ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    IMMORTAL's DAIRY : หนึ่งนิทานหนึ่งบาป

    ลำดับตอนที่ #3 : 01 PAGE - เคยมีคนกล่าวไว้

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 57



    เคยมีคนกล่าวไว้ว่า...

    ไม่เชื่อในเรื่องพรมลิขิต ชีวิตเราเป็นคนกำหนดเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    นี่ก็ถึงเช้าของวันใหม่ แสงแดดจ้าสาดส่องไปทั่ว คาดว่านี่คงเป็นฤดูร้อนไม่ผิดแน่ ก็ร้อนแบบร้อนเหี้ยเหี้ย ร้อนแบบกุไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์กับโลกแม่งจีบกันข้ามหัวดาวพุทธกับดาวศุกร์เลยรึเปล่า แม่งมีอะไรกันยัง ทำไมแม่งร้อนแบบนี้ ประชากรโลกจะไม่ทนน!!!

     

    สาวผมสวยสะดุดตาในชุดสีดำที่ขาดเป็นริ้วๆ คล้ายเอาผ้าขี้ริ้วมาห่อตัวอย่างไรอย่างนั้น ถึงสายตาจากคนรอบข้างจะมองแบบ อินี่บ้ารึเปล่า’ ‘อี๋ ทุเรศศศ’ ‘คนจรจัดแน่ๆแต่ผู้ส่วมใส่เองยังคงยึดคติที่ว่า ผ้าขี้ริ้วห่อทองอ่ะเก็ทป่ะะะแล้วหน้าด้านเดินต่ออย่างเชิ่ดหน้าแบบไม่สนใจประชาชีที่มองว่ามึงเป็นอะไรของมึงงงงง

     

    สาวเจ้าเดินอยู่ท่ามกลามตลาดนัดยามเช้าที่ออกจะชุลมุนวุ่นวาย เต็มไปด้วยคนมากมายที่ออกมาจับจ่ายซื้อของกัน เพื่อเอาไปประกอบอาการหรืออะไรต่างๆนานา มีทั้งของสด ของคาว เครื่องประดับ สากกะเบือยันเรือรบ...

     

    อันนี้พูดจริงนะ— ที่ท้ายตลาดมีอดีตพลทหารเรือผ่านศึกขายเรือรบอยู่

     

    ส่วนตรงปากทางเข้าตลาดมีแม่บ้านวัยกลางคนเปิดร้านขายครกแอนด์สากกะเบืออยู่

     

    “นี่ๆ แม่หนูคนสวยตรงนั้นน่ะ!” เสียงแหบพร่าของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งแม่สาวผมสีแปลกก็ได้สนใจไม่

     

    “เร่เข้ามาๆ! ส้มตำปูปลาร้าส่งตรงจากดินแดนตะวันออก เร่เข้ามาๆ!” นั่นเสียงของอาเจ้โนตมพร้อมไหปลาร้าในมือ สาวเจ้าหันขวับทันใด ดวงตามีประกายเรืองๆ

     

    “นี่ๆแม่หนูผมฟ้าสวยๆตรงนั้นน่ะ!” อีกทีกับชายแก่

     

    ผมฟ้า... นั่นกุเรอะ!?

     

    “ปูปลาร้าๆ!” อีกรอบกับอาเจ้

     

    “คนที่เหมือนผ้าขี้ริ้วตรงนั้นน่ะ!” อะเกนกับคนแก่ปากเสียที่เรียกสาวผู้มาใหม่

     

    ชัดเลย ลุงแก่เรียกกุ...

     

    “แซ่บสุดในสามโลก ปูปลาร้าาาาา!” อะเกนกับอาเจ้โปรโมทร้านน ถึงสโลแกนเจ้แกจะเหมือนก้อปมาจากรายการทีวีช่อง-ปิ้ป-สักอันก็เถอะ

     

    “อิหนู เจ้ากำลังจะมีรักแท้!” อ้าวคราวนี้ทักกุมีความรักอีก...

