คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การพบกันอีกครั้ง
“โอ๊ย!!! ทำไมมึนหัวอย่างนี้เนี่ย”
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวที่ยังค้างจากเมื่อคืนที่ดื่มเข้าไปค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้ฉันต้องปวดหัวขนาดนี้ ชิ! อย่าให้เจอนะแม่จะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู
ฉันยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองเบาๆเพื่อให้มันรู้สึกดีขึ้น(แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย) ก่อนจะดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับผ้าขนหนูที่วางพาดอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ไม่น่าเลยฉันทั้งที่คอไม่แข็งแต่ก็ยังซัดเข้าไปซะเยอะเลย ถึงฉันจะเมายังไงก็ไม่เคยต้องตื่นมาปวดหัวมากมายขนาดนี้เลยนะ ทรมานเป็นบ้าเลย!!
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“สักครู่นะคะ”
ฉันลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเปิดประตูพร้อมกับผ้าเช็ดผมที่ยังคงอยู่บนหัวของฉัน จะมาหาว่าฉันไม่มีมารยาทไม่ได้นะเพราะว่าฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้มาหาฉันตอนนี้
ฉันเปิดประตูออกก็ต้องถึงขั้นกับนิ่งงันไปเลยทีเดียว เมื่อพบกับร่างสูงที่กำลังยืนพิงขอบประตูห้องของฉันด้วยใบหน้าที่ยังง่วงๆอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงไปเลยสักนิดเดียว แถมวันนี้เขายังแต่งตัวมาด้วยกางเกงกีฬาขายาวและเสื้อบาสฯสีเทาแดงพอมาบอกกับร้องเท้ากีฬาสีเทาของเขาก็ยิ่งทำให้เขาคนนี้ดูน่าหลงใหลในแบบของผู้ชายสไตล์นักกีฬาอีก คนอะไรใส่อะไรก็ดูดีไปหมด ใช่! เขาคนนี้คือเอ็กซ์สันคนเดียวกับที่ทำให้ฉันต้องกระดกหนักจนปวดหัวอยู่นี่ไง แต่ที่น่าแปลกในกว่านั้นคือ...เขามาที่นี่ได้ไง?
ฉันยังคงมองจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจกับการมาของเขาในวันนี้ และก็ไม่รู้ด้วยกว่าจุดประสงค์ที่เขามายินอยู่ตรงนี้มันคืออะไร แต่ที่ฉันพอจะเดาออกแน่ๆเลยก็คือ...เขามีสภาพเอ่อ...แบบว่า...เหมือนคนยังไม่ตื่นอ่ะ
“จะยืนจ้องอีกนานไหม”
“...”
“เฮ้!! นี่หลับปะวะเนี่ย”
เขาถามขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกอยู่ตรงหน้าของฉันจนทำให้ฉันสะดุ้งหลุดออกจาภวังค์ก่อนที่จะเปิดประตูให้เขาเข้ามาโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำทั้งฉันและเขา
“นี่นายลุกเดี๋ยวนี้นะ!”
ฉันแผดเสียงสิบแปดหลอดของฉันสุดเสียงทันทีที่ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนของฉันอย่างหน้าตาเฉย แถมยังไม่ยอมขออนุญาตฉันเลยสักนิด คนอะไรหน้าด้านเป็นบ้าเลย
“แค่นี้ทำไม่ต้องหวงด้วย”
เขาตอบฉันกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของฉันเลยสักนิดเดียว ให้ตายเถอะ! จะมีใครที่หน้ามึนได้มากกว่าเขาอีกไหมเนี่ย!
“แต่นี่ทันที่นอนของฉันนายไม่มีสิทธิ์มานอนตามใจชอบอย่างนี้นะ”
“หนวกหูน่า ไปเก็บของเลยไป เสร็จเมื่อไหร่ก็เรียกละกัน”
“นี่นาย!”
ให้ตายเหอะ! ทำไมเขาถึงได้เป็นคนอย่างนี้นะ เราไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้นซะหน่อยนะ แล้วยังจะมีหน้ามาออกคำสั่งกับฉันอีก ฉันจึงทำได้แต่นั่งหงุดหงิดกับตัวเองที่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย แถมเขายังตัดช่องสนทนาใส่ฉันด้วยการนอนคว่ำหน้าลงบนที่นอนของฉันอย่างไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว
ฉันเก็บเสื้อผ้าและสิ่งของที่จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะว่าตอนที่ฉันย้ายมาอยู่ห้องนี้ก็ไม่ได้เอาอะไรมามากมายแถมไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย เลยมีของที่ฉันต้องเอาไปไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เก็บของมานานพอสมควร เพราะหันไปมองนาฬิการูปหมีน้อยสีน้ำตาลที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆกับเตียงนอนของฉันก็พบว่าเวลาล่วงเลยมานานจนเกือบจะเที่ยงวันไปซะแล้ว
“นี่นาย”
“...”
