ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รามเกียรติ์] สัญญารัก [พระลักษณ์ x oc]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.71K
      260
      14 พ.ย. 63




    'นางเป็นว่าที่ชายาของข้าเองพระพี่ราม'


         คำพูดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ก็ยังคงได้ยินมันอยู่

    ทำไมพระลักษณ์ พระองค์ถึงทรงพูดแบบนั้นกันน่ะ ไม่เข้าใจเลย พูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงกันนะ ว่าที่ชายาเนี่ยนะ

    ชายา.....

















    "ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไรกัน ลักษณ์?"

    ตัวฉันที่ยังคงนิ่งค้างกับคำพูดของบุรุษกายสีทองอยู่นั้น รู้สึกตัวอีกที พระลักษณ์ก็มาอยู่ข้างๆฉันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ พระองค์กุมมือของฉันเอาไว้จนฉันยังแอบตกใจจนเกือบจะดึงมือออก แต่ฉันกลับไม่ทำแบบนั้น

    "สุกัญญาเป็นว่าที่ชายาของข้า เพราะข้าเคยให้คำสัญญากับนางเอาไว้เจ้าคะพระพี่ราม"
    "ห้ะ?"

    ฉันรีบหันหน้ากลับไปมองพระลักษณ์แถบจะทันทีที่พระองค์พูดจบ อะไรนะ?! เคยสัญญากับฉันเอาไว้หรอ ตอนไหนอะ?

    "เรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?"


    นั้นสิ ตั้งแต่เมื่อไร


    "มันเป็นเรื่องตั้งแต่วัยเยาว์ข้าเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะรับนางเป็นชายา แต่ว่าจักฟังความจากข้าฝ่ายเดียวก็คงมิถูก........"


    พระลักษณ์บีบมือที่เราจับกันอยู่แน่นขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว พระองค์กำลังกังวลอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ ฉันคิดแบบนั้น สีหน้าของพระองค์ก็แสดงออกอย่างชัดเจน 

    รู้สึกไม่ชอบเลย ที่พระองค์ทำหน้าแบบนี้....


    พระลักษณ์ทรงหันมาสบตากับฉันจนฉันแอบตกใจที่พระองค์หันมา เหมือนพระองค์รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ 


    รู้ว่าฉันกำลังเป็นห่วงพระองค์......




    "เรื่องในครานั้นเจ้าอาจจักจำเรื่องของเรามิได้สุกัญญา แต่ข้ายังจดจำมันได้ดี และข้าก็อยากจักรักษาสัญญานั้น"


         มือหนาของพระลักษณ์ทรงยื่นมาสัมผัสกับมือบางของฉัน ที่ฉันเองก็มารู้ตัวอีกทีว่า ตัวเองนั้นได้เผลอจับกับท่อนเเขนของพระองค์ไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่แทนที่ฉันจะรีบชัดมือกลับ เพราะรู้ว่ากำลังทำเรื่องที่ไม่สมควร อย่างถึงเนื้อต้องตัวพระองค์ แต่ร่างกายกับไม่ยอมทำตามที่คิด

    และมือของพระองค์เองก็กอบกุมมือของเราเข้าด้วยกันอย่างแน่นจนฉันไม่สามารถสลัดมือของพระองค์ออกได้


    "ข้าอยากขอร้องพระพี่ราม ข้ารู้ดีว่ามันอาจจักเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่ข้าอยากจักให้สุกัญญาอยู่ที่นี่ในฐานะว่าที่ชายาของข้า"

    พระลักษณ์ก้มลงคุกเข่าขอร้องพระราม ฉันที่อยู่ข้างๆพระองค์ก็เบิกตากว่างอย่างตกใจ ไม่คิดเลยว่าพระองค์จะกล้าขออะไรแบบนี้ 

    ฉันอยากจะร้องเถียงกลับไปว่าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้กับคนอย่างฉันก็ได้ เพราะขืนพระองค์ทำแบบนี้มันจะทำให้ฉันรู้สึกผิดกับพระองค์มาก

    ที่พระองค์ทรงจดจำฉันได้ แต่ฉันกลับจำพระองค์ไม่ได้.....




    'ข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า และอยู่เคียงข้างข้า ตลอดไป.........'


    "!!"


    ภาพในความฝันผุดขึ้นมาจนฉันแอบสะดุ้งตกใจ ใบหน้าในวัยเด็กของพระลักษณ์ แหวนดอกหญ้า และคำพูดลงท้ายที่หายไป มันคืออะไร......