     

    “ปูปลาร้าาาาา” นี่ก็ไม่ร้าบ้างหรอวะ

     

    ภายใต้การตัดสินใจที่ตนจะต้องเลือก ระหว่างส้มตำปูปลาร้ารองท้อง กับคนแก่ที่ทักว่าตนกำลังจะเจอกับรักแท้ สาวเจ้าก็ได้ตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนดีแล้วโดนการหลับตาลง แล้วใช้นิ้วจิ้ม...

     

    จิ้ม...

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ได้ลุงกับความรักว่ะ

     

    เค

     

    ลุง ปะไป

     

    “นั่นคนสวยของลุง มาๆนั่งก่อนๆ”ชายแก่ผมขาวที่อยากจะถามว่าขาวแต่กำเนิดหรือเป็นเพราะวัย ถ้าไม่กลัวจะโดนคนแก่ต่อยตายก่อนอ่ะนะ สังเกตุจากริ้วรอยและหนวดเคราที่ขึ้นรุงรังชนิดที่แบบอยากจะถามเหมือนกันว่าไม่มีตังค์ซื้อมีดโกนหรือไว้เพื่อความเข้มเฉยๆ ถ้าไม่กลัวโดนคนแก่ถีบตกเก้าอี้ตายอ่ะนะ

     

    แต่เดี๋ยวนะลุง..

    .

    .

    .

    .

    ร้านลุงมันอยู่ข้างถนน อารมณ์แบบลุงนั่งข้างท่อระบายน้ำ แล้วกวักมือเรียกลูกค้าเลยอ่ะค่ะ แถมยังไม่มีเก้าอี้...

     

    คือถ้าจะให้หนูนั่งพื้น

     

    ยืนก็ดีเหมือนกันนะคะ

     

    “ไม่ดีกว่าค่ะ แล้วเรื่องรักอะไรนะคะลุง?”

     

    สาวที่ถูกทักว่าจะเจอรักพูดปฏิเสธจบก็ถามกลับเข้าประเด็น พร้อมโปรยยิ้มสวยใส่ชายชราแบบไม่ได้ต้องการจะอ่อย เพราะยังไงก็ไม่มีสเปคนิยมชมชอบคนแก่คราวปู่ทวดแบบนี้เป็นแน่ คือจะบอกว่าปู่ของตนหล่อแล้วก็หนุ่มกว่านี้อีก(?)

     

    “อืม... ไม่นั่งก็ได้ แต่ยืนมันหนาวนะ ข้าว่านั่งเถอะ”ชายชราพายมือออกเชิญให้สาวเจ้านั่งอีกครั้ง

     

    อ้าวเชี่ย... ลุงกวนตีนป่ะเนี่ย ไม่ฟังที่กุถามเลย

     

    แล้วก็...

     

    หนาวเตี่ยลุงแน่ๆ

     

    เหงื่อของกุไม่ได้หยดตอนหน้าหนาวนะลุง

     

    “เอาเป็นว่าตามใจเจ้าเถอะ ไม่นั่งก็ไม่นั่ง... แต่จะไม่นั่งจริงๆรึ”

     

    คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มบางๆ กับใบหน้าเย็นๆขัดกับบรรยากาศ ประมาณแบบเชิญกุนั่งอีกที กุไปแดกปูปลาร้าแล้วนะ

     

    “อ่า... เจ้าคงเป็นผู้มาใหม่ล่ะสิ”

     

    “ใช่ค่ะ สรุปเรื่องรักนั่นคือ...” สาวเจ้าถามอีกรอบ เพื่อให้เข้าประเด็นเสียที อันเนื่องมาจากน้ำลายมันไหล เพราะปูปลาร้า

     

    “เอาเป็นว่าข้าจะเล่าเรื่องของอาณาจักรนี้ให้เจ้าฟังคร่าวๆก่อนก็แล้วกันนะ”

     

    “ไม่เป็นไรลุง หนูไม่ได้ถาม...” สาวเจ้าแย้ง

     

    “เอาน่าๆ ข้าไม่คิดตังค์”

     

    “แต่หนู....”

