คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พบกันโดยบังเอิญ
ฉันลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงในยามฟ้าเริ่มสว่างเพื่อต้อนรับกับแสงแดดที่กำลังสาดส่องเข้ามาภายในห้องเช่าเล็กๆห้องนี้ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเรียนให้ทันคาบแรก
พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่พี่เดวิดได้โทรเข้ามาหาก็ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้ ทำไมยิ่งฉันและเขาได้รู้จักกันมากขึ้นเขาถึงไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆคนได้กล่าวหาเขาไว้ว่าไม่น่าไว้ใจสำหรับสาวๆที่เข้าไปใกล้เขา ทั้งที่ความจริงเขาก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นเลยสักนิด
“นี่แกนั่งยิ้มอะไรอ่ะ”
เสียงเควสเพื่อนสาวสุดซี้ของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆฉันในคลาสถามดังขึ้นมา เลยทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์และรีบหุบยิ้มทันทีอย่างกลัวที่คนอื่นจะเห็น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฉันว่ามันคงจะไม่ทันแล้วหละ
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก”
ฉันตอบเลี่ยงๆเพื่อให้เรื่องนี้มันจบๆไปแต่ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดเดียว ให้ตายเหอะ! นี่เพื่อนหรือ SBI ถึงได้ขยันซอกแซกเรื่องของฉันกันจัง
“แต่ฉันว่าแก...”
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...
“ฉันขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
ฉันรีบพูดขัดยัยเพื่อนจอมซอกแซกทันทีที่มีสายเข้า มันชั่งเป็นเสียงแห่งสรวงสวรรค์จริงๆที่ดังขึ้นมาช่วยชีวิตของฉันชัดๆ แต่พอมองเบอร์โทรที่อยู่บนหน้าจอเท่านั้นแหละถึงกับแปลกใจเลยทีเดียว ‘พ่อ’ ว่าแต่ท่านมีเรื่องอะไรกันนะทำไมถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้ เพราะว่าทุกทีจะโทรมาตอนเย็นเสมอ
“สวัสดีค่ะพ่อคิดถึงจังเลย”
ฉันรับสายพร้อมกับเอ่ยทักท่านอย่างอ้อนๆก่อนที่ท่านจะเอ่ยคำทักทายกับฉัน
[พ่อก็คิดถึงลูกแมวของพ่อ]
“ว่าแต่พ่อโทรมาตอนนี้มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
[มีแน่นอนจ๊ะลูกสาวที่น่ารักของพ่อ]
“พ่อพูดอย่างนี้แสดงว่ามีแพลนอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ”
แพลนที่ฉันหมายถึงก็คือการที่พวกท่านทั้งสองจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศและไปฮันนีมูนกันรอบที่หลายร้อยกันต่ออีกตามเคย
[แสนรู้จังเลยนะลูกสาวพ่อเนี่ย]
“ไม่ไปไม่ได้หรอคะ”
[ไม่ได้จ๊ะ รอบนี้ถือโอกาสไปหาพี่แผ่นพายด้วย แล้วพ่อก็มีอีกเรื่องที่ลูกจะต้องทำ]
“เรื่องอะไรหรอคะ หนูไม่ทำได้ไหมคะ”
[ไม่ได้จ๊ะ พ่อจะให้ลูกย้ายไปอยู่บ้านของเพื่อนพ่อจนกว่าบ้านจะตกแต่งเรียบร้อยหรือจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับไป]
“แต่พ่อคะ”
[ไม่มีคำว่าแต่]
“ก็ได้ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะอาจารย์เข้าแล้วค่ะ”
[ตั้งใจเรียนนะ]
“ค่ะสวัสดีค่ะ”
เฮ้อ!!