    "ลักษณ์เจ้าก็รู้มิใช่ฤาว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในคราศึกสงคราม ข้าก็เห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่แบบนี้ข้าคิดว่ามันมิถูกต้อง"

    "เรื่องนั้นข้าทราบดีพระพี่แต่ถึงกระนั้นข้าก็มิอาจคืนคำที่เคยลั้นวาจาเอาไว้แล้วได้ดอก"

    พระลักษณ์ยังคงพูดด้วยคำพูดที่จริงจังและหนักแน่น พระรามเองก็ไม่ต่างกันจ้องมองอย่างพิจารณาอย่างหนักจนฉันยังรู้สึกกดดันไปหมดเลย และไม่กล้าสบตากับพระองค์ ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่นั่งก้มหน้าและรับฟัง พร้อมกับกุมมือของพระลักษณ์เอาไว้



    พระรามจ้องมากการกระทำของทั้งคู่อย่างพิจาราณา พระองค์ทรงรู้ดีว่าอนุชาของตนนั้นรอคอยสตรีนางนี้มากนานแค่ไหนกันแล้ว และการที่พระองค์จะไปขัดขวางก็ใช่เรื่อง แต่ในคราศึกสงครามเช่นนี้อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน ไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย

    พระรามถอนหายใจออกมาก่อนที่จะทรงลุกจากพระที่นั่ง ก่อนที่จะตรงมาอยู่ตรงหน้าพระลักษณ์ 

    พระองค์มีข้อแก้ต่าง หรือเหตุผลอีกมากมายที่จะไม่ให้สุกัญญษอยู่ที่นี่ก็ได้แต่พระองค์ก็เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น







    ".......ก็ตามใจเจ้าเถิด ดูแลนางให้ดีๆ"


























         นั้นละคือเรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงเดินตามหลังพระลักษณ์ออกมาอย่างเงียบๆ ฉันคิดอะไรกับทำอะไรไม่ถูกแล้ว นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย!!

    ว่าที่ชายา.....อยู่ๆเราก็ได้ตำแหน่งนี้มาง่ายๆเลยงั้นหรอนี่มันยิ่งว่า เรื่องเล่าเจ้าหญิงดิสนีย์แล้วมั้ง!!

    'นี่ฉันยังฝันอยู่จริงๆใช่ไหมใครก็ได้ช่วยตอบทีว่านี่จะเรียกว่าฝันดีหรือฝันร้ายกันแน่!!'


    เชื่อเถอะว่าตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ที่อยู่ๆตัวเองก็ดันหลุดมาในโลกรามเกียรติ์ที่ตัวเองชื่นชอบ แถมยังได้เป็นว่าที่ชายาของพระลักษณ์อีก ในส่วนข้อนี้อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ แต่ว่าฉันยังไม่ลืมหรอกนะว่าในอนาคตต้องเจอกับอะไรบ้าง

    ยักษ์ สงคราม ทศกัณฐ์ ฉากการตาย 


    ต่างๆน่าๆที่จะเกิดขึ้นฉันไม่อยากจะไปเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องของมันเลยมันเป็นแบบนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่เชื้อไหมลึกๆแล้วฉันไม่อยากให้ทศกัณฐ์ตายเลย ฉันรู้สึกสงสารเขาด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องชาติภพก่อนที่เป็นแค่ 'นนทก' ยักษ์ที่คอยล้างท้าวให้เทวดา

    พอมาในชาตินี้ในวาระสุดท้ายทศกัณฐ์ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่านางสีดาคือลูก


    มันช่างเป็นฉากจบที่น่าเศร้า.....


    และการที่ฉันมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไรกันละ หรือเพียงเพื่อมาทำตามคำสัญญาที่ตัวฉันเคยให้ไว้กับพระลักษณ์งั้นหรอ

    มันแค่นั้นจริงๆหรอ...




    ตุบ!

    "โอ้ย!?"
    "สุกัญญา?!"

    เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ได้ดูทางจนฉันเดินไปชนแผ่นหลังของพระลักษณ์เข้าเต็มๆ ส่วนพระลักษณ์กลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยที่ฉันเดินชนหลังพระองค์ พระองค์ยังหันกลับมาดึงแขนของฉันไม่ให้ล้มทันอีกด้วย ฉันเองที่กลัวจะล้มก็รีบยื่นมือไปจับไหล่ของพระองค์เอาไว้แน่น แต่ก็แค่ไม่นานฉันก็รีบผลักตัวเองออกมา

    "ข ขออภัยเพคะพระลักษณ์!"