     

    “เมื่ออดีตกาลมีคนเคยเล่าขานคราวแล้วคราวเล่าว่าอาณาจักรอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้มีราชวงศ์อันทรงเกียรติ มากด้วยศักดิ์ศรีและความดีงามนามคือ ลูเซียส พวกเขาต่างจัดการบริหารแผ่นดินอย่างไม่ได้ขาดตกบกพร่อง ประชาชนต่างรักใคร่และเถิดทูนพวกเขาเหล่านั้นไม่ต่างไปจากพระเจ้าองค์ที่2เลย”

     

    นั่นไงลุงไม่เคยฟังกุ..

     

    เออ เอาก็เอาวะ ตั้งใจฟังแปป...

     

    “ประกอบไปด้วยพระราชาผู้เป็นเหนือสุดของทุกผู้หมู่เหล่า เคียงข้างกับราชินี... ถึงนางจะเป็นเพียงสามัญชน แต่ความงามของนางนั้นโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งนัก และก็ได้ไปสะดุดเข้าให้กลับสายตาของราชาคนนี้ ทั้งสองรักใคร่กลมเกลียว จนให้กำเนิดราชธิดาและราชบุรุษทั้งสอง แต่นั่นก็เป็นเรื่องเนิ่นนานมากเสียแล้ว...

     

    เพราะในตอนนี้ พระราชาได้สูญเสียความงามอันเป็นที่รักไปให้กับพระผู้เป็นเจ้าเสียแล้ว... องค์ราชินีได้ทรงสวรรคตลง ด้วยโรคร้ายตามสังขารที่ไม่จีรังยั่งยืน อันเป็นเหตุโศกเศร้ากันทั่วทั้งอาณาจักร แต่คนที่เศร้าเสียใจเป็นที่สุดก็คงจะหนีไปพ้นองค์ราชาเองนั่นแล

     

    แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด องค์ราชาจึงกลับจัดพิธีอภิเษกสมรสของตนเองกับหญิงสาวรูปงามแปลกตาคนนั้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่องค์ราชินีสิ้นพระชนได้ไม่นาน แถมยังแต่งตั้งให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นองค์ราชินีคนใหม่ด้วย ความจริงหากเจ้ามาเยือนเร็วกว่านี้อาจได้ชื่นชมพิธีเป็นบุญตาก็ได้... หลายปากเสียง เอ่อ...ไม่ใช่เสียงข้านะ เขาก็พากันพูดว่าสาเหตุที่พระราชินีตายนั้นคงเป็นเหตุเชิงชู้สาว หรือนางผู้หญิงคนใหม่เองนั่นแหละที่เป็นคนลอบปลงพระชน เพราะหวังตำแหน่งนายหญิงของอาณาจักร อะไรทำนองนั้นนั่นแหละ นี่ข้าได้ยินมาแบบนี้จริงๆนะ ไม่ได้แต่งสีเติมไข่ใส่อะไรเพิ่มเลยจริงๆนะ”

     

    เชี่ย— กุว่าลุงนี่แหละตัวปล่อยข่าวลือเรื่องเมียน้อยปลงพระชนเมียหลวงเลย

     

    “อ้าว... ท่านลุงแล้วองค์หญิงกับองค์ชายล่ะคะ พวกเขาไม่ว่าอะไรเลยงั้นหรือ?” หญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ยถามด้วยวาจาสงสัย ก็ถ้านางเป็นลูกของพระราชาเองล่ะก็ มีหวังจิกหัวนางผู้หญิงคนใหม่นั่นลงพื้น แถมด้วยเอาน้ำส้มสาด แล้วจิกขึ้นมาตบสักฉาดสองฉาดเป็นของแถมให้ด้วยเลยล่ะ...

     

    “ไม่ๆ ข้าได้ยินที่เจ้าคิด... ข้ารู้... ข้าเห็น... ข้าสัมผัสได้...” ชายแก่ตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้ทันหญิงผู้มาใหม่ โดยเว้นจังหวะหายใจให้ชัดทุกถอยทุกคำ เพื่อให้เธอฟังชัดขึ้น หรือเพื่อเพิ่มความคลังให้สาวผู้มาใหม่หลงเชื่อแล้วยอมให้เขาดูดวง แล้วจ่ายค่าสะเดาะเคราะห์ให้แก่เขาเสียที

     

    คือลุงจะหลอกเอาตังค์กุใช่ป่ะ

     

    “นี่ลุงเล่นมุกจริงดิ” เธอทำสีหน้าเบะนิดๆ ประมาณว่า

     

    นั่นมุกลุงจริงหรอคะะะ

     

    “ไม่... ข้าพูดจริง องค์หญิงนางไม่ทำแบบนั้นแน่... ก็นางน่ะ...”

