คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Game Over
หนึ่งเดือนผ่านไป
Birthday party
หลังจากที่ไปออกงานกับหนุ่มๆมาทั้งวันก็ได้เวลามาปลดปล่อยทุกอย่างในงานวันเกิดของตัวเอง ที่จัดขึ้นที่บ้านของฉันโดยแม่ลงมือทำอาหารเพื่อต้อนรับหนุ่มๆโดยเฉพาะ (แม่ชอบพวกเขาเอามากๆ) จะไม่ให้แม่ลงมือทำอาหารสูตรพิเศษเพื่อพวกเขาได้ยังไง ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มาบ้านฉันแล้วคุยชมแม่จนฉันที่เป็นลูกสาวแท้ๆตกกระป๋องไปในพริบตาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพี่ลีจุนที่ตอนนี้กลายเป็นลูกรักของแม่ฉันไปโดยปริยาย ผู้คนในงานไม่มากนักเพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนๆของฉันทั้งนั้น (ส่วนมากผู้หญิงที่มาวันนี้จัดเต็มกันทุกคน) จนหนุ่มๆต่างพากันมองจ้องเปลื้องเสื้อผ้าด้วยสายตากันเป็นแถว
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบคุณมากๆนะ”
เพื่อนๆที่เรียนร่วมคณะของฉันเอาของขวัญมาให้ฉันทีละคนสองคน ก่อนจะเดินไปคุยกับหนุ่มๆ The Prince อย่างไม่รีรอจนพวกเขากลายเป็นจุดเด่นในงานแทนเจ้าของงานวันเกิดอย่างฉัน โดยเฉพาะนายปีศาจที่ท่าทางจะมีความสุขสุดๆที่อยู่ภายใต้วงล้อมของบรรดาสาวๆ ชิ! น่าหมั่นไส้ชะมัด ว่าแต่ฉันจะไปเดือดร้อนอะไรกับเขาด้วยเนี่ย เป็นอะไรกันแน่เนี่ย เขาจะไปอยู่กับใครกับผู้หญิงหน้าไหนมันก็เรื่องของเขาสิไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย เรากับเขาแค่เป็นแฟนกันหลอกๆตามเกมเท่านั้น แกจะมาทำเป็นไม่พอใจทำไมเนี่ยยัยต้นอ้อ!
“ต้นอ้อ”
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจรทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองยังต้นเสียงที่ดังอยู่ข้างหลัง และก็พบกับพี่เจโรมที่เป็นเจ้าของเสียง ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปรียบเสมือนกับไปที่พร้อมจะละลายน้ำแข็งให้กลายเป็นน้ำทำให้ผู้หญิงต่างพากันหลงในรอยยิ้มพิฆาต รวมถึงฉันด้วย ไม่ได้นะ! >.< นี่มันพี่ชายของฉันเองนะ
“มีอะไรหรือป่าวคะ”
“ต้องมีสิวันเกิดน้องสาวเชียวนะ”
“คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก เห็นมีความสุขกับสาวๆในงาน”
“ลืมได้ไง...อย่างอนนะพี่มีของขวัญมาให้ J”
ฉันมองไปยังเขาอย่างลุ้นๆว่าของที่ฉันจะได้มันคืออะไร เขาหยิบสร้อยรูปผีเสื้อในกระเป๋ากางเกงของเขาชูขึ้นอยู่ตรงหน้าฉัน มันสวยมากๆ ตัวผีเสื้อเป็นสีเงินอมชมพู ที่ลำตัวเหมือนจะมีเพชรอยู่ทำให้มันดูหรูขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ขอบคุณค่ะ J”
ฉันกระโดดกอดเขาอย่างดีใจ ฉันไม่คิดว่าเขาจะซื้อของแบบนี้ให้ ขนาดฉันเดินผ่านยังไม่คิดที่จะเหลือบมองเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันคือของขวัญแสนสุดจะมีค่าที่สุดสำหรับของขวัญทั้งหมดที่ฉันได้มาในค่ำคืนนี้
“พี่ว่าเราเข้าไปในงานกันดีกว่า”
เขาพูดพร้อมกับผละออกจากฉันเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล
“ค่ะ”
