ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รามเกียรติ์] สัญญารัก [พระลักษณ์ x oc]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.33K
      326
      11 พ.ย. 63





         ท่ามกลางเสียงซ้อมรบของทหารวานรทั้งหลาย พวกเขาต่างตั้งใจฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้สามารถชนะศึกกับกรุงลงกา ซื่งต้นเหตุของสงครามก็มาจากผู้ปกครองกรุงลงกา พญายักษ์ษาทศกัณฐ์ ได้ช่วงชิงดวงใจอันเป็นที่รักของพระอวตาร อย่าง นางสีดาไป

    ดวงเนตรของพระรามทอดสายตามองไปยังหล่าวทหารวานร ด้วยจิตรใจที่ยังคงเศร้าหมองการการที่ผลาดจากนางสีดาอันเป็นที่รัก

    และพระองค์ก็ขอสาบานว่าจะพานางกลับมาให้ได้

    "พระพี่รามเหตุไฉนท่านถึงยังคงทำหน้าตาเศร้าหมองอยู่เช่นนั้นกันเจ้าคะ"

    พระรามผู้มีกายสีเขียวมรกหันกลับมาหาอนุชาของตนที่ได้รวมเดินทางมาด้วย พระลักษณ์บุรุษผู้มีกายสีเหลืองทองอร่าม เฝ้ามองพระเชษฐาของตนด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่นางสีดาถูกช่วงชิงไปนั้น พระเชษฐาก็มิมีจิตรใจจักทำอันใดเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงความเป็นเจ้าชายรัชทายาทผู้จักปกครองกรุงอโยธยาในภายภาคหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เสียการปกครอง

    "เจ้าคิดว่าข้าทำถูกรึปล่าวน้องลักษณ์....?"
    "เรื่องอันใดรึ?"

    "สงครามที่จักเกิดขึ้นนั้น เจ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วหรือ ทศกัณฐ์ มันบังอาจมาช่วงชิงน้องสีดาไปจากข้า เพราะเหตุนั้นสงครามถึงจักได้เกิดขึ้นมา!"

    พระรามทรงพูดขึ้นมาด้วยแรงโทสะ และความสับสนในจิตรใจ ว่าสิ่งที่ทรงทำนั้นถูกต้องแล้วหรือ เพียงแค่ช่วงชิงสตรีอันเป็นที่รักกลับคืนมา จำเป็นต้องทำสงครามรบราฆ่าฟันกันเลยหรือ

    เพียงแค่ทศกัณฐ์ ยอมคืนนางสีดากลับมาแต่โดยดี สงครามก็จะไม่เกิด และก็จะไม่มีใครต้องตายด้วย

    "ถ้าถามจากความเห็นของข้า ข้าว่ามันเป็นสิ่งที่เราสมควรทำ และดีที่สุดในเพลานี้แล้วพระพี่"

    พระลักษณ์ตรงเข้ามายืนเคียงข้างพระเชษฐาของตน ในความคิดของพระองค์นั้นการทำสงครามกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาชนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ต่างหากละ

    พระลักษณ์จับลงบนบ่าของพระเชษฐา

    "ท่านอย่าได้เป็นกังวลใจไปเลย ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิด แต่ท่านทำสิ่งที่สมควรกระทำแล้ว"



    พระรามมองหน้าอนุชาของตน ก่อนที่จะกลับมานึกคิดอีกครั้ง กับการตัดสินใจในครั้งนี้ของพระองค์ 

    ถ้านี้เป็นชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยงได้จริงๆ พระองค์ก็ไม่อยากให้ใครต้องรับคอร์ดไปด้วย แต่ในเมื่อทศกัณฐ์เป็นฝ่านเริ่มก่อนพระองค์ก็จะสนองให้

    และเพื่อเกียรติ และศักดิ์ศรีของนางสีดาเองก็ด้วย

    "จริงของเจ้า และข้าก็หวังว่าน้องสีดาจักปลอดภัย"
    "ท่านทั้งสองชะตาเชื่อมกันอยู่ ต่อให้มีอุปสรรคอะไรเข้ามา สุดท้ายก็ต้องได้คู่กันอยู่ดี ข้าเชื่อว่าท่านทั้งสองคือคู่แท้ต่อกัน"
    "อืม....ขอบใจเจ้ามากลักษณ์"

    คำพูดของพระอนุชาทำให้พระรามเริ่มกลับมามั่นใจอีกครั้งว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่มันคือความถูกต้อง และเพื่อเกียรติ ศักดิ์ศรี




    "ว่าแต่กับข้า แล้วเจ้าละลักษณ์?"
    "ข้ารึ?"

