ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยานรักแฝดหยกโบตั๋น [(ซีเหยา) อาเหยาเป็นผู้หญิง มีลูกแฝดกับพี่ซี]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 64


                   

     


    ______________________________________________________________________________


    ในเช้าที่แสนสดใส วันนี้เป็นวันที่ดีที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านเพื่อรับอากาศสดชื่น แล้วยิ่งถ้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนเขายิ่งจะสดชื่นเข้าไปอีก

     

    “เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วละ อาหยาง! กลับกันเถอะ”

     

    เสียงหวานใสของหญิงสาววัยแรกรุ่นดังขึ้นมาท่ามกลางป่าเขาที่เงียบสงบ พร้อมกับร่างสุนัขสีดำตัวนึงที่วิ่งตามนางกลับจวน วันนี้ที่นางมาเดินขึ้นเขาก็เพื่อมาเก็บฟืนแล้วก็เก็บพวกของป่าสมุนไพร์กลับไป เพราะของที่มีก็ใกล้จะหมดเสียแล้วด้วย และถ้าต้องไปซื้อเอาเองมันก็ช่างแพงแสนแพง สู้มาเก็บเอาของที่หาได้จากธรรมชาติ ไม่เสียสักเหลียนเช่นนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ

     

    กุกๆ!

     

    หูของเจ้าสุนัขสีดำตั้งขึ้นก่อนที่มันจะหันไปตามต้นเสียง เสียงร้องของเจ้าไก่ฟ้าตัวนึงดังขึ้นมาจากที่ไกลๆทำให้หญิงสาวที่กำลังจะมุ่งหน้ากลับจวนหยุดชะงัก นางเงียบแล้วฟังเสียงว่ามันดังมาจากที่ใด ก่อนที่นางจะวางตะกร้าหวายใส่ของป่าลงรวมถึงที่ใส่ฟืนที่นางสะพายอยู่ที่หลังลง ก่อนที่นางจะหยิบธนูแล้วลูกศรหนึ่งดอก อาหยางรีบวิ่งนำหน้าไปก่อนที่เจ้านายของมันจะรีบวิ่งตามไป แล้วเมื่อเห็นเป้าหมายอยู่ไกล้ๆนางจึงชะรอฝีเท้าลงเปลี่ยนเป็นย่องๆเข้าไปไกล้

     

    เจ้าไก่ฟ้าแทบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของนางเลยแม้แต่น้อย มันก้มหน้ากินพวกเศษอาหารตามพื้นไปอย่างสบายใจ หญิงสาวยกธนูขึ้นมาพร้อมกับเล็งลูกศรไปที่เป้าหมาย ก่อนที่จะปล่อยมันออกไป

     

    ฟู่!  ปัก!

     

     

     

     

     

     

    “ข้ากลับมาแล้ว ท่านลุง ท่านแม่!”

     

    มือบางผลักบานประตูไม้เข้าไปก่อนที่นางจะก้าวเท้าเข้าไปในจวนที่พักอาศัยของนาง พร้อมกับร้องเรียกหาผู้ใหญ่อีกสองคนที่อยู่ที่นี่ด้วย และที่ตามหลังมาต้อยๆมาด้วยนั้น เจ้าสุนัขสีดำที่คาบคอไก่ฟ้าตามหลังมาติดๆ เมื่อเข้ามาในบ้านนางวางของที่ไปหามาได้ไว้ที่โต๊ะ ในห้องครัวพร้อมกับขนฟืนไปเก็บ

     

    อาเมิ่ง กลับมาแล้วหรือ?”

     

    อาเมิ่ง หรือ หลานลู่ฟาง นามรอง หลานเมิ่ง หันไปตามต้นเสียงก่อนที่จะพบกับชายร่างใหญ่บึกบึนกำยำ เดินเข้ามา สีผิวของเขาขาวซีดเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแดดก็มิปาน ที่คอมีผ้าพันแผลพันอยู่ที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อให้เห็น แล้วถ้าสังเกตุดีๆ ใต้แขนเสื้อแขนของเขาทั้งสองข้างก็มีผ้าพันแผลพันอยู่เช่นเดียวกัน

     

    “ท่านลุง ข้ากลับมาแล้วเจ้าคะ มาดูสิว่าข้าได้อะไรกลับมาบ้าง!”