เราสองคนเดินเข้าไปร่วมสนทนากันอย่างสนุกสนาน สายตาของบางคนมองมาทางเราอย่างสงสัย แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็ต้องนายปีศาจที่มองมายังสร้อยเส้นใหม่ที่ฉันสวมใส่อย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ พร้อมกับแววตาดุจนน่ากลัว ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับสาวๆต่ออย่างสนุกสนาน จนฉันต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นภาพที่ทำให้หัวใจของฉันมันรู้สึกเจ็บ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมีความรู้สึกอย่างนี้กับคนอย่างเขาด้วย ยิ่งนับวันความรู้สึกอย่างนี้มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น จนบางครั้งก็ต้องมานั่งเสียน้ำตาอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงภาพของเขา ทุกครั้งที่นึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิงมันจะเข้ามาพร้อมกันเสมอ จนทำให้ฉันรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยได้รับมาก่อน และมันก็เป็นความรู้สึกที่ฉันไม่อยากพบเจอมากที่สุด
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
พี่เจโรมที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเข้ามากระซิบข้างหูของฉัน จนฉันต้องหันไปยิ้มฝืนๆ และแน่นอนเขารู้ว่าฉันฝืนยิ้มสุดๆ และก็รู้ด้วยว่าฉันเป็นอย่างนี้เพราะใคร
“น้องสาวมาทางนี้เร็ว”
พี่ลีจุนที่ยืนอยู่ในวงล้อมของสาวๆเรียกฉันพร้อมกับโบกไม่โบกมืออย่างน่ารัก แต่ไม่ใช่สำหรับ อารมณ์ของฉันตอนนี้บอกเลย
“ไปหาไอ้ลีจุนกัน”
พี่เจโรมไม่รอคำตอบจากฉัน แต่จับมือฉันเดินไปยังพี่ลีจุนโดยมีสายตาของนายปีศาจส่งตามมา แล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วยเนี่ย ทั้งที่ความจริงมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันที่จะทำแบบนี้แล้วทำไมจะต้องกลัวด้วยละเนี่ย อยากจะบ้าตาย -*-
“Happy birth day to younger sister”
พี่ลีจุนยื่นกล่องของขวัญให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ขอบคุณนะคะพี่ลีจุน”
“อันนี้ของพี่นะ”
พี่เมลิกส่งกล่องของขวัญพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามสไตล์ของเขา
“ขอบคุณค่ะพี่เมลิก”
“แล้วไอ้คุณเจโรมมันให้อะไรล่ะ”
เสียงคุ้นชินพูดแทรกขึ้นระหว่างการสนทนา ใช่! เขาคือนายปีศาจเซน ที่ชอบขัดบรรยากาศตลอด ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับพี่เจโรมพร้อมกับเอามือมากอดเอวของฉัน จนพี่เมลิกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายอย่างมีเลศนัยมายังฉันจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีออกจากงานนี้ไปให้เร็วที่สุด
“ก็ได้ของที่ฉันต้องการ”
“ต้องการมากหรอ!”
เขาหันมามองฉันด้วยสายตาร้ายๆ จนทำให้ใจของฉันหวั่นๆแต่ก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ใช่! อ้อว่าเราไปเป่าเค้กกันดีกว่าค่ะ”
ฉันมองหน้าเขาอย่างผู้ชนะทั้งที่ในใจสุดแสนจะหวั่นๆ ก่อนจะเดินไปควงแขนพี่เมลิกและพี่ลีจุนไปยังบริเวณงานที่มีเค้กก้อนใหญ่ที่มีรูปของฉันอยู่ด้านบนหน้าเค้ก ก่อนที่จะเรียกทุกคนมาร่วมร้องเพลงโดยต้นเสียงคือพี่ลีจุน (ทุกงาน)
พอเพลงจบฉันก็เริ่มอธิฐานก่อนที่จะเป่าเค้ก ก็มีเสียงกีตาร์ดังขึ้นจนทุกคนในงานต้องหันไปมองยังบนเวทีเล็กๆที่หนุ่มๆช่วยกันจัดเพื่อที่จะขึ้นไปร้องเพลงกัน แต่ทว่า... ใช่! นายปีศาจเขาอยู่บนเวที
“ในค่ำคืนนี้ผมไม่ได้มีของขวัญที่พิเศษอะไรให้กับเธอเหมือนกับคนอื่นเขา ผมไม่ได้มีคำพูดดีๆอะไรมามอบให้เธอ นอกจากสิ่งนี้...”