     

    ทีแรกสาวเจ้าผู้มาใหม่ก็คิดว่าสมัยนี้ยังมีคนที่แบบเป็นคนดีแบบดีแบบดีมากมาก ดีกับทุกอย่าง เจอขี้ก็เล่น เจอควายก็ทัก เจองูก็จูบ เจอจระเข้ก็กอด ยุงกัดก็ไม่ตบ เป็นมิตรกับคนที่ฆ่าแม่ฆ่าพ่อหล่อนอะไรแบบนี้อยู่อีกหรอ แต่พอเธอได้ยินคำจากปากลุงแก่มีอายุใกล้ขึ้นเมรุ เธอก็ถึงบางอ้อแบบไม่ต้องสงสัยอะไรอีกเลยทีเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เคร้ง!

     

    เคร้ง!

     

    เสียงดาบคมแบบฉบับนักสู้ซามูไรเข้าฟาดฟันกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง เกิดเสียงดังกังวานกว้างไปในสนามประลองประจำพระราชวังใหญ่ ท่ามกลางสายตาของผู้ชมจากสังคมชนชั้นสูงนับหลายต่อหลายคู่ ต่างนั่งมองการประลองอย่างตื่นตาตื่นใจ ลุ้นกันว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายปราชัย จะเป็นข้างที่ตนพนันไว้หรือไม่ ตานี้ตนจะได้ล้างหนีที่ติดไว้หรือไม่ หรือบางคนที่เป็นฝ่ายส่งนักรบเข้าก็ต่างลุ้นว่าตนจะเสียหน้าหรือไม่

     

    ที่จริงจังกันขนาดนี้ก็ เพราะครานี้มีองค์ราชาเป็นองค์ประมุขในการจัดการประลองในครานี้ ทุกคนจึงกระหายชัยชนะกันอย่างออกหน้าออกเลยน่ะสิ

     

    ณ แท่นบัลลังก์กำมะหยี่สีเลือดนกกลางพิธีปรากฏชายหนุ่มเลยวัยกลางคนมากสักพักใหญ่ได้ สังเกตจากใบหน้าคมที่เริ่มจะมีริ้วรอยของความชราปรากฏตรงบริเวณหางตาและหน้าผาก ผมขาวที่จะเริ่มขึ้นประปรายแซมสีทองซีด และมงกุฎสีทองอร่ามสีเดียวกันกับชุดโออ่าอลังการก็รู้ทันทีว่าเขานั้นคือพระราชา สีหน้านิ่งเฉย ทว่าดูสง่าและดูมีอำนาจผ่านนัยน์ตาสีเดียวเช่นผมคมดุคู่นั้น สามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ในแผ่นดินนี้ จึงเป็นที่หวาดหวั่นนักสำหรับใครก็ตามที่คิดจะอะไรที่เป็นภัยร้าย แต่กลับเป็นที่พักพิงสำหรับใครก็ตามที่หวังดี

     

    ถัดไปทางซ้ายเป็นบัลลังก์อีกหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังว่างเปล่า... คงจะเป็นของราชินีองค์ใหม่ที่ตอนนี้ยังไม่เสด็จออกจากห้องทรงชุด

     

    ก็ใช่สิ... ก็หล่อนตื่นตอนที่ชาวบ้านเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกันหมดแล้วคงจะมาทันหรอก

     