     

    ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่าท่านลุงเดินเข้าไปดู ของในตะกร้าหวายที่หลานสาวเก็บมา มีทั้งพวกสมุนไพร์ มีพวกเห็ดบ้างประปราย มีพวกผลเกาลัด ก่อนที่เจ้าสุนัขดำจะวางเจ้าไก่ฟ้าตัวใหญ่ที่มีร่องรอยของการโดนอาวุธบางอย่างพุ่งทะลุร่างของมันจนเป็นรู เอามาวางไว้ไกล้ๆเขา

     

    “โห ได้ของดีมาด้วยนะเนี่ย”

    “ ข้าจับมาเองกับมือเลยนะ ใช้ธนูยิงครั้งเดียวด้วย! รอบนี้อาหยางมิได้ช่วยข้าด้วยนะเจ้าคะ”

    “หึๆ หลานลุงเนี่ยเก่งจริงๆ มิเสียแรงที่ข้าสั่งสอนมา”

     

    มือใหญ่ยกขึ้นไปขยี้หัวของนางจนยุ่งไปหมด แต่นางก็มิได้ว่าอะไร ก่อนที่นางจะเอาเจ้าไก่ฟ้าที่จับมาได้ ไปถอนขน และล้างให้สะอาจ แล้วเอาไปแขวนคอเก็บไว้ เพื่อเตรียมนำมาทำเป็นอาหารในเย็นวันนี้

     

          'อาหารเย็นวันนี้ถูกปากท่านแม่มากเป็นแน่'


         หลานเมิ่งเริ่มทำงานบ้าน ทั้งจัดของ แล้วเตรียมมื้ออาหาร ในขณะที่ท่านลุงจะเอาไม้ไปฝ่าฟืน ส่วนอาหยางก็จะมาคอยอยู่ไกล้ๆนาง




         ครอบครัวของนางมีอยู่ด้วยกันสี่ชีวิต ถ้ารวมอาหยางด้วย ในทุกๆเช้านางจะเป็นคนที่ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารแล้วออกไปหาของป่ามาขาย ส่วนท่านลุงก็จะมีบ้างที่ออกไปล่าสัตว์ แต่โดยส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนเอาของไปขาย แต่ทุกครั้งหลานเมิ่งก็จะขอตามไปด้วย เพราะถ้าให้ท่านลุงไปขายเองละก็ คงไม่ได้เรียกลูกค้าหลอก ด้วยหน้าตาที่ดุๆของเขาจะไล่ลูกค้าเสียมากกว่า


    อาหยางเจ้าสุนัขดำเพื่อนรักของนาง มันเป็นหมาจรจัดที่หลานเมิ่งไปเก็บมันมาเลี้ยง ตอนที่ไปเจอมันบาดเจ็บขาหน้าข้างซ้ายกะเผลก มันคงไปขโมยของกินชาวบ้านมาจนถูกไล่ตี จนเป็นเช่นนั้น ด้วยความสงสารหลานเมิ่งจึงช่วยรักษาแล้วให้ข้าวมัน หลังจากนั้นมันก็ตามนางติดแจเลย หลานเมิ่งจึงได้ไปขออนุญาตท่านแม่ของนางว่าของเลี้ยงได้หรือไม่ซึ่งแม่ของนางก็ยินดี และดูเหมือนว่าเจ้าสุนัขดำก็จะชอบท่านแม่มากด้วย


    ชื่ออาหยาง ท่านแม่ก็เป็นคนตั้งให้ เพราะท่านแม่บอกว่ามันทำให้ท่านนึกถึงสหายผู้นึง


    แต่ในช่วงแรกท่านลุงดูเหมือนจะไม่ชอบมันเสียเท่าไร แต่เพราะทั้งท่านแม่ และหลานเมิ่งขอร้อง สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยผ่านไป