    ฉันตกใจมากที่เผลอไปถึงเนื้อถึงตัวกับพระองค์มากไปแบบนั้น ถึงยังไงพระลักษณ์ก็ยังคงเป็นองค์ชายแห่งอโยธยาอยู่ดี ส่วนฉันมันก็แค่คนธรรมดา 

    ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูกสิ่งที่คิดได้คือต้องขอโทษ ฉันกำลังพนมมือกราบ แต่พระลักษณ์กลับเข้ามาจับไหลทั้งสองข้างของฉันเอาไว้เป็นเชิงห้าม

    "มิต้องมากพีธีกับข้าขนาดนั้นก็ได้สุกัญญา ข้ามิถือ"
    "แต่ว่าหม่อมฉันคิดว่ามันไม่สมควร..."
    "จะมิสมควรกระไรกัน อย่าลืมสิว่าเจ้าคือว่าที่ชายาของข้าแล้วนะ"
    "ระ เรื่องนั้นมัน เอ่อ...."

    ทั้งคำพูด และที่สีหน้าที่ดูจริงจัง งของพระลักษณ์ในตอนนั้น มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ พระองค์คิดจริงจังขนาดนั้นเลยหรอหรือว่าแค่รักษาคำลั่นวาจาแค่นั้นกัน

    "เอ็ะ?!"

    อยู่ๆพระลักษณ์ก็ควงเอวบางของฉันให้เข้ามาไกล้ๆพระองค์จนตอนนี้หน้าของฉันซุกอยู่ที่อกของพระองค์เข้าเต็มๆ ฉันกำลังจะร้องถามว่าพระองค์กำลังทำอะไร แต่พระองค์กับชิงพูดก่อนโดยการกระซิบข้างๆหู

    "จักเขินอายไปไยกันเล่าสุกัญญา ครั้งเราเป็นเด็ก มากกว่าจับมือเราก็ทำมากันแล้วหนา"





    ห้ะ?















    เฮือก!!อะไรน่าาาาาาาาาาาาาาา!!! O////O








    "หึๆ ดูหน้าเจ้าสิแดงเป็นลูกตำลึงแล้วหนา ฮ่าๆ!"

         พระลักษณ์มองหน้าของหญิงสาวข้างกายอย่างขบขันและหัวเราะออกมา นานมากแล้วที่พระองค์ไม่ได้เห็นใบหน้าที่น่ารัก และน่าเอ็นดูแบบนี้ การที่พระองค์ทำให้ใบหน้าที่ดูเงียบๆ บึ้งตื้งแลดูอึดอัดมาตลอดเวลาจนถึงเมื่อครู่ แสดงอาการเขินอายได้ขึ้นขนาดนี้มันก็ถือว่าเป็นรางวัลชีวิตของพระองค์ที่รักษาสัญญา และรอยคอยคนๆนี้มาตลอดก็แล้วกัน

    "ม มะ มะ หมายความว่ายังไงกันเพคะ!!"

    หญิงสาวผลักตัวเองออกมาจากพระองค์ด้วยความเขินอาย เพราะว่าตนเองนั้นจำไม่เห็นได้เลยว่าตอนเด็กๆเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยหรอ

    "อ อะไรที่มากกว่าจับมือ......."
    "แล้วเจ้าคิดว่าเด็กอายุ 5 ขวบทำกระไรกันละ"

    สำเร็จนางเขินใหญ่แล้ว พระลักษณ์ได้แต่คิดในใจและยิ้มให้กับความน่ารักและไร้เดียงสาของหญิงสาว ใบหน้าที่แดงแจ๋เพระความเขินอายนั้น ตัวสั่นเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ จนพระองค์แทบอดใจไม่ไหว

    "แล้ว...เจ้าไม่อยากรู้หรือ ว่าตอนนั้นเราทำกระไรกันบ้าง"
    "มะ-ไม่เห็น จ-จะอยากรู้เลย เพคะ...."
    "จริงหรือ...แต่หน้าของเจ้ามันฟ้องนะว่าเจ้าอยากรู้หนา"

    พระลักษณ์คิดที่อยากจะแกล้งหญิงสาวอีกสักหน่อย จึงยื่นหน้าเข้าไปไกล้ๆ ทางสุกัญญาเมื่อเห็นแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก จะผลักก็ไม่กล้า นี้ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายมาเล่นกับเธอแบบนี้ละก็เธอคงจะเอามือยันหน้าไปทีนึงแล้ว แตนี้มันไม่ใช่!