    หนึ่งในคำพูดของพระอนุชาที่บอกกับพระองค์ มันทำให้พระองค์ทรงคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามกับอนุชาของตน

    "จนถึงป่านนี้ เจ้ายังไม่คิดที่จะมีชายาอีกหรือ ไม่ว่าเสร็ดแม่จะพาหญิงใดมาให้เจ้าดูตัว หรือทำความรู้จัก เจ้าก็มิสนผู้ใดเลย"

    พระลักษณ์หน้าขึ้นสีระรื่นเมื่อได้ฟังสิ่งที่พระเชษฐาทรงถามกับตน ก่อนที่จะตั้งสติแล้วตอบคำถามออกไปอย่างเขินอาย

    "ก็...มิใช่ว่าข้ามิเคยคิดหรอกพระพี่ราม เพียงแต่ข้ายังไม่พบผู้ใดที่ถูกใจข้าสักคน ก็เท่านั้นเอง"

    เมื่อได้ฟังคำตอบมันก็ทำให้พระรามรู้สึกขนขัน และเอ็นดูในตัวอนุชาของตน ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่พระองค์ก็พอรู้ว่านั้นไม่ใช่ความจริงซะทั้งหมด

    "มิใช่ว่าเจ้ายังมิพบผู้ใดที่เจ้าถูกใจ เจ้าน่ะมีนางในใจอยู่แล้ว เพียงเเต่เจ้า กำลังรอคอยนางอยู่มิใช่หรือ?"

    พระลักษณ์แอบสะดุ้งตกใจ เมื่อพระเชษฐารู้ว่าเขานั้นมีนางในใจอยู่แล้ว แต่ว่า.....

    "..........."

    พระลักษณ์ก้มหน้าลง และจมดิ่งสู่ความคิดของตนเอง เสียงหัวเราะ และใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆผู้มีเกศาสีโอรสที่พระองค์ทรงหลงไหลตั้งแต่แรกพบ ก็ปรากฎขึ้นมาให้เห็นต่อสายตา

    มันเป็นเวลาที่ยาวนานมากที่พระองค์ทรงรอใครบางคนอยู่แบบนี้มาตลอด ช่วงเวลาที่ได้พบกันนั้นช่างแสนสั้น ราวกับได้พบเจอกันในฝันก็ไม่ปาน

    "เจ้ายังยึดมั่นกับคำสัญญาของเจ้ากับนางผู้นั้นอยู่ และรอคอยนางมาตลอด โดยที่เจ้าไม่คิดบางรึว่าที่เจ้าพบนั้นอาจจักเป็นแค่ภาพหลอน หรือเจ้าแค่คิดไปเองกัน"

    ครั้งยังเยาว์วัยอนุชาเคยเล่าให้พระองค์ฟังว่าพบเจอกับเด็กสาวผู้มีเกศาสีโอรส นางเป็นเด็กที่น่ารัก ถึงการพูดจาจะแปลกๆไปบ้าง รวมถึงการแต่งกายก็ด้วย แต่อนุชาของพระองค์ก็คิดว่านางอาจจะเป็นคนต่างถิ่น เพราะนางไม่รู้จักนครอน อโยธญาเลยสักนิดเดียว

    "ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้คิดไปเองพระพี่ราม หลังจากวันนั้นนางก็กลับมาหาข้า....ก่อนที่นางจะหายไปอีกครา"

    เรื่องนี้มีแค่พระรามเท่านั้นที่รู้ว่าในอดีดครั้งวัยเยาว์ของอนุชาของตนนั้น มักจะแอบหนีออกไปนอกวังเพื่อไปพบเจอกับเด็กสาวปริศนาอยู่หลายครั้ง แต่ว่าเพราะอะไรบางอย่าง ทำให้เด็กสาวคนนั้นได้หายตัวไป

    แต่ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับอนุชาของตนว่า จะกลับมาพบกันอีกครั้ง

    "ข้าชื่นชมที่เจ้าจนถึงป่านนี้ ยังคงรักษาสัญญาแล้วรอคอยนางมาตลอดนะน้องลักษณ์ แต่ว่า เจ้าไม่คิดที่จะให้โอกาสตนเองแล้วมองหญิงอื่นบ้างหรือ"

    "ข้าคงทำแบบนั้นมิได้"





    โครม!!!