         สองมือของหลานเมิ่งนำพวกข้าวต้ม และน้ำรวมถึงยาสมุรไพร์มาวางใส่ถาด ก่อนที่จะเดินไปห้องๆนึงที่อยู่ในสุดของบ้าน อาหยางเองก็เดินตามมาด้วยเช่นกันหางของมันกระดิกไปมา แสดงออกถึงความดีใจเมื่อรู้ว่าเจ้านายของมันกำลังจะไปไหน มือบางเคาะประตูก่อนที่จะผลักเข้าไปในห้องๆนึง


    เมื่อเข้ามาในห้องหลานเมิ่งก็ได้นำถาดอาหารไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนที่จะปลุกผู้เป็นเจ้าของห้องให้ลุกขึ้นมาทานอาหาร


    "ท่านแม่ ท่านแม่ตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าก่อนเถิดเจ้าคะ"


    สตรีวัยกลางคน ผู้เป็นมารดาของนางค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียก แล้วเมื่อเห็นว่าแม่ของนางนั้นตื่นแล้วหลานเมิ่งจึงช่วยพยุงแม่ของนางให้ลุกขึ้นมานั่งบนหัวเตียงดีๆ


    "อาเมิ่ง..."

    "ท่านแม่ ท่านลุกไหวหรือไม่ มาข้าช่วย"

    "ขอบใจเจ้า..."


    โฮ่ง!ๆ


    "อาหยาง! ไม่เอาน่าอย่ารบกวนท่านแม่สิ"

    "หึๆ มิเป็นไรหลอกอาเมิ่ง"


    เจ้าสุนัขดำกระโดดขาหน้าขึ้นมากายบนเตียง แล้วร้องเรียก ถึงแม้จะถูกหลานเมิ่งดุ แต่ผู้เป็นแม่ก็มิได้ว่าอะไร กลับลูกหัวเจ้าสุนัขดำอย่างขบขันเสียด้วยซ้ำ  หลานเมิ่งถอนหายใจก่อนที่จะไปยกโต๊ะเตี้ยมากางไว้บนตักของท่านแม่พร้อมกับยกถาดอาหารมาให้


    "กินให้เยอะๆเลยนะท่านแม่ แล้วท่านค่อยกินยา  แล้วก็วันนี้ข้าได้ของดีมาด้วย ตอนเย็นนี้จะทำให้สุดฝีมือเลย"

    "ของดี? ของดีอะไรของเจ้ากันรึ?"

    "หึๆ ไก่ฟ้าเจ้าคะ ข้าล่ามันมาได้เองคนเดียวเลยนะ รอบนี้อาหยางมิได้ช่วยข้าด้วย ใช่ไหมอาหยาง"


    เจ้าสุนัขดำมิได้ตอบรับแต่มองหน้าแม่ลูกสลับกันไปมา แล้วที่มันไม่ตอบรับนั้นเหมือนเป็นการหยอกล้อนายของมัน ว่าข้ามิเห็นรู้เรื่องเลย จนหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงอดขำออกมามิได้


    "นี่เจ้า! อย่าทำข้าหน้าเสียสิ! ท่านแม่ข้าล่ามาเองคนเดียวจริงๆนะ"

    "หึๆ ข้ายังมิได้ว่าอะไรเลย จะเดือดเนื้อร้อนใจไปใยกัน"

    "ท่านแม่ก็!"