    "พ-พระลักษณ์อย่านะเพคะมันไม่--"




    จุ๊บ




    "เฮือก!!!"

    ริมฝีปากของพระลักษณ์ประทับลงบนเส้นผมสีโอรถของเธออย่างแผ่ว อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความคนึงหาอย่างยากที่จะห้ามใจตัวเองได้ 

    ทางฝั่งหญิงสาวก็นิ่งค้างเป็นหินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ยังคงเถียงกับตัวเองในใจว่า มันไม่ถูกต้อง มันไม่สมควรเลย สักนิดเดียว! เราพึ่งเจอกันสองวันเองไม่ใช่หรอ!!

    แต่แล้วความคิดที่เถียงกับตัวเองก็หยุดลงเหมือนภาพของความฝันนั้นกลับมาอีกครั้ง จนทำให้สุกัญญาลืมอาการเขินอายของตัวเองไปหมดสิ้ง มือบางจับเข้าที่ชายเสื้อของพระลักษณ์เบาๆเป็นการเรียก ทำให้พระองค์ละสายตาจากเกศาสีโอรสหันมาสบตากับนางตรงๆ

    ".......ที่พระองค์เคยตรัสกับหม่อมฉันเอาไว้ คำสัญญา...กับ..."

    พระลักษณ์เงียบและตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวจะพูด พร้อมกับความหวังในใจของพระองค์

    "แหวนดอกหญ้า....."

    แววตาของพระลักษณ์เบิกกว่างอย่างไม่ทันรู้ตัว พระองค์ยังมีความหวังอยู่ว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นยังจดจำเรื่องของพระองค์ได้

    "เจ้าจำได้แล้วหรือสุกัญญา?"
    "อะ...เอ่อ อาจจะ....แต่ไม่ทั้งหมดเพคะ"

    เหมือนกับว่ามีใครบางคนมาเป่าเทียนแห่งความหวังของพระองค์ดับไปต่อหน้าต่อตา จากสีหน้าที่ดูมีความหวังดูเศร้าลงมาในทันที แต่มันก็แค่เพียงชั่วพริบตา พระลักษณ์ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะยิ้มรับ

    "ไม่เป็นไร เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ดีเสียกว่าไม่มีอันใดเลย แต่ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะจำเรื่องแหวนนั้นได้"
    " หม่อมฉันขอถามอะไรพระองค์สักอย่างได้ไหมเพคะ"
    "อันใดหรือ?"
    "ที่พระองทรงตรัสกับหม่อมฉันในครานั้น ที่พระองค์ทรงให้แหวดดอกหญ้า พระองค์ทรงตรัสว่ากระไรต่อหรือเพคะ

    เมื่อฟังมาจนถึงตรงนี้ ใบหน้าของพระลักษมณ์ก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม และมันยิ่งทำให้สุกัญญาสงสัยเข้าไปอีก 

    "งั้นที่ข้าจักบอกเจ้าว่า ที่ขอให้เจ้ามาเป็นว่าที่ชายาของข้าต่อหน้าพระพี่ราม คือสิ่งที่ข้าเคยลั่นวาจาเอาไว้กับเจ้า เจ้าจัดเชื่อหรือไม่ สุกัญญา"

       










    ข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า และอยู่เคียงข้างข้า ตลอดไป มาเป็นชายาของข้าได้หรือไม่สุกัญญา


    ________________________________________________________

     


    หวังว่าจะฟินกันนะ^^
    ช่วงนี้ไรท์ยังฝึกงานอยู่เลยยุ่งๆ และอีกสาเหตุนึงก็คือ ไรท์ติดนิยายเรื่องนึงอยู่ และวันที่18 ไรท์ก็จะไปงานหนังสือไปซื้อนิยายเรื่องนั้นด้วย เป็นเรื่องเกียวกับพญานาค นิยายY









    มีใครดูทันบ้างมะ ไม่ใช่คนแสดงนะ แต่เป็นตัวละครพระลักษมณ์ข้างหลังอะตัวเหลืองๆ ไรท์ดูทัน ตอนเด็กๆไรท์ชอบดูมากกกกกกกก ยังซื้อแผ่นหนังเก็บเอาไว้อยู่เลย55555 แต่พระลักษมณ์แบบนี้มันก็หล่อละลายใจดีนะ ดูหน้าท้องนั้นสิ คิคิ ^////^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×