังชอบเข้ามาทำตัวน่ารักๆใส่ฉันต่อหน้าพี่ๆทุกคนอีกด้วย อ้อ! ลืมบอกไปตอนนี้เริ่มมีคนมาติดต่อพี่ต้นสนให้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงบ้างแล้ว หลังจากที่พี่เจโรมแถลงข่าวเรื่องพี่น้องเพราะเขาเคยหลุดปากพูดออกไปในรายการทีวีรายการหนึ่งเลยโดนขุดคุ้ยทางบริษัทเลยทำการแถลงข่าวเป็นการด่วน
“โอ๊ย! หวานเกิ๊นเห็นแล้วหมั่นไส้”
พี่เจโรมโวยวายกับการกระทำของเขาอย่างหมั่นไส้ โดยเฉพาะไอ้อาการเกินหน้าเกินตาของเขาที่ชอบทำเพื่อจะเย้ยพี่ๆทั้งสามที่ยังไม่เจอสาวที่ถูกใจพวกพี่ๆเขาให้อิจฉาเล่น
“ทำไงได้คนเขามีความสุข”
เขาตอบกลับพี่ลีจุนอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทางหมั่นไส้ของเพื่อนร่วมวงของเขา อยากจะบ้าตายไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมตกลงคบกับคนอย่างเขาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ฉันจะรอวันที่แกโดนน้องฉันทิ้ง”
พี่เจโรมตอบกลับเขาอย่างเจ็บปวดเพื่อนกับว่ารอโอกาสที่จะพูดประโยคนี้มานาน โดยเฉพาะแววตาร้ายๆบวกกับรอยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ หล่อเลยพี่ชายฉัน
“กินๆเข้าไปเลย”
ฉันรีบยัดปลาหมึกที่อยู่ในมือใส่ปากของเขาทันทีที่จะตอบกลับพี่เจโรม จนเขาทำหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมกิน(อยู่บนตักฉันที่กลายเป็นหมอนจำเป็น) ไม่ใช่ว่าฉันกลัวว่าเขาทั้งสองคนจะวางมวยใส่กันหรือว่าพี่เจโรมไม่ก็เขาจะตอบกลับอีกฝ่ายไม่ได้หรอกนะคะ แต่ที่ฉันกลัวนะคือ...กลัวว่าเขาจะพูดอะไรออกไปโดยไม่ปรึกษาแล้วจะส่งผลกระทบต่อฉันจนอยากจะแทรกแผ่นดินเพื่อหนีหน้าพวกเขา
Night Time
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินจนลับขอบฟ้าก็ถึงเวลาของพระจันทร์และดวงดาวที่จะขึ้นมาฉายแสงให้เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิดและอ้างว้างให้งดงามจนหน้าหลงใหล พระจันทร์และดวงดาวก็เปรียบกับแสงสว่างที่คอยส่องแสงให้ท้องฟ้าสว่างแม้ในค่ำคืนที่มืดมิด หรือในวันที่เดือนมืดแต่ดวงดาวก็ทำหน้าที่ส่องประกายให้ฟ้าสว่างจนหน้าหลงใหลอย่างน่าประทับใจในความงดงามของธรรมชาติที่สร้างขึ้น
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
เสียงของเขาที่ฉันจำได้ดีกว่าใครเพราะเขาเปรียบเสมือนกับดวงดาวที่เข้ามาส่องสว่างอยู่ในใจฉัน
“เซน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังคนที่กำลังนั่งลงข้างๆฉันท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสงบ มีเพียงเสียงคลื่น เสียงลมและเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน แปลกใจใช่ไหมว่าทำไมถึงบอกว่ามันสงบทั้งที่ความจริงสถานที่แห่งนี้พอฟ้ามืดก็จะมี แสง สี เสียง เพื่อสร้างความบันเทิงให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน แต่มันคือสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ ฉันเลยเดินมาตามหาดทรายที่ทอดยาว
“ก็มาตอนที่อ้อเห็นแหละ”
เขาหันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกวนประสาทกลับมาให้ฉันจนอยากจะวีนใส่เขาแต่ครั้งนี้มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง
“ได้มาเที่ยวครั้งนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“ทำไมหรอ...”