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจหลังจากที่วางสายจากคุณพ่อ จะไม่ให้ฉันเหนื่อยใจได้ยังไงล่ะในเมื่อฉันจะต้องย้ายไปอยู่ในบ้านที่ฉันไม่คุ้นเคยถึงแม้ว่าฉันจะไปบ้านหลังนั้นค่อนข้างบ่อยก็ตาม เมื่อหลายวันก่อนเห็นพ่อพูดๆถึงเรื่องนี้อยู่แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะเอาจริงนี่นา แถมยังไม่ไปก็ไม่ได้เพราะว่าห้องเช่าที่ฉันอยู่ตอนนี้เจ้าของห้องเดิมกำลังจะกลับมาในอีกสองวันฉันเลยต้องรีบย้ายออก แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่บ้านคุณลุงนี่นา
“วันนี้ไปผับกัน”
ฉันเสนอความเห็นขึ้นก่อนที่พวกเพื่อนๆของฉันจะเดินนำฉันออกจากคลาสไป เล่นเอาเพื่อนๆของฉันถึงขั้นกับชะงักเท้าทันทีพร้อมกับหันมาจ้องหน้าฉันอย่างค้นหาคำตอบด้วยความสงสัย แน่นอนสิทำไมยัยพวกนี้จะไม่สงสัยล่ะ เพราะว่าฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวกลางคืนโดยเฉพาะพวกผับซึ่งเป็นแหล่งอโคจรแบบนี้ แต่วันนี้ฉันกับเป็นคนชวนก็ต้องแปลกใจเป็นเรื่องธรรมดา
“เอ่อเมื่อกี้แกว่าไงนะ”
ยัยอายรีบถามขึ้นพร้อมกับทำอย่างงงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน
“ไปผับกัน”
“ฟ้าถล่มฝนทะลายยัยพิณเพลงชวนไปผับ”
เอสต้าเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจพร้อมกับเอามือทาบอกและทำหน้าอย่างกับว่าการที่ฉันชวนเขาไปผับวันนี้มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างนั้นแหละ
“เกิดอะไรขึ้นยะวันนี้ถึงได้ชวนพวกฉันไปผับเนี่ย”
ยัยเควสถามต่อจากทั้งสองคนมาติดๆจนฉันไม่รู้จะตอบใครก่อนดี
“พรุ่งนี้ฉันต้องย้ายบ้าน”
ฉันตอบกลับไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร แถมมันยังเป็นเหตุผมที่ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับการที่ฉันชวนทุกคนไปผับในวันนี้เลยสักนิดเดียว
“แล้วมันเกี่ยวกับที่จะไปผับยังไง”
อายถามขึ้นอีกด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะสงสัยอะไรกันนักหนาแค่รู้ว่าฉันชวนไปก็น่าจะพอแล้วนี่นา
“ฉันอยากไปจบนะ”
“อะไรของเขาวะเนี่ย”
ฉันพูดจบก็เดินออกมาโดยไม่สนใจเพื่อนๆที่เหลือก่อนจะมีเสียงบ่นของยัยอายตามมาติดๆ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบออกไปยังไงในเมื่อขนาดตัวของฉันเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น
S Pub
“ไปข้างในกันเถอะ”
ยัยเอสต้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนรอกันจนทุกคนมากันครบ แถมทุกคนยังแต่ตัวจัดเต็มอย่างไม่มีใครน้อยหน้าใครกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะยัยเอสต้าที่แต่หญิงมาซะสวยจนคิดไม่ถึงเลยว่านี่คือสาวประเภทสอง
ฉันก้าวเข้าไปในผับพร้อมกับเพื่อนๆทุกคนที่เดินนำฉันเข้าไปนั่งยังโต๊ะที่เราได้โทรมาจองเอาไว้ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวทีการแสดงสักเท่าไหร่นักก่อนจะสั่งเครื่องดื่มตามที่ตนเองชอบ
“ยัยพิณแกจะสั่งเครื่องดื่มอะไรไหม”
เควสหันมาสะกิดฉันทันทีที่ทุกคนสั่งเครื่องดื่มและอาหารเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ฉันต้องละสายตามาจากเวทีที่กำลังมีการร้องเพลงสดอย่างไพเราะ
“ฉันเอาวิสกี้ละกันค่ะ”
ฉันหันไปสั่งก่อนหันไปสนใจกับการแสดงที่กำลังบรรเลงอยู่ด้านบนเวที
บรรยากาศภายในผับแห่งนี้เป็นผับสุดชิคแบ่งโซนตามความชอบของนักท่องเที่ยวชวนให้สนุกสนานไปกับเสียงเพลงทั้งแบบเล่นสดสลับเปิดแผ่นบางวันยังมีเพลงสกามาเล่นให้ฟังแบบสนุกสนานและยังเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์สุดฮอตที่นักท่องราตรีรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยมีการแบ่งเป็นสามชั้น ชั้นแรกเป็นชั้นที่เหมาะแก่นักท่องราตรีที่หลงรักในการเต้น ส่วนชั้นที่สองจะมีไว้สำหรับแขกวีไอพีที่มานั่งดื่มแบบชิวๆกับเหล่าโฮสต์หนุ่มสาวที่ทางผับได้จัดเตรียมไว้ให้ ส่วนบนดาดฟ้าชั้นสามยังมีบาร์ให้นั่งดินเนอร์ฟังเพลงเบาๆ ตลอดทั้งคืน ผับแห่งนี้จึงเป็นผับที่ติดท็อปสถานที่แฮงค์เอาท์สุดชิคได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผัวะ! พลัก!