    "อะไรน่ะ?!"
    "เกิดกระไรขึ้น!"

    อยู่ดีๆก็เกิดเสียงเหมือนเสียงระเบิดดังขึ้นมา พอก้าวออกมาจากที่พำนับ ก็เห็นพวกทหารวานรกำลังแตกตื่นอะไรสักอย่าง ก่อนที่บุรุตผู้มีเกศาสีแดงชาดมีหางแบบวานรจะเดินหน้าเครียดเข้ามารายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

    "ท่านสุครีพนี่มันเกิดกระไรขึ้นกัน แล้วเสียงเมื่อสักครู่มันคืออะไร?"
    "เรียนพระรามเกิดเหตุขึ้นที่ศาลาของข้าพเจ้าเอง พวกหนุมานได้ไปพบหญิงสาวนางนึงที่บาดเจ็บเข้าในป่าจึงพานางมาให้ข้ารักษา แต่พอนางได้สติก็เกิดอาการตื่นกลัว และพยายามที่จักหนี ตอนนี้หนุมาน องคตและชมพูพานกำลังรีบไปพานางกลับมาอยู่พระเจ้าค่ะ"

    พญาวานรสุครีพทหารเอกของพระรามได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ยินแบบนั้นก็เกิดความสงสัยเข้าไปอีก แต่พระลักษณ์นั้นรู้สึกแปลกใจกับคำที่บอกว่า หนุมานพบหญิงสาวในป่า 

    ในป่าลึกที่อยู่ห่างไกลจากเมืองแบบนี้เนี่ยนะ...?

    "เเล้วเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เล่า?"
    "เออ...ข้าพเจ้า..เออ มิรู้จักพูดเยี่ยงไรดี...คือ.."
    "ว่ามาเถิด"

    สุครีพลังเลใจที่จะพูด เพราะมันเป็นสิ่งที่...แบบว่าจะหน้าละอายใจหรืออะไรดี เเต่เขาก็ต้องบอกไปตามความจริง











    5นาทีก่อน




         ร่างบางของหญิงสาวผมสีโอรสกำลังหลับใหลไม่ได้สติ ตามแขน และบริเวณแผ่นหลังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่

    ที่ๆเธออยู่ตอนนี้ก็คือศาลาของพญาวานรสุครีพผู้เป็นทหารเอกของพระราม และเป็นน้าของวานรเผือก

    "พระน้านางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"

    หนุมานทหารเอกของพระรามได้คลายเข่าเข้ามาไกล้ๆผู้เป็นน้าของตนหลังจากที่พึ่งรักษาบาดแผลตามตัวให้กับหญิงสาวไป

    พญาสุครีพละสายตากลับไปมองหญิงสาวก่อนที่จะหันกลับมาตอบคำถามหลานของตน และวานรมรกต องคตกับวานรโอรส ชมพูพานที่พยายามชโงกหน้าไปดูหญิงสาวอยู่ไกล้ๆ จนสุครีพต้องกระแอมเสียงเพื่อให้อยู่ในอาการสำรวม จนวานรทั้งสองต่างพากันสะดุ้งกลับมานั่งตัวตรงกันในทันที

    "อ่ะแฮ่ม! จากที่ข้าดูเหมือนร่างกายของนางจักได้รับการกระทบกระเทือนจากอะไรสักอย่าง จนทำให้มีแผลภายใน แล้วก็รอยขีดข่วนจากกิ้งไม้ใบไม้ตามตัว แต่ก็อย่างที่พวกเจ้าเห็นว่านางปลอตภัยแล้ว แค่ให้นางนอนพักสักกระหน่อยเดียวก็คงจักฟื้น"

    เมื่อได้ยินแบบนั้นวานรทั้งสามก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หนุมานเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆหญิงสาวที่นอนหลับบอยู่ เลยถือวิสาสะสำรวจใบหน้าของหญิงสาวไปด้วย ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับสร้อบคอของนางเข้า รูปทรงคล้ายพระจันทร์เสียวสีทอง และมีอัญมณีสีโอรสเช่นเดียวกับเกศาของนาง



    "ว่าแต่ พวกเจ้าไปพบนางได้เยี่ยงไรกัน?"

