คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Take care
Zen Talk
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยมาจากห้องครัว จนทำให้ผมต้องลุกไปยังต้นทางของความหอมทั้งที่ยังคงปวดหัวอยู่บ้าง แต่พอเดินมาถึงก็ทำเอาผมอึ้งอย่างไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตัวเอง ผมเอามือขยี้ตาของตัวเองอย่างไม่เชื่อว่านั่นคือยัยแว่นตัวแสบ เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเธอจะเข้ามาทำอาหารให้ผมทานถึงโดฯของผมเอง แต่จะว่าไปเวลาที่เธอทำอาหารอย่างนี้ดูน่ารักกว่าตอนที่เธอต่อปากต่อคำกับผมเป็นไหนๆ ผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าคนอย่างเธอจะทำให้คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีหัวใจอย่างผมต้องมารู้สึกหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ ต่อให้ผมหลงรักเธอผมก็ไม่มีทางที่จะยอมแพ้เธอในเกมนี้เด็ดขาด!
“กลิ่นหอมขนาดนี้...ขอหอมคนทำได้ปะ”
เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันไปทำอาหารของเธอต่อ
“ดีขึ้นแล้วหรือไง...ถึงได้มากวนกันแบบนี้”
“ก็ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย”
“ไปนั่งรอเลยเดี๋ยวเอาไปให้”
“คร๊าบที่รัก ^^”
ผมเดินกลับมานั่งรอที่โต๊ะอาหารด้วยรอยยิ้มที่เปรี่ยมสุข ทำไมใจของผมมันต้องหวิวด้วยเนี่ย ทั้งที่เธอไม่ได้มีอะไรที่ตรงสเป็กผมเลยสักอย่าง จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกับเธอมายังไม่เคยเห็นเธอทำอาหารเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาทำอาหารแล้วงานนี้จะทำให้ผมดีขึ้นหรือตายอนาถกันแน่เนี่ย -*-
“เสร็จแล้วค่ะ”
เธอเดินมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน(ขนาดอยู่ด้วยกับทุกวัน)
“กินได้แน่หรอ”
ผมชี้ไปยังถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่ข้างหน้า จนเธอทำหน้าหงิกใส่อย่างไม่พอใจสุดๆ
“งั้นก็ไม่ต้องกิน L”
“โอ๋...อย่างอนน่า J”
ผมดึงตัวเธอที่ยืนอยู่ข้างๆลงมานั่งที่ตักของผมแล้วกอดเอวเธอไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องรู้สึกแปลกใจที่เธอทำเหมือนจะเดินออกไป มันเหมือนกับว่าเธอจะเดินจากผมไปอย่างไม่สนใจผม ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมามีความรู้สึกแบบนี้กับคนอย่างเธอด้วยเนี่ย ให้ตายเหอะ!
