ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brother Love รักครั้งนี้ให้พี่ชาย

    ลำดับตอนที่ #2 : พบกันโดยบังเอิญ

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 58


    ฉันลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงในยามฟ้าเริ่มสว่างเพื่อต้อนรับกับแสงแดดที่กำลังสาดส่องเข้ามาภายในห้องเช่าเล็กๆห้องนี้ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเรียนให้ทันคาบแรก

                    พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่พี่เดวิดได้โทรเข้ามาหาก็ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้ ทำไมยิ่งฉันและเขาได้รู้จักกันมากขึ้นเขาถึงไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆคนได้กล่าวหาเขาไว้ว่าไม่น่าไว้ใจสำหรับสาวๆที่เข้าไปใกล้เขา ทั้งที่ความจริงเขาก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นเลยสักนิด

    “นี่แกนั่งยิ้มอะไรอ่ะ”

                    เสียงเควสเพื่อนสาวสุดซี้ของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆฉันในคลาสถามดังขึ้นมา เลยทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์และรีบหุบยิ้มทันทีอย่างกลัวที่คนอื่นจะเห็น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฉันว่ามันคงจะไม่ทันแล้วหละ

    “เปล่าไม่มีอะไรหรอก”

                    ฉันตอบเลี่ยงๆเพื่อให้เรื่องนี้มันจบๆไปแต่ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดเดียว ให้ตายเหอะ! นี่เพื่อนหรือ SBI ถึงได้ขยันซอกแซกเรื่องของฉันกันจัง

    “แต่ฉันว่าแก...”

    ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...

    “ฉันขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ”

                    ฉันรีบพูดขัดยัยเพื่อนจอมซอกแซกทันทีที่มีสายเข้า มันชั่งเป็นเสียงแห่งสรวงสวรรค์จริงๆที่ดังขึ้นมาช่วยชีวิตของฉันชัดๆ แต่พอมองเบอร์โทรที่อยู่บนหน้าจอเท่านั้นแหละถึงกับแปลกใจเลยทีเดียว พ่อว่าแต่ท่านมีเรื่องอะไรกันนะทำไมถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้ เพราะว่าทุกทีจะโทรมาตอนเย็นเสมอ

    “สวัสดีค่ะพ่อคิดถึงจังเลย”

                    ฉันรับสายพร้อมกับเอ่ยทักท่านอย่างอ้อนๆก่อนที่ท่านจะเอ่ยคำทักทายกับฉัน

    [พ่อก็คิดถึงลูกแมวของพ่อ]

    “ว่าแต่พ่อโทรมาตอนนี้มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”

    [มีแน่นอนจ๊ะลูกสาวที่น่ารักของพ่อ]

    “พ่อพูดอย่างนี้แสดงว่ามีแพลนอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ”

                    แพลนที่ฉันหมายถึงก็คือการที่พวกท่านทั้งสองจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศและไปฮันนีมูนกันรอบที่หลายร้อยกันต่ออีกตามเคย

    [แสนรู้จังเลยนะลูกสาวพ่อเนี่ย]

    “ไม่ไปไม่ได้หรอคะ”

    [ไม่ได้จ๊ะ รอบนี้ถือโอกาสไปหาพี่แผ่นพายด้วย แล้วพ่อก็มีอีกเรื่องที่ลูกจะต้องทำ]

    “เรื่องอะไรหรอคะ หนูไม่ทำได้ไหมคะ”

    [ไม่ได้จ๊ะ พ่อจะให้ลูกย้ายไปอยู่บ้านของเพื่อนพ่อจนกว่าบ้านจะตกแต่งเรียบร้อยหรือจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับไป]

    “แต่พ่อคะ”

    [ไม่มีคำว่าแต่]

    “ก็ได้ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะอาจารย์เข้าแล้วค่ะ”

    [ตั้งใจเรียนนะ]

    “ค่ะสวัสดีค่ะ”

    เฮ้อ!!

                    ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจหลังจากที่วางสายจากคุณพ่อ จะไม่ให้ฉันเหนื่อยใจได้ยังไงล่ะในเมื่อฉันจะต้องย้ายไปอยู่ในบ้านที่ฉันไม่คุ้นเคยถึงแม้ว่าฉันจะไปบ้านหลังนั้นค่อนข้างบ่อยก็ตาม เมื่อหลายวันก่อนเห็นพ่อพูดๆถึงเรื่องนี้อยู่แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะเอาจริงนี่นา แถมยังไม่ไปก็ไม่ได้เพราะว่าห้องเช่าที่ฉันอยู่ตอนนี้เจ้าของห้องเดิมกำลังจะกลับมาในอีกสองวันฉันเลยต้องรีบย้ายออก แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่บ้านคุณลุงนี่นา

    “วันนี้ไปผับกัน”