    สุครีพเอ่ยถามขึ้นถึงสิ่งที่คาใจมาตลอดเวลาที่ทำแผลให้กับหญิงสาว ในตอนที่พวกหนุมานมาตะโกนเรียกเขาที่อยู่บนศาลาให้ช่วงมารักษานาง เขาตกใจแทบแย่ว่าเจ้าวานรทั้งสามเนี่ยไปฉุดลูกสาวบ้านไหนมารึปล่าวกัน

    แต่วานรทั้งสามก็ไม่ได้พูดอะไรให้เขากระจ่างเลย นอกจากลากเขากลับขึ้นศาลาแล้วหนุมานก็วางหญิงสาวลงกับแถนบรรทม แล้วเจ้าวานรอีกสองตัวก็วิ่งวุ่นไปหยิบอุปกร์มาให้ โดยที่เขาไม่ต้องสั่งการอะไรเลยนอกจากรักษานางอย่างเดียว

    "คืออย่างนี้จ้ะท่านสุครีพ พวกข้ากับพระพี่หนุมานเราไปเดินในป่าหาเสบียง แล้วองคตก็ไปพบนางเข้า พวกข้าคิดว่าถ้าปล่อยนางไว้แบบนั้นนางต้องตายแน่ๆก็เลยพานางมาให้ท่านรักษาเนี่ยละเจ้าคะ"

    ชมพูพานเป็นคนตอบทุกอย่างให้พญาสุครีพเข้าใจ ในขนะที่องตคก็พยักหน้าเป็นการบอกในๆว่า จริงอย่างที่ชมพูพานพูด

    พญาสุครีพเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงพยักหน้าเข้าใจ


































    เจ็บจัง







         ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บแบบนี้กันนะ อา.....จริงด้วยเราจำน้ำตายไปแล้วนิน่า


















    "หนุมานเจ้าเลิกจับต้องนางอย่างถือวิสาสะสักที!"







    เสียงใครน่ะ?









    "ข ข้าปล่าวน่ะพระน้า! ข้าก็แค่ตรวจสอบดูนิดหน่อยเองว่า นางมีอาวุธอะไรติดตัวบ้างรึปล่าว ถ้าเกิดเราพลาดเอาศัตรูเข้ามาในค่ายขึ้นมา นางอาจจะทำอะไรพวกเราก็เป็นไปได้นะเจ้าคะ"







    หนวกหูจริง.......แล้วอะไรน่ะไอคำพูดแบบนั้นน่ะ









    "ตอนข้าทำแผลให้นางข้าตรวจดูแล้วตัวนางไม่มีอาวุธอะไรทั้งนั้น เพราะงั้น เลิกจับนู่นจับนี้ได้แล้ว!!"


    "เหอว!"


    "ท่านสุครีพโปรตใจเย็นก่อนเจ้าคะ!"









    ใครมันมาทะเลาะอะไรกันเนี่ย....ว่าแต่....นี่เราอยู่ไหนกัน....สวรรค์หรือว่า นรก?












    "หนุมาน! ข้าคงจักต้องดัดนิสัยเจ้าเรื่องผู้หญิงซะบ้าง ไม่ใช่มาทำตัวเป็นลิงมือไวแบบนี้!"


    "พระน้าข้าไม่ได้คิดอันใดแบบนั้นในเพลานี้จริงๆนะเจ้าคะ!"



    "........."
















    ทำไมเสียงมันอยู่ไกล้ๆเราเลยละเนี่ย โอ้ย...หนักตาจัง....แล้วอะไรมันมากดอยู่ที่อกเรากันละเนี่ย....
















    "งั้นถ้าเป็นในเพลาอื่นเอ็งคงจักคิดสินะ....."



    "ก็อาจจักทำมากกว่าที่คิ-"







    เจี๊ยก!!