ฉันลุกขึ้นไปปลุกเขาที่กำลังหลับสนิทอยู่หลังจากที่ฉันเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ความจริงฉันจะนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านของคุณลุง (ก็บ้านของเขานั่นแหละ) ก่อนก็ได้โดยไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาปลุกเขา แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่ยอมทำตามที่สมองคิด และสิ่งที่ฉันได้จากการที่ฉันกระทำขัดกับความคิดของฉันคือการที่เขาเงียบใส่ฉันแถมยังพลิกตัวหนีฉันอีก ให้ตายเถอะ! คนอะไรหลับลึกและปลุกยากเป็นบ้าเลย
“นี่ตื่นได้แล้ว ฉันเก็บของเสร็จแล้วนะ”
“อื้อ...”
เขาตอบฉันกลับมาทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ แถมยังปัดมือฉันออกอย่างรำคาญที่ฉันบังอาจไปรบกวนการนอนของเขา ชิ! ทีนี้ละทำมารำคาญทั้งที่ตัวเองเป็นคนบอกแท้ๆว่าถ้าเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วให้มาปลุกเขาไม่ใช่หรือไงกัน แล้วจะมาทำเป็นรำคาญใส่ฉันทำไมกันนะ
“ตื่นได้แล้ว!!”
ฉันใช้วิธีการสุดท้ายโดยการตะโกนใส่หูของเขาในระยะประชิดจนคนตัวสูงที่นอนอยู่สะดุ้งขึ้นมาแล้วเผลอผลักฉันจนลอยไปกระแทกกับผนังที่อยู่ปลายเตียงจนฉันถึงกับจุกจนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำนอกจากน้ำตาที่เอ่อไหลออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย
“เฮ้เป็นอะไรหรือเปล่า ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ”
เขารีบลุกจากเตียงขึ้นมาแล้ววิ่งเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบพยุงฉันขึ้นมาแล้วพาไปนั่งลงบนที่นอนด้วยสีหน้าที่ตกใจอย่างสุดๆแถมในแววตาของเขายังดูเป็นห่วงฉันอย่างสุดๆ จนไม่รู้ว่าฉันควรจะโกรธเขาดีไหม
“เป็นอะไรหรือเปล่า ไปหาหมอไหม”
เขาถามฉันพร้อมกับสำรวจร่างของฉันที่ตอนนี้นั่งเจ็บจนน้ำตายังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
“คราวหลังอย่าทำอย่านี้อีกรู้ไหม”
เขาพูดอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือมาเช็ดน้ำตาของฉันที่ไหลอาบแก้มก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปกอดปลอบโยนฉันเหมือนกับต้องการจะบอกฉันว่ามีเขาอยู่ตรงนี้ฉันไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว และตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าความเจ็บของฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังคงเจ็บอยู่ไม่น้อยเลยหละนะ
“ดีขึ้นบ้างไหม”
เขาค่อยๆผละฉันออกจากร่างหนาของเขาพร้อมกับจับปลายคางของฉันขึ้นไปจ้องหน้าของเขา แถมฉันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขาเลยสักนิดเดียว
“ค่ะ”
“งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
ฉันทำได้เพียงแค่ยิ้มตอบเขากลับไปก่อนที่จะเดินตามร่างสูงตรงหน้าที่ถือกระเป๋าข้าวของของฉันเดินนำไปก่อนแล้ว
ระหว่างที่เรานั่งรถมาด้วยกัน ภายในรถมีเพียงเสียงเพลงที่ถูกเขาเปิดขึ้นเบาๆเท่านั้น เพราะว่าทั้งฉันและเขาตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมายังไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำเดียว ปกติเขเองก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วมันก็คงไม่แปลกหรอกที่เขากับฉันจะไม่มีบทสนทนากัน แต่ฉันรู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ค่อยหน้าเข้าหาสักเท่าไหร่ แต่สำหรับฉันเขาคือคนที่อ่อนโยนกับฉันเสมอเวลาที่ฉันรู้สึกเจ็บหรือเสียใจ เพราะเขาคอยปกป้องฉันมาตลอดจนถึงวันที่เขาต้องบินไปเรียนต่อที่อังกฤษเราก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย
“เข้าไปด้านในกัน”
เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้เพื่อรับรองลูกค้า ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากรถและเดินนำฉันเข้าไปภายในร้านอาหารที่เขาพามา