ตอนนี้ฉันยืนงงจนทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน นี่เขาต้องการอะไรกันแน่? นี่เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? ที่ทำไปเพราะอยากจะทำจริงๆ หรือว่าเขาทำแก้ขัดเพราะไม่มีอะไรจะให้ฉันจริงๆ ทำไมเขาต้องทำให้ฉันต้องสับสนกับตัวเองอย่างนี้ด้วยเนี่ย ยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ทั้งความสับสนวุ่นวายที่อยู่ในใจของฉันทำให้สับสนจนหาทางออกไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เธอรู้ไหมฉันมีความสุขมากมาย
ตั้งแต่วันที่เธอได้เดินเข้ามา
ทำให้รู้คนที่ฉันเฝ้าตามหา
คนคนนั้นก็คือเธอ คนเดียวของหัวใจ
ทำไมเขาถึงเลือกร้องเพลงนี้ เขาต้องการจะบอกอะไรกับฉันคนนี้กันแน่ ที่เขาทำทุกอย่างแบบนี้ความจริงมันคืออะไรกันแน่ หรือว่ามันเป็นเพียงแต่แผนส่วนหนึ่งของเขากันแน่
อยากบอกเธอให้รู้ว่าใจของฉัน
รักเธอเหลือเกิน
รู้ไหมยากเย็น สักแค่ไหน
กว่าเราจะได้พบกัน
เธอคงยังข้องใจในตัวฉัน
ว่าเธอเชื่อใจฉันได้สักเท่าไหร่
แต่ต่อให้ใครจะดีกว่าสักแค่ไหน
ใจของฉันไม่อาจเปลี่ยน
มันหยุดแล้วที่เธอ
ฉันรู้ว่าเพลงนี้มันความหมายดี แต่ที่เขาเอาเพลงนี้มาร้องให้กับฉันมันหมายความว่ายังไง ฉันทำให้เขามีความรู้สึกอย่างนี้จริงๆ หรือว่าแค่อยากเล่นกับหัวใจของฉันจนต้องยอมเป็นผู้แพ้ต่อหน้าเขากันแน่ ตกลงนี่มันคืออะไรกันแน่?
อยากบอกเธอให้รู้ว่าใจของฉัน
รักเธอเหลือเกิน
รู้ไหมยากเย็น สักแค่ไหน
กว่าเราจะได้พบกัน
โปรดเถอะจงมั่นใจในสัญญา
จะรักเพียงเธอ
ขอให้ฟ้าอวยพรจะได้ไหม
ให้เรานั้นได้รักกันตลอดไป
เขาร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง แต่ผิดกับฉันที่ยังคงสับสนอยู่ในใจจนหาทางออกไม่ได้ ทำไมเขาต้องทำให้ความคิดของฉันมันสับสนวุ่นวายได้ขนาดนี้
ฉันขอหยุดที่เธอ ไม่ขออะไร
ฉันไม่ต้องการ เพียงพอแล้ว
อยากบอกเธอให้รู้ว่าใจของฉัน
รักเธอเหลือเกิน
รู้ไหมยากเย็น สักแค่ไหน
กว่าเราจะได้พบกัน
โปรดเถอะจงมั่นใจในสัญญา
จะรักเพียงเธอ
ขอให้ฟ้าอวยพรจะได้ไหม
ให้เรานั้นได้รักกันตลอดไป
อยากบอกเธอให้รู้ว่าใจของฉัน
รักเธอเหลือเกิน
รู้ไหมยากเย็น สักแค่ไหน
กว่าเราจะได้พบกัน
โปรดเถอะจงมั่นใจในสัญญา
จะรักเพียงเธอ
ขอให้ฟ้าอวยพรจะได้ไหม
ให้เรานั้นได้รักกัน รักตลอดไป
ขอให้ฟ้าอวยพรจะได้ไหม
ให้เรานั้นได้รักกัน จนวันสุดท้าย
*เพลงรักเธอเหลือเกิน - Frick