    เสียงลิงที่ไหนมาร้องกันละเนี่ย.....J  เอ็ะ? เหมือนจะขยับตัวได้แล้ว...











    "ไอ้หนุมาน!!!"




    "เหวอ! ท่านสุครีพใจเย็นๆก่อนเจ้าค่าาาาา!!













         เปลือกตาของฉันค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่ฉันเห็นก็คือเพดานไม้ และก็ความรู้สึกปวดๆที่บริเวณหลัง พอไล่สายตาลงมาก็พบว่าแขนทั้งสองข้างมีผ้าพันแผนพันอยู่ นิ้วมือก็ยังปวดๆ แต่ฉันก็พยายามขยับมันดู ใช้เวลาแปบเดียวฉันก็ขยับมือได้









    "ลิงอย่างเอ็งนี่มัน! จักต้องให้ข้าสั่งสอนเรื่องนี้อีกกี่ครั้งกัน!"



    เสียงการดุติเตือนดังขึ้นมาจนฉันต้องหันกลับไปมอง




    "ข้าแค่พูดเล่นน่าพระน้า ข้าไม่ได้คิดเยี่ยงนั้นจริงๆนะ"
    "ขอให้จริงอย่างที่เอ็งพูดก็แล้วกัน เพราะข้ารู้สึกว่าน้ำเสียงเอ็งมันสูงผิดปกติ"
    "จริงๆเจ้าคะ ข้าไม่ได้คิดเยี่ยงนั้นเลย ฮ่ะฮ่ะ J"




    ชายหนุ่มผมแดงกำลังดุชายผมขาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ และแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยใจสุดๆ ในขนะที่ชายอีกสองคนทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ









    คนพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย....หรือว่า โจรหรอ!?...ต้องหนีแล้ว.....







    "หือ?...อ่า! แม่นางฟื้นแล้ว!"


    ชายหนุ่มที่มีผมสีเขียวเขาหันกลับมาเห็นฉันพอดี จนทำให้อีกสามคนหันกลับมามองด้วย



    "เฮือก!"


    ตึง!

    ฉันตกใจรีบลงมาจากเตียงแต่ว่าขามันกลับไม่มีแรงจนฉันล้มไปนั่งกับพื้นห้อง ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่ตกใจ และพยายามจะเข้ามาไกล้ฉัน


    "แม่นางอย่างพึ่งขยับตัวเลยเจ้ายังบาดเจ็บอยู่หนา"

    ชายผมแดงเขาเดินเข้ามาไกล้ฉัน ฉันเห็นมือของเขาจะเข้ามาจับฉัน ฉันรีบถอยกลุไปจนหลังติดกับกำแพงเต็มๆจนเจ็บบริเวณท้องจนต้องยกมือขึ้นมากุม


    "ไม่ๆ ไม่เป็นไรหนา พวกข้าไม่ได้ทำอันใดเจ้า อย่าได้ตื่นกลัวไปเลย"


    ชายผมแดงยกมือขึ้นเหมือนจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรฉันจริงๆอย่างที่พูด แต่ใครจะไปเชื่อกันละ




    นี่มันเรื่องอะไรกัน คนพวกนี้เป็นใคร!?




    "แม่นางใจเย็นๆก่อนนะ"
    "เจ้าอย่าขยับสิเดียวแผลก็เปิดหรอก"


    ชายผมเขียวกับผมชมพูทำหน้าตาเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะพยายามเขยิบเข้ามาไกล้ๆเพื่อไม่ให้ฉันขยับ



    "ย อย่าเข้ามา....."


    "ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าหรอกมิต้องกลัว"


    ฉันหันไปมองชายผมสีขาว ฉันสะดุ้งตกใจที่เขาเข้ามาไกล้ฉันได้ขนาดนี้ได้ยังไงกันโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว และก็มือของเขาที่ยื่นมาจับมือของฉัน

         เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากเลยทั้งผมสีขาว และดวงตาสีเขียวคู่นี้มันช่างเหมาะกับเข้ามาก จนฉันเผลอจ้องมองมัน และเหมือนเขาจะรู้เขายิ้มมุมปากก่อนที่จะยื่นมือมาลูบที่แก้มของฉัน ตาของเราสบกับจนฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา แต่ก็กลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้งเมื่อใบหน้าของเขาเข้ามาไกล้


    "อ๊าย!"