    ถัดมาอีกสักนิด เป็นที่พำนักขององค์หญิง หรือราชธิดาคนโตของราชา เบอร์ลินดา เซนท์ ลูเซียสที่ 1ว่าที่ราชินีผู้ปกครองอาณาจักรคนต่อไปถัดจากเสด็จพ่อของนางเอง วันนี้นางอยู่ในชุดเดรสสีทองสง่าเผยไหล่ขวาให้เห็นถึงเนื้อผิวเนียนนวลสวย ดวงหน้าคมดุแสนเย่อหยิ่งถอดแบบมากจากท่านพ่อของนางเอง ล้อมกรอบด้วยเกศาสีทองเฉกเช่นเดียวกับท่านพ่อซึ่งถูกมัดรวบสูงดูทะมัดทะแมง ดวงตาสีฟ้าคู่สวยที่ได้มาจากท่านแม่มองการประลองตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจ รอยยิ้มบางๆถูกคลี่ขึ้นมาหน่อย ตามมารยาทของหญิงสาวในรั้ววังหลวง

     

    ทุกอย่างถูกดำเนินไปโดยดี...

     

    เดี๋ยวนะ—

     

    “เสด็จพี่เพคะะะะ” เสียงสูงแหลมบาดหูของหญิงสาววัยแรกแย้มดังขึ้นมาแต่ไกล แต่กลับเป็นเสียงคุ้นหูของใครบางคน และก็เป็นเสียงรำคาญหูของใครบางคนด้วย

     

    ร่างบางในชุดผ้าไหมลายหรูหราอลังการยาวลากพื้น ด้านข้างถูกแหวกให้เผยเห็นขาขาวเรียวระหงน่ามองที่องค์หญิงเบอร์ลินดาประกาศกร้าวตั้งแต่คราแรกที่เจอว่าเล็กอย่างกับขอทานชั้นต่ำ ใบหน้าอ่อนเยาว์ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางหนาที่องค์หญิงเบอร์ลินดาถามว่านั่นหน้าคนหรือปูนซีเมนท์ แก้มขาวนวลมีสีชมพูอ่อนดูมีชีวิตชีวาที่องค์หญิงบอกว่าแดงอย่างกับจะไปเล่นงิ้ว ริมฝีปากบางถูกแต้มด้วยสีแดงสดของกลีบกุหลาบที่องค์หญิงเบอร์ลินดาชอบถามว่าไปกินน้ำตกลาบเลือดมาหรอ เกศาดำเงาวาวสลวยที่องค์หญิงเบอร์ลินดาทักว่าไม่ได้สระมากี่เดือนแล้ว หลอมรวมเป็นสตรีที่งดงามมากอีกคนในอาณาจักร ซึ่งองค์หญิงเบอร์ลินดาบอกว่าสวยพลาสติกมากอีกคนหนึ่งในอาณาจักร และมงกุฎประดับพลอยสีสวยเจิดจรัสที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์ราชินี ที่องค์หญิงเบอร์ลินดาบอกว่ามงกุฎแม่กุสวยกว่า

     

    หรืออีกนัยหนึ่งจากใจองค์หญิง...

     

    กุ – เกลียด – อิ – ชะนี – นี่!!!!

     

    ร่างบางของราชินีสาวองค์ใหม่ค่อยๆย่างกายเข้ามาใกล้องค์ราชา แต่เพราะด้วยชุดสุดเริ่ดหรูของตนยาวเกินกว่าจะสามารถเดินมาได้อย่างสะดวกเพียงคนเดียว จึงจำเป็นต้องใช้นางกำนัลแถวนั้นสักคนสองคน ให้มาแบกชุดที่ลากพื้นขึ้น เพื่อให้สามารถเดินมาได้อย่างสะดวกขึ้น...

     

    ที่ทำแบบนี้นี่เพื่อความอลังการงานสร้าง

     

    ให้คนมันหมั่นไส้เล่นเท่านั้นเองน่ะ

     

    บ้าจริงงงงง

     

    และเมื่อจะต้องผ่านหน้าองค์หญิง หรือลูกบุญธรรมสุดที่รักสุดที่เกลียดของตนนั้น ร่างบางก็เชิ่ดหน้าขึ้นทำเป็นสวย แล้วจงใจจิกตาใส่องค์หญิงเบอร์ลินดา หวังว่าให้อีกฝ่ายหน้าเสียหรือไม่ก็หวั่นกลัวต่อนาง

     

    “มองหน้ากูหาพ่อมึงหรอ”

     