        สองแม่ลูกอยู่พูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานสักพัก และเมื่ออาหารในชามหมดแล้ว หลานเมิ่งก็นำพวกจานชามไปล้าง ก่อนที่จะกลับมาป้อนยาให้


    "ท่านแม่ ท่านดื่มยาหน่อยนะเจ้าคะ"


    นางช่วยประคองหลังก่อนที่จะค่อยๆป้อนยาให้ แต่กินไปได้ไม่กี่อึก แม่ของนางก็ไอสำลักออกมา แม่ของนางร่างกายอ่อนแอมานานแล้ว ตั้งแต่ที่นางจำความได้ ท่านแม่ก็มีสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว และท่านแม่ยังต้องเลี้ยงดูนางคนเดียวมาโดยตลอด แต่ว่าก็ยังโชคดีที่มีท่านลุงอยู่ด้วย ท่านลุงกับท่านแม่ดูเหมือนว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ว่าดูไม่คล้ายกันเลยสักนิดในสายตาของนาง

     หลานเมิ่งคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้ามิมีท่านลุงอยู่ด้วยชะตากรรมของเราสองแม่ลูกจะเป็นเช่นไร จะพออยู่พอกินพอใช้เช่นนี้ หรือจะอดอยาก อดมื้อกินมือมากกว่านี้กัน 


         แต่มิว่าสุดท้ายจะเป็นเช่นไร นางก็ยินดีที่จะอยู่ข้างๆผู้เป็นมารดาที่สภาพร่างกายไม่เเข็งแรงเช่นนี้ตลอดไป



    "ค่อยๆลุกนะท่านแม่"

    "อาเมิ่ง เจ้ามิต้องประคองข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้ามิได้ขาหัก ขาข้ายังดีอยู่"

    "ก็ข้าเป็นห่วงท่านนิ"


    หลานเมิ่งค่อยๆพยุงท่านแม่ให้เดินไปอีกห้องๆนุงก่อนที่จะช่วยนางถอดชุด  เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ


    "เดียวข้าไปดูก่อนนะเจ้าคะว่าน้ำร้อนพอดีรึยัง"


         ท่านแม่พยักหน้าเข้าใจก่อนที่หลานเมิ่งจะรีบไปดูน้ำที่เตรียมไว้เพื่อใช้ในการอาบน้ำชำระกาย

     หลังจากที่ลูกสาวจากไปแล้ว นางก็ค่อยๆถอดชุดออกด้วยความยากลำบากสักเล็กน้อย แต่เพราะชินเสียแล้วจึงใช้เวลามินาน เมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆแล้วทำให้เห็นผิวพรรณอันขาวนวน และยังคงความเต่งตึงเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าอายุอานามจะเลข 3 ไกล้จะเข้าเลข 4 เข้าไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งผิวพรรณ และใบหน้านั้น ยังคงงดงามมิเสื่อมคลาย


    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ภายใต้ร่างกายอันสวยงามนี้ ก็มีจุดตำหนิอยู่สองจุด....


    มือข้างขวายกขึ้นมาพร้อมกับพันผ้าขาวมาปกปิด บริเวณหน้าอกเอาไว้ แม้จะใช้ผ้าขาวปกปิดร่างกายเอาไว้แล้วก็ตาม แต่บริเวณอกที่โผล่พ้นผ้าขาวขึ้นมานั้น มีรอยแผลเป็นอยู่ที่เด่นสะดุดตา แล้วบริเวณหลังขาวนวนที่ผมสีดำขลับ ก็มีรอยแผลนี้เช่นกัน ในบริเวณเดียวกันเปะๆ ราวกับว่าเป็นรอยแผลที่เชื่อมถึงกัน ที่ทะลุจากข้างหน้ามาจนถึงหลัง


    มือบางค่อยๆยกผ้าคลุมขึ้นมาคลุมไหล่ของตนเอง แต่ว่าผ้าที่ไหล่ข้างซ้ายมักจะตกลงไปตลอด ทำให้นางต้องคอยดึงขึ้นมาปกปิดเอาไว้


    "ท่านแม่น้ำร้อนกำลังพอดีแล้วมาเถิด ข้าจะช่วยท่านอาบ"

    "อาเมิ่ง แม่บอกแล้วไงว่าแม่ทำเองได้"

    "ก็ข้าอยากดูแลท่านนิ"