เขาร้องเพลงจบก็เดินลงแล้วหายไปข้างหลังเวที ส่วนฉันก็ยังคงยืนงงอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของเขาอยู่ดี ฉันไม่รู้ว่าอย่างนี้จะเรียกว่าเขาสารภาพรักกับฉันจนยอมเป็นผู้แพ้ในเกมหรือเปล่าหรือมันเป็นเพียงวิธีของเขาที่จะทำให้ฉันตกหลุมพางที่เขาขุดไว้กันแน่ ที่เขาทำมันลงไปเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่? เขาต้องการจะสื่อความหมายอะไรกับฉันหรือเปล่า ตั้งแต่ต้นเพลงจนตอนนี้เขาร้องจบไปแล้วฉันก็ยังไม่สามารถตอบตัวเองเพื่อลดความสับสนในจิตใจของฉันได้อยู่ดี ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร ถ้าฉันจะบอกว่าเขารักฉันมันก็ยังไม่สามารถพอที่จะทำให้ฉันมั่นใจว่าเขารักฉัน เพราะมันยังอยู่ในเวลาของคำว่า “เกม” ที่มันต้องเดิมพันด้วยหัวใจและศักดิ์ศรีของใครสักคนที่ไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นฉัน
“ไอ้เซนมันนึกไงถึงเอาเพลงนี้มาร้องวะ”
เสียงของพี่เจโรมเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือมากอดคอของฉัน พี่ชายต้องการจะบอกอะไรก็พูดออกมาเถอะ ฉันไม่ไหวมานั่งเดาอารมณ์ของพวกพี่ๆแล้วนะ
“นั่นดิ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมันจะร้องเพลงนี้”
พี่เมลิกพูดพร้อมมองหน้าของฉันอย่างแปลกใจ ทำไมหรอ? ฉันไปทำอะไรให้เพื่อนเขาหรอถึงได้มองหน้าฉันด้วยสายตาที่เดาอารมณ์ได้ยากขนาดนี้ ขอร้องช่วยพูดออกมาบ้างเถอะตอนนี้ฉันไม่พร้อมจะคิดอะไรทั้งนั้น
“ท่าทางไอ้วายร้ายจะโดนลบคม”
พี่ลีจุนพูดเสริมขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสะใจเพื่อนของเขาอย่างชัดเจน ขอร้องหละอย่าสร้าง
ปริศนาอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเข้าข้างตัวเองอย่างนี้ได้ไหม เพราะว่ายังไงมันก็คือ “เกม” ที่ทำให้ฉันไม่กล้าพอที่จะรัก และโอกาสที่ฉันจะชนะในเกมนี้มันก็เริ่มลดน้อยลงทุกที ตั้งแต่วันที่เขาทำให้สภาวะหัวใจของฉันมันเริ่มไม่ปกติอีกต่อไป จนตัวฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหนและจะฝืนมันไปได้อีกนานเท่าไหร่ เพราะยิ่งนับวันความรู้สึกอย่างนี้มันมีมากมายเหลือเกิน
“น้องสาวไปกินเค้กกัน”
พี่ลีจุนถามขึ้นจนทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่แสนวุ่นวาย ด้วยแววตาและรอยยิ้มที่สดใสจนทำให้ฉันต้องเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัวแม้ในเวลานั้นจะเครียดหรือเลวร้ายสักแค่ไหน
“พี่ๆไปก่อนเถอะค่ะ...อ้อขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนJ”
ฉันฝืนยิ้มให้กับทุกคน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาภายในบ้าน ทว่า...ใช่! เขาอยู่ข้างในบ้าน แต่ฉันกับมาเจอภาพของเขากำลังจูบอย่างดูดดื่มอยู่กับหญิงสาวร่วมคณะของฉัน นี่ใช่ไหม! เหตุผลที่เขารีบลงจากเวทีแล้วทิ้งความสับสนวุ่นวายจนหาคำตอบไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันว่ามันใกล้จะได้คำตอบแล้วสินะ!
“เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะJ ตามสบายเลยนะ”
ฉันยิ้มฝืนๆให้กับเขาทั้งสองคน ก่อนจะหันหลังเดินกลับมาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆหลั่งรินออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนจนตัวฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บได้ขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาเพราะเราเป็นแฟนกันเนื่องจากเกมเท่านั้น แล้วทำไมฉันจะต้องรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เขาไปอยู่กับสาวๆแต่ครั้งนี้เขาจูบอย่างดูดดื่มจนฉันรับไม่ไหวจริงๆ พอสักทีฉันไม่อยากมีความรู้สึกแบบนี้อีกต่อไปต่อให้ฉันจะต้องเป็นผู้แพ้ในเกมนี้ก็ตาม เพื่อจะได้ไม่ต้องมารู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้อีกต่อไป พอกันทีฉันยอมแพ้แล้ว T.T
ฉันเดินออกมาได้สักพักก็มีความรู้สึกว่ามีคนเดินตามมาข้างหลัง พอฉันหันกลับไปก็พบกับเขา ใช่! เขาเดินตามฉันมาจนฉันต้องรีบหันกลับและรีบเดินให้ห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า
“ขอร้อง อย่าเพิ่งเดินหนีได้ไหม”
เขาพูดพร้อมกับรีบวิ่งเข้ามากอดฉันจากทางด้านหลัง จนฉันต้องหยุดฝีเท้าแต่สิ่งที่ฉันยังไม่ยอมหยุดก็คือน้ำตาที่มันยิ่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อน และแม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะหยุดไหลได้เมื่อไหร่
“ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องเมื่อกี้”
“ชั่งเถอะ มันเป็นเรื่องของนาย”
ฉันพูดพร้อมกับพยายามแกะมือของเขาออก แต่มันกลับทำให้เขายิ่งกอดฉันแน่นขึ้นอีก เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ในเมื่อฉันยอมหลีกทางให้เขาได้สั่งสมความสุขแล้วเขาจะตามฉันมาทำไมอีก จะมาเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวดในจิตใจของฉันให้มันทรมานไปมากกว่านี้ใช่ไหม!
“นายกลับไปเถอะ”
“ผมบอโทษ”
“มันเป็นสิทธิ์ของนาย ฉันเข้าใจJ”
เขายอมปล่อยมือออกจากเอวของฉันอย่างว่าง่าย ฉันผละเขาออกแล้วหันไปยิ้มให้กับเขาอย่างฝืนๆ ก่อนจะเดินออกห่างจากเขามา โดยไม่คิดจะหันไปมองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วฉันจะร้องไห้ทำไม”
ฉันได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ หลังจากที่ฉันเดินมาหาที่นั่งหลบผู้คน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอ่อนแอได้ขนาดนี้ อ่อนแอจนไม่กล้าพอที่จะออกไปเผชิญหน้าทุกคนในสภาพแบบนี้ ทำไมฉันต้องกลายเป็นคนอ่อนแอเพราะเขาได้ขนาดนี้ ภาวะแห่งความเข้มแข็งของฉันมันหายไปไหนหมดถึงได้รู้สึกอ่อนแออย่างนี้ เขาเป็นใครกันทำไมถึงได้มีอิทธิพลกับความรู้สึกของฉันได้มากมายขนาดนี้ เขาเป็นใครกันถึงทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวดกับสิ่งที่ฉันได้รับจากเขา เขาเป็นใครกันทำไมถึงมองความเจ็บปวดที่คนรอบข้างของฉันไม่เคยคิดแม้จะทำอย่างนี้กับฉันเลยด้วยซ้ำ
ทำไมนะฉันถึงต้องมานั่งร้องไห้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าอย่างนี้ด้วย นี่เขาสามารถทำให้ฉันเป็นได้มากมายอย่างนี้ ฉันจะต่อว่าหรือขอบคุณเขาดีที่ทำให้ฉันเข้าใจอีกหนึ่งความรู้สึกที่ฉันยังไม่เคยเจอ แต่ฉันก็อยากขอบคุณที่เขาแสร้งแกล้งทำดีกับฉันจนเกมนี้ฉันคิดว่าผู้ชนะต้องเป็นฉันต้องมาจบลงตั้งแต่เขาเข้ามาทำตัวแสนดีในการเป็นแฟน(กำมะลอ) จนอัตราการเต้นของหัวใจฉันมันไม่ปกติ รู้สึกอ่อนไหวเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเขาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ทำให้ฉันทรมานอย่างแสนสาหัส