บรรยากาศภายในร้านแห่งนี้มีบรรยากาศสุดโรแมนติก มีทั้งห้องท้องอาหารที่รองรับลูกค้ามากกว่าห้าสิบโต๊ะแถมยังห้องคาราโอเกะที่รองรับการจัดเลี้ยงและปาร์ตี้สังสรรค์ บริเวณโดยรอบยังห้อมล้อมไปด้วยสวนดอกไม่นานาชนิดที่ถูกตกแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆอย่างสวยงาม
“เชิญครับ”
เราทั้งสองคนเดินเข้าไปพนักงานในร้านก็กล่าวต้อนรับเราอย่างมีมารยาททั้งที่เขายังยุ่งอยู่กับการจัดอะไรสักอย่างที่อยู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าอย่างตกใจอย่างเห็นได้ชัด เอ่อ...ไม่ทราบว่านี่เป็นใบหน้าที่ใช้ต้อนรับลูกค้าหรอยะ ทำหน้าอย่างนี้ลูกค้าวิ่งหนีกลับกันพอดีใครนะชั่งกล้าเอามาทำงาน
“แกจะทำหน้าอย่างงั้นไมวะ”
เขาทักขึ้นทันทีเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าของเขายังไม่ยอมปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่พอเขาพูดขึ้นเท่านั้นแหละสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นงอนแทนทันที เอ๊ะ! หรือว่าสองคนนี้จะรู้จักกันนะ
“อ้าวเมื่อกี้ตกใจ ตอนนี้งอนแกจะเอายังไง”
เอ็กซ์สันมองคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้างอนใส่เขาอย่างเอาเรื่อง เอาละไงท่านชายท่าทางใกล้จะองค์ลงมาประทับแล้วสินะ สงสัยฉันจะต้องห้ามเขาก่อนดีกว่าท่าเขามีเรื่องคงไม่ดีต่อคุณลุงแน่ (แต่ปกติเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้วนี่นา)
“ก็แกเล่นบินกลับมาไม่บอกฉันสักคำ แต่ไปดื่มกับไอ้เวรบิลลี่ได้”
ฉันกำลังจะอ้าปากห้ามแต่ก็ถูกเบรกด้วยคำพูดของคนตรงหน้าที่บงบอกอย่างชัดเจนว่าเขาสองคนรู้จักกันมาก่อน ดีนะที่ฉันเบรกปากตัวเองทันงั้นได้เก็บเศษหน้าที่แตกกลับบ้านไปด้วยแหงๆเลย
“อ้าวก็มันบอกว่าชวนแล้วแต่แกไม่มา”
“ไอ้บ้าเอ๊ย! อย่าให้ฉันเจอนะแม่จะสับให้เป็ดกินเลย”
“เอาน่าชั่งเหอะ เดี๋ยวรอบหน้าฉันจะชวนแกด้วยตัวเองเลย”
“แกสัญญาละนะ”
“เออแกก็รู้ฉันไม่มีวันผิดคำพูด”
“ขอโทษนะคะถ้าจะคุยกันขนาดนี้ฉันไปนั่งก่อนละกันนะ”
ฉันพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินออกมาจากพวกเขาก็มีมือของใครสักคนมารั้งฉันไว้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นของเอ็กซ์สันอย่างแน่นอน ชิ! ทำมาเป็นดึงไว้ทีเมื่อกี้ละคุยกันโดยไม่สนใจฉันเลยสักนิดอย่างกับว่าฉันเป็นส่วนเกินในวงสนมนาของพวกเขา แล้วทีนี้จะมาดึงไว้ทำไมไม่ทราบ
“เฮ้...อย่าเพิ่งไปสิมารู้จักเพื่อนฉันก่อน”
เขาพูดขึ้นก็ทำให้ฉันกระจ่างอย่างชัดเจากว่าเดิมทันทีว่าเขาทั้งสองคนรู้จักกันในระดับไหน แต่ไม่ทราบว่าไอ้สายตาที่มองสำรวจฉันอย่างกับว่าฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างของไอ้คุณเพื่อนของเขาล่ะมันหมายความว่ายังไงกัน
“นี่พิณเพลงน้องฉัน”
“แกมีน้องสาวด้วยหรอ”
เพื่อนของเขาเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยทันทีเมื่อเขาแนะนำว่าฉันเป็นน้อง ถ้าจะตกใจก็คงไม่แปลกหรอกก็เขามีแต่น้องชายนี่นา แถมยังหน้าตาดีไม่แพ้กันเลยสักนิด
“เป็นลูกเพื่อนพ่อฉันน่ะ ส่วนนี่เวกัสเพื่อนพี่เอง”
“สวัสดีค่ะ”
ฉันยกมือขึ้นไหว้พี่เวกัสทันทีที่เขาแนะนำเสร็จก่อนที่พี่เขาจะรับไหว้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร (ซึ่งต่างจากเมื่อกี้มาก -*-)
“สวัสดีครับ เอ่องั้นทั้งสองคนไปนั่งรอก่อนนะเดี๋ยวจัดเมนูท็อปของที่นี่ให้”
เขาพูดจบก็เดินเข้าไปด้านหลังร้านทันทีโดนที่พวกเราไม่มีโอกาสได้พูดอะไรตอบโต้กลับไปเลยแม้แต่คำเดียว
ฉันเดินนำเอ็กซ์สัน(ถึงแม้ว่าเขาจะชอบให้เรียกพี่มากกว่าก็ตาม)ไปยังโต๊ะที่อยู่ในมุมของร้านที่สามารถมองออกไปด้านนอกอย่างชัดเจนที่สุก และเป็นมุมที่มองวิวด้านนอกได้สวนที่สุดอีกด้วย โดยมีเขาเดินตามมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับฉันโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ความคิดเห็น