    ฉันผลักเขาออกไป แต่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลย แถมเขายังดูตกใจด้วยที่ฉันผลักเขาไปแบบนั้น





    'เป็นครั้งแรกเลย....ที่มีสตรีปฏิเสธข้าแบบนี้'





    ฉันเขยิบถอยออกไปอีกคนพวกนี้มันอะไรกัน ถ้าหากเป็นปกติฉันคงจะถามอยู่หรอกว่าที่นี่ ที่ไหนแล้วฉันมานี่ได้ยังไง 

    แต่กับคนพวกนี้มันไม่ใช่!



    การแต่งตัวแบบนั้นมันอะไร แต่ว่าเดียวก่อนชุดที่ฉันใส่อยู่เนี่ยมันอะไรกัน! แล้วไหนจะวิธีการพูดนั้นอีกละ และสิ่งนึงที่ทำให้ฉันรู้ได้ในทันทีเลยว่าพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ


    หาง....



    คนพวกนี้มีหาง และมันก็กำลังขยับอยู่เลยน่ะ!



    "หนุมานเจ้าทำให้นางกลัว"
    "เอ๊ะ? ข้าหรอ?!"



    หนุมาน?



    ฉันหันกลับไปมองชายผมขาวอีกครั้งที่ตอนนี้เขาหันกลับไปหาชายผมแดง แล้วชี้ตัวเองอยู่ว่าเป็นเพราะเขาหรอที่ทำให้ฉันกลัว...


    แต่ว่าเดียว นั้นไม่ใช่ประเด็น! หนุมาน? หมายความว่ายังไง ทำไมเขาถึงเรียกชายผมขาวว่าหนุมานละ หนุมานทหารเอกของพระรามในรามเกียรติ์เป็นวานรเผือกไม่ใช่หรอ?!


    แต่...เดียวก่อนสิ....




    "พระน้าข้าปล่าวนะข้าพยายามให้นางไว้ใจเราต่างหากละ"




    น้า?


    ชามผมแดงคนนี้เป็นน้าของเขางั้นหรอ แต่ถ้าคนผมขาวคือหนุมาน ถ้างั้นคนคนนี้ก็คือ....


    พญาวานรสุครีพ?




    "อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าสักครู่เจ้าคิดจักทำอันใดนางนะ"
    "เอ่อนั้นน่ะคือ...."


    "ท่านสุครีพใจเย็นๆก่อนเจ้าคะ"




    ใช่จริงๆด้วย!!!




    "แม่นางมิต้องกลัวนะ พวกข้าไปพบแม่นางนอนมิได้สติอยู่ในป่า และก็บาดเจ็บอยู่ด้วย พวกข้าเลยพากลับมารักษาที่ค่าย"
    "อืมๆ มิต้องกลัว พวกข้าน่ะไว้ใจได้มากกว่าพระพี่หนุมานอีกนะ"

    "อ่าวเห้ย! พวกเอ็ง!"


    พระ...พี่?


    ฉันไล่สายตามองสองหนุ่มที่มีคนนึงผมสีเขียวกับชมพู...ถ้าคนที่ถูกเรียกว่าหนุมานเป็นพี่ ตามเนื้อเรื่องในรามเกียจติ์แล้วสองคนนี้ก็น่าจะเป็น...



    คนผมเขียวคือ องคต คนผมชมพูคือ ชมพูพาน



    นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉ ฉันกำลังฝันอยู่งั้นหรอ! ฝันว่าได้เข้ามาในโลกวรรรณคดีเรื่องรามเกียจติ์.......


    อีกแล้วหรอ!


     หนุมานเริ่มหันกลับไปเอาเรื่องกับน้องๆทั้งสอง ในขนะที่สุครีพหันกลับมาทำเสียงดุเพื่อให้ทั้งสามหยุด ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะชนละมุนแล้วสิ ถ้าเป็นตอนนี้ละก็ 

    ฉันหันกลับไปมองที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนที่จะค่อยๆย่องไปอย่างเงียบๆสามคนนั้นยังคงเถียงกันอยู่ แต่ดูเหมือนน้องๆทั้งสองจะดูไม่ร้อนรนอะไรเลยมีแต่หนุมานเท่านั้นที่ดูจะหัวร้อยอยู่คนเดียว และคนที่ต้องห้ามก็ไม่ใช่ใครนอกจากสุครีพ

    ฉันค่อยๆย่องมาจนมือจับขอบหน้าต่างได้ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง แต่พอก้มลงไปมองฉันก็ถึงกับแอบกลืนน้ำลายดังอึก

    นี่มันบนบ้านไม้หรือศาลาแบบโบราณรึไงกันถึงได้สูงแบบนี้!