    สิ้นเสียงห้าวห้วนอันเป็นเอกลักษณ์ขององค์หญิงเบอร์ลินดา พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของนางกำนัลแถมนั้น ก็ทำให้คนเชิ่ดหน้าจิกหน้าจิกตาหน้าเสียไปไม่น้อยเชียว แต่นางก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้ว หันไประบายยิ้มให้กับองค์ราชาเบื้องหน้าเสียมากกว่า

     

    “เป็นอย่างไรบ้างคะ เสด็จพี่”

     

    เมื่อเดินมาถึงบัลลังก์ว่างอันเป็นที่ประจำขององค์ราชินี ร่างบางก็นั่งลงแล้วเอามือเรียวเข้าไปคว้าแขนแกร่งของชายคนข้างๆมาสวมกอด พลางเอาศีรษะซบไหล่กว้าง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดัดใสให้ดูน่าเอ็นดู

     

    “มันน่าสนุกขึ้นก็เมื่อเจ้ามาอยู่เคียงข้างนั่นแหละ โจเซฟีน...” ร่างหนาลูบใบหน้านวลที่ตนหลงใหล พร้อมหยอดคำหวาน เรียกสีหน้าเขินอายของคนร่างบางกว่าได้ไม่น้อย

     

    ซึ่งเมื่อองค์หญิงเบอร์ลินดาเห็นก็...

     

    อ่อยพ่อกุหรอออ สาดดดด

     

    อิดอก กะแดะะะะะ

     

    “ท่านฟินลิปก็...ทรงบ้าไปแล้วหรือเพคะ” โจเซฟีนเบนหน้าหนีไปทางอื่น เพื่อเก็บซ่อนความอายจนหน้านวลแดงก่ำเป็นลูกตำลึงให้พ้นสายตาของชายที่เป็นคนก่อมัน

     

    เหี้ยยยยยยยยยย แม่งเรียกชื่อจริงพ่อกุด้วยยย!!!

     

    ไม่ทันไรร่างหนาข้างร่างบางก็คว้าใบหน้าเรียวเล็กนั่นหันมาทางตน ก่อนจะฉวยโอกาสจุมพิตเข้าให้ที่แก้มใส สูดเอาความหอมเข้าปอด อย่างไม่อายฟ้าอายดิน ทำเอาคนเป็นลูกเองก็ยังค้างกับการกระทำอันช็อกโลกของท่านพ่อตน แบบอ้าปากค้างแบบค้างเหี้ยๆอยู่

     

    หลังจากที่ร่างหนาฉวยโอกาสร่างบาง ร่างบางก็เอาแต่ตีแขนอีกฝ่ายไม่ยั้ง พลางพูดว่าคนบ้า อายเค้าๆ แต่ก็ไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านอันใดให้แก่ร่างหนาเลยแม้แต่น้อย แถมเจ้าตัวยังมีหน้ามายิ้มหัวเราะชอบใจกับอากัปกิริยาของร่างหนาข้างๆอีกด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     นี่มันหนักกว่าบทกวีของสำนักพิมพ์แจ่มใสอีกนะมึงงงงง

     

    กุจะไม่ทนกับพวกมึงงงงงง

     

    เห้ยๆ ไม่ใช่ๆแค่อินั่นคนเดียว

     

    อีกคนมันพ่อกุ=,=

     

    ภายใต้การประลองของซามูไรผู้หวังจะเป็นหนึ่ง และอยากได้รับความสนอกสนใจจากกษัตริษ์ผู้น่าเคารพนับถือของตน ได้มีคู่รักที่วัยต่างกันไม่ค่อนข้างนิด สวีทกันอยู่ท่ามกลางเสียงดาบที่ปะทะเข้าหากัน

     

    ช่างโรแมนติกจริงเชียว...