    "เจ้าดูแลข้ามาตลอดอยู่แล้ว"


    ถึงจะปฏิเสธยังไง เจ้าลูกสาวหัวดื้อของนางก็มิฟัง ยังคงยืนยันที่จะช่วยนางอาบน้ำอยู่ดี จนในที่สุดด้วยความใจอ่อนนางจึงยอมให้หลานเมิ่งมาอาบน้ำให้ แล้วเมื่อร่างกายลงไปแช่ในอ่าง หลานเมิ่งก็ดึงผ้าคลุมไหลของนางออก ก่อนที่จะเริ่มขัดผิวที่หลังให้ 


    หลานเมิ่งคอยเช็ดถูตามตัวของนางไปเรื่อยๆ สายตาของหลานเมิ่งนั้นจับต้องไปที่แผลเป็น หลานเมิ่งก็เคยสงสัยว่าท่านแม่ไปได้แผลนี้มาจากไหน ท่านแม่ก็ตอบเพียงแค่ว่ามันนานมากแล้วนางเองก็จำมิได้


    ท่านแม่โกหก...


         หลานเมิ่งรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรู้ดีอยู่แก่ใจว่าได้แผลนี้มีที่มาได้อย่างไร แต่เลือกที่จะมิตอบนาง งั้นนางก็จะมิอยากรู้ เช่นเดียวกันกับสิ่งที่นางสงสัยมาตลอดอีกว่า...


    ทำไมท่านแม่ ถึงไร้ซึ่งแขนข้างซ้าย


    จุดตำหนิอีกหนึ่งจุดที่ใหญ่หลวงกว่าแผลเป็นที่บริเวณอกนั้นก็คือ ท่านแม่ของนางไร้ซึ่งแขนข้างซ้าย สิ่งนี้คือสิ่งที่หลานเมิ่งอยากจะรู้มากที่สุด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของท่านแม่ ก่อนที่นางจะเกิดนั้น ท่านต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างจนต้องมีสภาพเช่นนี้...









    "ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ แล้วตกเย็นจะรีบกลับ"

    "แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ข้าไปช่วยเจ้าขายด้วยน่ะ?"

    "อา....มิดีมั้งท่านลุง ข้ากลัวว่าลูกค้าจะหนีมากกว่าจะมาซื้อนะ"

    "หลาน...ลู่...ฟาง..."

    "ฮ่าๆ ข้าไปก่อนนะ! ไปเร็วอาหยาง!"


         ร่างของหนึ่งหญิงสาวกับหนึ่งสุนัขต่างพากันวิ่งออกไปจากหน้าประตูจวน ปล่อยให้คนเป็นลุงได้แต่ยิ้มให้กับนิสัยกวนๆของหลานสาว


    "อาเมิ่งเนี่ยปากดีจริงๆ นับวันจะยิ่งยอกย้อนข้าได้แล้วนะ"

    "เด็กๆกำลังโต ก็เช่นนี้แหละ พี่ใหญ่"


         หญิงสาวที่นั่งอยู่ในบ้านที่โต๊ะกลางบ้านได้รินน้ำชายื่นให้กับชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นพี่ใหญ่ของนาง เขานั่งลงข้างๆ พร้อมกับยกจอกน้ำชาขึ้นมา


     "เจ้าเองก็เถอะ อย่าให้ท้ายนางให้มากล่ะ"

    "ข้าทำเช่นนั้นหรือ?"



    นางอมยิ้มขบขัน ทำให้รู้ได้ว่าที่พูดมานั้นกำลังหยอกล้อเขาอยู่



    "เมิ่งเหยา.........ข้าว่า ข้ารู้แล้วว่าอาเมิ่งได้นิสัยยอกย้อนมาจากใคร"

     




    ______________________________________________________________________________

     

     



     สงสัยใช่ไหมละว่าทำไมพี่เนี่ยถึงมาอยู่กับอาเหยาได้ รอติดตามจ้าาาา

    K A M I Y A
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×