“ปล่อยฉัน...กินๆไปเลยไป >///<”
“ปล่อยได้ไงนานทีเธอจะพลาดให้ฉัน”
“ปล่อยนะ...นายนิสัยไม่ดีเลยนะ -///-”
“ขอบคุณที่ชมครับ^^”
“น่าภูมิใจตรงไหนเนี่ย”
“555+ ป้อนผมหน่อยนะครับ *-*”
“กินเองไม่เป็นหรือไง -///-”
“ถ้าไม่ยอมป้อน...ผมก็จะอยู่อย่างนี้แหละ”
“นายนี่มันจริงๆเลยนะ -*-”
เธอจำใจต้องป้อนข้าวต้มผมทั้งที่เธอก็ยังนั่งอยู่บนตักของผม (ไม่ยอมปล่อย) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงทำให้ผมมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองได้มากขนาดนี้ ตอนแรกผมไม่คิดว่าเกมนี้จะทำให้เธอเปลี่ยนตัวเองจนน่าหลงใหลได้ขนาดนี้ จนผมอยากจะให้เกมนี้จบลงตั้งแต่วินาทีนี้เลยด้วยซ้ำ ผมไม่สนใจแล้วว่าผลของเกมนี้มันจะเป็นยังไง ผมพร้อมที่จะน้อมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
~~ 08:30 PM ~~
ให้ตายเหอะ! ขนาดผมไม่สบายก็ยังต้องยอมมางานวันเกิดของไอ้ลีจุนจนได้ แทนที่จะได้นอนพัก ขนาดผมยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างแต่ก็ยังแพ้ความดื้อดึงของเธอ จนต้องยอมมาไม่อย่างนั้นเธอจะโทรให้เจ้าของงานวันเกิดมารับ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจะต้องไม่ยอมให้ลีจุนมารับเธอด้วย ทั้งที่เราก็คบกับเพราะเกมเท่านั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ผมล่ะไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าทำไมต้องยอมแบกสังขารมางานนี้เพื่อเธอด้วย พอเธอรู้ว่าความดื้อของเธอทำให้ผมยอมไปงานกับเธอก็กระโดดเข้ามากอดอย่างกับไปได้เหรียญทองโอลิมปิกมาอย่างนั้นแหละ
ผมเดินกอดเอวเธอเข้าไปในงานแต่ยังไม่ทันจะเข้าไปในบริเวณ Party ทุกสายตาก็ส่งมาอย่างไม่ได้นัดหมายมายังเราสองคน ก็คนมันหล่ออ่ะทำไงได้ (คิดแล้วยังอยากจะอวกเองเลย -*-)
“คิดว่าน้องสาวจะไม่มาซะแล้ว”
เฮอะ! ไอ้ลีจุนไอ้เพื่อนเวร! เพื่อนเดินมาสภาพจะตายไม่ทักกันสักคำ แต่ดันเดินเข้ามาทักทายยัยแว่นนี่ ให้ตายเหอะ! เป็นเพื่อนกันจริงๆปะวะเนี่ย
“ต้องมาอยู่แล้วพี่ชายสุดที่รักของอ้อทั้งคน ^^”
“ถามฉันบ้างไหม -*-”
ทำอย่างกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้อย่างนั้นแหละ
“อ้าว...แกไม่สบายทำไมไม่นอนพักวะ”
เหอะ! ยืนอยู่ตั้งนานเพิ่งจะเป็นห่วงกันหรือไงนะ ไอ้เพื่อนบ้า -*-
“พอดีว่าลิงดื้อจะมาวันเกิดแก”
“ฉันไม่ใช่ลิงนะ! แล้วฉันก็ไม่ได้ขอร้องนายด้วย!”
“เถียงนักเดี๋ยวก็โดนแบบที่คอนโดฯหรอกสาวน้อย ^^”
“นายอย่าพูดออกมานะ >///<”
555+ ผมน่ะมีไม้ตายไว้รับมือกับคนอย่างเธอเสมอโดยเฉพาะไอ้รอยแดงๆที่อยู่บนคอของเธอ เล่นกับใครไม่เล่นดันมาเล่นกับคนอย่างผมก็ต้องโดนอย่างนี้แหละ เธอมองผมอย่างเคืองๆโดยเฉพาะแววตาที่ดูไม่พอใจอย่างรุนแรงแต่แอบแฝงไปด้วยความน่ารักในดวงตาคู่นั้น ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะฟัดเธอตอนนี้เลยจริงๆ(เริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ!)