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
เสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นจนฉันต้องรีบปาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอทิ้ง ก่อนจะหันไปมองยังเจ้าของเสียงก็พบกับพี่ต้นสนพี่มองมาทางฉันด้วยสายตาที่ห่วง สงสาร และแอบซ่อนไปด้วยความอ่อนโยน จนน้ำตาของฉันมันเริ่มเอ่อรินออกมาอย่างอดกั้นมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ก่อนจะโผเข้ากอดเขาขณะที่กำลังทิ้งตัวเองนั่งลงข้างๆฉัน
“ใครทำน้องสาวพี่เป็นได้ขนาดนี้”
พี่ต้นสนลูบหัวของฉันพร้อมกับถ้อยคำที่อ่อนโยน จนฉันรู้สึกมีที่พึ่งให้กับคนอ่อนแออย่างฉัน T.T
“แสดงว่าเกมมันจะจบลงแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ...และอ้อก็คือผู้แพ้”
“ที่เป็นแบบนี้เพราะรักมันเข้าแล้วหรือไง”
“ค่ะ”
“แล้วเจโรมรู้ไหม”
“รู้เรื่องอะไร”
เสียงของใครสักคนที่พูดแทรกขึ้นระหว่างการสนทนา แต่ไม่ใช่เสียงของฉันอย่างแน่นอน ใช่! เขาคือพี่เจโรมพี่ชายคนใหม่ที่พี่ต้นสนก็ยังไม่เรียกพี่จนถึงตอนนี้
“ก็เรื่องเกมของเรากับนายนั่นไง แล้วตอนนี้เธอก็เผลอรักเขาเข้าให้แล้ว”
พี่ต้นสนตอบออกไป โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ถามนี้เป็นพี่ชายที่เขาไม่คิดจะเรียก “พี่” ไม่ใช่ฉัน
“รู้แล้ว...รู้ตั้งแต่แรก”
“ยัยอ้อ...ทำไมเสียงแกแปลกๆวะ”
“เสียงฉันเอง”
ฉันนั่งมองพี่ต้นสนที่ค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาที่ส่งสายตาไม่ค่อยพอใจที่ไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่
“เฮ้ย!...แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มานานพอที่จะรู้ว่าแกพูดถึงฉันด้วยน้ำเสียงยังไง”
“เชอะ...ทำเป็นหล่อ”
“ขอบคุณ”
พี่เจโรมพูดอย่างภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง (ก็หล่อน่าหลงใหลจริงๆ) จนพี่ต้นสนยิ่งทำหน้าฉุนเขาเข้าไปกันใหญ่ ตั้งแต่ฉันกับพี่ต้นสนรู้ว่ายังมีพี่ชายอีกหนึ่งคน ฉันก็เห็นเขาสองคนชอบจิกกัดกัน งอนกัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันจริงจัง จนทำให้ทุกคนยิ้มกับท่าทางของพวกเขาทั้งสองคน จนตอนนี้แม่ของฉันเอ็นดูพี่เจโรมมากจนบางทีก็ขอให้พี่เจโรมมานอนข้างที่บ้านจนพี่ต้นสนตกกระป๋องกันเลยทีเดียว
เรากลับสู่โหมดปัจจุบันกันดีกว่า
“เราจะเอาไงต่อ”
พี่เจโรมถามขึ้นหลังจากที่มานั่งข้างๆฉันฝั่งตรงข้ามกับพี่ต้นสนด้วยสีหน้าจริงจังจนบรรยากาศรอบตัวตอนนี้เข้าอยู่ในสภาวะเครียดจนอึดอัด แม้พี่ต้นสนจะไม่ค่อยชอบพี่เจโรมแต่เขาก็แยกแยะได้จนความกดดันเลยมาตกอยู่กับฉันที่น้ำตาก็ยังคงไม่หยุดไหล ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงอาการหนักได้ขนาดนี้
“คงไปสารภาพเพื่อจะได้จบเกม”
“แล้วคิดว่าจะเสมอบ้างไหม”
“อ้อไม่กล้าคิดหรอกค่ะ...ขอให้มันจบๆไปดีกว่าค่ะ”
ฉันพูดพร้อมกับปาดน้ำตาเผื่อจะทำให้ตัวเองพร้อมจะเผชิญกับปัญหาไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายสักแค่ไหนฉันก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ต่อให้ฉันจะต้องเจอกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็ตาม
“งั้นค่อยไปวันพรุ่งนี้...วันนี้ไปพักก่อนที่เหลือพี่จัดการเอง”
“ทำเป็นเก่ง”