                    ฉันเสนอความเห็นขึ้นก่อนที่พวกเพื่อนๆของฉันจะเดินนำฉันออกจากคลาสไป เล่นเอาเพื่อนๆของฉันถึงขั้นกับชะงักเท้าทันทีพร้อมกับหันมาจ้องหน้าฉันอย่างค้นหาคำตอบด้วยความสงสัย แน่นอนสิทำไมยัยพวกนี้จะไม่สงสัยล่ะ เพราะว่าฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวกลางคืนโดยเฉพาะพวกผับซึ่งเป็นแหล่งอโคจรแบบนี้ แต่วันนี้ฉันกับเป็นคนชวนก็ต้องแปลกใจเป็นเรื่องธรรมดา

    “เอ่อเมื่อกี้แกว่าไงนะ”

                    ยัยอายรีบถามขึ้นพร้อมกับทำอย่างงงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน

    “ไปผับกัน”

    “ฟ้าถล่มฝนทะลายยัยพิณเพลงชวนไปผับ”

                    เอสต้าเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจพร้อมกับเอามือทาบอกและทำหน้าอย่างกับว่าการที่ฉันชวนเขาไปผับวันนี้มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างนั้นแหละ

    “เกิดอะไรขึ้นยะวันนี้ถึงได้ชวนพวกฉันไปผับเนี่ย”

                    ยัยเควสถามต่อจากทั้งสองคนมาติดๆจนฉันไม่รู้จะตอบใครก่อนดี

    “พรุ่งนี้ฉันต้องย้ายบ้าน”

                    ฉันตอบกลับไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร แถมมันยังเป็นเหตุผมที่ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับการที่ฉันชวนทุกคนไปผับในวันนี้เลยสักนิดเดียว

    “แล้วมันเกี่ยวกับที่จะไปผับยังไง”

                    อายถามขึ้นอีกด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะสงสัยอะไรกันนักหนาแค่รู้ว่าฉันชวนไปก็น่าจะพอแล้วนี่นา

    “ฉันอยากไปจบนะ”

    “อะไรของเขาวะเนี่ย”

                    ฉันพูดจบก็เดินออกมาโดยไม่สนใจเพื่อนๆที่เหลือก่อนจะมีเสียงบ่นของยัยอายตามมาติดๆ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบออกไปยังไงในเมื่อขนาดตัวของฉันเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น

    S Pub

    “ไปข้างในกันเถอะ”

                    ยัยเอสต้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนรอกันจนทุกคนมากันครบ แถมทุกคนยังแต่ตัวจัดเต็มอย่างไม่มีใครน้อยหน้าใครกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะยัยเอสต้าที่แต่หญิงมาซะสวยจนคิดไม่ถึงเลยว่านี่คือสาวประเภทสอง

                    ฉันก้าวเข้าไปในผับพร้อมกับเพื่อนๆทุกคนที่เดินนำฉันเข้าไปนั่งยังโต๊ะที่เราได้โทรมาจองเอาไว้ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวทีการแสดงสักเท่าไหร่นักก่อนจะสั่งเครื่องดื่มตามที่ตนเองชอบ

    “ยัยพิณแกจะสั่งเครื่องดื่มอะไรไหม”

                    เควสหันมาสะกิดฉันทันทีที่ทุกคนสั่งเครื่องดื่มและอาหารเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ฉันต้องละสายตามาจากเวทีที่กำลังมีการร้องเพลงสดอย่างไพเราะ

    “ฉันเอาวิสกี้ละกันค่ะ”

                    ฉันหันไปสั่งก่อนหันไปสนใจกับการแสดงที่กำลังบรรเลงอยู่ด้านบนเวที

                    บรรยากาศภายในผับแห่งนี้เป็นผับสุดชิคแบ่งโซนตามความชอบของนักท่องเที่ยวชวนให้สนุกสนานไปกับเสียงเพลงทั้งแบบเล่นสดสลับเปิดแผ่นบางวันยังมีเพลงสกามาเล่นให้ฟังแบบสนุกสนานและยังเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์สุดฮอตที่นักท่องราตรีรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยมีการแบ่งเป็นสามชั้น ชั้นแรกเป็นชั้นที่เหมาะแก่นักท่องราตรีที่หลงรักในการเต้น ส่วนชั้นที่สองจะมีไว้สำหรับแขกวีไอพีที่มานั่งดื่มแบบชิวๆกับเหล่าโฮสต์หนุ่มสาวที่ทางผับได้จัดเตรียมไว้ให้ ส่วนบนดาดฟ้าชั้นสามยังมีบาร์ให้นั่งดินเนอร์ฟังเพลงเบาๆ ตลอดทั้งคืน ผับแห่งนี้จึงเป็นผับที่ติดท็อปสถานที่แฮงค์เอาท์สุดชิคได้อย่างไม่ต้องสงสัย

    ผัวะ! พลัก!