“พอๆเข้าไปด้านในกันดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ L”
เธอเดินสะบัดหน้าใส่ผมแล้วเดินตามเข้างานตามเจ้าของงานวันเกิดไป(น่ารักเป็นบ้า) ผมเดินตามทั้งสองคนเข้าไปในงาน ทั้งที่สภาพของผมจะตายอยู่แล้วแต่ก็ต้องทำเป็นว่าสบายดีไม่เป็นอะไร (ฝืนไว้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม)
~ ~ ณ คอนโด ~ ~
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเพลียๆ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าทำไมผมต้องยอมเธอด้วยเกมที่ผมคิดว่าจะชนะมันชักไม่แน่ใจแล้วซิ ถ้าเธอยังคงทำให้ผมรู้สึกดีๆกับเธอแบบนี้ ให้ตายเหอะ! เจ็บใจเป็นบ้าขนาดผมป่วยไม่สบายอย่างนี้ยังดี้ด้าอยู่ในงานอยู่ได้ ผมเดินออกมาจากงานเธอยังไม่คิดแม้แต่จะโทรมาถามผมเลยด้วยซ้ำ (แล้วจะโมหาทำไม - * -)
TonAo Talk
ฉันพูดคุยกับทุกคนในงานอย่างสนุกสนาน เพราะทุกคนในงานเป็นกันเองสุดๆ ทั้งที่ฉันพึ่งจะมารู้จักกับพวกเขาเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเมลิกกับเจโรมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือยิ้มยากยังหลุดยิ้มออกมากับท่าทางโก๊ะๆของฉัน แต่พอฉันหันไปมองยังที่นั่งของนายปีศาจก็เห็นแต่เก้าอี้โดยไร้ร่องรอยของเขา เอ๊ะ! มาก็มาด้วยกันแล้วหายไปไหนเนี่ยไม่คิดจะบอกกันสักคำเลยหรือไงนะ-*-
“ทุกคนค่ะ อ้อขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ฉันยิ้มให้กับทุกคนแล้วเดินออกจากบริเวณงาน ฉันเดินเข้าไปในบ้านของลีจุนก็ไร้ซึ่งวี่แววของเขา หายไปไหนนะ! ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเขาก็โทรไม่ติด เป็นอะไรไปนะถึงได้ปิดเครื่องจนติดต่อกันไม่ได้ขนาดนี้ จะออกไปไหนก็ไม่ยอมบอกกันสักคำทำไมจะต้องทำตัวให้เป็นห่วงอย่างนี้ด้วยเนี่ย!(เอ่อ...แล้วจะเดือดร้อนทำไม)
“คืนนี้ต้นอ้อขอกลับก่อนนะคะ”
ฉันเดินเข้าไปบอกลาทุกคนในงานด้วยรอยยิ้มที่มองดูฝืนๆ
“งั้นเดี๋ยวไปส่ง จะกลับพอดี”
เจโรมเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำฉันไปยังรถหรูสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลจากบริเวณงานมากนัก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดประสงค์ของเขาจะไปส่งด้วยเหตุผลอะไร แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันสนใจที่สุดคือนายปีศาจไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมฉันต้องเป็นห่วงเขาถึงขนาดนี้ด้วยบ้าไปแล้วหรอยัยต้นอ้อ
“จะไปคอนโดไอ้เซนหรอ”
เจโรมถามแล้วมองมาทางฉันอย่างยิ้มๆ(รู้มากเกินไปแล้วนะสุดหล่อ)
“เบื่อคนรู้ทันเป็นบ้า”
“ชอบมันเข้าแล้วหรือไง”
เขาหันมายิ้มให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์ เกลียดรอยยิ้มแบบนี้ชะมัด
“ก็ไม่รู้สินะ”
“ระวังหัวใจตัวเองดีๆละสาวน้อย”
ฉันเมินหน้าหนีเข้าสุดฤทธิ์ ขนาดรู้จักกันไม่นานยังอ่านความคิดของฉันออกถูกทุกอย่าง แล้วต่อไปถ้าฉันมีความลับอะไรฉันจะปิดเขาได้ไหมเนี่ย โอ๊ย!...อยากจะบ้า
~ ~ ณ คอนโด ~ ~
พอรถมาจอดที่หน้าคอนโดของนายปีศาจเซนฉันก็รีบขึ้นลิฟไปยังห้องของเขาทันที ทำไมฉันจะต้องมารีบร้อนเพราะเขาด้วยเนี่ย! (เริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง) พอฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นเขานอนอยู่บนโซฟา ฉันเดินเข้าไปจับตัวเขาถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะตัวเขาร้อนมากจนผิดปกติ
“ทำไมต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วงด้วยเนี่ย”
ฉันวางสำภาระของฉันทุกอย่างแล้วเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำพร้อมกับผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เขาที่นอนซมไม่รู้เรื่อง ทำไมฉันจะต้องมาทำอะไรให้นายแบบนี้ด้วยเนี่ย ใจของฉันเต้นแรงขึ้นทุกวันทำไมคนอย่างเขาถึงได้มีอิทธิพลกับฉันถึงขนาดนี้ แล้วอาการแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ T.T พอเดตัวเขาเสร็จฉันก็เอาน้ำไปเททิ้งพร้อมกับตากผ้าขนหนูไว้ที่เดิมก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดกระโปรงออกแล้วเดินมานั่งข้างๆเขาที่นอนป่วย (แต่น่ารักเป็นบ้า >.<) ฉันนั่งมองเขาโดยไม่ลุกไปไหนจนความสว่างเริ่มเข้ามาจนฉันสติหลุดล่องลอยไปกับความมืด...