เสียงของคนทะเลาะวิวาทดังขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะของฉันจนทำให้ฉันต้องละสายตาออกจากเวทีแล้วหันไปมองเหตุการณ์ทันที ต้องบอกว่าพวกเขาเอะอะโวยวายจนลูกค้าที่อยู่บริเวณหยุดเต้นแล้วหันไปมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจจะดีกว่า
“แกกล้ามากนะที่มาต่อยฉัน”
เสียงของใครคนหนึ่งที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากด้วยแววตาที่ก้าวร้านและน่ากลัวอย่างที่สุด ทั้งรูปร่างและหน้าตาอันหล่อร้ายอย่างเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ชายเสื้อถูกปล่อยออกมาจากกางเกงยีนส์สีดำที่เข้ารูปอย่างลงตัวและถูกทับด้วยเสื้อยืนสุดเท่ที่ถูกพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก และฉันเองก็จำเขาคนนี้ได้ดีเพราะว่าเขาคือ...เอ็กซ์สัน
“ก็แกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันเอง”
“ขอโทษทีที่ผู้หญิงของแกมาเล่นกับฉันเอง”
“แกนี่มัน”
ฉันยังไม่ทันได้ตั้งสติหลังจากที่เจอเขาเข้าโดยบังเอิญอย่างนี้ พวกเขาทั้งสองคนก็วางมวยกันอีกรอบจนไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามอีก (ใครจะไปกล้า ก็เข้าไปห้ามเหมือนเข้าไปในวงมือวงทีนเล่นชัดๆ)
“เอ็กซ์สันพอแล้ว”
ฉันตะโกนขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปห้ามเขาไม่ให้กระทืบคู่กรณีของเขาที่ตอนนี้กำลังตอนอาการสาหัสอยู่บนพื้น จนทุกคนถึงกับชะงักรวมถึงเจ้าตัวด้วยก่อนที่เขาจะค่อยๆผละฉันออกจากตัวของเขาอย่างช้าๆ
“จะเข้ามาห้ามทำไม”
เขาถามพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ปิดหน้าของเขาขึ้นไปอย่างกดอารมณ์ของตัวเอง
“ถ้าไม่ห้ามนายก็ได้ฆ่าคนตายกันพอดี”
ชิ! ไม่น่าเข้ามาห้ามเลย คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวว่าจะฆ่าใครตายจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ดูเขาสิยังมีหน้ามาทำเป็นไม่พอใจอีก ฉันได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่เขาอย่างไม่พอใจกับการกระทำที่เขาทำใส่ฉัน แต่ใช่ว่าเขาจะแลดูสำนึกได้ในสิ่งที่ฉันทำหรอกนะ ก็เขาดันมายิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาให้ฉันแทนน่ะสิ
“มันก็เรื่องของฉัน อ้อแล้วอีกเรื่องหนึ่งฉันอายุมากกว่าเธอเพราะฉะนั้นต่อไปต้องเรียกฉันว่าพี่ด้วย”
ชิ! ยังจะมีหน้ามาพูดกับฉันอย่างนี้อีกให้ตายเถอะ แล้วดูเขาทำตัวสิฉันควรที่จะนับถือเขาไหมเนี่ย ฉันสะบัดหน้าใส่เขาก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะที่เพื่อนๆของฉันกลับไปนั่งรอเรียบร้อยก่อนแล้วแต่ทว่า...
“ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม”
เขาถามขึ้นทันทีที่ฉันเดินออกมาก่อนจะต้องหันไปตามแรงรั้งของเขา แถมคำถามที่ออกมาจากปากของเขาทำให้ฉันถึงขั้นกับอึ้งไปสามวิก่อนจะตอบเขากลับไป
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนจริงหรอ”
“จริงค่ะ”
“แน่ใจนะ”
ให้ตายเถอะเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่เนี่ย!!!
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่!!”
ฉันตะโกนใส่หน้าของเขาเสียงดัง จนคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองเราอย่างงงๆ
“โอเคก็ได้ๆ งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะน้องพิณน้อย”
“นี่นาย!!”
เขาแอบฉวยโอกาสในการหอมแก้มของฉันแล้วเดินหัวเราะร่าออกไปจากผับอย่างอารมณ์ดี แต่ว่าฉันนี่สิอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วเนี่ย
ฉันเดินกลับไปยังโต๊ะพร้อมกับกระดกแก้ววิสกี้ที่อยู่ตรงหน้าทีเดียวหมดแก้วก่อนจะค่อยๆลามไปยังแก้วของเพื่อนต่อ วินาทีนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คอยดูนะถ้าเจอคุณลุงเมื่อไหร่แม่จะฟ้องให้หมดเปลือกเลยคอยดู!!!
ความคิดเห็น