     

    และทั้งหมดนั่นได้ตกอยู่ในสายตาขององค์หญิงราชธิดาคนโตทั้งหมด พร้อมทั้งนางยังแสดงสีหน้าเป็นเชิงล้อเลียน กับเหล่านางกำนัลที่พร้อมใจสนับสนุน หัวเราะ และติฉินนินทาทุกการกระทำ ไม่ว่าจะหายใจแรงก็ โดนด่าว่าไม่มีมารยาท หายใจเบาก็โดนด่าว่ากะแดะ จามก็สำออย

     

    เอาดิ คือแค่มึงเกิดมากุกับพวกด่าได้ตั้งแต่อากงอาม่ามึงอ่ะ

     

    จบป่ะะะะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แหม่ๆ ลุงนี่ก็มีอารมณ์ขำไม่เบานะ ฮ่าๆ” สาวเจ้าผู้เดินทางมาไกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฮฮา ตามประสาคนสนิทที่ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหนกับชายแก่ที่อุตส่าห์เล่าเรื่องที่ไม่ขอให้ฟรีแบบไม่คิดตังค์

     

    “แต่ข้าว่าส่วนตัวมุขเจ้าเสี่ยว ฮ่าๆ”

     

    “อ้าวลุง อยากแดกตีนก็บอก ไม่ๆ อย่าอายๆ ฮ่าๆ”

     

    ทั้งสองประสานเสียงหัวเราะกันอยู่พักใหญ่ ในเมื่อเจอคนถูกคอแล้วก็ขอเลยตามเลยก็แล้วกันนะ

     

    “เอ่อ... ว่าแต่เจ้าชื่อว่าอะไรรึ คุยว่าเสียนานข้ายังไม่รู้จักชื่อแส่เจ้าเลย”

     

    “อ้ออออ ข้าชื่อแคสซานดร้า แวนเดอร์แชร์ รักน่ะ ชื่อยาวเป็นกิโลแต่ไม่โหลแถมยังดูดีมีราคานะ ขอบอก ฮ่าๆ”

     

    “ข้าเรียกเจ้าแคสซานดร้าก็แล้วกันนะ”

     

    “แล้วลุงอ่ะ ชื่อว่าอะ--” ก่อนที่สาวเจ้าจะเอ่ยถามจบ เสียงของชายแก่ชิงเอ่ยขึ้นแทรกเสียก่อน

     

    “แคสซานดร้า เจ้าจำเรื่องที่ข้าทักเรื่องความรักของเจ้าได้รึเปล่า...”

     

    “แหมๆ ไม่ต้องแล้วลุง ข้ารู้ลุงมั่ว ไม่ต้องๆ ไม่ต้องสารภาพหรอก ฮ่าๆ”

     

    “เขากำลังมา”

     

    “โถ... ลุงยังแถอีก”

     

    “5”

     

    “อ่ะๆ เอาเลย”

     

    “4”

     

    “รักแท้เจ้าอยู่หนใด”

     

    “3”

     

    “โอละหนอออออ ดวงเดือนเอยยย”

     

    “2”

     

    “ไม่เห็นมีเลยลุง”

     

    “1”

     

    “นี่จริงจังป่ะเนี่ย”

     

    “0”

     

    ฟรึบ!

     

    มีแรงบางอย่างกระแทกใส่แคสซานดร้าอย่างจัง แล้วในตอนนั้นเองร่างบางเจ้าของสีผมประหลาดตาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างรู้สึกแปลกๆ

     

    นั่น...

     

    แล้วนางก็ตบๆแถวลำตัวของตน...

     

    กระเป๋าตังค์กุ

     

    ฉับพลันสาวเจ้าก็หันขวับไปอีกทางพบเข้าให้กับชายหนุ่มกำลังรีบวิ่งกุลีกุจร

     

    ไม่ต้องเป็นหมอดูกุก็เดาได้

     

    “ขโมยยยยย!! ขโมยยย”

     

    “มันเอากระเป๋าตังค์ข้าไปแล้ววววว”

     

    โดยลืมไปเสียแล้วว่าตนได้ค้างบทสนทนาไว้กับชายแก่ ร่างบางก็รีบพุ่งตรงออกไปหมายชิงกระเป๋ากลับมาอย่างว่อง...

     

    เพราะถึงอย่างไร ชายแก่ที่ว่าก็หายไปอยู่ดี...















    ไม่น่าเชื่ออออออออ
    อิแพตอัพอีกแล้ววววววว /วิ่งรอบไฟ
    นี่มันอะไรก๊านนนนนน >o<
    PS.หากมีคำผิดประการใด โปรดทำใจและมองข้าม5555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×