~ ~ 09:00 AM ~ ~
“ต้นอ้อ”
“อ้าว...นายตื่นแล้วหรอ”
ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่เขาเอ่ยชื่อของฉัน เมื่อคืนไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน ฉันนี่มันแย่จริงๆเลย (โทษตัวเองเพื่อ)
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้”
“ฉันต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่านะ ว่าทำไมถึงออกมาจากงานโดยไม่บอกฉัน...”
“ก็ฉันเห็น...”
“ยังไม่จบ ทำไมโทรมาหานายไม่ติด ปิดเครื่องทำไม แล้วห้องนอนก็มีมานอนอะไรตรงนี้แถมยังปล่อยให้ตัวเองไข้ขึ้นจนตัวร้อนเป็นไฟอีก นายนี่มันจริงๆเลยนะ”
ฉันปล่อยหมดทุกอย่าง(หายใจทางไหน) แล้วฉันจะมานั่งโมโหใส่เขาทำไมล่ะเนี่ย! ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องโมโหที่เขาออกจากงานไม่บอก โทรไปหาก็ไม่รับ นี่ฉันเป็นอะไรของฉันเนี่ย >.< ไม่เข้าใจตัวเองโว้ย!
“นายไปล้างหน้าได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กิน”
ฉันเดินเข้าครัวเหมือนไม่ได้สนใจอะไร แต่ทำไมหัวใจของฉันจะต้องมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ด้วยเนี่ย T.T แล้วทำไมฉันถึงต้องยอมมานั่งทำข้าวต้มให้เขาด้วยเนี่ยทั้งที่มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันเลยนะเนี่ย ต่อให้เราเป็นแฟน(หลลอกๆ) กันก็ตาม ทั้งที่ความจริงให้เขาโทรให้เพื่อนของเขามาซื้อมาให้ก็ได้ ไม่จำเป็นเลยที่ฉันต้องมาทำอะไรเพื่อเขาขนาดนี้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงยอมทำทั้งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดทำเลยสักครั้งหนึ่ง
“ทำอะไร...น่ากินคนทำจัง”
เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดฉันจากทางด้านหลังแล้วเอาหน้ามาคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอของฉัน อย่าหวังเลยว่าฉันจะเคลิ้มตามนาย
“หยุดเลยนะ...ไม่อย่างนั้นฉันจะกลับ”
“โห...ที่รักใจร้าย”
เขาทำหน้ามู่ทู่แล้วเดินหันหลังกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม อยากจะบ้าตายยิ่งนับวันเขายิ่งลามปามฉันมาขึ้นทุกวัน ทำไมเขาต้องทำให้หัวใจของฉันเต้นแปลกๆอย่างนี้ด้วนเนี่ย>.< รู้สึกนายจะมีอิทธิพลกับหัวใจของฉันมากเกินไปแล้วนะนายปีศาจ
“เสร็จยัง...หิวแล้วนะ”
“ใกล้เสร็จแล้ว”
จะมาเร่งกันทำไมเนี่ย นี่ก็ทำเร็วที่สุดแล้วนะ ฉันไม่ใช่แม่มดนะที่จะได้เสกของทุกอย่างมาให้นายได้ภายในพริบตา
ติ๊ง...ต่อง...ติ๊ง...ต่อง...