    เอาว่ะ!


    "ฮ่าๆ! พระพี่มิยอมรับละสิว่- หวาย!! แม่นาง!!"

    องคตหันกลับมาเห็นหญิงเข้าพอดีที่นางกำลังจะกระโดดหน้าต่างออกไป เพราะเสียงร้อง และมือที่ชี้มาที่นางทำให้สามคนที่เหลือ รีบหันกลับมามอง และพวกเขาก็ต้องตกใจไปตามๆกันกับภาพที่เห็น


    หญิงสาวคนนั้นกระโดดออกหน้าต่างไปแล้ว!!



    โครม!!!



    หนุมานรีบพุ่งออกไปที่หน้าต่างจนมันทำให้กำแพงศานาตรงนั้นพังเป็นรูใหญ่ เพื่อจะตามหญิงสาวแต่ก็ไม่ทั้นซะแล้ว หญิงสาวกระโดดลงไปก่อนที่จะวิ่งออกไปแล้ว


    "เดียวก่อนแม่นาง! นั้นเจ้าจักไปที่ใดกัน!!"

    หนุมานรีบวิ่งตามหญิงสาวออกไปโดยไม่ได้สนใจอีกสามคนที่เหลืออยู่เลย โดนเฉพาะพญาสุครีบที่ยืนอึ่งเป็นรูปปั้นไปแล้วที่ศานาของตนนั้นเกิดความเสียหายจนเป็นรูขนาดใหญ่ขนาดนี้ เพราะความรีบร้อนของเจ้าหลานตัวดีของตน

         
    องคตกับชมพูพานเองก็แอบเหงือตก และเริ่มรู้สึกถึงแรงโทสะออกมาจากพญาวานร ก่อนที่จะรีบย่องออกไปจากศาลานี้ ทางประตู ตามพระพี่ของตนไป แต่ลงจากศาลาได้ไม่เท่าไรก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูแถบไม่ทัน




    "ไอ้หนุมาน!!! นี่เอ็งถึงขั้นพังศาลาข้าเลยรึ!!!!"













    สุกัญญากับหนุมานก็ประมาณนี้




    ________________________________________________________

    ตอนนี้พระลักษณ์มีบทแล้วเย้! ไรท์ก็คิดเหมือนพระรามนะว่าสงครามที่จะเกิดขึ้นมาเนี่ยเพียงเพราะเเย่ตัวนางสีดากัน จนทำให้มีคนตายไปมาก แต่ส่วนมากจะเป็นฝ่านยักษ์ซะมากกว่าที่ตาย แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เพราะไม่งั้นพระนารายณ์คงไม่อวตารลงมาเกิดเป็นพระรามเพื่อสู้กับทศกัณฐ์หรือนนทกในชาติที่แล้วหรอก

    จากตอนที่แล้วคงคิดว่าสุกัญญากับพระลักษณ์เจอกันครั้งเดียวละสิ ขอบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเจอกันแค่นั้นมันไม่น่าสร้างสายสำพันธ์อะไรได้เลย จนพระลักษณ์รอคอยมาตลอดหรอก เพราะงั้นติดตามดูต่อไปว่าพวกเขาเจอกันอีกได้ยังไงก่อนที่สุกัญญาจะหายไปและทิ้งคำสัญญาเอาไว้ อย่างที่พระลักษณ์บอก

    ถ้าไรท์ใช้คำอะไรผิดไปก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะเพราะว่าพึ่งเคยแต่งอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก และบางทีอย่างคำง่ายๆก็มักจะพิมพ์ผิดตลอดเลยJ


    หนุมานหล่อมากกกกกกกกกกกกกก!!!
    ไม่แปลกใจแหละทำไมเมียเยอะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×