                    เสียงของคนทะเลาะวิวาทดังขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะของฉันจนทำให้ฉันต้องละสายตาออกจากเวทีแล้วหันไปมองเหตุการณ์ทันที ต้องบอกว่าพวกเขาเอะอะโวยวายจนลูกค้าที่อยู่บริเวณหยุดเต้นแล้วหันไปมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจจะดีกว่า

    “แกกล้ามากนะที่มาต่อยฉัน”

                    เสียงของใครคนหนึ่งที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากด้วยแววตาที่ก้าวร้านและน่ากลัวอย่างที่สุด ทั้งรูปร่างและหน้าตาอันหล่อร้ายอย่างเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ชายเสื้อถูกปล่อยออกมาจากกางเกงยีนส์สีดำที่เข้ารูปอย่างลงตัวและถูกทับด้วยเสื้อยืนสุดเท่ที่ถูกพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก และฉันเองก็จำเขาคนนี้ได้ดีเพราะว่าเขาคือ...เอ็กซ์สัน

    “ก็แกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันเอง”

    “ขอโทษทีที่ผู้หญิงของแกมาเล่นกับฉันเอง”

    “แกนี่มัน”

                    ฉันยังไม่ทันได้ตั้งสติหลังจากที่เจอเขาเข้าโดยบังเอิญอย่างนี้ พวกเขาทั้งสองคนก็วางมวยกันอีกรอบจนไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามอีก (ใครจะไปกล้า ก็เข้าไปห้ามเหมือนเข้าไปในวงมือวงทีนเล่นชัดๆ)

    “เอ็กซ์สันพอแล้ว”

                    ฉันตะโกนขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปห้ามเขาไม่ให้กระทืบคู่กรณีของเขาที่ตอนนี้กำลังตอนอาการสาหัสอยู่บนพื้น จนทุกคนถึงกับชะงักรวมถึงเจ้าตัวด้วยก่อนที่เขาจะค่อยๆผละฉันออกจากตัวของเขาอย่างช้าๆ

    “จะเข้ามาห้ามทำไม”

                    เขาถามพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ปิดหน้าของเขาขึ้นไปอย่างกดอารมณ์ของตัวเอง

    “ถ้าไม่ห้ามนายก็ได้ฆ่าคนตายกันพอดี”

                    ชิ! ไม่น่าเข้ามาห้ามเลย คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวว่าจะฆ่าใครตายจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ดูเขาสิยังมีหน้ามาทำเป็นไม่พอใจอีก ฉันได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่เขาอย่างไม่พอใจกับการกระทำที่เขาทำใส่ฉัน แต่ใช่ว่าเขาจะแลดูสำนึกได้ในสิ่งที่ฉันทำหรอกนะ ก็เขาดันมายิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาให้ฉันแทนน่ะสิ

    “มันก็เรื่องของฉัน อ้อแล้วอีกเรื่องหนึ่งฉันอายุมากกว่าเธอเพราะฉะนั้นต่อไปต้องเรียกฉันว่าพี่ด้วย”

                    ชิ! ยังจะมีหน้ามาพูดกับฉันอย่างนี้อีกให้ตายเถอะ แล้วดูเขาทำตัวสิฉันควรที่จะนับถือเขาไหมเนี่ย ฉันสะบัดหน้าใส่เขาก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะที่เพื่อนๆของฉันกลับไปนั่งรอเรียบร้อยก่อนแล้วแต่ทว่า...

    “ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม”

                    เขาถามขึ้นทันทีที่ฉันเดินออกมาก่อนจะต้องหันไปตามแรงรั้งของเขา แถมคำถามที่ออกมาจากปากของเขาทำให้ฉันถึงขั้นกับอึ้งไปสามวิก่อนจะตอบเขากลับไป

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    “ไม่ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนจริงหรอ”

    “จริงค่ะ”

    “แน่ใจนะ”

                    ให้ตายเถอะเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่เนี่ย!!!

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่!!

                    ฉันตะโกนใส่หน้าของเขาเสียงดัง จนคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองเราอย่างงงๆ

    “โอเคก็ได้ๆ งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะน้องพิณน้อย”

    “นี่นาย!!

                    เขาแอบฉวยโอกาสในการหอมแก้มของฉันแล้วเดินหัวเราะร่าออกไปจากผับอย่างอารมณ์ดี แต่ว่าฉันนี่สิอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วเนี่ย

                    ฉันเดินกลับไปยังโต๊ะพร้อมกับกระดกแก้ววิสกี้ที่อยู่ตรงหน้าทีเดียวหมดแก้วก่อนจะค่อยๆลามไปยังแก้วของเพื่อนต่อ วินาทีนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คอยดูนะถ้าเจอคุณลุงเมื่อไหร่แม่จะฟ้องให้หมดเปลือกเลยคอยดู!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×