ใครมากดออดกันตั้งแต่เช้าเนี่ย
“เซน...ไปเปิดปประตูหน่อย”
“ไป!”
“นี่นาย! ไปเปิดประตู!”
“...”
“ถ้านายไม่ไปเปิด...ฉันจะไม่มาหานายอีก!”
“โถ่โว๊ย!”
เขาสบถออกมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตู พอแขกเดินเข้ามาก็ต้องตกใจเพราะฉันไม่คิดว่าหนุ่มๆวง The Prince ทั้งสามคนจะมากันตั้งแต่เช้าขนาดนี้ (แถวบ้านเรียกสาย)
“ทำไมไม่บอกก่อนคะว่าจะมา จะได้ทำอะไรเผื่อ”
ฉันทักพวกเขาพร้อมกับเอาถ้วยข้าวต้มไปตั้งลงบนโต๊ะอาหาร
พอดีมากันกะทันหันน่ะ”
เจโรมพูดด้วยใบหน้านิ่งๆเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยปากพูดออกมา (จะเก๊กทำไม)
“งั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวทำกับข้าวเพิ่ม”
“เดี๋ยวพี่ขอเป็นลูกมือนะ J”
พี่ลีจุนพูดพร้อมกับเดินมาหาฉันในห้องครัวที่ไม่ห่างจากโซฟาที่พวกเขานั่งอยู่สักเท่าไหร่ จะช่วยทำหรือชช่วยป่วนกันแน่ -*- (ทำได้เพียงคิดในใจ) ฉันและพี่ลีจุนช่วยกันทำอาหารอย่างมีความสุขที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ J
พอทำอาหารเสร็จเรียบร้อยฉันกับพี่ลีจุนก็ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้โชว์ฝีมือการทำอาหารด้วยตัวเองเต็มๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกันว่าฉันจะมีความสุขได้จากการทำอาหาร
“ทุกคนค่ะ มากินข้าวกัน”
ฉันเดินมาตามหนุ่มๆถึงที่ หลังจากช่วยกันจัดโต๊ะอาหารกับพี่ลีจุนเสร็จ เมลิกและเจโรมเดินไปยังโต๊ะอาหารทันทีที่ฉันพูดจบ ยกเว้นนายปีศาจเซน(มีปัญหาตลอด) ที่ไม่ยอมลุกไปร่วมโต๊ะอาหาร แถมยังทำเป็นไม่สนใจอีกด้วย ฉันเลยนั่งลงข้างๆและหันหลังไปจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขา
“ไปกินข้าว...จะได้กินยา”
“ไม่กินL”
“เซนค่ะ...ไปทานข้าวนะ”
“ผมไม่หิวL”
“ไม่หิวก็ต้องกิน จะได้หายไวๆ”
“ผม-ไม่-กิน”
เขาพูดจบก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง แล้วทำไมคนที่ต้องมานั่งง้อเขาจะต้องมาเป็นฉันด้วยล่ะเนี่ย ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ(แล้วง้อเพื่อ -*-)
“ถ้าไม่กินฉันกลับ”
“กินก็ได้ L”
สุดท้ายก็ต้องงัดไม้ตายถึงจะยอมลุกไปกินข้าวได้(หน้าหงิกสุดๆ) ไม่เข้าใจเลยว่ามางอนกันเรื่องอะไรทั้งที่ฉันก็มานอนเฝ้าเขาทั้งคืนเช้าขึ้นมาก็ทำอาหารให้ทาน ทั้งที่ฉันก็ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนแม้แต่พี่ต้นสน(พี่ชาย) ฉันเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารข้างๆเขาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยกับการกระทำแบบเด็กๆของเขา