พี่ต้นสนไม่มองหน้าพี่เจโรมแต่จิกกัดด้วยคำพูด จนฉันเผลอหลุดยิ้มออกมากับท่าทางน่ารักของเขา
“ไม่ได้เก่ง...แต่พอตัวJ”
พี่เจโรมพูดอย่างกวนประสาทน้องชายคนใหม่ของเขาอย่างสะใจกับท่าทีที่ไม่ค่อยพอใจของน้องชาย ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับเอามือมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปสู่งานวันเกิดที่ฉันสุดแสนจะทรมานแทนความสุขเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา
ในเวลาที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายฉันคงดูเป็นคนที่เข้มแข็งมากเลยใช่ไหม ฉันได้แต่มองตัวเองอย่างสมเพชกับเกาะป้องกันของตัวเองที่เคยมองว่าแข็งแกร่ง แต่จะมีใครบ้างไหมที่จะรู้ว่าภายใต้เกาะที่ทุกคนมองว่ามันเข้มแข็งนั้นมันแสนอ่อนแอจนตัวฉันเองก็รับไม่ได้ ในหลายๆครั้งที่ต้องทำเป็นเข้มแข็งแต่ความเป็นจริงข้างในน้ำตามันหลั่งรินออกมาเป็นสาย จนเปรียบเหมือนกับไฟที่แผดเผาจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี
ณ คอนโด J
หลังจากที่เมื่อวานฉันนอนซมจมปักอยู่กับน้ำตาและความรู้สึกมากมายที่ตัวฉันเองก็หาคำตอบไม่ได้ เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็ขอจบเกมที่ทำร้านฉันจนเจ็บปวดแสนทรมานนี้ลงเสียที ฉันจะได้กลับไปอยู่กับปัจจุบันที่แสนเรียบง่ายเหมือนเดิม และฉันก็คิดว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มันไม่ผิดอย่างแน่นอน เพราะมันคือทางเดียวที่ฉันจะลดความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ ลงไปเสียที
ติ๊ง...ต่อง...ติ๊ง...ต่อง...
ฉันถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะกดออดหน้าห้องของเขาที่ฉันแสนคุ้นเคย ตอนนี้ใจของฉันสั่นจนจับจังหวะการเต้นของหัวใจไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็ต้องทำให้ได้ เพราะทุกอย่างฉันได้ตัดสินใจทำมันลงไปแล้วและไม่มีวันย้อนกลับคืนมาได้อีกต่อไป...
“เธอมาหาใคร”
ประตูเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวร่างบางที่ร่างปิดโดยผ้าขนหนูเพียงแค่ผืนเดียวอย่างไม่ค่อยพอใจที่มาเจอฉันยืนอยู่หน้าห้อง ไม่นานก็มีชายเจ้าของห้อง ใช่! เขามาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ปิดเบื้องล่างของเขาไว้ด้วยใบหน้าที่ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“เธอกลับไปก่อน”
เขาหันไปบอกหญิงสาวที่ใครผ่านมาเห็นก็ต้องรู้ว่าเขาสองคนทำอะไรกันมา โดยเฉพาะฉันที่ได้แต่ยืนหน้าชาจนพูดอะไรไม่ออก ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันเจ็บจนวันสุดท้ายของเกมแบบนี้ ฉันทำได้พียงยืนนิ่งน้ำตาตกในจนอยากจะปล่อยมันออกมาทุกความรู้สึก แต่ฉันก็ไม่กล้าพอ เพราะฉันกลัว,..กลัวว่าฉันจะอ่อนแอเกินไป
“เข้าข้างในก่อนไหม”
ฉันพยักหน้าอย่างงงแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องของเขา หลังจากที่สาวน้อยของเขาเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมไปแต่โดยดี
ฉันนั่งลงบนโซฟาที่คุ้นเคยอย่างปวดร้าวกับเรื่องราวต่างๆ จนฉันไม่รู้ว่าวันนี้ฉันจะต้องฝืนเพื่อให้ตัวเองดูเข้มแข็งภายใต้ความอ่อนแอที่มีมากมายอย่างนี้ได้นานแค่ไหน แต่ฉันนั่งรอเขาแต่งตัวอยู่ตรงนี้จิตใจของฉันก็รู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แต่เพื่อให้ทุกอย่างจนจึงต้องทนฝืนกับความรู้สึกของตัวเอง
“มาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า?”