ฉันหันไปมองเขาที่ยังคงส่งสายตาไปยังท้องฟ้าพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวอย่างนี้”
“...”
“รู้อะไรไหม?”
“อะไรหรอ”
“ผมมีความสุขมากๆที่ผมได้ทำตามความฝันจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ จนบางครั้งผมก็มีความรู้สึกไม่ค่อยต้องการมันสักเท่าไหร่
“...”
“บางเดือนผมก็เดินสายจนไม่มีเวลาพักผ่อน จนบางครั้งผมก็ท้อจนอยากที่จะหยุดทำงานในด้านนี้ไป ทั้งๆที่ผมคิดว่ามันคือความสุขที่สูงสุดของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่โชคดีได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสายงานที่ผมฝัน”
“...”
“จนวันหนึ่งก็มีผู้หญิงตัวเล็กๆใส่แว่นดูไม่น่าสนใจ ในวันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของผม แถมเธอคนนั้นยังชอบต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัวอะไร และเธอก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมโกรธจัด”
ฉันขอบคุณนะที่นายยังคงจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับฉันแม้บางอย่างมันไม่ค่อยดีก็ตาม ทั้งที่วันแรกที่เราเจอกันนายจะไม่ชอบหน้าฉันเลยก็ตาม
“แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหรืออะไรดลใจให้ผมอยากลองค้นหาอะไรในตัวของเธอจนสร้างเกมขึ้นมา รู้อะไรไหมว่าเธอเปลี่ยนตัวเองมาใหม่จนผมอ้าปากค้าง เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าจากผู้หญิงใส่แว่นเชยๆจะเปลี่ยนไปจนเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหล”
“...”
นี่! ฉันเปลี่ยนตัวเองมาใหม่เพียงแค่ต้องการเอาชนะเขาแต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาหลงใหลฉันมากขนาดนี้ เขาเล่าเรื่องราวทุกอย่างด้วยน้ำเสียงอย่างมีความสุข ส่วนฉันทำได้แต่เพียงกอดเขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
“จนตอนนั้นฉันอยากจะยกเลิกเกมทันที”
“...”
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
ฉันหันไปมองเขาอย่างงงๆที่อยู่ๆเขาก็เอ่ยคำว่าขอบคุณทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่าความสุขจริงๆที่ผมตามหามันคืออะไร ขอบคุณที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตของผม จนทำให้ชีวิตผมดูมีความหมายที่จะได้ทำอะไร เพื่อใคร โดยไม่หวังอะไรตอบแทน”
“...”
“ผมอยากให้คุณได้รู้อะไรไว้หนึ่งอย่าง”
“อะไรหรอ”
“คุณคือคนสำคัญสำหรับผมและผมสัญญาว่าจะรักคุณคนเดียวอย่างนี้ตลอดไป”
ขอบคุณที่นายรักผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันคนนี้
ฉันกอดเขาด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขทั้งน้ำตาของความดีใจที่กำลังค่อยๆหลั่งรินออกมา ฉันเองก็อยากจะขอบคุณที่เข้ามาทำให้ชีวิตของฉันมีความหมายมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น เขาคือคนที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับคำรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน โดยเฉพาะที่เขาเป็นดั่งแสงที่เข้ามาส่องสว่างชีวิตที่มีเพียงสีเทาของฉันได้รู้จักเติมแต่งสีสันใหม่ๆเข้ามาจนมันดูสวยงามมากขึ้น
เขาเปรียบเหมือนแสงดาวที่เข้ามาส่องให้ท้องฟ้าที่มืดมิดอย่างฉันเข้ามาส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง
และเขาจะเป็นดวงดาวที่ส่องอยู่ในใจฉันตลอดไป
THE END
ความคิดเห็น