หลังจากที่ฉันทำทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็ขอตัวกลับมาที่คอนโดฯก่อน พอเปิดประตูห้องก็ถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อพี่ชายและคุณเพื่อนที่รักนั่งจ้องมองมาทางฉันเป็นสายตาเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะสายตาของพี่ต้นสนที่เต็มไปด้วยคำถามคำตำหนิต่างๆ ฉันว่าที่นัดกันมาขนาดนี้ต้องเป็นงานแถลงข่าวแน่นอน ไม่งั้นทั้งพี่และเพื่อนของฉันถึงได้มารวมตัวกันเฉพาะกิจอย่างนี้ งานนี้มีตายแน่ต้นอ้อ T.T
“มากันนานแล้วหรอ”
ฉันเดินยิ้มๆเข้าไปนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายของฉัน ทำไมวันนี้มันชั่งซวยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย
“อธิบายมา”
เปิดประเด็นการสนทนาด้วยลีน่า สาวน้อยน่ารักแต่ว่าคำแต่ละคำของเธอเล่นเอาคนที่ถูกเค้นหาคำตอบจุกจนกระอักเลือดไปตามๆกัน(มีแค่ฉันคนเดียวนาทีนี้
“เรื่องอะไร”
ฉันทำเป็นนั่งไม่สะทกสะท้านกับคำถามของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้ข้างในนี้ซิอยากจะร้องออกมาเต็มที เริ่มไม่ไหวกับสายตาที่แสนกดดันของทั้งพี่ต้นสนและเพื่อนรักทั้งสามต้นอ้ออยากจะร้อง T.T
“อย่ามาไก๋...แล้วนี้อะไร”
พี่ต้นสนพูดพร้อมกับโยนหนังสือ Gossip ที่มีข่าวของฉันกับนายปีศาจขึ้นเด่นชัดอยู่หน้าปกที่มาพร้อมกับแววตาดุดันจนหน้ากลัวซึ่งผิดกับบุคลิกที่ดูตี๋ๆขาวๆใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืดทับด้วยเสื้อแจ็กเจตหนังสีดำที่ทำให้เขาดูเท่แต่ไม่ใช่กับฉันตอนนี้
“ตกลงมันยังไง?”
อิลสาวหวานซ้อนเปรี้ยวที่หักอกนักร้องหนุ่มประจะคณะมาแล้วถามขึ้นอย่างเอาเรื่อง ถ้าฉันไม่ตอบวันนี้คงตายคามือแน่ๆ ใครก็ได้ช่วยฉันที T.T
“ก็อย่างในข่าวนั่นแหละ”
แค่เกมเข้าใจไหม โอ๊ย! ไม่อยากปิดบังนะแต่แค่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
“กำลังเล่นอะไร”
เสียงมานิ่งๆแต่จี้ใจกันสุดๆแบบนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียวคืออัน สาวมั่นที่ทำให้หนุ่มๆต้องเหลียวหลังมุกครั้งที่เธอเดินผ่าน และฉันไม่เคยปิดบังยัยนี้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว T.T
“ไม่มีอะไรจริงๆ”
“โกหก!”
เฮ้อ...ก็ได้
นี่ฉันจะต้องเล่าทุกอย่างตามความจริงแล้วใช่ไหม
ฉันไม่รู้จะหาวิธีไหนมาเพื่อพูดอธิบายเพื่อบอกปัดเรื่องราวทุกอย่าง แต่สุดท้ายฉันก็ต้องเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง อย่างเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าฉันจะทำใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้างแต่ฉันก็ไม่คิดว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้แต่ก็ดีเหมือนกันเรื่องมันจะได้จบๆลงไปสักทีจะได้ไม่มีอะไรคลั่งค้างอยู่ในใจอีกต่อไป มีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังคงไม่กล้าพอที่จะบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเพรามันเป็นเพียงแค่เกมจึงไม่สมควรที่จะมีความรู้สึกแบบนี้กับศัตรู
ความคิดเห็น