เจ้าของห้องพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับฉันอย่างไม่รู้สึกอะไร ซึ่งต่างกับฉันที่เจ็บปวดจนน้ำใสๆข้างในเริ่มไม่ไหว แต่ต้องทำเป็นฝืนทั้งที่ข้างในมันเจ็บปวดอย่างทรมาน
“ฉันขอถามนายหน่อยได้ไหม”
ฉันมองหน้าเขาอย่างมีความหวังแม้มันจะน้อยนิดก็ตาม พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นพร้อมหลั่งออกมา ฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่
“ว่ามาสิ...ถ้าฉันตอบได้”
“นายเคยมองมาทางฉันบ้างไหม”
“...”
ฉันพูดยังไม่ถึงครึ่งประโยคน้ำตาที่เอ่ออยู่ก็หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ความรู้สึกที่มันอยู่ข้างในไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันทนกับความรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กำแพงที่ฉันสร้างขึ้นมันได้พังทลายลงไปตรงหน้าและเหลือไวเพียงความอ่อนแอ
“ที่นายทำดีกับฉัน ทำเหมือนว่ารักฉัน เหมือนว่านายมีใจให้ฉัน จนกำแพงหัวใจของฉันมันพังทลายลงไปก็เพราะนาย”
“...”
“นายทำให้คนที่ไม่เคนรักผู้ชายคนไหนนอกจากพี่ชายกับพ่ออย่างฉัน ต้องสับสนตัวเองเมื่อหัวใจของฉันมันเริ่มหวั่นไหวไปกับคนอย่างนาย...”
“...”
“ฉันได้แต่บอกกับตัวเองว่าฉันรู้สึกยังไงกันแน่ จนวันนี้วันที่ฉันรู้ว่าฉันพ่ายแพ้ให้กับคนอย่างนาย ทั้งที่ฉันคิดมาเสมอว่าคนที่จะชนะคือฉัน...”
“ต้นอ้อ...”
เขาเอ่ยชื่อของฉันอย่างแผ่วเบา ซึ่งต่างจากฉันที่ร้องไห้พร้อมกับความพูดของความรู้สึกแสนเจ็บปวดจนหัวใจอยากจะแหลกสลายร่วงโรยลงตรงหน้าของเขา
“เพราะทิฐิของฉัน ที่ทำให้ฉันไม่กล้ายอมรับว่าฉันรักนาย ฉันไม่หวังว่านายจะรักฉันจนเราทั้งสองเสมอกัน ฉันรู้ว่าคนอย่างฉันไม่มีอะไรที่พอจะให้นายหันมาสนใจ...”
“...”
“ฉันขอยอมแพ้นาย เพราะฉันรักนายนายได้ยินไหมว่าฉันรักนาย! ฉันขอยอมแพ้ ฉันไม่อยากจะหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว”
“...”
“วันนี้ฉันอยากมาบอกนายว่าฉันรักนาย ขอบคุณนะที่นายทำให้ฉันมีความสุขในความเจ็บปวด และขอบคุณที่นายดีกับฉันแม้มันจะเป็นการแสดงก็ตาม...”
“...”
ฉันยิ้มให้เขาอย่างฝืนๆ พร้อมกับน้ำตาก่อนจะเดินออกจาห้องของเขา แต่ขาของฉันไม่มีแรงจนทรุดนั่งลงทั้งน้ำตาเพียงแค่เดินออกมาจากโซฟาไม่กี่ก้าว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่มันจะโดนปลุกขึ้นมาเพราะเขา
เซนเข้ามานั่งลงข้างๆพร้อมกับกอดฉันเขาไปแนบกับอกของเขาอย่างอ่อนโยน จนน้ำตาของฉันมันยิ่งไหลออกมามากขึ้น ฉันอยากจะหายไปจากตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้ เขามอบอ้อมกอดที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความอ่อนโยนที่ฉันต้องการมันมาโดยตลอดแม้เขาจะมอบให้ฉันเพียงกานแสดงก็ตาม เขาทำให้คนอย่างฉันกลายเป็นคนอ่อนแอจนตัวฉันเองยังรับไม่ได้ มันเป็นความอ่อนแอที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากน้ำมือของคนที่กำลังมอบความอ่อนโยนให้กับฉันตอนนี้ อย่างเซน...ที่สอนให้ฉันได้รู้อะไรมากมายจนฉันอยากขอบคุณให้ฉันได้รู้จักคำว่า ‘ความเจ็บปวด’ มันเป็นยังไง
ความคิดเห็น